Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
๗. กฎฺฐหาริชาตกวณฺณนา
7. Kaṭṭhahārijātakavaṇṇanā
ปุโตฺต ตฺยาหํ มหาราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต วาสภขตฺติยํ อารพฺภ กเถสิฯ วาสภขตฺติยาย วตฺถุ ทฺวาทสกนิปาเต ภทฺทสาลชาตเก อาวิภวิสฺสติฯ สา กิร มหานามสฺส สกฺกสฺส ธีตา นาคมุณฺฑาย นาม ทาสิยา กุจฺฉิสฺมิํ ชาตา โกสลราชสฺส อคฺคมเหสี อโหสิฯ สา รโญฺญ ปุตฺตํ วิชายิฯ ราชา ปนสฺสา ปจฺฉา ทาสิภาวํ ญตฺวา ฐานํ ปริหาเปสิ, ปุตฺตสฺส วิฎฎูภสฺสาปิ ฐานํ ปริหาเปสิเยวฯ เต อุโภปิ อโนฺตนิเวสเนเยว วสนฺติฯ สตฺถา ตํ การณํ ญตฺวา ปุพฺพณฺหสมเย ปญฺจสตภิกฺขุปริวุโต รโญฺญ นิเวสนํ คนฺตฺวา ปญฺญตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘มหาราช, กหํ วาสภขตฺติยา’’ติ อาหฯ ‘‘ราชา ตํ การณํ อาโรเจสิฯ มหาราช วาสภขตฺติยา กสฺส ธีตา’’ติ? ‘‘มหานามสฺส ภเนฺต’’ติฯ ‘‘อาคจฺฉมานา กสฺส อาคตา’’ติ? ‘‘มยฺหํ ภเนฺต’’ติฯ มหาราช สา รโญฺญ ธีตา, รโญฺญว อาคตา, ราชานํเยว ปฎิจฺจ ปุตฺตํ ลภิ, โส ปุโตฺต กิํการณา ปิตุ สนฺตกสฺส รชฺชสฺส สามิโก น โหติ, ปุเพฺพ ราชาโน มุหุตฺติกาย กฎฺฐหาริกาย กุจฺฉิสฺมิมฺปิ ปุตฺตํ ลภิตฺวา ปุตฺตสฺส รชฺชํ อทํสูติฯ ราชา ตสฺสตฺถสฺสาวิภาวตฺถาย ภควนฺตํ ยาจิ, ภควา ภวนฺตเรน ปฎิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฎํ อกาสิฯ
Puttotyāhaṃ mahārājāti idaṃ satthā jetavane viharanto vāsabhakhattiyaṃ ārabbha kathesi. Vāsabhakhattiyāya vatthu dvādasakanipāte bhaddasālajātake āvibhavissati. Sā kira mahānāmassa sakkassa dhītā nāgamuṇḍāya nāma dāsiyā kucchismiṃ jātā kosalarājassa aggamahesī ahosi. Sā rañño puttaṃ vijāyi. Rājā panassā pacchā dāsibhāvaṃ ñatvā ṭhānaṃ parihāpesi, puttassa viṭaṭūbhassāpi ṭhānaṃ parihāpesiyeva. Te ubhopi antonivesaneyeva vasanti. Satthā taṃ kāraṇaṃ ñatvā pubbaṇhasamaye pañcasatabhikkhuparivuto rañño nivesanaṃ gantvā paññattāsane nisīditvā ‘‘mahārāja, kahaṃ vāsabhakhattiyā’’ti āha. ‘‘Rājā taṃ kāraṇaṃ ārocesi. Mahārāja vāsabhakhattiyā kassa dhītā’’ti? ‘‘Mahānāmassa bhante’’ti. ‘‘Āgacchamānā kassa āgatā’’ti? ‘‘Mayhaṃ bhante’’ti. Mahārāja sā rañño dhītā, raññova āgatā, rājānaṃyeva paṭicca puttaṃ labhi, so putto kiṃkāraṇā pitu santakassa rajjassa sāmiko na hoti, pubbe rājāno muhuttikāya kaṭṭhahārikāya kucchismimpi puttaṃ labhitvā puttassa rajjaṃ adaṃsūti. Rājā tassatthassāvibhāvatthāya bhagavantaṃ yāci, bhagavā bhavantarena paṭicchannaṃ kāraṇaṃ pākaṭaṃ akāsi.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทโตฺต ราชา มหเนฺตน ยเสน อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตตฺถ ปุปฺผผลโลเภน วิจรโนฺต อุยฺยานวนสเณฺฑ คายิตฺวา ทารูนิ อุทฺธรมานํ เอกํ อิตฺถิํ ทิสฺวา ปฎิพทฺธจิโตฺต สํวาสํ กเปฺปสิฯ ตงฺขณเญฺญว โพธิสโตฺต ตสฺสา กุจฺฉิยํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิ, ตาวเทว ตสฺสา วชิรปูริตา วิย ครุกา กุจฺฉิ อโหสิฯ สา คพฺภสฺส ปติฎฺฐิตภาวํ ญตฺวา ‘‘คโพฺภ เม, เทว, ปติฎฺฐิโต’’ติ อาหฯ ราชา องฺคุลิมุทฺทิกํ ทตฺวา ‘‘สเจ ธีตา โหติ, อิมํ วิสฺสเชฺชตฺวา โปเสยฺยาสิ, สเจ ปุโตฺต โหติ, องฺคุลิมุทฺทิกาย สทฺธิํ มม สนฺติกํ อาเนยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatto rājā mahantena yasena uyyānaṃ gantvā tattha pupphaphalalobhena vicaranto uyyānavanasaṇḍe gāyitvā dārūni uddharamānaṃ ekaṃ itthiṃ disvā paṭibaddhacitto saṃvāsaṃ kappesi. Taṅkhaṇaññeva bodhisatto tassā kucchiyaṃ paṭisandhiṃ gaṇhi, tāvadeva tassā vajirapūritā viya garukā kucchi ahosi. Sā gabbhassa patiṭṭhitabhāvaṃ ñatvā ‘‘gabbho me, deva, patiṭṭhito’’ti āha. Rājā aṅgulimuddikaṃ datvā ‘‘sace dhītā hoti, imaṃ vissajjetvā poseyyāsi, sace putto hoti, aṅgulimuddikāya saddhiṃ mama santikaṃ āneyyāsī’’ti vatvā pakkāmi.
สาปิ ปริปกฺกคพฺภา โพธิสตฺตํ วิชายิฯ ตสฺส อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล กีฬามณฺฑเล กีฬนฺตสฺส เอวํ วตฺตาโร โหนฺติ ‘‘นิปฺปิติเกนมฺหา ปหฎา’’ติฯ ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺม, โก มยฺหํ ปิตา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ตาต, ตฺวํ พาราณสิรโญฺญ ปุโตฺต’’ติฯ ‘‘อมฺม, อตฺถิ ปน โกจิ สกฺขี’’ติ? ตาต ราชา อิมํ มุทฺทิกํ ทตฺวา ‘‘สเจ ธีตา โหติ, อิมํ วิสฺสเชฺชตฺวา โปเสยฺยาสิ, สเจ ปุโตฺต โหติ, อิมาย องฺคุลิมุทฺทิกาย สทฺธิํ อาเนยฺยาสี’’ติ วตฺวา คโตติฯ ‘‘อมฺม, เอวํ สเนฺต กสฺมา มํ ปิตุ สนฺติกํ น เนสี’’ติ ฯ สา ปุตฺตสฺส อชฺฌาสยํ ญตฺวา ราชทฺวารํ คนฺตฺวา รโญฺญ อาโรจาเปสิฯ รญฺญา จ ปโกฺกสาปิตา ปวิสิตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘อยํ เต, เทว, ปุโตฺต’’ติ อาหฯ ราชา ชานโนฺตปิ ปริสมเชฺฌ ลชฺชาย ‘‘น มยฺหํ ปุโตฺต’’ติ อาหฯ ‘‘อยํ เต, เทว, มุทฺทิกา, อิมํ สญฺชานาสี’’ติฯ ‘‘อยมฺปิ มยฺหํ มุทฺทิกา น โหตี’’ติฯ ‘‘เทว, อิทานิ ฐเปตฺวา สจฺจกิริยํ อโญฺญ มม สกฺขิ นตฺถิ, สจายํ ทารโก ตุเมฺห ปฎิจฺจ ชาโต, อากาเส ติฎฺฐตุ, โน เจ, ภูมิยํ ปติตฺวา มรตู’’ติ โพธิสตฺตสฺส ปาเท คเหตฺวา อากาเส ขิปิฯ โพธิสโตฺต อากาเส ปลฺลงฺกมาภุชิตฺวา นิสิโนฺน มธุรสฺสเรน ปิตุ ธมฺมํ กเถโนฺต อิมํ คาถมาห –
Sāpi paripakkagabbhā bodhisattaṃ vijāyi. Tassa ādhāvitvā paridhāvitvā vicaraṇakāle kīḷāmaṇḍale kīḷantassa evaṃ vattāro honti ‘‘nippitikenamhā pahaṭā’’ti. Taṃ sutvā bodhisatto mātu santikaṃ gantvā ‘‘amma, ko mayhaṃ pitā’’ti pucchi. ‘‘Tāta, tvaṃ bārāṇasirañño putto’’ti. ‘‘Amma, atthi pana koci sakkhī’’ti? Tāta rājā imaṃ muddikaṃ datvā ‘‘sace dhītā hoti, imaṃ vissajjetvā poseyyāsi, sace putto hoti, imāya aṅgulimuddikāya saddhiṃ āneyyāsī’’ti vatvā gatoti. ‘‘Amma, evaṃ sante kasmā maṃ pitu santikaṃ na nesī’’ti . Sā puttassa ajjhāsayaṃ ñatvā rājadvāraṃ gantvā rañño ārocāpesi. Raññā ca pakkosāpitā pavisitvā rājānaṃ vanditvā ‘‘ayaṃ te, deva, putto’’ti āha. Rājā jānantopi parisamajjhe lajjāya ‘‘na mayhaṃ putto’’ti āha. ‘‘Ayaṃ te, deva, muddikā, imaṃ sañjānāsī’’ti. ‘‘Ayampi mayhaṃ muddikā na hotī’’ti. ‘‘Deva, idāni ṭhapetvā saccakiriyaṃ añño mama sakkhi natthi, sacāyaṃ dārako tumhe paṭicca jāto, ākāse tiṭṭhatu, no ce, bhūmiyaṃ patitvā maratū’’ti bodhisattassa pāde gahetvā ākāse khipi. Bodhisatto ākāse pallaṅkamābhujitvā nisinno madhurassarena pitu dhammaṃ kathento imaṃ gāthamāha –
๗.
7.
‘‘ปุโตฺต ตฺยาหํ มหาราช, ตฺวํ มํ โปส ชนาธิป;
‘‘Putto tyāhaṃ mahārāja, tvaṃ maṃ posa janādhipa;
อเญฺญปิ เทโว โปเสติ, กิญฺจ เทโว สกํ ปช’’นฺติฯ
Aññepi devo poseti, kiñca devo sakaṃ paja’’nti.
ตตฺถ ปุโตฺต ตฺยาหนฺติ ปุโตฺต เต อหํฯ ปุโตฺต จ นาเมส อตฺรโช, เขตฺตโช, อเนฺตวาสิโก, ทินฺนโกติ จตุพฺพิโธฯ ตตฺถ อตฺตานํ ปฎิจฺจ ชาโต อตฺรโช นามฯ สยนปิเฎฺฐ ปลฺลเงฺก อุเรติเอวมาทีสุ นิพฺพโตฺต เขตฺตโช นามฯ สนฺติเก สิปฺปุคฺคณฺหนโก อเนฺตวาสิโก นามฯ โปสาวนตฺถาย ทิโนฺน ทินฺนโก นามฯ อิธ ปน อตฺรชํ สนฺธาย ‘‘ปุโตฺต’’ติ วุตฺตํฯ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ชนํ รเญฺชตีติ ราชา, มหโนฺต ราชา มหาราชาฯ ตมาลปโนฺต อาห ‘‘มหาราชา’’ติฯ ตฺวํ มํ โปส ชนาธิปาติ ชนาธิป มหาชนเชฎฺฐก ตฺวํ มํ โปส ภรสฺสุ วเฑฺฒหิฯ อเญฺญปิ เทโว โปเสตีติ อเญฺญปิ หตฺถิพนฺธาทโย มนุเสฺส, หตฺถิอสฺสาทโย ติรจฺฉานคเต จ พหุชเน เทโว โปเสติฯ กิญฺจ เทโว สกํ ปชนฺติ เอตฺถ ปน กิญฺจาติ ครหเตฺถ จ อนุคฺคหณเตฺถ จ นิปาโตฯ ‘‘สกํ ปชํ อตฺตโน ปุตฺตํ มํ เทโว น โปเสตี’’ติ วทโนฺต ครหติ นาม, ‘‘อเญฺญ พหุชเน โปเสตี’’ติ วทโนฺต อนุคฺคณฺหติ นามฯ อิติ โพธิสโตฺต ครหโนฺตปิ อนุคฺคณฺหโนฺตปิ ‘‘กิญฺจ เทโว สกํ ปช’’นฺติ อาหฯ
Tattha putto tyāhanti putto te ahaṃ. Putto ca nāmesa atrajo, khettajo, antevāsiko, dinnakoti catubbidho. Tattha attānaṃ paṭicca jāto atrajo nāma. Sayanapiṭṭhe pallaṅke uretievamādīsu nibbatto khettajo nāma. Santike sippuggaṇhanako antevāsiko nāma. Posāvanatthāya dinno dinnako nāma. Idha pana atrajaṃ sandhāya ‘‘putto’’ti vuttaṃ. Catūhi saṅgahavatthūhi janaṃ rañjetīti rājā, mahanto rājā mahārājā. Tamālapanto āha ‘‘mahārājā’’ti. Tvaṃ maṃ posa janādhipāti janādhipa mahājanajeṭṭhaka tvaṃ maṃ posa bharassu vaḍḍhehi. Aññepi devo posetīti aññepi hatthibandhādayo manusse, hatthiassādayo tiracchānagate ca bahujane devo poseti. Kiñca devo sakaṃ pajanti ettha pana kiñcāti garahatthe ca anuggahaṇatthe ca nipāto. ‘‘Sakaṃ pajaṃ attano puttaṃ maṃ devo na posetī’’ti vadanto garahati nāma, ‘‘aññe bahujane posetī’’ti vadanto anuggaṇhati nāma. Iti bodhisatto garahantopi anuggaṇhantopi ‘‘kiñca devo sakaṃ paja’’nti āha.
ราชา โพธิสตฺตสฺส อากาเส นิสีทิตฺวา เอวํ ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส สุตฺวา ‘‘เอหิ, ตาตา’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ, ‘‘อหเมว โปเสสฺสามิ, อหเมว โปเสสฺสามี’’ติ หตฺถสหสฺสํ ปสาริยิตฺถฯ โพธิสโตฺต อญฺญสฺส หเตฺถ อโนตริตฺวา รโญฺญว หเตฺถ โอตริตฺวา อเงฺก นิสีทิฯ ราชา ตสฺส โอปรชฺชํ ทตฺวา มาตรํ อคฺคมเหสิํ อกาสิฯ โส ปิตุ อจฺจเยน กฎฺฐวาหนราชา นาม หุตฺวา ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตฺวา ยถากมฺมํ คโตฯ
Rājā bodhisattassa ākāse nisīditvā evaṃ dhammaṃ desentassa sutvā ‘‘ehi, tātā’’ti hatthaṃ pasāresi, ‘‘ahameva posessāmi, ahameva posessāmī’’ti hatthasahassaṃ pasāriyittha. Bodhisatto aññassa hatthe anotaritvā raññova hatthe otaritvā aṅke nisīdi. Rājā tassa oparajjaṃ datvā mātaraṃ aggamahesiṃ akāsi. So pitu accayena kaṭṭhavāhanarājā nāma hutvā dhammena rajjaṃ kāretvā yathākammaṃ gato.
สตฺถา โกสลรโญฺญ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา เทฺว วตฺถูนิ ทเสฺสตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มาตา มหามายา อโหสิ, ปิตา สุโทฺธทนมหาราชา, กฎฺฐวาหนราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā kosalarañño imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā dve vatthūni dassetvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā mātā mahāmāyā ahosi, pitā suddhodanamahārājā, kaṭṭhavāhanarājā pana ahameva ahosi’’nti.
กฎฺฐหาริชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ
Kaṭṭhahārijātakavaṇṇanā sattamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๗. กฎฺฐหาริชาตกํ • 7. Kaṭṭhahārijātakaṃ