Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā |
กามาวจรกุสลํ
Kāmāvacarakusalaṃ
กายกมฺมทฺวารกถาวณฺณนา
Kāyakammadvārakathāvaṇṇanā
อิมสฺส ปนตฺถสฺสาติ กมฺมทฺวารานํ อญฺญมญฺญสฺมิํ อนิยตตาย ‘‘ทฺวาเร จรนฺติ กมฺมานี’’ติอาทินา ปกาสนตฺถํฯ ปญฺจ วิญฺญาณานีติ เอตฺถ ฉฎฺฐสฺส วิญฺญาณสฺส ตสฺส จ ทฺวารสฺส อนุเทฺทโส ทฺวารทฺวารวนฺตานํ สหาภาวาฯ นิยตรูปรูปวเสน จตุสมุฎฺฐานิกกายา วุตฺตาติ สทฺทสฺส วิการรูปาทีนญฺจ อสงฺคโหฯ
Imassapanatthassāti kammadvārānaṃ aññamaññasmiṃ aniyatatāya ‘‘dvāre caranti kammānī’’tiādinā pakāsanatthaṃ. Pañca viññāṇānīti ettha chaṭṭhassa viññāṇassa tassa ca dvārassa anuddeso dvāradvāravantānaṃ sahābhāvā. Niyatarūparūpavasena catusamuṭṭhānikakāyā vuttāti saddassa vikārarūpādīnañca asaṅgaho.
ปฐมชวนสมุฎฺฐิตา วาโยธาตุ ยทิปิ ตสฺมิํ ขเณ รูปานํ เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาเวน จาเลตุํ น สโกฺกติ, ตถาปิ วิญฺญตฺติวิการสหิตาว สา เวทิตพฺพาฯ ทสสุ หิ ทิสาสุ ยํ ทิสํ คนฺตุกาโม องฺคปจฺจงฺคานิ วา ขิปิตุกาโม, ตํทิสาภิมุขาเนว รูปานิ สา สนฺถเมฺภติ สนฺธาเรติ จาติ ตทภิมุขภาววิการวตี โหติ, อธิปฺปายสหภาวี จ วิกาโร วิญฺญตฺตีติฯ เอวญฺจ กตฺวา อาวชฺชนสฺสปิ วิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปกภาโว ยถาธิปฺปายวิการรูปุปฺปาทเนน อุปปโนฺน โหติ, ยโต พาตฺติํส จิตฺตานิ รูปิริยาปถวิญฺญตฺติชนกานิ วุตฺตานีติฯ โยชนํ คโต, ทสโยชนํ คโตติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชาเปติ อเนกสหสฺสวารํ อุปฺปนฺนาฯ
Paṭhamajavanasamuṭṭhitā vāyodhātu yadipi tasmiṃ khaṇe rūpānaṃ desantaruppattihetubhāvena cāletuṃ na sakkoti, tathāpi viññattivikārasahitāva sā veditabbā. Dasasu hi disāsu yaṃ disaṃ gantukāmo aṅgapaccaṅgāni vā khipitukāmo, taṃdisābhimukhāneva rūpāni sā santhambheti sandhāreti cāti tadabhimukhabhāvavikāravatī hoti, adhippāyasahabhāvī ca vikāro viññattīti. Evañca katvā āvajjanassapi viññattisamuṭṭhāpakabhāvo yathādhippāyavikārarūpuppādanena upapanno hoti, yato bāttiṃsa cittāni rūpiriyāpathaviññattijanakāni vuttānīti. Yojanaṃ gato, dasayojanaṃ gatoti vattabbataṃ āpajjāpeti anekasahassavāraṃ uppannā.
วาโยธาตุยา…เป.… ปจฺจโย ภวิตุนฺติ ถมฺภนจลเนสุ วาโยธาตุยา ปจฺจโย ภวิตุํ สมโตฺถ จิตฺตสมุฎฺฐานมหาภูตานํ เอโก อาการวิเสโส อตฺถิ, อยํ วิญฺญตฺติ นามฯ เตสญฺหิ ตทาการตฺตา วาโยธาตุ ถเมฺภติ จาเลติ จาติฯ น จิตฺตสมุฎฺฐานาติ เอเตน ปรมตฺถโต อภาวํ ทเสฺสติฯ น หิ รูปํ อปฺปจฺจยํ อตฺถิ, น จ นิพฺพานวโชฺช อโตฺถ นิโจฺจ อตฺถีติฯ วิญฺญตฺติตายาติ วิญฺญตฺติวิการตายฯ จิตฺตสมุฎฺฐานภาโว วิย มหาภูตวิการตาย อุปาทารูปภาโว จ อธิเปฺปโตติ เวทิตโพฺพฯ
Vāyodhātuyā…pe… paccayo bhavitunti thambhanacalanesu vāyodhātuyā paccayo bhavituṃ samattho cittasamuṭṭhānamahābhūtānaṃ eko ākāraviseso atthi, ayaṃ viññatti nāma. Tesañhi tadākārattā vāyodhātu thambheti cāleti cāti. Na cittasamuṭṭhānāti etena paramatthato abhāvaṃ dasseti. Na hi rūpaṃ appaccayaṃ atthi, na ca nibbānavajjo attho nicco atthīti. Viññattitāyāti viññattivikāratāya. Cittasamuṭṭhānabhāvo viya mahābhūtavikāratāya upādārūpabhāvo ca adhippetoti veditabbo.
กายิกกรณนฺติ กายทฺวารปฺปวตฺตํ จิตฺตกิริยํ, อธิปฺปายนฺติ อโตฺถฯ กาเรติ มเญฺญติ เอเตน วณฺณคฺคหณานุสาเรน คหิตาย วิญฺญตฺติยา ยํ กรณํ วิญฺญาตพฺพํ, ตสฺส วิชานเนน วิญฺญตฺติยา วิญฺญาตตฺตํ ทเสฺสติฯ น หิ วิญฺญตฺติรหิเตสุ รุกฺขจลนาทีสุ ‘‘อิทเมส กาเรตี’’ติ วิชานนํ โหตีติฯ จกฺขุวิญฺญาณสฺส หิ รูเป อภินิปาตมตฺตํ กิจฺจํ, น อธิปฺปายสหภุโน จลนวิการสฺส คหณํฯ จิตฺตสฺส ปน ลหุปริวตฺติตาย จกฺขุวิญฺญาณวีถิยา อนนฺตรํ มโนวิญฺญาเณน วิญฺญาตมฺปิ จลนํ จกฺขุนา ทิฎฺฐํ วิย มญฺญนฺติ อวิเสสวิทุโน, ตสฺมา ยถา นีลาภินิปาตวสปฺปวตฺตาย จกฺขุวิญฺญาณวีถิยา นีลนฺติ ปวตฺตาย มโนวิญฺญาณวีถิยา จ อนฺตรํ น วิญฺญายติ, เอวํ อวิญฺญายมานนฺตเรน มโนทฺวารวิญฺญาเณน คหิเต ตสฺมิํ จิเตฺตน สเหว อนุปริวเตฺต กายถมฺภนวิการโจปนสงฺขาเต ‘‘อิทเมส กาเรติ, อยมสฺส อธิปฺปาโย’’ติ วิชานนํ โหติฯ
Kāyikakaraṇanti kāyadvārappavattaṃ cittakiriyaṃ, adhippāyanti attho. Kāreti maññeti etena vaṇṇaggahaṇānusārena gahitāya viññattiyā yaṃ karaṇaṃ viññātabbaṃ, tassa vijānanena viññattiyā viññātattaṃ dasseti. Na hi viññattirahitesu rukkhacalanādīsu ‘‘idamesa kāretī’’ti vijānanaṃ hotīti. Cakkhuviññāṇassa hi rūpe abhinipātamattaṃ kiccaṃ, na adhippāyasahabhuno calanavikārassa gahaṇaṃ. Cittassa pana lahuparivattitāya cakkhuviññāṇavīthiyā anantaraṃ manoviññāṇena viññātampi calanaṃ cakkhunā diṭṭhaṃ viya maññanti avisesaviduno, tasmā yathā nīlābhinipātavasappavattāya cakkhuviññāṇavīthiyā nīlanti pavattāya manoviññāṇavīthiyā ca antaraṃ na viññāyati, evaṃ aviññāyamānantarena manodvāraviññāṇena gahite tasmiṃ cittena saheva anuparivatte kāyathambhanavikāracopanasaṅkhāte ‘‘idamesa kāreti, ayamassa adhippāyo’’ti vijānanaṃ hoti.
ตาลปณฺณาทิรูปานิ ทิสฺวา ตทนนฺตรปฺปวตฺตาย มโนทฺวารวีถิยา อวิญฺญายมานนฺตราย ตาลปณฺณาทีนํ อุทกาทิสหจาริปฺปการตํ สญฺญาณาการํ คเหตฺวา อุทกาทิคฺคหณํ วิยฯ เอตฺถ อุทกํ ภวิสฺสตีติอาทินา จ อุทกาทิสมฺพนฺธนากาเรน รูปคฺคหณานุสารวิญฺญาเณน ยํ อุทกาทิ วิญฺญาตพฺพํ, ตสฺส วิชานเนน ตทาการสฺส วิญฺญาตตา วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ เอตสฺส ปน กายิกกรณคฺคหณสฺส อุทกาทิคฺคหณสฺส จ ปุริมสิทฺธสมฺพนฺธคฺคหณํ อุปนิสฺสโย โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ อถ ปน นาลมฺพิตาปิ วิญฺญตฺติ กายิกกรณคฺคหณสฺส จ ปจฺจโย ปุริมสิทฺธสมฺพนฺธคฺคหโณปนิสฺสยวเสน สาธิปฺปายวิการภูตวณฺณคฺคหณานนฺตรํ ปวตฺตมานสฺส อธิปฺปายคฺคหณสฺส อธิปฺปายสหภูวิการาภาเว อภาวโต, เอวํ สติ วณฺณคฺคหณานนฺตเรน อุทกาทิคฺคหเณเนว ตาลปณฺณาทิสญฺญาณากาโร วิย วณฺณคฺคหณานนฺตเรน อธิปฺปายคฺคหเณเนว วิญฺญตฺติ ปากฎา โหตีติ ‘‘อิทญฺจิทญฺจ เอส กาเรติ มเญฺญ’’ติ อธิปฺปายวิชานเนเนว วิญฺญตฺติยา วิญฺญาตตา วุตฺตาฯ
Tālapaṇṇādirūpāni disvā tadanantarappavattāya manodvāravīthiyā aviññāyamānantarāya tālapaṇṇādīnaṃ udakādisahacārippakārataṃ saññāṇākāraṃ gahetvā udakādiggahaṇaṃ viya. Ettha udakaṃ bhavissatītiādinā ca udakādisambandhanākārena rūpaggahaṇānusāraviññāṇena yaṃ udakādi viññātabbaṃ, tassa vijānanena tadākārassa viññātatā vuttāti daṭṭhabbā. Etassa pana kāyikakaraṇaggahaṇassa udakādiggahaṇassa ca purimasiddhasambandhaggahaṇaṃ upanissayo hotīti daṭṭhabbaṃ. Atha pana nālambitāpi viññatti kāyikakaraṇaggahaṇassa ca paccayo purimasiddhasambandhaggahaṇopanissayavasena sādhippāyavikārabhūtavaṇṇaggahaṇānantaraṃ pavattamānassa adhippāyaggahaṇassa adhippāyasahabhūvikārābhāve abhāvato, evaṃ sati vaṇṇaggahaṇānantarena udakādiggahaṇeneva tālapaṇṇādisaññāṇākāro viya vaṇṇaggahaṇānantarena adhippāyaggahaṇeneva viññatti pākaṭā hotīti ‘‘idañcidañca esa kāreti maññe’’ti adhippāyavijānaneneva viññattiyā viññātatā vuttā.
อยํ โน ปหริตุกาโมติ อธิปฺปายวิชานเนน วิญฺญตฺติยา ปากฎภาวํ ทเสฺสติฯ น หิ ตทปากฎภาเว อธิปฺปายวิชานนํ โหตีติฯ สมฺมุขี…เป.… เยว นาม โหตีติ อสมฺมุขีภูตตาย อนาปาถคตานํ รูปาทีนํ จกฺขุวิเญฺญยฺยาทิภาโว วิย สภาวภูตํ ตํ ทฺวิธา วิญฺญตฺติภาวํ สาเธติฯ ปรํ โพเธตุกามตาย วินาปิ อภิกฺกมนาทิปฺปวตฺตเนน โส จิตฺตสหภูวิกาโร อธิปฺปายํ วิญฺญาเปติ, สยญฺจ วิญฺญายตีติ ทฺวิธาปิ วิญฺญตฺติเยวาติ เวทิตพฺพาฯ
Ayaṃ no paharitukāmoti adhippāyavijānanena viññattiyā pākaṭabhāvaṃ dasseti. Na hi tadapākaṭabhāve adhippāyavijānanaṃ hotīti. Sammukhī…pe… yeva nāma hotīti asammukhībhūtatāya anāpāthagatānaṃ rūpādīnaṃ cakkhuviññeyyādibhāvo viya sabhāvabhūtaṃ taṃ dvidhā viññattibhāvaṃ sādheti. Paraṃ bodhetukāmatāya vināpi abhikkamanādippavattanena so cittasahabhūvikāro adhippāyaṃ viññāpeti, sayañca viññāyatīti dvidhāpi viññattiyevāti veditabbā.
ตสฺมิํ ทฺวาเร สิทฺธาติ เตน ทฺวาเรน วิญฺญาตพฺพภาวโต เตเนว ทฺวาเรน นามลาภโต ตสฺมิํ ทฺวาเร ปากฎภาววเสน สิทฺธาฯ กุสลํ วา อกุสลํ วาติ ฐเปตพฺพํฯ กสฺมา? ยสฺมา ปรวาทิโน อวิปากสฺส กมฺมภาโว น สิโทฺธ, อิตรสฺส ปน สิโทฺธติ วิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปกานํ เอกาทสนฺนํ กิริยจิตฺตานํ วเสน ติกํ ปูเรตฺวา ฐเปตพฺพํฯ
Tasmiṃ dvāre siddhāti tena dvārena viññātabbabhāvato teneva dvārena nāmalābhato tasmiṃ dvāre pākaṭabhāvavasena siddhā. Kusalaṃ vā akusalaṃ vāti ṭhapetabbaṃ. Kasmā? Yasmā paravādino avipākassa kammabhāvo na siddho, itarassa pana siddhoti viññattisamuṭṭhāpakānaṃ ekādasannaṃ kiriyacittānaṃ vasena tikaṃ pūretvā ṭhapetabbaṃ.
ทฺวาเร จรนฺติ กมฺมานีติ เอตฺถ อยมธิปฺปาโย – ยทิ ทฺวารา ทฺวารนฺตรจาริโน โหนฺติ, ทฺวารสเมฺภทา กมฺมสเมฺภโทปีติ กายกมฺมํ กายกมฺมทฺวารนฺติ อญฺญมญฺญววตฺถานํ น สิยา, กมฺมานมฺปิ กมฺมนฺตรจรเณ เอเสว นโยฯ ยทิ ปน ทฺวารานมฺปิ ทฺวารภาเวน กมฺมนฺตรจรณํ กมฺมานญฺจ ทฺวารนฺตรจรณํ น สิยา, สุฎฺฐุตรํ กมฺมทฺวารววตฺถานํ สิยาฯ น ปน กมฺมานํ ทฺวารนฺตเร อจรณํ อตฺถิ, กินฺตุ ทฺวาเร อญฺญสฺมิญฺจ จรนฺติ กมฺมานิ อญฺญานิปิฯ ยสฺมา ปน ทฺวาเร ทฺวารานิ น จรนฺติ, ตสฺมา อทฺวารจารีหิ ทฺวาเรหิ การณภูเตหิ กมฺมานิ ทฺวารนฺตเร จรนฺตานิปิ ววตฺถิตานิฯ น เกวลํ กมฺมาเนว, เตหิ ปน ทฺวารานิปีติ เอวํ กมฺมทฺวารานิ อญฺญมญฺญํ ววตฺถิตานิ ‘‘เยภุเยฺยนวุตฺติตาย ตพฺพหุลวุตฺติตาย จา’’ติ วุจฺจมานาย ววตฺถานยุตฺติยาฯ ตตฺถ ทฺวาราเปกฺขตฺตา กมฺมานํ กายกมฺมาทิภาวสฺส อทฺวารจารีหิ ทฺวาเรหิ ววตฺถานํ โหติ, น ปน ทฺวารนฺตรจารีหิ กเมฺมหิ ทฺวารานํ อววตฺถานํ กมฺมานเปกฺขกายทฺวาราทิภาเวหิ ทฺวาเรหิ ววตฺถิตานํ กายกมฺมาทีนํ กายกมฺมทฺวาราทิววตฺถานกรตฺตาฯ อถ วา ทฺวารนฺตเร จรนฺตานิปิ กายาทีหิ อุปลกฺขิตาเนว จรนฺติ ปาณาติปาตาทีนํ เอวํสภาวตฺตา อาณตฺติหตฺถวิการาทีหิ วุจฺจมานสฺสปิ กายาทีหิ สาเธตพฺพสภาวาวโพธโต, ตสฺมา น กมฺมนฺตรสฺส อตฺตนิ จรนฺตสฺสปิ ทฺวารนฺตรํ สนามํ เทติ, นาปิ กมฺมํ ทฺวารสฺส, ตํตํทฺวารเมว ปน กมฺมสฺส กมฺมญฺจ ทฺวารนฺตเร จรนฺตมฺปิ อตฺตโนเยว ทฺวารสฺส นามํ เทตีติ สิทฺธํ อญฺญมญฺญววตฺถานํฯ ปุเพฺพ ปน ทฺวาเรสุ อนิพทฺธตา กมฺมานํ ทฺวารนฺตรจรณเมว สนฺธาย วุตฺตา, น เอตํ ววตฺถานนฺติฯ
Dvāre caranti kammānīti ettha ayamadhippāyo – yadi dvārā dvārantaracārino honti, dvārasambhedā kammasambhedopīti kāyakammaṃ kāyakammadvāranti aññamaññavavatthānaṃ na siyā, kammānampi kammantaracaraṇe eseva nayo. Yadi pana dvārānampi dvārabhāvena kammantaracaraṇaṃ kammānañca dvārantaracaraṇaṃ na siyā, suṭṭhutaraṃ kammadvāravavatthānaṃ siyā. Na pana kammānaṃ dvārantare acaraṇaṃ atthi, kintu dvāre aññasmiñca caranti kammāni aññānipi. Yasmā pana dvāre dvārāni na caranti, tasmā advāracārīhi dvārehi kāraṇabhūtehi kammāni dvārantare carantānipi vavatthitāni. Na kevalaṃ kammāneva, tehi pana dvārānipīti evaṃ kammadvārāni aññamaññaṃ vavatthitāni ‘‘yebhuyyenavuttitāya tabbahulavuttitāya cā’’ti vuccamānāya vavatthānayuttiyā. Tattha dvārāpekkhattā kammānaṃ kāyakammādibhāvassa advāracārīhi dvārehi vavatthānaṃ hoti, na pana dvārantaracārīhi kammehi dvārānaṃ avavatthānaṃ kammānapekkhakāyadvārādibhāvehi dvārehi vavatthitānaṃ kāyakammādīnaṃ kāyakammadvārādivavatthānakarattā. Atha vā dvārantare carantānipi kāyādīhi upalakkhitāneva caranti pāṇātipātādīnaṃ evaṃsabhāvattā āṇattihatthavikārādīhi vuccamānassapi kāyādīhi sādhetabbasabhāvāvabodhato, tasmā na kammantarassa attani carantassapi dvārantaraṃ sanāmaṃ deti, nāpi kammaṃ dvārassa, taṃtaṃdvārameva pana kammassa kammañca dvārantare carantampi attanoyeva dvārassa nāmaṃ detīti siddhaṃ aññamaññavavatthānaṃ. Pubbe pana dvāresu anibaddhatā kammānaṃ dvārantaracaraṇameva sandhāya vuttā, na etaṃ vavatthānanti.
ตตฺถาติ เตสุ ทฺวารกเมฺมสุฯ กายกมฺมสฺส อุปฺปชฺชนฎฺฐานนฺติ ตํสหชาตา วิญฺญตฺติเยว วุจฺจติฯ กิญฺจาปิ หิ สา ตสฺส เกนจิ ปกาเรน ปจฺจโย น โหติ, ตถาปิ กมฺมสฺส วิเสสิกา วิญฺญตฺติ ตํสหชาตา โหตีติ ตสฺส อุปฺปตฺติฎฺฐานภาเวน วุตฺตา ยถาวุตฺตนิยเมน อญฺญวิเสสนสฺส กมฺมสฺส วิเสสนนฺตเร อุปฺปตฺติอภาวาฯ กาเยน ปน กตตฺตาติ กายวิญฺญตฺติํ ชเนตฺวา ตาย ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทาทินิปฺผาทนโต อตฺตโน นิปฺผตฺติวเสน ‘‘กาเยน กตํ กมฺม’’นฺติ วุตฺตํฯ การณภูโต หิ ปเนตฺถ กาโยติฯ
Tatthāti tesu dvārakammesu. Kāyakammassa uppajjanaṭṭhānanti taṃsahajātā viññattiyeva vuccati. Kiñcāpi hi sā tassa kenaci pakārena paccayo na hoti, tathāpi kammassa visesikā viññatti taṃsahajātā hotīti tassa uppattiṭṭhānabhāvena vuttā yathāvuttaniyamena aññavisesanassa kammassa visesanantare uppattiabhāvā. Kāyena pana katattāti kāyaviññattiṃ janetvā tāya jīvitindriyupacchedādinipphādanato attano nipphattivasena ‘‘kāyena kataṃ kamma’’nti vuttaṃ. Kāraṇabhūto hi panettha kāyoti.
อญฺญมญฺญํ ววตฺถิตาติ เอตฺถ กมฺมุนา กาโย กายกมฺมทฺวารนฺติ เอวํ ววตฺถิโต, น กาโย อิเจฺจวฯ ยถา สูจิกมฺมุนา สูจิกมฺมกรณนฺติ ววตฺถิตา, น สูจิ อิเจฺจว, ตถา อิทมฺปิ ทฎฺฐพฺพํฯ อญฺญมญฺญํ ววตฺถิตาติ จ อญฺญมญฺญํ วิเสสิตาติ อโตฺถฯ เอวํ สเนฺตติ ยถาวุตฺตํ ววตฺถานนิยมํ อคฺคเหตฺวา ‘‘ทฺวาเร จรนฺติ กมฺมานี’’ติอาทิวจนเมว คเหตฺวา โจเทติฯ ตตฺถ เอวํ สเนฺตติ กมฺมานํ ทฺวารจรเณ อญฺญมเญฺญน จ ววตฺถาเน นามลาเภ วิเสสเน สตีติ อโตฺถฯ
Aññamaññaṃvavatthitāti ettha kammunā kāyo kāyakammadvāranti evaṃ vavatthito, na kāyo icceva. Yathā sūcikammunā sūcikammakaraṇanti vavatthitā, na sūci icceva, tathā idampi daṭṭhabbaṃ. Aññamaññaṃ vavatthitāti ca aññamaññaṃ visesitāti attho. Evaṃ santeti yathāvuttaṃ vavatthānaniyamaṃ aggahetvā ‘‘dvāre caranti kammānī’’tiādivacanameva gahetvā codeti. Tattha evaṃ santeti kammānaṃ dvāracaraṇe aññamaññena ca vavatthāne nāmalābhe visesane satīti attho.
กายกมฺมทฺวารกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kāyakammadvārakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / กายกมฺมทฺวารกถาวณฺณนา • Kāyakammadvārakathāvaṇṇanā