Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
๗. กถินกฺขนฺธกวณฺณนา
7. Kathinakkhandhakavaṇṇanā
กถินานุชานนกถาวณฺณนา
Kathinānujānanakathāvaṇṇanā
๓๐๖. ‘‘กถินนฺติ ปญฺจานิสํเส อโนฺตกรณสมตฺถตาย ถิรนฺติ อโตฺถ’’ติ ลิขิตํฯ ‘‘ปญฺจ กปฺปนฺตี’’ติ อวตฺวา ‘‘กปฺปิสฺสนฺตี’’ติ อนาคตวจนํ ‘‘โว’’ติ อิมสฺส สามิวจนปเกฺข ยุชฺชติ เตสํ ตสฺมิํ ขเณ อนตฺถตกถินตฺตาฯ ทฺวีสุ ปเนเตสุ อตฺถวิกเปฺปสุ ปจฺฉิโม ยุโตฺต สเพฺพสมฺปิ เตสํ ปาเวยฺยกานํ สพฺพธุตงฺคธรตฺตาฯ นิมนฺตนํ สาทิยนฺตเสฺสว หิ อนามนฺตจาโร ปญฺญโตฺต, ตถา คณโภชนํฯ อสมาทานจาโร อนธิฎฺฐิตติจีวรสฺส นตฺถิ อเตจีวริกสฺส ยาวทตฺถจีวรจตุตฺถาทิจีวรคฺคหณสมฺภวโตฯ อิตรสฺสาปิ อนธิฎฺฐานมุเขน ลพฺภติฯ จีวรุปฺปาโท อปํสุกูลิกเสฺสวฯ ‘‘กถินตฺถตสีมาย’’นฺติ อุปจารสีมํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อุปจารสีมฎฺฐสฺส มตกจีวราทิภาคิยตาย พทฺธสีมาย ตตฺรุปฺปาทาภาวโต วิเญฺญยฺยเมตํ อุปจารสีมาเวตฺถ อธิเปฺปตาติฯ กถินตฺถารํ เก ลภนฺตีติ เก สาเธนฺตีติ อโตฺถฯ ปญฺจ ชนา สาเธนฺติฯ กถินทุสฺสสฺส หิ ทายกา ปจฺฉิมโกฎิยา จตฺตาโร โหนฺติฯ เอโก ปฎิคฺคาหโกติฯ ‘‘ตตฺร เจ, ภิกฺขเว, ยฺวายํ จตุวโคฺค ภิกฺขุสโงฺฆ ฐเปตฺวา ตีณิ กมฺมานิ อุปสมฺปทํ ปวารณํ อพฺภาน’’นฺติ (มหาว. ๓๘๘) จเมฺปยฺยกฺขนฺธเก วุตฺตตฺตา ‘‘น ปญฺจวคฺคกรณีย’’นฺติ คเหตพฺพํฯ ‘‘ยสฺส สโงฺฆ กถินทุสฺสํ เทติ, ตํ หตฺถปาเส อกตฺวาปิ พหิสีมาย ฐิตสฺสปิ ทาตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติ, ตํ หตฺถปาเส กตฺวา เอว ทาตพฺพํฯ กสฺมา? ‘‘ตสฺส กมฺมปฺปตฺตตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ตตฺรุปฺปาเทน ตณฺฑุลาทินา วเตฺถสุ เจตาปิเตสุ อตฺถตกถินานเมว ตานิ วตฺถานิ ปาปุณนฺติฯ วเตฺถหิ ปน ตณฺฑุลาทีสุ เจตาปิเตสุ สเพฺพสํ ตานิ ปาปุณนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ปฐมปวารณาย ปวาริตา ลภนฺตีติ อิทํ อุกฺกฎฺฐโกฎิยา วุตฺตํฯ อนฺตราเยน อปฺปวาริตานมฺปิ วุตฺถวสฺสานํ กถินตฺถารสมฺภวโต อิตเร คณปูรเก กตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพนฺติ กถํ ปญฺญายตีติ เจ? ‘‘ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถตํ โหติ กถินํ อตฺถารกสฺส จ อนุโมทกสฺส จา’’ติ (ปริ. ๔๐๓) ปริวาเร เอกวจนกรณโต, ตเตฺถว ‘‘สงฺฆสฺส อตฺถตํ โหติ กถินํ, คณสฺส ปุคฺคลสฺส อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ (ปริ. ๔๑๔) วจนโต จฯ
306.‘‘Kathinanti pañcānisaṃse antokaraṇasamatthatāya thiranti attho’’ti likhitaṃ. ‘‘Pañca kappantī’’ti avatvā ‘‘kappissantī’’ti anāgatavacanaṃ ‘‘vo’’ti imassa sāmivacanapakkhe yujjati tesaṃ tasmiṃ khaṇe anatthatakathinattā. Dvīsu panetesu atthavikappesu pacchimo yutto sabbesampi tesaṃ pāveyyakānaṃ sabbadhutaṅgadharattā. Nimantanaṃ sādiyantasseva hi anāmantacāro paññatto, tathā gaṇabhojanaṃ. Asamādānacāro anadhiṭṭhitaticīvarassa natthi atecīvarikassa yāvadatthacīvaracatutthādicīvaraggahaṇasambhavato. Itarassāpi anadhiṭṭhānamukhena labbhati. Cīvaruppādo apaṃsukūlikasseva. ‘‘Kathinatthatasīmāya’’nti upacārasīmaṃ sandhāya vuttaṃ. Upacārasīmaṭṭhassa matakacīvarādibhāgiyatāya baddhasīmāya tatruppādābhāvato viññeyyametaṃ upacārasīmāvettha adhippetāti. Kathinatthāraṃ ke labhantīti ke sādhentīti attho. Pañca janā sādhenti. Kathinadussassa hi dāyakā pacchimakoṭiyā cattāro honti. Eko paṭiggāhakoti. ‘‘Tatra ce, bhikkhave, yvāyaṃ catuvaggo bhikkhusaṅgho ṭhapetvā tīṇi kammāni upasampadaṃ pavāraṇaṃ abbhāna’’nti (mahāva. 388) campeyyakkhandhake vuttattā ‘‘na pañcavaggakaraṇīya’’nti gahetabbaṃ. ‘‘Yassa saṅgho kathinadussaṃ deti, taṃ hatthapāse akatvāpi bahisīmāya ṭhitassapi dātuṃ vaṭṭatī’’ti vadanti, taṃ hatthapāse katvā eva dātabbaṃ. Kasmā? ‘‘Tassa kammappattattā’’ti vuttaṃ. ‘‘Tatruppādena taṇḍulādinā vatthesu cetāpitesu atthatakathinānameva tāni vatthāni pāpuṇanti. Vatthehi pana taṇḍulādīsu cetāpitesu sabbesaṃ tāni pāpuṇantī’’ti vuttaṃ. Paṭhamapavāraṇāya pavāritā labhantīti idaṃ ukkaṭṭhakoṭiyā vuttaṃ. Antarāyena appavāritānampi vutthavassānaṃ kathinatthārasambhavato itare gaṇapūrake katvā kathinaṃ attharitabbanti kathaṃ paññāyatīti ce? ‘‘Dvinnaṃ puggalānaṃ atthataṃ hoti kathinaṃ atthārakassa ca anumodakassa cā’’ti (pari. 403) parivāre ekavacanakaraṇato, tattheva ‘‘saṅghassa atthataṃ hoti kathinaṃ, gaṇassa puggalassa atthataṃ hoti kathina’’nti (pari. 414) vacanato ca.
อญฺญสฺมิํ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ น ลภนฺตีติ อิทํ กิํ เอกสีมสฺมิํ, อุทาหุ นานาสีมสฺมินฺติ? กิเญฺจตฺถ – ยทิ ตาว เอกสีมสฺมิํ, ปรโต ‘‘สเจ ปน เอกสีมาย พหู วิหารา โหนฺติ, สเพฺพ ภิกฺขู สนฺนิปาเตตฺวา เอกตฺถ กถินํ อตฺถริตพฺพํ, วิสุํ วิสุํ อตฺถริตุํ น วฎฺฎตี’’ติ อิมินา อฎฺฐกถาวจเนน วิรุชฺฌติฯ อิทญฺหิ วจนํ สเพฺพสํเยว เอโก กถินตฺถาโรติ ทีเปติฯ อถ นานาสีมสฺมิํ, อุปนนฺทสฺส เอกาธิปฺปายทานานุมติยา วิรุชฺฌติฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘เทถ, ภิกฺขเว, โมฆปุริสสฺส เอกาธิปฺปาย’’นฺติ (มหาว. ๓๖๔)ฯ อิทญฺหิ วจนํ ทฺวีสุปิ อาวาเสสุ ตสฺส กถินตฺถารสิทฺธิํ ทีเปตีติฯ อวิโรโธว อิจฺฉิตโพฺพ อปฺปฎิสิทฺธตฺตา, ตสฺมา เอกสีมสฺมิํ วา นานาสีมสฺมิํ วา นานูปจาเร อญฺญสฺมิํ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ น ลภนฺตีติ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ ‘‘ปจฺฉิมิกาย อุปสมฺปโนฺน ปฐมปวารณาย ปวาเรตุมฺปิ ลภติ, วสฺสิโก จ โหติ อานิสํสญฺจ ลภตีติ สามเณรานํ วสฺสูปคมนํ อนุญฺญาตํ โหติ, สามเณรา กถินานิสํสํ ลภนฺตี’’ติ วทนฺติฯ
Aññasmiṃvihāre vutthavassāpi na labhantīti idaṃ kiṃ ekasīmasmiṃ, udāhu nānāsīmasminti? Kiñcettha – yadi tāva ekasīmasmiṃ, parato ‘‘sace pana ekasīmāya bahū vihārā honti, sabbe bhikkhū sannipātetvā ekattha kathinaṃ attharitabbaṃ, visuṃ visuṃ attharituṃ na vaṭṭatī’’ti iminā aṭṭhakathāvacanena virujjhati. Idañhi vacanaṃ sabbesaṃyeva eko kathinatthāroti dīpeti. Atha nānāsīmasmiṃ, upanandassa ekādhippāyadānānumatiyā virujjhati. Vuttañhetaṃ ‘‘detha, bhikkhave, moghapurisassa ekādhippāya’’nti (mahāva. 364). Idañhi vacanaṃ dvīsupi āvāsesu tassa kathinatthārasiddhiṃ dīpetīti. Avirodhova icchitabbo appaṭisiddhattā, tasmā ekasīmasmiṃ vā nānāsīmasmiṃ vā nānūpacāre aññasmiṃ vihāre vutthavassāpi na labhantīti adhippāyo veditabbo. ‘‘Pacchimikāya upasampanno paṭhamapavāraṇāya pavāretumpi labhati, vassiko ca hoti ānisaṃsañca labhatīti sāmaṇerānaṃ vassūpagamanaṃ anuññātaṃ hoti, sāmaṇerā kathinānisaṃsaṃ labhantī’’ti vadanti.
ติณฺณํ จีวรานํ อญฺญตรปฺปโหนกนฺติ อิทํ ‘‘น อญฺญตฺร สงฺฆาฎิยา อุตฺตราสเงฺคน อนฺตรวาสเกน อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ อิมาย ปาฬิยา วิรุชฺฌนํ วิย ทิสฺสติฯ อยญฺหิ ปาฬิ ติณฺณํ จีวรานํ อญฺญตรวิรเหนาปิ น อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ ทีเปตีติ เจ? น, ตทตฺถชานนโต, น ติณฺณํ จีวรานํ อญฺญตรวิรเหน น อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ หิ ทีเปตุกาโม ภควา ตํ ปาฬิมาหฯ ยทิ เอวํ ‘‘อญฺญตฺร สงฺฆาฎิยา อุตฺตราสเงฺคน อนฺตรวาสเกนา’’ติ น วตฺตพฺพา สิยาติ เจ? น, อธิปฺปายชานนโตวฯ โย สงฺฆาฎิยา อตฺถริตุกาโม, ตสฺส อญฺญตฺร สงฺฆาฎิยา น อตฺถตํ โหติฯ เอส นโย อิตรตฺถาปีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ เตเนว สุกฺกปเกฺข ‘‘สงฺฆาฎิยา อตฺถตํ โหตี’’ติอาทินา นเยน เอกเมว จีวรํ วุตฺตํ, เอวํ สเนฺต ‘‘จตุวีสติยา อากาเรหิ อนตฺถตํ โหติ กถินํ, สตฺตรสหิ อากาเรหิ อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ ยถารหํ อุกฺกฎฺฐโกฎิยา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา กณฺหปเกฺข อุลฺลิขิต…เป.… นิสฺสีมฎฺฐานุโมทนานํ จตุวีสติยา อาการานํ สมฺภวนฺตานํ สเพฺพน สพฺพํ อภาเวนปิ นิมิตฺตกตาทีนํ อสมฺภวนฺตานํ อญฺญตรภาเวนปิ น อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ เอวมธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ สุกฺกปเกฺขปิ อหตาหตกปฺป…เป.… สีมฎฺฐานุโมทนานํ สตฺตรสนฺนํ อาการานํ สมฺภวนฺตานํ อญฺญตรภาเวนปิ อิตเรสํ สเพฺพน สพฺพํ อภาเวนปิ อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ เอวมธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ อญฺญถา อญฺญมญฺญวิโรโธ, ยถาสมฺภวํ โยเชตฺวา เวทิตโพฺพฯ
Tiṇṇaṃ cīvarānaṃ aññatarappahonakanti idaṃ ‘‘na aññatra saṅghāṭiyā uttarāsaṅgena antaravāsakena atthataṃ hoti kathina’’nti imāya pāḷiyā virujjhanaṃ viya dissati. Ayañhi pāḷi tiṇṇaṃ cīvarānaṃ aññataravirahenāpi na atthataṃ hoti kathinanti dīpetīti ce? Na, tadatthajānanato, na tiṇṇaṃ cīvarānaṃ aññataravirahena na atthataṃ hoti kathinanti hi dīpetukāmo bhagavā taṃ pāḷimāha. Yadi evaṃ ‘‘aññatra saṅghāṭiyā uttarāsaṅgena antaravāsakenā’’ti na vattabbā siyāti ce? Na, adhippāyajānanatova. Yo saṅghāṭiyā attharitukāmo, tassa aññatra saṅghāṭiyā na atthataṃ hoti. Esa nayo itaratthāpīti ayamettha adhippāyo. Teneva sukkapakkhe ‘‘saṅghāṭiyā atthataṃ hotī’’tiādinā nayena ekameva cīvaraṃ vuttaṃ, evaṃ sante ‘‘catuvīsatiyā ākārehi anatthataṃ hoti kathinaṃ, sattarasahi ākārehi atthataṃ hoti kathina’’nti yathārahaṃ ukkaṭṭhakoṭiyā vuttanti veditabbaṃ, tasmā kaṇhapakkhe ullikhita…pe… nissīmaṭṭhānumodanānaṃ catuvīsatiyā ākārānaṃ sambhavantānaṃ sabbena sabbaṃ abhāvenapi nimittakatādīnaṃ asambhavantānaṃ aññatarabhāvenapi na atthataṃ hoti kathinanti evamadhippāyo veditabbo. Sukkapakkhepi ahatāhatakappa…pe… sīmaṭṭhānumodanānaṃ sattarasannaṃ ākārānaṃ sambhavantānaṃ aññatarabhāvenapi itaresaṃ sabbena sabbaṃ abhāvenapi atthataṃ hoti kathinanti evamadhippāyo veditabbo. Aññathā aññamaññavirodho, yathāsambhavaṃ yojetvā veditabbo.
ตตฺริทํ มุขมตฺตนิทสฺสนํ – กณฺหปเกฺข ‘‘อุตฺตราสเงฺคน อตฺถเต กถิเน น อญฺญตฺร สงฺฆาฎิยา น อญฺญตฺร อนฺตรวาสเกน อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ วจนปฺปมาณโต ตํ กถินํ อนตฺถตํ สิยาฯ สุกฺกปเกฺข จ ‘‘อนิมิตฺตกเตน อตฺถตํ โหติ กถิน’’นฺติ วจนปฺปมาณโต อนิมิตฺตกเตน กถิเน อตฺถเต ตเญฺจ ปริกถา กตํ, ตถาปิ อตฺถตเมว กถินํ โหตีติ อยํ ทุวิโธปิ วิโรโธฯ ยถาวุตฺตนเยน อธิปฺปาเย คหิเต ปริหาโร โหตีติ เวทิตพฺพํฯ
Tatridaṃ mukhamattanidassanaṃ – kaṇhapakkhe ‘‘uttarāsaṅgena atthate kathine na aññatra saṅghāṭiyā na aññatra antaravāsakena atthataṃ hoti kathina’’nti vacanappamāṇato taṃ kathinaṃ anatthataṃ siyā. Sukkapakkhe ca ‘‘animittakatena atthataṃ hoti kathina’’nti vacanappamāṇato animittakatena kathine atthate tañce parikathā kataṃ, tathāpi atthatameva kathinaṃ hotīti ayaṃ duvidhopi virodho. Yathāvuttanayena adhippāye gahite parihāro hotīti veditabbaṃ.
โย อานิสํสํ พหุํ เทตีติ อิมินา ปจฺจยโลลภาวํ วิย ทีเปติ, ตถาปิ ภควตา ยาวทตฺถจีวรปริเยสนปญฺญาปนมุเขน ทฺวารํ ทินฺนนฺติ กตฺวา สงฺฆานุคฺคหตฺถํ โหติฯ ‘‘อกาตุํ น โหตีติ อนาทริเยน อกโรนฺตสฺส ทุกฺกฎ’’นฺติ ลิขิตํฯ อนุโมทามาติ เอตฺถ สพฺพสงฺคาหิกวเสน เอวํ วุตฺตํฯ ‘‘อนุโมทามี’’ติ เอกเกน วตฺตพฺพํ, อิตรถา ‘‘น วฎฺฎตี’’ติ มหาอฎฺฐกถายํ กิร วุตฺตํฯ กถินจีวรํ อธิฎฺฐหิตฺวา ‘‘อิมาย สงฺฆาฎิยา กถินํ อตฺถรามี’’ติ วาจาย ภินฺนมตฺตาย ปุคฺคลสฺส อตฺถตํ โหติฯ ‘‘กมฺมวาจา ปน เอกาเยว วฎฺฎตีติ กถินทุสฺสสฺส เอว กมฺมวาจา, เสสจีวรทาเน อปโลกนเมวาติ อโตฺถ’’ติ ลิขิตํฯ เอกสีมายาติ เอกอุปจารสีมายาติ อโตฺถ ยุชฺชติฯ เกจิ ปน ‘‘พทฺธสีมา อธิเปฺปตา เอกสีมาย เอกฎฺฐาเน อตฺถริเต สพฺพตฺถ อตฺถริตํ โหติ ‘สเพฺพ ภิกฺขู สนฺนิปติตฺวา’ติ วุตฺตตฺตา, เตหิปิ อนุโมทเนฺตหิ อตฺถริตเมว โหติ, อุปจารปริจฺฉิเนฺน ตตฺถ ตตฺถ ลทฺธํ เตหิ เตหิ ลทฺธพฺพํ โหติฯ ตตฺถ ปวิเฎฺฐหิปิ ลภิตพฺพํ สเพฺพหิปิ อตฺถริตตฺตา, อยํ วิเสโสฯ มหาอฎฺฐกถายมฺปิ เอวเมว วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํฯ
Yo ānisaṃsaṃ bahuṃ detīti iminā paccayalolabhāvaṃ viya dīpeti, tathāpi bhagavatā yāvadatthacīvarapariyesanapaññāpanamukhena dvāraṃ dinnanti katvā saṅghānuggahatthaṃ hoti. ‘‘Akātuṃ na hotīti anādariyena akarontassa dukkaṭa’’nti likhitaṃ. Anumodāmāti ettha sabbasaṅgāhikavasena evaṃ vuttaṃ. ‘‘Anumodāmī’’ti ekakena vattabbaṃ, itarathā ‘‘na vaṭṭatī’’ti mahāaṭṭhakathāyaṃ kira vuttaṃ. Kathinacīvaraṃ adhiṭṭhahitvā ‘‘imāya saṅghāṭiyā kathinaṃ attharāmī’’ti vācāya bhinnamattāya puggalassa atthataṃ hoti. ‘‘Kammavācā pana ekāyeva vaṭṭatīti kathinadussassa eva kammavācā, sesacīvaradāne apalokanamevāti attho’’ti likhitaṃ. Ekasīmāyāti ekaupacārasīmāyāti attho yujjati. Keci pana ‘‘baddhasīmā adhippetā ekasīmāya ekaṭṭhāne attharite sabbattha attharitaṃ hoti ‘sabbe bhikkhū sannipatitvā’ti vuttattā, tehipi anumodantehi attharitameva hoti, upacāraparicchinne tattha tattha laddhaṃ tehi tehi laddhabbaṃ hoti. Tattha paviṭṭhehipi labhitabbaṃ sabbehipi attharitattā, ayaṃ viseso. Mahāaṭṭhakathāyampi evameva vutta’’nti vadanti, vīmaṃsitabbaṃ.
๓๐๘. จตุวีสติ อาการวนฺตตาย มหาภูมิกํฯ ‘‘ทีฆสิพฺพิตนฺติ ปจฺฉากตสิพฺพนํ, โอวฎฺฎิตฺวา สิพฺพนํ วา’’ติ ลิขิตํฯ กณฺฑุสํ นาม ปุพฺพพนฺธนํฯ ปฐมจิมิลิกา ฆเฎตฺวา ฐปิตา โหตีติ กถินทุสฺสํ ทุพฺพลํ ทิสฺวา ตํ พลวตา อตฺตโน ปกติทุเสฺสน สทฺธิํ ฆเฎตฺวา ทุปฎฺฎํ กตฺวา สิพฺพิตุกาเมหิ กถินทุสฺสโต ปกติทุสฺสสฺส มหนฺตตาย ปฐมํ ตปฺปมาณานุรูปํ พนฺธกณฺฑุเส ฆเฎตฺวา รชฺชุเกหิ พนฺธิตฺวา กตํ โหตีติ อธิปฺปาโยฯ กถินจีวรสฺส อปฺปตาย ปฐมํ พทฺธทุสฺสํ กุจฺฉิจิมิลิกา โหติ, มหาปจฺจริยํ, กุรุนฺทิยญฺจ วุตฺตวจนนิทสฺสนํ, พฺยญฺชเน เอว เภโท, อเตฺถ นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘อิมินา กิํ ทีเปตีติ เจ? ตถากตํ ทุปฎฺฎจีวรํ ปกติจีวรสฺส มหนฺตตาย ปกติจีวรสงฺขฺยเมว คจฺฉติ, น กถินจีวรสงฺขฺยนฺติ กสฺสจิ สิยา, เนวํ ทฎฺฐพฺพํฯ เอวํ กุจฺฉิจิมิลิกภาเวน ฐิตมฺปิ กถินจีวรํฯ มหนฺตมฺปิ ตํ ปกติจีวรํ อตฺตโน กถินจีวรเมวาติฯ เหฎฺฐิมโกฎิยา ปญฺจกสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา กถินทุสฺสํ ขณฺฑาขณฺฑํ พหุธา ฉินฺทิตฺวา สิพฺพิตุกาโม กถินจีวรโต ปฎฺฎํ คเหตฺวา อญฺญสฺมิํ อกถินจีวเร ปฎฺฎมาโรเปตี’’ติ ลิขิตํฯ อถ วา พหูนิ กถินทุสฺสานิ ปํสุกูลานิ ขุทฺทกขุทฺทกานิ เอกจีวรตฺถาย, มหนฺตานิ จ อูนตฺถาย ทินฺนานิ โหนฺติฯ กถินจีวรโตติ ภิกฺขุ เอกจฺจโต กถินจีวรโต ปฎฺฎํ คเหตฺวา อญฺญสฺมิํ อาโรเปติฯ เอตฺถาห – กิํ ปํสุกูลานิ กถินทุสฺสานิ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมานิ ทาตพฺพานิ, อุทาหุ ขุทฺทกานิปีติ? เอตฺถ อจีวรสงฺขฺยตฺตา ขุทฺทกานิ ทาตุํ น วฎฺฎติฯ กมฺมวาจา ตตฺถ น รุหตีติ เอเกฯ ‘‘ปํสุกูเลน อตฺถตํ โหตี’’ติ ปาฬิยํ นยทานโต กุจฺฉิจิมิลิกภาเวน ฐิตสฺส กถินทุสฺสสฺส อตฺตโน สภาเวน อนธิฎฺฐานุปคสฺส ปุราณจีวรภาเวเนว อธิฎฺฐานารหสฺสปิ กถินจีวรภาวานุมติมุเขน อฎฺฐกถายํ ปทานโต จ ขุทฺทกานิปิ ทาตุํ วฎฺฎติฯ ตญฺหิ กถินตฺถารโก ฆเฎตฺวา กถินจีวรํ กริสฺสตีติ กตฺวา กปฺปตีติ เอเก, ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํฯ
308. Catuvīsati ākāravantatāya mahābhūmikaṃ. ‘‘Dīghasibbitanti pacchākatasibbanaṃ, ovaṭṭitvā sibbanaṃ vā’’ti likhitaṃ. Kaṇḍusaṃ nāma pubbabandhanaṃ. Paṭhamacimilikā ghaṭetvā ṭhapitā hotīti kathinadussaṃ dubbalaṃ disvā taṃ balavatā attano pakatidussena saddhiṃ ghaṭetvā dupaṭṭaṃ katvā sibbitukāmehi kathinadussato pakatidussassa mahantatāya paṭhamaṃ tappamāṇānurūpaṃ bandhakaṇḍuse ghaṭetvā rajjukehi bandhitvā kataṃ hotīti adhippāyo. Kathinacīvarassa appatāya paṭhamaṃ baddhadussaṃ kucchicimilikā hoti, mahāpaccariyaṃ, kurundiyañca vuttavacananidassanaṃ, byañjane eva bhedo, atthe natthīti dassanatthaṃ katanti veditabbaṃ. ‘‘Iminā kiṃ dīpetīti ce? Tathākataṃ dupaṭṭacīvaraṃ pakaticīvarassa mahantatāya pakaticīvarasaṅkhyameva gacchati, na kathinacīvarasaṅkhyanti kassaci siyā, nevaṃ daṭṭhabbaṃ. Evaṃ kucchicimilikabhāvena ṭhitampi kathinacīvaraṃ. Mahantampi taṃ pakaticīvaraṃ attano kathinacīvaramevāti. Heṭṭhimakoṭiyā pañcakassa icchitabbattā kathinadussaṃ khaṇḍākhaṇḍaṃ bahudhā chinditvā sibbitukāmo kathinacīvarato paṭṭaṃ gahetvā aññasmiṃ akathinacīvare paṭṭamāropetī’’ti likhitaṃ. Atha vā bahūni kathinadussāni paṃsukūlāni khuddakakhuddakāni ekacīvaratthāya, mahantāni ca ūnatthāya dinnāni honti. Kathinacīvaratoti bhikkhu ekaccato kathinacīvarato paṭṭaṃ gahetvā aññasmiṃ āropeti. Etthāha – kiṃ paṃsukūlāni kathinadussāni vikappanupagapacchimāni dātabbāni, udāhu khuddakānipīti? Ettha acīvarasaṅkhyattā khuddakāni dātuṃ na vaṭṭati. Kammavācā tattha na ruhatīti eke. ‘‘Paṃsukūlena atthataṃ hotī’’ti pāḷiyaṃ nayadānato kucchicimilikabhāvena ṭhitassa kathinadussassa attano sabhāvena anadhiṭṭhānupagassa purāṇacīvarabhāveneva adhiṭṭhānārahassapi kathinacīvarabhāvānumatimukhena aṭṭhakathāyaṃ padānato ca khuddakānipi dātuṃ vaṭṭati. Tañhi kathinatthārako ghaṭetvā kathinacīvaraṃ karissatīti katvā kappatīti eke, yuttataraṃ gahetabbaṃ.
นิจยสนฺนิธิ สงฺฆายตฺตา สเงฺฆน กตตฺตาฯ รตฺตาติกฺกนฺตํ นิสฺสชฺชิตพฺพตฺตา ‘‘นิสฺสคฺคิย’’นฺติ วุจฺจติฯ ปญฺจ ขณฺฑานิ ปฎฺฎานิ ปมาณํ อสฺสาติ ปญฺจกํฯ เตน วา อติริเตฺตน วาติ อโตฺถฯ ตทเหว สญฺฉิเนฺนนาติ สเงฺฆน กถินตฺถารกสฺส กมฺมวาจํ วตฺวา ทิเนฺนเนว ตทเหว สญฺฉิเนฺนน สมณฺฑลิกเตน ภวิตพฺพํฯ เอวํ ทินฺนํเยว หิ ปริวาเร ‘‘ปุพฺพกรณํ สตฺตหิ ธเมฺมหิ สงฺคหิต’’นฺติ วุตฺตํ, น ทายเกน ทิยฺยมานํ, ตสฺมา ปรินิฎฺฐิตปุพฺพกรณเมว เจ ทายโก สงฺฆสฺส เทติ, สมฺปฎิจฺฉิตฺวา กมฺมวาจาย ทาตพฺพํฯ เตน จ ตสฺมิํเยว สีมามณฺฑเล อธิฎฺฐหิตฺวา อตฺถริตฺวา สโงฺฆ อนุโมทาเปตโพฺพ กตปุพฺพกรณสฺส ปุน กตฺตพฺพาภาวโตฯ อตฺถารกสฺส หตฺถคตเมว หิ สนฺธาย ‘‘น อุลฺลิขิตมเตฺตนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปรินิฎฺฐิตปุพฺพกรณมฺปิ ปุน โธวิตฺวา วิสิพฺพิตฺวา กาตพฺพเมว วจนปมาณโตติ เจ? น, ฉินฺนสฺส ปุน เฉทาสมฺภวโตฯ อญฺญสฺมิํ ฐาเน ฉินฺทิตพฺพเมวาติ เจ? น, ปพฺพชฺชาธิกาเร ‘‘เกสมสฺสุํ โอหาราเปตฺวา’’ติ วจนปฺปมาณโต มุณฺฑิกสฺส ฉิเนฺนปิ เกเส ปริเยสิตฺวา สิรสฺมิํ ฐเปตฺวา ปุน โอหาราเปตฺวา ปพฺพาเชตพฺพปฺปสงฺคโต, น อิธ น-กาเรน ปฎิสิทฺธตฺตาติ เจ? น, ‘‘น อญฺญตฺร สงฺฆาฎิยา’’ติ น-กาเรน ปฎิสิทฺธตฺตา อุตฺตราสเงฺคน อตฺถเต อนตฺถตํ โหตีติ อนิฎฺฐปฺปสงฺคโต, ตสฺมา อภินิเวโส น กาตโพฺพฯ ‘‘พหิอุปจารสีมาย ฐิโต’’ติ วุตฺตตฺตาปิ ปุเพฺพ วุตฺตวินิจฺฉโยว คเหตโพฺพฯ
Nicayasannidhi saṅghāyattā saṅghena katattā. Rattātikkantaṃ nissajjitabbattā ‘‘nissaggiya’’nti vuccati. Pañca khaṇḍāni paṭṭāni pamāṇaṃ assāti pañcakaṃ. Tena vā atirittena vāti attho. Tadaheva sañchinnenāti saṅghena kathinatthārakassa kammavācaṃ vatvā dinneneva tadaheva sañchinnena samaṇḍalikatena bhavitabbaṃ. Evaṃ dinnaṃyeva hi parivāre ‘‘pubbakaraṇaṃ sattahi dhammehi saṅgahita’’nti vuttaṃ, na dāyakena diyyamānaṃ, tasmā pariniṭṭhitapubbakaraṇameva ce dāyako saṅghassa deti, sampaṭicchitvā kammavācāya dātabbaṃ. Tena ca tasmiṃyeva sīmāmaṇḍale adhiṭṭhahitvā attharitvā saṅgho anumodāpetabbo katapubbakaraṇassa puna kattabbābhāvato. Atthārakassa hatthagatameva hi sandhāya ‘‘na ullikhitamattenā’’tiādi vuttaṃ. Pariniṭṭhitapubbakaraṇampi puna dhovitvā visibbitvā kātabbameva vacanapamāṇatoti ce? Na, chinnassa puna chedāsambhavato. Aññasmiṃ ṭhāne chinditabbamevāti ce? Na, pabbajjādhikāre ‘‘kesamassuṃ ohārāpetvā’’ti vacanappamāṇato muṇḍikassa chinnepi kese pariyesitvā sirasmiṃ ṭhapetvā puna ohārāpetvā pabbājetabbappasaṅgato, na idha na-kārena paṭisiddhattāti ce? Na, ‘‘na aññatra saṅghāṭiyā’’ti na-kārena paṭisiddhattā uttarāsaṅgena atthate anatthataṃ hotīti aniṭṭhappasaṅgato, tasmā abhiniveso na kātabbo. ‘‘Bahiupacārasīmāya ṭhito’’ti vuttattāpi pubbe vuttavinicchayova gahetabbo.
๓๐๙. อสนฺนิธิกเตน อตฺถตํ โหติ กถินนฺติ เอตฺถ กิํ กถินตฺถารมาเสเยว ทุวิโธปิ สนฺนิธิ อธิเปฺปโต, อุทาหุ ตโต ปุเพฺพปิ, ทายเกน วา กทา ทาตพฺพํ, กิํ กถินตฺถารมาเสเยว, อุทาหุ ตโต ปุเพฺพปิ, กถินตฺถารมาเสปิ อสุกสฺมิํ ทิวเสเยว อตฺถารตฺถาย ทมฺมีติ ทาตุํ วฎฺฎติ น วฎฺฎตีติ อิทํ วิจาเรตพฺพํฯ กถินตฺถารมาเส เอว ทุวิโธปิ สนฺนิธิฯ ทายเกนาปิ วสฺสาวาสิกํ วิย กถินจีวรํ อุทฺทิสฺส ทินฺนํ น วฎฺฎติฯ กสฺมา? ‘‘กถินทายกสฺส วตฺตํ อตฺถี’’ติอาทินา (มหาว. อฎฺฐ. ๓๐๖) นเยน อฎฺฐกถายํ วุตฺตตฺตาฯ อุกฺกฎฺฐมตฺตเมตนฺติ เจ? น, ‘‘กถินํ นาม อติอุกฺกฎฺฐํ วฎฺฎตี’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๐๘) วุตฺตตฺตาฯ น อาคมนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เจ? น, อิทมฺปิ อาคมนเมว สนฺธาย วุตฺตํ, ปุเพฺพ ทินฺนํ น วฎฺฎตีติฯ
309.Asannidhikatena atthataṃ hoti kathinanti ettha kiṃ kathinatthāramāseyeva duvidhopi sannidhi adhippeto, udāhu tato pubbepi, dāyakena vā kadā dātabbaṃ, kiṃ kathinatthāramāseyeva, udāhu tato pubbepi, kathinatthāramāsepi asukasmiṃ divaseyeva atthāratthāya dammīti dātuṃ vaṭṭati na vaṭṭatīti idaṃ vicāretabbaṃ. Kathinatthāramāse eva duvidhopi sannidhi. Dāyakenāpi vassāvāsikaṃ viya kathinacīvaraṃ uddissa dinnaṃ na vaṭṭati. Kasmā? ‘‘Kathinadāyakassa vattaṃ atthī’’tiādinā (mahāva. aṭṭha. 306) nayena aṭṭhakathāyaṃ vuttattā. Ukkaṭṭhamattametanti ce? Na, ‘‘kathinaṃ nāma atiukkaṭṭhaṃ vaṭṭatī’’ti (mahāva. aṭṭha. 308) vuttattā. Na āgamanaṃ sandhāya vuttanti ce? Na, idampi āgamanameva sandhāya vuttaṃ, pubbe dinnaṃ na vaṭṭatīti.
๓๑๐. กถินสฺสาติ กถินตฺถารสฺสฯ อุพฺภารายาติ วูปสมาย, อปฺปวตฺติยาติ อโตฺถฯ กิมตฺถิยํ อุพฺภารนิทสฺสนนฺติ เจ? ปญฺจหิ อนาปตฺติกาลปริยนฺตทสฺสเนน เตสุ สํวรุปฺปาทนตฺถํฯ อญฺญถา ‘‘จีวรกาลสมโย นาม อนตฺถเต กถิเน วสฺสานสฺส ปจฺฉิโม มาโส, อตฺถเต กถิเน ปญฺจ มาสา’’ติ (ปารา. ๖๔๙) วิภเงฺค วุตฺตตฺตา อนฺตราปกฺกมนนฺติกาทิอุพฺภาราภาเวปิ ปญฺจหิ ปญฺจสุ มาเสสุ อนาปตฺติเยวาติ มิจฺฉาคาโห สิยา ฯ ตโต อาปตฺติเขเตฺต อนาปตฺติเขตฺตสญฺญาย ตํ ตํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ, อิตเรสญฺจ ภิกฺขูนํ ลาภนฺตรายํ กโรตีติ เวทิตพฺพํฯ
310.Kathinassāti kathinatthārassa. Ubbhārāyāti vūpasamāya, appavattiyāti attho. Kimatthiyaṃ ubbhāranidassananti ce? Pañcahi anāpattikālapariyantadassanena tesu saṃvaruppādanatthaṃ. Aññathā ‘‘cīvarakālasamayo nāma anatthate kathine vassānassa pacchimo māso, atthate kathine pañca māsā’’ti (pārā. 649) vibhaṅge vuttattā antarāpakkamanantikādiubbhārābhāvepi pañcahi pañcasu māsesu anāpattiyevāti micchāgāho siyā . Tato āpattikhette anāpattikhettasaññāya taṃ taṃ āpattiṃ āpajjati, itaresañca bhikkhūnaṃ lābhantarāyaṃ karotīti veditabbaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๑๘๗. กถินานุชานนา • 187. Kathinānujānanā
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / กถินานุชานนกถา • Kathinānujānanakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / กถินานุชานนกถาวณฺณนา • Kathinānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / กถินานุชานนกถาวณฺณนา • Kathinānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑๘๗. กถินานุชานนกถา • 187. Kathinānujānanakathā