Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi

    ๗. กถินกฺขนฺธโก

    7. Kathinakkhandhako

    ๑๘๗. กถินานุชานนา

    187. Kathinānujānanā

    ๓๐๖. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ติํสมตฺตา ปาเวยฺยกา 1 ภิกฺขู, สเพฺพ อารญฺญิกา สเพฺพ ปิณฺฑปาติกา สเพฺพ ปํสุกูลิกา สเพฺพ เตจีวริกา สาวตฺถิํ อาคจฺฉนฺตา ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปกฎฺฐาย วสฺสูปนายิกาย นาสกฺขิํสุ สาวตฺถิยํ วสฺสูปนายิกํ สมฺภาเวตุํ; อนฺตรามเคฺค สาเกเต วสฺสํ อุปคจฺฉิํสุฯ เต อุกฺกณฺฐิตรูปา วสฺสํ วสิํสุ – อาสเนฺนว โน ภควา วิหรติ อิโต ฉสุ โยชเนสุ, น จ มยํ ลภาม ภควนฺตํ ทสฺสนายาติฯ อถ โข เต ภิกฺขู วสฺสํวุฎฺฐา, เตมาสจฺจเยน กตาย ปวารณาย, เทเว วสฺสเนฺต, อุทกสงฺคเห อุทกจิกฺขเลฺล โอกปุเณฺณหิ จีวเรหิ กิลนฺตรูปา เยน สาวตฺถิ เชตวนํ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ อาจิณฺณํ โข ปเนตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ปฎิสโมฺมทิตุํฯ อถ โข ภควา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ สมคฺคา สโมฺมทมานา อวิวทมานา ผาสุกํ วสฺสํ วสิตฺถ, น จ ปิณฺฑเกน กิลมิตฺถา’’ติ? ‘‘ขมนียํ, ภควา; ยาปนียํ, ภควา; สมคฺคา จ มยํ, ภเนฺต, สโมฺมทมานา อวิวทมานา วสฺสํ วสิมฺหา, น จ ปิณฺฑเกน กิลมิมฺหา ฯ อิธ มยํ, ภเนฺต, ติํสมตฺตา ปาเวยฺยกา ภิกฺขู สาวตฺถิํ อาคจฺฉนฺตา ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปกฎฺฐาย วสฺสูปนายิกาย นาสกฺขิมฺหา สาวตฺถิยํ วสฺสูปนายิกํ สมฺภาเวตุํ, อนฺตรามเคฺค สาเกเต วสฺสํ อุปคจฺฉิมฺหาฯ เต มยํ, ภเนฺต, อุกฺกณฺฐิตรูปา วสฺสํ วสิมฺหา – ‘อาสเนฺนว โน ภควา วิหรติ อิโต ฉสุ โยชเนสุ, น จ มยํ ลภาม ภควนฺตํ ทสฺสนายา’ติฯ อถ โข มยํ, ภเนฺต, วสฺสํวุฎฺฐา, เตมาสจฺจเยน กตาย ปวารณาย, เทเว วสฺสเนฺต, อุทกสงฺคเห อุทกจิกฺขเลฺล โอกปุเณฺณหิ จีวเรหิ กิลนฺตรูปา อทฺธานํ อาคตาติฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสํวุฎฺฐานํ ภิกฺขูนํ กถินํ 2 อตฺถริตุํฯ อตฺถตกถินานํ โว, ภิกฺขเว, ปญฺจ กปฺปิสฺสนฺติ – อนามนฺตจาโร, อสมาทานจาโร, คณโภชนํ, ยาวทตฺถจีวรํ, โย จ ตตฺถ จีวรุปฺปาโท โส เนสํ ภวิสฺสตีติฯ อตฺถตกถินานํ โว, ภิกฺขเว, อิมานิ ปญฺจ กปฺปิสฺสนฺติฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, กถินํ อตฺถริตพฺพํฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –

    306. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena tiṃsamattā pāveyyakā 3 bhikkhū, sabbe āraññikā sabbe piṇḍapātikā sabbe paṃsukūlikā sabbe tecīvarikā sāvatthiṃ āgacchantā bhagavantaṃ dassanāya upakaṭṭhāya vassūpanāyikāya nāsakkhiṃsu sāvatthiyaṃ vassūpanāyikaṃ sambhāvetuṃ; antarāmagge sākete vassaṃ upagacchiṃsu. Te ukkaṇṭhitarūpā vassaṃ vasiṃsu – āsanneva no bhagavā viharati ito chasu yojanesu, na ca mayaṃ labhāma bhagavantaṃ dassanāyāti. Atha kho te bhikkhū vassaṃvuṭṭhā, temāsaccayena katāya pavāraṇāya, deve vassante, udakasaṅgahe udakacikkhalle okapuṇṇehi cīvarehi kilantarūpā yena sāvatthi jetavanaṃ anāthapiṇḍikassa ārāmo, yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Āciṇṇaṃ kho panetaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ āgantukehi bhikkhūhi saddhiṃ paṭisammodituṃ. Atha kho bhagavā te bhikkhū etadavoca – ‘‘kacci, bhikkhave, khamanīyaṃ, kacci yāpanīyaṃ, kacci samaggā sammodamānā avivadamānā phāsukaṃ vassaṃ vasittha, na ca piṇḍakena kilamitthā’’ti? ‘‘Khamanīyaṃ, bhagavā; yāpanīyaṃ, bhagavā; samaggā ca mayaṃ, bhante, sammodamānā avivadamānā vassaṃ vasimhā, na ca piṇḍakena kilamimhā . Idha mayaṃ, bhante, tiṃsamattā pāveyyakā bhikkhū sāvatthiṃ āgacchantā bhagavantaṃ dassanāya upakaṭṭhāya vassūpanāyikāya nāsakkhimhā sāvatthiyaṃ vassūpanāyikaṃ sambhāvetuṃ, antarāmagge sākete vassaṃ upagacchimhā. Te mayaṃ, bhante, ukkaṇṭhitarūpā vassaṃ vasimhā – ‘āsanneva no bhagavā viharati ito chasu yojanesu, na ca mayaṃ labhāma bhagavantaṃ dassanāyā’ti. Atha kho mayaṃ, bhante, vassaṃvuṭṭhā, temāsaccayena katāya pavāraṇāya, deve vassante, udakasaṅgahe udakacikkhalle okapuṇṇehi cīvarehi kilantarūpā addhānaṃ āgatāti. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, vassaṃvuṭṭhānaṃ bhikkhūnaṃ kathinaṃ 4 attharituṃ. Atthatakathinānaṃ vo, bhikkhave, pañca kappissanti – anāmantacāro, asamādānacāro, gaṇabhojanaṃ, yāvadatthacīvaraṃ, yo ca tattha cīvaruppādo so nesaṃ bhavissatīti. Atthatakathinānaṃ vo, bhikkhave, imāni pañca kappissanti. Evañca pana, bhikkhave, kathinaṃ attharitabbaṃ. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –

    ๓๐๗. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺย กถินํ อตฺถริตุํฯ เอสา ญตฺติฯ

    307. ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Idaṃ saṅghassa kathinadussaṃ uppannaṃ. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho imaṃ kathinadussaṃ itthannāmassa bhikkhuno dadeyya kathinaṃ attharituṃ. Esā ñatti.

    ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํฯ สโงฺฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทติ กถินํ อตฺถริตุํฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิมสฺส กถินทุสฺสสฺส อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทานํ กถินํ อตฺถริตุํ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ

    ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Idaṃ saṅghassa kathinadussaṃ uppannaṃ. Saṅgho imaṃ kathinadussaṃ itthannāmassa bhikkhuno deti kathinaṃ attharituṃ. Yassāyasmato khamati imassa kathinadussassa itthannāmassa bhikkhuno dānaṃ kathinaṃ attharituṃ, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.

    ‘‘ทินฺนํ อิทํ สเงฺฆน กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน กถินํ อตฺถริตุํฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ

    ‘‘Dinnaṃ idaṃ saṅghena kathinadussaṃ itthannāmassa bhikkhuno kathinaṃ attharituṃ. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.

    ๓๐๘. ‘‘เอวํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถตํ โหติ กถินํ, เอวํ อนตฺถตํฯ กถญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อนตฺถตํ โหติ กถินํ? น อุลฺลิขิตมเตฺตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น โธวนมเตฺตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น จีวรวิจารณมเตฺตน 5 อตฺถตํ โหติ กถินํ, น เฉทนมเตฺตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น พนฺธนมเตฺตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น โอวฎฺฎิยกรณมเตฺตน 6 อตฺถตํ โหติ กถินํ, น กณฺฑุสกรณมเตฺตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น ทฬฺหีกมฺมกรณมเตฺตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น อนุวาตกรณมเตฺตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น ปริภณฺฑกรณมเตฺตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น โอวเทฺธยฺยกรณมเตฺตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น กมฺพลมทฺทนมเตฺตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น นิมิตฺตกเตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น ปริกถากเตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น กุกฺกุกเตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น สนฺนิธิกเตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น นิสฺสคฺคิเยน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น อกปฺปกเตน อตฺถตํ โหติ กถินํ , น อญฺญตฺร สงฺฆาฎิยา อตฺถตํ โหติ กถินํ, น อญฺญตฺร อุตฺตราสเงฺคน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น อญฺญตฺร อนฺตรวาสเกน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น อญฺญตฺร ปญฺจเกน วา อติเรกปญฺจเกน วา ตทเหว สญฺฉิเนฺนน สมณฺฑลีกเตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, น อญฺญตฺร ปุคฺคลสฺส อตฺถารา อตฺถตํ โหติ กถินํ; สมฺมา เจว อตฺถตํ โหติ กถินํ, ตเญฺจ นิสฺสีมโฎฺฐ อนุโมทติ, เอวมฺปิ อนตฺถตํ โหติ กถินํฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, อนตฺถตํ โหติ กถินํฯ

    308. ‘‘Evaṃ kho, bhikkhave, atthataṃ hoti kathinaṃ, evaṃ anatthataṃ. Kathañca pana, bhikkhave, anatthataṃ hoti kathinaṃ? Na ullikhitamattena atthataṃ hoti kathinaṃ, na dhovanamattena atthataṃ hoti kathinaṃ, na cīvaravicāraṇamattena 7 atthataṃ hoti kathinaṃ, na chedanamattena atthataṃ hoti kathinaṃ, na bandhanamattena atthataṃ hoti kathinaṃ, na ovaṭṭiyakaraṇamattena 8 atthataṃ hoti kathinaṃ, na kaṇḍusakaraṇamattena atthataṃ hoti kathinaṃ, na daḷhīkammakaraṇamattena atthataṃ hoti kathinaṃ, na anuvātakaraṇamattena atthataṃ hoti kathinaṃ, na paribhaṇḍakaraṇamattena atthataṃ hoti kathinaṃ, na ovaddheyyakaraṇamattena atthataṃ hoti kathinaṃ, na kambalamaddanamattena atthataṃ hoti kathinaṃ, na nimittakatena atthataṃ hoti kathinaṃ, na parikathākatena atthataṃ hoti kathinaṃ, na kukkukatena atthataṃ hoti kathinaṃ, na sannidhikatena atthataṃ hoti kathinaṃ, na nissaggiyena atthataṃ hoti kathinaṃ, na akappakatena atthataṃ hoti kathinaṃ , na aññatra saṅghāṭiyā atthataṃ hoti kathinaṃ, na aññatra uttarāsaṅgena atthataṃ hoti kathinaṃ, na aññatra antaravāsakena atthataṃ hoti kathinaṃ, na aññatra pañcakena vā atirekapañcakena vā tadaheva sañchinnena samaṇḍalīkatena atthataṃ hoti kathinaṃ, na aññatra puggalassa atthārā atthataṃ hoti kathinaṃ; sammā ceva atthataṃ hoti kathinaṃ, tañce nissīmaṭṭho anumodati, evampi anatthataṃ hoti kathinaṃ. Evaṃ kho, bhikkhave, anatthataṃ hoti kathinaṃ.

    ๓๐๙. ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, อตฺถตํ โหติ กถินํ? อหเตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, อหตกเปฺปน อตฺถตํ โหติ กถินํ, ปิโลติกาย อตฺถตํ โหติ กถินํ, ปํสุกูเลน อตฺถตํ โหติ กถินํ, ปาปณิเกน อตฺถตํ โหติ กถินํ, อนิมิตฺตกเตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, อปริกถากเตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, อกุกฺกุกเตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, อสนฺนิธิกเตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, อนิสฺสคฺคิเยน อตฺถตํ โหติ กถินํ, กปฺปกเตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, สงฺฆาฎิยา อตฺถตํ โหติ กถินํ, อุตฺตราสเงฺคน อตฺถตํ โหติ กถินํ, อนฺตรวาสเกน อตฺถตํ โหติ กถินํ, ปญฺจเกน วา อติเรกปญฺจเกน วา ตทเหว สญฺฉิเนฺนน สมณฺฑลีกเตน อตฺถตํ โหติ กถินํ, ปุคฺคลสฺส อตฺถารา อตฺถตํ โหติ กถินํ; สมฺมา เจ อตฺถตํ โหติ กถินํ, ตเญฺจ สีมโฎฺฐ อนุโมทติ, เอวมฺปิ อตฺถตํ โหติ กถินํ ฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถตํ โหติ กถินํฯ

    309. ‘‘Kathañca, bhikkhave, atthataṃ hoti kathinaṃ? Ahatena atthataṃ hoti kathinaṃ, ahatakappena atthataṃ hoti kathinaṃ, pilotikāya atthataṃ hoti kathinaṃ, paṃsukūlena atthataṃ hoti kathinaṃ, pāpaṇikena atthataṃ hoti kathinaṃ, animittakatena atthataṃ hoti kathinaṃ, aparikathākatena atthataṃ hoti kathinaṃ, akukkukatena atthataṃ hoti kathinaṃ, asannidhikatena atthataṃ hoti kathinaṃ, anissaggiyena atthataṃ hoti kathinaṃ, kappakatena atthataṃ hoti kathinaṃ, saṅghāṭiyā atthataṃ hoti kathinaṃ, uttarāsaṅgena atthataṃ hoti kathinaṃ, antaravāsakena atthataṃ hoti kathinaṃ, pañcakena vā atirekapañcakena vā tadaheva sañchinnena samaṇḍalīkatena atthataṃ hoti kathinaṃ, puggalassa atthārā atthataṃ hoti kathinaṃ; sammā ce atthataṃ hoti kathinaṃ, tañce sīmaṭṭho anumodati, evampi atthataṃ hoti kathinaṃ . Evaṃ kho, bhikkhave, atthataṃ hoti kathinaṃ.

    ๓๑๐. ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, อุพฺภตํ โหติ กถินํ? อฎฺฐิมา, ภิกฺขเว, มาติกา กถินสฺส อุพฺภาราย – ปกฺกมนนฺติกา, นิฎฺฐานนฺติกา, สนฺนิฎฺฐานนฺติกา, นาสนนฺติกา, สวนนฺติกา, อาสาวเจฺฉทิกา, สีมาติกฺกนฺติกา, สหุพฺภารา’’ติ 9

    310. ‘‘Kathañca, bhikkhave, ubbhataṃ hoti kathinaṃ? Aṭṭhimā, bhikkhave, mātikā kathinassa ubbhārāya – pakkamanantikā, niṭṭhānantikā, sanniṭṭhānantikā, nāsanantikā, savanantikā, āsāvacchedikā, sīmātikkantikā, sahubbhārā’’ti 10.

    กถินานุชานนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kathinānujānanā niṭṭhitā.







    Footnotes:
    1. ปาเฐยฺยกา (สี. สฺยา.)
    2. กฐินํ (สี. สฺยา.)
    3. pāṭheyyakā (sī. syā.)
    4. kaṭhinaṃ (sī. syā.)
    5. น คณฺฎุสกรณมเตฺตน (ก.)
    6. น โอวเฎฺฎยฺยกรณมเตฺตน (สี. สฺยา.), น โอวเทยฺยกรณมเตฺตน (ก.)
    7. na gaṇṭusakaraṇamattena (ka.)
    8. na ovaṭṭeyyakaraṇamattena (sī. syā.), na ovadeyyakaraṇamattena (ka.)
    9. สอุพฺภาราติ (ก.)
    10. saubbhārāti (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / กถินานุชานนกถา • Kathinānujānanakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / กถินานุชานนกถาวณฺณนา • Kathinānujānanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / กถินานุชานนกถาวณฺณนา • Kathinānujānanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / กถินานุชานนกถาวณฺณนา • Kathinānujānanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑๘๗. กถินานุชานนกถา • 187. Kathinānujānanakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact