Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā

    ๒๖. กสฺสปพุทฺธวํสวณฺณนา

    26. Kassapabuddhavaṃsavaṇṇanā

    โกณาคมนสฺส ปน ภควโต อปรภาเค ตสฺส สาสเน จ อนฺตรหิเต ติํสวสฺสสหสฺสายุกา สตฺตา อนุปุเพฺพน ปริหายิตฺวา ทสวสฺสายุกา หุตฺวา ปุน วฑฺฒิตฺวา อปริมิตายุกา หุตฺวา ปุน อนุปุเพฺพน ปริหายิตฺวา วีสติวสฺสสหสฺสายุเกสุ สเตฺตสุ ชาเตสุ อเนกมนุสฺสโป กสฺสโป นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิ (สุ. นิ. อฎฺฐ. อามกคนฺธสุตฺตวณฺณนา)ฯ โส ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา พาราณสีนคเร พฺรหฺมทตฺตสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส วิปุลคุณวติยา ธนวติยา นาม พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อิสิปตเน มิคทาเย มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิฯ โคตฺตวเสน ปนสฺส ‘‘กสฺสปกุมาโร’’ติ นามมกํสุฯ โส เทฺว วสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิฯ หํสวา ยสวา สิรินโนฺทติ ตสฺส ตโย ปาสาทา อเหสุํฯ สุนนฺทา นาม พฺราหฺมณิปฺปมุขานิ อฎฺฐจตฺตาลีส อิตฺถิสหสฺสานิ ปจฺจุปฎฺฐิตานิ อเหสุํฯ

    Koṇāgamanassa pana bhagavato aparabhāge tassa sāsane ca antarahite tiṃsavassasahassāyukā sattā anupubbena parihāyitvā dasavassāyukā hutvā puna vaḍḍhitvā aparimitāyukā hutvā puna anupubbena parihāyitvā vīsativassasahassāyukesu sattesu jātesu anekamanussapo kassapo nāma satthā loke udapādi (su. ni. aṭṭha. āmakagandhasuttavaṇṇanā). So pāramiyo pūretvā tusitapure nibbattitvā tato cavitvā bārāṇasīnagare brahmadattassa nāma brāhmaṇassa vipulaguṇavatiyā dhanavatiyā nāma brāhmaṇiyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ gahetvā dasannaṃ māsānaṃ accayena isipatane migadāye mātukucchito nikkhami. Gottavasena panassa ‘‘kassapakumāro’’ti nāmamakaṃsu. So dve vassasahassāni agāraṃ ajjhāvasi. Haṃsavā yasavā sirinandoti tassa tayo pāsādā ahesuṃ. Sunandā nāma brāhmaṇippamukhāni aṭṭhacattālīsa itthisahassāni paccupaṭṭhitāni ahesuṃ.

    โส จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา สุนนฺทาย พฺราหฺมณิยา วิชิตเสเน นาม ปุเตฺต อุปฺปเนฺน อุปฺปนฺนสํเวโค ‘‘มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิสฺสามี’’ติ จิเนฺตสิฯ อถสฺส ปริวิตกฺกสมนนฺตรเมว ปาสาโท กุลาลจกฺกมิว ภมิตฺวา คคนตลมพฺภุคฺคนฺตฺวา ปรมรุจิรกรนิกโร สรทสมยรชนิกโร วิย ตาราคณปริวุโต อเนกนรสตปริวุโต คคนตลมลงฺกโรโนฺต วิย ปุญฺญานุภาวํ ปกาเสโนฺต วิย ชนนยนหทยานิ อากเฑฺฒโนฺต วิย รุกฺขคฺคานิ ปรํ โสภยมาโน วิย จ คนฺตฺวา นิโคฺรธโพธิํ มเชฺฌกตฺวา ภูมิยํ ปติฎฺฐหิฯ อถ โพธิสโตฺต มหาสโตฺต ปถวิยํ ปติฎฺฐหิตฺวา เทวทตฺตํ อรหตฺตทฺธชมาทาย ปพฺพชิฯ ตสฺส นาฎกิตฺถิโย ปาสาทา โอตริตฺวา อฑฺฒคาวุตํ มคฺคํ คนฺตฺวา สปริวารา เสนาสนฺนิเวสํ กตฺวา นิสีทิํสุฯ ตโต อิตฺถิปริจาริเก ฐเปตฺวา สหาคตา สเพฺพ ปพฺพชิํสุฯ

    So cattāri nimittāni disvā sunandāya brāhmaṇiyā vijitasene nāma putte uppanne uppannasaṃvego ‘‘mahābhinikkhamanaṃ nikkhamissāmī’’ti cintesi. Athassa parivitakkasamanantarameva pāsādo kulālacakkamiva bhamitvā gaganatalamabbhuggantvā paramarucirakaranikaro saradasamayarajanikaro viya tārāgaṇaparivuto anekanarasataparivuto gaganatalamalaṅkaronto viya puññānubhāvaṃ pakāsento viya jananayanahadayāni ākaḍḍhento viya rukkhaggāni paraṃ sobhayamāno viya ca gantvā nigrodhabodhiṃ majjhekatvā bhūmiyaṃ patiṭṭhahi. Atha bodhisatto mahāsatto pathaviyaṃ patiṭṭhahitvā devadattaṃ arahattaddhajamādāya pabbaji. Tassa nāṭakitthiyo pāsādā otaritvā aḍḍhagāvutaṃ maggaṃ gantvā saparivārā senāsannivesaṃ katvā nisīdiṃsu. Tato itthiparicārike ṭhapetvā sahāgatā sabbe pabbajiṃsu.

    มหาปุริโส กิร สตฺตาหํ เตหิ ปริวุโต ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย สุนนฺทาย นาม พฺราหฺมณิยา ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา ขทิรวเน ทิวาวิหารํ กตฺวา สายนฺหสมเย โสเมน นาม ยวปาลเกน อุปนีตา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา นิโคฺรธโพธิํ อุปคนฺตฺวา ปญฺจทสหตฺถายามวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา ตตฺถ นิสีทิตฺวา อภิสโมฺพธิํ ปาปุณิตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป.… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อตฺตนา สห ปพฺพชิตานํ ภิกฺขูนํ โกฎิยา อุปนิสฺสยสมฺปตฺติํ ทิสฺวา คคนตเลน คนฺตฺวา พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย โอตริตฺวา เตหิ ปริวุโต ตตฺถ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิ ฯ ตทา วีสติยา โกฎิสหสฺสานํ ปฐโม ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Mahāpuriso kira sattāhaṃ tehi parivuto padhānacariyaṃ caritvā visākhapuṇṇamāya sunandāya nāma brāhmaṇiyā dinnaṃ madhupāyāsaṃ paribhuñjitvā khadiravane divāvihāraṃ katvā sāyanhasamaye somena nāma yavapālakena upanītā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā nigrodhabodhiṃ upagantvā pañcadasahatthāyāmavitthataṃ tiṇasantharaṃ santharitvā tattha nisīditvā abhisambodhiṃ pāpuṇitvā – ‘‘anekajātisaṃsāraṃ…pe… taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti udānaṃ udānetvā sattasattāhaṃ vītināmetvā attanā saha pabbajitānaṃ bhikkhūnaṃ koṭiyā upanissayasampattiṃ disvā gaganatalena gantvā bārāṇasiyaṃ isipatane migadāye otaritvā tehi parivuto tattha dhammacakkaṃ pavattesi . Tadā vīsatiyā koṭisahassānaṃ paṭhamo dhammābhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    1.

    ‘‘โกณาคมนสฺส อปเรน, สมฺพุโทฺธ ทฺวิปทุตฺตโม;

    ‘‘Koṇāgamanassa aparena, sambuddho dvipaduttamo;

    กสฺสโป นาม โคเตฺตน, ธมฺมราชา ปภงฺกโรฯ

    Kassapo nāma gottena, dhammarājā pabhaṅkaro.

    .

    2.

    ‘‘สญฺฉฑฺฑิตํ กุลมูลํ, พหฺวนฺนปานโภชนํ;

    ‘‘Sañchaḍḍitaṃ kulamūlaṃ, bahvannapānabhojanaṃ;

    ทตฺวาน ยาจเก ทานํ, ปูรยิตฺวาน มานสํ;

    Datvāna yācake dānaṃ, pūrayitvāna mānasaṃ;

    อุสโภว อาฬกํ เภตฺวา, ปโตฺต สโมฺพธิมุตฺตมํฯ

    Usabhova āḷakaṃ bhetvā, patto sambodhimuttamaṃ.

    .

    3.

    ‘‘ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตเนฺต, กสฺสเป โลกนายเก;

    ‘‘Dhammacakkaṃ pavattente, kassape lokanāyake;

    วีสโกฎิสหสฺสานํ, ปฐมาภิสมโย อหู’’ติฯ

    Vīsakoṭisahassānaṃ, paṭhamābhisamayo ahū’’ti.

    ตตฺถ สญฺฉฑฺฑิตนฺติ ฉฑฺฑิตํ อุชฺฌิตํ ปริจฺจตฺตํฯ กุลมูลนฺติ กุลฆรํ, อปริมิตโภคกฺขนฺธํ อเนกโกฎิสหสฺสธนสญฺจยํ ทสสตนยนภวนสทิสโภคํ อติทุจฺจชํ ติณมิว ฉฑฺฑิตนฺติ อโตฺถฯ ยาจเกติ ยาจกานํ ทตฺวาฯ อาฬกนฺติ โคฎฺฐํ, ยถา อุสโภ โคฎฺฐํ ภินฺทิตฺวา ยถาสุขํ อิจฺฉิตฎฺฐานํ ปาปุณาติ, เอวํ มหาปุริโสปิ เคหพนฺธนํ ภินฺทิตฺวา อภิสโมฺพธิํ ปาปุณีติ อโตฺถฯ

    Tattha sañchaḍḍitanti chaḍḍitaṃ ujjhitaṃ pariccattaṃ. Kulamūlanti kulagharaṃ, aparimitabhogakkhandhaṃ anekakoṭisahassadhanasañcayaṃ dasasatanayanabhavanasadisabhogaṃ atiduccajaṃ tiṇamiva chaḍḍitanti attho. Yācaketi yācakānaṃ datvā. Āḷakanti goṭṭhaṃ, yathā usabho goṭṭhaṃ bhinditvā yathāsukhaṃ icchitaṭṭhānaṃ pāpuṇāti, evaṃ mahāpurisopi gehabandhanaṃ bhinditvā abhisambodhiṃ pāpuṇīti attho.

    ปุน จตุมาสํ ชนปทจาริกํ จรมาเน สตฺถริ ทสโกฎิสหสฺสานํ ทุติโย อภิสมโย อโหสิฯ ยทา ปน สุนฺทรนครทฺวาเร อสนรุกฺขมูเล ยมกปาฎิหาริยํ กโรโนฺต ธมฺมํ เทเสสิ, ตทา ปญฺจนฺนํ โกฎิสหสฺสานํ ตติโย อภิสมโย อโหสิฯ ปุน ยมกปาฎิหาริยํ กตฺวา สุรริปุทุรภิภวเน ตาวติํสภวเน สุธมฺมา นาม เทวสภา อตฺถิ, ตตฺถ นิสีทิตฺวา อตฺตโน มาตรํ ธนวตีเทวิํ ปมุขํ กตฺวา ทสสหสฺสิโลกธาตุยา เทวตานํ อนุคฺคหกรณตฺถํ สตฺตปฺปกรณํ อภิธมฺมปิฎกํ เทเสโนฺต ตีณิ เทวตาโกฎิสหสฺสานิ ธมฺมามตํ ปาเยสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Puna catumāsaṃ janapadacārikaṃ caramāne satthari dasakoṭisahassānaṃ dutiyo abhisamayo ahosi. Yadā pana sundaranagaradvāre asanarukkhamūle yamakapāṭihāriyaṃ karonto dhammaṃ desesi, tadā pañcannaṃ koṭisahassānaṃ tatiyo abhisamayo ahosi. Puna yamakapāṭihāriyaṃ katvā suraripudurabhibhavane tāvatiṃsabhavane sudhammā nāma devasabhā atthi, tattha nisīditvā attano mātaraṃ dhanavatīdeviṃ pamukhaṃ katvā dasasahassilokadhātuyā devatānaṃ anuggahakaraṇatthaṃ sattappakaraṇaṃ abhidhammapiṭakaṃ desento tīṇi devatākoṭisahassāni dhammāmataṃ pāyesi. Tena vuttaṃ –

    .

    4.

    ‘‘จตุมาสํ ยทา พุโทฺธ, โลเก จรติ จาริกํ;

    ‘‘Catumāsaṃ yadā buddho, loke carati cārikaṃ;

    ทสโกฎิสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหุฯ

    Dasakoṭisahassānaṃ, dutiyābhisamayo ahu.

    .

    5.

    ‘‘ยมกํ วิกุพฺพนํ กตฺวา, ญาณธาตุํ ปกิตฺตยิ;

    ‘‘Yamakaṃ vikubbanaṃ katvā, ñāṇadhātuṃ pakittayi;

    ปญฺจโกฎิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหุฯ

    Pañcakoṭisahassānaṃ, tatiyābhisamayo ahu.

    .

    6.

    ‘‘สุธมฺมา เทวปุเร รเมฺม, ตตฺถ ธมฺมํ ปกิตฺตยิ;

    ‘‘Sudhammā devapure ramme, tattha dhammaṃ pakittayi;

    ตีณิโกฎิสหสฺสานํ, เทวานํ โพธยี ชิโนฯ

    Tīṇikoṭisahassānaṃ, devānaṃ bodhayī jino.

    .

    7.

    ‘‘นรเทวสฺส ยกฺขสฺส, อปเร ธมฺมเทสเน;

    ‘‘Naradevassa yakkhassa, apare dhammadesane;

    เอเตสานํ อภิสมยา, คณนาโต อสงฺขิยา’’ติฯ

    Etesānaṃ abhisamayā, gaṇanāto asaṅkhiyā’’ti.

    ตตฺถ จตุมาสนฺติ จาตุมาเสฯ อยเมว วา ปาโฐฯ จรตีติ อจริฯ ยมกํ วิกุพฺพนํ กตฺวาติ ยมกปาฎิหาริยํ กตฺวาฯ ญาณธาตุนฺติ สพฺพญฺญุตญฺญาณสภาวํฯ ‘‘สพฺพญาณธาตุ’’นฺติปิ วทนฺติฯ ปกิตฺตยีติ มหาชนสฺส ปกาเสสิฯ สุธมฺมาติ ตาวติํสภวเน สุธมฺมา นาม สภา อตฺถิ, ตตฺถ นิสีทิตฺวาติ อโตฺถฯ ธมฺมนฺติ อภิธมฺมํฯ

    Tattha catumāsanti cātumāse. Ayameva vā pāṭho. Caratīti acari. Yamakaṃ vikubbanaṃ katvāti yamakapāṭihāriyaṃ katvā. Ñāṇadhātunti sabbaññutaññāṇasabhāvaṃ. ‘‘Sabbañāṇadhātu’’ntipi vadanti. Pakittayīti mahājanassa pakāsesi. Sudhammāti tāvatiṃsabhavane sudhammā nāma sabhā atthi, tattha nisīditvāti attho. Dhammanti abhidhammaṃ.

    ตทา กิร อานุภาววิชิตนรเทโว นรเทโว นาม มเหสโกฺข เหฎฺฐา วุตฺตนรเทวยโกฺข วิย มหิทฺธิโก ยโกฺข อโหสิฯ โส ชมฺพุทีเป เอกสฺมิํ นคเร รโญฺญ ยาทิสํ รูปํ, ตาทิสํ รูปสณฺฐานํ สรกุตฺติํ นิมฺมินิตฺวา ตํ ราชานํ มาเรตฺวา ขาทิตฺวา สหอเนฺตปุรํ รชฺชํ ปฎิปชฺชิตฺวา อปริมิตมํสโภชโน อโหสิฯ โส กิร อิตฺถิธุโตฺต จ อโหสิฯ ยทา ปน ตํ กุสลา เฉกา อิตฺถิโย – ‘‘นายํ อมฺหากํ ราชา, อมนุโสฺส เอโส’’ติ ชานนฺติ, ตทา โส ลชฺชิโต หุตฺวา ตา สพฺพา ขาทิตฺวา อญฺญํ นครํ ปฎิปชฺชติฯ เอวเมว โส นรเทวยโกฺข มนุเสฺส ภกฺขยโนฺต ยทา สุนฺทรนคราภิมุโข อคมาสิ, ตทา ตํ ทิสฺวา นครวาสิโน มนุสฺสา มรณภยตชฺชิตสนฺตาสา สกนครโต นิกฺขมิตฺวา ตโต ตโต ปลายิํสุฯ อถ เต มนุเสฺส ปลายมาเน ทิสฺวา กสฺสปทสพโล ตสฺส นรเทวสฺส ยกฺขสฺส ปุรโต อฎฺฐาสิฯ นรเทโว เอวํ เทวเทวํ ฐิตํ ทิสฺวา วิสฺสรํ โฆรํ นาทํ นทิตฺวา ภควโต ภยํ อุปฺปาเทตุํ อสโกฺกโนฺต ตํ สรณํ คนฺตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ ปญฺหํ วิสฺสเชฺชตฺวา ตํ ทเมตฺวา ธเมฺม เทสิยมาเน สมฺปตฺตานํ นรมรานํ คณนปถาตีตานํ อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘นรเทวสฺส ยกฺขสฺสา’’ติอาทิ ฯ ตตฺถ อปเร ธมฺมเทสเนติ อปรสฺมิํ ธมฺมเทสเนฯ เอเตสานนฺติ เอเตสํฯ อยเมว วา ปาโฐฯ

    Tadā kira ānubhāvavijitanaradevo naradevo nāma mahesakkho heṭṭhā vuttanaradevayakkho viya mahiddhiko yakkho ahosi. So jambudīpe ekasmiṃ nagare rañño yādisaṃ rūpaṃ, tādisaṃ rūpasaṇṭhānaṃ sarakuttiṃ nimminitvā taṃ rājānaṃ māretvā khāditvā sahaantepuraṃ rajjaṃ paṭipajjitvā aparimitamaṃsabhojano ahosi. So kira itthidhutto ca ahosi. Yadā pana taṃ kusalā chekā itthiyo – ‘‘nāyaṃ amhākaṃ rājā, amanusso eso’’ti jānanti, tadā so lajjito hutvā tā sabbā khāditvā aññaṃ nagaraṃ paṭipajjati. Evameva so naradevayakkho manusse bhakkhayanto yadā sundaranagarābhimukho agamāsi, tadā taṃ disvā nagaravāsino manussā maraṇabhayatajjitasantāsā sakanagarato nikkhamitvā tato tato palāyiṃsu. Atha te manusse palāyamāne disvā kassapadasabalo tassa naradevassa yakkhassa purato aṭṭhāsi. Naradevo evaṃ devadevaṃ ṭhitaṃ disvā vissaraṃ ghoraṃ nādaṃ naditvā bhagavato bhayaṃ uppādetuṃ asakkonto taṃ saraṇaṃ gantvā pañhaṃ pucchi. Pañhaṃ vissajjetvā taṃ dametvā dhamme desiyamāne sampattānaṃ naramarānaṃ gaṇanapathātītānaṃ abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ – ‘‘naradevassa yakkhassā’’tiādi . Tattha apare dhammadesaneti aparasmiṃ dhammadesane. Etesānanti etesaṃ. Ayameva vā pāṭho.

    ตสฺส ปน กสฺสปภควโต เอโกว สาวกสนฺนิปาโต อโหสิฯ พาราณสีนคเร ปุโรหิตปุโตฺต ติโสฺส นาม อโหสิฯ โส กสฺสปสฺส โพธิสตฺตสฺส สรีเร ลกฺขณสมฺปตฺติํ ทิสฺวา ปิตุโน ภาสโต สุตฺวา – ‘‘นิสฺสํสยํ เอโส มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา พุโทฺธ ภวิสฺสติ, เอตสฺสาหํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สํสารทุกฺขโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา สุทฺธมุนิคณวนฺตํ หิมวนฺตํ คนฺตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิฯ ตสฺส ปริวารภูตานิ วีสติตาปสสหสฺสานิ อเหสุํฯ โส อปรภาเค ‘‘กสฺสปกุมาโร นิกฺขมิตฺวา อภิสโมฺพธิํ อนุปฺปโตฺต’’ติ สุตฺวา สปริวาโร อาคนฺตฺวา กสฺสปสฺส ภควโต สนฺติเก สปริวาโร เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ ตสฺมิํ สมาคเม กสฺสโป ภควา มาฆปุณฺณมายํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tassa pana kassapabhagavato ekova sāvakasannipāto ahosi. Bārāṇasīnagare purohitaputto tisso nāma ahosi. So kassapassa bodhisattassa sarīre lakkhaṇasampattiṃ disvā pituno bhāsato sutvā – ‘‘nissaṃsayaṃ eso mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā buddho bhavissati, etassāhaṃ santike pabbajitvā saṃsāradukkhato muccissāmī’’ti cintetvā suddhamunigaṇavantaṃ himavantaṃ gantvā tāpasapabbajjaṃ pabbaji. Tassa parivārabhūtāni vīsatitāpasasahassāni ahesuṃ. So aparabhāge ‘‘kassapakumāro nikkhamitvā abhisambodhiṃ anuppatto’’ti sutvā saparivāro āgantvā kassapassa bhagavato santike saparivāro ehibhikkhupabbajjāya pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇi. Tasmiṃ samāgame kassapo bhagavā māghapuṇṇamāyaṃ pātimokkhaṃ uddisi. Tena vuttaṃ –

    .

    8.

    ‘‘ตสฺสาปิ เทวเทวสฺส, เอโก อาสิ สมาคโม;

    ‘‘Tassāpi devadevassa, eko āsi samāgamo;

    ขีณาสวานํ วิมลานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํฯ

    Khīṇāsavānaṃ vimalānaṃ, santacittāna tādinaṃ.

    .

    9.

    ‘‘วีสภิกฺขุสหสฺสานํ, ตทา อาสิ สมาคโม;

    ‘‘Vīsabhikkhusahassānaṃ, tadā āsi samāgamo;

    อติกฺกนฺตภวนฺตานํ, หิริสีเลน ตาทิน’’นฺติฯ

    Atikkantabhavantānaṃ, hirisīlena tādina’’nti.

    ตตฺถ อติกฺกนฺตภวนฺตานนฺติ อติกฺกนฺตปุถุชฺชนโสตาปนฺนาทีนํ, สเพฺพสํ ขีณาสวานเมวาติ อโตฺถฯ หิริสีเลน ตาทินนฺติ หิริยา จ สีเลน จ สทิสานํฯ

    Tattha atikkantabhavantānanti atikkantaputhujjanasotāpannādīnaṃ, sabbesaṃ khīṇāsavānamevāti attho. Hirisīlena tādinanti hiriyā ca sīlena ca sadisānaṃ.

    ตทา อมฺหากํ โพธิสโตฺต โชติปาโล นาม มาณโว ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ภูมิยเญฺจว อนฺตลิเกฺข จ ปากโฎ ฆฎิการสฺส กุมฺภการสฺส สหาโย อโหสิฯ โส เตน สทฺธิํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิฯ โส อารทฺธวีริโย ตีณิ ปิฎกานิ อุคฺคเหตฺวา วตฺตปฎิปตฺติยา พุทฺธสาสนํ โสเภสิฯ โสปิ ตํ สตฺถา พฺยากาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tadā amhākaṃ bodhisatto jotipālo nāma māṇavo tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū bhūmiyañceva antalikkhe ca pākaṭo ghaṭikārassa kumbhakārassa sahāyo ahosi. So tena saddhiṃ satthāraṃ upasaṅkamitvā tassa dhammakathaṃ sutvā tassa santike pabbaji. So āraddhavīriyo tīṇi piṭakāni uggahetvā vattapaṭipattiyā buddhasāsanaṃ sobhesi. Sopi taṃ satthā byākāsi. Tena vuttaṃ –

    ๑๐.

    10.

    ‘‘อหํ ตทา มาณวโก, โชติปาโลติ วิสฺสุโต;

    ‘‘Ahaṃ tadā māṇavako, jotipāloti vissuto;

    อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคูฯ

    Ajjhāyako mantadharo, tiṇṇaṃ vedāna pāragū.

    ๑๑.

    11.

    ‘‘ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สธเมฺม ปารมิํ คโต;

    ‘‘Lakkhaṇe itihāse ca, sadhamme pāramiṃ gato;

    ภูมนฺตลิกฺขกุสโล, กตวิโชฺช อนวโยฯ

    Bhūmantalikkhakusalo, katavijjo anavayo.

    ๑๒.

    12.

    ‘‘กสฺสปสฺส ภควโต, ฆฎิกาโร นามุปฎฺฐโก;

    ‘‘Kassapassa bhagavato, ghaṭikāro nāmupaṭṭhako;

    สคารโว สปฺปติโสฺส, นิพฺพุโต ตติเย ผเลฯ

    Sagāravo sappatisso, nibbuto tatiye phale.

    ๑๓.

    13.

    ‘‘อาทาย มํ ฆฎีกาโร, อุปคญฺฉิ กสฺสปํ ชินํ;

    ‘‘Ādāya maṃ ghaṭīkāro, upagañchi kassapaṃ jinaṃ;

    ตสฺส ธมฺมํ สุณิตฺวาน, ปพฺพชิํ ตสฺส สนฺติเกฯ

    Tassa dhammaṃ suṇitvāna, pabbajiṃ tassa santike.

    ๑๔.

    14.

    ‘‘อารทฺธวีริโย หุตฺวา, วตฺตาวเตฺตสุ โกวิโท;

    ‘‘Āraddhavīriyo hutvā, vattāvattesu kovido;

    น กฺวจิ ปริหายามิ, ปูเรสิํ ชินสาสนํฯ

    Na kvaci parihāyāmi, pūresiṃ jinasāsanaṃ.

    ๑๕.

    15.

    ‘‘ยาวตา พุทฺธภณิตํ, นวงฺคํ ชินสาสนํ;

    ‘‘Yāvatā buddhabhaṇitaṃ, navaṅgaṃ jinasāsanaṃ;

    สพฺพํ ปริยาปุณิตฺวาน, โสภยิํ ชินสาสนํฯ

    Sabbaṃ pariyāpuṇitvāna, sobhayiṃ jinasāsanaṃ.

    ๑๖.

    16.

    ‘‘มม อจฺฉริยํ ทิสฺวา, โสปิ พุโทฺธ วิยากริ;

    ‘‘Mama acchariyaṃ disvā, sopi buddho viyākari;

    อิมมฺหิ ภทฺทเก กเปฺป, อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ

    Imamhi bhaddake kappe, ayaṃ buddho bhavissati.

    ๑๗.

    17.

    ‘‘อหุ กปิลวฺหยา รมฺมา…เป.… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ

    ‘‘Ahu kapilavhayā rammā…pe… hessāma sammukhā imaṃ.

    ๓๐.

    30.

    ‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, ภิโยฺย จิตฺตํ ปสาทยิํ;

    ‘‘Tassāpi vacanaṃ sutvā, bhiyyo cittaṃ pasādayiṃ;

    อุตฺตริํ วตมธิฎฺฐาสิํ, ทสปารมิปูริยาฯ

    Uttariṃ vatamadhiṭṭhāsiṃ, dasapāramipūriyā.

    ๓๑.

    31.

    ‘‘เอวมหํ สํสริตฺวา, ปริวเชฺชโนฺต อนาจรํ;

    ‘‘Evamahaṃ saṃsaritvā, parivajjento anācaraṃ;

    ทุกฺกรญฺจ กตํ มยฺหํ, โพธิยาเยว การณา’’ติฯ

    Dukkarañca kataṃ mayhaṃ, bodhiyāyeva kāraṇā’’ti.

    ตตฺถ ภูมนฺตลิกฺขกุสโลติ ภูมิสิกฺขาสุ จ อนฺตลิเกฺขสุ จ โชติจกฺกาจาเร โชติวิชฺชาย จ กุสโลติ อโตฺถฯ อุปฎฺฐโกติ อุปฎฺฐายโกฯ สปฺปติโสฺสติ สปฺปติสฺสโยฯ นิพฺพุโตติ วินีโต, วิสฺสุโต วาฯ ตติเย ผเลติ นิมิตฺตสตฺตมี, ตติยผลาธิคมเหตุ นิพฺพุโตติ อโตฺถฯ อาทายาติ มํ คเหตฺวาฯ วตฺตาวเตฺตสูติ ขุทฺทกวตฺตมหาวเตฺตสุฯ โกวิโทติ เตสํ ปูรเณ กุสโลฯ น กฺวจิ ปริหายามีติ กฺวจิปิ สีเลสุ วา สมาธิสมาปตฺติอาทีสุ วา กตฺถจิ กุโตปิ น ปริหายามิ, สพฺพตฺถ เม ปริหานิ นาม น วิชฺชตีติ ทีเปติฯ ‘‘น โกจิ ปริหายามี’’ติปิ ปาโฐ, โสเยวโตฺถฯ

    Tattha bhūmantalikkhakusaloti bhūmisikkhāsu ca antalikkhesu ca joticakkācāre jotivijjāya ca kusaloti attho. Upaṭṭhakoti upaṭṭhāyako. Sappatissoti sappatissayo. Nibbutoti vinīto, vissuto vā. Tatiye phaleti nimittasattamī, tatiyaphalādhigamahetu nibbutoti attho. Ādāyāti maṃ gahetvā. Vattāvattesūti khuddakavattamahāvattesu. Kovidoti tesaṃ pūraṇe kusalo. Na kvaci parihāyāmīti kvacipi sīlesu vā samādhisamāpattiādīsu vā katthaci kutopi na parihāyāmi, sabbattha me parihāni nāma na vijjatīti dīpeti. ‘‘Na koci parihāyāmī’’tipi pāṭho, soyevattho.

    ยาวตาติ ปริเจฺฉทวจนเมตํ, ยาวตกนฺติ อโตฺถฯ พุทฺธภณิตนฺติ พุทฺธวจนํฯ โสภยินฺติ โสเภสิํ ปกาเสสิํฯ มม อจฺฉริยนฺติ มม สมฺมาปฎิปตฺติํ อเญฺญหิ อสาธารณํ อจฺฉริยํ อพฺภุตํ กสฺสโป ภควา ทิสฺวาติ อโตฺถฯ สํสริตฺวาติ สํสาเร สํสริตฺวาฯ อนาจรนฺติ อนาจารํ อกตฺตพฺพํ, อกรณียนฺติ อโตฺถฯ

    Yāvatāti paricchedavacanametaṃ, yāvatakanti attho. Buddhabhaṇitanti buddhavacanaṃ. Sobhayinti sobhesiṃ pakāsesiṃ. Mama acchariyanti mama sammāpaṭipattiṃ aññehi asādhāraṇaṃ acchariyaṃ abbhutaṃ kassapo bhagavā disvāti attho. Saṃsaritvāti saṃsāre saṃsaritvā. Anācaranti anācāraṃ akattabbaṃ, akaraṇīyanti attho.

    ตสฺส ปน กสฺสปสฺส ภควโต ชาตนครํ พาราณสี นาม อโหสิ, พฺรหฺมทโตฺต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, ปรมคุณวตี ธนวตี นาม พฺราหฺมณี มาตา, ติโสฺส จ ภารทฺวาโช จ เทฺว อคฺคสาวกา, สพฺพมิโตฺต นามุปฎฺฐาโก, อนุฬา จ อุรุเวฬา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, นิโคฺรธรุโกฺข โพธิ, สรีรํ วีสติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, วีสติวสฺสสหสฺสานิ อายุ, สุนนฺทา นามสฺส อคฺคมเหสี, วิชิตเสโน นาม ปุโตฺต, ปาสาทยาเนน นิกฺขมิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tassa pana kassapassa bhagavato jātanagaraṃ bārāṇasī nāma ahosi, brahmadatto nāma brāhmaṇo pitā, paramaguṇavatī dhanavatī nāma brāhmaṇī mātā, tisso ca bhāradvājo ca dve aggasāvakā, sabbamitto nāmupaṭṭhāko, anuḷā ca uruveḷā ca dve aggasāvikā, nigrodharukkho bodhi, sarīraṃ vīsatihatthubbedhaṃ ahosi, vīsativassasahassāni āyu, sunandā nāmassa aggamahesī, vijitaseno nāma putto, pāsādayānena nikkhami. Tena vuttaṃ –

    ๓๒.

    32.

    ‘‘นครํ พาราณสี นาม, กิกี นามาสิ ขตฺติโย;

    ‘‘Nagaraṃ bārāṇasī nāma, kikī nāmāsi khattiyo;

    วสเต ตตฺถ นคเร, สมฺพุทฺธสฺส มหากุลํฯ

    Vasate tattha nagare, sambuddhassa mahākulaṃ.

    ๓๓.

    33.

    ‘‘พฺราหฺมโณ พฺรหฺมทโตฺตว, อาสิ พุทฺธสฺส โส ปิตา;

    ‘‘Brāhmaṇo brahmadattova, āsi buddhassa so pitā;

    ธนวตี นาม ชนิกา, กสฺสปสฺส มเหสิโนฯ

    Dhanavatī nāma janikā, kassapassa mahesino.

    ๓๘.

    38.

    ‘‘ติโสฺส จ ภารทฺวาโช จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

    ‘‘Tisso ca bhāradvājo ca, ahesuṃ aggasāvakā;

    สพฺพมิโตฺต นามุปฎฺฐาโก, กสฺสปสฺส มเหสิโนฯ

    Sabbamitto nāmupaṭṭhāko, kassapassa mahesino.

    ๓๙.

    39.

    ‘‘อนุฬา อุรุเวฬา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

    ‘‘Anuḷā uruveḷā ca, ahesuṃ aggasāvikā;

    โพธิ ตสฺส ภควโต, นิโคฺรโธติ ปวุจฺจติฯ

    Bodhi tassa bhagavato, nigrodhoti pavuccati.

    ๔๑.

    41.

    ‘‘อุจฺจตฺตเนน โส พุโทฺธ, วีสติรตนุคฺคโต;

    ‘‘Uccattanena so buddho, vīsatiratanuggato;

    วิชฺชุลฎฺฐีว อากาเส, จโนฺทว คหปูริโตฯ

    Vijjulaṭṭhīva ākāse, candova gahapūrito.

    ๔๒.

    42.

    ‘‘วีสติวสฺสสหสฺสานิ , อายุ ตสฺส มเหสิโน;

    ‘‘Vīsativassasahassāni , āyu tassa mahesino;

    ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ

    Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi janataṃ bahuṃ.

    ๔๓.

    43.

    ‘‘ธมฺมตฬากํ มาปยิตฺวา, สีลํ ทตฺวา วิเลปนํ;

    ‘‘Dhammataḷākaṃ māpayitvā, sīlaṃ datvā vilepanaṃ;

    ธมฺมทุสฺสํ นิวาเสตฺวา, ธมฺมมาลํ วิภชฺชิยฯ

    Dhammadussaṃ nivāsetvā, dhammamālaṃ vibhajjiya.

    ๔๔.

    44.

    ‘‘ธมฺมวิมลมาทาสํ , ฐปยิตฺวา มหาชเน;

    ‘‘Dhammavimalamādāsaṃ , ṭhapayitvā mahājane;

    เกจิ นิพฺพานํ ปเตฺถนฺตา, ปสฺสนฺตุ เม อลงฺกรํฯ

    Keci nibbānaṃ patthentā, passantu me alaṅkaraṃ.

    ๔๕.

    45.

    ‘‘สีลกญฺจุกํ ทตฺวาน, ฌานกวจวมฺมิตํ;

    ‘‘Sīlakañcukaṃ datvāna, jhānakavacavammitaṃ;

    ธมฺมจมฺมํ ปารุปิตฺวา, ทตฺวา สนฺนาหมุตฺตมํฯ

    Dhammacammaṃ pārupitvā, datvā sannāhamuttamaṃ.

    ๔๖.

    46.

    ‘‘สติผลกํ ทตฺวาน, ติขิณํ ญาณกุนฺติมํ;

    ‘‘Satiphalakaṃ datvāna, tikhiṇaṃ ñāṇakuntimaṃ;

    ธมฺมขคฺควรํ ทตฺวา, สีลสํสคฺคมทฺทนํฯ

    Dhammakhaggavaraṃ datvā, sīlasaṃsaggamaddanaṃ.

    ๔๗.

    47.

    ‘‘เตวิชฺชาภูสนํ ทตฺวาน, อาเวฬํ จตุโร ผเล;

    ‘‘Tevijjābhūsanaṃ datvāna, āveḷaṃ caturo phale;

    ฉฬภิญฺญาภรณํ ทตฺวา, ธมฺมปุปฺผปิฬนฺธนํฯ

    Chaḷabhiññābharaṇaṃ datvā, dhammapupphapiḷandhanaṃ.

    ๔๘.

    48.

    ‘‘สทฺธมฺมปณฺฑรจฺฉตฺตํ , ทตฺวา ปาปนิวารณํ;

    ‘‘Saddhammapaṇḍaracchattaṃ , datvā pāpanivāraṇaṃ;

    มาปยิตฺวาภยํ ปุปฺผํ, นิพฺพุโต โส สสาวโกฯ

    Māpayitvābhayaṃ pupphaṃ, nibbuto so sasāvako.

    ๔๙.

    49.

    ‘‘เอโส หิ สมฺมาสมฺพุโทฺธ, อปฺปเมโยฺย ทุราสโท;

    ‘‘Eso hi sammāsambuddho, appameyyo durāsado;

    เอโส หิ ธมฺมรตโน, สฺวากฺขาโต เอหิปสฺสิโกฯ

    Eso hi dhammaratano, svākkhāto ehipassiko.

    ๕๐.

    50.

    ‘‘เอโส หิ สงฺฆรตโน, สุปฺปฎิปโนฺน อนุตฺตโร;

    ‘‘Eso hi saṅgharatano, suppaṭipanno anuttaro;

    สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติฯ

    Sabbaṃ tamantarahitaṃ, nanu rittā sabbasaṅkhārā’’ti.

    ตตฺถ วิชฺชุลฎฺฐีวาติ ฆนภาเวน สณฺฐิตา วิชฺชุลตา วิยฯ จโนฺทว คหปูริโตติ ปริเวสคหปริกฺขิโต ปุณฺณจโนฺท วิยฯ ธมฺมตฬากํ มาปยิตฺวาติ ปริยตฺติธมฺมตฬากํ มาปยิตฺวาฯ สีลํ ทตฺวา วิเลปนนฺติ จตุปาริสุทฺธิสีลสงฺขาตํ จิตฺตสนฺตติวิภูสนตฺถํ วิเลปนํ ทตฺวา ฯ ธมฺมทุสฺสํ นิวาเสตฺวาติ หิโรตฺตปฺปธมฺมสงฺขาตํ สาฎกยุคํ นิวาเสตฺวาฯ ธมฺมมาลํ วิภชฺชิยาติ สตฺตตฺติํสโพธิปกฺขิยธมฺมกุสุมมาลํ วิภชิตฺวาฯ วิทหิตฺวาติ อโตฺถฯ

    Tattha vijjulaṭṭhīvāti ghanabhāvena saṇṭhitā vijjulatā viya. Candova gahapūritoti parivesagahaparikkhito puṇṇacando viya. Dhammataḷākaṃ māpayitvāti pariyattidhammataḷākaṃ māpayitvā. Sīlaṃ datvā vilepananti catupārisuddhisīlasaṅkhātaṃ cittasantativibhūsanatthaṃ vilepanaṃ datvā . Dhammadussaṃ nivāsetvāti hirottappadhammasaṅkhātaṃ sāṭakayugaṃ nivāsetvā. Dhammamālaṃ vibhajjiyāti sattattiṃsabodhipakkhiyadhammakusumamālaṃ vibhajitvā. Vidahitvāti attho.

    ธมฺมวิมลมาทาสนฺติ วิมลํ โสตาปตฺติมคฺคสงฺขาตํ อาทาสํ สาวชฺชานวชฺชกุสลากุสลธมฺมสลฺลกฺขณตฺถํ มหาชนสฺส ธมฺมตฬากตีเร ธมฺมาทาสํ ฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ มหาชเนติ มหาชนสฺสฯ เกจีติ เย เกจิฯ นิพฺพานํ ปเตฺถนฺตาติ สพฺพากุสลมลวิลยกรํ อมตมสงฺขตมนีติกํ ปรมสนฺตํ อจฺจุติรสํ นิพฺพานํ ปเตฺถนฺตา วิจรนฺติฯ เต อิมํ อลงฺการํ วุตฺตปฺปการํ มยา ทสฺสิตํ ปสฺสนฺตูติ อโตฺถฯ ‘‘นิพฺพานมภิปเตฺถนฺตา, ปสฺสนฺตุ มํ อลงฺกร’’นฺติปิ ปาโฐ, โสเยวโตฺถฯ อลงฺกรนฺติ รสฺสํ กตฺวา วุตฺตํฯ

    Dhammavimalamādāsanti vimalaṃ sotāpattimaggasaṅkhātaṃ ādāsaṃ sāvajjānavajjakusalākusaladhammasallakkhaṇatthaṃ mahājanassa dhammataḷākatīre dhammādāsaṃ ṭhapetvāti attho. Mahājaneti mahājanassa. Kecīti ye keci. Nibbānaṃ patthentāti sabbākusalamalavilayakaraṃ amatamasaṅkhatamanītikaṃ paramasantaṃ accutirasaṃ nibbānaṃ patthentā vicaranti. Te imaṃ alaṅkāraṃ vuttappakāraṃ mayā dassitaṃ passantūti attho. ‘‘Nibbānamabhipatthentā, passantu maṃ alaṅkara’’ntipi pāṭho, soyevattho. Alaṅkaranti rassaṃ katvā vuttaṃ.

    สีลกญฺจุกํ ทตฺวานาติ ปญฺจสีลทสสีลจตุปาริสุทฺธิสีลมยํ กญฺจุกํ ทตฺวาฯ ฌานกวจวมฺมิตนฺติ จตุกฺกปญฺจกชฺฌานกวจพนฺธํ พนฺธิตฺวาฯ ธมฺมจมฺมํ ปารุปิตฺวาติ สติสมฺปชญฺญสงฺขาตธมฺมจมฺมํ ปารุปิตฺวาฯ ทตฺวา สนฺนาหมุตฺตมนฺติ อุตฺตมํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยสนฺนาหํ ทตฺวาติ อโตฺถฯ สติผลกํ ทตฺวานาติ ราคาทิโทสาริปาปนิวารณตฺถํ จตุสติปฎฺฐานผลกนิวารณํ ทตฺวาฯ ติขิณํ ญาณกุนฺติมนฺติ ปฎิเวธสมตฺถํ ติขิณวิปสฺสนาญาณกุนฺตวนฺตํ, วิปสฺสนาญาณนิสิตกุนฺตวรนฺติ อโตฺถ, กิเลสพลนิธนกรสมตฺถํ วา โยคาวจรโยธวรํ ฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ ธมฺมขคฺควรํ ทตฺวาติ ตสฺส โยคาวจรสฺส วีริยุปลตลนิสิตธารํ มคฺคปญฺญาวรขคฺคํ ทตฺวาฯ สีลสํสคฺคมทฺทนนฺติ อริยํ โลกุตฺตรสีลํ กิเลสสํสคฺคมทฺทนตฺถาย, กิเลสนิฆาตนตฺถายาติ อโตฺถฯ

    Sīlakañcukaṃ datvānāti pañcasīladasasīlacatupārisuddhisīlamayaṃ kañcukaṃ datvā. Jhānakavacavammitanti catukkapañcakajjhānakavacabandhaṃ bandhitvā. Dhammacammaṃ pārupitvāti satisampajaññasaṅkhātadhammacammaṃ pārupitvā. Datvā sannāhamuttamanti uttamaṃ caturaṅgasamannāgataṃ vīriyasannāhaṃ datvāti attho. Satiphalakaṃ datvānāti rāgādidosāripāpanivāraṇatthaṃ catusatipaṭṭhānaphalakanivāraṇaṃ datvā. Tikhiṇaṃ ñāṇakuntimanti paṭivedhasamatthaṃ tikhiṇavipassanāñāṇakuntavantaṃ, vipassanāñāṇanisitakuntavaranti attho, kilesabalanidhanakarasamatthaṃ vā yogāvacarayodhavaraṃ ṭhapetvāti attho. Dhammakhaggavaraṃdatvāti tassa yogāvacarassa vīriyupalatalanisitadhāraṃ maggapaññāvarakhaggaṃ datvā. Sīlasaṃsaggamaddananti ariyaṃ lokuttarasīlaṃ kilesasaṃsaggamaddanatthāya, kilesanighātanatthāyāti attho.

    เตวิชฺชาภูสนํ ทตฺวาติ เตวิชฺชามยํ วิภูสนํ ทตฺวาฯ อาเวฬํ จตุโร ผเลติ จตฺตาริ ผลานิ วฎํสกํ กตฺวาฯ ฉฬภิญฺญาภรณนฺติ อาภรณตฺถาย อลงฺการกรณตฺถาย ฉ อภิญฺญาโย ทตฺวาฯ ธมฺมปุปฺผปิฬนฺธนนฺติ นวโลกุตฺตรธมฺมสงฺขาตํ กุสุมมาลํ กตฺวาฯ สทฺธมฺมปณฺฑรจฺฉตฺตํ, ทตฺวา ปาปนิวารณนฺติ อจฺจนฺตวิสุทฺธํ วิมุตฺติเสตจฺฉตฺตํ สพฺพากุสลาตปนิวารณํ ทตฺวาฯ มาปยิตฺวาภยํ ปุปฺผนฺติ อภยปุรคามินํ อฎฺฐงฺคิกมคฺคํ ปุปฺผํ กตฺวาติ อโตฺถฯ

    Tevijjābhūsanaṃ datvāti tevijjāmayaṃ vibhūsanaṃ datvā. Āveḷaṃ caturo phaleti cattāri phalāni vaṭaṃsakaṃ katvā. Chaḷabhiññābharaṇanti ābharaṇatthāya alaṅkārakaraṇatthāya cha abhiññāyo datvā. Dhammapupphapiḷandhananti navalokuttaradhammasaṅkhātaṃ kusumamālaṃ katvā. Saddhammapaṇḍaracchattaṃ, datvā pāpanivāraṇanti accantavisuddhaṃ vimuttisetacchattaṃ sabbākusalātapanivāraṇaṃ datvā. Māpayitvābhayaṃ pupphanti abhayapuragāminaṃ aṭṭhaṅgikamaggaṃ pupphaṃ katvāti attho.

    กสฺสโป กิร ภควา กาสิรเฎฺฐ เสตพฺยนคเร เสตพฺยุยฺยาเน ปรินิพฺพายิฯ ธาตุโย กิรสฺส น วิกิริํสุฯ สกลชมฺพุทีปวาสิโน มนุสฺสา สนฺนิปติตฺวา เอเกกํ สุวณฺณิฎฺฐกํ โกฎิอคฺฆนกํ รตนวิจิตฺตํ พหิจินนตฺถํ เอเกกํ อฑฺฒโกฎิอคฺฆนกํ อพฺภนฺตรปูรณตฺถํ มโนสิลาย มตฺติกากิจฺจํ เตเลน อุทกกิจฺจํ กโรโนฺต โยชนุเพฺพธํ ถูปมกํสุฯ

    Kassapo kira bhagavā kāsiraṭṭhe setabyanagare setabyuyyāne parinibbāyi. Dhātuyo kirassa na vikiriṃsu. Sakalajambudīpavāsino manussā sannipatitvā ekekaṃ suvaṇṇiṭṭhakaṃ koṭiagghanakaṃ ratanavicittaṃ bahicinanatthaṃ ekekaṃ aḍḍhakoṭiagghanakaṃ abbhantarapūraṇatthaṃ manosilāya mattikākiccaṃ telena udakakiccaṃ karonto yojanubbedhaṃ thūpamakaṃsu.

    ‘‘กสฺสโปปิ ภควา กตกิโจฺจ, สพฺพสตฺตหิตเมว กโรโนฺต;

    ‘‘Kassapopi bhagavā katakicco, sabbasattahitameva karonto;

    กาสิราชนคเร มิคทาเย, โลกนนฺทนกโร นิวสี’’ติฯ

    Kāsirājanagare migadāye, lokanandanakaro nivasī’’ti.

    เสสคาถาสุ สพฺพตฺถ ปากฎเมวาติฯ

    Sesagāthāsu sabbattha pākaṭamevāti.

    อิติ มธุรตฺถวิลาสินิยา พุทฺธวํส-อฎฺฐกถาย

    Iti madhuratthavilāsiniyā buddhavaṃsa-aṭṭhakathāya

    กสฺสปพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kassapabuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.

    เอตฺตาวตา จตุวีสติยา พุทฺธานํ พุทฺธวํสวณฺณนา

    Ettāvatā catuvīsatiyā buddhānaṃ buddhavaṃsavaṇṇanā

    สพฺพากาเรน นิฎฺฐิตาฯ

    Sabbākārena niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๒๖. กสฺสปพุทฺธวํโส • 26. Kassapabuddhavaṃso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact