Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๙๓] ๓. กายนิพฺพินฺทชาตกวณฺณนา
[293] 3. Kāyanibbindajātakavaṇṇanā
ผุฎฺฐสฺส เมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อญฺญตรํ ปุริสํ อารพฺภ กเถสิฯ สาวตฺถิยํ กิเรโก ปุริโส ปณฺฑุโรเคน อฎฺฎิโต เวเชฺชหิ ปฎิกฺขิโตฺตฯ ปุตฺตทาโรปิสฺส ‘‘โก อิมํ ปฎิชคฺคิตุํ สโกฺกตี’’ติ จิเนฺตสิฯ ตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สจาหํ อิมมฺหา โรคา วุฎฺฐหิสฺสามิ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติฯ โส กติปาเหเนว กิญฺจิ สปฺปายํ ลภิตฺวา อโรโค หุตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ โส สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชฺชญฺจ อุปสมฺปทญฺจ ลภิตฺวา นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม ปณฺฑุโรคี ‘อิมมฺหา โรคา วุฎฺฐิโต ปพฺพชิสฺสามี’ติ จิเนฺตตฺวา ปพฺพชิโต เจว อรหตฺตญฺจ ปโตฺต’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ฯ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทานิ อยเมว; ปุเพฺพ ปณฺฑิตาปิ เอวํ วตฺวา โรคา วุฎฺฐาย ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน วุฑฺฒิมกํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Phuṭṭhassa meti idaṃ satthā jetavane viharanto aññataraṃ purisaṃ ārabbha kathesi. Sāvatthiyaṃ kireko puriso paṇḍurogena aṭṭito vejjehi paṭikkhitto. Puttadāropissa ‘‘ko imaṃ paṭijaggituṃ sakkotī’’ti cintesi. Tassa etadahosi – ‘‘sacāhaṃ imamhā rogā vuṭṭhahissāmi, pabbajissāmī’’ti. So katipāheneva kiñci sappāyaṃ labhitvā arogo hutvā jetavanaṃ gantvā satthāraṃ pabbajjaṃ yāci. So satthu santike pabbajjañca upasampadañca labhitvā nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Athekadivasaṃ bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, asuko nāma paṇḍurogī ‘imamhā rogā vuṭṭhito pabbajissāmī’ti cintetvā pabbajito ceva arahattañca patto’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti . Pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāni ayameva; pubbe paṇḍitāpi evaṃ vatvā rogā vuṭṭhāya pabbajitvā attano vuḍḍhimakaṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต กุฎุมฺพํ สณฺฐเปตฺวา วสโนฺต ปณฺฑุโรคี อโหสิฯ เวชฺชาปิ ปฎิชคฺคิตุํ นาสกฺขิํสุ, ปุตฺตทาโรปิสฺส วิปฺปฎิสารี อโหสิฯ โส ‘‘อิมมฺหา โรคา วุฎฺฐิโต ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา กิญฺจิเทว สปฺปายํ ลภิตฺวา อโรโค หุตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา ฌานสุเขน วิหรโนฺต ‘‘เอตฺตกํ กาลํ เอวรูปํ สุขํ นาม นาลตฺถ’’นฺติ อุทานํ อุทาเนโนฺต อิมา คาถา อาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto kuṭumbaṃ saṇṭhapetvā vasanto paṇḍurogī ahosi. Vejjāpi paṭijaggituṃ nāsakkhiṃsu, puttadāropissa vippaṭisārī ahosi. So ‘‘imamhā rogā vuṭṭhito pabbajissāmī’’ti cintetvā kiñcideva sappāyaṃ labhitvā arogo hutvā himavantaṃ pavisitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā abhiññā ca samāpattiyo ca uppādetvā jhānasukhena viharanto ‘‘ettakaṃ kālaṃ evarūpaṃ sukhaṃ nāma nālattha’’nti udānaṃ udānento imā gāthā āha –
๑๒๗.
127.
‘‘ผุฎฺฐสฺส เม อญฺญตเรน พฺยาธินา, โรเคน พาฬฺหํ ทุขิตสฺส รุปฺปโต;
‘‘Phuṭṭhassa me aññatarena byādhinā, rogena bāḷhaṃ dukhitassa ruppato;
ปริสุสฺสติ ขิปฺปมิทํ กเฬวรํ, ปุปฺผํ ยถา ปํสุนิ อาตเป กตํฯ
Parisussati khippamidaṃ kaḷevaraṃ, pupphaṃ yathā paṃsuni ātape kataṃ.
๑๒๘.
128.
‘‘อชญฺญํ ชญฺญสงฺขาตํ, อสุจิํ สุจิสมฺมตํ;
‘‘Ajaññaṃ jaññasaṅkhātaṃ, asuciṃ sucisammataṃ;
นานากุณปปริปูรํ, ชญฺญรูปํ อปสฺสโตฯ
Nānākuṇapaparipūraṃ, jaññarūpaṃ apassato.
๑๒๙.
129.
‘‘ธิรตฺถุมํ อาตุรํ ปูติกายํ, เชคุจฺฉิยํ อสฺสุจิํ พฺยาธิธมฺมํ;
‘‘Dhiratthumaṃ āturaṃ pūtikāyaṃ, jegucchiyaṃ assuciṃ byādhidhammaṃ;
ยตฺถปฺปมตฺตา อธิมุจฺฉิตา ปชา, หาเปนฺติ มคฺคํ สุคตูปปตฺติยา’’ติฯ
Yatthappamattā adhimucchitā pajā, hāpenti maggaṃ sugatūpapattiyā’’ti.
ตตฺถ อญฺญตเรนาติ อฎฺฐนวุติยา โรเคสุ เอเกน ปณฺฑุโรคพฺยาธินาฯ โรเคนาติ รุชฺชนสภาวตฺตา เอวํลทฺธนาเมนฯ รุปฺปโตติ ฆฎฺฎิยมานสฺส ปีฬิยมานสฺสฯ ปํสุนิ อาตเป กตนฺติ ยถา อาตเป ตตฺตวาลิกาย ฐปิตํ สุขุมปุปฺผํ ปริสุเสฺสยฺย, เอวํ ปริสุสฺสตีติ อโตฺถฯ
Tattha aññatarenāti aṭṭhanavutiyā rogesu ekena paṇḍurogabyādhinā. Rogenāti rujjanasabhāvattā evaṃladdhanāmena. Ruppatoti ghaṭṭiyamānassa pīḷiyamānassa. Paṃsuni ātape katanti yathā ātape tattavālikāya ṭhapitaṃ sukhumapupphaṃ parisusseyya, evaṃ parisussatīti attho.
อชญฺญํ ชญฺญสงฺขาตนฺติ ปฎิกูลํ อมนาปเมว พาลานํ มนาปนฺติ สงฺขํ คตํฯ นานากุณปปริปูรนฺติ เกสาทีหิ ทฺวตฺติํสาย กุณเปหิ ปริปุณฺณํ ฯ ชญฺญรูปํ อปสฺสโตติ อปสฺสนฺตสฺส อนฺธพาลปุถุชฺชนสฺส มนาปํ สาธุรูปํ ปริโภคสภาวํ หุตฺวา อุปฎฺฐาติ, ‘‘อกฺขิมฺหา อกฺขิคูถโก’’ติอาทินา นเยน ปกาสิโต อสุภสภาโว พาลานํ น อุปฎฺฐาติฯ
Ajaññaṃ jaññasaṅkhātanti paṭikūlaṃ amanāpameva bālānaṃ manāpanti saṅkhaṃ gataṃ. Nānākuṇapaparipūranti kesādīhi dvattiṃsāya kuṇapehi paripuṇṇaṃ . Jaññarūpaṃ apassatoti apassantassa andhabālaputhujjanassa manāpaṃ sādhurūpaṃ paribhogasabhāvaṃ hutvā upaṭṭhāti, ‘‘akkhimhā akkhigūthako’’tiādinā nayena pakāsito asubhasabhāvo bālānaṃ na upaṭṭhāti.
อาตุรนฺติ นิจฺจคิลานํฯ อธิมุจฺฉิตาติ กิเลสมุจฺฉาย อติวิย มุจฺฉิตาฯ ปชาติ อนฺธพาลปุถุชฺชนาฯ หาเปนฺติ มคฺคํ สุคตูปปตฺติยาติ อิมสฺมิํ ปูติกาเย ลคฺคา ลคฺคิตา หุตฺวา อปายมคฺคํ ปูเรนฺตา เทวมนุสฺสเภทาย สุคติอุปปตฺติยา มคฺคํ ปริหาเปนฺติฯ
Āturanti niccagilānaṃ. Adhimucchitāti kilesamucchāya ativiya mucchitā. Pajāti andhabālaputhujjanā. Hāpenti maggaṃ sugatūpapattiyāti imasmiṃ pūtikāye laggā laggitā hutvā apāyamaggaṃ pūrentā devamanussabhedāya sugatiupapattiyā maggaṃ parihāpenti.
อิติ มหาสโตฺต นานปฺปกาเรน อสุจิภาวญฺจ นิจฺจาตุรภาวญฺจ ปริคฺคณฺหโนฺต กาเย นิพฺพินฺทิตฺวา ยาวชีวํ จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิฯ
Iti mahāsatto nānappakārena asucibhāvañca niccāturabhāvañca pariggaṇhanto kāye nibbinditvā yāvajīvaṃ cattāro brahmavihāre bhāvetvā brahmalokaparāyaṇo ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหุชนา โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณิํสุฯ ‘‘ตทา ตาปโส อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne bahujanā sotāpattiphalādīni pāpuṇiṃsu. ‘‘Tadā tāpaso ahameva ahosi’’nti.
กายนิพฺพินฺทชาตกวณฺณนา ตติยาฯ
Kāyanibbindajātakavaṇṇanā tatiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๙๓. กายนิพฺพินฺทชาตกํ • 293. Kāyanibbindajātakaṃ