Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
นิสฺสคฺคิยกณฺฑํ
Nissaggiyakaṇḍaṃ
๑. จีวรวโคฺค
1. Cīvaravaggo
๑. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Kathinasikkhāpadavaṇṇanā
นิฎฺฐิตจีวรสฺมินฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๖๒-๔๖๓) นิฎฺฐิตญฺจ ตํ จีวรญฺจาติ นิฎฺฐิตจีวรํ, นิฎฺฐิเต อานิสํสมูลเก จีวเร, ปจฺจาสาจีวเร จาติ อโตฺถฯ ยสฺมา ปน ตํ จีวรํ กรเณนปิ นิฎฺฐิตํ โหติ นาสนาทีหิปิ, ตสฺมา ‘‘สูจิกมฺมปริโยสาเนน วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยํ กิญฺจิ สูจิยา กตฺตพฺพํ ปาสกปฎฺฎคณฺฐิกปฎฺฎปริโยสานกมฺมํ, ตํ สูจิกมฺมปริโยสานํ นาม, เตนฯ นฎฺฐนฺติ โจราทีหิ หฎํฯ เอตมฺปิ หิ กรณปลิโพธสฺส นิฎฺฐิตตฺตา ‘‘นิฎฺฐิต’’นฺติ วุจฺจติฯ วินฎฺฐนฺติ อุปจิกาทีหิ ขาทิตํฯ ทฑฺฒนฺติ อคฺคินา ทฑฺฒํฯ จีวราสา วา อุปจฺฉินฺนาติ ‘‘อสุกสฺมิํ นาม กุเล จีวรํ ลภิสฺสามี’’ติ ยา จีวราสา อุปฺปนฺนา โหติ, สา อุปจฺฉินฺนาฯ เอเตสมฺปิ กรณปลิโพธเสฺสว นิฎฺฐิตตฺตา นิฎฺฐิตภาโว เวทิตโพฺพฯ เตนาห ‘‘อิเมสุ วา’’ติอาทิฯ เอเตน จีวรปลิโพธาภาโว วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘จีวรสฺส กรณปลิโพเธ อุปจฺฉิเนฺนติ อโตฺถ’’ติฯ กถเมตํ วิญฺญายตีติ อาห ‘‘อตฺถตกถินสฺส หี’’ติอาทิฯ ปญฺจานิสํเส อญฺญตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา สงฺคณฺหนเฎฺฐน กถินํ, ถิรนฺติ อโตฺถ, อตฺถตํ กถินํ เยน โส อตฺถตกถิโน, ตสฺส อตฺถตกถินสฺสฯ หีติ การณเตฺถ นิปาโตฯ ตาว กถินานิสํสํ ลภตีติ เอตฺถ โย อตฺถตกถิโน ภิกฺขูติ อชฺฌาหริตพฺพํ, ตาว โส อตฺถตกถิโน ภิกฺขูติ เวทิตโพฺพ, อนามนฺตจาราทิกํ กถินานิสํสํ ลภตีติ อโตฺถฯ ‘‘อตฺถตกถินสฺส ภิกฺขุโน’’ติ อิทํ วา ‘‘อตฺถตกถิโน ภิกฺขู’’ติ วิภตฺติวิปริณามํ กตฺวา โยเชตพฺพํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – จีวรปลิโพโธ อาวาสปลิโพโธติ เทฺว ปลิโพธาฯ เตสุ เอกปลิโพเธปิ สติ ยสฺมา อนามนฺตจาราทิกํ อานิสํสํ ลภติ, นาสติฯ กสฺมา? ‘‘นิฎฺฐิตจีวรสฺมิ’’นฺติ เอตสฺส จีวรสฺส กรณปลิโพเธ อุปจฺฉิเนฺนติ อยมโตฺถ วิญฺญายตีติฯ สงฺฆสฺสาติ สเงฺฆนฯ กตฺตริ เจตํ สามิวจนํฯ อุพฺภเตติ อฎฺฐนฺนํ มาติกานมญฺญตเรน, อนฺตรุพฺภาเรน วา อุทฺธเฎฯ
Niṭṭhitacīvarasminti (pārā. aṭṭha. 2.462-463) niṭṭhitañca taṃ cīvarañcāti niṭṭhitacīvaraṃ, niṭṭhite ānisaṃsamūlake cīvare, paccāsācīvare cāti attho. Yasmā pana taṃ cīvaraṃ karaṇenapi niṭṭhitaṃ hoti nāsanādīhipi, tasmā ‘‘sūcikammapariyosānena vā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yaṃ kiñci sūciyā kattabbaṃ pāsakapaṭṭagaṇṭhikapaṭṭapariyosānakammaṃ, taṃ sūcikammapariyosānaṃ nāma, tena. Naṭṭhanti corādīhi haṭaṃ. Etampi hi karaṇapalibodhassa niṭṭhitattā ‘‘niṭṭhita’’nti vuccati. Vinaṭṭhanti upacikādīhi khāditaṃ. Daḍḍhanti agginā daḍḍhaṃ. Cīvarāsā vā upacchinnāti ‘‘asukasmiṃ nāma kule cīvaraṃ labhissāmī’’ti yā cīvarāsā uppannā hoti, sā upacchinnā. Etesampi karaṇapalibodhasseva niṭṭhitattā niṭṭhitabhāvo veditabbo. Tenāha ‘‘imesu vā’’tiādi. Etena cīvarapalibodhābhāvo vutto. Tenāha ‘‘cīvarassa karaṇapalibodhe upacchinneti attho’’ti. Kathametaṃ viññāyatīti āha ‘‘atthatakathinassa hī’’tiādi. Pañcānisaṃse aññattha gantuṃ adatvā saṅgaṇhanaṭṭhena kathinaṃ, thiranti attho, atthataṃ kathinaṃ yena so atthatakathino, tassa atthatakathinassa. Hīti kāraṇatthe nipāto. Tāva kathinānisaṃsaṃ labhatīti ettha yo atthatakathino bhikkhūti ajjhāharitabbaṃ, tāva so atthatakathino bhikkhūti veditabbo, anāmantacārādikaṃ kathinānisaṃsaṃ labhatīti attho. ‘‘Atthatakathinassa bhikkhuno’’ti idaṃ vā ‘‘atthatakathino bhikkhū’’ti vibhattivipariṇāmaṃ katvā yojetabbaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – cīvarapalibodho āvāsapalibodhoti dve palibodhā. Tesu ekapalibodhepi sati yasmā anāmantacārādikaṃ ānisaṃsaṃ labhati, nāsati. Kasmā? ‘‘Niṭṭhitacīvarasmi’’nti etassa cīvarassa karaṇapalibodhe upacchinneti ayamattho viññāyatīti. Saṅghassāti saṅghena. Kattari cetaṃ sāmivacanaṃ. Ubbhateti aṭṭhannaṃ mātikānamaññatarena, antarubbhārena vā uddhaṭe.
ตตฺราติ ตสฺมิํ กถิเนฯ อุพฺภาโร อุทฺธรณํฯ ปุริมวสฺสํวุเฎฺฐ ติํสมเตฺต ปาเวยฺยเก ภิกฺขู อุทฺทิสฺส ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสํวุฎฺฐานํ ภิกฺขูนํ กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติ กถินกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๐๖) ภควตา กถินสฺส อนุญฺญาตตฺตา ‘‘อยญฺหิ กถินตฺถาโร นาม…เป.… อนุญฺญาโต’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปุริมวสฺสํวุฎฺฐานนฺติ วสฺสเจฺฉทํ อกตฺวา ปุริมวสฺสํวุฎฺฐานนฺติ อโตฺถฯ เอเตน วุฎฺฐวสฺสวเสน ตาว ปุริมิกาย วสฺสํ อุปคตาเยว กถินตฺถารํ ลภนฺติ, น ปจฺฉิมิกาย อุปคตาติ ทเสฺสติฯ วุฎฺฐวสฺสวเสน ตาว เอวํ โหตุ, คณนวเสน ตํ กิตฺตกา ลภนฺตีติ อาห ‘‘โส’’ติอาทิฯ โสติ กถินตฺถาโรฯ สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทนาติ คณนวเสน ปจฺฉิมโกฎิยาฯ ปญฺจนฺนํ ชนานํ วฎฺฎตีติ ปจฺฉิมโกฎิยา จตฺตาโร กถินทุสฺสสฺส ทายกา, เอโก ปฎิคฺคาหโกติ ปญฺจนฺนํ ชนานํ วฎฺฎติฯ เกจิ ปน ‘‘ปญฺจวคฺคกรณียตฺตา ‘ปญฺจนฺนํ ชนานํ วฎฺฎตี’ติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ จตุวโคฺค ภิกฺขุสโงฺฆ ฐเปตฺวา ตีณิ กมฺมานิ อุปสมฺปทํ ปวารณํ อพฺภาน’’นฺติ จเมฺปยฺยกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๘๘) วุตฺตตฺตาฯ ตสฺมาติ ยสฺมา วุฎฺฐวสฺสวเสน ปุริมวสฺสํวุฎฺฐานํ อนญฺญาโต, ยสฺมา จ สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน ปญฺจนฺนํ ชนานํ วฎฺฎติ, ตสฺมาฯ ยตฺถาติ ยสฺมิํ วิหาเรฯ อานิสํเสติ อนามนฺตจาราทิเก กถินานิสํเสฯ อถ ปน จตฺตาโร ภิกฺขู วสฺสํ อุปคตา, เอโก ปริปุณฺณวโสฺส สามเณโร สเจ ปจฺฉิมิกาย อุปสมฺปชฺชติ, คณปูรโก เจว โหติ, อานิสํสญฺจ ลภติฯ ตโย ภิกฺขู, เทฺว สามเณรา, เทฺว ภิกฺขู, ตโย สามเณรา, เอโก ภิกฺขุ, จตฺตาโร สามเณราติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ
Tatrāti tasmiṃ kathine. Ubbhāro uddharaṇaṃ. Purimavassaṃvuṭṭhe tiṃsamatte pāveyyake bhikkhū uddissa ‘‘anujānāmi, bhikkhave, vassaṃvuṭṭhānaṃ bhikkhūnaṃ kathinaṃ attharitu’’nti kathinakkhandhake (mahāva. 306) bhagavatā kathinassa anuññātattā ‘‘ayañhi kathinatthāro nāma…pe… anuññāto’’ti vuttaṃ. Tattha purimavassaṃvuṭṭhānanti vassacchedaṃ akatvā purimavassaṃvuṭṭhānanti attho. Etena vuṭṭhavassavasena tāva purimikāya vassaṃ upagatāyeva kathinatthāraṃ labhanti, na pacchimikāya upagatāti dasseti. Vuṭṭhavassavasena tāva evaṃ hotu, gaṇanavasena taṃ kittakā labhantīti āha ‘‘so’’tiādi. Soti kathinatthāro. Sabbantimena paricchedenāti gaṇanavasena pacchimakoṭiyā. Pañcannaṃ janānaṃ vaṭṭatīti pacchimakoṭiyā cattāro kathinadussassa dāyakā, eko paṭiggāhakoti pañcannaṃ janānaṃ vaṭṭati. Keci pana ‘‘pañcavaggakaraṇīyattā ‘pañcannaṃ janānaṃ vaṭṭatī’ti vutta’’nti vadanti, taṃ tesaṃ matimattaṃ ‘‘tatra, bhikkhave, yvāyaṃ catuvaggo bhikkhusaṅgho ṭhapetvā tīṇi kammāni upasampadaṃ pavāraṇaṃ abbhāna’’nti campeyyakkhandhake (mahāva. 388) vuttattā. Tasmāti yasmā vuṭṭhavassavasena purimavassaṃvuṭṭhānaṃ anaññāto, yasmā ca sabbantimena paricchedena pañcannaṃ janānaṃ vaṭṭati, tasmā. Yatthāti yasmiṃ vihāre. Ānisaṃseti anāmantacārādike kathinānisaṃse. Atha pana cattāro bhikkhū vassaṃ upagatā, eko paripuṇṇavasso sāmaṇero sace pacchimikāya upasampajjati, gaṇapūrako ceva hoti, ānisaṃsañca labhati. Tayo bhikkhū, dve sāmaṇerā, dve bhikkhū, tayo sāmaṇerā, eko bhikkhu, cattāro sāmaṇerāti etthāpi eseva nayo.
ขนฺธเก วุตฺตาย ญตฺติทุติยกมฺมวาจายาติ –
Khandhake vuttāya ñattidutiyakammavācāyāti –
‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆ, อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺย กถินํ อตฺถริตุํ, เอสา ญตฺติฯ สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆ, อิทํ สงฺฆสฺส กถินทุสฺสํ อุปฺปนฺนํ, สโงฺฆ อิมํ กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทติ กถินํ อตฺถริตุํฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิมสฺส กถินทุสฺสสฺส อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทานํ กถินํ อตฺถริตุํ, โส ตุณฺหสฺสฯ ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ ทินฺนํ อิทํ สเงฺฆน กถินทุสฺสํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน กถินํ อตฺถริตุํ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (มหาว. ๓๐๗) –
‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho, idaṃ saṅghassa kathinadussaṃ uppannaṃ. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho imaṃ kathinadussaṃ itthannāmassa bhikkhuno dadeyya kathinaṃ attharituṃ, esā ñatti. Suṇātu me, bhante, saṅgho, idaṃ saṅghassa kathinadussaṃ uppannaṃ, saṅgho imaṃ kathinadussaṃ itthannāmassa bhikkhuno deti kathinaṃ attharituṃ. Yassāyasmato khamati imassa kathinadussassa itthannāmassa bhikkhuno dānaṃ kathinaṃ attharituṃ, so tuṇhassa. Yassa nakkhamati, so bhāseyya. Dinnaṃ idaṃ saṅghena kathinadussaṃ itthannāmassa bhikkhuno kathinaṃ attharituṃ, khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti (mahāva. 307) –
เอวํ กถินกฺขนฺธเก วุตฺตาย ญตฺติทุติยกมฺมวาจายฯ กถินตฺถารารหสฺสาติ กถินํ อตฺถริตุํ ภพฺพสฺสฯ โส จ โข ปุพฺพกรณชานนาทีหิ อฎฺฐหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคโตติ เวทิตโพฺพฯ วุตฺตเญฺหตํ วินยวินิจฺฉเย ‘‘อฎฺฐธมฺมโกวิโท ภิกฺขุ, กถินตฺถารมรหตี’’ติฯ ปริวาเรปิ (ปริ. ๔๐๙) วุตฺตํ –
Evaṃ kathinakkhandhake vuttāya ñattidutiyakammavācāya. Kathinatthārārahassāti kathinaṃ attharituṃ bhabbassa. So ca kho pubbakaraṇajānanādīhi aṭṭhahi aṅgehi samannāgatoti veditabbo. Vuttañhetaṃ vinayavinicchaye ‘‘aṭṭhadhammakovido bhikkhu, kathinatthāramarahatī’’ti. Parivārepi (pari. 409) vuttaṃ –
‘‘อฎฺฐหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภโพฺพ กถินํ อตฺถริตุํฯ กตเมหิ อฎฺฐหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภโพฺพ กถินํ อตฺถริตุํ? ปุพฺพกรณํ ชานาติ, ปจฺจุทฺธารํ ชานาติ, อธิฎฺฐานํ ชานาติ, อตฺถารํ ชานาติ, มาติกํ ชานาติ, ปลิโพธํ ชานาติ, อุทฺธารํ ชานาติ, อานิสํสํ ชานาติ, อิเมหิ อฎฺฐหเงฺคหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภโพฺพ กถินํ อตฺถริตุ’’นฺติฯ
‘‘Aṭṭhahaṅgehi samannāgato puggalo bhabbo kathinaṃ attharituṃ. Katamehi aṭṭhahaṅgehi samannāgato puggalo bhabbo kathinaṃ attharituṃ? Pubbakaraṇaṃ jānāti, paccuddhāraṃ jānāti, adhiṭṭhānaṃ jānāti, atthāraṃ jānāti, mātikaṃ jānāti, palibodhaṃ jānāti, uddhāraṃ jānāti, ānisaṃsaṃ jānāti, imehi aṭṭhahaṅgehi samannāgato puggalo bhabbo kathinaṃ attharitu’’nti.
เอตฺถ จ ปุพฺพกรณํ นาม โธวนวิจารณเจฺฉทนพนฺธนสิพฺพนรชนกปฺปกรณํฯ ปจฺจุทฺธาโร นาม ปุราณสงฺฆาฎิอาทีนํ ปจฺจุทฺธรณํฯ อธิฎฺฐานํ นาม กถินจีวราธิฎฺฐานํฯ อตฺถาโร นาม กถินตฺถาโรฯ มาติกา นาม อฎฺฐ มาติกาฯ ปลิโพโธ นาม อาวาสปลิโพโธ จีวรปลิโพโธติ เทฺว ปลิโพธาฯ อุทฺธาโร นาม ปกฺกมนนฺติกาทโยฯ อานิสํโส นาม ปญฺจานิสํสาฯ
Ettha ca pubbakaraṇaṃ nāma dhovanavicāraṇacchedanabandhanasibbanarajanakappakaraṇaṃ. Paccuddhāro nāma purāṇasaṅghāṭiādīnaṃ paccuddharaṇaṃ. Adhiṭṭhānaṃ nāma kathinacīvarādhiṭṭhānaṃ. Atthāro nāma kathinatthāro. Mātikā nāma aṭṭha mātikā. Palibodho nāma āvāsapalibodho cīvarapalibodhoti dve palibodhā. Uddhāro nāma pakkamanantikādayo. Ānisaṃso nāma pañcānisaṃsā.
ยํ ปน สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๐๖) วุตฺตํ ‘‘กถินํ ปน เกน อตฺถริตพฺพํ? ยสฺส สโงฺฆ กถินจีวรํ เทติ, สเงฺฆน ปน กสฺส ทาตพฺพํ? โย ชิณฺณจีวโร โหติ, สเจ พหู ชิณฺณจีวรา โหนฺติ, วุฑฺฒสฺส ทาตพฺพํฯ วุเฑฺฒสุปิ โย มหาปริโส ตทเหว จีวรํ กตฺวา อตฺถริตุํ สโกฺกติ, ตสฺส ทาตพฺพํฯ สเจ วุโฑฺฒ น สโกฺกติ, นวกตโร สโกฺกติ, ตสฺส ทาตพฺพํฯ อปิจ สเงฺฆน มหาเถรสฺส สงฺคหํ กาตุํ วฎฺฎติ, ตสฺมา ‘ตุเมฺห, ภเนฺต, คณฺหถ, มยํ กตฺวา ทสฺสามา’ติ วตฺตพฺพ’’นฺติ, ตมฺปิ กถินตฺถารารหํเยว คเหตฺวาว ทาตพฺพํฯ เทเนฺตน ปน ตีสุ จีวเรสุ ยํ ยํ ชิณฺณํ โหติ, ตํ ตทตฺถาย ทาตพฺพํฯ ปกติยา ทุปฎฺฎจีวรสฺส ทุปฎฺฎตฺถาเยว ทาตพฺพํฯ สเจปิสฺส เอกปฎฺฎจีวรํ ฆนํ โหติ, กถินสาฎโก จ เปลโว, สารุปฺปตฺถาย ทุปฎฺฎปฺปโหนกเมว ทาตพฺพํฯ ‘‘อหํ อลภโนฺต เอกปฎฺฎํ ปารุปามี’’ติ วทนฺตสฺสาปิ ทุปฎฺฎํ ทาตุํ วฎฺฎติฯ โย ปน โลภปกติโก โหติ, ตสฺส น ทาตพฺพํฯ เตนาปิ กถินํ อตฺถริตฺวา ปจฺฉา สิเพฺพตฺวา ‘‘เทฺว จีวรานิ กริสฺสามี’’ติ น คเหตพฺพํฯ
Yaṃ pana samantapāsādikāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 306) vuttaṃ ‘‘kathinaṃ pana kena attharitabbaṃ? Yassa saṅgho kathinacīvaraṃ deti, saṅghena pana kassa dātabbaṃ? Yo jiṇṇacīvaro hoti, sace bahū jiṇṇacīvarā honti, vuḍḍhassa dātabbaṃ. Vuḍḍhesupi yo mahāpariso tadaheva cīvaraṃ katvā attharituṃ sakkoti, tassa dātabbaṃ. Sace vuḍḍho na sakkoti, navakataro sakkoti, tassa dātabbaṃ. Apica saṅghena mahātherassa saṅgahaṃ kātuṃ vaṭṭati, tasmā ‘tumhe, bhante, gaṇhatha, mayaṃ katvā dassāmā’ti vattabba’’nti, tampi kathinatthārārahaṃyeva gahetvāva dātabbaṃ. Dentena pana tīsu cīvaresu yaṃ yaṃ jiṇṇaṃ hoti, taṃ tadatthāya dātabbaṃ. Pakatiyā dupaṭṭacīvarassa dupaṭṭatthāyeva dātabbaṃ. Sacepissa ekapaṭṭacīvaraṃ ghanaṃ hoti, kathinasāṭako ca pelavo, sāruppatthāya dupaṭṭappahonakameva dātabbaṃ. ‘‘Ahaṃ alabhanto ekapaṭṭaṃ pārupāmī’’ti vadantassāpi dupaṭṭaṃ dātuṃ vaṭṭati. Yo pana lobhapakatiko hoti, tassa na dātabbaṃ. Tenāpi kathinaṃ attharitvā pacchā sibbetvā ‘‘dve cīvarāni karissāmī’’ti na gahetabbaṃ.
เตนาติ กถินตฺถารเกน ภิกฺขุนาฯ ตทเหวาติ ตสฺมิํเยว ทิวเสฯ ปญฺจ วา อติเรกานิ วา ขณฺฑานิ ฉินฺทิตฺวาติ ยถา ปญฺจขณฺฑิกาทีนํ สงฺฆาฎิอาทีนํ ติณฺณํ จีวรานํ อญฺญตรปฺปโหนกานิ มหามณฺฑลอฑฺฒมณฺฑลาทิวเสน ปญฺจ ขณฺฑานิ วา อติเรกานิ วา สตฺตาทิขณฺฑานิ โหนฺติ, เอวํ ฉินฺทิตฺวาฯ ตสฺมิญฺจ กถินจีวเร กริยมาเน ‘‘อหํ เถโร’’ติ วา ‘‘พหุสฺสุโต’’ติ วา เอเกนาปิ อกาตุํ น ลพฺภติฯ อนาทริเยน อกโรนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ ตสฺมา สเพฺพเหว สนฺนิปติตฺวา โธวนเฉทนสิพฺพนรชนานิ นิฎฺฐาเปตพฺพานิฯ เตนาห ‘‘เสสภิกฺขูหิปิ ตสฺส สหาเยหิ ภวิตพฺพ’’นฺติฯ กตจีวรเมวาติ นิฎฺฐิตปริกมฺมเมว กถินทุสฺสํฯ สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน อนฺตรวาสโกปิ ฉินฺทิตฺวาว กาตโพฺพ อญฺญถา อตฺถารวิปตฺติโตฯ ยถาห –
Tenāti kathinatthārakena bhikkhunā. Tadahevāti tasmiṃyeva divase. Pañca vā atirekāni vākhaṇḍāni chinditvāti yathā pañcakhaṇḍikādīnaṃ saṅghāṭiādīnaṃ tiṇṇaṃ cīvarānaṃ aññatarappahonakāni mahāmaṇḍalaaḍḍhamaṇḍalādivasena pañca khaṇḍāni vā atirekāni vā sattādikhaṇḍāni honti, evaṃ chinditvā. Tasmiñca kathinacīvare kariyamāne ‘‘ahaṃ thero’’ti vā ‘‘bahussuto’’ti vā ekenāpi akātuṃ na labbhati. Anādariyena akarontassa dukkaṭaṃ. Tasmā sabbeheva sannipatitvā dhovanachedanasibbanarajanāni niṭṭhāpetabbāni. Tenāha ‘‘sesabhikkhūhipi tassa sahāyehi bhavitabba’’nti. Katacīvaramevāti niṭṭhitaparikammameva kathinadussaṃ. Sabbantimena paricchedena antaravāsakopi chinditvāva kātabbo aññathā atthāravipattito. Yathāha –
‘‘กถญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อนตฺถตํ โหติ กถินํ? น อุลฺลิขิตมเตฺตน อตฺถตํ โหติ กถินํ…เป.… น อญฺญตฺร ปญฺจเกน วา อติเรกปญฺจเกน วา ตทเหว สญฺฉิเนฺนนา’’ติ (มหาว. ๓๐๘)ฯ
‘‘Kathañca pana, bhikkhave, anatthataṃ hoti kathinaṃ? Na ullikhitamattena atthataṃ hoti kathinaṃ…pe… na aññatra pañcakena vā atirekapañcakena vā tadaheva sañchinnenā’’ti (mahāva. 308).
เตเนวาห ‘‘อจฺฉินฺนาสิพฺพิตํ ปน น วฎฺฎตี’’ติฯ เตน ภิกฺขุนาติ อตฺถารเกน ภิกฺขุนาฯ อตฺถริตพฺพนฺติ อตฺถรณํ กาตพฺพํฯ ตญฺจ โข ตถาวจีเภทกรณเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยถาห –
Tenevāha ‘‘acchinnāsibbitaṃ pana na vaṭṭatī’’ti. Tena bhikkhunāti atthārakena bhikkhunā. Attharitabbanti attharaṇaṃ kātabbaṃ. Tañca kho tathāvacībhedakaraṇamevāti daṭṭhabbaṃ. Yathāha –
‘‘สเจ สงฺฆาฎิยา กถินํ อตฺถริตุกาโม โหติ, โปราณิกา สงฺฆาฎิ ปจฺจุทฺธริตพฺพา, นวา สงฺฆาฎิ อธิฎฺฐาตพฺพา, ‘อิมาย สงฺฆาฎิยา กถินํ อตฺถรามี’ติ วาจา ภินฺทิตพฺพา’’ติ (ปริ. ๔๑๓) –
‘‘Sace saṅghāṭiyā kathinaṃ attharitukāmo hoti, porāṇikā saṅghāṭi paccuddharitabbā, navā saṅghāṭi adhiṭṭhātabbā, ‘imāya saṅghāṭiyā kathinaṃ attharāmī’ti vācā bhinditabbā’’ti (pari. 413) –
วิตฺถาโรฯ ‘‘ภเนฺต, อาวุโส’’ติ จ ‘‘อนุโมทถ, อนุโมทาหี’’ติ จ วจนเภทํ สนฺธาย ‘‘เถรานญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Vitthāro. ‘‘Bhante, āvuso’’ti ca ‘‘anumodatha, anumodāhī’’ti ca vacanabhedaṃ sandhāya ‘‘therānañcā’’tiādi vuttaṃ.
เอวํ อตฺถารเกน ปฎิปชฺชิตพฺพวิธิํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อนุโมทเกหิ ปฎิปชฺชิตพฺพวิธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘เตหิปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘อนุโมทามา’’ติ อตฺตนาว อตฺตนิ คารววเสน วุตฺตํฯ กิญฺจาปิ เอวํ วุตฺตํ, ตถาปิ เอกเกน ‘‘อนุโมทามา’’ติ วตฺตุํ น วฎฺฎติ, ‘‘อนุโมทามิ’’เจฺจว วตฺตพฺพนฺติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํฯ อิทานิ กถินานิสํเส ทเสฺสตุํ ภูมิํ วิจารยโนฺต ‘‘ปุริมวสฺสํวุเฎฺฐสุปี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เตสํเยวาติ อตฺถารกอนุโมทกานํเยวฯ วุตฺตเญฺหตํ ปริวาเร ‘‘ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถตํ โหติ กถินํ อตฺถารกสฺส จ อนุโมทกสฺส จา’’ติ (ปริ. ๔๐๓)ฯ เตติ อตฺถารกอนุโมทกาฯ ตโต ปฎฺฐายาติ อตฺถารานุโมทนโต ปฎฺฐายฯ ยาว กถินสฺสุพฺภาราติ น เกวลํ จีวรมาเสเยว, อถ โข อฎฺฐนฺนํ มาติกานํ อญฺญตเรน วา อนฺตรุพฺภาเรน วา ยาว กถินสฺสุพฺภารา ปญฺจานิสํเส ลภนฺติ, อุทฺธเฎ ปน น ลภนฺตีติ อโตฺถฯ
Evaṃ atthārakena paṭipajjitabbavidhiṃ dassetvā idāni anumodakehi paṭipajjitabbavidhiṃ dassetuṃ ‘‘tehipī’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Anumodāmā’’ti attanāva attani gāravavasena vuttaṃ. Kiñcāpi evaṃ vuttaṃ, tathāpi ekakena ‘‘anumodāmā’’ti vattuṃ na vaṭṭati, ‘‘anumodāmi’’cceva vattabbanti vadanti, vīmaṃsitvā gahetabbaṃ. Idāni kathinānisaṃse dassetuṃ bhūmiṃ vicārayanto ‘‘purimavassaṃvuṭṭhesupī’’tiādimāha. Tattha tesaṃyevāti atthārakaanumodakānaṃyeva. Vuttañhetaṃ parivāre ‘‘dvinnaṃ puggalānaṃ atthataṃ hoti kathinaṃ atthārakassa ca anumodakassa cā’’ti (pari. 403). Teti atthārakaanumodakā. Tato paṭṭhāyāti atthārānumodanato paṭṭhāya. Yāva kathinassubbhārāti na kevalaṃ cīvaramāseyeva, atha kho aṭṭhannaṃ mātikānaṃ aññatarena vā antarubbhārena vā yāva kathinassubbhārā pañcānisaṃse labhanti, uddhaṭe pana na labhantīti attho.
อิทานิ เต ปญฺจานิสํเส สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘อนามนฺตจาโร’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อนามนฺตจาโร นาม ปญฺจนฺนํ โภชนานํ อญฺญตเรน นิมนฺติตสฺส สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา กุเลสุ จาริตฺตาปชฺชนํฯ อสมาทานจาโร นาม นาเมนาธิฎฺฐิตสฺส จีวรสฺส อสมาทานจรณํ, นาเมนาธิฎฺฐิตานํ ติณฺณํ จีวรานมญฺญตรํ จีวรํ ยตฺถ กตฺถจิ นิกฺขิปิตฺวา อญฺญตฺถ อรุณุฎฺฐาปนนฺติ อโตฺถ, จีวรวิปฺปวาโสติ วุตฺตํ โหติฯ ยาวทตฺถจีวรนฺติ ยาวตา จีวเรน อโตฺถ โหติ, ตาวตกํ อนธิฎฺฐิตํ อวิกปฺปิตํ จีวรธารณํ, ทสาหมติกฺกมิตฺวา จีวรสฺส ฐปนนฺติ อโตฺถฯ คณสฺส โภชนํ คณโภชนํฯ คโณติ เจตฺถ จตฺตาโร วา ตตุตฺตริ วา ภิกฺขูฯ เตสํ วิญฺญตฺติโต วา นิมนฺตนโต วา ลทฺธสฺส โอทนาทีนํ ปญฺจนฺนํ อญฺญตรโภชนสฺส สห คหณนฺติ อโตฺถฯ โย จ ตตฺถ จีวรุปฺปาโทติ ตตฺถ กถินตฺถตสีมาย มตกจีวรํ วา โหตุ, สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนํ วา สงฺฆิเกน ตตฺรุปฺปาเทน อาภตํ วา เยน เกนจิ อากาเรน ยํ สงฺฆิกํ จีวรํ อุปฺปชฺชติ, ตํ เตสํ ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ตสฺมิํ อาวาเส สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนจีวรญฺจา’’ติฯ
Idāni te pañcānisaṃse sarūpato dassetuṃ ‘‘anāmantacāro’’tiādimāha. Tattha anāmantacāro nāma pañcannaṃ bhojanānaṃ aññatarena nimantitassa santaṃ bhikkhuṃ anāpucchā kulesu cārittāpajjanaṃ. Asamādānacāro nāma nāmenādhiṭṭhitassa cīvarassa asamādānacaraṇaṃ, nāmenādhiṭṭhitānaṃ tiṇṇaṃ cīvarānamaññataraṃ cīvaraṃ yattha katthaci nikkhipitvā aññattha aruṇuṭṭhāpananti attho, cīvaravippavāsoti vuttaṃ hoti. Yāvadatthacīvaranti yāvatā cīvarena attho hoti, tāvatakaṃ anadhiṭṭhitaṃ avikappitaṃ cīvaradhāraṇaṃ, dasāhamatikkamitvā cīvarassa ṭhapananti attho. Gaṇassa bhojanaṃ gaṇabhojanaṃ. Gaṇoti cettha cattāro vā tatuttari vā bhikkhū. Tesaṃ viññattito vā nimantanato vā laddhassa odanādīnaṃ pañcannaṃ aññatarabhojanassa saha gahaṇanti attho. Yo ca tattha cīvaruppādoti tattha kathinatthatasīmāya matakacīvaraṃ vā hotu, saṅghaṃ uddissa dinnaṃ vā saṅghikena tatruppādena ābhataṃ vā yena kenaci ākārena yaṃ saṅghikaṃ cīvaraṃ uppajjati, taṃ tesaṃ bhavissatīti attho. Tenāha ‘‘tasmiṃ āvāse saṅghassa uppannacīvarañcā’’ti.
‘‘ยํ ปน ตตฺถ สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนํ ปตฺตาทิ วา อญฺญํ ภณฺฑํ วา, ตํ สเพฺพสํ ปาปุณาติฯ ยํ ปน ตตฺรุปฺปาเทน ตณฺฑุลาทินา วตฺถํ เจตาปิตํ, อตฺถตกถินานเมว ตานิ วตฺถานิ ปาปุณนฺติฯ วเตฺถหิ ปน ตณฺฑุลาทีสุ เจตาปิเตสุ สเพฺพสํ ตานิ ปาปุณนฺตี’’ติ คณฺฐิปเท วุตฺตํ, ตมฺปิ เจตาปิตกาลโต ปฎฺฐาย จีวรุปฺปาโท น โหตีติ สุวุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อนตฺถตกถินา ปน อิเมสุ ปญฺจสุ อานิสํเสสุ จีวรมาเส อสมาทานจารํ ฐเปตฺวา เสสานิสํเส ลภนฺติฯ ยทิ อสมาทานจาโรปิ ลเพฺภยฺย, ปาเวยฺยกา ภิกฺขู วสฺสํวุฎฺฐา โอกปุเณฺณหิ จีวเรหิ น ภควนฺตํ อุปสงฺกเมยฺยุํฯ ยสฺมา ตํ น ลพฺภติ, ตสฺมา จีวรมาเสปิ จีวรํ สมาทาย เอว ภควนฺตํ อุปสงฺกมิํสุฯ
‘‘Yaṃ pana tattha saṅghassa uppannaṃ pattādi vā aññaṃ bhaṇḍaṃ vā, taṃ sabbesaṃ pāpuṇāti. Yaṃ pana tatruppādena taṇḍulādinā vatthaṃ cetāpitaṃ, atthatakathinānameva tāni vatthāni pāpuṇanti. Vatthehi pana taṇḍulādīsu cetāpitesu sabbesaṃ tāni pāpuṇantī’’ti gaṇṭhipade vuttaṃ, tampi cetāpitakālato paṭṭhāya cīvaruppādo na hotīti suvuttanti daṭṭhabbaṃ. Anatthatakathinā pana imesu pañcasu ānisaṃsesu cīvaramāse asamādānacāraṃ ṭhapetvā sesānisaṃse labhanti. Yadi asamādānacāropi labbheyya, pāveyyakā bhikkhū vassaṃvuṭṭhā okapuṇṇehi cīvarehi na bhagavantaṃ upasaṅkameyyuṃ. Yasmā taṃ na labbhati, tasmā cīvaramāsepi cīvaraṃ samādāya eva bhagavantaṃ upasaṅkamiṃsu.
เอวํ กถินตฺถารํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อุพฺภารํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตํ ปเนตํ กถิน’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ มาติกาติ มาตโร, ชเนตฺติโยติ อโตฺถฯ กถินุพฺภารญฺหิ เอตา อฎฺฐ ชเนนฺติฯ ตาสุ ปกฺกมนํ อโนฺต เอติสฺสาติ ปกฺกมนนฺติกาฯ เอวํ เสสาปิ เวทิตพฺพาฯ ตตฺถ โย ภิกฺขุ อตฺถตกถิโน กถินจีวรํ อาทาย ตสฺมิํ อาวาเส นิรเปโกฺข ‘‘น ปเจฺจสฺส’’นฺติ ปกฺกมติ, ตเสฺสวํ ปกฺกมโต กถินุทฺธาโร อติกฺกนฺตมตฺตาย สีมาย โหตีติ ปกฺกมนนฺติโก กถินุทฺธาโรติ เวทิตโพฺพฯ
Evaṃ kathinatthāraṃ dassetvā idāni ubbhāraṃ dassento ‘‘taṃ panetaṃ kathina’’ntiādimāha. Tattha mātikāti mātaro, janettiyoti attho. Kathinubbhārañhi etā aṭṭha janenti. Tāsu pakkamanaṃ anto etissāti pakkamanantikā. Evaṃ sesāpi veditabbā. Tattha yo bhikkhu atthatakathino kathinacīvaraṃ ādāya tasmiṃ āvāse nirapekkho ‘‘na paccessa’’nti pakkamati, tassevaṃ pakkamato kathinuddhāro atikkantamattāya sīmāya hotīti pakkamanantiko kathinuddhāroti veditabbo.
โย ปน อานิสํสจีวรํ อาทาย ปกฺกมติ, ตสฺส พหิสีมาคตสฺส เอวํ โหติ ‘‘อิเธวิมํ กริสฺสามิ, น ปุน ตํ วิหารํ คจฺฉิสฺสามี’’ติ ตสฺมิํ อาวาเส นิรเปโกฺข หุตฺวา ตํ จีวรํ กาเรติ, ตสฺส ภิกฺขุโน นิฎฺฐานนฺติโก กถินุทฺธาโรฯ
Yo pana ānisaṃsacīvaraṃ ādāya pakkamati, tassa bahisīmāgatassa evaṃ hoti ‘‘idhevimaṃ karissāmi, na puna taṃ vihāraṃ gacchissāmī’’ti tasmiṃ āvāse nirapekkho hutvā taṃ cīvaraṃ kāreti, tassa bhikkhuno niṭṭhānantiko kathinuddhāro.
ยทิ ปน อานิสํสมูลจีวรํ อาทาย พหิสีมาคโต ‘‘เนวิมํ จีวรํ กริสฺสามิ, น จ ตํ อาวาสํ คจฺฉิสฺสามี’’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กโรติ, ตทา สนฺนิฎฺฐานนฺติโก กถินุทฺธาโรฯ
Yadi pana ānisaṃsamūlacīvaraṃ ādāya bahisīmāgato ‘‘nevimaṃ cīvaraṃ karissāmi, na ca taṃ āvāsaṃ gacchissāmī’’ti sanniṭṭhānaṃ karoti, tadā sanniṭṭhānantiko kathinuddhāro.
ตเทว อานิสํสจีวรํ ลทฺธา ตํ อาทาย พหิสีมํ คนฺตฺวา ‘‘อิเธวิมํ จีวรํ กริสฺสามิ, น คจฺฉิสฺสามี’’ติ กโรนฺตสฺส สเจ ตํ จีวรํ นสฺสติ วินสฺสติ ฑยฺหติ, นาสนนฺติโก กถินุทฺธาโร โหติฯ
Tadeva ānisaṃsacīvaraṃ laddhā taṃ ādāya bahisīmaṃ gantvā ‘‘idhevimaṃ cīvaraṃ karissāmi, na gacchissāmī’’ti karontassa sace taṃ cīvaraṃ nassati vinassati ḍayhati, nāsanantiko kathinuddhāro hoti.
สเจ ปน อานิสํสจีวรํ ลทฺธา ตสฺมิํ วิหาเร สาเปโกฺขว พหิสีมาคโต ‘‘วิหาเร ภิกฺขูหิ อนฺตรุพฺภารํ กต’’นฺติ สุณาติ, ตสฺส สวนนฺติโก กถินุทฺธาโร โหติฯ
Sace pana ānisaṃsacīvaraṃ laddhā tasmiṃ vihāre sāpekkhova bahisīmāgato ‘‘vihāre bhikkhūhi antarubbhāraṃ kata’’nti suṇāti, tassa savanantiko kathinuddhāro hoti.
อาสาย อวเจฺฉโท เอติสฺสาติ อาสาวเจฺฉทิกาฯ โย ปน เยน เกนจิ ‘‘ตุยฺหํ จีวรํ ทสฺสามี’’ติ วุโตฺต ตสฺมิํ จีวเร อาสาย วิหาเร อเปกฺขํ ปหาย พหิสีมาคโต ปุน เตน ‘‘น สโกฺกมิ ทาตุ’’นฺติ วุเตฺต อาสํ ฉินฺทติ, ตสฺส อาสาวเจฺฉทิโก กถินุทฺธาโร โหติฯ
Āsāya avacchedo etissāti āsāvacchedikā. Yo pana yena kenaci ‘‘tuyhaṃ cīvaraṃ dassāmī’’ti vutto tasmiṃ cīvare āsāya vihāre apekkhaṃ pahāya bahisīmāgato puna tena ‘‘na sakkomi dātu’’nti vutte āsaṃ chindati, tassa āsāvacchediko kathinuddhāro hoti.
โย ปน วสฺสํวุฎฺฐวิหารโต อญฺญํ วิหารํ สาเปโกฺขว คนฺตฺวา อาคจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺคเยว กถินุทฺธารํ วีตินาเมติ, ตสฺส สีมาติกฺกมนนฺติโก กถินุทฺธาโรฯ
Yo pana vassaṃvuṭṭhavihārato aññaṃ vihāraṃ sāpekkhova gantvā āgacchanto antarāmaggeyeva kathinuddhāraṃ vītināmeti, tassa sīmātikkamanantiko kathinuddhāro.
สห อุพฺภาเรนาติ สหุพฺภาราฯ อานิสํสจีวรํ อาทาย สาเปโกฺขว พหิ คนฺตฺวา กถินุทฺธารํ สมฺภุณนฺตสฺส กถินุทฺธาโร สหุพฺภาโรติ เวทิตโพฺพฯ
Saha ubbhārenāti sahubbhārā. Ānisaṃsacīvaraṃ ādāya sāpekkhova bahi gantvā kathinuddhāraṃ sambhuṇantassa kathinuddhāro sahubbhāroti veditabbo.
‘‘เอตสฺมิํ ปน ปกฺกมนนฺติเก กถินุทฺธาเร ปฐมํ จีวรปลิโพโธ ฉิชฺชตี’’ติอาทินา จีวรปลิโพธุปเจฺฉทาทิกสฺส วินิจฺฉยสฺส วิตฺถารโต สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๑๑) วุตฺตตฺตา ๘ ‘‘ตตฺถ วิตฺถารวินิจฺฉโย’’ติอาทิมาหฯ อตฺถารุพฺภารานํเยว วา วิตฺถารวินิจฺฉยสฺส ตตฺถาคตตฺตา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เสสปลิโพธาภาวนฺติ อวเสสสฺส ปลิโพธสฺส อภาวํ, อาวาสปลิโพธาภาวนฺติ อโตฺถฯ
‘‘Etasmiṃ pana pakkamanantike kathinuddhāre paṭhamaṃ cīvarapalibodho chijjatī’’tiādinā cīvarapalibodhupacchedādikassa vinicchayassa vitthārato samantapāsādikāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 311) vuttattā 8 ‘‘tattha vitthāravinicchayo’’tiādimāha. Atthārubbhārānaṃyeva vā vitthāravinicchayassa tatthāgatattā evaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ. Sesapalibodhābhāvanti avasesassa palibodhassa abhāvaṃ, āvāsapalibodhābhāvanti attho.
อสฺสาติ กาลสฺสฯ ทสาหปรมนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘ตํ ทสาหปรมํ กาล’’นฺติฯ อติเรกนฺติ อธิกํ, โส จ อธิกภาโว อธิฎฺฐิตวิกปฺปิตจีวรโตติ อาห ‘‘อธิฎฺฐิตวิกปฺปิเตสู’’ติอาทิฯ โขมนฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๓๖-๖๓๘) โขมสุเตฺตหิ วายิตํ โขมปฎฺฎจีวรํฯ ตถา เสสานิฯ กมฺพลํ นาม มนุสฺสโลมวาฬโลเม ฐเปตฺวา เสสโลเมหิ วายิตฺวา กตวตฺถํฯ สาณํ นาม สาณวาเกหิ กตวตฺถํฯ ภงฺคํ นาม โขมสุตฺตาทีหิ ปญฺจหิ มิเสฺสตฺวา กตวตฺถํฯ ‘‘ปาเฎกฺกํ วากมยเมวา’’ติปิ วทนฺติฯ ตทนุโลมานํ วาติ ทุกูลํ ปตฺตุณฺณํ โสมารปฎฺฎํ จีนปฎฺฎํ อิทฺธิชํ เทวทินฺนนฺติ เตสํ โขมาทีนํเยว อนุโลมานํ ฉนฺนํ จีวรานํ วา, ตตฺถ ทุกูลํ สาณสฺส อนุโลมํ วากมยตฺตาฯ ปตฺตุณฺณเทเส ปาณเกหิ สญฺชาตวตฺถํ ปตฺตุณฺณํฯ โสมารเทเส ชาตํ วตฺถํ โสมารปฎฺฎํฯ ตถา จีนปฎฺฎํฯ อิมานิ ตีณิปิ โกเสยฺยสฺส อนุโลมานิ ปาณเกหิ กตสุตฺตมยตฺตาฯ อิทฺธิชํ เอหิภิกฺขูนํ ปุญฺญิทฺธิยา นิพฺพตฺตจีวรํฯ ตํ ปน โขมาทีนมญฺญตรํ โหตีติ เตสํเยว อนุโลมํฯ เทเวหิ ทินฺนํ จีวรํ เทวทินฺนํ, ตํ กปฺปรุเกฺข นิพฺพตฺตํ ชาลินิยา เทวกญฺญาย อนุรุทฺธเตฺถรสฺส ทินฺนวตฺถสทิสํ, ตมฺปิ โขมาทีนํเยว อนุโลมํ โหติ เตสุ อญฺญตรภาวโตฯ
Assāti kālassa. Dasāhaparamanti accantasaṃyoge upayogavacananti āha ‘‘taṃ dasāhaparamaṃ kāla’’nti. Atirekanti adhikaṃ, so ca adhikabhāvo adhiṭṭhitavikappitacīvaratoti āha ‘‘adhiṭṭhitavikappitesū’’tiādi. Khomanti (pārā. aṭṭha. 2.636-638) khomasuttehi vāyitaṃ khomapaṭṭacīvaraṃ. Tathā sesāni. Kambalaṃ nāma manussalomavāḷalome ṭhapetvā sesalomehi vāyitvā katavatthaṃ. Sāṇaṃ nāma sāṇavākehi katavatthaṃ. Bhaṅgaṃ nāma khomasuttādīhi pañcahi missetvā katavatthaṃ. ‘‘Pāṭekkaṃ vākamayamevā’’tipi vadanti. Tadanulomānaṃ vāti dukūlaṃ pattuṇṇaṃ somārapaṭṭaṃ cīnapaṭṭaṃ iddhijaṃ devadinnanti tesaṃ khomādīnaṃyeva anulomānaṃ channaṃ cīvarānaṃ vā, tattha dukūlaṃ sāṇassa anulomaṃ vākamayattā. Pattuṇṇadese pāṇakehi sañjātavatthaṃ pattuṇṇaṃ. Somāradese jātaṃ vatthaṃ somārapaṭṭaṃ. Tathā cīnapaṭṭaṃ. Imāni tīṇipi koseyyassa anulomāni pāṇakehi katasuttamayattā. Iddhijaṃ ehibhikkhūnaṃ puññiddhiyā nibbattacīvaraṃ. Taṃ pana khomādīnamaññataraṃ hotīti tesaṃyeva anulomaṃ. Devehi dinnaṃ cīvaraṃ devadinnaṃ, taṃ kapparukkhe nibbattaṃ jāliniyā devakaññāya anuruddhattherassa dinnavatthasadisaṃ, tampi khomādīnaṃyeva anulomaṃ hoti tesu aññatarabhāvato.
ทีฆโต วฑฺฒกิหตฺถปฺปมาณํ, วิตฺถารโต ตโต อุปฑฺฒปฺปมาณํ วิกปฺปนุปคํ ปจฺฉิมํฯ อฎฺฐงฺคุลํ สุคตงฺคุเลนาติ เอตฺถ สุคตงฺคุลํ นาม อิทานิ มชฺฌิมสฺส ปุริมสฺส ตีณิ องฺคุลานิ, เตน สุคตงฺคุเลน อฎฺฐงฺคุลํ วฑฺฒกิหตฺถปฺปมาณนฺติ อโตฺถฯ จตุรงฺคุลวิตฺถตนฺติ เอตฺถาปิ ยถาวุตฺตานุสาเรเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เยสํ ปน อธิฎฺฐานวิกปฺปนานํ อภาวโต อธิฎฺฐิตวิกปฺปิเตสุ อปริยาปนฺนตฺตา อิทํ อติเรกจีวรํ นาม โหติฯ
Dīghato vaḍḍhakihatthappamāṇaṃ, vitthārato tato upaḍḍhappamāṇaṃ vikappanupagaṃ pacchimaṃ. Aṭṭhaṅgulaṃ sugataṅgulenāti ettha sugataṅgulaṃ nāma idāni majjhimassa purimassa tīṇi aṅgulāni, tena sugataṅgulena aṭṭhaṅgulaṃ vaḍḍhakihatthappamāṇanti attho. Caturaṅgulavitthatanti etthāpi yathāvuttānusāreneva attho veditabbo. Yesaṃ pana adhiṭṭhānavikappanānaṃ abhāvato adhiṭṭhitavikappitesu apariyāpannattā idaṃ atirekacīvaraṃ nāma hoti.
ตํ อธิฎฺฐานวิกปฺปนํ เกนากาเรน ชานิตพฺพนฺติ อนุโยคํ สนฺธาย ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยํ ปน วุตฺต’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ยํ ปน วุตฺตนฺติ อติเรกจีวรํ ทเสฺสตุํ ‘‘อธิฎฺฐิตวิกปฺปิเตสุ อปริยาปนฺนตฺตา’’ติ อเมฺหหิ ยํ วุตฺตนฺติ อโตฺถฯ ติจีวรํ อธิฎฺฐาตุนฺติ นามํ วตฺวา อธิฎฺฐาตุํฯ น วิกเปฺปตุนฺติ สงฺฆาฎิอาทินาเมน วิกเปฺปตุํ น อนุชานามีติ อโตฺถฯ ‘‘อิมํ จีวรํ วิกเปฺปมี’’ติ ปน วิกเปฺปตุํ วฎฺฎติเยวฯ สามญฺญวจนํ ปน ติจีวรสฺส กณฺฑุปฎิจฺฉาทิวสฺสิกสาฎิกานํ วิย กาลวเสน วิเสสาภาวา จสฺส วิกเปฺปตพฺพตาติ ทสฺสนตฺถํ , น ปน สพฺพถา วิกปฺปนปฎิเสธนตฺถนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตถา หิ ปุราณจีวรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา นวสฺส อธิฎฺฐานวจนโต, ‘‘อนาปตฺติ อธิเฎฺฐติ วิกเปฺปตี’’ติอาทิวจนโต (ปารา. ๔๖๙) จ ติจีวรสฺสปิ วิกปฺปนาย โอกาโส ทิโนฺนฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ ติจีวราทีนิ หิ อธิฎฺฐหเนฺตน ‘‘อิมํ สงฺฆาฎิํ อธิฎฺฐามี’’ติอาทินา ตํ ตํ นามํ วตฺวา อธิฎฺฐาตพฺพํฯ วิกเปฺปเนฺตน ปน ‘‘อิมํ สงฺฆาฎิ’’นฺติอาทินา ตสฺส ตสฺส จีวรสฺส นามํ อคฺคเหตฺวา ‘‘อิมํ จีวรํ ตุยฺหํ วิกเปฺปมี’’ติ วิกเปฺปตพฺพํฯ ติจีวรํ วา โหตุ, อญฺญํ วา, ยทิ ตํ ตํ นามํ คเหตฺวา วิกเปฺปติ, อวิกปฺปิตํ โหติ, อติเรกจีวรฎฺฐาเนเยว ติฎฺฐติฯ ตโต ปรํ วิกเปฺปตุนฺติ จตุมาสโต ปรํ ‘‘อิมํ จีวรํ วิกเปฺปมี’’ติ วิกเปฺปตุํฯ อิทญฺจ ปริภุญฺชิตุํ อนุญฺญาตํฯ เกจิ ปน (สารตฺถ. ฎี. ๒.๔๖๙) ‘‘ตโต ปรํ วิกเปฺปตฺวา ยาว อาคามิสํวจฺฉเร วสฺสานํ จตุมาสํ, ตาว ฐเปตุํ อนุญฺญาต’’นฺติ วทนฺติฯ ตโต ปรนฺติ อาพาธโต ปรํฯ ‘‘อิมาสญฺจ ปน วสฺสิกสาฎิกกณฺฑุปฎิจฺฉาทีนํ ตโต ปรํ วิกเปฺปตฺวา ปริโภคสฺส อนุญฺญาตตฺตา ตถาวิกปฺปิตํ อญฺญนาเมน อธิฎฺฐหิตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพ’’นฺติ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ อธิฎฺฐาตพฺพวิกเปฺปตพฺพตา ชานิตพฺพาติ อธิฎฺฐาตพฺพํ วิกเปฺปตพฺพนฺติ เอวํ อธิฎฺฐานวิกปฺปนา ชานิตพฺพาติ อโตฺถฯ
Taṃ adhiṭṭhānavikappanaṃ kenākārena jānitabbanti anuyogaṃ sandhāya taṃ dassetuṃ ‘‘yaṃ pana vutta’’ntiādi āraddhaṃ. Tattha yaṃ pana vuttanti atirekacīvaraṃ dassetuṃ ‘‘adhiṭṭhitavikappitesu apariyāpannattā’’ti amhehi yaṃ vuttanti attho. Ticīvaraṃ adhiṭṭhātunti nāmaṃ vatvā adhiṭṭhātuṃ. Na vikappetunti saṅghāṭiādināmena vikappetuṃ na anujānāmīti attho. ‘‘Imaṃ cīvaraṃ vikappemī’’ti pana vikappetuṃ vaṭṭatiyeva. Sāmaññavacanaṃ pana ticīvarassa kaṇḍupaṭicchādivassikasāṭikānaṃ viya kālavasena visesābhāvā cassa vikappetabbatāti dassanatthaṃ , na pana sabbathā vikappanapaṭisedhanatthanti daṭṭhabbaṃ. Tathā hi purāṇacīvaraṃ paccuddharitvā navassa adhiṭṭhānavacanato, ‘‘anāpatti adhiṭṭheti vikappetī’’tiādivacanato (pārā. 469) ca ticīvarassapi vikappanāya okāso dinno. Esa nayo sabbattha. Ticīvarādīni hi adhiṭṭhahantena ‘‘imaṃ saṅghāṭiṃ adhiṭṭhāmī’’tiādinā taṃ taṃ nāmaṃ vatvā adhiṭṭhātabbaṃ. Vikappentena pana ‘‘imaṃ saṅghāṭi’’ntiādinā tassa tassa cīvarassa nāmaṃ aggahetvā ‘‘imaṃ cīvaraṃ tuyhaṃ vikappemī’’ti vikappetabbaṃ. Ticīvaraṃ vā hotu, aññaṃ vā, yadi taṃ taṃ nāmaṃ gahetvā vikappeti, avikappitaṃ hoti, atirekacīvaraṭṭhāneyeva tiṭṭhati. Tato paraṃ vikappetunti catumāsato paraṃ ‘‘imaṃ cīvaraṃ vikappemī’’ti vikappetuṃ. Idañca paribhuñjituṃ anuññātaṃ. Keci pana (sārattha. ṭī. 2.469) ‘‘tato paraṃ vikappetvā yāva āgāmisaṃvacchare vassānaṃ catumāsaṃ, tāva ṭhapetuṃ anuññāta’’nti vadanti. Tato paranti ābādhato paraṃ. ‘‘Imāsañca pana vassikasāṭikakaṇḍupaṭicchādīnaṃ tato paraṃ vikappetvā paribhogassa anuññātattā tathāvikappitaṃ aññanāmena adhiṭṭhahitvā paribhuñjitabba’’nti gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Adhiṭṭhātabbavikappetabbatā jānitabbāti adhiṭṭhātabbaṃ vikappetabbanti evaṃ adhiṭṭhānavikappanā jānitabbāti attho.
ปญฺจปริมาณํ อสฺสาติ ปญฺจกํ, มุฎฺฐิสฺส มุฎฺฐิหตฺถสฺส สมฺพนฺธํ ปญฺจกํ มุฎฺฐิปญฺจกํฯ เอส น โย มุฎฺฐิตฺติกนฺติ เอตฺถาปิฯ ปารุปเนนปิ สกฺกา นาภิํ ปฎิจฺฉาเทตุนฺติ อาห ‘‘ทฺวิหโตฺถปิ วฎฺฎตี’’ติฯ น เกวลํ อฑฺฒเตโยฺยว วฎฺฎติ, อถ โข ทฺวิหโตฺถปิ วฎฺฎตีติ ปิ-สทฺทสฺส อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อติเรกญฺจาติ สุคตจีวรปฺปมาณมฺปิ ตโต อธิกมฺปิฯ ปจฺจุทฺธรามีติ ฐเปมิ, ปริจฺจชามีติ วา อโตฺถฯ ‘‘อิมํ จีวรํ สงฺฆาฎิํ อธิฎฺฐามี’’ติ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๔๖๙) เอวมฺปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ กายวิการํ กโรเนฺตนาติ หตฺถาทินา จีวรํ ปรามสเนฺตน, จาเลเนฺตน วาฯ อิทญฺหิ อธิฎฺฐานํ เยน เกนจิ สรีราวยเวน อผุสนฺตสฺส น วฎฺฎติฯ ทุวิธนฺติ สมฺมุขาปรมฺมุขเภเทน ทุวิธํฯ วาจา ภินฺทิตพฺพาติ วจนํ นิจฺฉาเรตพฺพํฯ อโนฺตคพฺภาทีสูติ อโนฺตคพฺภอุปริปาสาเทสุฯ สามนฺตวิหาเรติ ยตฺถ ตทเหว คนฺตฺวา นิวเตฺตตุํ สกฺกา, เอวรูเป สมีปวิหาเรฯ อิทญฺจ เทสนาสีสมตฺตํ, ตสฺมา ทูเร ฐิตมฺปิ อธิฎฺฐาตพฺพนฺติ วทนฺติฯ ‘‘ฐปิตฎฺฐานํ สลฺลเกฺขตฺวา’’ติ อิมินา จีวรสํลกฺขณํ วุตฺตํฯ น หิ ฐปิตฎฺฐานมตฺตสลฺลกฺขเณน กิญฺจิ ปโยชนํ อตฺถิฯ
Pañcaparimāṇaṃ assāti pañcakaṃ, muṭṭhissa muṭṭhihatthassa sambandhaṃ pañcakaṃ muṭṭhipañcakaṃ. Esa na yo muṭṭhittikanti etthāpi. Pārupanenapi sakkā nābhiṃ paṭicchādetunti āha ‘‘dvihatthopi vaṭṭatī’’ti. Na kevalaṃ aḍḍhateyyova vaṭṭati, atha kho dvihatthopi vaṭṭatīti pi-saddassa attho daṭṭhabbo. Atirekañcāti sugatacīvarappamāṇampi tato adhikampi. Paccuddharāmīti ṭhapemi, pariccajāmīti vā attho. ‘‘Imaṃ cīvaraṃ saṅghāṭiṃ adhiṭṭhāmī’’ti (sārattha. ṭī. 2.469) evampi vattuṃ vaṭṭati. Kāyavikāraṃ karontenāti hatthādinā cīvaraṃ parāmasantena, cālentena vā. Idañhi adhiṭṭhānaṃ yena kenaci sarīrāvayavena aphusantassa na vaṭṭati. Duvidhanti sammukhāparammukhabhedena duvidhaṃ. Vācā bhinditabbāti vacanaṃ nicchāretabbaṃ. Antogabbhādīsūti antogabbhauparipāsādesu. Sāmantavihāreti yattha tadaheva gantvā nivattetuṃ sakkā, evarūpe samīpavihāre. Idañca desanāsīsamattaṃ, tasmā dūre ṭhitampi adhiṭṭhātabbanti vadanti. ‘‘Ṭhapitaṭṭhānaṃ sallakkhetvā’’ti iminā cīvarasaṃlakkhaṇaṃ vuttaṃ. Na hi ṭhapitaṭṭhānamattasallakkhaṇena kiñci payojanaṃ atthi.
อธิฎฺฐหิตฺวา ฐปิตวเตฺถหีติ ปจฺจตฺถรณมุขปุญฺฉนโจฬปริกฺขารโจฬวเสน อธิฎฺฐหิตฺวา ฐปิตวเตฺถหิฯ อธิฎฺฐานโต ปุเพฺพ สงฺฆาฎิอาทิโวหารสฺส อภาวโต ‘‘อิมํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติ ปจฺจตฺถรณาทีนํ วิสุํ ปจฺจุทฺธรณวิธิํ ทเสฺสติฯ ปจฺจตฺถรณาทินาเมน ปน อธิฎฺฐาตพฺพตฺตา ‘‘อิมํ ปจฺจตฺถรณํ ปจฺจุทฺธรามี’’ติอาทินา วุเตฺตปิ เนวตฺถิ โทโสฯ ปุน อธิฎฺฐาตพฺพานีติ สงฺฆาฎิอาทินาเมน อธิฎฺฐาตพฺพานิฯ ปริกฺขารโจฬกสฺส ปน ปริกฺขารโจฬวเสน อธิฎฺฐหิตฺวา ฐปิตวเตฺถหิปิ สงฺฆาฎิอาทิมฺหิ กเต ปจฺจุทฺธริตฺวา ปุน อธิฎฺฐาตพฺพนฺติ นตฺถิฯ ปุเพฺพ กตาธิฎฺฐานเมว อธิฎฺฐานํฯ อธิฎฺฐิเตน ปน เตน สทฺธิํ มหนฺตตรเมว ทุติยํ ปฎฺฎํ วา ขณฺฑํ วา สํสิพฺพเนฺตน อธิฎฺฐาตพฺพํ, สเม วา ขุทฺทเก วา อธิฎฺฐานกิจฺจํ นตฺถิฯ สุขปริโภคตฺถนฺติ วิปฺปวาสโทสาภาวโต ยตฺถ กตฺถจิ ฐเปตฺวา ธมฺมสฺสวนาทินา กิเจฺจน อญฺญตฺถ อรุณํ อุฎฺฐาเปตฺวา อาคนฺตฺวา นิสฺสชฺชนํ วินาว ปริภุญฺชิตุํ สกฺกุเณยฺยตาย สุขปริโภคตฺถํฯ ปริกฺขารโจฬํ อธิฎฺฐาตุนฺติ ปริกฺขารโจฬํ กตฺวา อธิฎฺฐาตุํฯ
Adhiṭṭhahitvā ṭhapitavatthehīti paccattharaṇamukhapuñchanacoḷaparikkhāracoḷavasena adhiṭṭhahitvā ṭhapitavatthehi. Adhiṭṭhānato pubbe saṅghāṭiādivohārassa abhāvato ‘‘imaṃ paccuddharāmī’’ti paccattharaṇādīnaṃ visuṃ paccuddharaṇavidhiṃ dasseti. Paccattharaṇādināmena pana adhiṭṭhātabbattā ‘‘imaṃ paccattharaṇaṃ paccuddharāmī’’tiādinā vuttepi nevatthi doso. Puna adhiṭṭhātabbānīti saṅghāṭiādināmena adhiṭṭhātabbāni. Parikkhāracoḷakassa pana parikkhāracoḷavasena adhiṭṭhahitvā ṭhapitavatthehipi saṅghāṭiādimhi kate paccuddharitvā puna adhiṭṭhātabbanti natthi. Pubbe katādhiṭṭhānameva adhiṭṭhānaṃ. Adhiṭṭhitena pana tena saddhiṃ mahantatarameva dutiyaṃ paṭṭaṃ vā khaṇḍaṃ vā saṃsibbantena adhiṭṭhātabbaṃ, same vā khuddake vā adhiṭṭhānakiccaṃ natthi. Sukhaparibhogatthanti vippavāsadosābhāvato yattha katthaci ṭhapetvā dhammassavanādinā kiccena aññattha aruṇaṃ uṭṭhāpetvā āgantvā nissajjanaṃ vināva paribhuñjituṃ sakkuṇeyyatāya sukhaparibhogatthaṃ. Parikkhāracoḷaṃ adhiṭṭhātunti parikkhāracoḷaṃ katvā adhiṭṭhātuṃ.
อนติริตฺตปมาณาติ ‘‘ทีฆโส ฉ วิทตฺถิโย สุคตวิทตฺถิยา, ติริยํ อฑฺฒเตยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๕๔๓) วุตฺตปฺปมาณโต อนธิกปมาณาฯ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกเปฺปตพฺพาติ วสฺสิกสาฎิกภาวโต อปเนตฺวา วิกเปฺปตพฺพา, เหมนฺตสฺส ปฐมทิวสโต ปฎฺฐาย อโนฺตทสาเห วสฺสิกสาฎิกาวสฺสิกสาฎิกภาวโต อปเนตฺวา ‘‘อิมํ จีวรํ ตุยฺหํ วิกเปฺปมี’’ติอาทินา นเยน วิกเปฺปตพฺพาติ วุตฺตํ โหติฯ อญฺญถา หิ ‘‘วสฺสิกสาฎิกา วสฺสานมาสาติกฺกเมนาปิ, กณฺฑุปฎิจฺฉาทิ อาพาธวูปสเมนาปิ อธิฎฺฐานํ วิชหตี’’ติ (กงฺขา. อฎฺฐ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา) วกฺขมานตฺตา วสฺสานมาสโต ปรํ อสติ อธิฎฺฐาเน กิํ ปจฺจุทฺธเรยฺยาติ ‘‘ปจฺจุทฺธริตฺวา’’ติ วจนเมว โนปปเชฺชยฺยฯ
Anatirittapamāṇāti ‘‘dīghaso cha vidatthiyo sugatavidatthiyā, tiriyaṃ aḍḍhateyyā’’ti (pāci. 543) vuttappamāṇato anadhikapamāṇā. Paccuddharitvā vikappetabbāti vassikasāṭikabhāvato apanetvā vikappetabbā, hemantassa paṭhamadivasato paṭṭhāya antodasāhe vassikasāṭikāvassikasāṭikabhāvato apanetvā ‘‘imaṃ cīvaraṃ tuyhaṃ vikappemī’’tiādinā nayena vikappetabbāti vuttaṃ hoti. Aññathā hi ‘‘vassikasāṭikā vassānamāsātikkamenāpi, kaṇḍupaṭicchādi ābādhavūpasamenāpi adhiṭṭhānaṃ vijahatī’’ti (kaṅkhā. aṭṭha. kathinasikkhāpadavaṇṇanā) vakkhamānattā vassānamāsato paraṃ asati adhiṭṭhāne kiṃ paccuddhareyyāti ‘‘paccuddharitvā’’ti vacanameva nopapajjeyya.
เกจิ ปน (สารตฺถ. ฎี. ๒.๔๖๙) ‘‘ยถา กถินมาสพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนจีวรํ กถินมาสาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ โหติ, เอวมยํ วสฺสิกสาฎิกาปิ วสฺสานมาสาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยา โหติฯ ตสฺมา กตฺติกปุณฺณมทิวเส ปจฺจุทฺธริตฺวา ตโต ปรํ เหมนฺตสฺส ปฐมทิวเส วิกเปฺปตพฺพาติ เอวมโตฺถ คเหตโพฺพ, ปจฺจุทฺธริตฺวา ตโต ปรํ วิกเปฺปตพฺพาติ ปทโยชนา เวทิตพฺพา’’ติ จ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํฯ กถินมาเส อุปฺปนฺนญฺหิ จีวรํ อติเรกจีวรฎฺฐาเน ฐิตตฺตา อวสานทิวเส อนธิฎฺฐิตํ กถินมาสาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ อยํ ปน วสฺสิกสาฎิกา อธิฎฺฐหิตฺวา ฐปิตตฺตา น เตน สทิสาติ วสฺสานาติกฺกเม กถํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ อนธิฎฺฐิตอวิกปฺปิตเมว หิ ตํ กาลาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ โหติ, ตสฺมา เหมเนฺตปิ วสฺสิกสาฎิกา ทสาหปริหารํ ลภติฯ เอวํ กณฺฑุปฎิจฺฉาทิปิ อธิฎฺฐานวิชหนโต ปรํ ทสาหปริหารํ ลภติฯ ทสาหํ ปน อนติกฺกาเมตฺวา วิกเปฺปตพฺพาฯ นหานตฺถาย อนุญฺญาตตฺตา วณฺณเภทมตฺตรตฺตาปิ เจสา วฎฺฎตีติ วุตฺตํฯ ‘‘เทฺว ปน น วฎฺฎนฺตี’’ติ ทฺวินฺนํ อธิฎฺฐานาภาวโต วุตฺตํ ฯ ‘‘สเจ วสฺสาเน อปรา วสฺสิกสาฎิกา อุปฺปนฺนา โหติ, ปุริมวสฺสิกสาฎิกํ ปจฺจุทฺธริตฺวา, วิกเปฺปตฺวา จ อธิฎฺฐาตพฺพา’’ติ วทนฺติฯ
Keci pana (sārattha. ṭī. 2.469) ‘‘yathā kathinamāsabbhantare uppannacīvaraṃ kathinamāsātikkame nissaggiyaṃ hoti, evamayaṃ vassikasāṭikāpi vassānamāsātikkame nissaggiyā hoti. Tasmā kattikapuṇṇamadivase paccuddharitvā tato paraṃ hemantassa paṭhamadivase vikappetabbāti evamattho gahetabbo, paccuddharitvā tato paraṃ vikappetabbāti padayojanā veditabbā’’ti ca vadanti, taṃ na yuttaṃ. Kathinamāse uppannañhi cīvaraṃ atirekacīvaraṭṭhāne ṭhitattā avasānadivase anadhiṭṭhitaṃ kathinamāsātikkame nissaggiyaṃ hoti. Ayaṃ pana vassikasāṭikā adhiṭṭhahitvā ṭhapitattā na tena sadisāti vassānātikkame kathaṃ nissaggiyaṃ hoti anadhiṭṭhitaavikappitameva hi taṃ kālātikkame nissaggiyaṃ hoti, tasmā hemantepi vassikasāṭikā dasāhaparihāraṃ labhati. Evaṃ kaṇḍupaṭicchādipi adhiṭṭhānavijahanato paraṃ dasāhaparihāraṃ labhati. Dasāhaṃ pana anatikkāmetvā vikappetabbā. Nahānatthāya anuññātattā vaṇṇabhedamattarattāpi cesā vaṭṭatīti vuttaṃ. ‘‘Dve pana na vaṭṭantī’’ti dvinnaṃ adhiṭṭhānābhāvato vuttaṃ . ‘‘Sace vassāne aparā vassikasāṭikā uppannā hoti, purimavassikasāṭikaṃ paccuddharitvā, vikappetvā ca adhiṭṭhātabbā’’ti vadanti.
ปมาณยุตฺตนฺติ ‘‘ทีฆโส สุคตวิทตฺถิยา เทฺว วิทตฺถิโย, วิตฺถารโต ทิยฑฺฒํ ทสา วิทตฺถี’’ติ (ปาจิ. ๕๓๑ อาทโย) อิมินา ปมาเณน ยุตฺตํฯ ปมาณิกาติ ‘‘สุคตวิทตฺถิยา ทีฆโส จตโสฺส วิทตฺถิโย, ติริยํ เทฺว วิทตฺถิโย’’ติ เอวํ วุตฺตปฺปมาณยุตฺตาฯ ปจฺจุทฺธริตฺวา วิกเปฺปตพฺพาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ ยสฺมา ภิกฺขูนํ ติจีวเร ปริปุเณฺณ, อเตฺถ จ สติ ปริสฺสาวนาทีหิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปริกฺขารโจฬก’’นฺติ (มหาว. ๓๕๗) พหูนํ ปตฺตตฺถวิกปริสฺสาวนาทีนํ สงฺคหวเสน ปริกฺขารโจฬาธิฎฺฐานมนุญฺญาตํ, ตสฺมา ‘‘ปริกฺขารโจเฬ คณนา นตฺถี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ภควตา หิ ยํ ยํ ภิกฺขู ลภนฺติ, ตํ ตํ อิมินา วิธาเนน อธิฎฺฐหิตฺวา ปุน ‘‘เยน เยน ปริสฺสาวนาทินา อโตฺถ โหติ, ตํ ตํ กตฺวา คณฺหนฺตู’’ติ อนุกมฺปาย อนุญฺญาตํฯ เตเนวาห ‘‘ถวิกาปี’’ติอาทิฯ อาทิสเทฺทน ‘‘เอตานิ จีวรานิ ปริกฺขารโจฬานิ อธิฎฺฐามี’’ติ อสมฺมุขาธิฎฺฐานํ สงฺคณฺหาติฯ ‘‘เสนาสนปริกฺขารตฺถาย ทินฺนปจฺจตฺถรเณ จา’’ติ อิมินา อตฺตโน สนฺตกํ ปฎิกฺขิปติฯ เกจิ ปน (สารตฺถ. ฎี. ๒.๔๖๙) ‘‘อนิวาเสตฺวา, อปารุปิตฺวา จ เกวลํ ปญฺจปีเฐสุเยว อตฺถริตฺวา ปริภุญฺชิยมานํ ปจฺจตฺถรณํ อตฺตโน สนฺตกมฺปิ อนธิฎฺฐิตํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติ, ตํ อยุตฺตํ เสนาสนปริกฺขารตฺถาย ทินฺน’’นฺติ ปจฺจตฺถรณสฺส วิเสสิตตฺตาฯ ภิสิพิโพฺพหนปาวารโกชวานมฺปิ เสนาสนปริกฺขารโตเยว อธิฎฺฐานกิจฺจํ นตฺถีติ เวทิตพฺพํฯ
Pamāṇayuttanti ‘‘dīghaso sugatavidatthiyā dve vidatthiyo, vitthārato diyaḍḍhaṃ dasā vidatthī’’ti (pāci. 531 ādayo) iminā pamāṇena yuttaṃ. Pamāṇikāti ‘‘sugatavidatthiyā dīghaso catasso vidatthiyo, tiriyaṃ dve vidatthiyo’’ti evaṃ vuttappamāṇayuttā. Paccuddharitvā vikappetabbāti ettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Yasmā bhikkhūnaṃ ticīvare paripuṇṇe, atthe ca sati parissāvanādīhi ‘‘anujānāmi, bhikkhave, parikkhāracoḷaka’’nti (mahāva. 357) bahūnaṃ pattatthavikaparissāvanādīnaṃ saṅgahavasena parikkhāracoḷādhiṭṭhānamanuññātaṃ, tasmā ‘‘parikkhāracoḷe gaṇanā natthī’’tiādi vuttaṃ. Bhagavatā hi yaṃ yaṃ bhikkhū labhanti, taṃ taṃ iminā vidhānena adhiṭṭhahitvā puna ‘‘yena yena parissāvanādinā attho hoti, taṃ taṃ katvā gaṇhantū’’ti anukampāya anuññātaṃ. Tenevāha ‘‘thavikāpī’’tiādi. Ādisaddena ‘‘etāni cīvarāni parikkhāracoḷāni adhiṭṭhāmī’’ti asammukhādhiṭṭhānaṃ saṅgaṇhāti. ‘‘Senāsanaparikkhāratthāya dinnapaccattharaṇe cā’’ti iminā attano santakaṃ paṭikkhipati. Keci pana (sārattha. ṭī. 2.469) ‘‘anivāsetvā, apārupitvā ca kevalaṃ pañcapīṭhesuyeva attharitvā paribhuñjiyamānaṃ paccattharaṇaṃ attano santakampi anadhiṭṭhitaṃ vaṭṭatī’’ti vadanti, taṃ ayuttaṃ senāsanaparikkhāratthāya dinna’’nti paccattharaṇassa visesitattā. Bhisibibbohanapāvārakojavānampi senāsanaparikkhāratoyeva adhiṭṭhānakiccaṃ natthīti veditabbaṃ.
อธิฎฺฐิตญฺจ ปเนตํ จีวรํ ปริภุญฺชโต กถํ อธิฎฺฐานํ วิชหตีติ อาห ‘‘สพฺพญฺจ ปเนต’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ อจฺฉินฺทิตฺวา คหเณนาติ โจราทีหิ อจฺฉินฺทิตฺวา คหเณนฯ หีนายาวตฺตเนนาติ คิหิภาวาย อาวตฺตเนน, วิพฺภเมนาติ อโตฺถ, ‘‘สีลวโนฺตว หุตฺวา คิหี ภวิสฺสามี’’ติ เสตวตฺถนิวาสเนนาติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘อนฺติมวตฺถุํ อชฺฌาปนฺนสฺส เสตวตฺถนิวาโส วา กาสายจชนํ วา หีนายาวตฺตน’’นฺติ เกจิฯ ‘‘‘หีนายาวตฺตเนนา’ติ อิมินา ภิกฺขุนิยา เอว อธิฎฺฐานวิชหนํ คหิตํ โหติฯ สา หิ ยทา วิพฺภมติ, ตทา อสฺสมณี โหติฯ ภิกฺขุ ปน วิพฺภมโนฺตปิ ยาว สิกฺขํ น ปจฺจกฺขาติ, ตาว ภิกฺขุเยวาติ อธิฎฺฐานํ น วิชหตี’’ติ อปเรฯ สิกฺขาปจฺจกฺขาเนนาติ ลิเงฺค ฐิตเสฺสว สิกฺขาย ปจฺจกฺขาเนนฯ โย หิ ภิกฺขุลิเงฺค ฐิโตว สิกฺขํ ปจฺจกฺขาติ, ตสฺส กายลคฺคมฺปิ จีวรํ อธิฎฺฐานํ วิชหตีติฯ กาลงฺกิริยายาติ มรเณนฯ ลิงฺคปริวตฺตเนนาติ ปุริสลิงฺคสฺส , อิตฺถิลิงฺคสฺส วา ปริวตฺตเนน, ปุริสสฺส อิตฺถิลิงฺคปาตุภาเวน, อิตฺถิยา วา ปุริสลิงฺคปาตุภาเวนาติ วุตฺตํ โหติฯ
Adhiṭṭhitañca panetaṃ cīvaraṃ paribhuñjato kathaṃ adhiṭṭhānaṃ vijahatīti āha ‘‘sabbañca paneta’’ntiādi. Tattha acchinditvā gahaṇenāti corādīhi acchinditvā gahaṇena. Hīnāyāvattanenāti gihibhāvāya āvattanena, vibbhamenāti attho, ‘‘sīlavantova hutvā gihī bhavissāmī’’ti setavatthanivāsanenāti vuttaṃ hoti. ‘‘Antimavatthuṃ ajjhāpannassa setavatthanivāso vā kāsāyacajanaṃ vā hīnāyāvattana’’nti keci. ‘‘‘Hīnāyāvattanenā’ti iminā bhikkhuniyā eva adhiṭṭhānavijahanaṃ gahitaṃ hoti. Sā hi yadā vibbhamati, tadā assamaṇī hoti. Bhikkhu pana vibbhamantopi yāva sikkhaṃ na paccakkhāti, tāva bhikkhuyevāti adhiṭṭhānaṃ na vijahatī’’ti apare. Sikkhāpaccakkhānenāti liṅge ṭhitasseva sikkhāya paccakkhānena. Yo hi bhikkhuliṅge ṭhitova sikkhaṃ paccakkhāti, tassa kāyalaggampi cīvaraṃ adhiṭṭhānaṃ vijahatīti. Kālaṅkiriyāyāti maraṇena. Liṅgaparivattanenāti purisaliṅgassa , itthiliṅgassa vā parivattanena, purisassa itthiliṅgapātubhāvena, itthiyā vā purisaliṅgapātubhāvenāti vuttaṃ hoti.
กนิฎฺฐงฺคุลินขปิฎฺฐิปฺปมาเณนาติ เหฎฺฐิมปริเจฺฉทํ ทเสฺสติฯ โอรโตติ อพฺภนฺตรโตฯ โย ปน ทุพฺพลฎฺฐาเน ปฐมํ อคฺคฬํ ทตฺวา ปจฺฉา ทุพฺพลฎฺฐานํ ฉินฺทิตฺวา อปเนติ, อธิฎฺฐานํ น ภิชฺชติฯ มณฺฑลปริวตฺตเนปิ เอเสว นโยฯ ทุปฎฺฎสฺส ปน เอกสฺมิํ ปฎเล ฉิเทฺท วา ชาเต, คลิเต วา อธิฎฺฐานํ น ภิชฺชติฯ ขุทฺทกํ จีวรํ มหนฺตํ กโรติ, มหนฺตํ วา ขุทฺทกํ กโรติ, อธิฎฺฐานํ น ภิชฺชติฯ อุโภ โกฎิโย มเชฺฌ กโรโนฺต สเจ ปน ปฐมํ ฉินฺทิตฺวา ปจฺฉา ฆเฎติ, อธิฎฺฐานํ ภิชฺชติฯ อถ ฆเฎตฺวา ฉินฺทติ, น ภิชฺชติฯ รชเกหิ โธวาเปตฺวา เสตํ กโรนฺตสฺสาปิ อธิฎฺฐานํ อธิฎฺฐานเมวฯ วสฺสานมาสาติกฺกเมนาปีติ เอตฺถ ปิ-สโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถฯ เตน น เกวลํ ปุเพฺพ วุเตฺตน ทานาทินา อฎฺฐวิเธเนว การเณน วสฺสิกสาฎิกา อธิฎฺฐานํ วิชหติ, อถ โข วสฺสานมาสาติกฺกเมนปีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เอส นโย อาพาธวูปสเมนาปีติ เอตฺถาปิฯ วิกปฺปนสิกฺขาปเทติ (ปาจิ. ๓๗๒ อาทโย) ปาจิตฺติเย สุราปานวคฺคสฺส นวมสิกฺขาปเทฯ
Kaniṭṭhaṅgulinakhapiṭṭhippamāṇenāti heṭṭhimaparicchedaṃ dasseti. Oratoti abbhantarato. Yo pana dubbalaṭṭhāne paṭhamaṃ aggaḷaṃ datvā pacchā dubbalaṭṭhānaṃ chinditvā apaneti, adhiṭṭhānaṃ na bhijjati. Maṇḍalaparivattanepi eseva nayo. Dupaṭṭassa pana ekasmiṃ paṭale chidde vā jāte, galite vā adhiṭṭhānaṃ na bhijjati. Khuddakaṃ cīvaraṃ mahantaṃ karoti, mahantaṃ vā khuddakaṃ karoti, adhiṭṭhānaṃ na bhijjati. Ubho koṭiyo majjhe karonto sace pana paṭhamaṃ chinditvā pacchā ghaṭeti, adhiṭṭhānaṃ bhijjati. Atha ghaṭetvā chindati, na bhijjati. Rajakehi dhovāpetvā setaṃ karontassāpi adhiṭṭhānaṃ adhiṭṭhānameva. Vassānamāsātikkamenāpīti ettha pi-saddo sampiṇḍanattho. Tena na kevalaṃ pubbe vuttena dānādinā aṭṭhavidheneva kāraṇena vassikasāṭikā adhiṭṭhānaṃ vijahati, atha kho vassānamāsātikkamenapīti evamettha attho daṭṭhabbo. Esa nayo ābādhavūpasamenāpīti etthāpi. Vikappanasikkhāpadeti (pāci. 372 ādayo) pācittiye surāpānavaggassa navamasikkhāpade.
ตํ อติกฺกามยโตติ เอตฺถ ตนฺติ จีวรํ, กาลํ วา ปรามสตีติ อาห ‘‘ตํ ยถาวุตฺตชาติปฺปมาณ’’นฺติอาทิฯ อสฺสาติ ภิกฺขุสฺสฯ ตสฺส โย อรุโณติ ตสฺส จีวรุปฺปาททิวสสฺส โย อติกฺกโนฺต อรุโณฯ จีวรุปฺปาททิวเสน สทฺธินฺติ จีวรุปฺปาททิวสสฺส อรุเณน สทฺธิํฯ ทิวสสเทฺทน เจตฺถ ตํทิวสนิสฺสิโต อรุโณ วุโตฺตฯ อิทานิ ยสฺส จ นิสฺสชฺชิตพฺพํ, ยถา จ นิสฺสชฺชิตพฺพํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตํ คเหตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺรายํ นโยติ ตสฺมิํ นิสฺสชฺชเน อยํ วิธิฯ อญฺญถาปีติ ภาสนฺตเรนาปิ, ยาย กายจิ ภาสายปีติ อโตฺถฯ ปฎิพเลนาติ วตฺตุํ สมเตฺถนฯ อายติํ สํวเรยฺยาสีติ อุปริ สํวรมาปเชฺชยฺยาสิ, สํวุตกายวจีทฺวาโร ภเวยฺยาสีติ อโตฺถฯ อิมานิ จ ‘‘ปสฺสสี’’ติอาทีนิ ยถากฺกมํ ปฎิคฺคาหกเทสเกหิ วตฺตพฺพวจนานิฯ ตถา หิ ‘‘ปสฺสสี’’ติ ปฎิคฺคาหเกน วตฺตพฺพวจนํ, ‘‘อาม ปสฺสามี’’ติ ตทนุเทสเกน วตฺตพฺพวจนํฯ ‘‘อายติํ สํวเรยฺยาสี’’ติ ตทนุปฺปฎิคฺคาหเกน วตฺตพฺพวจนํ, ‘‘สาธุ สุฎฺฐุ สํวริสฺสามี’’ติ ตทนุเทสเกน วตฺตพฺพวจนํฯ อิมินา จ อตฺตโน อายติํ สํวเร ปติฎฺฐิตภาวํ ทเสฺสติฯ ทฺวีสุ, ปน สมฺพหุลาสุ วาติ ทฺวีสุ วา สมฺพหุลาสุ วา อาปตฺตีสุ ปุริมนเยเนว วจนเภโท กาตโพฺพฯ ญตฺติยํ อาปตฺติํ สรติ วิวรตีติ เอตฺถ ‘‘เทฺว อาปตฺติโย’’ติ วา ‘‘สมฺพหุลา อาปตฺติโย’’ติ วา วจนเภโท กาตโพฺพฯ ทฺวีสุ, พหูสุ วา วจนเภโท กาตโพฺพติ ‘‘สโงฺฆ อิมานิ จีวรานี’’ติ วตฺถุวเสน วจนเภโท กาตโพฺพฯ
Taṃ atikkāmayatoti ettha tanti cīvaraṃ, kālaṃ vā parāmasatīti āha ‘‘taṃ yathāvuttajātippamāṇa’’ntiādi. Assāti bhikkhussa. Tassa yo aruṇoti tassa cīvaruppādadivasassa yo atikkanto aruṇo. Cīvaruppādadivasena saddhinti cīvaruppādadivasassa aruṇena saddhiṃ. Divasasaddena cettha taṃdivasanissito aruṇo vutto. Idāni yassa ca nissajjitabbaṃ, yathā ca nissajjitabbaṃ, taṃ dassetuṃ ‘‘taṃ gahetvā’’tiādi vuttaṃ. Tatrāyaṃ nayoti tasmiṃ nissajjane ayaṃ vidhi. Aññathāpīti bhāsantarenāpi, yāya kāyaci bhāsāyapīti attho. Paṭibalenāti vattuṃ samatthena. Āyatiṃ saṃvareyyāsīti upari saṃvaramāpajjeyyāsi, saṃvutakāyavacīdvāro bhaveyyāsīti attho. Imāni ca ‘‘passasī’’tiādīni yathākkamaṃ paṭiggāhakadesakehi vattabbavacanāni. Tathā hi ‘‘passasī’’ti paṭiggāhakena vattabbavacanaṃ, ‘‘āma passāmī’’ti tadanudesakena vattabbavacanaṃ. ‘‘Āyatiṃ saṃvareyyāsī’’ti tadanuppaṭiggāhakena vattabbavacanaṃ, ‘‘sādhu suṭṭhu saṃvarissāmī’’ti tadanudesakena vattabbavacanaṃ. Iminā ca attano āyatiṃ saṃvare patiṭṭhitabhāvaṃ dasseti. Dvīsu, pana sambahulāsu vāti dvīsu vā sambahulāsu vā āpattīsu purimanayeneva vacanabhedo kātabbo. Ñattiyaṃ āpattiṃ sarati vivaratīti ettha ‘‘dve āpattiyo’’ti vā ‘‘sambahulā āpattiyo’’ti vā vacanabhedo kātabbo. Dvīsu, bahūsu vā vacanabhedo kātabboti ‘‘saṅgho imāni cīvarānī’’ti vatthuvasena vacanabhedo kātabbo.
เอวํ สงฺฆสฺส นิสฺสชฺชนวิธิํ ทเสฺสตฺวา คณสฺส นิสฺสชฺชนวิธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘คณสฺส ปน นิสฺสชฺชเนฺตนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ นิสฺสชฺชนาปตฺติปฺปฎิคฺคหณนิสฺสฎฺฐจีวรทาเนสุ ‘‘อายสฺมนฺตาน’’นฺติอาทินา วุตฺตวจนเภทํ วินา อวเสสํ สงฺฆสฺส นิสฺสชฺชนาทีสุ วุตฺตสทิสเมวาติ อโตฺถฯ
Evaṃ saṅghassa nissajjanavidhiṃ dassetvā gaṇassa nissajjanavidhiṃ dassetuṃ ‘‘gaṇassa pana nissajjantenā’’tiādimāha. Tattha sesaṃ purimasadisamevāti nissajjanāpattippaṭiggahaṇanissaṭṭhacīvaradānesu ‘‘āyasmantāna’’ntiādinā vuttavacanabhedaṃ vinā avasesaṃ saṅghassa nissajjanādīsu vuttasadisamevāti attho.
อิทานิ ปุคฺคลสฺส นิสฺสชฺชนวิธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปุคฺคลสฺส ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ทฺวีสุ, ตีสุ วาติ ทฺวีสุ, ตีสุ วา อาปตฺตีสุ เจว ทาตพฺพจีวเรสุ จฯ ยถา จ คณสฺส นิสฺสชฺชเน, เอวํ ทฺวินฺนํ นิสฺสชฺชเนปิ ปาฬิ เวทิตพฺพาฯ ยทิ หิ วิเสโส ภเวยฺย, ยเถว ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติณฺณํ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กาตุํ, เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, กาตโพฺพ – พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน เต ภิกฺขู ญาเปตพฺพา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๖๘) นเยน ติณฺณํ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ วตฺวา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทฺวินฺนํ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ กาตุํ, เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, กตฺตโพฺพ – เถเรน ภิกฺขุนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺค’’นฺติอาทินา นเยน วิสุํเยว ทฺวินฺนํ ปาริสุทฺธิอุโปสโถ วุโตฺต, เอวํ อิธาปิ วิสุํ ปาฬิํ วเทยฺยฯ ยสฺมา ปน นตฺถิ, ตสฺมา อวตฺวาว คโตติ คณสฺส วุตฺตา ปาฬิเยเวตฺถ ปาฬิฯ อาปตฺติปฺปฎิคฺคหเณ ปน อยํ วิเสโส – ยถา คณสฺส นิสฺสชฺชิตฺวา อาปตฺติยา เทสิยมานาย อาปตฺติปฺปฎิคฺคาหโก ภิกฺขุ ญตฺติํ ฐเปติ, เอวํ อฎฺฐเปตฺวา ทฺวีสุ อญฺญตเรน ยถา เอกปุคฺคโล ปฎิคฺคณฺหาติ, เอวํ อาปตฺติ ปฎิคฺคเหตพฺพาฯ ทฺวินฺนญฺหิ ญตฺติฎฺฐปนํ นาม นตฺถิฯ ยทิ สิยา, ทฺวินฺนํ ปาริสุทฺธิอุโปสถํ วิสุํ น วเทยฺยฯ นิสฺสฎฺฐจีวรทาเนปิ ยถา ‘‘อิมํ จีวรํ อายสฺมโต ทมฺมี’’ติ เอโก วทติ, เอวํ ‘‘มยํ อิมํ จีวรํ อายสฺมโต เทมา’’ติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ อิโต ครุกตรานิปิ หิ ญตฺติทุติยกมฺมานิ อปโลเกตฺวา กาตพฺพานีติ วุตฺตานิ อตฺถิ, เตสํ เอตํ อนุโลมํฯ เตเนวาห ‘‘ทฺวินฺนํ ปนา’’ติอาทิฯ นิสฺสฎฺฐจีวรํ ปน ทาตพฺพเมว, อทาตุํ น ลพฺภติฯ วินยกมฺมมตฺตเมว เหตํฯ น ตํ เตน สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา ทินฺนเมว โหติฯ เตนาห ‘‘นิสฺสฎฺฐวตฺถุ’’นฺติอาทิฯ
Idāni puggalassa nissajjanavidhiṃ dassetuṃ ‘‘puggalassa panā’’tiādi vuttaṃ. Tattha dvīsu, tīsu vāti dvīsu, tīsu vā āpattīsu ceva dātabbacīvaresu ca. Yathā ca gaṇassa nissajjane, evaṃ dvinnaṃ nissajjanepi pāḷi veditabbā. Yadi hi viseso bhaveyya, yatheva ‘‘anujānāmi, bhikkhave, tiṇṇaṃ pārisuddhiuposathaṃ kātuṃ, evañca pana, bhikkhave, kātabbo – byattena bhikkhunā paṭibalena te bhikkhū ñāpetabbā’’tiādinā (mahāva. 168) nayena tiṇṇaṃ pārisuddhiuposathaṃ vatvā ‘‘anujānāmi, bhikkhave, dvinnaṃ pārisuddhiuposathaṃ kātuṃ, evañca pana, bhikkhave, kattabbo – therena bhikkhunā ekaṃsaṃ uttarāsaṅga’’ntiādinā nayena visuṃyeva dvinnaṃ pārisuddhiuposatho vutto, evaṃ idhāpi visuṃ pāḷiṃ vadeyya. Yasmā pana natthi, tasmā avatvāva gatoti gaṇassa vuttā pāḷiyevettha pāḷi. Āpattippaṭiggahaṇe pana ayaṃ viseso – yathā gaṇassa nissajjitvā āpattiyā desiyamānāya āpattippaṭiggāhako bhikkhu ñattiṃ ṭhapeti, evaṃ aṭṭhapetvā dvīsu aññatarena yathā ekapuggalo paṭiggaṇhāti, evaṃ āpatti paṭiggahetabbā. Dvinnañhi ñattiṭṭhapanaṃ nāma natthi. Yadi siyā, dvinnaṃ pārisuddhiuposathaṃ visuṃ na vadeyya. Nissaṭṭhacīvaradānepi yathā ‘‘imaṃ cīvaraṃ āyasmato dammī’’ti eko vadati, evaṃ ‘‘mayaṃ imaṃ cīvaraṃ āyasmato demā’’ti vattuṃ vaṭṭati. Ito garukatarānipi hi ñattidutiyakammāni apaloketvā kātabbānīti vuttāni atthi, tesaṃ etaṃ anulomaṃ. Tenevāha ‘‘dvinnaṃ panā’’tiādi. Nissaṭṭhacīvaraṃ pana dātabbameva, adātuṃ na labbhati. Vinayakammamattameva hetaṃ. Na taṃ tena saṅghassa vā gaṇassa vā puggalassa vā dinnameva hoti. Tenāha ‘‘nissaṭṭhavatthu’’ntiādi.
อนิสฺสชฺชิตฺวา ปริภุญฺชนฺตสฺส ทุกฺกฎนฺติ สกิํ นิวตฺถํ วา สกิํ ปารุตํ วา กายโต อโมเจตฺวา ทิวสมฺปิ จรติ, เอกเมว ทุกฺกฎํฯ โมเจตฺวา นิวาเสติ วา ปารุปติ วา, ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฎํฯ ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา สณฺฐาเปนฺตสฺส อนาปตฺติฯ อญฺญสฺส ตํ ปริภุญฺชโตปิ อนาปตฺติฯ ‘‘อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชตี’’ติอาทิวจนเญฺจตฺถ (ปารา. ๕๗๐) สาธกํฯ ทสาหํ อนติกฺกเนฺตปิ อติกฺกนฺตสญฺญิโน, เวมติกสฺส จ ทุกฺกฎนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘ปริภุญฺชนฺตสฺสา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อติกฺกเนฺต อนติกฺกนฺตสญฺญิโนปีติ ทสาหํ อติกฺกเนฺต จีวเร ‘‘อนติกฺกนฺตํ อิท’’นฺติ เอวํ สญฺญิโน, ทสาเห วา อติกฺกเนฺต ‘‘อนติกฺกโนฺต ทสาโห’’ติ เอวํ สญฺญิโนฯ
Anissajjitvāparibhuñjantassa dukkaṭanti sakiṃ nivatthaṃ vā sakiṃ pārutaṃ vā kāyato amocetvā divasampi carati, ekameva dukkaṭaṃ. Mocetvā nivāseti vā pārupati vā, payoge payoge dukkaṭaṃ. Dunnivatthaṃ vā duppārutaṃ vā saṇṭhāpentassa anāpatti. Aññassa taṃ paribhuñjatopi anāpatti. ‘‘Aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjatī’’tiādivacanañcettha (pārā. 570) sādhakaṃ. Dasāhaṃ anatikkantepi atikkantasaññino, vematikassa ca dukkaṭanti etthāpi ‘‘paribhuñjantassā’’ti ānetvā sambandhitabbaṃ. Atikkante anatikkantasaññinopīti dasāhaṃ atikkante cīvare ‘‘anatikkantaṃ ida’’nti evaṃ saññino, dasāhe vā atikkante ‘‘anatikkanto dasāho’’ti evaṃ saññino.
อิทานิ ‘‘อนธิฎฺฐิเต อธิฎฺฐิตสญฺญิโน นิสฺสคฺคิย’’นฺติอาทิอาปตฺติวารํ สงฺคเหตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘ตถา’’ติอาทิมาหฯ ตถาติ ยถา ทสาหํ อติกฺกเนฺต สญฺญาเภเทน ติกปาจิตฺติยํ, ตถา อนธิฎฺฐิตาทีสุ สตฺตสุ วิกเปฺปสุ อธิฎฺฐิตาทิสญฺญาเภทโตติ อโตฺถฯ ตตฺถ อวิสฺสชฺชิเต วิสฺสชฺชิตสญฺญิโนติ กสฺสจิ อทิเนฺน อปริจฺจเตฺต ‘‘ทินฺนํ ปริจฺจตฺตํ มยา’’ติ เอวํ สญฺญิโนฯ อนเฎฺฐ นฎฺฐสญฺญิโนติ อตฺตโน จีวเรน สทฺธิํ พหูนิ อเญฺญสํ จีวรานิ เอกโต ฐปิตานิ, ตานิ เจ โจรา หรนฺติ, ตเตฺรส อตฺตโน จีวเร อนเฎฺฐ นฎฺฐสญฺญี โหติ, ตสฺส นฎฺฐสญฺญิโนฯ เอส นโย อวินฎฺฐาทีสุปิฯ อวิลุเตฺตติ เอตฺถ ปน คพฺภํ ภินฺทิตฺวา ปสยฺหาวหารวเสน อวิลุเตฺตติ เวทิตพฺพํฯ
Idāni ‘‘anadhiṭṭhite adhiṭṭhitasaññino nissaggiya’’ntiādiāpattivāraṃ saṅgahetvā dassento ‘‘tathā’’tiādimāha. Tathāti yathā dasāhaṃ atikkante saññābhedena tikapācittiyaṃ, tathā anadhiṭṭhitādīsu sattasu vikappesu adhiṭṭhitādisaññābhedatoti attho. Tattha avissajjite vissajjitasaññinoti kassaci adinne apariccatte ‘‘dinnaṃ pariccattaṃ mayā’’ti evaṃ saññino. Anaṭṭhe naṭṭhasaññinoti attano cīvarena saddhiṃ bahūni aññesaṃ cīvarāni ekato ṭhapitāni, tāni ce corā haranti, tatresa attano cīvare anaṭṭhe naṭṭhasaññī hoti, tassa naṭṭhasaññino. Esa nayo avinaṭṭhādīsupi. Avilutteti ettha pana gabbhaṃ bhinditvā pasayhāvahāravasena avilutteti veditabbaṃ.
วิสฺสชฺชิเตติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๖๙) อญฺญสฺส ทิเนฺนฯ กถํ ปน ทินฺนํ โหติ, กถํ คหิตํ? ‘‘อิมํ ตุยฺหํ เทมิ, ททามิ, ทชฺชามิ, โอโณเชมิ, ปริจฺจชามิ, วิสฺสชฺชามิ, นิสฺสชฺชามี’’ติ วา วทติ, ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส เทมิ…เป.… นิสฺสชฺชามี’’ติ วา วทติ, สมฺมุขาปิ ปรมฺมุขาปิ ทินฺนํเยว โหติฯ ‘‘ตุยฺหํ คณฺหาหี’’ติ วุเตฺต ‘‘มยฺหํ คณฺหามี’’ติ วทติ, สุทินฺนํ, สุคฺคหิตญฺจฯ ‘‘ตว สนฺตกํ กโรหิ, ตว สนฺตกํ โหตุ, ตว สนฺตกํ กริสฺสสี’’ติ วุเตฺต ‘‘มม สนฺตกํ กโรมิ, มม สนฺตกํ โหตุ, มม สนฺตกํ กริสฺสามี’’ติ วทติ, ทุทฺทินฺนํ, ทุคฺคหิตญฺจฯ เนว ทาตา ทาตุํ ชานาติ, น อิตโร คเหตุํฯ สเจ ปน ‘‘ตว สนฺตกํ กโรหี’’ติ วุเตฺต ‘‘สาธุ, ภเนฺต, มยฺหํ คณฺหามี’’ติ คณฺหาติ, สุคฺคหิตํ, สเจ ปน เอโก ‘‘คณฺหาหี’’ติ วทติ, อิตโร ‘‘น คณฺหามี’’ติ วทติ, ปุน โส ‘‘ทินฺนํ มยา ตุยฺหํ, คณฺหาหี’’ติ วทติ, อิตโรปิ ‘‘น มยฺหํ อิมินา อโตฺถ’’ติ วทติฯ ตโต ปุริโมปิ ‘‘มยา ทินฺน’’นฺติ ทสาหํ อติกฺกาเมติ, ปจฺฉิโมปิ ‘‘มยา ปฎิกฺขิตฺต’’นฺติ, กสฺสาปตฺตีติ? น กสฺสจิฯ ยสฺส ปน รุจฺจติ, เตน อธิฎฺฐหิตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ โย ปน อธิฎฺฐาเน เวมติโก, เตน กิํ กาตพฺพํ? เวมติกภาวํ อาโรเจตฺวา ‘‘สเจ อนธิฎฺฐิตํ ภวิสฺสติ, เอวํ เม กปฺปิยํ โหตี’’ติ วตฺวา วุตฺตนเยเนว นิสฺสชฺชิตพฺพํฯ น หิ เอวํ ชานาเปตฺวา วินยกมฺมํ กโรนฺตสฺส มุสาวาโท โหติฯ
Vissajjiteti (pārā. aṭṭha. 2.469) aññassa dinne. Kathaṃ pana dinnaṃ hoti, kathaṃ gahitaṃ? ‘‘Imaṃ tuyhaṃ demi, dadāmi, dajjāmi, oṇojemi, pariccajāmi, vissajjāmi, nissajjāmī’’ti vā vadati, ‘‘itthannāmassa demi…pe… nissajjāmī’’ti vā vadati, sammukhāpi parammukhāpi dinnaṃyeva hoti. ‘‘Tuyhaṃ gaṇhāhī’’ti vutte ‘‘mayhaṃ gaṇhāmī’’ti vadati, sudinnaṃ, suggahitañca. ‘‘Tava santakaṃ karohi, tava santakaṃ hotu, tava santakaṃ karissasī’’ti vutte ‘‘mama santakaṃ karomi, mama santakaṃ hotu, mama santakaṃ karissāmī’’ti vadati, duddinnaṃ, duggahitañca. Neva dātā dātuṃ jānāti, na itaro gahetuṃ. Sace pana ‘‘tava santakaṃ karohī’’ti vutte ‘‘sādhu, bhante, mayhaṃ gaṇhāmī’’ti gaṇhāti, suggahitaṃ, sace pana eko ‘‘gaṇhāhī’’ti vadati, itaro ‘‘na gaṇhāmī’’ti vadati, puna so ‘‘dinnaṃ mayā tuyhaṃ, gaṇhāhī’’ti vadati, itaropi ‘‘na mayhaṃ iminā attho’’ti vadati. Tato purimopi ‘‘mayā dinna’’nti dasāhaṃ atikkāmeti, pacchimopi ‘‘mayā paṭikkhitta’’nti, kassāpattīti? Na kassaci. Yassa pana ruccati, tena adhiṭṭhahitvā paribhuñjitabbaṃ. Yo pana adhiṭṭhāne vematiko, tena kiṃ kātabbaṃ? Vematikabhāvaṃ ārocetvā ‘‘sace anadhiṭṭhitaṃ bhavissati, evaṃ me kappiyaṃ hotī’’ti vatvā vuttanayeneva nissajjitabbaṃ. Na hi evaṃ jānāpetvā vinayakammaṃ karontassa musāvādo hoti.
ยถา จ อิทํ, เอวํ อิโต ปรานิปีติ ยถา อิทํ อติเรกจีวรธารณสิกฺขาปทํ อาจารวิปตฺติ, เอวํ อิโต ปรานิปิ สิกฺขาปทานิ อาจารวิปตฺติเยวาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อุภโตปาติโมเกฺขสู’’ติอาทิฯ อาชีววิปตฺติปจฺจยา ปน ฐเปตฺวา ทุพฺภาสิตํ ฉ อาปตฺติกฺขนฺธา ปญฺญตฺตาติ –
Yathāca idaṃ, evaṃ ito parānipīti yathā idaṃ atirekacīvaradhāraṇasikkhāpadaṃ ācāravipatti, evaṃ ito parānipi sikkhāpadāni ācāravipattiyevāti attho. Tenāha ‘‘ubhatopātimokkhesū’’tiādi. Ājīvavipattipaccayā pana ṭhapetvā dubbhāsitaṃ cha āpattikkhandhā paññattāti –
‘‘อาชีวเหตุ อาชีวการณา ปาปิโจฺฉ อิจฺฉาปกโต อสนฺตํ อภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อุลฺลปติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ อาชีวเหตุ อาชีวการณา สญฺจริตฺตํ สมาปชฺชติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ อาชีวเหตุ อาชีวการณา ‘โย เต วิหาเร วสติ, โส ภิกฺขุ อรหา’ติ ภณติ, ปฎิวิชานนฺตสฺส อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ อาชีวเหตุ อาชีวการณา ภิกฺขุ ปณีตโภชนานิ อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อาชีวเหตุ อาชีวการณา ภิกฺขุนี ปณีตโภชนานิ อคิลานา อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ปาฎิเทสนียสฺสฯ อาชีวเหตุ อาชีวการณา ภิกฺขุ สูปํ วา โอทนํ วา อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (ปริ. ๒๘๗) –
‘‘Ājīvahetu ājīvakāraṇā pāpiccho icchāpakato asantaṃ abhūtaṃ uttarimanussadhammaṃ ullapati, āpatti pārājikassa. Ājīvahetu ājīvakāraṇā sañcarittaṃ samāpajjati, āpatti saṅghādisesassa. Ājīvahetu ājīvakāraṇā ‘yo te vihāre vasati, so bhikkhu arahā’ti bhaṇati, paṭivijānantassa āpatti thullaccayassa. Ājīvahetu ājīvakāraṇā bhikkhu paṇītabhojanāni agilāno attano atthāya viññāpetvā bhuñjati, āpatti pācittiyassa. Ājīvahetu ājīvakāraṇā bhikkhunī paṇītabhojanāni agilānā attano atthāya viññāpetvā bhuñjati, āpatti pāṭidesanīyassa. Ājīvahetu ājīvakāraṇā bhikkhu sūpaṃ vā odanaṃ vā agilāno attano atthāya viññāpetvā bhuñjati, āpatti dukkaṭassā’’ti (pari. 287) –
เอวํ ปาราชิกาทิวเสน ฐเปตฺวา ทุพฺภาสิตํ อาชีววิปตฺติปจฺจยา ฉ อาปตฺติกฺขนฺธา ปญฺญตฺตาฯ ทิฎฺฐิวิปตฺติปจฺจยา ปาจิตฺติยทุกฺกฎวเสน เทฺว อาปตฺติกฺขนฺธา ปญฺญตฺตาติ สมนุภาสนาย ปาปิกาย ทิฎฺฐิยา อปฺปฎินิสฺสชฺชเน ญตฺติยา ทุกฺกฎํ, กมฺมวาจาปริโยสาเน ปาจิตฺติยนฺติ เอวํ ทิฎฺฐิวิปตฺติปจฺจยา ปาจิตฺติยทุกฺกฎวเสน เทฺว อาปตฺติกฺขนฺธา ปญฺญตฺตาฯ เอตฺถาติ วิปตฺติกถาสุฯ
Evaṃ pārājikādivasena ṭhapetvā dubbhāsitaṃ ājīvavipattipaccayā cha āpattikkhandhā paññattā. Diṭṭhivipattipaccayā pācittiyadukkaṭavasena dve āpattikkhandhā paññattāti samanubhāsanāya pāpikāya diṭṭhiyā appaṭinissajjane ñattiyā dukkaṭaṃ, kammavācāpariyosāne pācittiyanti evaṃ diṭṭhivipattipaccayā pācittiyadukkaṭavasena dve āpattikkhandhā paññattā. Etthāti vipattikathāsu.
คณนุปคตาติ ทิวสคณนํ อุปคตภาโวฯ อเญฺญหิ ‘‘อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส เทมา’’ติ ปรหเตฺถ ทินฺนมฺปิ ‘‘น ตาว ตํ คณนุปคํ, ยาว น หตฺถํ คจฺฉตี’’ติ (มหาว. ๒๕๙) จมฺมกฺขนฺธเก วุตฺตตฺตา ยาว อาหริตฺวา วา น ทินฺนํ, ‘‘ตุมฺหากํ, ภเนฺต, จีวรํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ปหิณิตฺวา วา อนาโรจิตํ, ตาว ทิวสคณนํ น อุเปติ, อนธิฎฺฐิตํ วฎฺฎติฯ ยทา ปน อาเนตฺวา ทินฺนํ โหติ, ‘‘อุปฺปนฺน’’นฺติ วา สุตํ, ตโต ปฎฺฐาย คณนุปคํ โหติ, อโนฺตทสาเห อธิฎฺฐาตพฺพํฯ กถินสญฺญิตํ สมุฎฺฐานมสฺสาติ กถินสมุฎฺฐานํ, ตติยฉฎฺฐสมุฎฺฐานวเสน ทฺวิสมุฎฺฐานนฺติ อโตฺถฯ กายวาจาหิ กตฺตพฺพอธิฎฺฐานวิกปฺปนานํ อกรเณน กายวาจโต, จิเตฺต ปน สติ กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฎฺฐาตีติ วุตฺตํ โหติฯ อนธิฎฺฐานาวิกปฺปนวเสน อาปชฺชนโต อกิริยํฯ อชานโนฺตปิ อาปชฺชตีติ โนสญฺญาวิโมกฺขํฯ กายทฺวาเร จ วจีทฺวาเร จ กตฺตพฺพากรณโต กายกมฺมํ วจีกมฺมํฯ
Gaṇanupagatāti divasagaṇanaṃ upagatabhāvo. Aññehi ‘‘imaṃ cīvaraṃ itthannāmassa demā’’ti parahatthe dinnampi ‘‘na tāva taṃ gaṇanupagaṃ, yāva na hatthaṃ gacchatī’’ti (mahāva. 259) cammakkhandhake vuttattā yāva āharitvā vā na dinnaṃ, ‘‘tumhākaṃ, bhante, cīvaraṃ uppanna’’nti pahiṇitvā vā anārocitaṃ, tāva divasagaṇanaṃ na upeti, anadhiṭṭhitaṃ vaṭṭati. Yadā pana ānetvā dinnaṃ hoti, ‘‘uppanna’’nti vā sutaṃ, tato paṭṭhāya gaṇanupagaṃ hoti, antodasāhe adhiṭṭhātabbaṃ. Kathinasaññitaṃ samuṭṭhānamassāti kathinasamuṭṭhānaṃ, tatiyachaṭṭhasamuṭṭhānavasena dvisamuṭṭhānanti attho. Kāyavācāhi kattabbaadhiṭṭhānavikappanānaṃ akaraṇena kāyavācato, citte pana sati kāyavācācittato ca samuṭṭhātīti vuttaṃ hoti. Anadhiṭṭhānāvikappanavasena āpajjanato akiriyaṃ. Ajānantopi āpajjatīti nosaññāvimokkhaṃ. Kāyadvāre ca vacīdvāre ca kattabbākaraṇato kāyakammaṃ vacīkammaṃ.
กถินสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kathinasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.