Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปริวาร-อฎฺฐกถา • Parivāra-aṭṭhakathā |
อนฺตรเปยฺยาลํ
Antarapeyyālaṃ
กติปุจฺฉาวารวณฺณนา
Katipucchāvāravaṇṇanā
๒๗๑. อิทานิ อาปตฺติอาทิโกฎฺฐาเสสุ โกสลฺลชนนตฺถํ ‘‘กติ อาปตฺติโย’’ติอาทินา นเยน มาติกํ ฐเปตฺวา นิเทฺทสปฺปฎินิเทฺทสวเสน วิภโงฺค วุโตฺตฯ
271. Idāni āpattiādikoṭṭhāsesu kosallajananatthaṃ ‘‘kati āpattiyo’’tiādinā nayena mātikaṃ ṭhapetvā niddesappaṭiniddesavasena vibhaṅgo vutto.
ตตฺถ กติ อาปตฺติโยติ มาติกาย จ วิภเงฺค จ อาคตาปตฺติปุจฺฉาฯ เอส นโย ทุติยปเทปิฯ เกวลเญฺหตฺถ อาปตฺติโย เอว ราสิวเสน ขนฺธาติ วุตฺตาฯ วินีตวตฺถูนีติ ตาสํ อาปตฺตีนํ วินยปุจฺฉา; ‘‘วินีตํ วินโย วูปสโม’’ติ อิทญฺหิ อตฺถโต เอกํ, วินีตานิเยว วินีตวตฺถูนีติ อยเมตฺถ ปทโตฺถฯ อิทานิ เยสุ สติ อาปตฺติโย โหนฺติ, อสติ น โหนฺติ, เต ทเสฺสตุํ ‘‘กติ อคารวา’’ติ ปุจฺฉาทฺวยํฯ วินีตวตฺถูนีติ อยํ ปน เตสํ อคารวานํ วินยปุจฺฉาฯ ยสฺมา ปน ตา อาปตฺติโย วิปตฺติํ อาปตฺตา นาม นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘กติ วิปตฺติโย’’ติ อยํ อาปตฺตีนํ วิปตฺติภาวปุจฺฉาฯ กติ อาปตฺติสมุฎฺฐานานีติ ตาสํเยว อาปตฺตีนํ สมุฎฺฐานปุจฺฉาฯ วิวาทมูลานิ อนุวาทมูลานีติ อิมา ‘‘วิวาทาธิกรณํ อนุวาทาธิกรณ’’นฺติ อาคตานํ วิวาทานุวาทานํ มูลปุจฺฉาฯ สารณียา ธมฺมาติ วิวาทานุวาทมูลานํ อภาวกรธมฺมปุจฺฉาฯ เภทกรวตฺถูนีติ อยํ ‘‘เภทนสํวตฺตนิกํ วา อธิกรณ’’นฺติอาทีสุ วุตฺตเภทกรณปุจฺฉาฯ อธิกรณานีติ เภทกรวตฺถูสุ สติ อุปฺปชฺชนธมฺมปุจฺฉาฯ สมถาติ เตสํเยว วูปสมนธมฺมปุจฺฉาฯ ปญฺจ อาปตฺติโยติ มาติกาย อาคตวเสน วุตฺตาฯ สตฺตาติ วิภเงฺค อาคตวเสนฯ
Tattha kati āpattiyoti mātikāya ca vibhaṅge ca āgatāpattipucchā. Esa nayo dutiyapadepi. Kevalañhettha āpattiyo eva rāsivasena khandhāti vuttā. Vinītavatthūnīti tāsaṃ āpattīnaṃ vinayapucchā; ‘‘vinītaṃ vinayo vūpasamo’’ti idañhi atthato ekaṃ, vinītāniyeva vinītavatthūnīti ayamettha padattho. Idāni yesu sati āpattiyo honti, asati na honti, te dassetuṃ ‘‘kati agāravā’’ti pucchādvayaṃ. Vinītavatthūnīti ayaṃ pana tesaṃ agāravānaṃ vinayapucchā. Yasmā pana tā āpattiyo vipattiṃ āpattā nāma natthi, tasmā ‘‘kati vipattiyo’’ti ayaṃ āpattīnaṃ vipattibhāvapucchā. Kati āpattisamuṭṭhānānīti tāsaṃyeva āpattīnaṃ samuṭṭhānapucchā. Vivādamūlāni anuvādamūlānīti imā ‘‘vivādādhikaraṇaṃ anuvādādhikaraṇa’’nti āgatānaṃ vivādānuvādānaṃ mūlapucchā. Sāraṇīyā dhammāti vivādānuvādamūlānaṃ abhāvakaradhammapucchā. Bhedakaravatthūnīti ayaṃ ‘‘bhedanasaṃvattanikaṃ vā adhikaraṇa’’ntiādīsu vuttabhedakaraṇapucchā. Adhikaraṇānīti bhedakaravatthūsu sati uppajjanadhammapucchā. Samathāti tesaṃyeva vūpasamanadhammapucchā. Pañca āpattiyoti mātikāya āgatavasena vuttā. Sattāti vibhaṅge āgatavasena.
อารกา เอเตหิ รมตีติ อารติ; ภุสา วา รติ อารติฯ วินา เอเตหิ รมตีติ วิรติ ฯ ปเจฺจกํ ปเจฺจกํ วิรมตีติ ปฎิวิรติฯ เวรํ มณติ วินาเสตีติ เวรมณีฯ น เอตาย เอเต อาปตฺติกฺขนฺธา กรียนฺตีติ อกิริยาฯ ยํ เอตาย อสติ อาปตฺติกฺขนฺธกรณํ อุปฺปเชฺชยฺย, ตสฺส ปฎิปกฺขโต อกรณํฯ อาปตฺติกฺขนฺธอชฺฌาปตฺติยา ปฎิปกฺขโต อนชฺฌาปตฺติฯ เวลนโต เวลา; จลยนโต วินาสนโตติ อโตฺถ ฯ นิยฺยานํ สิโนติ พนฺธติ นิวาเรตีติ เสตุฯ อาปตฺติกฺขนฺธานเมตํ อธิวจนํฯ โส เสตุ เอตาย ปญฺญตฺติยา หญฺญตีติ เสตุฆาโตฯ เสสวินีตวตฺถุนิเทฺทเสสุปิ เอเสว นโยฯ
Ārakā etehi ramatīti ārati; bhusā vā rati ārati. Vinā etehi ramatīti virati. Paccekaṃ paccekaṃ viramatīti paṭivirati. Veraṃ maṇati vināsetīti veramaṇī. Na etāya ete āpattikkhandhā karīyantīti akiriyā. Yaṃ etāya asati āpattikkhandhakaraṇaṃ uppajjeyya, tassa paṭipakkhato akaraṇaṃ. Āpattikkhandhaajjhāpattiyā paṭipakkhato anajjhāpatti. Velanato velā; calayanato vināsanatoti attho . Niyyānaṃ sinoti bandhati nivāretīti setu. Āpattikkhandhānametaṃ adhivacanaṃ. So setu etāya paññattiyā haññatīti setughāto. Sesavinītavatthuniddesesupi eseva nayo.
พุเทฺธ อคารวาทีสุ โย พุเทฺธ ธรมาเน อุปฎฺฐานํ น คจฺฉติ, ปรินิพฺพุเต เจติยฎฺฐานํ โพธิฎฺฐานํ น คจฺฉติ, เจติยํ วา โพธิํ วา น วนฺทติ, เจติยงฺคเณ สฉโตฺต สอุปาหโน จรติ, นเตฺถตสฺส พุเทฺธ คารโวติ เวทิตโพฺพฯ โย ปน สโกฺกโนฺตเยว ธมฺมสฺสวนํ น คจฺฉติ, สรภญฺญํ น ภณติ, ธมฺมกถํ น กเถติ, ธมฺมสฺสวนคฺคํ ภินฺทิตฺวา คจฺฉติ, วิกฺขิโตฺต วา อนาทโร วา นิสีทติ, นเตฺถตสฺส ธเมฺม คารโวฯ โย เถรนวมชฺฌิเมสุ จิตฺตีการํ น ปจฺจุปฎฺฐาเปติ, อุโปสถาคารวิตกฺกมาฬกาทีสุ กายปฺปาคพฺภิยํ ทเสฺสติ, ยถาวุฑฺฒํ น วนฺทติ, นเตฺถตสฺส สเงฺฆ คารโวฯ ติโสฺส สิกฺขา สมาทาย อสิกฺขมาโนเยว ปน สิกฺขาย อคารโวติ เวทิตโพฺพฯ ปมาเท จ สติวิปฺปวาเส ติฎฺฐมาโนเยว อปฺปมาทลกฺขณํ อพฺรูหยมาโน อปฺปมาเท อคารโวติ เวทิตโพฺพฯ ตถา อามิสปฺปฎิสนฺถารํ ธมฺมปฺปฎิสนฺถารนฺติ อิมํ ทุวิธํ ปฎิสนฺถารํ อกโรโนฺตเยว ปฎิสนฺถาเร อคารโวติ เวทิตโพฺพฯ คารวนิเทฺทเส วุตฺตวิปริยาเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Buddhe agāravādīsu yo buddhe dharamāne upaṭṭhānaṃ na gacchati, parinibbute cetiyaṭṭhānaṃ bodhiṭṭhānaṃ na gacchati, cetiyaṃ vā bodhiṃ vā na vandati, cetiyaṅgaṇe sachatto saupāhano carati, natthetassa buddhe gāravoti veditabbo. Yo pana sakkontoyeva dhammassavanaṃ na gacchati, sarabhaññaṃ na bhaṇati, dhammakathaṃ na katheti, dhammassavanaggaṃ bhinditvā gacchati, vikkhitto vā anādaro vā nisīdati, natthetassa dhamme gāravo. Yo theranavamajjhimesu cittīkāraṃ na paccupaṭṭhāpeti, uposathāgāravitakkamāḷakādīsu kāyappāgabbhiyaṃ dasseti, yathāvuḍḍhaṃ na vandati, natthetassa saṅghe gāravo. Tisso sikkhā samādāya asikkhamānoyeva pana sikkhāya agāravoti veditabbo. Pamāde ca sativippavāse tiṭṭhamānoyeva appamādalakkhaṇaṃ abrūhayamāno appamāde agāravoti veditabbo. Tathā āmisappaṭisanthāraṃ dhammappaṭisanthāranti imaṃ duvidhaṃ paṭisanthāraṃ akarontoyeva paṭisanthāre agāravoti veditabbo. Gāravaniddese vuttavipariyāyena attho veditabbo.
๒๗๒. วิวาทมูลนิเทฺทเส ‘‘สตฺถริปิ อคารโว’’ติอาทีนํ พุเทฺธ อคารวาทีสุ วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อปฺปติโสฺสติ อนีจวุตฺติ; น สตฺถารํ เชฎฺฐกํ กตฺวา วิหรติฯ อชฺฌตฺตํ วาติ อตฺตโน สนฺตาเน วา อตฺตโน ปเกฺข วา; สกาย ปริสายาติ อโตฺถฯ พหิทฺธา วาติ ปรสนฺตาเน วา ปรปเกฺข วาฯ ตตฺร ตุเมฺหติ ตสฺมิํ อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภเท สปรสนฺตาเน วา สปรปริสาย วาฯ ปหานาย วายเมยฺยาถาติ เมตฺตาภาวนาทีหิ นเยหิ ปหานตฺถํ วายเมยฺยาถ; เมตฺตาภาวนาทินเยน หิ ตํ อชฺฌตฺตมฺปิ พหิทฺธาปิ ปหียติฯ อนวสฺสวายาติ อปฺปวตฺติภาวายฯ
272. Vivādamūlaniddese ‘‘sattharipi agāravo’’tiādīnaṃ buddhe agāravādīsu vuttanayeneva attho veditabbo. Appatissoti anīcavutti; na satthāraṃ jeṭṭhakaṃ katvā viharati. Ajjhattaṃ vāti attano santāne vā attano pakkhe vā; sakāya parisāyāti attho. Bahiddhā vāti parasantāne vā parapakkhe vā. Tatra tumheti tasmiṃ ajjhattabahiddhābhede saparasantāne vā saparaparisāya vā. Pahānāya vāyameyyāthāti mettābhāvanādīhi nayehi pahānatthaṃ vāyameyyātha; mettābhāvanādinayena hi taṃ ajjhattampi bahiddhāpi pahīyati. Anavassavāyāti appavattibhāvāya.
สนฺทิฎฺฐิปรามาสีติ สกเมว ทิฎฺฐิํ ปรามสติ; ยํ อตฺตนา ทิฎฺฐิคตํ คหิตํ, อิทเมว สจฺจนฺติ คณฺหาติ ฯ อาธานคฺคาหีติ ทฬฺหคฺคาหีฯ
Sandiṭṭhiparāmāsīti sakameva diṭṭhiṃ parāmasati; yaṃ attanā diṭṭhigataṃ gahitaṃ, idameva saccanti gaṇhāti . Ādhānaggāhīti daḷhaggāhī.
๒๗๓. อนุวาทมูลนิเทฺทโส กิญฺจาปิ วิวาทมูลนิเทฺทเสเนว สมาโน, อถ โข อฎฺฐารส เภทกรวตฺถูนิ นิสฺสาย วิวทนฺตานํ โกธูปนาหาทโย วิวาทมูลานิฯ ตถา วิวทนฺตา ปน สีลวิปตฺติอาทีสุ อญฺญตรวิปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา ‘‘อสุโก ภิกฺขุ อสุกํ นาม วิปตฺติํ อาปโนฺน’’ติ วา, ‘‘ปาราชิกํ อาปโนฺนสิ, สงฺฆาทิเสสํ อาปโนฺนสี’’ติ วา อนุวทนฺติฯ เอวํ อนุวทนฺตานํ โกธูปนาหาทโย อนุวาทมูลานีติ อยเมตฺถ วิเสโสฯ
273. Anuvādamūlaniddeso kiñcāpi vivādamūlaniddeseneva samāno, atha kho aṭṭhārasa bhedakaravatthūni nissāya vivadantānaṃ kodhūpanāhādayo vivādamūlāni. Tathā vivadantā pana sīlavipattiādīsu aññataravipattiṃ āpajjitvā ‘‘asuko bhikkhu asukaṃ nāma vipattiṃ āpanno’’ti vā, ‘‘pārājikaṃ āpannosi, saṅghādisesaṃ āpannosī’’ti vā anuvadanti. Evaṃ anuvadantānaṃ kodhūpanāhādayo anuvādamūlānīti ayamettha viseso.
๒๗๔. สารณียธมฺมนิเทฺทเส เมตฺตจิเตฺตน กตํ กายกมฺมํ เมตฺตํ กายกมฺมํ นามฯ อาวิ เจว รโห จาติ สมฺมุขา จ ปรมฺมุขา จฯ ตตฺถ นวกานํ จีวรกมฺมาทีสุ สหายภาวคมนํ สมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นามฯ เถรานํ ปน ปาทโธวนพีชนวาตทานาทิเภทมฺปิ สพฺพํ สามีจิกมฺมํ สมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นามฯ อุภเยหิปิ ทุนฺนิกฺขิตฺตานํ ทารุภณฺฑาทีนํ เตสุ อวมญฺญํ อกตฺวา อตฺตนา ทุนฺนิกฺขิตฺตานํ วิย ปฎิสามนํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นามฯ อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโยติ อยํ เมตฺตากายกมฺมสงฺขาโต ธโมฺม สริตโพฺพ สติชนโก; โย นํ กโรติ, ตํ ปุคฺคลํ; เยสํ กโต โหติ, เต ปสนฺนจิตฺตา ‘‘อโห สปฺปุริโส’’ติ อนุสฺสรนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ ปิยกรโณติ ตํ ปุคฺคลํ สพฺรหฺมจารีนํ ปิยํ กโรติฯ ครุกรโณติ ตํ ปุคฺคลํ สพฺรหฺมจารีนํ ครุํ กโรติฯ สงฺคหายาติอาทีสุ สพฺรหฺมจารีหิ สงฺคเหตพฺพภาวายฯ เตหิ สทฺธิํ อวิวาทาย สมคฺคภาวาย เอกีภาวาย จ สํวตฺตติฯ
274. Sāraṇīyadhammaniddese mettacittena kataṃ kāyakammaṃ mettaṃ kāyakammaṃ nāma. Āvi ceva raho cāti sammukhā ca parammukhā ca. Tattha navakānaṃ cīvarakammādīsu sahāyabhāvagamanaṃ sammukhā mettaṃ kāyakammaṃ nāma. Therānaṃ pana pādadhovanabījanavātadānādibhedampi sabbaṃ sāmīcikammaṃ sammukhā mettaṃ kāyakammaṃ nāma. Ubhayehipi dunnikkhittānaṃ dārubhaṇḍādīnaṃ tesu avamaññaṃ akatvā attanā dunnikkhittānaṃ viya paṭisāmanaṃ parammukhā mettaṃ kāyakammaṃ nāma. Ayampi dhammo sāraṇīyoti ayaṃ mettākāyakammasaṅkhāto dhammo saritabbo satijanako; yo naṃ karoti, taṃ puggalaṃ; yesaṃ kato hoti, te pasannacittā ‘‘aho sappuriso’’ti anussarantīti adhippāyo. Piyakaraṇoti taṃ puggalaṃ sabrahmacārīnaṃ piyaṃ karoti. Garukaraṇoti taṃ puggalaṃ sabrahmacārīnaṃ garuṃ karoti. Saṅgahāyātiādīsu sabrahmacārīhi saṅgahetabbabhāvāya. Tehi saddhiṃ avivādāya samaggabhāvāya ekībhāvāya ca saṃvattati.
เมตฺตํ วจีกมฺมนฺติอาทีสุ เทวเตฺถโร ติสฺสเตฺถโรติ เอวํ ปคฺคยฺห วจนํ สมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นามฯ วิหาเร อสเนฺต ปน ตํ ปฎิปุจฺฉนฺตสฺส ‘‘กุหิํ อมฺหากํ เทวเตฺถโร, กุหิํ อมฺหากํ ติสฺสเตฺถโร, กทา นุ โข อาคมิสฺสตี’’ติ เอวํ มมายนวจนํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นามฯ เมตฺตาสิเนหสินิทฺธานิ ปน นยนานิ อุมฺมีเลตฺวา ปสเนฺนน มุเขน โอโลกนํ สมฺมุขา เมตฺตํ มโนกมฺมํ นามฯ ‘‘เทวเตฺถโร ติสฺสเตฺถโร อโรโค โหตุ, อปฺปาพาโธ’’ติ สมนฺนาหรณํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ มโนกมฺมํ นามฯ
Mettaṃ vacīkammantiādīsu devatthero tissattheroti evaṃ paggayha vacanaṃ sammukhā mettaṃ vacīkammaṃ nāma. Vihāre asante pana taṃ paṭipucchantassa ‘‘kuhiṃ amhākaṃ devatthero, kuhiṃ amhākaṃ tissatthero, kadā nu kho āgamissatī’’ti evaṃ mamāyanavacanaṃ parammukhā mettaṃ vacīkammaṃ nāma. Mettāsinehasiniddhāni pana nayanāni ummīletvā pasannena mukhena olokanaṃ sammukhā mettaṃ manokammaṃ nāma. ‘‘Devatthero tissatthero arogo hotu, appābādho’’ti samannāharaṇaṃ parammukhā mettaṃ manokammaṃ nāma.
อปฺปฎิวิภตฺตโภคีติ เนว อามิสํ ปฎิวิภชิตฺวา ภุญฺชติ, น ปุคฺคลํฯ โย หิ ‘‘เอตฺตกํ ปเรสํ ทสฺสามิ, เอตฺตกํ อตฺตนา ภุญฺชิสฺสามิ, เอตฺตกํ วา อสุกสฺส จ อสุกสฺส จ ทสฺสามิ, เอตฺตกํ อตฺตนา ภุญฺชิสฺสามี’’ติ วิภชิตฺวา ภุญฺชติ, อยํ ปฎิวิภตฺตโภคี นามฯ อยํ ปน เอวํ อกตฺวา อาภตํ ปิณฺฑปาตํ เถราสนโต ปฎฺฐาย ทตฺวา คหิตาวเสสํ ภุญฺชติฯ ‘‘สีลวเนฺตหี’’ติ วจนโต ทุสฺสีลสฺส อทาตุมฺปิ วฎฺฎติ, สารณียธมฺมปูรเกน ปน สเพฺพสํ ทาตพฺพเมวาติ วุตฺตํฯ คิลาน-คิลานุปฎฺฐาก-อาคนฺตุก-คมิกจีวรกมฺมาทิปสุตานํ วิเจยฺย ทาตุมฺปิ วฎฺฎติฯ น หิ เอเต วิจินิตฺวา เทเนฺตน ปุคฺคลวิภาโค กโต โหติ, อีทิสานญฺหิ กิจฺฉลาภตฺตา วิเสโส กาตโพฺพเยวาติ อยํ กโรติฯ
Appaṭivibhattabhogīti neva āmisaṃ paṭivibhajitvā bhuñjati, na puggalaṃ. Yo hi ‘‘ettakaṃ paresaṃ dassāmi, ettakaṃ attanā bhuñjissāmi, ettakaṃ vā asukassa ca asukassa ca dassāmi, ettakaṃ attanā bhuñjissāmī’’ti vibhajitvā bhuñjati, ayaṃ paṭivibhattabhogī nāma. Ayaṃ pana evaṃ akatvā ābhataṃ piṇḍapātaṃ therāsanato paṭṭhāya datvā gahitāvasesaṃ bhuñjati. ‘‘Sīlavantehī’’ti vacanato dussīlassa adātumpi vaṭṭati, sāraṇīyadhammapūrakena pana sabbesaṃ dātabbamevāti vuttaṃ. Gilāna-gilānupaṭṭhāka-āgantuka-gamikacīvarakammādipasutānaṃ viceyya dātumpi vaṭṭati. Na hi ete vicinitvā dentena puggalavibhāgo kato hoti, īdisānañhi kicchalābhattā viseso kātabboyevāti ayaṃ karoti.
อขณฺฑานีติอาทีสุ ยสฺส สตฺตสุ อาปตฺติกฺขเนฺธสุ อาทิมฺหิ วา อเนฺต วา สิกฺขาปทํ ภินฺนํ โหติ, ตสฺส สีลํ ปริยเนฺต ฉินฺนสาฎโก วิย ขณฺฑํ นามฯ ยสฺส ปน เวมเชฺฌ ภินฺนํ, ตสฺส มเชฺฌ ฉิทฺทสาฎโก วิย ฉิทฺทํ นาม โหติฯ ยสฺส ปฎิปาฎิยา เทฺว ตีณิ ภินฺนานิ, ตสฺส ปิฎฺฐิยํ วา กุจฺฉิยํ วา อุฎฺฐิเตน วิสภาควเณฺณน กาฬรตฺตาทีนํ อญฺญตรสรีรวณฺณา คาวี วิย สพลํ นาม โหติฯ ยสฺส อนฺตรนฺตรา ภินฺนานิ, ตสฺส อนฺตรนฺตรา วิสภาควณฺณพินฺทุวิจิตฺรา คาวี วิย กมฺมาสํ นาม โหติฯ ยสฺส ปน สเพฺพน สพฺพํ อภินฺนานิ สีลานิ, ตสฺส ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ นาม โหนฺติฯ ตานิ ปเนตานิ ภุชิสฺสภาวกรณโต ภุชิสฺสานิฯ วิญฺญูหิ ปสตฺถตฺตา วิญฺญุปฺปสตฺถานิฯ ตณฺหาทิฎฺฐีหิ อปรามฎฺฐตฺตา อปรามฎฺฐานิฯ อุปจารสมาธิํ อปฺปนาสมาธิํ วา สํวตฺตยนฺตีติ สมาธิสํวตฺตนิกานีติ วุจฺจนฺติฯ สีลสามญฺญคโต วิหรตีติ เตสุ เตสุ ทิสาภาเคสุ วิหรเนฺตหิ กลฺยาณสีเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ สมานภาวูปคตสีโล วิหรติฯ
Akhaṇḍānītiādīsu yassa sattasu āpattikkhandhesu ādimhi vā ante vā sikkhāpadaṃ bhinnaṃ hoti, tassa sīlaṃ pariyante chinnasāṭako viya khaṇḍaṃ nāma. Yassa pana vemajjhe bhinnaṃ, tassa majjhe chiddasāṭako viya chiddaṃ nāma hoti. Yassa paṭipāṭiyā dve tīṇi bhinnāni, tassa piṭṭhiyaṃ vā kucchiyaṃ vā uṭṭhitena visabhāgavaṇṇena kāḷarattādīnaṃ aññatarasarīravaṇṇā gāvī viya sabalaṃ nāma hoti. Yassa antarantarā bhinnāni, tassa antarantarā visabhāgavaṇṇabinduvicitrā gāvī viya kammāsaṃ nāma hoti. Yassa pana sabbena sabbaṃ abhinnāni sīlāni, tassa tāni sīlāni akhaṇḍāni acchiddāni asabalāni akammāsāni nāma honti. Tāni panetāni bhujissabhāvakaraṇato bhujissāni. Viññūhi pasatthattā viññuppasatthāni. Taṇhādiṭṭhīhi aparāmaṭṭhattā aparāmaṭṭhāni. Upacārasamādhiṃ appanāsamādhiṃ vā saṃvattayantīti samādhisaṃvattanikānīti vuccanti. Sīlasāmaññagato viharatīti tesu tesu disābhāgesu viharantehi kalyāṇasīlehi bhikkhūhi saddhiṃ samānabhāvūpagatasīlo viharati.
ยายํ ทิฎฺฐีติ มคฺคสมฺปยุตฺตา สมฺมาทิฎฺฐิฯ อริยาติ นิโทฺทสาฯ นิยฺยาตีติ นิยฺยานิกาฯ ตกฺกรสฺสาติ โย ตถาการี โหติ, ตสฺสฯ ทุกฺขกฺขยายาติ สพฺพทุกฺขสฺส ขยตฺถํฯ เสสํ ยาว สมถเภทปริโยสานา อุตฺตานตฺถเมวฯ
Yāyaṃ diṭṭhīti maggasampayuttā sammādiṭṭhi. Ariyāti niddosā. Niyyātīti niyyānikā. Takkarassāti yo tathākārī hoti, tassa. Dukkhakkhayāyāti sabbadukkhassa khayatthaṃ. Sesaṃ yāva samathabhedapariyosānā uttānatthameva.
กติปุจฺฉาวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Katipucchāvāravaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / ปริวารปาฬิ • Parivārapāḷi / กติปุจฺฉาวาโร • Katipucchāvāro
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / กติปุจฺฉาวารวณฺณนา • Katipucchāvāravaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / กติปุจฺฉาวารวณฺณนา • Katipucchāvāravaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / กติปุจฺฉาวารวณฺณนา • Katipucchāvāravaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / อนฺตรเปยฺยาล กติปุจฺฉาวารวณฺณนา • Antarapeyyāla katipucchāvāravaṇṇanā