Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๕. กตฺถีสุตฺตํ

    5. Katthīsuttaṃ

    ๘๕. เอกํ สมยํ อายสฺมา มหาจุโนฺท เจตีสุ วิหรติ สหชาติยํฯ ตตฺร โข อายสฺมา มหาจุโนฺท ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อาวุโส ภิกฺขเว’’ติฯ ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหาจุนฺทสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา มหาจุโนฺท เอตทโวจ –

    85. Ekaṃ samayaṃ āyasmā mahācundo cetīsu viharati sahajātiyaṃ. Tatra kho āyasmā mahācundo bhikkhū āmantesi – ‘‘āvuso bhikkhave’’ti. ‘‘Āvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato mahācundassa paccassosuṃ. Āyasmā mahācundo etadavoca –

    ‘‘อิธาวุโส, ภิกฺขุ กตฺถี โหติ วิกตฺถี อธิคเมสุ – ‘อหํ ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ ตติยํ ฌานํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ อากาสานญฺจายตนํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ วิญฺญาณญฺจายตนํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปี’ติฯ

    ‘‘Idhāvuso, bhikkhu katthī hoti vikatthī adhigamesu – ‘ahaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ dutiyaṃ jhānaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ tatiyaṃ jhānaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ catutthaṃ jhānaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ ākāsānañcāyatanaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ viññāṇañcāyatanaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ ākiñcaññāyatanaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ nevasaññānāsaññāyatanaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ saññāvedayitanirodhaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipī’ti.

    ‘‘ตเมนํ ตถาคโต วา ตถาคตสาวโก วา ฌายี สมาปตฺติกุสโล ปรจิตฺตกุสโล ปรจิตฺตปริยายกุสโล สมนุยุญฺชติ สมนุคฺคาหติ สมนุภาสติฯ โส ตถาคเตน วา ตถาคตสาวเกน วา ฌายินา สมาปตฺติกุสเลน ปรจิตฺตกุสเลน ปรจิตฺตปริยายกุสเลน สมนุยุญฺชิยมาโน สมนุคฺคาหิยมาโน สมนุภาสิยมาโน อิรีณํ อาปชฺชติ วิจินํ อาปชฺชติ อนยํ อาปชฺชติ พฺยสนํ อาปชฺชติ อนยพฺยสนํ อาปชฺชติฯ

    ‘‘Tamenaṃ tathāgato vā tathāgatasāvako vā jhāyī samāpattikusalo paracittakusalo paracittapariyāyakusalo samanuyuñjati samanuggāhati samanubhāsati. So tathāgatena vā tathāgatasāvakena vā jhāyinā samāpattikusalena paracittakusalena paracittapariyāyakusalena samanuyuñjiyamāno samanuggāhiyamāno samanubhāsiyamāno irīṇaṃ āpajjati vicinaṃ āpajjati anayaṃ āpajjati byasanaṃ āpajjati anayabyasanaṃ āpajjati.

    ‘‘ตเมนํ ตถาคโต วา ตถาคตสาวโก วา ฌายี สมาปตฺติกุสโล ปรจิตฺตกุสโล ปรจิตฺตปริยายกุสโล เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ มนสิ กโรติ – ‘กิํ นุ โข อยมายสฺมา กตฺถี โหติ วิกตฺถี อธิคเมสุ – อหํ ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ…เป.… อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปี’ติฯ

    ‘‘Tamenaṃ tathāgato vā tathāgatasāvako vā jhāyī samāpattikusalo paracittakusalo paracittapariyāyakusalo evaṃ cetasā ceto paricca manasi karoti – ‘kiṃ nu kho ayamāyasmā katthī hoti vikatthī adhigamesu – ahaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi…pe… ahaṃ saññāvedayitanirodhaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipī’ti.

    ‘‘ตเมนํ ตถาคโต วา ตถาคตสาวโก วา ฌายี สมาปตฺติกุสโล ปรจิตฺตกุสโล ปรจิตฺตปริยายกุสโล เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาติ –

    ‘‘Tamenaṃ tathāgato vā tathāgatasāvako vā jhāyī samāpattikusalo paracittakusalo paracittapariyāyakusalo evaṃ cetasā ceto paricca pajānāti –

    ‘ทีฆรตฺตํ โข อยมายสฺมา ขณฺฑการี ฉิทฺทการี สพลการี กมฺมาสการี น สนฺตตการี น สนฺตตวุตฺติ สีเลสุฯ ทุสฺสีโล โข อยมายสฺมาฯ ทุสฺสิลฺยํ โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Dīgharattaṃ kho ayamāyasmā khaṇḍakārī chiddakārī sabalakārī kammāsakārī na santatakārī na santatavutti sīlesu. Dussīlo kho ayamāyasmā. Dussilyaṃ kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘อสฺสโทฺธ โข ปน อยมายสฺมา; อสฺสทฺธิยํ โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Assaddho kho pana ayamāyasmā; assaddhiyaṃ kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘อปฺปสฺสุโต โข ปน อยมายสฺมา อนาจาโร; อปฺปสจฺจํ โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํ ฯ

    ‘Appassuto kho pana ayamāyasmā anācāro; appasaccaṃ kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ .

    ‘ทุพฺพโจ โข ปน อยมายสฺมา; โทวจสฺสตา โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Dubbaco kho pana ayamāyasmā; dovacassatā kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘ปาปมิโตฺต โข ปน อยมายสฺมา; ปาปมิตฺตตา โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Pāpamitto kho pana ayamāyasmā; pāpamittatā kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘กุสีโต โข ปน อยมายสฺมา; โกสชฺชํ โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Kusīto kho pana ayamāyasmā; kosajjaṃ kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘มุฎฺฐสฺสติ โข ปน อยมายสฺมา; มุฎฺฐสฺสจฺจํ โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Muṭṭhassati kho pana ayamāyasmā; muṭṭhassaccaṃ kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘กุหโก โข ปน อยมายสฺมา; โกหญฺญํ โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Kuhako kho pana ayamāyasmā; kohaññaṃ kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘ทุพฺภโร โข ปน อยมายสฺมา; ทุพฺภรตา โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Dubbharo kho pana ayamāyasmā; dubbharatā kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘ทุปฺปโญฺญ โข ปน อยมายสฺมา; ทุปฺปญฺญตา โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํ’ฯ

    ‘Duppañño kho pana ayamāyasmā; duppaññatā kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ’.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, สหายโก สหายกํ เอวํ วเทยฺย – ‘ยทา เต, สมฺม, ธเนน 1 ธนกรณียํ อสฺส, ยาเจยฺยาสิ มํ 2 ธนํฯ ทสฺสามิ เต ธน’นฺติฯ โส กิญฺจิเทว ธนกรณีเย สมุปฺปเนฺน สหายโก สหายกํ เอวํ วเทยฺย – ‘อโตฺถ เม, สมฺม, ธเนนฯ เทหิ เม ธน’นฺติฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘เตน หิ, สมฺม, อิธ ขนาหี’ติฯ โส ตตฺร ขนโนฺต นาธิคเจฺฉยฺยฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘อลิกํ มํ, สมฺม, อวจ; ตุจฺฉกํ มํ, สมฺม, อวจ – อิธ ขนาหี’ติฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘นาหํ ตํ, สมฺม, อลิกํ อวจํ, ตุจฺฉกํ อวจํฯ เตน หิ, สมฺม, อิธ ขนาหี’ติฯ โส ตตฺรปิ ขนโนฺต นาธิคเจฺฉยฺยฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘อลิกํ มํ, สมฺม, อวจ, ตุจฺฉกํ มํ, สมฺม, อวจ – อิธ ขนาหี’ติฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘นาหํ ตํ, สมฺม, อลิกํ อวจํ, ตุจฺฉกํ อวจํ ฯ เตน หิ, สมฺม, อิธ ขนาหี’ติฯ โส ตตฺรปิ ขนโนฺต นาธิคเจฺฉยฺยฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘อลิกํ มํ, สมฺม, อวจ, ตุจฺฉกํ มํ, สมฺม, อวจ – อิธ ขนาหี’ติฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘นาหํ ตํ, สมฺม, อลิกํ อวจํ, ตุจฺฉกํ อวจํฯ อปิ จ อหเมว อุมฺมาทํ ปาปุณิํ เจตโส วิปริยาย’นฺติฯ

    ‘‘Seyyathāpi, āvuso, sahāyako sahāyakaṃ evaṃ vadeyya – ‘yadā te, samma, dhanena 3 dhanakaraṇīyaṃ assa, yāceyyāsi maṃ 4 dhanaṃ. Dassāmi te dhana’nti. So kiñcideva dhanakaraṇīye samuppanne sahāyako sahāyakaṃ evaṃ vadeyya – ‘attho me, samma, dhanena. Dehi me dhana’nti. So evaṃ vadeyya – ‘tena hi, samma, idha khanāhī’ti. So tatra khananto nādhigaccheyya. So evaṃ vadeyya – ‘alikaṃ maṃ, samma, avaca; tucchakaṃ maṃ, samma, avaca – idha khanāhī’ti. So evaṃ vadeyya – ‘nāhaṃ taṃ, samma, alikaṃ avacaṃ, tucchakaṃ avacaṃ. Tena hi, samma, idha khanāhī’ti. So tatrapi khananto nādhigaccheyya. So evaṃ vadeyya – ‘alikaṃ maṃ, samma, avaca, tucchakaṃ maṃ, samma, avaca – idha khanāhī’ti. So evaṃ vadeyya – ‘nāhaṃ taṃ, samma, alikaṃ avacaṃ, tucchakaṃ avacaṃ . Tena hi, samma, idha khanāhī’ti. So tatrapi khananto nādhigaccheyya. So evaṃ vadeyya – ‘alikaṃ maṃ, samma, avaca, tucchakaṃ maṃ, samma, avaca – idha khanāhī’ti. So evaṃ vadeyya – ‘nāhaṃ taṃ, samma, alikaṃ avacaṃ, tucchakaṃ avacaṃ. Api ca ahameva ummādaṃ pāpuṇiṃ cetaso vipariyāya’nti.

    ‘‘เอวเมวํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ กตฺถี โหติ วิกตฺถี อธิคเมสุ – ‘อหํ ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ ตติยํ ฌานํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ อากาสานญฺจายตนํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ วิญฺญาณญฺจายตนํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปิ, อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปี’ติฯ

    ‘‘Evamevaṃ kho, āvuso, bhikkhu katthī hoti vikatthī adhigamesu – ‘ahaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ dutiyaṃ jhānaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ tatiyaṃ jhānaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ catutthaṃ jhānaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ ākāsānañcāyatanaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ viññāṇañcāyatanaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ ākiñcaññāyatanaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ nevasaññānāsaññāyatanaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipi, ahaṃ saññāvedayitanirodhaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipī’ti.

    ‘‘ตเมนํ ตถาคโต วา ตถาคตสาวโก วา ฌายี สมาปตฺติกุสโล ปรจิตฺตกุสโล ปรจิตฺตปริยายกุสโล สมนุยุญฺชติ สมนุคฺคาหติ สมนุภาสติฯ โส ตถาคเตน วา ตถาคตสาวเกน วา ฌายินา สมาปตฺติกุสเลน ปรจิตฺตกุสเลน ปรจิตฺตปริยายกุสเลน สมนุยุญฺชิยมาโน สมนุคฺคาหิยมาโน สมนุภาสิยมาโน อิรีณํ อาปชฺชติ วิจินํ อาปชฺชติ อนยํ อาปชฺชติ พฺยสนํ อาปชฺชติ อนยพฺยสนํ อาปชฺชติฯ

    ‘‘Tamenaṃ tathāgato vā tathāgatasāvako vā jhāyī samāpattikusalo paracittakusalo paracittapariyāyakusalo samanuyuñjati samanuggāhati samanubhāsati. So tathāgatena vā tathāgatasāvakena vā jhāyinā samāpattikusalena paracittakusalena paracittapariyāyakusalena samanuyuñjiyamāno samanuggāhiyamāno samanubhāsiyamāno irīṇaṃ āpajjati vicinaṃ āpajjati anayaṃ āpajjati byasanaṃ āpajjati anayabyasanaṃ āpajjati.

    ‘‘ตเมนํ ตถาคโต วา ตถาคตสาวโก วา ฌายี สมาปตฺติกุสโล ปรจิตฺตกุสโล ปรจิตฺตปริยายกุสโล เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ มนสิ กโรติ – ‘กิํ นุ โข อยมายสฺมา กตฺถี โหติ วิกตฺถี อธิคเมสุ – อหํ ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชามิปิ…เป.… อหํ สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชามิปิ วุฎฺฐหามิปี’ติฯ

    ‘‘Tamenaṃ tathāgato vā tathāgatasāvako vā jhāyī samāpattikusalo paracittakusalo paracittapariyāyakusalo evaṃ cetasā ceto paricca manasi karoti – ‘kiṃ nu kho ayamāyasmā katthī hoti vikatthī adhigamesu – ahaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajjāmipi…pe… ahaṃ saññāvedayitanirodhaṃ samāpajjāmipi vuṭṭhahāmipī’ti.

    ‘‘ตเมนํ ตถาคโต วา ตถาคตสาวโก วา ฌายี สมาปตฺติกุสโล ปรจิตฺตปริยายกุสโล เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาติ –

    ‘‘Tamenaṃ tathāgato vā tathāgatasāvako vā jhāyī samāpattikusalo paracittapariyāyakusalo cetasā ceto paricca pajānāti –

    ‘ทีฆรตฺตํ โข อยมายสฺมา ขณฺฑการี ฉิทฺทการี สพลการี กมฺมาสการี, น สนฺตตการี น สนฺตตวุตฺติ สีเลสุฯ ทุสฺสีโล โข อยมายสฺมา; ทุสฺสิลฺยํ โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Dīgharattaṃ kho ayamāyasmā khaṇḍakārī chiddakārī sabalakārī kammāsakārī, na santatakārī na santatavutti sīlesu. Dussīlo kho ayamāyasmā; dussilyaṃ kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘อสฺสโทฺธ โข ปน อยมายสฺมา; อสฺสทฺธิยํ โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํ ฯ

    ‘Assaddho kho pana ayamāyasmā; assaddhiyaṃ kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ .

    ‘อปฺปสฺสุโต โข ปน อยมายสฺมา อนาจาโร; อปฺปสจฺจํ โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Appassuto kho pana ayamāyasmā anācāro; appasaccaṃ kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘ทุพฺพโจ โข ปน อยมายสฺมา; โทวจสฺสตา โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Dubbaco kho pana ayamāyasmā; dovacassatā kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘ปาปมิโตฺต โข ปน อยมายสฺมา; ปาปมิตฺตตา โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Pāpamitto kho pana ayamāyasmā; pāpamittatā kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘กุสีโต โข ปน อยมายสฺมา; โกสชฺชํ โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Kusīto kho pana ayamāyasmā; kosajjaṃ kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘มุฎฺฐสฺสติ โข ปน อยมายสฺมา; มุฎฺฐสฺสจฺจํ โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Muṭṭhassati kho pana ayamāyasmā; muṭṭhassaccaṃ kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘กุหโก โข ปน อยมายสฺมา; โกหญฺญํ โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Kuhako kho pana ayamāyasmā; kohaññaṃ kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘ทุพฺภโร โข ปน อยมายสฺมา; ทุพฺภรตา โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํฯ

    ‘Dubbharo kho pana ayamāyasmā; dubbharatā kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ.

    ‘ทุปฺปโญฺญ โข ปน อยมายสฺมา; ทุปฺปญฺญตา โข ปน ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย ปริหานเมตํ’ฯ

    ‘Duppañño kho pana ayamāyasmā; duppaññatā kho pana tathāgatappavedite dhammavinaye parihānametaṃ’.

    ‘‘โส วตาวุโส, ภิกฺขุ ‘อิเม ทส ธเมฺม อปฺปหาย อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสตี’ติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ โส วตาวุโส, ภิกฺขุ ‘อิเม ทส ธเมฺม ปหาย อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสตี’ติ ฐานเมตํ วิชฺชตี’’ติฯ ปญฺจมํฯ

    ‘‘So vatāvuso, bhikkhu ‘ime dasa dhamme appahāya imasmiṃ dhammavinaye vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjissatī’ti netaṃ ṭhānaṃ vijjati. So vatāvuso, bhikkhu ‘ime dasa dhamme pahāya imasmiṃ dhammavinaye vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjissatī’ti ṭhānametaṃ vijjatī’’ti. Pañcamaṃ.







    Footnotes:
    1. พโนฺธ (ก.)
    2. ยาจิสฺสสิ มํ (สี.), ปเวเทยฺยาสิ มํ (สฺยา.), ปราเชยฺยาปิ มํ (ก.)
    3. bandho (ka.)
    4. yācissasi maṃ (sī.), pavedeyyāsi maṃ (syā.), parājeyyāpi maṃ (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๕-๖. กตฺถีสุตฺตาทิวณฺณนา • 5-6. Katthīsuttādivaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๘. วาหนสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-8. Vāhanasuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact