Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๑๙. กายคตาสติวคฺควณฺณนา

    19. Kāyagatāsativaggavaṇṇanā

    ๕๖๓. เจตสา ผุโฎติ จิเตฺตน ผริโตฯ จิเตฺตน ผรณญฺจ สมุทฺทสฺส ทฺวิธา สมฺภวตีติ อาห – ‘‘ทุวิธํ ผรณ’’นฺติอาทิฯ ปุริเมน อเตฺถนาติ ‘‘สมฺปโยควเสน วิชฺชํ ภชนฺตี’’ติ วุเตฺตน อเตฺถนฯ ปจฺฉิเมนาติ ‘‘วิชฺชาภาเค วิชฺชาโกฎฺฐาเส วตฺตนฺตี’’ติ วุเตฺตนฯ

    563.Cetasāphuṭoti cittena pharito. Cittena pharaṇañca samuddassa dvidhā sambhavatīti āha – ‘‘duvidhaṃ pharaṇa’’ntiādi. Purimena atthenāti ‘‘sampayogavasena vijjaṃ bhajantī’’ti vuttena atthena. Pacchimenāti ‘‘vijjābhāge vijjākoṭṭhāse vattantī’’ti vuttena.

    ๕๖๔. มหโต สํเวคาย สํวตฺตตีติอาทีสุ อยํ ปน อปโร นโยฯ ยาถาวโต กายสภาวปฺปเวทนโต มหโต สํเวคาย สํวตฺตติฯ อตฺถายาติ ทิฎฺฐธมฺมิกาทิอตฺถายฯ โยคเกฺขมายาติ จตูหิ โยเคหิ เขมภาวายฯ สติสมฺปชญฺญายาติ สพฺพตฺถ สติอวิปฺปวาสาย สตฺตฎฺฐานิยสมฺปชญฺญาย จฯ ญาณทสฺสนปฺปฎิลาภายาติ วิปสฺสนาญาณาธิคมายฯ วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยายาติ ติโสฺส วิชฺชา จิตฺตสฺส อธิมุตฺติ นิพฺพานํ จตฺตาริ สามญฺญผลานีติ เอเตสํ ปจฺจกฺขกรณายฯ

    564.Mahato saṃvegāya saṃvattatītiādīsu ayaṃ pana aparo nayo. Yāthāvato kāyasabhāvappavedanato mahato saṃvegāya saṃvattati. Atthāyāti diṭṭhadhammikādiatthāya. Yogakkhemāyāti catūhi yogehi khemabhāvāya. Satisampajaññāyāti sabbattha satiavippavāsāya sattaṭṭhāniyasampajaññāya ca. Ñāṇadassanappaṭilābhāyāti vipassanāñāṇādhigamāya. Vijjāvimuttiphalasacchikiriyāyāti tisso vijjā cittassa adhimutti nibbānaṃ cattāri sāmaññaphalānīti etesaṃ paccakkhakaraṇāya.

    ๕๘๔. ปญฺญาปฎิลาภายาติอาทีสุ โสฬสสุ ปเทสุ ปญฺญาปฎิลาภาย ปญฺญาวุทฺธิยา ปญฺญาเวปุลฺลาย ปญฺญาพาหุลฺลายาติ อิมานิ จตฺตาริ ปญฺญาวเสน ภาววจนานิ, เสสานิ ทฺวาทส ปุคฺคลวเสน ภาววจนานิฯ สปฺปุริสสํเสโวติ สปฺปุริสานํ ภชนํฯ สทฺธมฺมสฺสวนนฺติ เตสํ สปฺปุริสานํ สนฺติเก สีลาทิปฺปฎิปตฺติทีปกสฺส สทฺธมฺมวจนสฺส สวนํฯ โยนิโส มนสิกาโรติ สุตานํ ธมฺมานํ อตฺถูปปริกฺขาวเสน อุปาเยน มนสิกาโรฯ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปตฺตีติ โลกุตฺตรธเมฺม อนุคตสฺส สีลาทิปฺปฎิปทาธมฺมสฺส ปฎิปชฺชนํฯ

    584.Paññāpaṭilābhāyātiādīsu soḷasasu padesu paññāpaṭilābhāya paññāvuddhiyā paññāvepullāya paññābāhullāyāti imāni cattāri paññāvasena bhāvavacanāni, sesāni dvādasa puggalavasena bhāvavacanāni. Sappurisasaṃsevoti sappurisānaṃ bhajanaṃ. Saddhammassavananti tesaṃ sappurisānaṃ santike sīlādippaṭipattidīpakassa saddhammavacanassa savanaṃ. Yoniso manasikāroti sutānaṃ dhammānaṃ atthūpaparikkhāvasena upāyena manasikāro. Dhammānudhammappaṭipattīti lokuttaradhamme anugatassa sīlādippaṭipadādhammassa paṭipajjanaṃ.

    ฉนฺนํ อภิญฺญาญาณานนฺติ อิทฺธิวิธทิพฺพโสตเจโตปริยปุเพฺพนิวาสทิพฺพจกฺขุอาสวกฺขยญาณานํฯ เตสตฺตตีนํ ญาณานนฺติ ปฎิสมฺภิทาปาฬิยํ (ปฎิ. ม. ๑.๑-๒ มาติกา) ‘‘โสตาวธาเน ปญฺญา สุตมเย ญาณํ, สุตฺวาน สํวเร ปญฺญา สีลมเย ญาณ’’นฺติอาทินา ญาณกถาย นิทฺทิฎฺฐานํ สาวกสาธารณาสาธารณานํ ญาณานํฯ อิเมสญฺหิ เตสตฺตติญาณานํ สุตมยญาณาทีนิ สตฺตสฎฺฐิญาณานิ สาวกสฺส สาธารณานิ, ‘‘อินฺทฺริยปโรปริยเตฺต ญาณํ, สตฺตานํ อาสยานุสเย ญาณํ, ยมกปาฎิหีเร ญาณํ, มหากรุณาสมาปตฺติยา ญาณํ, สพฺพญฺญุตญฺญาณํ, อนาวรณญาณ’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๑.๖๘-๗๓ มาติกา) อิมานิ ฉ อสาธารณญาณานิ สาวเกหิฯ

    Channaṃ abhiññāñāṇānanti iddhividhadibbasotacetopariyapubbenivāsadibbacakkhuāsavakkhayañāṇānaṃ. Tesattatīnaṃ ñāṇānanti paṭisambhidāpāḷiyaṃ (paṭi. ma. 1.1-2 mātikā) ‘‘sotāvadhāne paññā sutamaye ñāṇaṃ, sutvāna saṃvare paññā sīlamaye ñāṇa’’ntiādinā ñāṇakathāya niddiṭṭhānaṃ sāvakasādhāraṇāsādhāraṇānaṃ ñāṇānaṃ. Imesañhi tesattatiñāṇānaṃ sutamayañāṇādīni sattasaṭṭhiñāṇāni sāvakassa sādhāraṇāni, ‘‘indriyaparopariyatte ñāṇaṃ, sattānaṃ āsayānusaye ñāṇaṃ, yamakapāṭihīre ñāṇaṃ, mahākaruṇāsamāpattiyā ñāṇaṃ, sabbaññutaññāṇaṃ, anāvaraṇañāṇa’’nti (paṭi. ma. 1.68-73 mātikā) imāni cha asādhāraṇañāṇāni sāvakehi.

    สตฺตสตฺตตีนํ ญาณานนฺติ เอตฺถ –

    Sattasattatīnaṃñāṇānanti ettha –

    ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ ญาณํ, อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณนฺติ ญาณํฯ อตีตมฺปิ อทฺธานํ ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ ญาณํ, อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณนฺติ ญาณํฯ อนาคตมฺปิ อทฺธานํ ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ ญาณํ, อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณนฺติ ญาณํฯ ยมฺปิสฺส ตํ ธมฺมฎฺฐิติญาณํ, ตมฺปิ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมนฺติ ญาณํฯ ภวปจฺจยา ชาตีติ ญาณํ…เป.… อุปาทานปจฺจยา ภโวติ ญาณํ, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานนฺติ ญาณํ, เวทนาปจฺจยา ตณฺหาติ ญาณํ, ผสฺสปจฺจยา เวทนาติ ญาณํ, สฬายตนปจฺจยา ผโสฺสติ ญาณํ, นามรูปปจฺจยา สฬายตนนฺติ ญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปนฺติ ญาณํ, สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณนฺติ ญาณํ, อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ ญาณํ, อสติ อวิชฺชาย นตฺถิ สงฺขาราติ ญาณํ, อตีตมฺปิ อทฺธานํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ ญาณํ, อสติ อวิชฺชาย นตฺถิ สงฺขาราติ ญาณํ, อนาคตมฺปิ อทฺธานํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ ญาณํ, อสติ อวิชฺชาย นตฺถิ สงฺขาราติ ญาณํ, ยมฺปิสฺส ตํ ธมฺมฎฺฐิติญาณํ, ตมฺปิ ขยธมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมนฺติ ญาณ’’นฺติ –

    ‘‘Jātipaccayā jarāmaraṇanti ñāṇaṃ, asati jātiyā natthi jarāmaraṇanti ñāṇaṃ. Atītampi addhānaṃ jātipaccayā jarāmaraṇanti ñāṇaṃ, asati jātiyā natthi jarāmaraṇanti ñāṇaṃ. Anāgatampi addhānaṃ jātipaccayā jarāmaraṇanti ñāṇaṃ, asati jātiyā natthi jarāmaraṇanti ñāṇaṃ. Yampissa taṃ dhammaṭṭhitiñāṇaṃ, tampi khayadhammaṃ vayadhammaṃ virāgadhammaṃ nirodhadhammanti ñāṇaṃ. Bhavapaccayā jātīti ñāṇaṃ…pe… upādānapaccayā bhavoti ñāṇaṃ, taṇhāpaccayā upādānanti ñāṇaṃ, vedanāpaccayā taṇhāti ñāṇaṃ, phassapaccayā vedanāti ñāṇaṃ, saḷāyatanapaccayā phassoti ñāṇaṃ, nāmarūpapaccayā saḷāyatananti ñāṇaṃ, viññāṇapaccayā nāmarūpanti ñāṇaṃ, saṅkhārapaccayā viññāṇanti ñāṇaṃ, avijjāpaccayā saṅkhārāti ñāṇaṃ, asati avijjāya natthi saṅkhārāti ñāṇaṃ, atītampi addhānaṃ avijjāpaccayā saṅkhārāti ñāṇaṃ, asati avijjāya natthi saṅkhārāti ñāṇaṃ, anāgatampi addhānaṃ avijjāpaccayā saṅkhārāti ñāṇaṃ, asati avijjāya natthi saṅkhārāti ñāṇaṃ, yampissa taṃ dhammaṭṭhitiñāṇaṃ, tampi khayadhamaṃ vayadhammaṃ virāgadhammaṃ nirodhadhammanti ñāṇa’’nti –

    ภควตา นิทานวเคฺค (สํ. นิ. ๒.๓๔-๓๕) ชรามรณาทีสุ เอกาทสสุ ปฎิจฺจสมุปฺปาทเงฺคสุ ปเจฺจกํ สตฺต สตฺต กตฺวา วุตฺตานิ สตฺตสตฺตติญาณานิฯ

    Bhagavatā nidānavagge (saṃ. ni. 2.34-35) jarāmaraṇādīsu ekādasasu paṭiccasamuppādaṅgesu paccekaṃ satta satta katvā vuttāni sattasattatiñāṇāni.

    ตตฺถ ธมฺมฎฺฐิติญาณนฺติ ปจฺจยาการญาณํฯ ปจฺจยากาโร หิ ธมฺมานํ ปวตฺติสงฺขาตาย ฐิติยา การณตฺตา ‘‘ธมฺมฎฺฐิตี’’ติ วุจฺจติ, ตตฺถ ญาณํ ธมฺมฎฺฐิติญาณํ, ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติอาทินา วุตฺตเสฺสว ฉพฺพิธสฺส ญาณเสฺสตํ อธิวจนํฯ ขยธมฺมนฺติ ขยคมนสภาวํฯ วยธมฺมนฺติ วยคมนสภาวํฯ วิราคธมฺมนฺติ วิรชฺชนสภาวํฯ นิโรธธมฺมนฺติ นิรุชฺฌนสภาวนฺติ อโตฺถฯ

    Tattha dhammaṭṭhitiñāṇanti paccayākārañāṇaṃ. Paccayākāro hi dhammānaṃ pavattisaṅkhātāya ṭhitiyā kāraṇattā ‘‘dhammaṭṭhitī’’ti vuccati, tattha ñāṇaṃ dhammaṭṭhitiñāṇaṃ, ‘‘jātipaccayā jarāmaraṇa’’ntiādinā vuttasseva chabbidhassa ñāṇassetaṃ adhivacanaṃ. Khayadhammanti khayagamanasabhāvaṃ. Vayadhammanti vayagamanasabhāvaṃ. Virāgadhammanti virajjanasabhāvaṃ. Nirodhadhammanti nirujjhanasabhāvanti attho.

    ลาโภติอาทีสุ ลาโภเยว อุปสเคฺคน วิเสเสตฺวา ‘‘ปฎิลาโภ’’ติ วุโตฺตฯ ปุน ตเสฺสว อตฺถวิวรณวเสน ‘‘ปตฺติ สมฺปตฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ผุสนาติ อธิคมนวเสน ผุสนาฯ สจฺฉิกิริยาติ ปฎิลาภสจฺฉิกิริยาฯ อุปสมฺปทาติ นิปฺผาทนาฯ

    Lābhotiādīsu lābhoyeva upasaggena visesetvā ‘‘paṭilābho’’ti vutto. Puna tasseva atthavivaraṇavasena ‘‘patti sampattī’’ti vuttaṃ. Phusanāti adhigamanavasena phusanā. Sacchikiriyāti paṭilābhasacchikiriyā. Upasampadāti nipphādanā.

    สตฺตนฺนญฺจ เสกฺขานนฺติ ติโสฺส สิกฺขา สิกฺขนฺตีติ เสกฺขสญฺญิตานํ โสตาปตฺติมคฺคฎฺฐาทีนํ สตฺตนฺนํฯ ปุถุชฺชนกลฺยาณกสฺส จาติ นิพฺพานคามินิยา ปฎิปทาย ยุตฺตตฺตา สุนฺทรเฎฺฐน กลฺยาณสญฺญิตสฺส ปุถุชฺชนสฺสฯ วฑฺฒิตํ วฑฺฒนํ เอกายาติ วฑฺฒิตวฑฺฒนาฯ ยถาวุตฺตานํ อฎฺฐนฺนมฺปิ ปญฺญานํ วเสน วิเสสโตว อรหโต ปญฺญาวเสน ปญฺญาวุทฺธิยาฯ ตถา ปญฺญาเวปุลฺลาย

    Sattannañcasekkhānanti tisso sikkhā sikkhantīti sekkhasaññitānaṃ sotāpattimaggaṭṭhādīnaṃ sattannaṃ. Puthujjanakalyāṇakassa cāti nibbānagāminiyā paṭipadāya yuttattā sundaraṭṭhena kalyāṇasaññitassa puthujjanassa. Vaḍḍhitaṃ vaḍḍhanaṃ ekāyāti vaḍḍhitavaḍḍhanā. Yathāvuttānaṃ aṭṭhannampi paññānaṃ vasena visesatova arahato paññāvasena paññāvuddhiyā. Tathā paññāvepullāya.

    ยสฺส กสฺสจิปิ วิเสสโต อนุรูปธมฺมสฺส มหนฺตํ นาม กิจฺจสิทฺธิยา เวทิตพฺพนฺติ ตทสฺส กิจฺจสิทฺธิยา ทเสฺสโนฺต ‘‘มหเนฺต อเตฺถ ปริคฺคณฺหาตี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อตฺถาทีนํ มหนฺตภาโว มหาวิสยตาย เวทิตโพฺพ, มหาวิสยตา จ เตสํ ปฎิสมฺภิทามเคฺค อาคตนเยน เวทิตพฺพาฯ สีลกฺขนฺธสฺส ปน เหตุมหนฺตตาย, ปจฺจยมหนฺตตาย, นิสฺสยมหนฺตตาย , ปเภทมหนฺตตาย, กิจฺจมหนฺตตาย, ผลมหนฺตตาย, อานิสํสมหนฺตตาย จ มหนฺตภาโว เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ เหตุ อโลภาทโยฯ ปจฺจโย หิโรตฺตปฺปสทฺธาสติวีริยาทโยฯ นิสฺสโย สาวกโพธิปเจฺจกโพธินิยตตา ตํสมงฺคิโน จ ปุริสวิเสสาฯ ปเภโท จาริตฺตวาริตฺตาทิวิภาโคฯ กิจฺจํ ตทงฺคาทิวเสน ปฎิปกฺขวิธมนํฯ ผลํ สคฺคสมฺปทา นิพฺพานสมฺปทา จฯ อานิสํโส ปิยมนาปตาทิฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๙) อากเงฺขยฺยสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๖๔ อาทโย) จ อาคตนเยน เวทิตโพฺพฯ อิมินา นเยน สมาธิกฺขนฺธาทีนมฺปิ มหนฺตตา ยถารหํ นิทฺธาเรตฺวา วตฺตพฺพาฯ ฐานาฎฺฐานาทีนํ มหนฺตภาโว ปน มหาวิสยตาย เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ ฐานาฎฺฐานานํ มหาวิสยตา พหุธาตุกสุตฺตาทีสุ อาคตนเยน เวทิตพฺพาฯ

    Yassa kassacipi visesato anurūpadhammassa mahantaṃ nāma kiccasiddhiyā veditabbanti tadassa kiccasiddhiyā dassento ‘‘mahante atthe pariggaṇhātī’’tiādimāha. Tattha atthādīnaṃ mahantabhāvo mahāvisayatāya veditabbo, mahāvisayatā ca tesaṃ paṭisambhidāmagge āgatanayena veditabbā. Sīlakkhandhassa pana hetumahantatāya, paccayamahantatāya, nissayamahantatāya , pabhedamahantatāya, kiccamahantatāya, phalamahantatāya, ānisaṃsamahantatāya ca mahantabhāvo veditabbo. Tattha hetu alobhādayo. Paccayo hirottappasaddhāsativīriyādayo. Nissayo sāvakabodhipaccekabodhiniyatatā taṃsamaṅgino ca purisavisesā. Pabhedo cārittavārittādivibhāgo. Kiccaṃ tadaṅgādivasena paṭipakkhavidhamanaṃ. Phalaṃ saggasampadā nibbānasampadā ca. Ānisaṃso piyamanāpatādi. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimagge (visuddhi. 1.9) ākaṅkheyyasuttādīsu (ma. ni. 1.64 ādayo) ca āgatanayena veditabbo. Iminā nayena samādhikkhandhādīnampi mahantatā yathārahaṃ niddhāretvā vattabbā. Ṭhānāṭṭhānādīnaṃ mahantabhāvo pana mahāvisayatāya veditabbo. Tattha ṭhānāṭṭhānānaṃ mahāvisayatā bahudhātukasuttādīsu āgatanayena veditabbā.

    วิหารสมาปตฺตีนํ มหาวิสยตา สมาธิกฺขเนฺธ มหาวิสยตานิทฺธารณนเยน เวทิตพฺพา, อริยสจฺจานํ สกลยานสงฺคาหกโต สจฺจวิภเงฺค (วิภ. ๑๘๙ อาทโย) ตํสํวณฺณนาสุ (วิภ. อฎฺฐ. ๑๘๙ อาทโย) จ อาคตนเยน, สติปฎฺฐานาทีนํ สติปฎฺฐานวิภงฺคาทีสุ (วิภ. ๓๕๕ อาทโย) ตํสํวณฺณนาทีสุ (วิภ. อฎฺฐ. ๓๕๕ อาทโย) จ อาคตนเยน, สามญฺญผลานํ มหโต หิตสฺส มหโต สุขสฺส มหโต อตฺถสฺส มหโต โยคเกฺขมสฺส นิปฺผตฺติภาวโต สนฺตปณีตอตกฺกาวจรปณฺฑิตเวทนียภาวโต, อภิญฺญานํ มหาสมฺภารโต มหาวิสยโต มหากิจฺจโต มหานุภาวโต มหานิปฺผตฺติโต, นิพฺพานสฺส มทนิมฺมทนาทิมหตฺถสิทฺธิโต จ มหนฺตภาโว เวทิตโพฺพฯ ปริคฺคณฺหาตีติ สภาวาทิโต ปริจฺฉิชฺช คณฺหาติ ชานาติ, ปฎิวิชฺฌตีติ อโตฺถฯ

    Vihārasamāpattīnaṃ mahāvisayatā samādhikkhandhe mahāvisayatāniddhāraṇanayena veditabbā, ariyasaccānaṃ sakalayānasaṅgāhakato saccavibhaṅge (vibha. 189 ādayo) taṃsaṃvaṇṇanāsu (vibha. aṭṭha. 189 ādayo) ca āgatanayena, satipaṭṭhānādīnaṃ satipaṭṭhānavibhaṅgādīsu (vibha. 355 ādayo) taṃsaṃvaṇṇanādīsu (vibha. aṭṭha. 355 ādayo) ca āgatanayena, sāmaññaphalānaṃ mahato hitassa mahato sukhassa mahato atthassa mahato yogakkhemassa nipphattibhāvato santapaṇītaatakkāvacarapaṇḍitavedanīyabhāvato, abhiññānaṃ mahāsambhārato mahāvisayato mahākiccato mahānubhāvato mahānipphattito, nibbānassa madanimmadanādimahatthasiddhito ca mahantabhāvo veditabbo. Pariggaṇhātīti sabhāvādito paricchijja gaṇhāti jānāti, paṭivijjhatīti attho.

    ปุถุปญฺญาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนยานุสาเรน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อยํ ปน วิเสโส – ปุถุ นานากฺขเนฺธสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ‘‘อยํ รูปกฺขโนฺธ นาม…เป.… อยํ วิญฺญาณกฺขโนฺธ นามา’’ติ เอวํ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ นานากรณํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติฯ เตสุปิ เอกวิเธน รูปกฺขโนฺธ…เป.… เอกาทสวิเธน รูปกฺขโนฺธฯ เอกวิเธน เวทนากฺขโนฺธ…เป.… พหุวิเธน เวทนากฺขโนฺธฯ เอกวิเธน สญฺญากฺขโนฺธ…เป.… พหุวิเธน สญฺญากฺขโนฺธฯ เอกวิเธน สงฺขารกฺขโนฺธ…เป.… พหุวิเธน สงฺขารกฺขโนฺธฯ เอกวิเธน วิญฺญาณกฺขโนฺธ…เป.… พหุวิเธน วิญฺญาณกฺขโนฺธติ เอวํ เอเกกสฺส ขนฺธสฺส เอกวิธาทิวเสน อตีตาทิวเสนปิ นานากรณํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติฯ

    Puthupaññāti etthāpi vuttanayānusārena attho veditabbo. Ayaṃ pana viseso – puthu nānākkhandhesu ñāṇaṃ pavattatīti ‘‘ayaṃ rūpakkhandho nāma…pe… ayaṃ viññāṇakkhandho nāmā’’ti evaṃ pañcannaṃ khandhānaṃ nānākaraṇaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati. Tesupi ekavidhena rūpakkhandho…pe… ekādasavidhena rūpakkhandho. Ekavidhena vedanākkhandho…pe… bahuvidhena vedanākkhandho. Ekavidhena saññākkhandho…pe… bahuvidhena saññākkhandho. Ekavidhena saṅkhārakkhandho…pe… bahuvidhena saṅkhārakkhandho. Ekavidhena viññāṇakkhandho…pe… bahuvidhena viññāṇakkhandhoti evaṃ ekekassa khandhassa ekavidhādivasena atītādivasenapi nānākaraṇaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati.

    ปุถุ นานาธาตูสูติ ‘‘อยํ จกฺขุธาตุ นาม…เป.… อยํ มโนวิญฺญาณธาตุ นามฯ ตตฺถ โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, เทฺว จาตุภูมิกา’’ติ เอวํ ธาตูสุ นานากรณํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติฯ ตยิทํ อุปาทินฺนธาตุวเสน วุตฺตํฯ ปเจฺจกพุทฺธานญฺหิ ทฺวินฺนญฺจ อคฺคสาวกานํ อุปาทินฺนธาตูสุ เอว นานากรณํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติ, ตญฺจ โข เอกเทสโตว, น นิปฺปเทสโตฯ พหิทฺธา อนุปาทินฺนธาตูนํ นานากรณํ เตสํ อวิสโยว, สพฺพญฺญุพุทฺธานํเยว ปน ‘‘อิมาย ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺส รุกฺขสฺส ขโนฺธ เสโต โหติ, อิมสฺส กาโฬ, อิมสฺส มโฎฺฐ, อิมสฺส ขโร, อิมสฺส พหลตโจ, อิมสฺส สุกฺขตโจฯ อิมสฺส ปตฺตํ วณฺณสณฺฐานาทิวเสน เอวรูปํฯ อิมสฺส ปุปฺผํ นีลํ, ปีตํ, โลหิตํ, โอทาตํ, สุคนฺธํ, ทุคฺคนฺธํ, มิสฺสกคนฺธํฯ ผลํ ขุทฺทกํ, มหนฺตํ, ทีฆํ, วฎฺฎํ, สุวณฺณํ, ทุพฺพณฺณํ, มฎฺฐํ, ผรุสํ, สุคนฺธํ, ทุคฺคนฺธํ, มธุรํ, ติตฺตกํ, อมฺพิลํ, กฎุกํ, กสาวํฯ กณฺฎโก ติขิโณ, อติขิโณ, อุชุโก, กุฎิโล, ตโมฺพ, นีโล, โลหิโต, โอทาโต’’ติอาทินา ธาตุนานตฺตํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติฯ

    Puthu nānādhātūsūti ‘‘ayaṃ cakkhudhātu nāma…pe… ayaṃ manoviññāṇadhātu nāma. Tattha soḷasa dhātuyo kāmāvacarā, dve cātubhūmikā’’ti evaṃ dhātūsu nānākaraṇaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati. Tayidaṃ upādinnadhātuvasena vuttaṃ. Paccekabuddhānañhi dvinnañca aggasāvakānaṃ upādinnadhātūsu eva nānākaraṇaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati, tañca kho ekadesatova, na nippadesato. Bahiddhā anupādinnadhātūnaṃ nānākaraṇaṃ tesaṃ avisayova, sabbaññubuddhānaṃyeva pana ‘‘imāya dhātuyā ussannattā imassa rukkhassa khandho seto hoti, imassa kāḷo, imassa maṭṭho, imassa kharo, imassa bahalataco, imassa sukkhataco. Imassa pattaṃ vaṇṇasaṇṭhānādivasena evarūpaṃ. Imassa pupphaṃ nīlaṃ, pītaṃ, lohitaṃ, odātaṃ, sugandhaṃ, duggandhaṃ, missakagandhaṃ. Phalaṃ khuddakaṃ, mahantaṃ, dīghaṃ, vaṭṭaṃ, suvaṇṇaṃ, dubbaṇṇaṃ, maṭṭhaṃ, pharusaṃ, sugandhaṃ, duggandhaṃ, madhuraṃ, tittakaṃ, ambilaṃ, kaṭukaṃ, kasāvaṃ. Kaṇṭako tikhiṇo, atikhiṇo, ujuko, kuṭilo, tambo, nīlo, lohito, odāto’’tiādinā dhātunānattaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati.

    ปุถุ นานาอายตเนสูติ ‘‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม…เป.… อิทํ ธมฺมายตนํ นามฯ ตตฺถ ทสายตนา กามาวจรา, เทฺว จาตุภูมกา’’ติ เอวํ อายตนนานตฺตํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติฯ

    Puthu nānāāyatanesūti ‘‘idaṃ cakkhāyatanaṃ nāma…pe… idaṃ dhammāyatanaṃ nāma. Tattha dasāyatanā kāmāvacarā, dve cātubhūmakā’’ti evaṃ āyatananānattaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati.

    ปุถุ นานาปฎิจฺจสมุปฺปาเทสูติ อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภทโต สนฺตานเภทโต จ นานปฺปเภเทสุ ปฎิจฺจสมุปฺปาทเงฺคสุฯ อวิชฺชาทิองฺคานิ หิ ปเจฺจกํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทสญฺญิตานิฯ เตนาห – สงฺขารปิฎเก ‘‘ทฺวาทส ปจฺจยา ทฺวาทส ปฎิจฺจสมุปฺปาทา’’ติ (สํ. นิ. ฎี. ๑.๑.๑๑๐)ฯ

    Puthu nānāpaṭiccasamuppādesūti ajjhattabahiddhābhedato santānabhedato ca nānappabhedesu paṭiccasamuppādaṅgesu. Avijjādiaṅgāni hi paccekaṃ paṭiccasamuppādasaññitāni. Tenāha – saṅkhārapiṭake ‘‘dvādasa paccayā dvādasa paṭiccasamuppādā’’ti (saṃ. ni. ṭī. 1.1.110).

    ปุถุ นานาสุญฺญตมนุปลเพฺภสูติ นานาสภาเวสุ นิจฺจสาราทิวิรหิเตสุ สุญฺญสภาเวสุ, ตโต เอว อิตฺถิปุริสอตฺตตฺตนิยาทิวเสน อนุปลพฺภมานสภาเวสุฯ -กาโร เหตฺถ ปทสนฺธิกโรฯ

    Puthu nānāsuññatamanupalabbhesūti nānāsabhāvesu niccasārādivirahitesu suññasabhāvesu, tato eva itthipurisaattattaniyādivasena anupalabbhamānasabhāvesu. Ma-kāro hettha padasandhikaro.

    ปุถุ นานาอเตฺถสูติ อตฺถปฎิสมฺภิทาวิสเยสุ ปจฺจยุปฺปนฺนาทินานาอเตฺถสุฯ ธเมฺมสูติ ธมฺมปฎิสมฺภิทาวิสเยสุ ปจฺจยาทินานาธเมฺมสุฯ นิรุตฺตีสูติ เตสํเยว อตฺถธมฺมานํ นิทฺธารณวจนสงฺขาเตสุ นานานิรุตฺตีสุฯ ปุถุ นานาปฎิภาเนสูติ อตฺถปฎิสมฺภิทาทิวิสเยสุ อิมานิ ญาณานิ อิทมตฺถโชตกานีติ ตถา ตถา ปฎิภานโต อุปติฎฺฐนโต ปฎิภานานีติ ลทฺธนาเมสุ นานาญาเณสุฯ

    Puthunānāatthesūti atthapaṭisambhidāvisayesu paccayuppannādinānāatthesu. Dhammesūti dhammapaṭisambhidāvisayesu paccayādinānādhammesu. Niruttīsūti tesaṃyeva atthadhammānaṃ niddhāraṇavacanasaṅkhātesu nānāniruttīsu. Puthu nānāpaṭibhānesūti atthapaṭisambhidādivisayesu imāni ñāṇāni idamatthajotakānīti tathā tathā paṭibhānato upatiṭṭhanato paṭibhānānīti laddhanāmesu nānāñāṇesu.

    ปุถุ นานาสีลกฺขเนฺธสูติอาทีสุ สีลสฺส ปุถุตฺตํ นานตฺตญฺจ วุตฺตเมว, อิตเรสํ ปน วุตฺตนยานุสาเรน สุวิเญฺญยฺยตฺตา ปากฎเมวฯ ยํ ปน อภินฺนํ เอกเมว นิพฺพานํ, ตตฺถ อุปจารวเสน ปุถุตฺตํ คเหตพฺพนฺติ อาห – ‘‘ปุถุ นานาชนสาธารเณ ธเมฺม สมติกฺกมฺมา’’ติฯ เตนสฺส มทนิมฺมทนาทิปริยาเยน ปุถุตฺตํ ปริทีปิตํ โหติฯ

    Puthu nānāsīlakkhandhesūtiādīsu sīlassa puthuttaṃ nānattañca vuttameva, itaresaṃ pana vuttanayānusārena suviññeyyattā pākaṭameva. Yaṃ pana abhinnaṃ ekameva nibbānaṃ, tattha upacāravasena puthuttaṃ gahetabbanti āha – ‘‘puthu nānājanasādhāraṇe dhamme samatikkammā’’ti. Tenassa madanimmadanādipariyāyena puthuttaṃ paridīpitaṃ hoti.

    วิปุเล อเตฺถติ มหเนฺต อเตฺถฯ มหนฺตปริยาโย หิ วิปุลสโทฺทฯ คมฺภีเรสูติ สสาทีหิ วิย มหาสมุโทฺท อนุปจิตญาณสมฺภาเรหิ อลพฺภเนยฺยปฺปติเฎฺฐสุ ขเนฺธสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ วิสยสฺส คมฺภีรตาย ญาณสฺส คมฺภีรตา วิภาวิตาฯ

    Vipule attheti mahante atthe. Mahantapariyāyo hi vipulasaddo. Gambhīresūti sasādīhi viya mahāsamuddo anupacitañāṇasambhārehi alabbhaneyyappatiṭṭhesu khandhesu ñāṇaṃ pavattatīti visayassa gambhīratāya ñāṇassa gambhīratā vibhāvitā.

    ติกฺขวิสทภาวาทิคุเณหิ อสาธารณตฺตา ปเรสํ ปญฺญาย น สามนฺตา, อถ โข สุวิทูรวิทูเรติ อสมนฺตปญฺญา อาการสฺส รสฺสตฺตํ กตฺวาฯ เกจิ ‘‘อสมตฺถปญฺญา’’ติ ปฐนฺติ, เตสํ ยถาวุตฺตคุเณหิ อเญฺญหิ อสาธารณตฺตา นตฺถิ เอติสฺสา กายจิ สมตฺถนฺติ อสมตฺถา ปญฺญาติ โยชนาฯ อตฺถววตฺถานโตติ อตฺถปฺปเภทสฺส ยาถาวโต สนฺนิฎฺฐานโตฯ น อโญฺญ โกจิ สโกฺกติ อภิสมฺภวิตุนฺติ ญาณคติยา สมฺปาปุณิตุํ น อโญฺญ โกจิปิ สโกฺกติ, ตสฺมา อยํ สุวิทูรวิทูเรติ อสมนฺตปญฺญาฯ อิทานิ ปุคฺคลนฺตรวเสน อสมนฺตปญฺญํ วิภาเวตุํ, ‘‘ปุถุชฺชนกลฺยาณกสฺสา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ

    Tikkhavisadabhāvādiguṇehi asādhāraṇattā paresaṃ paññāya na sāmantā, atha kho suvidūravidūreti asamantapaññā ākārassa rassattaṃ katvā. Keci ‘‘asamatthapaññā’’ti paṭhanti, tesaṃ yathāvuttaguṇehi aññehi asādhāraṇattā natthi etissā kāyaci samatthanti asamatthā paññāti yojanā. Atthavavatthānatoti atthappabhedassa yāthāvato sanniṭṭhānato. Na añño koci sakkoti abhisambhavitunti ñāṇagatiyā sampāpuṇituṃ na añño kocipi sakkoti, tasmā ayaṃ suvidūravidūreti asamantapaññā. Idāni puggalantaravasena asamantapaññaṃ vibhāvetuṃ, ‘‘puthujjanakalyāṇakassā’’tiādi āraddhaṃ.

    ‘‘ปญฺญาปเภทกุสโล อภินฺนญาโณ อธิคตปฺปฎิสมฺภิโท จตุเวสารชฺชปฺปโตฺต ทสพลธารี ปุริสาสโภ ปุริสสีโห ปุริสนาโค ปุริสาชโญฺญ ปุริสโธรโยฺห อนนฺตญาโณ อนนฺตเตโช อนนฺตยโส อโฑฺฒ มหทฺธโน พลวา เนตา วิเนตา อนุเนตา ปญฺญาเปตา วินิชฺฌาเปตา เปกฺขตา ปสาเทตาฯ โส หิ ภควา อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา, อสญฺชาตสฺส มคฺคสฺส สญฺชเนตา, อนกฺขาตสฺส มคฺคสฺส อกฺขาตา, มคฺคญฺญู มคฺควิทู มคฺคโกวิโทฯ มคฺคานุคามี จ ปน เอตรหิ สาวกา วิหรนฺติ ปจฺฉา สมนฺนาคตาฯ

    ‘‘Paññāpabhedakusalo abhinnañāṇo adhigatappaṭisambhido catuvesārajjappatto dasabaladhārī purisāsabho purisasīho purisanāgo purisājañño purisadhorayho anantañāṇo anantatejo anantayaso aḍḍho mahaddhano balavā netā vinetā anunetā paññāpetā vinijjhāpetā pekkhatā pasādetā. So hi bhagavā anuppannassa maggassa uppādetā, asañjātassa maggassa sañjanetā, anakkhātassa maggassa akkhātā, maggaññū maggavidū maggakovido. Maggānugāmī ca pana etarahi sāvakā viharanti pacchā samannāgatā.

    ‘‘โส หิ ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต ญาณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต วตฺตา ปวตฺตา อตฺถสฺส นิเนฺนตา อมตสฺส ทาตา ธมฺมสฺสามี ตถาคโต, นตฺถิ ตสฺส ภควโต อญฺญาตํ อทิฎฺฐํ อวิทิตํ อสจฺฉิกตํ อผสฺสิตํ ปญฺญายฯ อตีตํ อนาคตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ อุปาทาย สเพฺพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต ญาณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, ยํ กิญฺจิ เนยฺยํ นาม อตฺถิ ตํ สพฺพํ ชานิตพฺพํ, อตฺตโตฺถ วา ปรโตฺถ วา อุภยโตฺถ วา ทิฎฺฐธมฺมิโก วา อโตฺถ สมฺปรายิโก วา อโตฺถ อุตฺตาโน วา อโตฺถ คมฺภีโร วา อโตฺถ คูโฬฺห วา อโตฺถ ปฎิจฺฉโนฺน วา อโตฺถ เนโยฺย วา อโตฺถ นีโต วา อโตฺถ อนวโชฺช วา อโตฺถ นิกฺกิเลโส วา อโตฺถ โวทาโน วา อโตฺถ ปรมโตฺถ วา อโตฺถ, สพฺพํ ตํ อโนฺตพุทฺธญาเณ ปริวตฺตติฯ

    ‘‘So hi bhagavā jānaṃ jānāti, passaṃ passati, cakkhubhūto ñāṇabhūto dhammabhūto brahmabhūto vattā pavattā atthassa ninnetā amatassa dātā dhammassāmī tathāgato, natthi tassa bhagavato aññātaṃ adiṭṭhaṃ aviditaṃ asacchikataṃ aphassitaṃ paññāya. Atītaṃ anāgataṃ paccuppannaṃ upādāya sabbe dhammā sabbākārena buddhassa bhagavato ñāṇamukhe āpāthaṃ āgacchanti, yaṃ kiñci neyyaṃ nāma atthi taṃ sabbaṃ jānitabbaṃ, attattho vā parattho vā ubhayattho vā diṭṭhadhammiko vā attho samparāyiko vā attho uttāno vā attho gambhīro vā attho gūḷho vā attho paṭicchanno vā attho neyyo vā attho nīto vā attho anavajjo vā attho nikkileso vā attho vodāno vā attho paramattho vā attho, sabbaṃ taṃ antobuddhañāṇe parivattati.

    ‘‘สพฺพํ กายกมฺมํ พุทฺธสฺส ภควโต ญาณานุปริวตฺติ, สพฺพํ วจีกมฺมํ พุทฺธสฺส ภควโต ญาณานุปริวตฺติ, สพฺพํ มโนกมฺมํ พุทฺธสฺส ภควโต ญาณานุปริวตฺติฯ อตีเต พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฎิหตํ ญาณํ, อนาคเต พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฎิหตํ ญาณํ, ปจฺจุปฺปเนฺน พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฎิหตํ ญาณํ, ยาวตกํ เนยฺยํ, ตาวตกํ ญาณํฯ ยาวตกํ ญาณํ, ตาวตกํ เนยฺยํฯ เนยฺยปริยนฺติกํ ญาณํ, ญาณปริยนฺติกํ เนยฺยํ, เนยฺยํ อติกฺกมิตฺวา ญาณํ นปฺปวตฺตติ, ญาณํ อติกฺกมิตฺวา เนยฺยปโถ นตฺถิ, อญฺญมญฺญปริยนฺตฎฺฐายิโน เต ธมฺมา, ยถา ทฺวินฺนํ สมุคฺคปฎลานํ สมฺมา ผุสิตานํ เหฎฺฐิมํ สมุคฺคปฎลํ อุปริมํ นาติวตฺตติ, อุปริมํ สมุคฺคปฎลํ เหฎฺฐิมํ นาติวตฺตติ, อญฺญมญฺญปริยนฺตฎฺฐายิโน, เอวเมวํ พุทฺธสฺส ภควโต เนยฺยญฺจ ญาณญฺจ อญฺญมญฺญปริยนฺตฎฺฐายิโนฯ ยาวตกํ เนยฺยํ, ตาวตกํ ญาณํฯ ยาวตกํ ญาณํ, ตาวตกํ เนยฺยํ, เนยฺยปริยนฺติกํ ญาณํ, ญาณปริยนฺติกํ เนยฺยํ, เนยฺยํ อติกฺกมิตฺวา ญาณํ นปฺปวตฺตติ, ญาณํ อติกฺกมิตฺวา เนยฺยปโถ นตฺถิฯ อญฺญมญฺญปริยนฺตฎฺฐายิโน เต ธมฺมาฯ สพฺพธเมฺมสุ พุทฺธสฺส ภควโต ญาณํ ปวตฺตติฯ

    ‘‘Sabbaṃ kāyakammaṃ buddhassa bhagavato ñāṇānuparivatti, sabbaṃ vacīkammaṃ buddhassa bhagavato ñāṇānuparivatti, sabbaṃ manokammaṃ buddhassa bhagavato ñāṇānuparivatti. Atīte buddhassa bhagavato appaṭihataṃ ñāṇaṃ, anāgate buddhassa bhagavato appaṭihataṃ ñāṇaṃ, paccuppanne buddhassa bhagavato appaṭihataṃ ñāṇaṃ, yāvatakaṃ neyyaṃ, tāvatakaṃ ñāṇaṃ. Yāvatakaṃ ñāṇaṃ, tāvatakaṃ neyyaṃ. Neyyapariyantikaṃ ñāṇaṃ, ñāṇapariyantikaṃ neyyaṃ, neyyaṃ atikkamitvā ñāṇaṃ nappavattati, ñāṇaṃ atikkamitvā neyyapatho natthi, aññamaññapariyantaṭṭhāyino te dhammā, yathā dvinnaṃ samuggapaṭalānaṃ sammā phusitānaṃ heṭṭhimaṃ samuggapaṭalaṃ uparimaṃ nātivattati, uparimaṃ samuggapaṭalaṃ heṭṭhimaṃ nātivattati, aññamaññapariyantaṭṭhāyino, evamevaṃ buddhassa bhagavato neyyañca ñāṇañca aññamaññapariyantaṭṭhāyino. Yāvatakaṃ neyyaṃ, tāvatakaṃ ñāṇaṃ. Yāvatakaṃ ñāṇaṃ, tāvatakaṃ neyyaṃ, neyyapariyantikaṃ ñāṇaṃ, ñāṇapariyantikaṃ neyyaṃ, neyyaṃ atikkamitvā ñāṇaṃ nappavattati, ñāṇaṃ atikkamitvā neyyapatho natthi. Aññamaññapariyantaṭṭhāyino te dhammā. Sabbadhammesu buddhassa bhagavato ñāṇaṃ pavattati.

    ‘‘สเพฺพ ธมฺมา พุทฺธสฺส ภควโต อาวชฺชนปฺปฎิพทฺธา อากงฺขปฺปฎิพทฺธา มนสิการปฺปฎิพทฺธา จิตฺตุปฺปาทปฺปฎิพทฺธา, สพฺพสเตฺตสุ พุทฺธสฺส ภควโต ญาณํ ปวตฺตติฯ สเพฺพสํ สตฺตานํ พุโทฺธ อาสยํ ชานาติ, อนุสยํ ชานาติ, จริตํ ชานาติ, อธิมุตฺติํ ชานาติ, อปฺปรชเกฺข มหารชเกฺข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิญฺญาปเย ทุวิญฺญาปเย ภพฺพา สเพฺพ สเตฺต ปชานาติ, สเทวโก โลโก สมารโก สพฺรหฺมโก สสฺสมณพฺราหฺมณี ปชา สเทวมนุสฺสา อโนฺตพุทฺธญาเณ ปริวตฺตติฯ

    ‘‘Sabbe dhammā buddhassa bhagavato āvajjanappaṭibaddhā ākaṅkhappaṭibaddhā manasikārappaṭibaddhā cittuppādappaṭibaddhā, sabbasattesu buddhassa bhagavato ñāṇaṃ pavattati. Sabbesaṃ sattānaṃ buddho āsayaṃ jānāti, anusayaṃ jānāti, caritaṃ jānāti, adhimuttiṃ jānāti, apparajakkhe mahārajakkhe tikkhindriye mudindriye svākāre dvākāre suviññāpaye duviññāpaye bhabbā sabbe satte pajānāti, sadevako loko samārako sabrahmako sassamaṇabrāhmaṇī pajā sadevamanussā antobuddhañāṇe parivattati.

    ‘‘ยถา เย เกจิ มจฺฉกจฺฉปา อนฺตมโส ติมิติมิงฺคลํ อุปาทาย อโนฺตมหาสมุเทฺท ปริวตฺตนฺติ, เอวเมว สเทวโก โลโก สมารโก สพฺรหฺมโก สสฺสมณพฺราหฺมณี ปชา สเทวมนุสฺสา อโนฺตพุทฺธญาเณ ปริวตฺตติฯ ยถา เย เกจิ ปกฺขิโน อนฺตมโส ครุฬํ เวนเตยฺยํ อุปาทาย อากาสสฺส ปเทเส ปริวตฺตนฺติ, เอวเมว เยปิ เต สาริปุตฺตสมา ปญฺญาย, เตปิ พุทฺธญาณสฺส ปเทเส ปริวตฺตนฺติ, พุทฺธญาณํ เทวมนุสฺสานํ ปญฺญํ ผริตฺวา อติฆํสิตฺวา ติฎฺฐติฯ เยปิ เต ขตฺติยปณฺฑิตา พฺราหฺมณปณฺฑิตา คหปติปณฺฑิตา สมณปณฺฑิตา นิปุณา กตปรปฺปวาทา วาลเวธิรูปา, โวภินฺทนฺตา มเญฺญ จรนฺติ ปญฺญาคเตน ทิฎฺฐิคตานิ, เต เต ปญฺหํ อภิสงฺขริตฺวา อภิสงฺขริตฺวา’’ติ (ปฎิ. ม. ๓.๕) –

    ‘‘Yathā ye keci macchakacchapā antamaso timitimiṅgalaṃ upādāya antomahāsamudde parivattanti, evameva sadevako loko samārako sabrahmako sassamaṇabrāhmaṇī pajā sadevamanussā antobuddhañāṇe parivattati. Yathā ye keci pakkhino antamaso garuḷaṃ venateyyaṃ upādāya ākāsassa padese parivattanti, evameva yepi te sāriputtasamā paññāya, tepi buddhañāṇassa padese parivattanti, buddhañāṇaṃ devamanussānaṃ paññaṃ pharitvā atighaṃsitvā tiṭṭhati. Yepi te khattiyapaṇḍitā brāhmaṇapaṇḍitā gahapatipaṇḍitā samaṇapaṇḍitā nipuṇā kataparappavādā vālavedhirūpā, vobhindantā maññe caranti paññāgatena diṭṭhigatāni, te te pañhaṃ abhisaṅkharitvā abhisaṅkharitvā’’ti (paṭi. ma. 3.5) –

    อาทินา นิทฺทิฎฺฐปาฬิํ เปยฺยาลมุเขน สํขิปิตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘ปญฺญาปเภทกุสโล ปภินฺนญาโณ…เป.… เต ปญฺหํ อภิสงฺขริตฺวา อภิสงฺขริตฺวา’’ติอาทิมาหฯ

    Ādinā niddiṭṭhapāḷiṃ peyyālamukhena saṃkhipitvā dassento ‘‘paññāpabhedakusalo pabhinnañāṇo…pe… te pañhaṃ abhisaṅkharitvā abhisaṅkharitvā’’tiādimāha.

    ตตฺถ ปภินฺนญาโณติ อตฺถาทีสุ ปเภทคตญาโณฯ ‘‘ปเภทญาโณ’’ติปิ ปฐนฺติ, โสเยว อโตฺถฯ เต ปญฺหนฺติ เต เต อตฺตนา อธิเปฺปตํ ปญฺหํฯ นิทฺทิฎฺฐการณาติ วิสฺสชฺชิตการณาฯ อุปกฺขิตฺตกาติ ภควโต ปญฺญาเวยฺยตฺติเยน สมีเป ขิตฺตกา อเนฺตวาสิกา สมฺปชฺชนฺติฯ

    Tattha pabhinnañāṇoti atthādīsu pabhedagatañāṇo. ‘‘Pabhedañāṇo’’tipi paṭhanti, soyeva attho. Te pañhanti te te attanā adhippetaṃ pañhaṃ. Niddiṭṭhakāraṇāti vissajjitakāraṇā. Upakkhittakāti bhagavato paññāveyyattiyena samīpe khittakā antevāsikā sampajjanti.

    ภวติ อภิภวตีติ ภูริฯ กิํ? ราคาทิํฯ อุปสเคฺค สติปิ ตเทว ปทํ ตมตฺถํ วทตีติ อุปสเคฺคน วินาปิ โส อโตฺถ วิเญฺญโยฺย อเนกตฺถตฺตา ธาตูนนฺติ วุตฺตํ – ‘‘อภิภุยฺยตี’’ติฯ การกพฺยตฺตเยน เจตํ วุตฺตํ, ตสฺมา ราคํ อภิภุยฺยตีติ สา สา มคฺคปญฺญา อตฺตนา อตฺตนา วชฺฌํ ราคํ อภิภุยฺยติ อภิภวติ, มทตีติ อโตฺถฯ อภิภวตีติ สา สา ผลปญฺญา ตํ ตํ ราคํ ภวิ อภิภวิ มทฺทีติ ภูริปญฺญาฯ ‘‘อภิภวิตา’’ติ วา ปาโฐ, ‘‘อภิภวิตฺวา’’ติปิ ปฐนฺติฯ อภิภวิตฺวาติ จ กิริยาย สิทฺธภาวทสฺสนํฯ ปญฺญา เจ สิทฺธา, ราคาภิภโว จ สิโทฺธ เอวาติฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ

    Bhavati abhibhavatīti bhūri. Kiṃ? Rāgādiṃ. Upasagge satipi tadeva padaṃ tamatthaṃ vadatīti upasaggena vināpi so attho viññeyyo anekatthattā dhātūnanti vuttaṃ – ‘‘abhibhuyyatī’’ti. Kārakabyattayena cetaṃ vuttaṃ, tasmā rāgaṃ abhibhuyyatīti sā sā maggapaññā attanā attanā vajjhaṃ rāgaṃ abhibhuyyati abhibhavati, madatīti attho. Abhibhavatīti sā sā phalapaññā taṃ taṃ rāgaṃ bhavi abhibhavi maddīti bhūripaññā. ‘‘Abhibhavitā’’ti vā pāṭho, ‘‘abhibhavitvā’’tipi paṭhanti. Abhibhavitvāti ca kiriyāya siddhabhāvadassanaṃ. Paññā ce siddhā, rāgābhibhavo ca siddho evāti. Sesesupi eseva nayo.

    ราคาทีสุ ปน รชฺชนลกฺขโณ ราโคฯ ทุสฺสนลกฺขโณ โทโสฯ มุยฺหนลกฺขโณ โมโหฯ กุชฺฌนลกฺขโณ โกโธ, อุปนนฺธนลกฺขโณ อุปนาโหฯ ปุพฺพกาลํ โกโธ, อปรกาลํ อุปนาโหฯ ปรคุณมกฺขนลกฺขโณ มโกฺข, ยุคคฺคาหลกฺขโณ ปลาโสฯ ปรสมฺปตฺติขียนลกฺขณา อิสฺสา, อตฺตโน สมฺปตฺตินิคฺคูหนลกฺขณํ มจฺฉริยํฯ อตฺตนา กตปาปปฺปฎิจฺฉาทนลกฺขณา มายา, อตฺตโน อวิชฺชมานคุณปฺปกาสนลกฺขณํ สาเฐยฺยํฯ จิตฺตสฺส อุทฺธุมาตภาวลกฺขโณ ถโมฺภ, กรณุตฺตริยลกฺขโณ สารโมฺภฯ อุนฺนติลกฺขโณ มาโน, อพฺภุนฺนติลกฺขโณ อติมาโนฯ มตฺตภาวลกฺขโณ มโท, ปญฺจกามคุเณสุ จิตฺตโวสฺสคฺคลกฺขโณ ปมาโทฯ ภวติ อภิภวติ อรินฺติ ภูริ อสรูปโต ปรสฺส อการสฺส โลปํ กตฺวาฯ เตนาห – ‘‘อริํ มทฺทนิปญฺญาติ ภูริปญฺญา’’ติฯ ภวติ เอตฺถ ถาวรชงฺคมนฺติ ภูริ วุจฺจติ ปถวี ยถา ‘‘ภูมี’’ติ ภูริ วิยาติ ภูริปญฺญา วิตฺถตวิปุลเฎฺฐน สพฺพํ สหตาย จฯ เตนาห – ‘‘ตายา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ปถวิสมายาติ วิตฺถตวิปุลเฎฺฐเนว ปถวิสมายฯ วิตฺถตายาติ ปชานิตเพฺพ วิสเย วิตฺถตาย, น เอกเทเส วตฺตมานายฯ วิปุลายาติ อุฬารภูตายฯ สมนฺนาคโตติ ปุคฺคโลฯ อิติ-สโทฺท การณเตฺถ, อิมินา การเณน ปุคฺคลสฺส ภูริปญฺญาย สมนฺนาคตตฺตา ตสฺส ปญฺญา ภูริปญฺญา นามาติ อโตฺถฯ ‘‘ภูริปญฺญสฺส ปญฺญา ภูริปญฺญปญฺญา’’ติ วตฺตเพฺพ เอกสฺส ปญฺญาสทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘ภูริปญฺญา’’ติ วุตฺตํฯ

    Rāgādīsu pana rajjanalakkhaṇo rāgo. Dussanalakkhaṇo doso. Muyhanalakkhaṇo moho. Kujjhanalakkhaṇo kodho, upanandhanalakkhaṇo upanāho. Pubbakālaṃ kodho, aparakālaṃ upanāho. Paraguṇamakkhanalakkhaṇo makkho, yugaggāhalakkhaṇo palāso. Parasampattikhīyanalakkhaṇā issā, attano sampattiniggūhanalakkhaṇaṃ macchariyaṃ. Attanā katapāpappaṭicchādanalakkhaṇā māyā, attano avijjamānaguṇappakāsanalakkhaṇaṃ sāṭheyyaṃ. Cittassa uddhumātabhāvalakkhaṇo thambho, karaṇuttariyalakkhaṇo sārambho. Unnatilakkhaṇo māno, abbhunnatilakkhaṇo atimāno. Mattabhāvalakkhaṇo mado, pañcakāmaguṇesu cittavossaggalakkhaṇo pamādo. Bhavati abhibhavati arinti bhūri asarūpato parassa akārassa lopaṃ katvā. Tenāha – ‘‘ariṃ maddanipaññāti bhūripaññā’’ti. Bhavati ettha thāvarajaṅgamanti bhūri vuccati pathavī yathā ‘‘bhūmī’’ti bhūri viyāti bhūripaññā vitthatavipulaṭṭhena sabbaṃ sahatāya ca. Tenāha – ‘‘tāyā’’tiādi. Tattha pathavisamāyāti vitthatavipulaṭṭheneva pathavisamāya. Vitthatāyāti pajānitabbe visaye vitthatāya, na ekadese vattamānāya. Vipulāyāti uḷārabhūtāya. Samannāgatoti puggalo. Iti-saddo kāraṇatthe, iminā kāraṇena puggalassa bhūripaññāya samannāgatattā tassa paññā bhūripaññā nāmāti attho. ‘‘Bhūripaññassa paññā bhūripaññapaññā’’ti vattabbe ekassa paññāsaddassa lopaṃ katvā ‘‘bhūripaññā’’ti vuttaṃ.

    อปิจาติ ปญฺญาปริยายทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ปญฺญายเมตนฺติ ปญฺญาย เอตํฯ อธิวจนนฺติ อธิกํ วจนํฯ ภูรีติ ภูเต อเตฺถ ขนฺธาทิเก รมติ สจฺจสภาเวน, ทิฎฺฐิ วิย น อภูเตติ ภูริฯ เมธาติ อสนิ วิย สิลุจฺจเย กิเลเส เมธติ หิํสตีติ เมธา, ขิปฺปํ คหณธารณเฎฺฐน วา เมธาฯ ปริณายิกาติ ยสฺสุปฺปชฺชติ, ตํ สตฺตํ อตฺตหิตปฺปฎิปตฺติยํ สมฺปยุตฺตธเมฺม จ ยาถาวลกฺขณปฺปฎิเวเธ ปริเณตีติ ปริณายิกาฯ อิเมเหว อญฺญานิปิ ปญฺญาปริยายวจนานิ โหนฺติฯ

    Apicāti paññāpariyāyadassanatthaṃ vuttaṃ. Paññāyametanti paññāya etaṃ. Adhivacananti adhikaṃ vacanaṃ. Bhūrīti bhūte atthe khandhādike ramati saccasabhāvena, diṭṭhi viya na abhūteti bhūri. Medhāti asani viya siluccaye kilese medhati hiṃsatīti medhā, khippaṃ gahaṇadhāraṇaṭṭhena vā medhā. Pariṇāyikāti yassuppajjati, taṃ sattaṃ attahitappaṭipattiyaṃ sampayuttadhamme ca yāthāvalakkhaṇappaṭivedhe pariṇetīti pariṇāyikā. Imeheva aññānipi paññāpariyāyavacanāni honti.

    ปญฺญาพาหุลฺลนฺติ ปญฺญา พหุลา อสฺสาติ ปญฺญาพหุโล, ตสฺส ภาโว ปญฺญาพาหุลฺลํฯ ตญฺจ ปญฺญาย พาหุลฺลํ ปวตฺติ เอวาติ ตมตฺถํ ปญฺญาครุกสฺส ปุคฺคลสฺส วเสน ทเสฺสโนฺต, ‘‘อิเธกโจฺจ ปญฺญาครุโก โหตี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิเธกโจฺจติ ปุถุชฺชนกลฺยาณโก, อริโย วาฯ ปญฺญา ครุ เอกสฺสาติ ปญฺญาครุโกฯ ปญฺญาย จริโต ปวตฺติโต ปญฺญาจริโต, ปญฺญาย จริตํ ปวตฺตํ อสฺสาติ วา ปญฺญาจริโตฯ อนุโลมิกขนฺติอาทิวิภาคา ปญฺญา อาสโย เอตสฺสาติ ปญฺญาสโยฯ ปญฺญาย อธิมุโตฺต ตนฺนิโนฺนติ ปญฺญาธิมุโตฺตฯ สมุสฺสิตเฎฺฐน ปญฺญา ธโช เอตสฺสาติ ปญฺญาธโชฯ ปญฺญาเกตูติ ตเสฺสว เววจนํฯ ปญฺญานิมิตฺตํ อาธิปเตยฺยํ เอตสฺสาติ ปญฺญาธิปเตโยฺยฯ ปญฺญาสงฺขาโต วิจโย, ธมฺมสภาววิจินนํ วา พหุลํ เอตสฺสาติ วิจยพหุโล ฯ นานปฺปกาเรน ธมฺมสภาววิจินนํ พหุลํ อสฺสาติ ปวิจยพหุโลฯ โอกฺขายนํ ยาถาวโต ธมฺมานํ อุปฎฺฐานํ พหุลํ เอตสฺสาติ โอกฺขายนพหุโลฯ ปญฺญาย ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส สมฺมาเปกฺขนา สเมฺปกฺขา, สเมฺปกฺขาย อยนํ ปวตฺตนํ สเมฺปกฺขายนํ, สเมฺปกฺขายนํ ธโมฺม ปกติ อสฺสาติ สเมฺปกฺขายนธโมฺมฯ สเมฺปกฺขายนํ วา ยาถาวโต ทสฺสนธโมฺม สภาโว เอตสฺสาติ สเมฺปกฺขายนธโมฺมฯ สพฺพํ ธมฺมชาตํ วิภูตํ วิภาวิตํ กตฺวา วิหรณสีโลติ วิภูตวิหารี

    Paññābāhullanti paññā bahulā assāti paññābahulo, tassa bhāvo paññābāhullaṃ. Tañca paññāya bāhullaṃ pavatti evāti tamatthaṃ paññāgarukassa puggalassa vasena dassento, ‘‘idhekacco paññāgaruko hotī’’tiādimāha. Tattha idhekaccoti puthujjanakalyāṇako, ariyo vā. Paññā garu ekassāti paññāgaruko. Paññāya carito pavattito paññācarito, paññāya caritaṃ pavattaṃ assāti vā paññācarito. Anulomikakhantiādivibhāgā paññā āsayo etassāti paññāsayo. Paññāya adhimutto tanninnoti paññādhimutto. Samussitaṭṭhena paññā dhajo etassāti paññādhajo. Paññāketūti tasseva vevacanaṃ. Paññānimittaṃ ādhipateyyaṃ etassāti paññādhipateyyo. Paññāsaṅkhāto vicayo, dhammasabhāvavicinanaṃ vā bahulaṃ etassāti vicayabahulo. Nānappakārena dhammasabhāvavicinanaṃ bahulaṃ assāti pavicayabahulo. Okkhāyanaṃ yāthāvato dhammānaṃ upaṭṭhānaṃ bahulaṃ etassāti okkhāyanabahulo. Paññāya tassa tassa dhammassa sammāpekkhanā sampekkhā, sampekkhāya ayanaṃ pavattanaṃ sampekkhāyanaṃ, sampekkhāyanaṃ dhammo pakati assāti sampekkhāyanadhammo. Sampekkhāyanaṃ vā yāthāvato dassanadhammo sabhāvo etassāti sampekkhāyanadhammo. Sabbaṃ dhammajātaṃ vibhūtaṃ vibhāvitaṃ katvā viharaṇasīloti vibhūtavihārī.

    ตจฺจริโตติอาทีสุ ตํ-สเทฺทน ปญฺญา ปจฺจามฎฺฐา, ตสฺมา ตตฺถ ‘‘ปญฺญาจริโต’’ติอาทินา อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ สา ปญฺญา จริตา ครุกา พหุลา อสฺสาติ ตจฺจริโต ตคฺครุโก ตพฺพหุโลฯ ตสฺสํ ปญฺญายํ นิโนฺน โปโณ ปพฺภาโร อธิมุโตฺตติ ตนฺนิโนฺน ตโปฺปโณ ตปฺปพฺภาโร ตทธิมุโตฺตฯ สา ปญฺญา อธิปติ ตทธิปติ, ตทธิปติโต อาคโต ตทาธิปเตโยฺยฯ ปญฺญาครุโกติอาทีนิ ‘‘กามํ เสวนฺตํเยว ชานาติ, อยํ ปุคฺคโล เนกฺขมฺมครุโก’’ติอาทีสุ (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๔) วิย ปุริมชาติโต ปภุติ วุตฺตานิฯ ตจฺจริโตติอาทีนิ อิมิสฺสา ชาติยา วุตฺตานิฯ อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ นิทสฺสนวเสนปิ ทเสฺสตุํ – ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอวเมวนฺติอาทีนิ ทสฺสิตพฺพนิคมนํฯ

    Taccaritotiādīsu taṃ-saddena paññā paccāmaṭṭhā, tasmā tattha ‘‘paññācarito’’tiādinā attho veditabbo. Sā paññā caritā garukā bahulā assāti taccarito taggaruko tabbahulo. Tassaṃ paññāyaṃ ninno poṇo pabbhāro adhimuttoti tanninno tappoṇo tappabbhāro tadadhimutto. Sā paññā adhipati tadadhipati, tadadhipatito āgato tadādhipateyyo. Paññāgarukotiādīni ‘‘kāmaṃ sevantaṃyeva jānāti, ayaṃ puggalo nekkhammagaruko’’tiādīsu (paṭi. ma. 1.114) viya purimajātito pabhuti vuttāni. Taccaritotiādīni imissā jātiyā vuttāni. Idāni vuttamevatthaṃ nidassanavasenapi dassetuṃ – ‘‘yathā’’tiādi vuttaṃ. Evamevantiādīni dassitabbanigamanaṃ.

    สีฆปญฺญาติ อตฺตโน วิสเย สีฆปฺปวตฺติกา ปญฺญา, ยา สมารทฺธา อตฺตโน ปญฺญากิจฺจํ อทนฺธายนฺตี อวิตฺถายนฺตี ขิปฺปเมว สมฺปาเปติฯ เตนาห – ‘‘สีฆํ สีฆํ สีลานิ ปริปูเรตี’’ติอาทิฯ ตตฺถ สีฆํ สีฆนฺติ พหูนํ สีลาทีนํ สงฺคหตฺถํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํฯ สีลานีติ จาริตฺตวาริตฺตวเสน ปญฺญตฺตานิ ปาติโมกฺขสํวรสีลานิ, ฐเปตฺวา วา อินฺทฺริยสํวรํ ตสฺส วิสุํ คหิตตฺตา อิตรานิ ติวิธสีลานิฯ อินฺทฺริยสํวรนฺติ จกฺขาทีนํ ฉนฺนํ อินฺทฺริยานํ ราคปฺปฎิฆปฺปเวสํ อกตฺวา สติกวาเฎน นิวารณํ ถกนํฯ โภชเน มตฺตญฺญุตนฺติ ปจฺจเวกฺขิตปริโภควเสน โภชเน ปมาณญฺญุภาวํฯ ชาคริยานุโยคนฺติ ทิวสสฺส ตีสุ โกฎฺฐาเสสุ รตฺติยา ปฐมมชฺฌิมโกฎฺฐาเสสุ จ ชาครติ น นิทฺทายติ, สมณธมฺมเมว กโรตีติ ชาคโร, ชาครสฺส ภาโว, กมฺมํ วา ชาคริยํ, ชาคริยสฺส อนุโยโค ชาคริยานุโยโค, ตํ ชาคริยานุโยคํฯ สีลกฺขนฺธนฺติ เสกฺขํ วา อเสกฺขํ วา สีลกฺขนฺธํฯ เอวมิตเรปิ ขนฺธา เวทิตพฺพาฯ ปญฺญากฺขนฺธนฺติ มคฺคปญฺญา จ เสกฺขาเสกฺขานํ โลกิยปญฺญา จฯ วิมุตฺติกฺขนฺธนฺติ ผลวิมุตฺติฯ วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขนฺธนฺติ ปจฺจเวกฺขณญาณํฯ สีฆปญฺญานิเทฺทสสทิโสเยว ลหุปญฺญานิเทฺทโส, ตถา หาสปญฺญานิเทฺทโสฯ ชวนปญฺญานิเทฺทโส ปน กลาปสมฺมสนนเยน ปวโตฺตฯ ติกฺขปญฺญานิเทฺทโส วีริยสฺส อุสฺสุกฺกาปนวเสน, นิเพฺพธิกปญฺญานิเทฺทโส สพฺพโลเก อนภิรตสญฺญาวเสน ปวโตฺตฯ ตตฺถ ตุริตกิริยา สีฆตาฯ อทนฺธตา ลหุตาฯ เวคายิตตฺตํ ขิปฺปตา

    Sīghapaññāti attano visaye sīghappavattikā paññā, yā samāraddhā attano paññākiccaṃ adandhāyantī avitthāyantī khippameva sampāpeti. Tenāha – ‘‘sīghaṃ sīghaṃ sīlāni paripūretī’’tiādi. Tattha sīghaṃ sīghanti bahūnaṃ sīlādīnaṃ saṅgahatthaṃ dvikkhattuṃ vuttaṃ. Sīlānīti cārittavārittavasena paññattāni pātimokkhasaṃvarasīlāni, ṭhapetvā vā indriyasaṃvaraṃ tassa visuṃ gahitattā itarāni tividhasīlāni. Indriyasaṃvaranti cakkhādīnaṃ channaṃ indriyānaṃ rāgappaṭighappavesaṃ akatvā satikavāṭena nivāraṇaṃ thakanaṃ. Bhojane mattaññutanti paccavekkhitaparibhogavasena bhojane pamāṇaññubhāvaṃ. Jāgariyānuyoganti divasassa tīsu koṭṭhāsesu rattiyā paṭhamamajjhimakoṭṭhāsesu ca jāgarati na niddāyati, samaṇadhammameva karotīti jāgaro, jāgarassa bhāvo, kammaṃ vā jāgariyaṃ, jāgariyassa anuyogo jāgariyānuyogo, taṃ jāgariyānuyogaṃ. Sīlakkhandhanti sekkhaṃ vā asekkhaṃ vā sīlakkhandhaṃ. Evamitarepi khandhā veditabbā. Paññākkhandhanti maggapaññā ca sekkhāsekkhānaṃ lokiyapaññā ca. Vimuttikkhandhanti phalavimutti. Vimuttiñāṇadassanakkhandhanti paccavekkhaṇañāṇaṃ. Sīghapaññāniddesasadisoyeva lahupaññāniddeso, tathā hāsapaññāniddeso. Javanapaññāniddeso pana kalāpasammasananayena pavatto. Tikkhapaññāniddeso vīriyassa ussukkāpanavasena, nibbedhikapaññāniddeso sabbaloke anabhiratasaññāvasena pavatto. Tattha turitakiriyā sīghatā. Adandhatā lahutā. Vegāyitattaṃ khippatā.

    หาสพหุโลติ ปีติพหุโลฯ เสสปทานิ ตเสฺสว เววจนานิฯ อถ วา หาสพหุโลติ มูลปทํฯ เวทพหุโลติ ตสฺสา เอว ปีติยา สมฺปยุตฺตโสมนสฺสเวทนาวเสน นิเทฺทสปทํฯ ตุฎฺฐิพหุโลติ นาติพลวปีติยา ตุฎฺฐาการวเสนฯ ปาโมชฺชพหุโลติ พลวปีติยา ปมุทิตภาววเสนฯ สีลานิ ปริปูเรตีติ หฎฺฐปฺปหโฎฺฐ อุทคฺคูทโคฺค สมฺปิยายมาโน สีลานิ สมฺปาเทติฯ ปีติโสมนสฺสสหคตา หิ ปญฺญา อภิรติวเสน อารมฺมเณ ผุลฺลิตา วิกสิตา วิย ปวตฺตติ, น เอวํ อุเปกฺขาสหคตาติฯ

    Hāsabahuloti pītibahulo. Sesapadāni tasseva vevacanāni. Atha vā hāsabahuloti mūlapadaṃ. Vedabahuloti tassā eva pītiyā sampayuttasomanassavedanāvasena niddesapadaṃ. Tuṭṭhibahuloti nātibalavapītiyā tuṭṭhākāravasena. Pāmojjabahuloti balavapītiyā pamuditabhāvavasena. Sīlāni paripūretīti haṭṭhappahaṭṭho udaggūdaggo sampiyāyamāno sīlāni sampādeti. Pītisomanassasahagatā hi paññā abhirativasena ārammaṇe phullitā vikasitā viya pavattati, na evaṃ upekkhāsahagatāti.

    อนิจฺจโต ขิปฺปํ ชวตีติ ‘‘ขนฺธปญฺจกํ อนิจฺจ’’นฺติ เวคายิเตน ปวตฺตติ, ปฎิปกฺขทูรีภาเวน ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส สาติสยตฺตา อิเนฺทน วิสฺสฎฺฐวชิรํ วิย ลกฺขณํ อวิรชฺฌนฺตี อทนฺธายนฺตี อนิจฺจลกฺขณํ เวคสา ปฎิวิชฺฌติ, ตสฺมา สา ชวนปญฺญา นามาติ อโตฺถฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาวเสน ชวนปญฺญํ ทเสฺสตฺวา พลววิปสฺสนาวเสน ทเสฺสตุํ – ‘‘รูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ขยเฎฺฐนาติ ยตฺถ ยตฺถ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ ตเตฺถว ภิชฺชนโต ขยสภาวตฺตาฯ ภยเฎฺฐนาติ ภยานกภาวโตฯ อสารกเฎฺฐนาติ อตฺตสารวิรหโต นิจฺจสาราทิวิรหโต จฯ ตุลยิตฺวาติ ตุลาภูตาย วิปสฺสนาปญฺญาย ตุเลตฺวาฯ ตีรยิตฺวาติ ตาย เอว ตีรณภูตาย ตีเรตฺวาฯ วิภาวยิตฺวาติ ยาถาวโต ปกาเสตฺวา ปากฎํ กตฺวาฯ อถ วา ตุลยิตฺวาติ กลาปสมฺมสนวเสน ตุลยิตฺวาฯ ตีรยิตฺวาติ อุทยพฺพยานุปสฺสนาวเสน ตีเรตฺวาฯ วิภาวยิตฺวาติ ภงฺคานุปสฺสนาทิวเสน ปากฎํ กตฺวาฯ วิภูตํ กตฺวาติ สงฺขารุเปกฺขานุโลมวเสน ผุฎํ กตฺวาฯ รูปนิโรเธติ รูปกฺขนฺธสฺส นิโรธภูเต นิพฺพาเนฯ ขิปฺปํ ชวตีติ นินฺนโปณปพฺภารวเสน ชวติ ปวตฺตติฯ อิทานิ สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาวเสน ชวนปญฺญํ ทเสฺสตุํ, ปุน ‘‘รูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ

    Aniccato khippaṃ javatīti ‘‘khandhapañcakaṃ anicca’’nti vegāyitena pavattati, paṭipakkhadūrībhāvena pubbābhisaṅkhārassa sātisayattā indena vissaṭṭhavajiraṃ viya lakkhaṇaṃ avirajjhantī adandhāyantī aniccalakkhaṇaṃ vegasā paṭivijjhati, tasmā sā javanapaññā nāmāti attho. Sesapadesupi eseva nayo. Evaṃ lakkhaṇārammaṇikavipassanāvasena javanapaññaṃ dassetvā balavavipassanāvasena dassetuṃ – ‘‘rūpa’’ntiādi vuttaṃ. Tattha khayaṭṭhenāti yattha yattha uppajjati, tattha tattheva bhijjanato khayasabhāvattā. Bhayaṭṭhenāti bhayānakabhāvato. Asārakaṭṭhenāti attasāravirahato niccasārādivirahato ca. Tulayitvāti tulābhūtāya vipassanāpaññāya tuletvā. Tīrayitvāti tāya eva tīraṇabhūtāya tīretvā. Vibhāvayitvāti yāthāvato pakāsetvā pākaṭaṃ katvā. Atha vā tulayitvāti kalāpasammasanavasena tulayitvā. Tīrayitvāti udayabbayānupassanāvasena tīretvā. Vibhāvayitvāti bhaṅgānupassanādivasena pākaṭaṃ katvā. Vibhūtaṃ katvāti saṅkhārupekkhānulomavasena phuṭaṃ katvā. Rūpanirodheti rūpakkhandhassa nirodhabhūte nibbāne. Khippaṃ javatīti ninnapoṇapabbhāravasena javati pavattati. Idāni sikhāppattavipassanāvasena javanapaññaṃ dassetuṃ, puna ‘‘rūpa’’ntiādi vuttaṃ.

    ญาณสฺส ติกฺขภาโว นาม สวิเสสํ ปฎิปกฺขสมุจฺฉินฺทเนน เวทิตโพฺพติ ‘‘ขิปฺปํ กิเลเส ฉินฺทตีติ ติกฺขปญฺญา’’ติ วตฺวา เต ปน กิเลเส วิภาเคน ทเสฺสโนฺต, ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺก’’นฺติอาทิมาหฯ สมถวิปสฺสนาหิ วิกฺขมฺภนตทงฺควเสน ปหีนมฺปิ อริยมเคฺคน อสมูหตตฺตา อุปฺปตฺติธมฺมตํ อนตีตตาย อสมูหตุปฺปนฺนนฺติ วุจฺจติ, ตํ อิธ ‘‘อุปฺปนฺน’’นฺติ อธิเปฺปตํฯ นาธิวาเสตีติ สนฺตานํ อาโรเปตฺวา น วาเสติฯ ปชหตีติ สมุเจฺฉทวเสน ปชหติฯ วิโนเทตีติ ขิปติฯ พฺยนฺติํ กโรตีติ วิคตนฺตํ กโรติฯ อนภาวํ คเมตีติ อนุ อภาวํ คเมติ, วิปสฺสนากฺกเมน อริยมคฺคํ ปตฺวา สมุเจฺฉทวเสเนว อภาวํ คมยตีติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ กามปฺปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก กามวิตโกฺกฯ ‘‘อิเม สตฺตา มรนฺตู’’ติ ปเรสํ มรณปฺปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก พฺยาปาทวิตโกฺกฯ ‘‘อิเม สตฺตา วิหิํสิยนฺตู’’ติ ปเรสํ วิหิํสาปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก วิหิํสาวิตโกฺกฯ ปาปเกติ ลามเกฯ อกุสเล ธเมฺมติ อโกสลฺลสมฺภูเต ธเมฺมฯ ติกฺขปโญฺญ นาม ขิปฺปาภิโญฺญ โหติ, ปฎิปทา จสฺส น จลตีติ อาห – ‘‘เอกมฺหิ อาสเน จตฺตาโร อริยมคฺคา’’ติอาทิฯ

    Ñāṇassa tikkhabhāvo nāma savisesaṃ paṭipakkhasamucchindanena veditabboti ‘‘khippaṃ kilese chindatīti tikkhapaññā’’ti vatvā te pana kilese vibhāgena dassento, ‘‘uppannaṃ kāmavitakka’’ntiādimāha. Samathavipassanāhi vikkhambhanatadaṅgavasena pahīnampi ariyamaggena asamūhatattā uppattidhammataṃ anatītatāya asamūhatuppannanti vuccati, taṃ idha ‘‘uppanna’’nti adhippetaṃ. Nādhivāsetīti santānaṃ āropetvā na vāseti. Pajahatīti samucchedavasena pajahati. Vinodetīti khipati. Byantiṃ karotīti vigatantaṃ karoti. Anabhāvaṃ gametīti anu abhāvaṃ gameti, vipassanākkamena ariyamaggaṃ patvā samucchedavaseneva abhāvaṃ gamayatīti attho. Ettha ca kāmappaṭisaṃyutto vitakko kāmavitakko. ‘‘Ime sattā marantū’’ti paresaṃ maraṇappaṭisaṃyutto vitakko byāpādavitakko. ‘‘Ime sattā vihiṃsiyantū’’ti paresaṃ vihiṃsāpaṭisaṃyutto vitakko vihiṃsāvitakko. Pāpaketi lāmake. Akusale dhammeti akosallasambhūte dhamme. Tikkhapañño nāma khippābhiñño hoti, paṭipadā cassa na calatīti āha – ‘‘ekamhi āsane cattāro ariyamaggā’’tiādi.

    ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา สงฺขตา ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา’’ติ ยาถาวโต ทสฺสเนน สจฺจปฺปฎิเวโธ อิชฺฌติ, น อญฺญถาติ การณมุเขน นิเพฺพธิกปญฺญํ ทเสฺสตุํ – ‘‘สพฺพสงฺขาเรสุ อุเพฺพคพหุโล โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อุเพฺพคพหุโลติ ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา (ธ. ป. ๒๗๗) นเยน สพฺพสงฺขาเรสุ อภิณฺหปฺปวตฺตสํเวโคฯ อุตฺตาสพหุโลติ ญาณภยวเสน สพฺพสงฺขาเรสุ พหุโส อุตฺรสฺตมานโสฯ เตน อาทีนวานุปสฺสนมาหฯ อุกฺกณฺฐนพหุโลติ สงฺขารโต อุทฺธํ วิสงฺขาราภิมุขตาย อุกฺกณฺฐนพหุโลฯ อิมินา นิพฺพิทานุปสฺสนมาหฯ อรติพหุโลติอาทินา ตสฺสา เอว อปราปรูปปตฺติํฯ พหิมุโขติ สพฺพสงฺขารโต พหิภูตํ นิพฺพานํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตญาณมุโขฯ ตถา ปวตฺติตวิโมกฺขมุโขฯ นิพฺพิชฺฌนํ ปฎิวิชฺฌนํ นิเพฺพโธ, โส เอติสฺสา อตฺถีติ นิเพฺพธิกา, นิพฺพิชฺฌตีติ วา นิเพฺพธิกา, สา เอว ปญฺญา นิเพฺพธิกปญฺญาฯ อนิพฺพิทฺธปุพฺพนฺติ อนมตเคฺค สํสาเร อนฺตํ ปาเปตฺวา อนิวิทฺธปุพฺพํฯ อปฺปทาลิตปุพฺพนฺติ ตเสฺสว อตฺถวจนํ, อนฺตกรเณเนว อปฺปทาลิตปุพฺพนฺติ อโตฺถฯ โลภกฺขนฺธนฺติ โลภราสิํ, โลภโกฎฺฐาสํ วาฯ

    ‘‘Sabbe saṅkhārā aniccā dukkhā vipariṇāmadhammā saṅkhatā paṭiccasamuppannā khayadhammā vayadhammā virāgadhammā nirodhadhammā’’ti yāthāvato dassanena saccappaṭivedho ijjhati, na aññathāti kāraṇamukhena nibbedhikapaññaṃ dassetuṃ – ‘‘sabbasaṅkhāresu ubbegabahulo hotī’’tiādi vuttaṃ. Tattha ubbegabahuloti ‘‘sabbe saṅkhārā aniccā’’tiādinā (dha. pa. 277) nayena sabbasaṅkhāresu abhiṇhappavattasaṃvego. Uttāsabahuloti ñāṇabhayavasena sabbasaṅkhāresu bahuso utrastamānaso. Tena ādīnavānupassanamāha. Ukkaṇṭhanabahuloti saṅkhārato uddhaṃ visaṅkhārābhimukhatāya ukkaṇṭhanabahulo. Iminā nibbidānupassanamāha. Aratibahulotiādinā tassā eva aparāparūpapattiṃ. Bahimukhoti sabbasaṅkhārato bahibhūtaṃ nibbānaṃ uddissa pavattañāṇamukho. Tathā pavattitavimokkhamukho. Nibbijjhanaṃ paṭivijjhanaṃ nibbedho, so etissā atthīti nibbedhikā, nibbijjhatīti vā nibbedhikā, sā eva paññā nibbedhikapaññā. Anibbiddhapubbanti anamatagge saṃsāre antaṃ pāpetvā anividdhapubbaṃ. Appadālitapubbanti tasseva atthavacanaṃ, antakaraṇeneva appadālitapubbanti attho. Lobhakkhandhanti lobharāsiṃ, lobhakoṭṭhāsaṃ vā.

    กายคตาสติวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kāyagatāsativaggavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๙. กายคตาสติวโคฺค • 19. Kāyagatāsativaggo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๙. กายคตาสติวคฺควณฺณนา • 19. Kāyagatāsativaggavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact