Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā |
๗. กถินกฺขนฺธกํ
7. Kathinakkhandhakaṃ
กถินานุชานนกถา
Kathinānujānanakathā
๓๐๖. กถินกฺขนฺธเก – ปาเวยฺยกาติ ปาเวยฺยรฎฺฐวาสิโนฯ ปาเวยฺยํ นาม โกสเลสุ ปจฺฉิมทิสาภาเค รฎฺฐํ; ตตฺถ วาสิโนติ วุตฺตํ โหติฯ โกสลรโญฺญ เอกปิตุกภาตูนํ ภทฺทวคฺคิยเตฺถรานํ เอตํ อธิวจนํฯ เตสุ สพฺพเชฎฺฐโก อนาคามี, สพฺพปจฺฉิมโก โสตาปโนฺน, เอโกปิ อรหา วา ปุถุชฺชโน วา นตฺถิฯ อารญฺญิกาติ ธุตงฺคสมาทานวเสน อารญฺญิกา; น อรญฺญวาสมเตฺตนฯ ปิณฺฑปาติกาทิภาเวปิ เตสํ เอเสว นโยฯ สีสวเสน เจตํ วุตฺตํฯ อิเม ปน เตรสาปิ ธุตงฺคานิ สมาทาเยว วตฺตนฺติฯ อุทกสงฺคเหติ อุทเกน สงฺคหิเต ฆฎิเต สํสเฎฺฐ; ถเล จ นิเนฺน จ เอโกทกีภูเตติ อโตฺถฯ
306. Kathinakkhandhake – pāveyyakāti pāveyyaraṭṭhavāsino. Pāveyyaṃ nāma kosalesu pacchimadisābhāge raṭṭhaṃ; tattha vāsinoti vuttaṃ hoti. Kosalarañño ekapitukabhātūnaṃ bhaddavaggiyattherānaṃ etaṃ adhivacanaṃ. Tesu sabbajeṭṭhako anāgāmī, sabbapacchimako sotāpanno, ekopi arahā vā puthujjano vā natthi. Āraññikāti dhutaṅgasamādānavasena āraññikā; na araññavāsamattena. Piṇḍapātikādibhāvepi tesaṃ eseva nayo. Sīsavasena cetaṃ vuttaṃ. Ime pana terasāpi dhutaṅgāni samādāyeva vattanti. Udakasaṅgaheti udakena saṅgahite ghaṭite saṃsaṭṭhe; thale ca ninne ca ekodakībhūteti attho.
อุทกจิกฺขเลฺลติ อกฺกนฺตอกฺกนฺตฎฺฐาเน อุทกจิกฺขโลฺล อุฎฺฐหิตฺวา ยาว อานิสทา ปหรติ, อีทิเส จิกฺขเลฺลติ อโตฺถฯ โอกปุเณฺณหีติ อุทกปุเณฺณหิฯ เตสํ กิร จีวรานิ ฆนานิ, เตสุ ปติตํ อุทกํ น ปคฺฆรติ ฆนตฺตา ปุฎพทฺธํ วิย ติฎฺฐติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘โอกปุเณฺณหิ จีวเรหี’’ติฯ ‘‘โอฆปุเณฺณหี’’ติปิ ปาโฐฯ
Udakacikkhalleti akkantaakkantaṭṭhāne udakacikkhallo uṭṭhahitvā yāva ānisadā paharati, īdise cikkhalleti attho. Okapuṇṇehīti udakapuṇṇehi. Tesaṃ kira cīvarāni ghanāni, tesu patitaṃ udakaṃ na paggharati ghanattā puṭabaddhaṃ viya tiṭṭhati. Tena vuttaṃ – ‘‘okapuṇṇehi cīvarehī’’ti. ‘‘Oghapuṇṇehī’’tipi pāṭho.
อวิวทมานา วสฺสํ วสิมฺหาติ เอตฺถ อาคนฺตุกฎฺฐาเน เสนาสนผาสุตาย อภาเวน จ ภควโต ทสฺสนาลาเภน อุกฺกณฺฐิตตาย จ เต ภิกฺขู ผาสุํ น วสิํสุ, ตสฺมา ‘‘อวิวทมานา ผาสุกํ วสฺสํ วสิมฺหา’’ติ นาโวจุํฯ ธมฺมิํ กถํ กตฺวาติ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ อนมตคฺคิยกถํ กเถสิฯ เต สเพฺพปิ กถาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา นิสินฺนฎฺฐานโตเยว อากาเส อุปฺปติตฺวา อคมํสุ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ธมฺมิํ กถํ กตฺวา’’ติฯ ตโต ภควา ‘‘สเจ กถินตฺถาโร ปญฺญโตฺต อภวิสฺส, เอเต ภิกฺขู เอกํ จีวรํ ฐเปตฺวา สนฺตรุตฺตเรน อาคจฺฉนฺตา น เอวํ กิลนฺตา อสฺสุ, กถินตฺถาโร จ นาเมส สพฺพพุเทฺธหิ อนุญฺญาโต’’ติ จิเนฺตตฺวา กถินตฺถารํ อนุชานิตุกาโม ภิกฺขู อามเนฺตสิ, อามเนฺตตฺวา จ ปน ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหฯ
Avivadamānā vassaṃ vasimhāti ettha āgantukaṭṭhāne senāsanaphāsutāya abhāvena ca bhagavato dassanālābhena ukkaṇṭhitatāya ca te bhikkhū phāsuṃ na vasiṃsu, tasmā ‘‘avivadamānā phāsukaṃ vassaṃ vasimhā’’ti nāvocuṃ. Dhammiṃ kathaṃ katvāti bhagavā tesaṃ bhikkhūnaṃ anamataggiyakathaṃ kathesi. Te sabbepi kathāpariyosāne arahattaṃ pāpuṇitvā nisinnaṭṭhānatoyeva ākāse uppatitvā agamaṃsu, taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘dhammiṃ kathaṃ katvā’’ti. Tato bhagavā ‘‘sace kathinatthāro paññatto abhavissa, ete bhikkhū ekaṃ cīvaraṃ ṭhapetvā santaruttarena āgacchantā na evaṃ kilantā assu, kathinatthāro ca nāmesa sabbabuddhehi anuññāto’’ti cintetvā kathinatthāraṃ anujānitukāmo bhikkhū āmantesi, āmantetvā ca pana ‘‘anujānāmi bhikkhave’’tiādimāha.
ตตฺถ อตฺถตกถินานํ โวติ นิปาตมตฺตํ โวกาโร; อตฺถตกถินานนฺติ อโตฺถฯ เอวญฺหิ สติ ปรโต ‘‘โส เนสํ ภวิสฺสตี’’ติ ยุชฺชติฯ อถ วา โวติ สามิวจนเมเวตํฯ โส เนสนฺติ เอตฺถ ปน โส จีวรุปฺปาโท เย อตฺถตกถินา, เตสํ ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ
Tattha atthatakathinānaṃ voti nipātamattaṃ vokāro; atthatakathinānanti attho. Evañhi sati parato ‘‘so nesaṃ bhavissatī’’ti yujjati. Atha vā voti sāmivacanamevetaṃ. So nesanti ettha pana so cīvaruppādo ye atthatakathinā, tesaṃ bhavissatīti attho.
ตตฺถ อนามนฺตจาโรติ ยาว กถินํ น อุทฺธริยติ, ตาว อนามเนฺตตฺวา จรณํ กปฺปิสฺสติ , จาริตฺตสิกฺขาปเทน อนาปตฺติ ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ อสมาทานจาโรติ ติจีวรํ อสมาทาย จรณํ; จีวรวิปฺปวาโส กปฺปิสฺสตีติ อโตฺถฯ คณโภชนนฺติ คณโภชนมฺปิ กปฺปิสฺสติฯ ยาวทตฺถจีวรนฺติ ยาวตฺตเกน จีวเรน อโตฺถ, ตาวตฺตกํ อนธิฎฺฐิตํ อวิกปฺปิตํ กปฺปิสฺสตีติ อโตฺถฯ โย จ ตตฺถ จีวรุปฺปาโทติ ตตฺถ กถินตฺถตสีมายํ มตกจีวรํ วา โหตุ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนํ วา สงฺฆิเกน ตตฺรุปฺปาเทน อาภตํ วา, เยน เกนจิ อากาเรน ยํ สงฺฆิกจีวรํ อุปฺปชฺชติ, ตํ เตสํ ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ
Tattha anāmantacāroti yāva kathinaṃ na uddhariyati, tāva anāmantetvā caraṇaṃ kappissati , cārittasikkhāpadena anāpatti bhavissatīti attho. Asamādānacāroti ticīvaraṃ asamādāya caraṇaṃ; cīvaravippavāso kappissatīti attho. Gaṇabhojananti gaṇabhojanampi kappissati. Yāvadatthacīvaranti yāvattakena cīvarena attho, tāvattakaṃ anadhiṭṭhitaṃ avikappitaṃ kappissatīti attho. Yo ca tattha cīvaruppādoti tattha kathinatthatasīmāyaṃ matakacīvaraṃ vā hotu saṅghaṃ uddissa dinnaṃ vā saṅghikena tatruppādena ābhataṃ vā, yena kenaci ākārena yaṃ saṅghikacīvaraṃ uppajjati, taṃ tesaṃ bhavissatīti attho.
เอวญฺจ ปน ภิกฺขเว กถินํ อตฺถริตพฺพนฺติ เอตฺถ กถินตฺถารํ เก ลภนฺติ, เก น ลภนฺตีติ? คณนวเสน ตาว ปจฺฉิมโกฎิยา ปญฺจ ชนา ลภนฺติ, อุทฺธํ สตสหสฺสมฺปิ, ปญฺจนฺนํ เหฎฺฐา น ลภนฺติฯ วุตฺถวสฺสวเสน ปุริมิกาย วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปฐมปวารณาย ปวาริตา ลภนฺติ, ฉินฺนวสฺสา วา ปจฺฉิมิกาย อุปคตา วา น ลภนฺติ, อญฺญสฺมิํ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ น ลภนฺตีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ ปุริมิกาย อุปคตานํ ปน สเพฺพ คณปูรกา โหนฺติ, อานิสํสํ น ลภนฺติ, อานิสํโส อิตเรสํเยว โหติฯ สเจ ปุริมิกาย อุปคตา จตฺตาโร วา โหนฺติ ตโย วา เทฺว วา เอโก วา, อิตเร คณปูรเก กตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพํฯ อถ จตฺตาโร ภิกฺขู อุปคตา, เอโก ปริปุณฺณวโสฺส สามเณโร, โส เจ ปจฺฉิมิกาย อุปสมฺปชฺชติ, คณปูรโก เจว โหติ, อานิสํสญฺจ ลภติฯ ตโย ภิกฺขู เทฺว สามเณรา, เทฺว ภิกฺขู ตโย สามเณรา, เอโก ภิกฺขุ จตฺตาโร สามเณราติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ สเจ ปุริมิกาย อุปคตา กถินตฺถารกุสลา น โหนฺติ, อตฺถารกุสลา ขนฺธกภาณกเถรา ปริเยสิตฺวา อาเนตพฺพาฯ กมฺมวาจํ สาเวตฺวา กถินํ อตฺถราเปตฺวา ทานญฺจ ภุญฺชิตฺวา คมิสฺสนฺติฯ อานิสํโส ปน อิตเรสํเยว โหติฯ
Evañca pana bhikkhave kathinaṃ attharitabbanti ettha kathinatthāraṃ ke labhanti, ke na labhantīti? Gaṇanavasena tāva pacchimakoṭiyā pañca janā labhanti, uddhaṃ satasahassampi, pañcannaṃ heṭṭhā na labhanti. Vutthavassavasena purimikāya vassaṃ upagantvā paṭhamapavāraṇāya pavāritā labhanti, chinnavassā vā pacchimikāya upagatā vā na labhanti, aññasmiṃ vihāre vutthavassāpi na labhantīti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Purimikāya upagatānaṃ pana sabbe gaṇapūrakā honti, ānisaṃsaṃ na labhanti, ānisaṃso itaresaṃyeva hoti. Sace purimikāya upagatā cattāro vā honti tayo vā dve vā eko vā, itare gaṇapūrake katvā kathinaṃ attharitabbaṃ. Atha cattāro bhikkhū upagatā, eko paripuṇṇavasso sāmaṇero, so ce pacchimikāya upasampajjati, gaṇapūrako ceva hoti, ānisaṃsañca labhati. Tayo bhikkhū dve sāmaṇerā, dve bhikkhū tayo sāmaṇerā, eko bhikkhu cattāro sāmaṇerāti etthāpi eseva nayo. Sace purimikāya upagatā kathinatthārakusalā na honti, atthārakusalā khandhakabhāṇakatherā pariyesitvā ānetabbā. Kammavācaṃ sāvetvā kathinaṃ attharāpetvā dānañca bhuñjitvā gamissanti. Ānisaṃso pana itaresaṃyeva hoti.
กถินํ เกน ทินฺนํ วฎฺฎติ? เยน เกนจิ เทเวน วา มนุเสฺสน วา ปญฺจนฺนํ วา สหธมฺมิกานํ อญฺญตเรน ทินฺนํ วฎฺฎติฯ กถินทายกสฺส วตฺตํ อตฺถิ, สเจ โส ตํ อชานโนฺต ปุจฺฉติ – ‘‘ภเนฺต กถํ กถินํ ทาตพฺพ’’นฺติ ตสฺส เอวํ อาจิกฺขิตพฺพํ – ‘‘ติณฺณํ จีวรานํ อญฺญตรปฺปโหนกํ สูริยุคฺคมนสมเย วตฺถํ ‘กถินจีวรํ เทมา’ติ ทาตุํ วฎฺฎติ , ตสฺส ปริกมฺมตฺถํ เอตฺตกา นาม สูจิโย, เอตฺตกํ สุตฺตํ, เอตฺตกํ รชนํ, ปริกมฺมํ กโรนฺตานํ เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ยาคุภตฺตญฺจ ทาตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ
Kathinaṃ kena dinnaṃ vaṭṭati? Yena kenaci devena vā manussena vā pañcannaṃ vā sahadhammikānaṃ aññatarena dinnaṃ vaṭṭati. Kathinadāyakassa vattaṃ atthi, sace so taṃ ajānanto pucchati – ‘‘bhante kathaṃ kathinaṃ dātabba’’nti tassa evaṃ ācikkhitabbaṃ – ‘‘tiṇṇaṃ cīvarānaṃ aññatarappahonakaṃ sūriyuggamanasamaye vatthaṃ ‘kathinacīvaraṃ demā’ti dātuṃ vaṭṭati , tassa parikammatthaṃ ettakā nāma sūciyo, ettakaṃ suttaṃ, ettakaṃ rajanaṃ, parikammaṃ karontānaṃ ettakānaṃ bhikkhūnaṃ yāgubhattañca dātuṃ vaṭṭatī’’ti.
กถินตฺถารเกนาปิ ธเมฺมน สเมน อุปฺปนฺนํ กถินํ อตฺถรเนฺตน วตฺตํ ชานิตพฺพํฯ ตนฺตวายเคหโต หิ อาภตสนฺตาเนเนว ขลิมกฺขิตสาฎโก น วฎฺฎติ, มลีนสาฎโกปิ น วฎฺฎติ, ตสฺมา กถินตฺถารสาฎกํ ลภิตฺวา สุฎฺฐุ โธวิตฺวา สูจิอาทีนิ จีวรกมฺมูปกรณานิ สเชฺชตฺวา พหูหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ตทเหว สิพฺพิตฺวา นิฎฺฐิตสูจิกมฺมํ รชิตฺวา กปฺปพินฺทุํ ทตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพํฯ สเจ ตสฺมิํ อนตฺถเตเยว อญฺญํ กถินสาฎกํ อาหรติ, อญฺญานิ จ พหูนิ กถินานิสํสวตฺถานิ เทติ, โย อานิสํสํ พหุํ เทติ, ตสฺส สนฺตเกเนว อตฺถริตพฺพํฯ อิตโร ยถา ตถา โอวทิตฺวา สญฺญาเปตโพฺพฯ
Kathinatthārakenāpi dhammena samena uppannaṃ kathinaṃ attharantena vattaṃ jānitabbaṃ. Tantavāyagehato hi ābhatasantāneneva khalimakkhitasāṭako na vaṭṭati, malīnasāṭakopi na vaṭṭati, tasmā kathinatthārasāṭakaṃ labhitvā suṭṭhu dhovitvā sūciādīni cīvarakammūpakaraṇāni sajjetvā bahūhi bhikkhūhi saddhiṃ tadaheva sibbitvā niṭṭhitasūcikammaṃ rajitvā kappabinduṃ datvā kathinaṃ attharitabbaṃ. Sace tasmiṃ anatthateyeva aññaṃ kathinasāṭakaṃ āharati, aññāni ca bahūni kathinānisaṃsavatthāni deti, yo ānisaṃsaṃ bahuṃ deti, tassa santakeneva attharitabbaṃ. Itaro yathā tathā ovaditvā saññāpetabbo.
กถินํ ปน เกน อตฺถริตพฺพํ? ยสฺส สโงฺฆ กถินจีวรํ เทติฯ สเงฺฆน ปน กสฺส ทาตพฺพํ? โย ชิณฺณจีวโร โหติฯ สเจ พหู ชิณฺณจีวรา โหนฺติ, วุฑฺฒสฺส ทาตพฺพํฯ วุเฑฺฒสุปิ โย มหาปริโส ตทเหว จีวรํ กตฺวา อตฺถริตุํ สโกฺกติ, ตสฺส ทาตพฺพํฯ สเจ วุโฑฺฒ น สโกฺกติ นวกตโร สโกฺกติ, ตสฺส ทาตพฺพํฯ อปิจ สเงฺฆน มหาเถรสฺส สงฺคหํ กาตุํ วฎฺฎติ, ตสฺมา ‘‘ตุเมฺห ภเนฺต คณฺหถ, มยํ กตฺวา ทสฺสามา’’ติ วตฺตพฺพํฯ ตีสุ จีวเรสุ ยํ ชิณฺณํ โหติ, ตทตฺถาย ทาตพฺพํฯ ปกติยา ทุปฎฺฎจีวรสฺส ทุปฎฺฎตฺถาเยว ทาตพฺพํฯ สเจปิสฺส เอกปฎฺฎจีวรํ ฆนํ โหติ, กถินสาฎโก จ เปลโว, สารุปฺปตฺถาย ทุปฎฺฎปฺปโหนกเมว ทาตพฺพํ, ‘‘อหํ อลภโนฺต เอกปฎฺฎํ ปารุปามี’’ติ วทนฺตสฺสาปิ ทุปฎฺฎํ ทาตุํ วฎฺฎติฯ โย ปน โลภปกติโก โหติ, ตสฺส น ทาตพฺพํฯ เตนาปิ ‘‘กถินํ อตฺถริตฺวา ปจฺฉา สิพฺพิตฺวา เทฺว จีวรานิ กริสฺสามี’’ติ น คเหตพฺพํฯ ยสฺส ปน ทียติ, ตสฺส เยน วิธินา ทาตพฺพํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอวญฺจ ปน ภิกฺขเว กถินํ อตฺถริตพฺพ’’นฺติ อารภิตฺวา สุณาตุ เม ภเนฺตติอาทิกา ทานกมฺมวาจา ตาว วุตฺตาฯ
Kathinaṃ pana kena attharitabbaṃ? Yassa saṅgho kathinacīvaraṃ deti. Saṅghena pana kassa dātabbaṃ? Yo jiṇṇacīvaro hoti. Sace bahū jiṇṇacīvarā honti, vuḍḍhassa dātabbaṃ. Vuḍḍhesupi yo mahāpariso tadaheva cīvaraṃ katvā attharituṃ sakkoti, tassa dātabbaṃ. Sace vuḍḍho na sakkoti navakataro sakkoti, tassa dātabbaṃ. Apica saṅghena mahātherassa saṅgahaṃ kātuṃ vaṭṭati, tasmā ‘‘tumhe bhante gaṇhatha, mayaṃ katvā dassāmā’’ti vattabbaṃ. Tīsu cīvaresu yaṃ jiṇṇaṃ hoti, tadatthāya dātabbaṃ. Pakatiyā dupaṭṭacīvarassa dupaṭṭatthāyeva dātabbaṃ. Sacepissa ekapaṭṭacīvaraṃ ghanaṃ hoti, kathinasāṭako ca pelavo, sāruppatthāya dupaṭṭappahonakameva dātabbaṃ, ‘‘ahaṃ alabhanto ekapaṭṭaṃ pārupāmī’’ti vadantassāpi dupaṭṭaṃ dātuṃ vaṭṭati. Yo pana lobhapakatiko hoti, tassa na dātabbaṃ. Tenāpi ‘‘kathinaṃ attharitvā pacchā sibbitvā dve cīvarāni karissāmī’’ti na gahetabbaṃ. Yassa pana dīyati, tassa yena vidhinā dātabbaṃ, taṃ dassetuṃ ‘‘evañca pana bhikkhave kathinaṃ attharitabba’’nti ārabhitvā suṇātu me bhantetiādikā dānakammavācā tāva vuttā.
เอวํ ทิเนฺน ปน กถิเน สเจ ตํ กถินทุสฺสํ นิฎฺฐิตปริกมฺมเมว โหติ , อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ นิฎฺฐิตปริกมฺมํ โหติ, ‘‘อหํ เถโร’’ติ วา ‘‘พหุสฺสุโต’’ติ วา เอเกนาปิ อกาตุํ น ลพฺภติ, สเพฺพเหว สนฺนิปติตฺวา โธวนสิพฺพนรชนานิ นิฎฺฐาเปตพฺพานิฯ อิทญฺหิ กถินวตฺตํ นาม พุทฺธปฺปสตฺถํฯ อตีเต ปทุมุตฺตโรปิ ภควา กถินวตฺตํ อกาสิฯ ตสฺส กิร อคฺคสาวโก สุชาตเตฺถโร นาม กถินํ คณฺหิ, ตํ สตฺถา อฎฺฐสฎฺฐิยา ภิกฺขุสตสหเสฺสหิ สทฺธิํ นิสีทิตฺวา อกาสิฯ
Evaṃ dinne pana kathine sace taṃ kathinadussaṃ niṭṭhitaparikammameva hoti , iccetaṃ kusalaṃ. No ce niṭṭhitaparikammaṃ hoti, ‘‘ahaṃ thero’’ti vā ‘‘bahussuto’’ti vā ekenāpi akātuṃ na labbhati, sabbeheva sannipatitvā dhovanasibbanarajanāni niṭṭhāpetabbāni. Idañhi kathinavattaṃ nāma buddhappasatthaṃ. Atīte padumuttaropi bhagavā kathinavattaṃ akāsi. Tassa kira aggasāvako sujātatthero nāma kathinaṃ gaṇhi, taṃ satthā aṭṭhasaṭṭhiyā bhikkhusatasahassehi saddhiṃ nisīditvā akāsi.
กตปริโยสิตํ ปน กถินํ คเหตฺวา อตฺถารเกน ภิกฺขุนา ‘‘สเจ สงฺฆาฎิยา กถินํ อตฺถริตุกาโม โหติ, โปราณิกา สงฺฆาฎิ ปจฺจุทฺธริตพฺพา, นวา สงฺฆาฎิ อธิฎฺฐาตพฺพาฯ ‘อิมาย สงฺฆาฎิยา กถินํ อตฺถรามี’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพา’’ติอาทินา ปริวาเร วุตฺตวิธาเนน กถินํ อตฺถริตพฺพํฯ อตฺถริตฺวา จ ปน ‘‘เตน กถินตฺถารเกน ภิกฺขุนา สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อตฺถตํ ภเนฺต สงฺฆสฺส กถินํ, ธมฺมิโก กถินตฺถาโร, อนุโมทถา’ติ เตหิ อนุโมทเกหิ ภิกฺขูหิ เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อตฺถตํ อาวุโส สงฺฆสฺส กถินํ, ธมฺมิโก กถินตฺถาโร, อนุโมทามา’’ติ เอวมาทินา ปริวาเร วุตฺตวิธาเนเนว อนุโมทาเปตพฺพํ, อิตเรหิ จ อนุโมทิตพฺพํฯ เอวํ สเพฺพสํ อตฺถตํ โหติ กถินํฯ วุตฺตเญฺหตํ ปริวาเร ‘‘ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถตํ โหติ กถินํ – อตฺถารกสฺส จ อนุโมทกสฺส จา’’ติ (ปริ. ๔๐๓)ฯ ปุนปิ วุตฺตํ – ‘‘น สโงฺฆ กถินํ อตฺถรติ, น คโณ กถินํ อตฺถรติ, ปุคฺคโล กถินํ อตฺถรติ, สงฺฆสฺส อนุโมทนา คณสฺส อนุโมทนา ปุคฺคลสฺส อตฺถารา สงฺฆสฺส อตฺถตํ โหติ กถินํ, คณสฺส อตฺถตํ โหติ กถินํ, ปุคฺคลสฺส อตฺถตํ โหติ กถินํ’’ติ (ปริ. ๔๑๔)ฯ
Katapariyositaṃ pana kathinaṃ gahetvā atthārakena bhikkhunā ‘‘sace saṅghāṭiyā kathinaṃ attharitukāmo hoti, porāṇikā saṅghāṭi paccuddharitabbā, navā saṅghāṭi adhiṭṭhātabbā. ‘Imāya saṅghāṭiyā kathinaṃ attharāmī’ti vācā bhinditabbā’’tiādinā parivāre vuttavidhānena kathinaṃ attharitabbaṃ. Attharitvā ca pana ‘‘tena kathinatthārakena bhikkhunā saṅghaṃ upasaṅkamitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā añjaliṃ paggahetvā evamassa vacanīyo – ‘atthataṃ bhante saṅghassa kathinaṃ, dhammiko kathinatthāro, anumodathā’ti tehi anumodakehi bhikkhūhi ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā añjaliṃ paggahetvā evamassa vacanīyo – ‘atthataṃ āvuso saṅghassa kathinaṃ, dhammiko kathinatthāro, anumodāmā’’ti evamādinā parivāre vuttavidhāneneva anumodāpetabbaṃ, itarehi ca anumoditabbaṃ. Evaṃ sabbesaṃ atthataṃ hoti kathinaṃ. Vuttañhetaṃ parivāre ‘‘dvinnaṃ puggalānaṃ atthataṃ hoti kathinaṃ – atthārakassa ca anumodakassa cā’’ti (pari. 403). Punapi vuttaṃ – ‘‘na saṅgho kathinaṃ attharati, na gaṇo kathinaṃ attharati, puggalo kathinaṃ attharati, saṅghassa anumodanā gaṇassa anumodanā puggalassa atthārā saṅghassa atthataṃ hoti kathinaṃ, gaṇassa atthataṃ hoti kathinaṃ, puggalassa atthataṃ hoti kathinaṃ’’ti (pari. 414).
เอวํ อตฺถเต ปน กถิเน สเจ กถินจีวเรน สทฺธิํ อาภตํ อานิสํสํ ทายกา ‘‘เยน อมฺหากํ กถินํ คหิตํ, ตเสฺสว เทมา’’ติ เทนฺติ , ภิกฺขุสโงฺฆ อนิสฺสโรฯ อถ อวิจาเรตฺวาว ทตฺวา คจฺฉนฺติ, ภิกฺขุสโงฺฆ อิสฺสโรฯ ตสฺมา สเจ กถินตฺถารกสฺส เสสจีวรานิปิ ทุพฺพลานิ โหนฺติ, สเงฺฆน อปโลเกตฺวา เตสมฺปิ อตฺถาย วตฺถานิ ทาตพฺพานิฯ กมฺมวาจา ปน เอกาเยว วฎฺฎติฯ อวเสเส กถินานิสํเส พลววตฺถานิ วสฺสาวาสิกฎฺฐิติกาย ทาตพฺพานิ, ฐิติกาย อภาเว เถราสนโต ปฎฺฐาย ทาตพฺพานิ, ครุภณฺฑํ น ภาเชตพฺพํฯ สเจ ปน เอกสีมาย พหู วิหารา โหนฺติ, สเพฺพ ภิกฺขู สนฺนิปาเตตฺวา เอกตฺถ กถินํ อตฺถริตพฺพํ, วิสุํ วิสุํ อตฺถริตุํ น วฎฺฎติฯ
Evaṃ atthate pana kathine sace kathinacīvarena saddhiṃ ābhataṃ ānisaṃsaṃ dāyakā ‘‘yena amhākaṃ kathinaṃ gahitaṃ, tasseva demā’’ti denti , bhikkhusaṅgho anissaro. Atha avicāretvāva datvā gacchanti, bhikkhusaṅgho issaro. Tasmā sace kathinatthārakassa sesacīvarānipi dubbalāni honti, saṅghena apaloketvā tesampi atthāya vatthāni dātabbāni. Kammavācā pana ekāyeva vaṭṭati. Avasese kathinānisaṃse balavavatthāni vassāvāsikaṭṭhitikāya dātabbāni, ṭhitikāya abhāve therāsanato paṭṭhāya dātabbāni, garubhaṇḍaṃ na bhājetabbaṃ. Sace pana ekasīmāya bahū vihārā honti, sabbe bhikkhū sannipātetvā ekattha kathinaṃ attharitabbaṃ, visuṃ visuṃ attharituṃ na vaṭṭati.
๓๐๘. อิทานิ ยถา จ กถินํ อตฺถตํ โหติ, ยถา จ อนตฺถตํ, ตํ วิธิํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ เอวญฺจ ปน ภิกฺขเว อตฺถตํ โหติ กถินํ เอวํ อนตฺถตนฺติ วตฺวา อกรณียเญฺจว มหาภูมิกญฺจ อนตฺถตลกฺขณํ ตาว ทเสฺสโนฺต น อุลฺลิขิตมเตฺตนาติอาทิเก จตุวีสติ อากาเร ทเสฺสสิฯ ตโต ปรํ อตฺถตลกฺขณํ ทเสฺสโนฺต อหเตน อตฺถตนฺติอาทิเก สตฺตรส อากาเร ทเสฺสสิฯ ปริวาเรปิ หิ ‘‘จตุวีสติยา อากาเรหิ อนตฺถตํ โหติ กถินํ, สตฺตรสหิ อากาเรหิ อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ อิทเมว ลกฺขณํ วุตฺตํฯ
308. Idāni yathā ca kathinaṃ atthataṃ hoti, yathā ca anatthataṃ, taṃ vidhiṃ vitthārato dassetuṃ evañca pana bhikkhave atthataṃ hoti kathinaṃ evaṃ anatthatanti vatvā akaraṇīyañceva mahābhūmikañca anatthatalakkhaṇaṃ tāva dassento na ullikhitamattenātiādike catuvīsati ākāre dassesi. Tato paraṃ atthatalakkhaṇaṃ dassento ahatena atthatantiādike sattarasa ākāre dassesi. Parivārepi hi ‘‘catuvīsatiyā ākārehi anatthataṃ hoti kathinaṃ, sattarasahi ākārehi atthataṃ hoti kathina’’nti idameva lakkhaṇaṃ vuttaṃ.
ตตฺถ อุลฺลิขิตมเตฺตนาติ ทีฆโต จ ปุถุลโต จ ปมาณคฺคหณมเตฺตนฯ ปมาณญฺหิ คณฺหโนฺต ตสฺส ตสฺส ปเทสสฺส สญฺชานนตฺถํ นขาทีหิ วา ปริเจฺฉทํ ทเสฺสโนฺต อุลฺลิขติ, นลาฎาทีสุ วา ฆํสติ, ตสฺมา ตํ ปมาณคฺคหณํ ‘‘อุลฺลิขิตมตฺต’’นฺติ วุจฺจติฯ โธวนมเตฺตนาติ กถินทุสฺสโธวนมเตฺตนฯ จีวรวิจารณมเตฺตนาติ ‘‘ปญฺจกํ วา สตฺตกํ วา นวกํ วา เอกาทสกํ วา โหตู’’ติ เอวํ วิจาริตมเตฺตนฯ เฉทนมเตฺตนาติ ยถาวิจาริตสฺส วตฺถสฺส เฉทนมเตฺตนฯ พนฺธนมเตฺตนาติ โมฆสุตฺตกาโรปนมเตฺตนฯ โอวฎฺฎิยกรณมเตฺตนาติ โมฆสุตฺตกานุสาเรน ทีฆสิพฺพิตมเตฺตนฯ กณฺฑุสกรณมเตฺตนาติ มุทฺธิยปตฺตพนฺธนมเตฺตนฯ ทฬฺหีกมฺมกรณมเตฺตนาติ เทฺว จิมิลิกาโย เอกโต กตฺวา สิพฺพิตมเตฺตนฯ อถ วา ปฐมจิมิลิกา ฆเฎตฺวา ฐปิตา โหติ, กถินสาฎกํ ตสฺสา กุจฺฉิจิมิลิกํ กตฺวา สิพฺพิตมเตฺตนาติปิ อโตฺถฯ มหาปจฺจริยํ ‘‘ปกติจีวรสฺส อุปสฺสยทาเนนา’’ติ วุตฺตํฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘ปกติปตฺตพทฺธจีวรํ ทุปฎฺฎํ กาตุํ กุจฺฉิจิมิลิกํ อลฺลิยาปนมเตฺตนา’’ติ วุตฺตํฯ อนุวาตกรณมเตฺตนาติ ปิฎฺฐิอนุวาตาโรปนมเตฺตนฯ ปริภณฺฑกรณมเตฺตนาติ กุจฺฉิอนอุวาตาโรปนมเตฺตนฯ โอวเทฺธยฺยกรณมเตฺตนาติ อาคนฺตุกปตฺตาโรปนมเตฺตน ฯ กถินจีวรโต วา ปตฺตํ คเหตฺวา อญฺญสฺมิํ อกถินจีวเร ปตฺตาโรปนมเตฺตนฯ
Tattha ullikhitamattenāti dīghato ca puthulato ca pamāṇaggahaṇamattena. Pamāṇañhi gaṇhanto tassa tassa padesassa sañjānanatthaṃ nakhādīhi vā paricchedaṃ dassento ullikhati, nalāṭādīsu vā ghaṃsati, tasmā taṃ pamāṇaggahaṇaṃ ‘‘ullikhitamatta’’nti vuccati. Dhovanamattenāti kathinadussadhovanamattena. Cīvaravicāraṇamattenāti ‘‘pañcakaṃ vā sattakaṃ vā navakaṃ vā ekādasakaṃ vā hotū’’ti evaṃ vicāritamattena. Chedanamattenāti yathāvicāritassa vatthassa chedanamattena. Bandhanamattenāti moghasuttakāropanamattena. Ovaṭṭiyakaraṇamattenāti moghasuttakānusārena dīghasibbitamattena. Kaṇḍusakaraṇamattenāti muddhiyapattabandhanamattena. Daḷhīkammakaraṇamattenāti dve cimilikāyo ekato katvā sibbitamattena. Atha vā paṭhamacimilikā ghaṭetvā ṭhapitā hoti, kathinasāṭakaṃ tassā kucchicimilikaṃ katvā sibbitamattenātipi attho. Mahāpaccariyaṃ ‘‘pakaticīvarassa upassayadānenā’’ti vuttaṃ. Kurundiyaṃ pana ‘‘pakatipattabaddhacīvaraṃ dupaṭṭaṃ kātuṃ kucchicimilikaṃ alliyāpanamattenā’’ti vuttaṃ. Anuvātakaraṇamattenāti piṭṭhianuvātāropanamattena. Paribhaṇḍakaraṇamattenāti kucchianauvātāropanamattena. Ovaddheyyakaraṇamattenāti āgantukapattāropanamattena . Kathinacīvarato vā pattaṃ gahetvā aññasmiṃ akathinacīvare pattāropanamattena.
กมฺพลมทฺทนมเตฺตนาติ เอกวารํเยว รชเน ปกฺขิเตฺตน ทนฺตวเณฺณน ปณฺฑุปลาสวเณฺณน วาฯ สเจ ปน สกิํ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา รตฺตมฺปิ สารุปฺปํ โหติ, วฎฺฎติฯ นิมิตฺตกเตนาติ ‘‘อิมินา ทุเสฺสน กถินํ อตฺถริสฺสามี’’ติ เอวํ นิมิตฺตกเตนฯ เอตฺตกเมว หิ ปริวาเร วุตฺตํฯ อฎฺฐกถาสุ ปน ‘‘อยํ สาฎโก สุนฺทโร, สกฺกา อิมินา กถินํ อตฺถริตุ’นฺติ เอวํ นิมิตฺตกมฺมํ กตฺวา ลเทฺธนา’’ติ วุตฺตํฯ ปริกถากเตนาติ ‘‘กถินํ นาม ทาตุํ วฎฺฎติ, กถินทายโก พหุํ ปุญฺญํ ปสวตี’’ติ เอวํ ปริกถาย อุปฺปาทิเตนฯ กถินํ นาม อติอุกฺกฎฺฐํ วฎฺฎติ, มาตรมฺปิ วิญฺญาเปตุํ น วฎฺฎติ, อากาสโต โอติณฺณสทิสเมว วฎฺฎตีติฯ กุกฺกุกเตนาติ ตาวกาลิเกนฯ สนฺนิธิกเตนาติ เอตฺถ ทุวิโธ สนฺนิธิ กรณสนฺนิธิ จ นิจยสนฺนิธิ จฯ ตตฺถ ตทเหว อกตฺวา ฐเปตฺวา กรณํ กรณสนฺนิธิฯ สโงฺฆ อชฺช กถินทุสฺสํ ลภิตฺวา ปุนทิวเส เทติ, อยํ นิจยสนฺนิธิฯ
Kambalamaddanamattenāti ekavāraṃyeva rajane pakkhittena dantavaṇṇena paṇḍupalāsavaṇṇena vā. Sace pana sakiṃ vā dvikkhattuṃ vā rattampi sāruppaṃ hoti, vaṭṭati. Nimittakatenāti ‘‘iminā dussena kathinaṃ attharissāmī’’ti evaṃ nimittakatena. Ettakameva hi parivāre vuttaṃ. Aṭṭhakathāsu pana ‘‘ayaṃ sāṭako sundaro, sakkā iminā kathinaṃ attharitu’nti evaṃ nimittakammaṃ katvā laddhenā’’ti vuttaṃ. Parikathākatenāti ‘‘kathinaṃ nāma dātuṃ vaṭṭati, kathinadāyako bahuṃ puññaṃ pasavatī’’ti evaṃ parikathāya uppāditena. Kathinaṃ nāma atiukkaṭṭhaṃ vaṭṭati, mātarampi viññāpetuṃ na vaṭṭati, ākāsato otiṇṇasadisameva vaṭṭatīti. Kukkukatenāti tāvakālikena. Sannidhikatenāti ettha duvidho sannidhi karaṇasannidhi ca nicayasannidhi ca. Tattha tadaheva akatvā ṭhapetvā karaṇaṃ karaṇasannidhi. Saṅgho ajja kathinadussaṃ labhitvā punadivase deti, ayaṃ nicayasannidhi.
นิสฺสคฺคิเยนาติ รตฺตินิสฺสคฺคิเยนฯ ปริวาเรปิ วุตฺตํ – ‘‘นิสฺสคฺคิยํ นาม กริยมาเน อรุณํ อุฎฺฐหตี’’ติฯ อกปฺปกเตนาติ อนาทินฺนกปฺปพินฺทุนาฯ อญฺญตฺร สงฺฆาฎิยาติอาทีสุ ฐเปตฺวา สงฺฆาฎิอุตฺตราสงฺคอนฺตรวาสเก อเญฺญน ปจฺจตฺถรณาทินา อตฺถตํ อนตฺถตํ โหตีติฯ อญฺญตฺร ปญฺจเกน วา อติเรกปญฺจเกน วาติ ปญฺจ วา อติเรกานิ วา ขณฺฑานิ กตฺวา มหามณฺฑลอฑฺฒมณฺฑลานิ ทเสฺสตฺวา กเตเนว วฎฺฎติฯ เอวญฺหิ สมณฺฑลิกตํ โหติ, ตํ ฐเปตฺวา อเญฺญน อจฺฉินฺนเกน วา ทฺวตฺติจตุขเณฺฑน วา น วฎฺฎติฯ อญฺญตฺร ปุคฺคลสฺส อตฺถาราติ ปุคฺคลสฺส อตฺถารํ ฐเปตฺวา น อเญฺญน สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา อตฺถาเรน อตฺถตํ โหติฯ นิสฺสีมโฎฺฐ อนุโมทตีติ พหิอุปจารสีมาย ฐิโต อนุโมทติฯ
Nissaggiyenāti rattinissaggiyena. Parivārepi vuttaṃ – ‘‘nissaggiyaṃ nāma kariyamāne aruṇaṃ uṭṭhahatī’’ti. Akappakatenāti anādinnakappabindunā. Aññatra saṅghāṭiyātiādīsu ṭhapetvā saṅghāṭiuttarāsaṅgaantaravāsake aññena paccattharaṇādinā atthataṃ anatthataṃ hotīti. Aññatra pañcakena vā atirekapañcakena vāti pañca vā atirekāni vā khaṇḍāni katvā mahāmaṇḍalaaḍḍhamaṇḍalāni dassetvā kateneva vaṭṭati. Evañhi samaṇḍalikataṃ hoti, taṃ ṭhapetvā aññena acchinnakena vā dvatticatukhaṇḍena vā na vaṭṭati. Aññatra puggalassa atthārāti puggalassa atthāraṃ ṭhapetvā na aññena saṅghassa vā gaṇassa vā atthārena atthataṃ hoti. Nissīmaṭṭho anumodatīti bahiupacārasīmāya ṭhito anumodati.
๓๐๙. อหเตนาติ อปริภุเตฺตนฯ อหตกเปฺปนาติ อหตสทิเสน เอกวารํ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา โธเตนฯ ปิโลติกายาติ หตวตฺถกสาฎเกน ฯ ปํสุกูเลนาติ เตวีสติยา เขเตฺตสุ อุปฺปนฺนปํสุกูเลนฯ ปํสุกูลิกภิกฺขุนา โจฬกภิกฺขํ อาหิณฺฑิตฺวา ลทฺธโจฬเกหิ กตจีวเรนาติปิ กุรุนฺทิมหาปจฺจรีสุ วุตฺตํฯ ปาปณิเกนาติ อาปณทฺวาเร ปติตปิโลติกํ คเหตฺวา กถินตฺถาย เทติ, เตนาปิ วฎฺฎตีติ อโตฺถฯ เสสํ วุตฺตวิปลฺลาเสเนว เวทิตพฺพํฯ อิมสฺมิํ ปน ฐาเน ‘‘สห กถินสฺส อตฺถารา กติ ธมฺมา ชายนฺตี’’ติอาทิ พหุอฎฺฐกถาสุ วุตฺตํ, ตํ สพฺพํ ปริวาเร ปาฬิอารูฬฺหเมว, ตสฺมา ตตฺถ อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ น หิ เตน อิธ อวุจฺจมาเนน กถินตฺถารกสฺส กิญฺจิ ปริหายติฯ
309.Ahatenāti aparibhuttena. Ahatakappenāti ahatasadisena ekavāraṃ vā dvikkhattuṃ vā dhotena. Pilotikāyāti hatavatthakasāṭakena . Paṃsukūlenāti tevīsatiyā khettesu uppannapaṃsukūlena. Paṃsukūlikabhikkhunā coḷakabhikkhaṃ āhiṇḍitvā laddhacoḷakehi katacīvarenātipi kurundimahāpaccarīsu vuttaṃ. Pāpaṇikenāti āpaṇadvāre patitapilotikaṃ gahetvā kathinatthāya deti, tenāpi vaṭṭatīti attho. Sesaṃ vuttavipallāseneva veditabbaṃ. Imasmiṃ pana ṭhāne ‘‘saha kathinassa atthārā kati dhammā jāyantī’’tiādi bahuaṭṭhakathāsu vuttaṃ, taṃ sabbaṃ parivāre pāḷiārūḷhameva, tasmā tattha āgatanayeneva veditabbaṃ. Na hi tena idha avuccamānena kathinatthārakassa kiñci parihāyati.
๓๑๐. เอวํ กถินตฺถารํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อุพฺภารํ ทเสฺสตุํ กถญฺจ ภิกฺขเว อุพฺภตํ โหติ กถินนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ มาติกาติ มาตโร; ชเนตฺติโยติ อโตฺถฯ กถินุพฺภารญฺหิ เอตา อฎฺฐ ชเนตฺติโยฯ ตาสุ ปกฺกมนํ อโนฺต อสฺสาติ ปกฺกมนนฺติกาฯ เอวํ เสสาปิ เวทิตพฺพาฯ
310. Evaṃ kathinatthāraṃ dassetvā idāni ubbhāraṃ dassetuṃ kathañca bhikkhave ubbhataṃ hoti kathinantiādimāha. Tattha mātikāti mātaro; janettiyoti attho. Kathinubbhārañhi etā aṭṭha janettiyo. Tāsu pakkamanaṃ anto assāti pakkamanantikā. Evaṃ sesāpi veditabbā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๑๘๗. กถินานุชานนา • 187. Kathinānujānanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / กถินานุชานนกถาวณฺณนา • Kathinānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / กถินานุชานนกถาวณฺณนา • Kathinānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / กถินานุชานนกถาวณฺณนา • Kathinānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑๘๗. กถินานุชานนกถา • 187. Kathinānujānanakathā