Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๙-๑๐. กถาวตฺถุสุตฺตทฺวยวณฺณนา
9-10. Kathāvatthusuttadvayavaṇṇanā
๖๙-๗๐. นวเม ติรจฺฉานกถนฺติ อนิยฺยานิกตฺตา สคฺคโมกฺขมคฺคานํ ติรจฺฉานภูตํ กถํฯ ตตฺถ ราชานํ อารพฺภ ‘‘มหาสมฺมโต มนฺธาตา ธมฺมาโสโก เอวํมหานุภาโว’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตกถา ราชกถาฯ เอส นโย โจรกถาทีสุฯ เตสุ ‘‘อสุโก ราชา อภิรูโป ทสฺสนีโย’’ติอาทินา เคหสิตกถาว ติรจฺฉานกถา โหติ, ‘‘โสปิ นาม เอวํมหานุภาโว ขยํ คโต’’ติ เอวํ ปวตฺตา ปน กมฺมฎฺฐานภาเว ติฎฺฐติฯ โจเรสุปิ ‘‘มูลเทโว เอวํมหานุภาโว, เมฆเทโว เอวํมหานุภาโว’’ติ เตสํ กมฺมํ ปฎิจฺจ ‘‘อโห สูรา’’ติ เคหสิตกถาว ติรจฺฉานกถาฯ ยุเทฺธสุปิ ภารตยุทฺธาทีสุ ‘‘อสุเกน อสุโก เอวํ มาริโต เอวํ วิโทฺธ’’ติ กมฺมสฺสาทวเสเนว กถา ติรจฺฉานกถา, ‘‘เตปิ นาม ขยํ คตา’’ติ เอวํ ปวตฺตา ปน สพฺพตฺถ กมฺมฎฺฐานเมว โหติฯ อปิจ อนฺนาทีสุ ‘‘เอวํ วณฺณวนฺตํ รสวนฺตํ ผสฺสสมฺปนฺนํ ขาทิมฺห ภุญฺชิมฺห ปิวิมฺห ปริภุญฺชิมฺหา’’ติ กามรสสฺสาทวเสน กเถตุํ น วฎฺฎติ, สาตฺถกํ ปน กตฺวา ‘‘ปุเพฺพ เอวํ วณฺณาทิสมฺปนฺนํ อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ มาลํ คนฺธํ สีลวนฺตานํ อทมฺห, เจติยํ ปูชิมฺหา’’ติ กเถตุํ วฎฺฎติฯ
69-70. Navame tiracchānakathanti aniyyānikattā saggamokkhamaggānaṃ tiracchānabhūtaṃ kathaṃ. Tattha rājānaṃ ārabbha ‘‘mahāsammato mandhātā dhammāsoko evaṃmahānubhāvo’’tiādinā nayena pavattakathā rājakathā. Esa nayo corakathādīsu. Tesu ‘‘asuko rājā abhirūpo dassanīyo’’tiādinā gehasitakathāva tiracchānakathā hoti, ‘‘sopi nāma evaṃmahānubhāvo khayaṃ gato’’ti evaṃ pavattā pana kammaṭṭhānabhāve tiṭṭhati. Coresupi ‘‘mūladevo evaṃmahānubhāvo, meghadevo evaṃmahānubhāvo’’ti tesaṃ kammaṃ paṭicca ‘‘aho sūrā’’ti gehasitakathāva tiracchānakathā. Yuddhesupi bhāratayuddhādīsu ‘‘asukena asuko evaṃ mārito evaṃ viddho’’ti kammassādavaseneva kathā tiracchānakathā, ‘‘tepi nāma khayaṃ gatā’’ti evaṃ pavattā pana sabbattha kammaṭṭhānameva hoti. Apica annādīsu ‘‘evaṃ vaṇṇavantaṃ rasavantaṃ phassasampannaṃ khādimha bhuñjimha pivimha paribhuñjimhā’’ti kāmarasassādavasena kathetuṃ na vaṭṭati, sātthakaṃ pana katvā ‘‘pubbe evaṃ vaṇṇādisampannaṃ annaṃ pānaṃ vatthaṃ yānaṃ mālaṃ gandhaṃ sīlavantānaṃ adamha, cetiyaṃ pūjimhā’’ti kathetuṃ vaṭṭati.
ญาติกถาทีสุปิ ‘‘อมฺหากํ ญาตกา สูรา สมตฺถา’’ติ วา ‘‘ปุเพฺพ มยํ เอวํ วิจิเตฺรหิ ยาเนหิ วิจริมฺหา’’ติ วา อสฺสาทวเสน วตฺตุํ น วฎฺฎติ , สาตฺถกํ ปน กตฺวา ‘‘เตปิ โน ญาตกา ขยํ คตา’’ติ วา ‘‘ปุเพฺพ มยํ เอวรูปา อุปาหนา สงฺฆสฺส อทมฺหา’’ติ วา กเถตพฺพํฯ คามกถาปิ สุนิวิฎฺฐทุนฺนิวิฎฺฐสุภิกฺขทุพฺภิกฺขาทิวเสน วา ‘‘อสุกคามวาสิโน สูรา สมตฺถา’’ติ วา เอวํ อสฺสาทวเสเนว น วฎฺฎติ, สาตฺถกํ ปน กตฺวา ‘‘สทฺธา ปสนฺนา’’ติ วา ‘‘ขยวยํ คตา’’ติ วา วตฺตุํ วฎฺฎติฯ นิคมนครชนปทกถาสุปิ เอเสว นโยฯ
Ñātikathādīsupi ‘‘amhākaṃ ñātakā sūrā samatthā’’ti vā ‘‘pubbe mayaṃ evaṃ vicitrehi yānehi vicarimhā’’ti vā assādavasena vattuṃ na vaṭṭati , sātthakaṃ pana katvā ‘‘tepi no ñātakā khayaṃ gatā’’ti vā ‘‘pubbe mayaṃ evarūpā upāhanā saṅghassa adamhā’’ti vā kathetabbaṃ. Gāmakathāpi suniviṭṭhadunniviṭṭhasubhikkhadubbhikkhādivasena vā ‘‘asukagāmavāsino sūrā samatthā’’ti vā evaṃ assādavaseneva na vaṭṭati, sātthakaṃ pana katvā ‘‘saddhā pasannā’’ti vā ‘‘khayavayaṃ gatā’’ti vā vattuṃ vaṭṭati. Nigamanagarajanapadakathāsupi eseva nayo.
อิตฺถิกถาปิ วณฺณสณฺฐานาทีนิ ปฎิจฺจ อสฺสาทวเสน น วฎฺฎติ, ‘‘สทฺธา ปสนฺนา ขยํ คตา’’ติ เอวเมว วฎฺฎติฯ สูรกถาปิ ‘‘นนฺทิมิโตฺต นาม โยโธ สูโร อโหสี’’ติ อสฺสาทวเสเนว น วฎฺฎติ, ‘‘สโทฺธ อโหสิ ขยํ คโต’’ติ เอวเมว วฎฺฎติฯ สุรากถนฺติ ปาฬิยํ ปน อเนกวิธํ มชฺชกถํ อสฺสาทวเสน กเถตุํ น วฎฺฎติ, อาทีนววเสเนว วตฺตุํ วฎฺฎติฯ วิสิขากถาปิ ‘‘อสุกวิสิขา สุนิวิฎฺฐา ทุนฺนิวิฎฺฐา สูรา สมตฺถา’’ติ อสฺสาทวเสเนว น วฎฺฎติ, ‘‘สทฺธา ปสนฺนา ขยํ คตา’’ติ วฎฺฎติฯ กุมฺภฎฺฐานกถา นาม กูฎฎฺฐานกถา อุทกติตฺถกถา วุจฺจติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๗; ม. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒๒๓; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๕.๑๐๘๐)ฯ กุมฺภทาสิกถา วาฯ สาปิ ‘‘ปาสาทิกา นจฺจิตุํ คายิตุํ เฉกา’’ติ อสฺสาทวเสน น วฎฺฎติ, ‘‘สทฺธา ปสนฺนา’’ติอาทินา นเยเนว วฎฺฎติฯ
Itthikathāpi vaṇṇasaṇṭhānādīni paṭicca assādavasena na vaṭṭati, ‘‘saddhā pasannā khayaṃ gatā’’ti evameva vaṭṭati. Sūrakathāpi ‘‘nandimitto nāma yodho sūro ahosī’’ti assādavaseneva na vaṭṭati, ‘‘saddho ahosi khayaṃ gato’’ti evameva vaṭṭati. Surākathanti pāḷiyaṃ pana anekavidhaṃ majjakathaṃ assādavasena kathetuṃ na vaṭṭati, ādīnavavaseneva vattuṃ vaṭṭati. Visikhākathāpi ‘‘asukavisikhā suniviṭṭhā dunniviṭṭhā sūrā samatthā’’ti assādavaseneva na vaṭṭati, ‘‘saddhā pasannā khayaṃ gatā’’ti vaṭṭati. Kumbhaṭṭhānakathā nāma kūṭaṭṭhānakathā udakatitthakathā vuccati (dī. ni. aṭṭha. 1.17; ma. ni. aṭṭha. 2.223; saṃ. ni. aṭṭha. 3.5.1080). Kumbhadāsikathā vā. Sāpi ‘‘pāsādikā naccituṃ gāyituṃ chekā’’ti assādavasena na vaṭṭati, ‘‘saddhā pasannā’’tiādinā nayeneva vaṭṭati.
ปุพฺพเปตกถา นาม อตีตญาติกถาฯ ตตฺถ วตฺตมานญาติกถาสทิโสว วินิจฺฉโยฯ นานตฺตกถา นาม ปุริมปจฺฉิมกถาวิมุตฺตา อวเสสา นานาสภาวา ติรจฺฉานกถาฯ โลกกฺขายิกา นาม ‘‘อยํ โลโก เกน นิมฺมิโต? อสุเกน นาม นิมฺมิโตฯ กาโก เสโต อฎฺฐีนํ เสตตฺตา, พลากา รตฺตา โลหิตสฺส รตฺตตฺตา’’ติเอวมาทิกา โลกายตวิตณฺฑสลฺลาปกถาฯ สมุทฺทกฺขายิกา นาม กสฺมา สมุโทฺท สาคโรติฯ สาครเทเวน ขตตฺตา สาคโร, ขโต เมติ หตฺถมุทฺทาย นิเวทิตตฺตา สมุโทฺทติเอวมาทิกา นิรตฺถกา สมุทฺทกฺขายนกถาฯ ภโวติ วุทฺธิ, อภโวติ หานิฯ อิติ ภโว อิติ อภโวติ ยํ วา ตํ วา นิรตฺถกการณํ วตฺวา ปวตฺติตกถา อิติภวาภวกถา นามฯ
Pubbapetakathā nāma atītañātikathā. Tattha vattamānañātikathāsadisova vinicchayo. Nānattakathā nāma purimapacchimakathāvimuttā avasesā nānāsabhāvā tiracchānakathā. Lokakkhāyikā nāma ‘‘ayaṃ loko kena nimmito? Asukena nāma nimmito. Kāko seto aṭṭhīnaṃ setattā, balākā rattā lohitassa rattattā’’tievamādikā lokāyatavitaṇḍasallāpakathā. Samuddakkhāyikā nāma kasmā samuddo sāgaroti. Sāgaradevena khatattā sāgaro, khato meti hatthamuddāya niveditattā samuddotievamādikā niratthakā samuddakkhāyanakathā. Bhavoti vuddhi, abhavoti hāni. Iti bhavo iti abhavoti yaṃ vā taṃ vā niratthakakāraṇaṃ vatvā pavattitakathā itibhavābhavakathā nāma.
เตชสา เตชนฺติ อตฺตโน เตชสา เตสํ เตชํฯ ปริยาทิเยยฺยาถาติ เขเปตฺวา คเหตฺวา อภิภเวยฺยาถฯ ตตฺริทํ วตฺถุ – เอโก ปิณฺฑปาติโก มหาเถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภเนฺต, เตชสา เตชํ ปริยาทิยมานา ภิกฺขู กิํ กโรนฺตี’’ติฯ เถโร อาห – อาวุโส, กิญฺจิเทว อาตเป ฐเปตฺวา ยถา ฉายา เหฎฺฐา น โอตรติ, อุทฺธํเยว คจฺฉติ ตถา กโรนฺติฯ ทสเม ปาสํสานิ ฐานานีติ ปสํสาวหานิ การณานิฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
Tejasā tejanti attano tejasā tesaṃ tejaṃ. Pariyādiyeyyāthāti khepetvā gahetvā abhibhaveyyātha. Tatridaṃ vatthu – eko piṇḍapātiko mahātheraṃ pucchi – ‘‘bhante, tejasā tejaṃ pariyādiyamānā bhikkhū kiṃ karontī’’ti. Thero āha – āvuso, kiñcideva ātape ṭhapetvā yathā chāyā heṭṭhā na otarati, uddhaṃyeva gacchati tathā karonti. Dasame pāsaṃsāni ṭhānānīti pasaṃsāvahāni kāraṇāni. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.
ยมกวโคฺค ทุติโยฯ
Yamakavaggo dutiyo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya
๙. ปฐมกถาวตฺถุสุตฺตํ • 9. Paṭhamakathāvatthusuttaṃ
๑๐. ทุติยกถาวตฺถุสุตฺตํ • 10. Dutiyakathāvatthusuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๙-๑๐. ปฐมกถาวตฺถุสุตฺตาทิวณฺณนา • 9-10. Paṭhamakathāvatthusuttādivaṇṇanā