Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๗. กถาวตฺถุสุตฺตวณฺณนา
7. Kathāvatthusuttavaṇṇanā
๖๘. สตฺตเม กถาวตฺถูนีติ กถาการณานิ, กถาย ภูมิโย ปติฎฺฐาโยติ อโตฺถฯ อตีตํ วา, ภิกฺขเว, อทฺธานนฺติ อตีตมทฺธานํ นาม กาโลปิ วฎฺฎติ ขนฺธาปิฯ อนาคตปจฺจุปฺปเนฺนสุปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ อตีเต กสฺสโป นาม สมฺมาสมฺพุโทฺธ อโหสิ, ตสฺส กิกี นาม กาสิกราชา อคฺคุปฎฺฐาโก อโหสิ, วีสติ วสฺสสหสฺสานิ อายุ อโหสีติ อิมินา นเยน กเถโนฺต อตีตํ อารพฺภ กถํ กเถติ นามฯ อนาคเต เมเตฺตโยฺย นาม พุโทฺธ ภวิสฺสติ, ตสฺส สโงฺข นาม ราชา อคฺคุปฎฺฐาโก ภวิสฺสติ, อสีติ วสฺสสหสฺสานิ อายุ ภวิสฺสตีติ อิมินา นเยน กเถโนฺต อนาคตํ อารพฺภ กถํ กเถติ นามฯ เอตรหิ อสุโก นาม ราชา ธมฺมิโกติ อิมินา นเยน กเถโนฺต ปจฺจุปฺปนฺนํ อารพฺภ กถํ กเถติ นามฯ
68. Sattame kathāvatthūnīti kathākāraṇāni, kathāya bhūmiyo patiṭṭhāyoti attho. Atītaṃ vā, bhikkhave, addhānanti atītamaddhānaṃ nāma kālopi vaṭṭati khandhāpi. Anāgatapaccuppannesupi eseva nayo. Tattha atīte kassapo nāma sammāsambuddho ahosi, tassa kikī nāma kāsikarājā aggupaṭṭhāko ahosi, vīsati vassasahassāni āyu ahosīti iminā nayena kathento atītaṃ ārabbha kathaṃ katheti nāma. Anāgate metteyyo nāma buddho bhavissati, tassa saṅkho nāma rājā aggupaṭṭhāko bhavissati, asīti vassasahassāni āyu bhavissatīti iminā nayena kathento anāgataṃ ārabbha kathaṃ katheti nāma. Etarahi asuko nāma rājā dhammikoti iminā nayena kathento paccuppannaṃ ārabbha kathaṃ katheti nāma.
กถาสมฺปโยเคนาติ กถาสมาคเมนฯ กโจฺฉติ กเถตุํ ยุโตฺตฯ อกโจฺฉติ กเถตุํ น ยุโตฺตฯ เอกํสพฺยากรณียํ ปญฺหนฺติอาทีสุ, ‘‘จกฺขุ, อนิจฺจ’’นฺติ ปุเฎฺฐน, ‘‘อาม, อนิจฺจ’’นฺติ เอกํเสเนว พฺยากาตพฺพํฯ เอเสว นโย โสตาทีสุฯ อยํ เอกํสพฺยากรณีโย ปโญฺหฯ ‘‘อนิจฺจํ นาม จกฺขู’’ติ ปุเฎฺฐน ปน ‘‘น จกฺขุเมว, โสตมฺปิ อนิจฺจํ, ฆานมฺปิ อนิจฺจ’’นฺติ เอวํ วิภชิตฺวา พฺยากาตพฺพํฯ อยํ วิภชฺชพฺยากรณีโย ปโญฺหฯ ‘‘ยถา จกฺขุ, ตถา โสตํฯ ยถา โสตํ, ตถา จกฺขู’’ติ ปุเฎฺฐน ‘‘เกนเฎฺฐน ปุจฺฉสี’’ติ ปฎิปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทสฺสนเฎฺฐน ปุจฺฉามี’’ติ วุเตฺต ‘‘น หี’’ติ พฺยากาตพฺพํฯ ‘‘อนิจฺจเฎฺฐน ปุจฺฉามี’’ติ วุเตฺต, ‘‘อามา’’ติ พฺยากาตพฺพํฯ อยํ ปฎิปุจฺฉาพฺยากรณีโย ปโญฺหฯ ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติอาทีนิ ปุเฎฺฐน ปน ‘‘อพฺยากตเมตํ ภควตา’’ติ ฐเปตโพฺพ, เอส ปโญฺห น พฺยากาตโพฺพฯ อยํ ฐปนีโย ปโญฺหฯ
Kathāsampayogenāti kathāsamāgamena. Kacchoti kathetuṃ yutto. Akacchoti kathetuṃ na yutto. Ekaṃsabyākaraṇīyaṃ pañhantiādīsu, ‘‘cakkhu, anicca’’nti puṭṭhena, ‘‘āma, anicca’’nti ekaṃseneva byākātabbaṃ. Eseva nayo sotādīsu. Ayaṃ ekaṃsabyākaraṇīyo pañho. ‘‘Aniccaṃ nāma cakkhū’’ti puṭṭhena pana ‘‘na cakkhumeva, sotampi aniccaṃ, ghānampi anicca’’nti evaṃ vibhajitvā byākātabbaṃ. Ayaṃ vibhajjabyākaraṇīyo pañho. ‘‘Yathā cakkhu, tathā sotaṃ. Yathā sotaṃ, tathā cakkhū’’ti puṭṭhena ‘‘kenaṭṭhena pucchasī’’ti paṭipucchitvā ‘‘dassanaṭṭhena pucchāmī’’ti vutte ‘‘na hī’’ti byākātabbaṃ. ‘‘Aniccaṭṭhena pucchāmī’’ti vutte, ‘‘āmā’’ti byākātabbaṃ. Ayaṃ paṭipucchābyākaraṇīyo pañho. ‘‘Taṃ jīvaṃ taṃ sarīra’’ntiādīni puṭṭhena pana ‘‘abyākatametaṃ bhagavatā’’ti ṭhapetabbo, esa pañho na byākātabbo. Ayaṃ ṭhapanīyo pañho.
ฐานาฐาเน น สณฺฐาตีติ การณาการเณ น สณฺฐาติฯ ตตฺรายํ นโย – สสฺสตวาที ยุเตฺตน การเณน ปโหติ อุเจฺฉทวาทิํ นิคฺคเหตุํ, อุเจฺฉทวาที เตน นิคฺคยฺหมาโน ‘‘กิํ ปนาหํ อุเจฺฉทํ วทามี’’ติ สสฺสตวาทิภาวเมว ทีเปติ, อตฺตโน วาเท ปติฎฺฐาตุํ น สโกฺกติฯ เอวํ อุเจฺฉทวาทิมฺหิ ปโหเนฺต สสฺสตวาที, ปุคฺคลวาทิมฺหิ ปโหเนฺต สุญฺญตวาที, สุญฺญตวาทิมฺหิ ปโหเนฺต ปุคฺคลวาทีติ เอวํ ฐานาฐาเน น สณฺฐาติ นามฯ
Ṭhānāṭhāne na saṇṭhātīti kāraṇākāraṇe na saṇṭhāti. Tatrāyaṃ nayo – sassatavādī yuttena kāraṇena pahoti ucchedavādiṃ niggahetuṃ, ucchedavādī tena niggayhamāno ‘‘kiṃ panāhaṃ ucchedaṃ vadāmī’’ti sassatavādibhāvameva dīpeti, attano vāde patiṭṭhātuṃ na sakkoti. Evaṃ ucchedavādimhi pahonte sassatavādī, puggalavādimhi pahonte suññatavādī, suññatavādimhi pahonte puggalavādīti evaṃ ṭhānāṭhāne na saṇṭhāti nāma.
ปริกเปฺป น สณฺฐาตีติ อิทํ ปญฺหปุจฺฉเนปิ ปญฺหกถเนปิ ลพฺภติฯ กถํ? เอกโจฺจ หิ ‘‘ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ กณฺฐํ โสเธติ, โส อิตเรน ‘‘อิทํ นาม ตฺวํ ปุจฺฉิสฺสสี’’ติ วุโตฺต ญาตภาวํ ญตฺวา ‘‘น เอตํ, อญฺญํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ วทติฯ ปญฺหํ ปุโฎฺฐปิ ‘‘ปญฺหํ กเถสฺสามี’’ติ หนุํ สํโสเธติ, โส อิตเรน ‘‘อิทํ นาม กเถสฺสสี’’ติ วุโตฺต ญาตภาวํ ญตฺวา ‘‘น เอตํ, อญฺญํ กเถสฺสามี’’ติ วทติฯ เอวํ ปริกเปฺป น สณฺฐาติ นามฯ
Parikappena saṇṭhātīti idaṃ pañhapucchanepi pañhakathanepi labbhati. Kathaṃ? Ekacco hi ‘‘pañhaṃ pucchissāmī’’ti kaṇṭhaṃ sodheti, so itarena ‘‘idaṃ nāma tvaṃ pucchissasī’’ti vutto ñātabhāvaṃ ñatvā ‘‘na etaṃ, aññaṃ pucchissāmī’’ti vadati. Pañhaṃ puṭṭhopi ‘‘pañhaṃ kathessāmī’’ti hanuṃ saṃsodheti, so itarena ‘‘idaṃ nāma kathessasī’’ti vutto ñātabhāvaṃ ñatvā ‘‘na etaṃ, aññaṃ kathessāmī’’ti vadati. Evaṃ parikappe na saṇṭhāti nāma.
อญฺญาตวาเท น สณฺฐาตีติ อญฺญาตวาเท ชานิตวาเท น สณฺฐาติฯ กถํ? เอกโจฺจ ปญฺหํ ปุจฺฉติ, ตํ อิตโร ‘‘มนาโป ตยา ปโญฺห ปุจฺฉิโต, กหํ เต เอส อุคฺคหิโต’’ติ วทติฯ อิตโร ปุจฺฉิตพฺพนิยาเมเนว ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺวาปิ ตสฺส กถาย ‘‘อปญฺหํ นุ โข ปุจฺฉิต’’นฺติ วิมติํ กโรติฯ อปโร ปญฺหํ ปุโฎฺฐ กเถติ, ตมโญฺญ ‘‘สุฎฺฐุ เต ปโญฺห กถิโต, กตฺถ เต อุคฺคหิโต, ปญฺหํ กเถเนฺตน นาม เอวํ กเถตโพฺพ’’ติ วทติฯ อิตโร กเถตพฺพนิยาเมเนว ปญฺหํ กเถตฺวาปิ ตสฺส กถาย ‘‘อปโญฺห นุ โข มยา กถิโต’’ติ วิมติํ กโรติฯ
Aññātavāde na saṇṭhātīti aññātavāde jānitavāde na saṇṭhāti. Kathaṃ? Ekacco pañhaṃ pucchati, taṃ itaro ‘‘manāpo tayā pañho pucchito, kahaṃ te esa uggahito’’ti vadati. Itaro pucchitabbaniyāmeneva pañhaṃ pucchitvāpi tassa kathāya ‘‘apañhaṃ nu kho pucchita’’nti vimatiṃ karoti. Aparo pañhaṃ puṭṭho katheti, tamañño ‘‘suṭṭhu te pañho kathito, kattha te uggahito, pañhaṃ kathentena nāma evaṃ kathetabbo’’ti vadati. Itaro kathetabbaniyāmeneva pañhaṃ kathetvāpi tassa kathāya ‘‘apañho nu kho mayā kathito’’ti vimatiṃ karoti.
ปฎิปทาย น สณฺฐาตีติ ปฎิปตฺติยํ น ติฎฺฐติ, วตฺตํ อชานิตฺวา อปุจฺฉิตพฺพฎฺฐาเน ปุจฺฉตีติ อโตฺถฯ อยํ ปโญฺห นาม เจติยงฺคเณ ปุจฺฉิเตน น กเถตโพฺพ, ตถา ภิกฺขาจารมเคฺค คามํ ปิณฺฑาย จรณกาเลฯ อาสนสาลาย นิสินฺนกาเล ยาคุํ วา ภตฺตํ วา คเหตฺวา นิสินฺนกาเล ปริภุญฺชิตฺวา นิสินฺนกาเล ทิวาวิหารฎฺฐานคมนกาเลปิฯ ทิวาฎฺฐาเน นิสินฺนกาเล ปน โอกาสํ กาเรตฺวาว ปุจฺฉนฺตสฺส กเถตโพฺพ, อกาเรตฺวา ปุจฺฉนฺตสฺส น กเถตโพฺพฯ อิทํ วตฺตํ อชานิตฺวา ปุจฺฉโนฺต ปฎิปทาย น สณฺฐาติ นามฯ เอวํ สนฺตายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อกโจฺฉ โหตีติ, ภิกฺขเว, เอตํ อิมสฺมิํ จ การเณ สติ อยํ ปุคฺคโล น กเถตุํ ยุโตฺต นาม โหติฯ
Paṭipadāya na saṇṭhātīti paṭipattiyaṃ na tiṭṭhati, vattaṃ ajānitvā apucchitabbaṭṭhāne pucchatīti attho. Ayaṃ pañho nāma cetiyaṅgaṇe pucchitena na kathetabbo, tathā bhikkhācāramagge gāmaṃ piṇḍāya caraṇakāle. Āsanasālāya nisinnakāle yāguṃ vā bhattaṃ vā gahetvā nisinnakāle paribhuñjitvā nisinnakāle divāvihāraṭṭhānagamanakālepi. Divāṭṭhāne nisinnakāle pana okāsaṃ kāretvāva pucchantassa kathetabbo, akāretvā pucchantassa na kathetabbo. Idaṃ vattaṃ ajānitvā pucchanto paṭipadāya na saṇṭhāti nāma. Evaṃ santāyaṃ, bhikkhave, puggalo akaccho hotīti, bhikkhave, etaṃ imasmiṃ ca kāraṇe sati ayaṃ puggalo na kathetuṃ yutto nāma hoti.
ฐานาฐาเน สณฺฐาตีติ สสฺสตวาที ยุเตฺตน การเณน ปโหติ อุเจฺฉทวาทิํ นิคฺคเหตุํ, อุเจฺฉทวาที เตน นิคฺคยฺหมาโนปิ ‘‘อหํ ตยา สตกฺขตฺตุํ นิคฺคยฺหมาโนปิ อุเจฺฉทวาทีเยวา’’ติ วทติฯ อิมินา นเยน สสฺสตปุคฺคลสุญฺญตวาทาทีสุปิ นโย เนตโพฺพฯ เอวํ ฐานาฐาเน สณฺฐาติ นามฯ ปริกเปฺป สณฺฐาตีติ ‘‘ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ กณฺฐํ โสเธโนฺต ‘‘ตฺวํ อิมํ นาม ปุจฺฉิสฺสสี’’ติ วุเตฺต, ‘‘อาม, เอตํเยว ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ วทติฯ ปญฺหํ กเถสฺสามีติ หนุํ สํโสเธโนฺตปิ ‘‘ตฺวํ อิมํ นาม กเถสฺสสี’’ติ วุเตฺต, ‘‘อาม, เอตํเยว กเถสฺสามี’’ติ วทติฯ เอวํ ปริกเปฺป สณฺฐาติ นามฯ
Ṭhānāṭhāne saṇṭhātīti sassatavādī yuttena kāraṇena pahoti ucchedavādiṃ niggahetuṃ, ucchedavādī tena niggayhamānopi ‘‘ahaṃ tayā satakkhattuṃ niggayhamānopi ucchedavādīyevā’’ti vadati. Iminā nayena sassatapuggalasuññatavādādīsupi nayo netabbo. Evaṃ ṭhānāṭhāne saṇṭhāti nāma. Parikappe saṇṭhātīti ‘‘pañhaṃ pucchissāmī’’ti kaṇṭhaṃ sodhento ‘‘tvaṃ imaṃ nāma pucchissasī’’ti vutte, ‘‘āma, etaṃyeva pucchissāmī’’ti vadati. Pañhaṃ kathessāmīti hanuṃ saṃsodhentopi ‘‘tvaṃ imaṃ nāma kathessasī’’ti vutte, ‘‘āma, etaṃyeva kathessāmī’’ti vadati. Evaṃ parikappe saṇṭhāti nāma.
อญฺญาตวาเท สณฺฐาตีติ อิมํ ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สุฎฺฐุ เต ปโญฺห ปุจฺฉิโต, ปุจฺฉเนฺตน นาม เอวํ ปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ วุเตฺต สมฺปฎิจฺฉติ, วิมติํ น อุปฺปาเทติฯ ปญฺหํ กเถตฺวาปิ ‘‘สุฎฺฐุ เต ปโญฺห กถิโต, กเถเนฺตน นาม เอวํ กเถตพฺพ’’นฺติ วุเตฺต สมฺปฎิจฺฉติ, วิมติํ น อุปฺปาเทติฯ ปฎิปทาย สณฺฐาตีติ เคเห นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกาทีนิ ทตฺวา ยาว ภตฺตํ นิฎฺฐาติ, ตสฺมิํ อนฺตเร นิสิโนฺน ปญฺหํ ปุจฺฉติ ฯ สปฺปิอาทีนิ เภสชฺชานิ อฎฺฐวิธานิ ปานกานิ วตฺถจฺฉาทนมาลาคนฺธาทีนิ วา อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ตานิ ทตฺวา ทิวาฎฺฐานํ ปวิสิตฺวา โอกาสํ กาเรตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉติฯ เอวญฺหิ วตฺตํ ญตฺวา ปุจฺฉโนฺต ปฎิปทาย สณฺฐาติ นามฯ ตสฺส ปญฺหํ กเถตุํ วฎฺฎติฯ
Aññātavāde saṇṭhātīti imaṃ pañhaṃ pucchitvā ‘‘suṭṭhu te pañho pucchito, pucchantena nāma evaṃ pucchitabba’’nti vutte sampaṭicchati, vimatiṃ na uppādeti. Pañhaṃ kathetvāpi ‘‘suṭṭhu te pañho kathito, kathentena nāma evaṃ kathetabba’’nti vutte sampaṭicchati, vimatiṃ na uppādeti. Paṭipadāya saṇṭhātīti gehe nisīdāpetvā yāgukhajjakādīni datvā yāva bhattaṃ niṭṭhāti, tasmiṃ antare nisinno pañhaṃ pucchati . Sappiādīni bhesajjāni aṭṭhavidhāni pānakāni vatthacchādanamālāgandhādīni vā ādāya vihāraṃ gantvā tāni datvā divāṭṭhānaṃ pavisitvā okāsaṃ kāretvā pañhaṃ pucchati. Evañhi vattaṃ ñatvā pucchanto paṭipadāya saṇṭhāti nāma. Tassa pañhaṃ kathetuṃ vaṭṭati.
อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรตีติ อเญฺญน วจเนน อญฺญํ ปฎิจฺฉาเทติ, อญฺญํ วา ปุจฺฉิโต อญฺญํ กเถติฯ พหิทฺธา กถํ อปนาเมตีติ อาคนฺตุกกถํ โอตาเรโนฺต ปุริมกถํ พหิทฺธา อปนาเมติฯ ตตฺริทํ วตฺถุ – ภิกฺขู กิร สนฺนิปติตฺวา เอกํ ทหรํ, ‘‘อาวุโส, ตฺวํ อิมญฺจิมญฺจ อาปตฺติํ อาปโนฺน’’ติ อาหํสุฯ โส อาห – ‘‘ภเนฺต, นาคทีปํ คโตมฺหี’’ติฯ อาวุโส , น มยํ ตว นาคทีปคมเนน อตฺถิกา, อาปตฺติํ ปน อาปโนฺนติ ปุจฺฉามาติฯ ภเนฺต, นาคทีปํ คนฺตฺวา มเจฺฉ ขาทินฺติฯ อาวุโส, ตว มจฺฉขาทเนน กมฺมํ นตฺถิ, อาปตฺติํ กิรสิ อาปโนฺนติฯ โส ‘‘นาติสุปโกฺก มโจฺฉ มยฺหํ อผาสุกมกาสิ, ภเนฺต’’ติฯ อาวุโส, ตุยฺหํ ผาสุเกน วา อผาสุเกน วา กมฺมํ นตฺถิ, อาปตฺติํ อาปโนฺนสีติฯ ภเนฺต, ยาว ตตฺถ วสิํ, ตาว เม อผาสุกเมว ชาตนฺติฯ เอวํ อาคนฺตุกกถาวเสน พหิทฺธา กถํ อปนาเมตีติ เวทิตพฺพํฯ
Aññenaññaṃ paṭicaratīti aññena vacanena aññaṃ paṭicchādeti, aññaṃ vā pucchito aññaṃ katheti. Bahiddhā kathaṃ apanāmetīti āgantukakathaṃ otārento purimakathaṃ bahiddhā apanāmeti. Tatridaṃ vatthu – bhikkhū kira sannipatitvā ekaṃ daharaṃ, ‘‘āvuso, tvaṃ imañcimañca āpattiṃ āpanno’’ti āhaṃsu. So āha – ‘‘bhante, nāgadīpaṃ gatomhī’’ti. Āvuso , na mayaṃ tava nāgadīpagamanena atthikā, āpattiṃ pana āpannoti pucchāmāti. Bhante, nāgadīpaṃ gantvā macche khādinti. Āvuso, tava macchakhādanena kammaṃ natthi, āpattiṃ kirasi āpannoti. So ‘‘nātisupakko maccho mayhaṃ aphāsukamakāsi, bhante’’ti. Āvuso, tuyhaṃ phāsukena vā aphāsukena vā kammaṃ natthi, āpattiṃ āpannosīti. Bhante, yāva tattha vasiṃ, tāva me aphāsukameva jātanti. Evaṃ āgantukakathāvasena bahiddhā kathaṃ apanāmetīti veditabbaṃ.
อภิหรตีติ อิโต จิโต จ สุตฺตํ อาหริตฺวา อวตฺถรติฯ เตปิฎกติสฺสเตฺถโร วิยฯ ปุเพฺพ กิร ภิกฺขู มหาเจติยงฺคเณ สนฺนิปติตฺวา สงฺฆกิจฺจํ กตฺวา ภิกฺขูนํ โอวาทํ ทตฺวา อญฺญมญฺญํ ปญฺหสากจฺฉํ กโรนฺติฯ ตตฺถายํ เถโร ตีหิ ปิฎเกหิ ตโต ตโต สุตฺตํ อาหริตฺวา ทิวสภาเค เอกมฺปิ ปญฺหํ นิฎฺฐาเปตุํ น เทติฯ อภิมทฺทตีติ การณํ อาหริตฺวา มทฺทติฯ อนุปชคฺฆตีติ ปเรน ปเญฺห ปุจฺฉิเตปิ กถิเตปิ ปาณิํ ปหริตฺวา มหาหสิตํ หสติ, เยน ปรสฺส ‘‘อปุจฺฉิตพฺพํ นุ โข ปุจฺฉิํ, อกเถตพฺพํ นุ โข กเถสิ’’นฺติ วิมติ อุปฺปชฺชติฯ ขลิตํ คณฺหาตีติ อปฺปมตฺตกํ มุขโทสมตฺตํ คณฺหาติ , อกฺขเร วา ปเท วา พฺยญฺชเน วา ทุรุเตฺต ‘‘เอวํ นาเมตํ วตฺตพฺพ’’นฺติ อุชฺฌายมาโน วิจรติฯ สอุปนิโสติ สอุปนิสฺสโย สปจฺจโยฯ
Abhiharatīti ito cito ca suttaṃ āharitvā avattharati. Tepiṭakatissatthero viya. Pubbe kira bhikkhū mahācetiyaṅgaṇe sannipatitvā saṅghakiccaṃ katvā bhikkhūnaṃ ovādaṃ datvā aññamaññaṃ pañhasākacchaṃ karonti. Tatthāyaṃ thero tīhi piṭakehi tato tato suttaṃ āharitvā divasabhāge ekampi pañhaṃ niṭṭhāpetuṃ na deti. Abhimaddatīti kāraṇaṃ āharitvā maddati. Anupajagghatīti parena pañhe pucchitepi kathitepi pāṇiṃ paharitvā mahāhasitaṃ hasati, yena parassa ‘‘apucchitabbaṃ nu kho pucchiṃ, akathetabbaṃ nu kho kathesi’’nti vimati uppajjati. Khalitaṃ gaṇhātīti appamattakaṃ mukhadosamattaṃ gaṇhāti , akkhare vā pade vā byañjane vā durutte ‘‘evaṃ nāmetaṃ vattabba’’nti ujjhāyamāno vicarati. Saupanisoti saupanissayo sapaccayo.
โอหิตโสโตติ ฐปิตโสโตฯ อภิชานาติ เอกํ ธมฺมนฺติ เอกํ กุสลธมฺมํ อภิชานาติ อริยมคฺคํฯ ปริชานาติ เอกํ ธมฺมนฺติ เอกํ ทุกฺขสจฺจธมฺมํ ตีรณปริญฺญาย ปริชานาติฯ ปชหติ เอกํ ธมฺมนฺติ เอกํ สพฺพากุสลธมฺมํ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติฯ สจฺฉิกโรติ เอกํ ธมฺมนฺติ เอกํ อรหตฺตผลธมฺมํ นิโรธเมว วา ปจฺจกฺขํ กโรติฯ สมฺมาวิมุตฺติํ ผุสตีติ สมฺมา เหตุนา นเยน การเณน อรหตฺตผลวิโมกฺขํ ญาณผเสฺสน ผุสติฯ
Ohitasototi ṭhapitasoto. Abhijānāti ekaṃ dhammanti ekaṃ kusaladhammaṃ abhijānāti ariyamaggaṃ. Parijānāti ekaṃ dhammanti ekaṃ dukkhasaccadhammaṃ tīraṇapariññāya parijānāti. Pajahati ekaṃ dhammanti ekaṃ sabbākusaladhammaṃ pajahati vinodeti byantīkaroti. Sacchikaroti ekaṃ dhammanti ekaṃ arahattaphaladhammaṃ nirodhameva vā paccakkhaṃ karoti. Sammāvimuttiṃ phusatīti sammā hetunā nayena kāraṇena arahattaphalavimokkhaṃ ñāṇaphassena phusati.
เอตทตฺถา, ภิกฺขเว, กถาติ, ภิกฺขเว, ยา เอสา กถาสมฺปโยเคนาติ กถา ทสฺสิตา, สา เอตทตฺถา, อยํ ตสฺสา กถาย ภูมิ ปติฎฺฐาฯ อิทํ วตฺถุ ยทิทํ อนุปาทา จิตฺตสฺส วิโมโกฺขติ เอวํ สพฺพปเทสุ โยชนา เวทิตพฺพาฯ เอตทตฺถา มนฺตนาติ ยา อยํ กจฺฉากเจฺฉสุ ปุคฺคเลสุ กเจฺฉน สทฺธิํ มนฺตนา, สาปิ เอตทตฺถาเยวฯ เอตทตฺถา อุปนิสาติ โอหิตโสโต สอุปนิโสติ เอวํ วุตฺตา อุปนิสาปิ เอตทตฺถาเยวฯ เอตทตฺถํ โสตาวธานนฺติ ตสฺสา อุปนิสาย โสตาวธานํ , ตมฺปิ เอตทตฺถเมวฯ อนุปาทาติ จตูหิ อุปาทาเนหิ อคฺคเหตฺวาฯ จิตฺตสฺส วิโมโกฺขติ อรหตฺตผลวิโมโกฺขฯ อรหตฺตผลตฺถาย หิ สพฺพเมตนฺติ สุตฺตนฺตํ วินิวเตฺตตฺวา อุปริ คาถาหิ กูฎํ คณฺหโนฺต เย วิรุทฺธาติอาทิมาหฯ
Etadatthā, bhikkhave, kathāti, bhikkhave, yā esā kathāsampayogenāti kathā dassitā, sā etadatthā, ayaṃ tassā kathāya bhūmi patiṭṭhā. Idaṃ vatthu yadidaṃ anupādā cittassa vimokkhoti evaṃ sabbapadesu yojanā veditabbā. Etadatthā mantanāti yā ayaṃ kacchākacchesu puggalesu kacchena saddhiṃ mantanā, sāpi etadatthāyeva. Etadatthā upanisāti ohitasoto saupanisoti evaṃ vuttā upanisāpi etadatthāyeva. Etadatthaṃ sotāvadhānanti tassā upanisāya sotāvadhānaṃ , tampi etadatthameva. Anupādāti catūhi upādānehi aggahetvā. Cittassa vimokkhoti arahattaphalavimokkho. Arahattaphalatthāya hi sabbametanti suttantaṃ vinivattetvā upari gāthāhi kūṭaṃ gaṇhanto ye viruddhātiādimāha.
ตตฺถ วิรุทฺธาติ วิโรธสงฺขาเตน โกเปน วิรุทฺธาฯ สลฺลปนฺตีติ สลฺลาปํ กโรนฺติฯ วินิวิฎฺฐาติ อภินิวิฎฺฐา หุตฺวาฯ สมุสฺสิตาติ มานุสฺสเยน สุฎฺฐุ อุสฺสิตาฯ อนริยคุณมาสชฺชาติ อนริยคุณกถํ คุณมาสชฺช กเถนฺติฯ คุณํ ฆเฎฺฎตฺวา กถา หิ อนริยกถา นาม, น อริยกถา, ตํ กเถนฺตีติ อโตฺถฯ อโญฺญญฺญวิวเรสิโนติ อญฺญมญฺญสฺส ฉิทฺทํ อปราธํ คเวสมานาฯ ทุพฺภาสิตนฺติ ทุกฺกถิตํฯ วิกฺขลิตนฺติ อปฺปมตฺตกํ มุขโทสขลิตํฯ สมฺปโมหํ ปราชยนฺติ อญฺญมญฺญสฺส อปฺปมเตฺตน มุขโทเสน สมฺปโมหญฺจ ปราชยญฺจฯ อภินนฺทนฺตีติ ตุสฺสนฺติฯ นาจเรติ น จรติ น กเถติฯ ธมฺมฎฺฐปฎิสํยุตฺตาติ ยา จ ธเมฺม ฐิเตน กถิตกถา, สา ธมฺมฎฺฐา เจว โหติ เตน จ ธเมฺมน ปฎิสํยุตฺตาติ ธมฺมฎฺฐปฎิสํยุตฺตาฯ อนุนฺนเตน มนสาติ อนุทฺธเตน เจตสาฯ อปฬาโสติ ยุคคฺคาหปฬาสวเสน อปฬาโส หุตฺวาฯ อสาหโสติ ราคโทสโมหสาหสานํ วเสน อสาหโส หุตฺวาฯ
Tattha viruddhāti virodhasaṅkhātena kopena viruddhā. Sallapantīti sallāpaṃ karonti. Viniviṭṭhāti abhiniviṭṭhā hutvā. Samussitāti mānussayena suṭṭhu ussitā. Anariyaguṇamāsajjāti anariyaguṇakathaṃ guṇamāsajja kathenti. Guṇaṃ ghaṭṭetvā kathā hi anariyakathā nāma, na ariyakathā, taṃ kathentīti attho. Aññoññavivaresinoti aññamaññassa chiddaṃ aparādhaṃ gavesamānā. Dubbhāsitanti dukkathitaṃ. Vikkhalitanti appamattakaṃ mukhadosakhalitaṃ. Sampamohaṃ parājayanti aññamaññassa appamattena mukhadosena sampamohañca parājayañca. Abhinandantīti tussanti. Nācareti na carati na katheti. Dhammaṭṭhapaṭisaṃyuttāti yā ca dhamme ṭhitena kathitakathā, sā dhammaṭṭhā ceva hoti tena ca dhammena paṭisaṃyuttāti dhammaṭṭhapaṭisaṃyuttā. Anunnatena manasāti anuddhatena cetasā. Apaḷāsoti yugaggāhapaḷāsavasena apaḷāso hutvā. Asāhasoti rāgadosamohasāhasānaṃ vasena asāhaso hutvā.
อนุสูยายมาโนติ น อุสูยมาโนฯ ทุพฺภเฎฺฐ นาปสาทเยติ ทุกฺกถิตสฺมิํ น อปสาเทยฺยฯ อุปารมฺภํ น สิเกฺขยฺยาติ การณุตฺตริยลกฺขณํ อุปารมฺภํ น สิเกฺขยฺยฯ ขลิตญฺจ น คาหเยติ อปฺปมตฺตกํ มุขขลิตํ ‘‘อยํ เต โทโส’’ติ น คาหเยยฺยฯ นาภิหเรติ นาวตฺถเรยฺยฯ นาภิมเทฺทติ เอกํ การณํ อาหริตฺวา น มเทฺทยฺยฯ น วาจํ ปยุตํ ภเณติ สจฺจาลิกปฎิสํยุตฺตํ วาจํ น ภเณยฺยฯ อญฺญาตตฺถนฺติ ชานนตฺถํฯ ปสาทตฺถนฺติ ปสาทชนนตฺถํฯ น สมุเสฺสยฺย มนฺตเยติ น มานุสฺสเยน สมุสฺสิโต ภเวยฺยฯ น หิ มานุสฺสิตา หุตฺวา ปณฺฑิตา กถยนฺติ, มาเนน ปน อนุสฺสิโตว หุตฺวา มนฺตเย กเถยฺย ภาเสยฺยาติฯ
Anusūyāyamānoti na usūyamāno. Dubbhaṭṭhe nāpasādayeti dukkathitasmiṃ na apasādeyya. Upārambhaṃ na sikkheyyāti kāraṇuttariyalakkhaṇaṃ upārambhaṃ na sikkheyya. Khalitañca na gāhayeti appamattakaṃ mukhakhalitaṃ ‘‘ayaṃ te doso’’ti na gāhayeyya. Nābhihareti nāvatthareyya. Nābhimaddeti ekaṃ kāraṇaṃ āharitvā na maddeyya. Navācaṃ payutaṃ bhaṇeti saccālikapaṭisaṃyuttaṃ vācaṃ na bhaṇeyya. Aññātatthanti jānanatthaṃ. Pasādatthanti pasādajananatthaṃ. Na samusseyya mantayeti na mānussayena samussito bhaveyya. Na hi mānussitā hutvā paṇḍitā kathayanti, mānena pana anussitova hutvā mantaye katheyya bhāseyyāti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๗. กถาวตฺถุสุตฺตํ • 7. Kathāvatthusuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๗. กถาวตฺถุสุตฺตวณฺณนา • 7. Kathāvatthusuttavaṇṇanā