Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā

    กามาวจรกุสลํ ทฺวารกถา

    Kāmāvacarakusalaṃ dvārakathā

    กายกมฺมทฺวารกถา

    Kāyakammadvārakathā

    อิมสฺส ปนตฺถสฺส ปกาสนตฺถํ อิมสฺมิํ ฐาเน มหาอฎฺฐกถายํ ทฺวารกถา กถิตาฯ ตตฺถ ตีณิ กมฺมานิ, ตีณิ กมฺมทฺวารานิ, ปญฺจ วิญฺญาณานิ, ปญฺจ วิญฺญาณทฺวารานิ, ฉ ผสฺสา, ฉ ผสฺสทฺวารานิ, อฎฺฐ อสํวรา, อฎฺฐ อสํวรทฺวารานิ, อฎฺฐ สํวรา, อฎฺฐ สํวรทฺวารานิ, ทส กุสลกมฺมปถา, ทส อกุสลกมฺมปถาติ, อิทํ เอตฺตกํ ทฺวารกถาย มาติกาฐปนํ นามฯ

    Imassa panatthassa pakāsanatthaṃ imasmiṃ ṭhāne mahāaṭṭhakathāyaṃ dvārakathā kathitā. Tattha tīṇi kammāni, tīṇi kammadvārāni, pañca viññāṇāni, pañca viññāṇadvārāni, cha phassā, cha phassadvārāni, aṭṭha asaṃvarā, aṭṭha asaṃvaradvārāni, aṭṭha saṃvarā, aṭṭha saṃvaradvārāni, dasa kusalakammapathā, dasa akusalakammapathāti, idaṃ ettakaṃ dvārakathāya mātikāṭhapanaṃ nāma.

    ตตฺถ กิญฺจาปิ ตีณิ กมฺมานิ ปฐมํ วุตฺตานิ, ตานิ ปน ฐเปตฺวา อาทิโต ตาว ตีณิ กมฺมทฺวารานิ ภาเชตฺวา ทสฺสิตานิฯ กตมานิ ตีณิ? กายกมฺมทฺวารํ, วจีกมฺมทฺวารํ, มโนกมฺมทฺวารนฺติฯ

    Tattha kiñcāpi tīṇi kammāni paṭhamaṃ vuttāni, tāni pana ṭhapetvā ādito tāva tīṇi kammadvārāni bhājetvā dassitāni. Katamāni tīṇi? Kāyakammadvāraṃ, vacīkammadvāraṃ, manokammadvāranti.

    ตตฺถ จตุพฺพิโธ กาโย – อุปาทินฺนโก, อาหารสมุฎฺฐาโน, อุตุสมุฎฺฐาโน, จิตฺตสมุฎฺฐาโนติฯ ตตฺถ จกฺขายตนาทีนิ ชีวิตินฺทฺริยปริยนฺตานิ อฎฺฐ กมฺมสมุฎฺฐานรูปานิปิ, กมฺมสมุฎฺฐานาเนว จตโสฺส ธาตุโย วโณฺณ คโนฺธ รโส โอชาติ อฎฺฐ อุปาทินฺนกกาโย นามฯ ตาเนว อฎฺฐ อาหารชานิ อาหารสมุฎฺฐานิกกาโย นามฯ อฎฺฐ อุตุชานิ อุตุสมุฎฺฐานิกกาโย นามฯ อฎฺฐ จิตฺตชานิ จิตฺตสมุฎฺฐานิกกาโย นามฯ

    Tattha catubbidho kāyo – upādinnako, āhārasamuṭṭhāno, utusamuṭṭhāno, cittasamuṭṭhānoti. Tattha cakkhāyatanādīni jīvitindriyapariyantāni aṭṭha kammasamuṭṭhānarūpānipi, kammasamuṭṭhānāneva catasso dhātuyo vaṇṇo gandho raso ojāti aṭṭha upādinnakakāyo nāma. Tāneva aṭṭha āhārajāni āhārasamuṭṭhānikakāyo nāma. Aṭṭha utujāni utusamuṭṭhānikakāyo nāma. Aṭṭha cittajāni cittasamuṭṭhānikakāyo nāma.

    เตสุ กายกมฺมทฺวารนฺติ เนว อุปาทินฺนกกายสฺส นามํ น อิตเรสํฯ จิตฺตสมุฎฺฐาเนสุ ปน อฎฺฐสุ รูเปสุ เอกา วิญฺญตฺติ อตฺถิ, อิทํ กายกมฺมทฺวารํ นามฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘กตมํ ตํ รูปํ กายวิญฺญตฺติ? ยา กุสลจิตฺตสฺส วา, อกุสลจิตฺตสฺส วา, อพฺยากตจิตฺตสฺส วา, อภิกฺกมนฺตสฺส วา ปฎิกฺกมนฺตสฺส วา, อาโลเกนฺตสฺส วา วิโลเกนฺตสฺส วา, สมิเญฺชนฺตสฺส วา ปสาเรนฺตสฺส วา, กายสฺส ถมฺภนา สนฺถมฺภนา สนฺถมฺภิตตฺตํ, วิญฺญตฺติ วิญฺญาปนา วิญฺญาปิตตฺตํ, อิทํ ตํ รูปํ กายวิญฺญตฺตี’’ติ (ธ. ส. ๗๒๐)ฯ ‘อภิกฺกมิสฺสามิ ปฎิกฺกมิสฺสามี’ติ หิ จิตฺตํ อุปฺปชฺชมานํ รูปํ สมุฎฺฐาเปติฯ ตตฺถ ยา ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ตนฺนิสฺสิโต วโณฺณ คโนฺธ รโส โอชาติ อิเมสํ อฎฺฐนฺนํ รูปกลาปานํ อพฺภนฺตเร จิตฺตสมุฎฺฐานา วาโยธาตุ, สา อตฺตนา สหชาตํ รูปกายํ สนฺถเมฺภติ สนฺธาเรติ จาเลติ อภิกฺกมาเปติ ปฎิกฺกมาเปติฯ

    Tesu kāyakammadvāranti neva upādinnakakāyassa nāmaṃ na itaresaṃ. Cittasamuṭṭhānesu pana aṭṭhasu rūpesu ekā viññatti atthi, idaṃ kāyakammadvāraṃ nāma. Yaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘katamaṃ taṃ rūpaṃ kāyaviññatti? Yā kusalacittassa vā, akusalacittassa vā, abyākatacittassa vā, abhikkamantassa vā paṭikkamantassa vā, ālokentassa vā vilokentassa vā, samiñjentassa vā pasārentassa vā, kāyassa thambhanā santhambhanā santhambhitattaṃ, viññatti viññāpanā viññāpitattaṃ, idaṃ taṃ rūpaṃ kāyaviññattī’’ti (dha. sa. 720). ‘Abhikkamissāmi paṭikkamissāmī’ti hi cittaṃ uppajjamānaṃ rūpaṃ samuṭṭhāpeti. Tattha yā pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātu tannissito vaṇṇo gandho raso ojāti imesaṃ aṭṭhannaṃ rūpakalāpānaṃ abbhantare cittasamuṭṭhānā vāyodhātu, sā attanā sahajātaṃ rūpakāyaṃ santhambheti sandhāreti cāleti abhikkamāpeti paṭikkamāpeti.

    ตตฺถ เอกาวชฺชนวีถิยํ สตฺตสุ ชวเนสุ ปฐมจิตฺตสมุฎฺฐิตา วาโยธาตุ อตฺตนา สหชาตํ รูปกายํ สนฺถเมฺภตุํ สนฺธาเรตุํ สโกฺกติ, อปราปรํ ปน จาเลตุํ น สโกฺกติฯ ทุติยาทีสุปิ เอเสว นโยฯ สตฺตมจิเตฺตน ปน สมุฎฺฐิตา วาโยธาตุ เหฎฺฐา ฉหิ จิเตฺตหิ สมุฎฺฐิตํ วาโยธาตุํ อุปตฺถมฺภนปจฺจยํ ลภิตฺวา อตฺตนา สหชาตํ รูปกายํ สนฺถเมฺภตุํ สนฺธาเรตุํ จาเลตุํ อภิกฺกมาเปตุํ ปฎิกฺกมาเปตุํ อาโลกาเปตุํ วิโลกาเปตุํ สมฺมิญฺชาเปตุํ ปสาราเปตุํ สโกฺกติฯ เตน คมนํ นาม ชายติ, อาคมนํ นาม ชายติ, คมนาคมนํ นาม ชายติฯ ‘โยชนํ คโต ทสโยชนํ คโต’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชาเปติฯ

    Tattha ekāvajjanavīthiyaṃ sattasu javanesu paṭhamacittasamuṭṭhitā vāyodhātu attanā sahajātaṃ rūpakāyaṃ santhambhetuṃ sandhāretuṃ sakkoti, aparāparaṃ pana cāletuṃ na sakkoti. Dutiyādīsupi eseva nayo. Sattamacittena pana samuṭṭhitā vāyodhātu heṭṭhā chahi cittehi samuṭṭhitaṃ vāyodhātuṃ upatthambhanapaccayaṃ labhitvā attanā sahajātaṃ rūpakāyaṃ santhambhetuṃ sandhāretuṃ cāletuṃ abhikkamāpetuṃ paṭikkamāpetuṃ ālokāpetuṃ vilokāpetuṃ sammiñjāpetuṃ pasārāpetuṃ sakkoti. Tena gamanaṃ nāma jāyati, āgamanaṃ nāma jāyati, gamanāgamanaṃ nāma jāyati. ‘Yojanaṃ gato dasayojanaṃ gato’ti vattabbataṃ āpajjāpeti.

    ยถา หิ สตฺตหิ ยุเคหิ อากฑฺฒิตเพฺพ สกเฎ ปฐมยุเค ยุตฺตโคณา ยุคํ ตาว สนฺถเมฺภตุํ สนฺธาเรตุํ สโกฺกนฺติ, จกฺกํ ปน นปวเฎฺฎนฺติ; ทุติยาทีสุปิ เอเสว นโย; สตฺตมยุเค ปน โคเณ โยเชตฺวา ยทา เฉโก สารถิ ธุเร นิสีทิตฺวา โยตฺตานิ อาทาย สพฺพปุริมโต ปฎฺฐาย ปโตทลฎฺฐิยา โคเณ อาโกเฎติ, ตทา สเพฺพว เอกพลา หุตฺวา ธุรญฺจ สนฺธาเรนฺติ จกฺกานิ จ ปวเฎฺฎนฺติฯ ‘สกฎํ คเหตฺวา ทสโยชนํ วีสติโยชนํ คตา’ติ วตฺตพฺพตํ อาปาเทนฺติ – เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํฯ

    Yathā hi sattahi yugehi ākaḍḍhitabbe sakaṭe paṭhamayuge yuttagoṇā yugaṃ tāva santhambhetuṃ sandhāretuṃ sakkonti, cakkaṃ pana napavaṭṭenti; dutiyādīsupi eseva nayo; sattamayuge pana goṇe yojetvā yadā cheko sārathi dhure nisīditvā yottāni ādāya sabbapurimato paṭṭhāya patodalaṭṭhiyā goṇe ākoṭeti, tadā sabbeva ekabalā hutvā dhurañca sandhārenti cakkāni ca pavaṭṭenti. ‘Sakaṭaṃ gahetvā dasayojanaṃ vīsatiyojanaṃ gatā’ti vattabbataṃ āpādenti – evaṃsampadamidaṃ veditabbaṃ.

    ตตฺถ โย จิตฺตสมุฎฺฐานิกกาโย น โส วิญฺญตฺติ, จิตฺตสมุฎฺฐานาย ปน วาโยธาตุยา สหชาตํ รูปกายํ สนฺถเมฺภตุํ สนฺธาเรตุํ จาเลตุํ ปจฺจโย ภวิตุํ สมโตฺถ เอโก อาการวิกาโร อตฺถิ, อยํ วิญฺญตฺติ นามฯ สา อฎฺฐ รูปานิ วิย น จิตฺตสมุฎฺฐานาฯ ยถา ปน อนิจฺจาทิเภทานํ ธมฺมานํ ชรามรณตฺตา, ‘‘ชรามรณํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ สงฺขต’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๒๐) วุตฺตํ, เอวํ จิตฺตสมุฎฺฐานานํ รูปานํ วิญฺญตฺติตาย สาปิ จิตฺตสมุฎฺฐานา นาม โหติฯ

    Tattha yo cittasamuṭṭhānikakāyo na so viññatti, cittasamuṭṭhānāya pana vāyodhātuyā sahajātaṃ rūpakāyaṃ santhambhetuṃ sandhāretuṃ cāletuṃ paccayo bhavituṃ samattho eko ākāravikāro atthi, ayaṃ viññatti nāma. Sā aṭṭha rūpāni viya na cittasamuṭṭhānā. Yathā pana aniccādibhedānaṃ dhammānaṃ jarāmaraṇattā, ‘‘jarāmaraṇaṃ, bhikkhave, aniccaṃ saṅkhata’’ntiādi (saṃ. ni. 2.20) vuttaṃ, evaṃ cittasamuṭṭhānānaṃ rūpānaṃ viññattitāya sāpi cittasamuṭṭhānā nāma hoti.

    วิญฺญาปนตฺตา ปเนสา วิญฺญตฺตีติ วุจฺจติฯ กิํ วิญฺญาเปตีติ? เอกํ กายิกกรณํฯ จกฺขุปถสฺมิญฺหิ ฐิโต หตฺถํ วา ปาทํ วา อุกฺขิปติ, สีสํ วา ภมุกํ วา จาเลติ, อยํ หตฺถาทีนํ อากาโร จกฺขุวิเญฺญโยฺย โหติฯ วิญฺญตฺติ ปน น จกฺขุวิเญฺญยฺยา มโนวิเญฺญยฺยา เอวฯ จกฺขุนา หิ หตฺถวิการาทิวเสน วิปฺผนฺทมานํ วณฺณารมฺมณเมว ปสฺสติฯ วิญฺญตฺติํ ปน มโนทฺวาริกจิเตฺตน จิเนฺตตฺวา ‘อิทญฺจิทญฺจ เอส กาเรติ มเญฺญ’ติ ชานาติฯ

    Viññāpanattā panesā viññattīti vuccati. Kiṃ viññāpetīti? Ekaṃ kāyikakaraṇaṃ. Cakkhupathasmiñhi ṭhito hatthaṃ vā pādaṃ vā ukkhipati, sīsaṃ vā bhamukaṃ vā cāleti, ayaṃ hatthādīnaṃ ākāro cakkhuviññeyyo hoti. Viññatti pana na cakkhuviññeyyā manoviññeyyā eva. Cakkhunā hi hatthavikārādivasena vipphandamānaṃ vaṇṇārammaṇameva passati. Viññattiṃ pana manodvārikacittena cintetvā ‘idañcidañca esa kāreti maññe’ti jānāti.

    ยถา หิ อรเญฺญ นิทาฆสมเย อุทกฎฺฐาเน มนุสฺสา ‘อิมาย สญฺญาย อิธ อุทกสฺส อตฺถิภาวํ ชานิสฺสนฺตี’ติ รุกฺขเคฺค ตาลปณฺณาทีนิ พนฺธาเปนฺติ, สุราปานทฺวาเร ธชํ อุสฺสาเปนฺติ, อุจฺจํ วา ปน รุกฺขํ วาโต ปหริตฺวา จาเลติ, อโนฺตอุทเก มเจฺฉ จลเนฺต อุปริ พุพฺพุฬกานิ อุฎฺฐหนฺติ, มโหฆสฺส คตมคฺคปริยเนฺต ติณปณฺณกสฎํ อุสฺสาริตํ โหติฯ ตตฺถ ตาลปณฺณธชสาขาจลนพุพฺพุฬกติณปณฺณกสเฎ ทิสฺวา ยถา จกฺขุนา อทิฎฺฐมฺปิ ‘เอตฺถ อุทกํ ภวิสฺสติ, สุรา ภวิสฺสติ, อยํ รุโกฺข วาเตน ปหโต ภวิสฺสติ, อโนฺตอุทเก มโจฺฉ ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ ฐานํ อโชฺฌตฺถริตฺวา โอโฆ คโต ภวิสฺสตี’ติ มโนวิญฺญาเณน ชานาติ, เอวเมว วิญฺญตฺติปิ น จกฺขุวิเญฺญยฺยา มโนวิเญฺญยฺยาวฯ จกฺขุนา หิ หตฺถวิการาทิวเสน วิปฺผนฺทมานํ วณฺณารมฺมณเมว ปสฺสติฯ วิญฺญตฺติํ ปน มโนทฺวาริกจิเตฺตน จิเนฺตตฺวา ‘อิทญฺจิทญฺจ เอส กาเรติ มเญฺญ’ติ ชานาติฯ

    Yathā hi araññe nidāghasamaye udakaṭṭhāne manussā ‘imāya saññāya idha udakassa atthibhāvaṃ jānissantī’ti rukkhagge tālapaṇṇādīni bandhāpenti, surāpānadvāre dhajaṃ ussāpenti, uccaṃ vā pana rukkhaṃ vāto paharitvā cāleti, antoudake macche calante upari bubbuḷakāni uṭṭhahanti, mahoghassa gatamaggapariyante tiṇapaṇṇakasaṭaṃ ussāritaṃ hoti. Tattha tālapaṇṇadhajasākhācalanabubbuḷakatiṇapaṇṇakasaṭe disvā yathā cakkhunā adiṭṭhampi ‘ettha udakaṃ bhavissati, surā bhavissati, ayaṃ rukkho vātena pahato bhavissati, antoudake maccho bhavissati, ettakaṃ ṭhānaṃ ajjhottharitvā ogho gato bhavissatī’ti manoviññāṇena jānāti, evameva viññattipi na cakkhuviññeyyā manoviññeyyāva. Cakkhunā hi hatthavikārādivasena vipphandamānaṃ vaṇṇārammaṇameva passati. Viññattiṃ pana manodvārikacittena cintetvā ‘idañcidañca esa kāreti maññe’ti jānāti.

    น เกวลเญฺจสา วิญฺญาปนโตว วิญฺญตฺติ นามฯ วิเญฺญยฺยโตปิ ปน วิญฺญตฺติเยว นามฯ อยญฺหิ ปเรสํ อนฺตมโส ติรจฺฉานคตานมฺปิ ปากฎา โหติฯ ตตฺถ ตตฺถ สนฺนิปติตา หิ โสณสิงฺคาลกากโคณาทโย ทณฺฑํ วา เลฑฺฑุํ วา คเหตฺวา ปหรณากาเร ทสฺสิเต ‘อยํ โน ปหริตุกาโม’ติ ญตฺวา เยน วา เตน วา ปลายนฺติฯ ปาการกุฎฺฎาทิอนฺตริกสฺส ปน ปรสฺส อปากฎกาโลปิ อตฺถิฯ กิญฺจาปิ ตสฺมิํ ขเณ อปากฎา สมฺมุขีภูตานํ ปน ปากฎตฺตา วิญฺญตฺติเยว นาม โหติฯ

    Na kevalañcesā viññāpanatova viññatti nāma. Viññeyyatopi pana viññattiyeva nāma. Ayañhi paresaṃ antamaso tiracchānagatānampi pākaṭā hoti. Tattha tattha sannipatitā hi soṇasiṅgālakākagoṇādayo daṇḍaṃ vā leḍḍuṃ vā gahetvā paharaṇākāre dassite ‘ayaṃ no paharitukāmo’ti ñatvā yena vā tena vā palāyanti. Pākārakuṭṭādiantarikassa pana parassa apākaṭakālopi atthi. Kiñcāpi tasmiṃ khaṇe apākaṭā sammukhībhūtānaṃ pana pākaṭattā viññattiyeva nāma hoti.

    จิตฺตสมุฎฺฐานิเก ปน กาเย จลเนฺต ติสมุฎฺฐานิโก จลติ น จลตีติ? โสปิ ตเถว จลติฯ ตํคติโก ตทนุวตฺตโกว โหติฯ ยถา หิ อุทเก คจฺฉเนฺต อุทเก ปติตานิ สุกฺขทณฺฑกติณปณฺณาทีนิปิ อุทกคติกาเนว ภวนฺติ, ตสฺมิํ คจฺฉเนฺต คจฺฉนฺติ, ติฎฺฐเนฺต ติฎฺฐนฺติ – เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํฯ เอวเมสา จิตฺตสมุฎฺฐาเนสุ รูเปสุ วิญฺญตฺติ กายกมฺมทฺวารํ นามาติ เวทิตพฺพาฯ

    Cittasamuṭṭhānike pana kāye calante tisamuṭṭhāniko calati na calatīti? Sopi tatheva calati. Taṃgatiko tadanuvattakova hoti. Yathā hi udake gacchante udake patitāni sukkhadaṇḍakatiṇapaṇṇādīnipi udakagatikāneva bhavanti, tasmiṃ gacchante gacchanti, tiṭṭhante tiṭṭhanti – evaṃsampadamidaṃ veditabbaṃ. Evamesā cittasamuṭṭhānesu rūpesu viññatti kāyakammadvāraṃ nāmāti veditabbā.

    ยา ปน ตสฺมิํ ทฺวาเร สิทฺธา เจตนา ยาย ปาณํ หนติ, อทินฺนํ อาทิยติ, มิจฺฉาจารํ จรติ, ปาณาติปาตาทีหิ วิรมติ, อิทํ กายกมฺมํ นามฯ เอวํ ปรวาทิมฺหิ สติ กาโย ทฺวารํ, ตมฺหิ ทฺวาเร สิทฺธา เจตนา กายกมฺมํ ‘กุสลํ วา อกุสลํ วา’ติ ฐเปตพฺพํฯ ปรวาทิมฺหิ ปน อสติ ‘อพฺยากตํ วา’ติ ติกํ ปูเรตฺวาว ฐเปตพฺพํฯ ตตฺถ ยถา นครทฺวารํ กตฎฺฐาเนเยว ติฎฺฐติ, องฺคุลมตฺตมฺปิ อปราปรํ น สงฺกมติ, เตน เตน ปน ทฺวาเรน มหาชโน สญฺจรติ, เอวเมว ทฺวาเร ทฺวารํ น สญฺจรติ, กมฺมํ ปน ตสฺมิํ ตสฺมิํ ทฺวาเร อุปฺปชฺชนโต จรติฯ เตนาหุ โปราณา –

    Yā pana tasmiṃ dvāre siddhā cetanā yāya pāṇaṃ hanati, adinnaṃ ādiyati, micchācāraṃ carati, pāṇātipātādīhi viramati, idaṃ kāyakammaṃ nāma. Evaṃ paravādimhi sati kāyo dvāraṃ, tamhi dvāre siddhā cetanā kāyakammaṃ ‘kusalaṃ vā akusalaṃ vā’ti ṭhapetabbaṃ. Paravādimhi pana asati ‘abyākataṃ vā’ti tikaṃ pūretvāva ṭhapetabbaṃ. Tattha yathā nagaradvāraṃ kataṭṭhāneyeva tiṭṭhati, aṅgulamattampi aparāparaṃ na saṅkamati, tena tena pana dvārena mahājano sañcarati, evameva dvāre dvāraṃ na sañcarati, kammaṃ pana tasmiṃ tasmiṃ dvāre uppajjanato carati. Tenāhu porāṇā –

    ทฺวาเร จรนฺติ กมฺมานิ, น ทฺวารา ทฺวารจาริโน;

    Dvāre caranti kammāni, na dvārā dvāracārino;

    ตสฺมา ทฺวาเรหิ กมฺมานิ, อญฺญมญฺญํ ววตฺถิตาติฯ

    Tasmā dvārehi kammāni, aññamaññaṃ vavatthitāti.

    ตตฺถ กเมฺมนาปิ ทฺวารํ นามํ ลภติ, ทฺวาเรนาปิ กมฺมํฯ ยถา หิ วิญฺญาณาทีนํ อุปฺปชฺชนฎฺฐานานิ วิญฺญาณทฺวารํ ผสฺสทฺวารํ อสํวรทฺวารํ สํวรทฺวารนฺติ นามํ ลภนฺติ, เอวํ กายกมฺมสฺส อุปฺปชฺชนฎฺฐานํ กายกมฺมทฺวารนฺติ นามํ ลภติฯ วจีมโนกมฺมทฺวาเรสุปิ เอเสว นโยฯ ยถา ปน ตสฺมิํ ตสฺมิํ รุเกฺข อธิวตฺถา เทวตา สิมฺพลิเทวตา ปลาสเทวตา ปุจิมนฺทเทวตา ผนฺทนเทวตาติ เตน เตน รุเกฺขน นามํ ลภติ, เอวเมว กายทฺวาเรน กตํ กมฺมมฺปิ กายกมฺมนฺติ ทฺวาเรน นามํ ลภติฯ วจีกมฺมมโนกเมฺมสุปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ อโญฺญ กาโย, อญฺญํ กมฺมํ, กาเยน ปน กตตฺตา ตํ กายกมฺมนฺติ วุจฺจติฯ เตนาหุ อฎฺฐกถาจริยา –

    Tattha kammenāpi dvāraṃ nāmaṃ labhati, dvārenāpi kammaṃ. Yathā hi viññāṇādīnaṃ uppajjanaṭṭhānāni viññāṇadvāraṃ phassadvāraṃ asaṃvaradvāraṃ saṃvaradvāranti nāmaṃ labhanti, evaṃ kāyakammassa uppajjanaṭṭhānaṃ kāyakammadvāranti nāmaṃ labhati. Vacīmanokammadvāresupi eseva nayo. Yathā pana tasmiṃ tasmiṃ rukkhe adhivatthā devatā simbalidevatā palāsadevatā pucimandadevatā phandanadevatāti tena tena rukkhena nāmaṃ labhati, evameva kāyadvārena kataṃ kammampi kāyakammanti dvārena nāmaṃ labhati. Vacīkammamanokammesupi eseva nayo. Tattha añño kāyo, aññaṃ kammaṃ, kāyena pana katattā taṃ kāyakammanti vuccati. Tenāhu aṭṭhakathācariyā –

    กาเยน เจ กตํ กมฺมํ, กายกมฺมนฺติ วุจฺจติ;

    Kāyena ce kataṃ kammaṃ, kāyakammanti vuccati;

    กาโย จ กายกมฺมญฺจ, อญฺญมญฺญํ ววตฺถิตาฯ

    Kāyo ca kāyakammañca, aññamaññaṃ vavatthitā.

    สูจิยา เจ กตํ กมฺมํ, สูจิกมฺมนฺติ วุจฺจติ;

    Sūciyā ce kataṃ kammaṃ, sūcikammanti vuccati;

    สูจิ จ สูจิกมฺมญฺจ, อญฺญมญฺญํ ววตฺถิตาฯ

    Sūci ca sūcikammañca, aññamaññaṃ vavatthitā.

    วาสิยา เจ กตํ กมฺมํ, วาสิกมฺมนฺติ วุจฺจติ;

    Vāsiyā ce kataṃ kammaṃ, vāsikammanti vuccati;

    วาสิ จ วาสิกมฺมญฺจ, อญฺญมญฺญํ ววตฺถิตาฯ

    Vāsi ca vāsikammañca, aññamaññaṃ vavatthitā.

    ปุริเสน เจ กตํ กมฺมํ, ปุริสกมฺมนฺติ วุจฺจติ;

    Purisena ce kataṃ kammaṃ, purisakammanti vuccati;

    ปุริโส จ ปุริสกมฺมญฺจ, อญฺญมญฺญํ ววตฺถิตาฯ

    Puriso ca purisakammañca, aññamaññaṃ vavatthitā.

    เอวเมวํฯ

    Evamevaṃ.

    กาเยน เจ กตํ กมฺมํ, กายกมฺมนฺติ วุจฺจติ;

    Kāyena ce kataṃ kammaṃ, kāyakammanti vuccati;

    กาโย จ กายกมฺมญฺจ, อญฺญมญฺญํ ววตฺถิตาติฯ

    Kāyo ca kāyakammañca, aññamaññaṃ vavatthitāti.

    เอวํ สเนฺต เนว ทฺวารววตฺถานํ ยุชฺชติ, น กมฺมววตฺถานํฯ กถํ? กายวิญฺญตฺติยญฺหิ ‘‘ทฺวาเร จรนฺติ กมฺมานี’’ติ วจนโต วจีกมฺมมฺปิ ปวตฺตติ, เตนสฺสา กายกมฺมทฺวารนฺติ ววตฺถานํ น ยุตฺตํฯ กายกมฺมญฺจ วจีวิญฺญตฺติยมฺปิ ปวตฺตติ, เตนสฺส กายกมฺมนฺติ ววตฺถานํ น ยุชฺชตี’ติฯ ‘โน น ยุชฺชติฯ กสฺมา? เยภุยฺยวุตฺติตาย เจว ตพฺพหุลวุตฺติตาย จฯ กายกมฺมเมว หิ เยภุเยฺยน กายวิญฺญตฺติยํ ปวตฺตติ น อิตรานิ, ตสฺมา กายกมฺมสฺส เยภุเยฺยน ปวตฺติโต ตสฺสา กายกมฺมทฺวารภาโว สิโทฺธฯ พฺราหฺมณคามอมฺพวนนาควนาทีนํ พฺราหฺมณคามาทิภาโว วิยาติ ทฺวารววตฺถานํ ยุชฺชติฯ กายกมฺมํ ปน กายทฺวารมฺหิเยว พหุลํ ปวตฺตติ อปฺปํ วจีทฺวาเร ฯ ตสฺมา กายทฺวาเร พหุลํ ปวตฺติโต เอตสฺส กายกมฺมภาโว สิโทฺธ, วนจรกถุลฺลกุมาริกาทิโคจรานํ วนจรกาทิภาโว วิยาติฯ เอวํ กมฺมววตฺถานมฺปิ ยุชฺชตี’ติฯ

    Evaṃ sante neva dvāravavatthānaṃ yujjati, na kammavavatthānaṃ. Kathaṃ? Kāyaviññattiyañhi ‘‘dvāre caranti kammānī’’ti vacanato vacīkammampi pavattati, tenassā kāyakammadvāranti vavatthānaṃ na yuttaṃ. Kāyakammañca vacīviññattiyampi pavattati, tenassa kāyakammanti vavatthānaṃ na yujjatī’ti. ‘No na yujjati. Kasmā? Yebhuyyavuttitāya ceva tabbahulavuttitāya ca. Kāyakammameva hi yebhuyyena kāyaviññattiyaṃ pavattati na itarāni, tasmā kāyakammassa yebhuyyena pavattito tassā kāyakammadvārabhāvo siddho. Brāhmaṇagāmaambavananāgavanādīnaṃ brāhmaṇagāmādibhāvo viyāti dvāravavatthānaṃ yujjati. Kāyakammaṃ pana kāyadvāramhiyeva bahulaṃ pavattati appaṃ vacīdvāre . Tasmā kāyadvāre bahulaṃ pavattito etassa kāyakammabhāvo siddho, vanacarakathullakumārikādigocarānaṃ vanacarakādibhāvo viyāti. Evaṃ kammavavatthānampi yujjatī’ti.

    กายกมฺมทฺวารกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Kāyakammadvārakathā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact