Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปริวารปาฬิ • Parivārapāḷi |
๒. กตาปตฺติวาโร
2. Katāpattivāro
๒๗๗. ปฐเมน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน กติ อาปตฺติโย อาปชฺชติ? ปฐเมน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน ปญฺจ อาปตฺติโย อาปชฺชติฯ ภิกฺขุ กปฺปิยสญฺญี สญฺญาจิกาย กุฎิํ กโรติ อเทสิตวตฺถุกํ ปมาณาติกฺกนฺตํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ, ปโยเค ทุกฺกฎํ; เอกํ ปิณฺฑํ อนาคเต อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส; ตสฺมิํ ปิเณฺฑ อาคเต อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺส; ภิกฺขุ กปฺปิยสญฺญี วิกาเล โภชนํ ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส; ภิกฺขุ กปฺปิยสญฺญี อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา อนฺตรฆรํ ปวิฎฺฐาย หตฺถโต ขาทนียํ วา โภชนียํ วา สหตฺถา ปฎิคฺคเหตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาฎิเทสนียสฺส – ปฐเมน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน อิมา ปญฺจ อาปตฺติโย อาปชฺชติฯ
277. Paṭhamena āpattisamuṭṭhānena kati āpattiyo āpajjati? Paṭhamena āpattisamuṭṭhānena pañca āpattiyo āpajjati. Bhikkhu kappiyasaññī saññācikāya kuṭiṃ karoti adesitavatthukaṃ pamāṇātikkantaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ, payoge dukkaṭaṃ; ekaṃ piṇḍaṃ anāgate āpatti thullaccayassa; tasmiṃ piṇḍe āgate āpatti saṅghādisesassa; bhikkhu kappiyasaññī vikāle bhojanaṃ bhuñjati, āpatti pācittiyassa; bhikkhu kappiyasaññī aññātikāya bhikkhuniyā antaragharaṃ paviṭṭhāya hatthato khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā sahatthā paṭiggahetvā bhuñjati, āpatti pāṭidesanīyassa – paṭhamena āpattisamuṭṭhānena imā pañca āpattiyo āpajjati.
ตา อาปตฺติโย จตุนฺนํ วิปตฺตีนํ กติ วิปตฺติโย ภชนฺติ? สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ กติหิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ สงฺคหิตา? ฉนฺนํ อาปตฺติสมุฎฺฐานานํ กติหิ สมุฎฺฐาเนหิ สมุฎฺฐนฺติ? จตุนฺนํ อธิกรณานํ กตมํ อธิกรณํ? สตฺตนฺนํ สมถานํ กติหิ สมเถหิ สมฺมนฺติ? ตา อาปตฺติโย จตุนฺนํ วิปตฺตีนํ เทฺว วิปตฺติโย ภชนฺติ – สิยา สีลวิปตฺติํ, สิยา อาจารวิปตฺติํฯ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ ปญฺจหิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ สงฺคหิตา – สิยา สงฺฆาทิเสสาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ถุลฺลจฺจยาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ปาจิตฺติยาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ปาฎิเทสนียาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ทุกฺกฎาปตฺติกฺขเนฺธนฯ ฉนฺนํ อาปตฺติสมุฎฺฐานานํ เอเกน สมุฎฺฐาเนน สมุฎฺฐนฺติ – กายโต สมุฎฺฐนฺติ, น วาจโต น จิตฺตโตฯ จตุนฺนํ อธิกรณานํ อาปตฺตาธิกรณํ ฯ สตฺตนฺนํ สมถานํ ตีหิ สมเถหิ สมฺมนฺติ – สิยา สมฺมุขาวินเยน จ ปฎิญฺญาตกรเณน จ, สิยา สมฺมุขาวินเยน จ ติณวตฺถารเกน จฯ
Tā āpattiyo catunnaṃ vipattīnaṃ kati vipattiyo bhajanti? Sattannaṃ āpattikkhandhānaṃ katihi āpattikkhandhehi saṅgahitā? Channaṃ āpattisamuṭṭhānānaṃ katihi samuṭṭhānehi samuṭṭhanti? Catunnaṃ adhikaraṇānaṃ katamaṃ adhikaraṇaṃ? Sattannaṃ samathānaṃ katihi samathehi sammanti? Tā āpattiyo catunnaṃ vipattīnaṃ dve vipattiyo bhajanti – siyā sīlavipattiṃ, siyā ācāravipattiṃ. Sattannaṃ āpattikkhandhānaṃ pañcahi āpattikkhandhehi saṅgahitā – siyā saṅghādisesāpattikkhandhena, siyā thullaccayāpattikkhandhena, siyā pācittiyāpattikkhandhena, siyā pāṭidesanīyāpattikkhandhena, siyā dukkaṭāpattikkhandhena. Channaṃ āpattisamuṭṭhānānaṃ ekena samuṭṭhānena samuṭṭhanti – kāyato samuṭṭhanti, na vācato na cittato. Catunnaṃ adhikaraṇānaṃ āpattādhikaraṇaṃ . Sattannaṃ samathānaṃ tīhi samathehi sammanti – siyā sammukhāvinayena ca paṭiññātakaraṇena ca, siyā sammukhāvinayena ca tiṇavatthārakena ca.
๒๗๘. ทุติเยน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน กติ อาปตฺติโย อาปชฺชติ? ทุติเยน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน จตโสฺส อาปตฺติโย อาปชฺชติ – ภิกฺขุ กปฺปิยสญฺญี สมาทิสติ – ‘‘กุฎิํ เม กโรถา’’ติฯ ตสฺส กุฎิํ กโรนฺติ อเทสิตวตฺถุกํ ปมาณาติกฺกนฺตํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํฯ ปโยเค ทุกฺกฎํ; เอกํ ปิณฺฑํ อนาคเต อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส; ตสฺมิํ ปิเณฺฑ อาคเต อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ ภิกฺขุ กปฺปิยสญฺญี อนุปสมฺปนฺนํ ปทโส ธมฺมํ วาเจติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส – ทุติเยน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน อิมา จตโสฺส อาปตฺติโย อาปชฺชติฯ
278. Dutiyena āpattisamuṭṭhānena kati āpattiyo āpajjati? Dutiyena āpattisamuṭṭhānena catasso āpattiyo āpajjati – bhikkhu kappiyasaññī samādisati – ‘‘kuṭiṃ me karothā’’ti. Tassa kuṭiṃ karonti adesitavatthukaṃ pamāṇātikkantaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ. Payoge dukkaṭaṃ; ekaṃ piṇḍaṃ anāgate āpatti thullaccayassa; tasmiṃ piṇḍe āgate āpatti saṅghādisesassa. Bhikkhu kappiyasaññī anupasampannaṃ padaso dhammaṃ vāceti, āpatti pācittiyassa – dutiyena āpattisamuṭṭhānena imā catasso āpattiyo āpajjati.
ตา อาปตฺติโย จตุนฺนํ วิปตฺตีนํ กติ วิปตฺติโย ภชนฺติ…เป.… สตฺตนฺนํ สมถานํ กติหิ สมเถหิ สมฺมนฺติ? ตา อาปตฺติโย จตุนฺนํ วิปตฺตีนํ เทฺว วิปตฺติโย ภชนฺติ – สิยา สีลวิปตฺติํ, สิยา อาจารวิปตฺติํฯ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ จตูหิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ สงฺคหิตา – สิยา สงฺฆาทิเสสาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ถุลฺลจฺจยาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ปาจิตฺติยาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ทุกฺกฎาปตฺติกฺขเนฺธนฯ ฉนฺนํ อาปตฺติสมุฎฺฐานานํ เอเกน สมุฎฺฐาเนน สมุฎฺฐนฺติ – วาจโต สมุฎฺฐนฺติ, น กายโต น จิตฺตโตฯ จตุนฺนํ อธิกรณานํ, อาปตฺตาธิกรณํฯ สตฺตนฺนํ สมถานํ ตีหิ สมเถหิ สมฺมนฺติ – สิยา สมฺมุขาวินเยน จ ปฎิญฺญาตกรเณน จ, สิยา สมฺมุขาวินเยน จ ติณวตฺถารเกน จฯ
Tā āpattiyo catunnaṃ vipattīnaṃ kati vipattiyo bhajanti…pe… sattannaṃ samathānaṃ katihi samathehi sammanti? Tā āpattiyo catunnaṃ vipattīnaṃ dve vipattiyo bhajanti – siyā sīlavipattiṃ, siyā ācāravipattiṃ. Sattannaṃ āpattikkhandhānaṃ catūhi āpattikkhandhehi saṅgahitā – siyā saṅghādisesāpattikkhandhena, siyā thullaccayāpattikkhandhena, siyā pācittiyāpattikkhandhena, siyā dukkaṭāpattikkhandhena. Channaṃ āpattisamuṭṭhānānaṃ ekena samuṭṭhānena samuṭṭhanti – vācato samuṭṭhanti, na kāyato na cittato. Catunnaṃ adhikaraṇānaṃ, āpattādhikaraṇaṃ. Sattannaṃ samathānaṃ tīhi samathehi sammanti – siyā sammukhāvinayena ca paṭiññātakaraṇena ca, siyā sammukhāvinayena ca tiṇavatthārakena ca.
๒๗๙. ตติเยน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน กติ อาปตฺติโย อาปชฺชติ? ตติเยน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน ปญฺจ อาปตฺติโย อาปชฺชติฯ ภิกฺขุ กปฺปิยสญฺญี สํวิทหิตฺวา กุฎิํ กโรติ อเทสิตวตฺถุกํ ปมาณาติกฺกนฺตํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํฯ ปโยเค ทุกฺกฎํ; เอกํ ปิณฺฑํ อนาคเต อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส; ตสฺมิํ ปิเณฺฑ อาคเต อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ ภิกฺขุ กปฺปิยสญฺญี ปณีตโภชนานิ อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ภิกฺขุ กปฺปิยสญฺญี ภิกฺขุนิยา โวสาสนฺติยา น นิวาเรตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาฎิเทสนียสฺส – ตติเยน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน อิมา ปญฺจ อาปตฺติโย อาปชฺชติฯ
279. Tatiyena āpattisamuṭṭhānena kati āpattiyo āpajjati? Tatiyena āpattisamuṭṭhānena pañca āpattiyo āpajjati. Bhikkhu kappiyasaññī saṃvidahitvā kuṭiṃ karoti adesitavatthukaṃ pamāṇātikkantaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ. Payoge dukkaṭaṃ; ekaṃ piṇḍaṃ anāgate āpatti thullaccayassa; tasmiṃ piṇḍe āgate āpatti saṅghādisesassa. Bhikkhu kappiyasaññī paṇītabhojanāni attano atthāya viññāpetvā bhuñjati, āpatti pācittiyassa. Bhikkhu kappiyasaññī bhikkhuniyā vosāsantiyā na nivāretvā bhuñjati, āpatti pāṭidesanīyassa – tatiyena āpattisamuṭṭhānena imā pañca āpattiyo āpajjati.
ตา อาปตฺติโย จตุนฺนํ วิปตฺตีนํ กติ วิปตฺติโย ภชนฺติ…เป.… สตฺตนฺนํ สมถานํ กติหิ สมเถหิ สมฺมนฺติ? ตา อาปตฺติโย จตุนฺนํ วิปตฺตีนํ เทฺว วิปตฺติโย ภชนฺติ – สิยา สีลวิปตฺติํ, สิยา อาจารวิปตฺติํฯ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ ปญฺจหิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ สงฺคหิตา – สิยา สงฺฆาทิเสสาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ถุลฺลจฺจยาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ปาจิตฺติยาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ปาฎิเทสนียาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ทุกฺกฎาปตฺติกฺขเนฺธนฯ ฉนฺนํ อาปตฺติสมุฎฺฐานานํ เอเกน สมุฎฺฐาเนน สมุฎฺฐนฺติ – กายโต จ วาจโต จ สมุฎฺฐนฺติ, น จิตฺตโตฯ จตุนฺนํ อธิกรณานํ, อาปตฺตาธิกรณํ ฯ สตฺตนฺนํ สมถานํ ตีหิ สมเถหิ สมฺมนฺติ – สิยา สมฺมุขาวินเยน จ ปฎิญฺญาตกรเณน จ, สิยา สมฺมุขาวินเยน จ ติณวตฺถารเกน จฯ
Tā āpattiyo catunnaṃ vipattīnaṃ kati vipattiyo bhajanti…pe… sattannaṃ samathānaṃ katihi samathehi sammanti? Tā āpattiyo catunnaṃ vipattīnaṃ dve vipattiyo bhajanti – siyā sīlavipattiṃ, siyā ācāravipattiṃ. Sattannaṃ āpattikkhandhānaṃ pañcahi āpattikkhandhehi saṅgahitā – siyā saṅghādisesāpattikkhandhena, siyā thullaccayāpattikkhandhena, siyā pācittiyāpattikkhandhena, siyā pāṭidesanīyāpattikkhandhena, siyā dukkaṭāpattikkhandhena. Channaṃ āpattisamuṭṭhānānaṃ ekena samuṭṭhānena samuṭṭhanti – kāyato ca vācato ca samuṭṭhanti, na cittato. Catunnaṃ adhikaraṇānaṃ, āpattādhikaraṇaṃ . Sattannaṃ samathānaṃ tīhi samathehi sammanti – siyā sammukhāvinayena ca paṭiññātakaraṇena ca, siyā sammukhāvinayena ca tiṇavatthārakena ca.
๒๘๐. จตุเตฺถน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน กติ อาปตฺติโย อาปชฺชติ? จตุเตฺถน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน ฉ อาปตฺติโย อาปชฺชติ – ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสวติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส; ภิกฺขุ อกปฺปิยสญฺญี สญฺญาจิกาย กุฎิํ กโรติ อเทสิตวตฺถุกํ ปมาณาติกฺกนฺตํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ, ปโยเค ทุกฺกฎํ; เอกํ ปิณฺฑํ อนาคเต อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส; ตสฺมิํ ปิเณฺฑ อาคเต อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ ภิกฺขุ อกปฺปิยสญฺญี วิกาเล โภชนํ ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ภิกฺขุ อกปฺปิยสญฺญี อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา อนฺตรฆรํ ปวิฎฺฐาย หตฺถโต ขาทนียํ วา โภชนียํ วา สหตฺถา ปฎิคฺคเหตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาฎิเทสนียสฺสฯ จตุเตฺถน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน อิมา ฉ อาปตฺติโย อาปชฺชติฯ
280. Catutthena āpattisamuṭṭhānena kati āpattiyo āpajjati? Catutthena āpattisamuṭṭhānena cha āpattiyo āpajjati – bhikkhu methunaṃ dhammaṃ paṭisevati, āpatti pārājikassa; bhikkhu akappiyasaññī saññācikāya kuṭiṃ karoti adesitavatthukaṃ pamāṇātikkantaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ, payoge dukkaṭaṃ; ekaṃ piṇḍaṃ anāgate āpatti thullaccayassa; tasmiṃ piṇḍe āgate āpatti saṅghādisesassa. Bhikkhu akappiyasaññī vikāle bhojanaṃ bhuñjati, āpatti pācittiyassa. Bhikkhu akappiyasaññī aññātikāya bhikkhuniyā antaragharaṃ paviṭṭhāya hatthato khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā sahatthā paṭiggahetvā bhuñjati, āpatti pāṭidesanīyassa. Catutthena āpattisamuṭṭhānena imā cha āpattiyo āpajjati.
ตา อาปตฺติโย จตุนฺนํ วิปตฺตีนํ กติ วิปตฺติโย ภชนฺติ…เป.… สตฺตนฺนํ สมถานํ กติหิ สมเถหิ สมฺมนฺติ? ตา อาปตฺติโย จตุนฺนํ วิปตฺตีนํ เทฺว วิปตฺติโย ภชนฺติ – สิยา สีลวิปตฺติํ , สิยา อาจารวิปตฺติํฯ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ ฉหิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ สงฺคหิตา – สิยา ปาราชิกาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา สงฺฆาทิเสสาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ถุลฺลจฺจยาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ปาจิตฺติยาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ปาฎิเทสนียาปตฺติกฺขเนฺธน , สิยา ทุกฺกฎาปตฺติกฺขเนฺธนฯ ฉนฺนํ อาปตฺติสมุฎฺฐานานํ เอเกน สมุฎฺฐาเนน สมุฎฺฐนฺติ – กายโต จ จิตฺตโต จ สมุฎฺฐนฺติ, น วาจโตฯ จตุนฺนํ อธิกรณานํ, อาปตฺตาธิกรณํฯ สตฺตนฺนํ สมถานํ ตีหิ สมเถหิ สมฺมนฺติ – สิยา สมฺมุขาวินเยน จ ปฎิญฺญาตกรเณน จ, สิยา สมฺมุขาวินเยน จ ติณวตฺถารเกน จฯ
Tā āpattiyo catunnaṃ vipattīnaṃ kati vipattiyo bhajanti…pe… sattannaṃ samathānaṃ katihi samathehi sammanti? Tā āpattiyo catunnaṃ vipattīnaṃ dve vipattiyo bhajanti – siyā sīlavipattiṃ , siyā ācāravipattiṃ. Sattannaṃ āpattikkhandhānaṃ chahi āpattikkhandhehi saṅgahitā – siyā pārājikāpattikkhandhena, siyā saṅghādisesāpattikkhandhena, siyā thullaccayāpattikkhandhena, siyā pācittiyāpattikkhandhena, siyā pāṭidesanīyāpattikkhandhena , siyā dukkaṭāpattikkhandhena. Channaṃ āpattisamuṭṭhānānaṃ ekena samuṭṭhānena samuṭṭhanti – kāyato ca cittato ca samuṭṭhanti, na vācato. Catunnaṃ adhikaraṇānaṃ, āpattādhikaraṇaṃ. Sattannaṃ samathānaṃ tīhi samathehi sammanti – siyā sammukhāvinayena ca paṭiññātakaraṇena ca, siyā sammukhāvinayena ca tiṇavatthārakena ca.
๒๘๑. ปญฺจเมน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน กติ อาปตฺติโย อาปชฺชติ? ปญฺจเมน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน ฉ อาปตฺติโย อาปชฺชติฯ ภิกฺขุ ปาปิโจฺฉ อิจฺฉาปกโต อสนฺตํ อภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อุลฺลปติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส; ภิกฺขุ อกปฺปิยสญฺญี สมาทิสติ – ‘‘กุฎิํ เม กโรถา’’ติฯ ตสฺส กุฎิํ กโรนฺติ อเทสิตวตฺถุกํ ปมาณาติกฺกนฺตํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํฯ ปโยเค ทุกฺกฎํ; เอกํ ปิณฺฑํ อนาคเต อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส; ตสฺมิํ ปิเณฺฑ อาคเต อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ ภิกฺขุ อกปฺปิยสญฺญี อนุปสมฺปนฺนํ ปทโส ธมฺมํ วาเจติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ น ขุํเสตุกาโม น วเมฺภตุกาโม น มงฺกุกตฺตุกาโม ทวกมฺยตา หีเนน หีนํ วเทติ, อาปตฺติ ทุพฺภาสิตสฺส – ปญฺจเมน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน อิมา ฉ อาปตฺติโย อาปชฺชติฯ
281. Pañcamena āpattisamuṭṭhānena kati āpattiyo āpajjati? Pañcamena āpattisamuṭṭhānena cha āpattiyo āpajjati. Bhikkhu pāpiccho icchāpakato asantaṃ abhūtaṃ uttarimanussadhammaṃ ullapati, āpatti pārājikassa; bhikkhu akappiyasaññī samādisati – ‘‘kuṭiṃ me karothā’’ti. Tassa kuṭiṃ karonti adesitavatthukaṃ pamāṇātikkantaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ. Payoge dukkaṭaṃ; ekaṃ piṇḍaṃ anāgate āpatti thullaccayassa; tasmiṃ piṇḍe āgate āpatti saṅghādisesassa. Bhikkhu akappiyasaññī anupasampannaṃ padaso dhammaṃ vāceti, āpatti pācittiyassa. Na khuṃsetukāmo na vambhetukāmo na maṅkukattukāmo davakamyatā hīnena hīnaṃ vadeti, āpatti dubbhāsitassa – pañcamena āpattisamuṭṭhānena imā cha āpattiyo āpajjati.
ตา อาปตฺติโย จตุนฺนํ วิปตฺตีนํ กติ วิปตฺติโย ภชนฺติ…เป.… สตฺตนฺนํ สมถานํ กติหิ สมเถหิ สมฺมนฺติ? ตา อาปตฺติโย จตุนฺนํ วิปตฺตีนํ เทฺว วิปตฺติโย ภชนฺติ – สิยา สีลวิปตฺติํ, สิยา อาจารวิปตฺติํฯ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ ฉหิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ สงฺคหิตา – สิยา ปาราชิกาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา สงฺฆาทิเสสาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ถุลฺลจฺจยาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ปาจิตฺติยาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ทุกฺกฎาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ทุพฺภาสิตาปตฺติกฺขเนฺธนฯ ฉนฺนํ อาปตฺติสมุฎฺฐานานํ เอเกน สมุฎฺฐาเนน สมุฎฺฐนฺติ – วาจโต จ จิตฺตโต จ สมุฎฺฐนฺติ, น กายโตฯ จตุนฺนํ อธิกรณานํ, อาปตฺตาธิกรณํฯ สตฺตนฺนํ สมถานํ ตีหิ สมเถหิ สมฺมนฺติ – สิยา สมฺมุขาวินเยน จ ปฎิญฺญาตกรเณน จ, สิยา สมฺมุขาวินเยน จ ติณวตฺถารเกน จฯ
Tā āpattiyo catunnaṃ vipattīnaṃ kati vipattiyo bhajanti…pe… sattannaṃ samathānaṃ katihi samathehi sammanti? Tā āpattiyo catunnaṃ vipattīnaṃ dve vipattiyo bhajanti – siyā sīlavipattiṃ, siyā ācāravipattiṃ. Sattannaṃ āpattikkhandhānaṃ chahi āpattikkhandhehi saṅgahitā – siyā pārājikāpattikkhandhena, siyā saṅghādisesāpattikkhandhena, siyā thullaccayāpattikkhandhena, siyā pācittiyāpattikkhandhena, siyā dukkaṭāpattikkhandhena, siyā dubbhāsitāpattikkhandhena. Channaṃ āpattisamuṭṭhānānaṃ ekena samuṭṭhānena samuṭṭhanti – vācato ca cittato ca samuṭṭhanti, na kāyato. Catunnaṃ adhikaraṇānaṃ, āpattādhikaraṇaṃ. Sattannaṃ samathānaṃ tīhi samathehi sammanti – siyā sammukhāvinayena ca paṭiññātakaraṇena ca, siyā sammukhāvinayena ca tiṇavatthārakena ca.
๒๘๒. ฉเฎฺฐน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน กติ อาปตฺติโย อาปชฺชติ? ฉเฎฺฐน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน ฉ อาปตฺติโย อาปชฺชติ – ภิกฺขุ สํวิทหิตฺวา ภณฺฑํ อวหรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส ; ภิกฺขุ อกปฺปิยสญฺญี สํวิทหิตฺวา กุฎิํ กโรติ อเทสิตวตฺถุกํ ปมาณาติกฺกนฺตํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ, ปโยเค ทุกฺกฎํ; เอกํ ปิณฺฑํ อนาคเต อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส; ตสฺมิํ ปิเณฺฑ อาคเต, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ ภิกฺขุ อกปฺปิยสญฺญี ปณีตโภชนานิ อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ภิกฺขุ อกปฺปิยสญฺญี ภิกฺขุนิยา โวสาสนฺติยา น นิวาเรตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาฎิเทสนียสฺส – ฉเฎฺฐน อาปตฺติสมุฎฺฐาเนน อิมา ฉ อาปตฺติโย อาปชฺชติฯ
282. Chaṭṭhena āpattisamuṭṭhānena kati āpattiyo āpajjati? Chaṭṭhena āpattisamuṭṭhānena cha āpattiyo āpajjati – bhikkhu saṃvidahitvā bhaṇḍaṃ avaharati, āpatti pārājikassa ; bhikkhu akappiyasaññī saṃvidahitvā kuṭiṃ karoti adesitavatthukaṃ pamāṇātikkantaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ, payoge dukkaṭaṃ; ekaṃ piṇḍaṃ anāgate āpatti thullaccayassa; tasmiṃ piṇḍe āgate, āpatti saṅghādisesassa. Bhikkhu akappiyasaññī paṇītabhojanāni attano atthāya viññāpetvā bhuñjati, āpatti pācittiyassa. Bhikkhu akappiyasaññī bhikkhuniyā vosāsantiyā na nivāretvā bhuñjati, āpatti pāṭidesanīyassa – chaṭṭhena āpattisamuṭṭhānena imā cha āpattiyo āpajjati.
ตา อาปตฺติโย จตุนฺนํ วิปตฺตีนํ กติ วิปตฺติโย ภชนฺติ? สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ กติหิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ สงฺคหิตา ? ฉนฺนํ อาปตฺติสมุฎฺฐานานํ กติหิ อาปตฺติสมุฎฺฐาเนหิ สมุฎฺฐนฺติ? จตุนฺนํ อธิกรณานํ กตมํ อธิกรณํ? สตฺตนฺนํ สมถานํ กติหิ สมเถหิ สมฺมนฺติ? ตา อาปตฺติโย จตุนฺนํ วิปตฺตีนํ เทฺว วิปตฺติโย ภชนฺติ – สิยา สีลวิปตฺติํ, สิยา อาจารวิปตฺติํฯ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ ฉหิ อาปตฺติกฺขเนฺธหิ สงฺคหิตา – สิยา ปาราชิกาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา สงฺฆาทิเสสาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ถุลฺลจฺจยาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ปาจิตฺติยาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ปาฎิเทสนียาปตฺติกฺขเนฺธน, สิยา ทุกฺกฎาปตฺติกฺขเนฺธนฯ ฉนฺนํ อาปตฺติสมุฎฺฐานานํ เอเกน สมุฎฺฐาเนน สมุฎฺฐนฺติ – กายโต จ วาจโต จ จิตฺตโต จ สมุฎฺฐนฺติฯ จตุนฺนํ อธิกรณานํ, อาปตฺตาธิกรณํฯ สตฺตนฺนํ สมถานํ ตีหิ สมเถหิ สมฺมนฺติ – สิยา สมฺมุขาวินเยน จ ปฎิญฺญาตกรเณน จ, สิยา สมฺมุขาวินเยน จ ติณวตฺถารเกน จาติฯ
Tā āpattiyo catunnaṃ vipattīnaṃ kati vipattiyo bhajanti? Sattannaṃ āpattikkhandhānaṃ katihi āpattikkhandhehi saṅgahitā ? Channaṃ āpattisamuṭṭhānānaṃ katihi āpattisamuṭṭhānehi samuṭṭhanti? Catunnaṃ adhikaraṇānaṃ katamaṃ adhikaraṇaṃ? Sattannaṃ samathānaṃ katihi samathehi sammanti? Tā āpattiyo catunnaṃ vipattīnaṃ dve vipattiyo bhajanti – siyā sīlavipattiṃ, siyā ācāravipattiṃ. Sattannaṃ āpattikkhandhānaṃ chahi āpattikkhandhehi saṅgahitā – siyā pārājikāpattikkhandhena, siyā saṅghādisesāpattikkhandhena, siyā thullaccayāpattikkhandhena, siyā pācittiyāpattikkhandhena, siyā pāṭidesanīyāpattikkhandhena, siyā dukkaṭāpattikkhandhena. Channaṃ āpattisamuṭṭhānānaṃ ekena samuṭṭhānena samuṭṭhanti – kāyato ca vācato ca cittato ca samuṭṭhanti. Catunnaṃ adhikaraṇānaṃ, āpattādhikaraṇaṃ. Sattannaṃ samathānaṃ tīhi samathehi sammanti – siyā sammukhāvinayena ca paṭiññātakaraṇena ca, siyā sammukhāvinayena ca tiṇavatthārakena cāti.
ฉนฺนํ อาปตฺติสมุฎฺฐานานํ
Channaṃ āpattisamuṭṭhānānaṃ
กตาปตฺติวาโร นิฎฺฐิโต ทุติโยฯ
Katāpattivāro niṭṭhito dutiyo.
Related texts:
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ฉอาปตฺติสมุฎฺฐานวาราทิวณฺณนา • Chaāpattisamuṭṭhānavārādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / กตาปตฺติวารวณฺณนา • Katāpattivāravaṇṇanā