Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๔. เมณฺฑกปโญฺห

    4. Meṇḍakapañho

    ๑. อิทฺธิพลวโคฺค

    1. Iddhibalavaggo

    ๑. กตาธิการสผลปโญฺห

    1. Katādhikārasaphalapañho

    . อถ โข มิลิโนฺท ราชา กตาวกาโส นิปจฺจ ครุโน ปาเท สิรสิ อญฺชลิํ กตฺวา เอตทโวจ ‘‘ภเนฺต นาคเสน, อิเม ติตฺถิยา เอวํ ภณนฺติ 1 ‘ยทิ พุโทฺธ ปูชํ สาทิยติ, น ปรินิพฺพุโต พุโทฺธ สํยุโตฺต โลเกน อโนฺตภวิโก โลกสฺมิํ โลกสาธารโณ, ตสฺมา ตสฺส กโต อธิกาโร อวโญฺฌ ภวติ สผโลฯ ยทิ ปรินิพฺพุโต วิสํยุโตฺต โลเกน นิสฺสโฎ สพฺพภเวหิ, ตสฺส ปูชา นุปฺปชฺชติ, ปรินิพฺพุโต น กิญฺจิ สาทิยติ, อสาทิยนฺตสฺส กโต อธิกาโร วโญฺฌ ภวติ อผโล’ติ อุภโต โกฎิโก เอโส ปโญฺห, เนโส วิสโย อปฺปตฺตมานสานํ, มหนฺตานํ เยเวโส วิสโย, ภิเนฺทตํ ทิฎฺฐิชาลํ เอกํเส ฐปย, ตเวโส ปโญฺห อนุปฺปโตฺต, อนาคตานํ ชินปุตฺตานํ จกฺขุํ เทหิ ปรวาทนิคฺคหายา’’ติฯ

    1. Atha kho milindo rājā katāvakāso nipacca garuno pāde sirasi añjaliṃ katvā etadavoca ‘‘bhante nāgasena, ime titthiyā evaṃ bhaṇanti 2 ‘yadi buddho pūjaṃ sādiyati, na parinibbuto buddho saṃyutto lokena antobhaviko lokasmiṃ lokasādhāraṇo, tasmā tassa kato adhikāro avañjho bhavati saphalo. Yadi parinibbuto visaṃyutto lokena nissaṭo sabbabhavehi, tassa pūjā nuppajjati, parinibbuto na kiñci sādiyati, asādiyantassa kato adhikāro vañjho bhavati aphalo’ti ubhato koṭiko eso pañho, neso visayo appattamānasānaṃ, mahantānaṃ yeveso visayo, bhindetaṃ diṭṭhijālaṃ ekaṃse ṭhapaya, taveso pañho anuppatto, anāgatānaṃ jinaputtānaṃ cakkhuṃ dehi paravādaniggahāyā’’ti.

    เถโร อาห ‘‘ปรินิพฺพุโต, มหาราช, ภควา, น จ ภควา ปูชํ สาทิยติ, โพธิมูเล เยว ตถาคตสฺส สาทิยนา ปหีนา, กิํ ปน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุตสฺสฯ ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, เถเรน สาริปุเตฺตน ธมฺมเสนาปตินา –

    Thero āha ‘‘parinibbuto, mahārāja, bhagavā, na ca bhagavā pūjaṃ sādiyati, bodhimūle yeva tathāgatassa sādiyanā pahīnā, kiṃ pana anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbutassa. Bhāsitampetaṃ, mahārāja, therena sāriputtena dhammasenāpatinā –

    ‘‘‘ปูชิยนฺตา 3 อสมสมา, สเทวมานุเสหิ เต;

    ‘‘‘Pūjiyantā 4 asamasamā, sadevamānusehi te;

    น สาทิยนฺติ สกฺการํ, พุทฺธานํ เอส ธมฺมตา’’’ติฯ

    Na sādiyanti sakkāraṃ, buddhānaṃ esa dhammatā’’’ti.

    ราชา อาห ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ปุโตฺต วา ปิตุโน วณฺณํ ภาสติ, ปิตา วา ปุตฺตสฺส วณฺณํ ภาสติ, น เจตํ การณํ ปรวาทานํ นิคฺคหาย, ปสาทปฺปกาสนํ นาเมตํ, อิงฺฆ เม ตฺวํ ตตฺถ การณํ สมฺมา พฺรูหิ สกวาทสฺส ปติฎฺฐาปนาย ทิฎฺฐิชาลวินิเวฐนายา’’ติฯ

    Rājā āha ‘‘bhante nāgasena, putto vā pituno vaṇṇaṃ bhāsati, pitā vā puttassa vaṇṇaṃ bhāsati, na cetaṃ kāraṇaṃ paravādānaṃ niggahāya, pasādappakāsanaṃ nāmetaṃ, iṅgha me tvaṃ tattha kāraṇaṃ sammā brūhi sakavādassa patiṭṭhāpanāya diṭṭhijālaviniveṭhanāyā’’ti.

    เถโร อาห ‘‘ปรินิพฺพุโต, มหาราช, ภควา, น จ ภควา ปูชํ สาทิยติ, อสาทิยนฺตเสฺสว ตถาคตสฺส เทวมนุสฺสา ธาตุรตนํ วตฺถุํ กริตฺวา ตถาคตสฺส ญาณรตนารมฺมเณน สมฺมาปฎิปตฺติํ เสวนฺตา ติโสฺส สมฺปตฺติโย ปฎิลภนฺติฯ

    Thero āha ‘‘parinibbuto, mahārāja, bhagavā, na ca bhagavā pūjaṃ sādiyati, asādiyantasseva tathāgatassa devamanussā dhāturatanaṃ vatthuṃ karitvā tathāgatassa ñāṇaratanārammaṇena sammāpaṭipattiṃ sevantā tisso sampattiyo paṭilabhanti.

    ‘‘ยถา , มหาราช, มหติมหาอคฺคิกฺขโนฺธ ปชฺชลิตฺวา นิพฺพาเยยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, มหาอคฺคิกฺขโนฺธ สาทิยติ ติณกฎฺฐุปาทาน’’นฺติ? ‘‘ชลมาโนปิ โส, ภเนฺต, มหาอคฺคิกฺขโนฺธ ติณกฎฺฐุปาทานํ น สาทิยติ, กิํ ปน นิพฺพุโต อุปสโนฺต อเจตโน สาทิยติ? ‘‘ตสฺมิํ ปน, มหาราช, อคฺคิกฺขเนฺธ อุปรเต อุปสเนฺต โลเก อคฺคิ สุโญฺญ โหตี’’ติฯ ‘‘น หิ, ภเนฺต, กฎฺฐํ อคฺคิสฺส วตฺถุ โหติ อุปาทานํ, เย เกจิ มนุสฺสา อคฺคิกามา, เต อตฺตโน ถามพลวีริเยน ปจฺจตฺตปุริสกาเรน กฎฺฐํ มนฺถยิตฺวา 5 อคฺคิํ นิพฺพเตฺตตฺวา เตน อคฺคินา อคฺคิกรณียานิ กมฺมานิ กโรนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช, ติตฺถิยานํ วจนํ มิจฺฉา ภวติ ‘อสาทิยนฺตสฺส กโต อธิกาโร วโญฺฌ ภวติ อผโล’ติฯ

    ‘‘Yathā , mahārāja, mahatimahāaggikkhandho pajjalitvā nibbāyeyya, api nu kho so, mahārāja, mahāaggikkhandho sādiyati tiṇakaṭṭhupādāna’’nti? ‘‘Jalamānopi so, bhante, mahāaggikkhandho tiṇakaṭṭhupādānaṃ na sādiyati, kiṃ pana nibbuto upasanto acetano sādiyati? ‘‘Tasmiṃ pana, mahārāja, aggikkhandhe uparate upasante loke aggi suñño hotī’’ti. ‘‘Na hi, bhante, kaṭṭhaṃ aggissa vatthu hoti upādānaṃ, ye keci manussā aggikāmā, te attano thāmabalavīriyena paccattapurisakārena kaṭṭhaṃ manthayitvā 6 aggiṃ nibbattetvā tena agginā aggikaraṇīyāni kammāni karontī’’ti. ‘‘Tena hi, mahārāja, titthiyānaṃ vacanaṃ micchā bhavati ‘asādiyantassa kato adhikāro vañjho bhavati aphalo’ti.

    ‘‘ยถา, มหาราช, มหติมหาอคฺคิกฺขโนฺธ ปชฺชลิ, เอวเมว ภควา ทสสหสฺสิยา 7 โลกธาตุยา พุทฺธสิริยา ปชฺชลิฯ ยถา, มหาราช, มหติมหาอคฺคิกฺขโนฺธ ปชฺชลิตฺวา นิพฺพุโต, เอวเมว ภควา ทสสหสฺสิยา โลกธาตุยา พุทฺธสิริยา ปชฺชลิตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโตฯ ยถา, มหาราช, นิพฺพุโต อคฺคิกฺขโนฺธ ติณกฎฺฐุปาทานํ น สาทิยติ, เอวเมว โข โลกหิตสฺส สาทิยนา ปหีนา อุปสนฺตาฯ ยถา, มหาราช, มนุสฺสา นิพฺพุเต อคฺคิกฺขเนฺธ อนุปาทาเน อตฺตโน ถามพลวีริเยน ปจฺจตฺตปุริสกาเรน กฎฺฐํ มนฺถยิตฺวา อคฺคิํ นิพฺพเตฺตตฺวา เตน อคฺคินา อคฺคิกรณียานิ กมฺมานิ กโรนฺติ, เอวเมว โข เทวมนุสฺสา ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตเสฺสว ธาตุรตนํ วตฺถุํ กริตฺวา ตถาคตสฺส ญาณรตนารมฺมเณน สมฺมาปฎิปตฺติํ เสวนฺตา ติโสฺส สมฺปตฺติโย ปฎิลภนฺติ, อิมินาปิ, มหาราช, การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตเสฺสว กโต อธิกาโร อวโญฺฌ ภวติ สผโลฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, mahatimahāaggikkhandho pajjali, evameva bhagavā dasasahassiyā 8 lokadhātuyā buddhasiriyā pajjali. Yathā, mahārāja, mahatimahāaggikkhandho pajjalitvā nibbuto, evameva bhagavā dasasahassiyā lokadhātuyā buddhasiriyā pajjalitvā anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbuto. Yathā, mahārāja, nibbuto aggikkhandho tiṇakaṭṭhupādānaṃ na sādiyati, evameva kho lokahitassa sādiyanā pahīnā upasantā. Yathā, mahārāja, manussā nibbute aggikkhandhe anupādāne attano thāmabalavīriyena paccattapurisakārena kaṭṭhaṃ manthayitvā aggiṃ nibbattetvā tena agginā aggikaraṇīyāni kammāni karonti, evameva kho devamanussā tathāgatassa parinibbutassa asādiyantasseva dhāturatanaṃ vatthuṃ karitvā tathāgatassa ñāṇaratanārammaṇena sammāpaṭipattiṃ sevantā tisso sampattiyo paṭilabhanti, imināpi, mahārāja, kāraṇena tathāgatassa parinibbutassa asādiyantasseva kato adhikāro avañjho bhavati saphalo.

    ‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตริํ การณํ สุโณหิ เยน การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตเสฺสว กโต อธิกาโร อวโญฺฌ ภวติ สผโลฯ ยถา, มหาราช, มหติมหาวาโต วายิตฺวา อุปรเมยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, อุปรโต วาโต สาทิยติ ปุน นิพฺพตฺตาปน’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, อุปรตสฺส วาตสฺส อาโภโค วา มนสิกาโร วา ปุน นิพฺพตฺตาปนาย’’ฯ ‘‘กิํ การณํ’’? ‘‘อเจตนา สา วาโยธาตู’’ติฯ ‘‘อปิ นุ ตสฺส, มหาราช, อุปรตสฺส วาตสฺส วาโตติ สมญฺญา อปคจฺฉตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, ตาลวณฺฎวิธูปนานิ วาตสฺส อุปฺปตฺติยา ปจฺจยา, เย เกจิ มนุสฺสา อุณฺหาภิตตฺตา ปริฬาหปริปีฬิตา, เต ตาลวเณฺฎน วา วิธูปเนน วา อตฺตโน ถามพลวีริเยน ปจฺจตฺตปุริสกาเรน ตํ นิพฺพเตฺตตฺวา เตน วาเตน อุณฺหํ นิพฺพาเปนฺติ ปริฬาหํ วูปสเมนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช, ติตฺถิยานํ วจนํ มิจฺฉา ภวติ ‘อสาทิยนฺตสฺส กโต อธิกาโร วโญฺฌ ภวติ อผโล’ติฯ

    ‘‘Aparampi, mahārāja, uttariṃ kāraṇaṃ suṇohi yena kāraṇena tathāgatassa parinibbutassa asādiyantasseva kato adhikāro avañjho bhavati saphalo. Yathā, mahārāja, mahatimahāvāto vāyitvā uparameyya, api nu kho so, mahārāja, uparato vāto sādiyati puna nibbattāpana’’nti? ‘‘Na hi, bhante, uparatassa vātassa ābhogo vā manasikāro vā puna nibbattāpanāya’’. ‘‘Kiṃ kāraṇaṃ’’? ‘‘Acetanā sā vāyodhātū’’ti. ‘‘Api nu tassa, mahārāja, uparatassa vātassa vātoti samaññā apagacchatī’’ti? ‘‘Na hi, bhante, tālavaṇṭavidhūpanāni vātassa uppattiyā paccayā, ye keci manussā uṇhābhitattā pariḷāhaparipīḷitā, te tālavaṇṭena vā vidhūpanena vā attano thāmabalavīriyena paccattapurisakārena taṃ nibbattetvā tena vātena uṇhaṃ nibbāpenti pariḷāhaṃ vūpasamentī’’ti. ‘‘Tena hi, mahārāja, titthiyānaṃ vacanaṃ micchā bhavati ‘asādiyantassa kato adhikāro vañjho bhavati aphalo’ti.

    ‘‘ยถา, มหาราช, มหติมหาวาโต วายิ, เอวเมว ภควา ทสสหสฺสิยา โลกธาตุยา สีตลมธุรสนฺตสุขุมเมตฺตาวาเตน อุปวายิฯ ยถา, มหาราช, มหติมหาวาโต วายิตฺวา อุปรโต, เอวเมว ภควา สีตลมธุรสนฺตสุขุมเมตฺตาวาเตน อุปวายิตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโตฯ ยถา, มหาราช, อุปรโต วาโต ปุน นิพฺพตฺตาปนํ น สาทิยติ, เอวเมว โลกหิตสฺส สาทิยนา ปหีนา อุปสนฺตาฯ ยถา, มหาราช, เต มนุสฺสา อุณฺหาภิตตฺตา ปริฬาหปริปีฬิตา, เอวเมว เทวมนุสฺสา ติวิธคฺคิสนฺตาปปริฬาหปริปีฬิตาฯ ยถา ตาลวณฺฎวิธูปนานิ วาตสฺส นิพฺพตฺติยา ปจฺจยา โหนฺติ, เอวเมว ตถาคตสฺส ธาตุ จ ญาณรตนญฺจ ปจฺจโย โหติ ติสฺสนฺนํ สมฺปตฺตีนํ ปฎิลาภายฯ ยถา มนุสฺสา อุณฺหาภิตตฺตา ปริฬาหปริปีฬิตา ตาลวเณฺฎน วา วิธูปเนน วา วาตํ นิพฺพเตฺตตฺวา อุณฺหํ นิพฺพาเปนฺติ ปริฬาหํ วูปสเมนฺติ, เอวเมว เทวมนุสฺสา ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตเสฺสว ธาตุญฺจ ญาณรตนญฺจ ปูเชตฺวา กุสลํ นิพฺพเตฺตตฺวา เตน กุสเลน ติวิธคฺคิสนฺตาปปริฬาหํ นิพฺพาเปนฺติ วูปสเมนฺติฯ อิมินาปิ, มหาราช, การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตเสฺสว กโต อธิกาโร อวโญฺฌ ภวติ สผโลติฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, mahatimahāvāto vāyi, evameva bhagavā dasasahassiyā lokadhātuyā sītalamadhurasantasukhumamettāvātena upavāyi. Yathā, mahārāja, mahatimahāvāto vāyitvā uparato, evameva bhagavā sītalamadhurasantasukhumamettāvātena upavāyitvā anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbuto. Yathā, mahārāja, uparato vāto puna nibbattāpanaṃ na sādiyati, evameva lokahitassa sādiyanā pahīnā upasantā. Yathā, mahārāja, te manussā uṇhābhitattā pariḷāhaparipīḷitā, evameva devamanussā tividhaggisantāpapariḷāhaparipīḷitā. Yathā tālavaṇṭavidhūpanāni vātassa nibbattiyā paccayā honti, evameva tathāgatassa dhātu ca ñāṇaratanañca paccayo hoti tissannaṃ sampattīnaṃ paṭilābhāya. Yathā manussā uṇhābhitattā pariḷāhaparipīḷitā tālavaṇṭena vā vidhūpanena vā vātaṃ nibbattetvā uṇhaṃ nibbāpenti pariḷāhaṃ vūpasamenti, evameva devamanussā tathāgatassa parinibbutassa asādiyantasseva dhātuñca ñāṇaratanañca pūjetvā kusalaṃ nibbattetvā tena kusalena tividhaggisantāpapariḷāhaṃ nibbāpenti vūpasamenti. Imināpi, mahārāja, kāraṇena tathāgatassa parinibbutassa asādiyantasseva kato adhikāro avañjho bhavati saphaloti.

    ‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตริํ การณํ สุโณหิ ปรวาทานํ นิคฺคหายฯ ยถา, มหาราช, ปุริโส เภริํ อาโกเฎตฺวา สทฺทํ นิพฺพเตฺตยฺย, โย โส เภริสโทฺท ปุริเสน นิพฺพตฺติโต, โส สโทฺท อนฺตรธาเยยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, สโทฺท สาทิยติ ปุน นิพฺพตฺตาปน’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, อนฺตรหิโต โส สโทฺท, นตฺถิ ตสฺส ปุน อุปฺปาทาย อาโภโค วา มนสิกาโร วา, สกิํ นิพฺพเตฺต เภริสเทฺท อนฺตรหิเต โส เภริสโทฺท สมุจฺฉิโนฺน โหติฯ เภรี ปน, ภเนฺต, ปจฺจโย โหติ สทฺทสฺส นิพฺพตฺติยา, อถ ปุริโส ปจฺจเย สติ อตฺตเชน วายาเมน เภริํ อโกเฎตฺวา สทฺทํ นิพฺพเตฺตตี’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ภควา สีลสมาธิปญฺญาวิมุตฺติวิมุตฺติญาณทสฺสนปริภาวิตํ ธาตุรตนญฺจ ธมฺมญฺจ วินยญฺจ อนุสิฎฺฐญฺจ 9 สตฺถารํ ฐปยิตฺวา สยํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต, น จ ปรินิพฺพุเต ภควติ สมฺปตฺติลาโภ อุปจฺฉิโนฺน โหติ, ภวทุกฺขปฎิปีฬิตา สตฺตา ธาตุรตนญฺจ ธมฺมญฺจ วินยญฺจ อนุสิฎฺฐญฺจ ปจฺจยํ กริตฺวา สมฺปตฺติกามา สมฺปตฺติโย ปฎิลภนฺติ, อิมินาปิ, มหาราช, การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตเสฺสว กโต อธิกาโร อวโญฺฌ ภวติ สผโลติฯ

    ‘‘Aparampi, mahārāja, uttariṃ kāraṇaṃ suṇohi paravādānaṃ niggahāya. Yathā, mahārāja, puriso bheriṃ ākoṭetvā saddaṃ nibbatteyya, yo so bherisaddo purisena nibbattito, so saddo antaradhāyeyya, api nu kho so, mahārāja, saddo sādiyati puna nibbattāpana’’nti? ‘‘Na hi, bhante, antarahito so saddo, natthi tassa puna uppādāya ābhogo vā manasikāro vā, sakiṃ nibbatte bherisadde antarahite so bherisaddo samucchinno hoti. Bherī pana, bhante, paccayo hoti saddassa nibbattiyā, atha puriso paccaye sati attajena vāyāmena bheriṃ akoṭetvā saddaṃ nibbattetī’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, bhagavā sīlasamādhipaññāvimuttivimuttiñāṇadassanaparibhāvitaṃ dhāturatanañca dhammañca vinayañca anusiṭṭhañca 10 satthāraṃ ṭhapayitvā sayaṃ anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbuto, na ca parinibbute bhagavati sampattilābho upacchinno hoti, bhavadukkhapaṭipīḷitā sattā dhāturatanañca dhammañca vinayañca anusiṭṭhañca paccayaṃ karitvā sampattikāmā sampattiyo paṭilabhanti, imināpi, mahārāja, kāraṇena tathāgatassa parinibbutassa asādiyantasseva kato adhikāro avañjho bhavati saphaloti.

    ‘‘ทิฎฺฐเญฺจตํ, มหาราช, ภควตา อนาคตมทฺธานํฯ กถิตญฺจ ภณิตญฺจ อาจิกฺขิตญฺจ ‘สิยา โข ปนานนฺท, ตุมฺหากํ เอวมสฺส อตีตสตฺถุกํ ปาวจนํ นตฺถิ โน สตฺถาติ, น โข ปเนตํ, อานนฺท, เอวํ ทฎฺฐพฺพํ, โย โว, อานนฺท, มยา ธโมฺม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญโตฺต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’ติฯ ปรินิพฺพุตสฺส ตถาคตสฺส อสาทิยนฺตสฺส กโต อธิกาโร วโญฺฌ ภวติ อผโลติ, ตํ เตสํ ติตฺถิยานํ วจนํ มิจฺฉา อภูตํ วิตถํ อลิกํ วิรุทฺธํ วิปรีตํ ทุกฺขทายกํ ทุกฺขวิปากํ อปายคมนียนฺติฯ

    ‘‘Diṭṭhañcetaṃ, mahārāja, bhagavatā anāgatamaddhānaṃ. Kathitañca bhaṇitañca ācikkhitañca ‘siyā kho panānanda, tumhākaṃ evamassa atītasatthukaṃ pāvacanaṃ natthi no satthāti, na kho panetaṃ, ānanda, evaṃ daṭṭhabbaṃ, yo vo, ānanda, mayā dhammo ca vinayo ca desito paññatto, so vo mamaccayena satthā’ti. Parinibbutassa tathāgatassa asādiyantassa kato adhikāro vañjho bhavati aphaloti, taṃ tesaṃ titthiyānaṃ vacanaṃ micchā abhūtaṃ vitathaṃ alikaṃ viruddhaṃ viparītaṃ dukkhadāyakaṃ dukkhavipākaṃ apāyagamanīyanti.

    ‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตริํ การณํ สุโณหิ เยน การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตเสฺสว กโต อธิกาโร อวโญฺฌ ภวติ สผโลฯ สาทิยติ นุ โข, มหาราช, อยํ มหาปถวี ‘สพฺพพีชานิ มยิ สํวิรุหนฺตู’’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิสฺส ปน ตานิ, มหาราช, พีชานิ อสาทิยนฺติยา มหาปถวิยา สํวิรุหิตฺวา ทฬฺหมูลชฎาปติฎฺฐิตา ขนฺธสารสาขาปริวิตฺถิณฺณา ปุปฺผผลธรา โหนฺตี’’ติ? ‘‘อสาทิยนฺตีปิ, ภเนฺต, มหาปถวี เตสํ พีชานํ วตฺถุํ โหติ ปจฺจยํ เทติ วิรุหนาย, ตานิ พีชานิ ตํ วตฺถุํ นิสฺสาย เตน ปจฺจเยน สํวิรุหิตฺวา ทฬฺหมูลชฎาปติฎฺฐิตา ขนฺธสารสาขาปริวิตฺถิณฺณา ปุปฺผผลธรา โหนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช, ติตฺถิยา สเก วาเท นฎฺฐา โหนฺติ หตา วิรุทฺธา, สเจ เต ภณนฺติ ‘อสาทิยนฺตสฺส กโต อธิกาโร วโญฺฌ ภวติ อผโล’ ติฯ

    ‘‘Aparampi, mahārāja, uttariṃ kāraṇaṃ suṇohi yena kāraṇena tathāgatassa parinibbutassa asādiyantasseva kato adhikāro avañjho bhavati saphalo. Sādiyati nu kho, mahārāja, ayaṃ mahāpathavī ‘sabbabījāni mayi saṃviruhantū’’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Kissa pana tāni, mahārāja, bījāni asādiyantiyā mahāpathaviyā saṃviruhitvā daḷhamūlajaṭāpatiṭṭhitā khandhasārasākhāparivitthiṇṇā pupphaphaladharā hontī’’ti? ‘‘Asādiyantīpi, bhante, mahāpathavī tesaṃ bījānaṃ vatthuṃ hoti paccayaṃ deti viruhanāya, tāni bījāni taṃ vatthuṃ nissāya tena paccayena saṃviruhitvā daḷhamūlajaṭāpatiṭṭhitā khandhasārasākhāparivitthiṇṇā pupphaphaladharā hontī’’ti. ‘‘Tena hi, mahārāja, titthiyā sake vāde naṭṭhā honti hatā viruddhā, sace te bhaṇanti ‘asādiyantassa kato adhikāro vañjho bhavati aphalo’ ti.

    ‘‘ยถา, มหาราช, มหาปถวี, เอวํ ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ ยถา, มหาราช, มหาปถวี น กิญฺจิ สาทิยติ, เอวํ ตถาคโต น กิญฺจิ สาทิยติฯ ยถา, มหาราช, ตานิ พีชานิ ปถวิํ นิสฺสาย สํวิรุหิตฺวา ทฬฺหมูลชฎาปติฎฺฐิตา ขนฺธสารสาขาปริวิตฺถิณฺณา ปุปฺผผลธรา โหนฺติ, เอวํ เทวมนุสฺสา ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตเสฺสว ธาตุญฺจ ญาณรตนญฺจ นิสฺสาย ทฬฺหกุสลมูลปติฎฺฐิตา สมาธิกฺขนฺธธมฺมสารสีลสาขาปริวิตฺถิณฺณา วิมุตฺติปุปฺผสามญฺญผลธรา โหนฺติ, อิมินาปิ, มหาราช , การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตเสฺสว กโต อธิกาโร อวโญฺฌ ภวติ สผโลติฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, mahāpathavī, evaṃ tathāgato arahaṃ sammāsambuddho. Yathā, mahārāja, mahāpathavī na kiñci sādiyati, evaṃ tathāgato na kiñci sādiyati. Yathā, mahārāja, tāni bījāni pathaviṃ nissāya saṃviruhitvā daḷhamūlajaṭāpatiṭṭhitā khandhasārasākhāparivitthiṇṇā pupphaphaladharā honti, evaṃ devamanussā tathāgatassa parinibbutassa asādiyantasseva dhātuñca ñāṇaratanañca nissāya daḷhakusalamūlapatiṭṭhitā samādhikkhandhadhammasārasīlasākhāparivitthiṇṇā vimuttipupphasāmaññaphaladharā honti, imināpi, mahārāja , kāraṇena tathāgatassa parinibbutassa asādiyantasseva kato adhikāro avañjho bhavati saphaloti.

    ‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตริํ การณํ สุโณหิ เยน การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตเสฺสว กโต อธิกาโร อวโญฺฌ ภวติ สผโลฯ สาทิยนฺติ นุ โข, มหาราช, อิเม โอฎฺฐา โคณา คทฺรภา อชา ปสู มนุสฺสา อโนฺตกุจฺฉิสฺมิํ กิมิกุลานํ สมฺภว’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิสฺส ปน เต, มหาราช, กิมโย เตสํ อสาทิยนฺตานํ อโนฺตกุจฺฉิสฺมิํ สมฺภวิตฺวา พหุปุตฺตนตฺตา เวปุลฺลตํ ปาปุณนฺตี’’ติ? ‘‘ปาปสฺส, ภเนฺต, กมฺมสฺส พลวตาย อสาทิยนฺตานํ เยว เตสํ สตฺตานํ อโนฺตกุจฺฉิสฺมิํ กิมโย สมฺภวิตฺวา พหุปุตฺตนตฺตา เวปุลฺลตํ ปาปุณนฺตี’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตเสฺสว ธาตุสฺส จ ญาณารมฺมณสฺส จ พลวตาย ตถาคเต กโต อธิกาโร อวโญฺฌ ภวติ สผโลติฯ

    ‘‘Aparampi, mahārāja, uttariṃ kāraṇaṃ suṇohi yena kāraṇena tathāgatassa parinibbutassa asādiyantasseva kato adhikāro avañjho bhavati saphalo. Sādiyanti nu kho, mahārāja, ime oṭṭhā goṇā gadrabhā ajā pasū manussā antokucchismiṃ kimikulānaṃ sambhava’’nti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Kissa pana te, mahārāja, kimayo tesaṃ asādiyantānaṃ antokucchismiṃ sambhavitvā bahuputtanattā vepullataṃ pāpuṇantī’’ti? ‘‘Pāpassa, bhante, kammassa balavatāya asādiyantānaṃ yeva tesaṃ sattānaṃ antokucchismiṃ kimayo sambhavitvā bahuputtanattā vepullataṃ pāpuṇantī’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, tathāgatassa parinibbutassa asādiyantasseva dhātussa ca ñāṇārammaṇassa ca balavatāya tathāgate kato adhikāro avañjho bhavati saphaloti.

    ‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตริํ การณํ สุโณหิ เยน การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตเสฺสว กโต อธิกาโร อวโญฺฌ ภวติ สผโลฯ สาทิยนฺติ นุ โข, มหาราช, อิเม มนุสฺสา อิเม อฎฺฐนวุติ โรคา กาเย นิพฺพตฺตนฺตู’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิสฺส ปน เต, มหาราช, โรคา อสาทิยนฺตานํ กาเย นิปตนฺตี’’ติ? ‘‘ปุเพฺพ กเตน, ภเนฺต, ทุจฺจริเตนา’’ติฯ ‘‘ยทิ, มหาราช, ปุเพฺพ กตํ อกุสลํ อิธ เวทนียํ โหติ, เตน หิ, มหาราช, ปุเพฺพ กตมฺปิ อิธ กตมฺปิ กุสลากุสลํ กมฺมํ อวญฺฌํ ภวติ สผลนฺติฯ อิมินาปิ, มหาราช, การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตเสฺสว กโต อธิกาโร อวโญฺฌ ภวติ สผโลติฯ

    ‘‘Aparampi, mahārāja, uttariṃ kāraṇaṃ suṇohi yena kāraṇena tathāgatassa parinibbutassa asādiyantasseva kato adhikāro avañjho bhavati saphalo. Sādiyanti nu kho, mahārāja, ime manussā ime aṭṭhanavuti rogā kāye nibbattantū’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Kissa pana te, mahārāja, rogā asādiyantānaṃ kāye nipatantī’’ti? ‘‘Pubbe katena, bhante, duccaritenā’’ti. ‘‘Yadi, mahārāja, pubbe kataṃ akusalaṃ idha vedanīyaṃ hoti, tena hi, mahārāja, pubbe katampi idha katampi kusalākusalaṃ kammaṃ avañjhaṃ bhavati saphalanti. Imināpi, mahārāja, kāraṇena tathāgatassa parinibbutassa asādiyantasseva kato adhikāro avañjho bhavati saphaloti.

    ‘‘สุตปุพฺพํ ปน ตยา, มหาราช, นนฺทโก นาม ยโกฺข เถรํ สาริปุตฺตํ อาสาทยิตฺวา ปถวิํ ปวิโฎฺฐ’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต, สุยฺยติ, โลเก ปากโฎ เอโส’’ติฯ ‘‘อปิ นุ โข, มหาราช, เถโร สาริปุโตฺต สาทิยิ นนฺทกสฺส ยกฺขสฺส มหาปถวิคิลน’’นฺติ 11ฯ ‘‘อุพฺพตฺติยเนฺตปิ, ภเนฺต, สเทวเก โลเก ปตมาเนปิ ฉมายํ จนฺทิมสูริเย วิกิรเนฺตปิ สิเนรุปพฺพตราเช เถโร สาริปุโตฺต น ปรสฺส ทุกฺขํ สาทิเยยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เยน เหตุนา เถโร สาริปุโตฺต กุเชฺฌยฺย วา ทุเสฺสยฺย วา, โส เหตุ เถรสฺส สาริปุตฺตสฺส สมูหโต สมุจฺฉิโนฺน, เหตุโน สมุคฺฆาติตตฺตา, ภเนฺต, เถโร สาริปุโตฺต ชีวิตหารเกปิ โกปํ น กเรยฺยา’’ติฯ ‘‘ยทิ, มหาราช , เถโร สาริปุโตฺต นนฺทกสฺส ยกฺขสฺส ปถวิคิลนํ น สาทิยิ, กิสฺส ปน นนฺทโก ยโกฺข ปถวิํ ปวิโฎฺฐ’’ติ? ‘‘อกุสลสฺส, ภเนฺต, กมฺมสฺส พลวตายา’’ติฯ ‘‘ยทิ, มหาราช, อกุสลสฺส กมฺมสฺส พลวตาย นนฺทโก ยโกฺข ปถวิํ ปวิโฎฺฐ, อสาทิยนฺตสฺสาปิ กโต อปราโธ อวโญฺฌ ภวติ สผโลฯ เตน หิ, มหาราช, อกุสลสฺสปิ กมฺมสฺส พลวตาย อสาทิยนฺตสฺส กโต อธิกาโร อวโญฺฌ ภวติ สผโลติฯ อิมินาปิ, มหาราช, การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตเสฺสว กโต อธิกาโร อวโญฺฌ ภวติ สผโลติฯ

    ‘‘Sutapubbaṃ pana tayā, mahārāja, nandako nāma yakkho theraṃ sāriputtaṃ āsādayitvā pathaviṃ paviṭṭho’’ti? ‘‘Āma, bhante, suyyati, loke pākaṭo eso’’ti. ‘‘Api nu kho, mahārāja, thero sāriputto sādiyi nandakassa yakkhassa mahāpathavigilana’’nti 12. ‘‘Ubbattiyantepi, bhante, sadevake loke patamānepi chamāyaṃ candimasūriye vikirantepi sinerupabbatarāje thero sāriputto na parassa dukkhaṃ sādiyeyya. Taṃ kissa hetu? Yena hetunā thero sāriputto kujjheyya vā dusseyya vā, so hetu therassa sāriputtassa samūhato samucchinno, hetuno samugghātitattā, bhante, thero sāriputto jīvitahārakepi kopaṃ na kareyyā’’ti. ‘‘Yadi, mahārāja , thero sāriputto nandakassa yakkhassa pathavigilanaṃ na sādiyi, kissa pana nandako yakkho pathaviṃ paviṭṭho’’ti? ‘‘Akusalassa, bhante, kammassa balavatāyā’’ti. ‘‘Yadi, mahārāja, akusalassa kammassa balavatāya nandako yakkho pathaviṃ paviṭṭho, asādiyantassāpi kato aparādho avañjho bhavati saphalo. Tena hi, mahārāja, akusalassapi kammassa balavatāya asādiyantassa kato adhikāro avañjho bhavati saphaloti. Imināpi, mahārāja, kāraṇena tathāgatassa parinibbutassa asādiyantasseva kato adhikāro avañjho bhavati saphaloti.

    ‘‘กติ นุ โข เต, มหาราช, มนุสฺสา, เย เอตรหิ มหาปถวิํ ปวิฎฺฐา, อตฺถิ เต ตตฺถ สวณ’’นฺติ? ‘‘อาม, ภเนฺต, สุยฺยตี’’ติฯ ‘‘อิงฺฆ ตฺวํ, มหาราช, สาเวหี’’ติ? ‘‘จิญฺจมาณวิกา, ภเนฺต, สุปฺปพุโทฺธ จ สโกฺก, เทวทโตฺต จ เถโร, นนฺทโก จ ยโกฺข, นโนฺท จ มาณวโกติฯ สุตเมตํ, ภเนฺต, อิเม ปญฺจ ชนา มหาปถวิํ ปวิฎฺฐา’’ติฯ ‘‘กิสฺมิํ เต, มหาราช, อปรทฺธา’’ติ? ‘‘ภควติ จ, ภเนฺต, สาวเกสุ จา’’ติฯ ‘‘อปิ นุ โข, มหาราช , ภควา วา สาวกา วา สาทิยิํสุ อิเมสํ มหาปถวิปวิสน’’นฺติ? ‘‘น หิ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช, ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตเสฺสว กโต อธิกาโร อวโญฺฌ ภวติ สผโล’’ติฯ ‘‘สุวิญฺญาปิโต, ภเนฺต นาคเสน, ปโญฺห คมฺภีโร อุตฺตานีกโต, คุยฺหํ วิทํสิตํ , คณฺฐิ ภิโนฺน, คหนํ อคหนํ กตํ, นฎฺฐา ปรวาทา, ภคฺคา กุทิฎฺฐี, นิปฺปภา ชาตา กุติตฺถิยา, ตฺวํ คณีวรปวรมาสชฺชา’’ติฯ

    ‘‘Kati nu kho te, mahārāja, manussā, ye etarahi mahāpathaviṃ paviṭṭhā, atthi te tattha savaṇa’’nti? ‘‘Āma, bhante, suyyatī’’ti. ‘‘Iṅgha tvaṃ, mahārāja, sāvehī’’ti? ‘‘Ciñcamāṇavikā, bhante, suppabuddho ca sakko, devadatto ca thero, nandako ca yakkho, nando ca māṇavakoti. Sutametaṃ, bhante, ime pañca janā mahāpathaviṃ paviṭṭhā’’ti. ‘‘Kismiṃ te, mahārāja, aparaddhā’’ti? ‘‘Bhagavati ca, bhante, sāvakesu cā’’ti. ‘‘Api nu kho, mahārāja , bhagavā vā sāvakā vā sādiyiṃsu imesaṃ mahāpathavipavisana’’nti? ‘‘Na hi bhante’’ti. ‘‘Tena hi, mahārāja, tathāgatassa parinibbutassa asādiyantasseva kato adhikāro avañjho bhavati saphalo’’ti. ‘‘Suviññāpito, bhante nāgasena, pañho gambhīro uttānīkato, guyhaṃ vidaṃsitaṃ , gaṇṭhi bhinno, gahanaṃ agahanaṃ kataṃ, naṭṭhā paravādā, bhaggā kudiṭṭhī, nippabhā jātā kutitthiyā, tvaṃ gaṇīvarapavaramāsajjā’’ti.

    กตาธิการสผลปโญฺห ปฐโมฯ

    Katādhikārasaphalapañho paṭhamo.







    Footnotes:
    1. วโญฺจ ภวติ อผโล (สี. ปี. ก.)
    2. vañco bhavati aphalo (sī. pī. ka.)
    3. ปูชิตา (สฺยา.)
    4. pūjitā (syā.)
    5. มทฺทิตฺวา (ก.)
    6. madditvā (ka.)
    7. ทสสหสฺสิมฺหิ (สี. ปี. ก.)
    8. dasasahassimhi (sī. pī. ka.)
    9. อนุสตฺถิญฺจ (สี. ปี.)
    10. anusatthiñca (sī. pī.)
    11. ปวตฺตมาเนปิ (สฺยา.)
    12. pavattamānepi (syā.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact