Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā
๒๖๙. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควาติ กายสํสคฺคสิกฺขาปทํฯ ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา – อรเญฺญ วิหรตีติ น อาเวณิเก อรเญฺญ, เชตวนวิหารเสฺสว ปจฺจเนฺต เอกปเสฺสฯ มเชฺฌ คโพฺภติ ตสฺส จ วิหารสฺส มเชฺฌ คโพฺภ โหติฯ สมนฺตา ปริยาคาโรติ สมนฺตา ปนสฺส มณฺฑลมาฬปริเกฺขโป โหติฯ โส กิร มเชฺฌ จตุรสฺสํ คพฺภํ กตฺวา พหิ มณฺฑลมาฬปริเกฺขเปน กโต, ยถา สกฺกา โหติ อโนฺตเยว อาวิญฺฉเนฺตหิ วิจริตุํฯ
269.Tenasamayena buddho bhagavāti kāyasaṃsaggasikkhāpadaṃ. Tatrāyaṃ anuttānapadavaṇṇanā – araññe viharatīti na āveṇike araññe, jetavanavihārasseva paccante ekapasse. Majjhe gabbhoti tassa ca vihārassa majjhe gabbho hoti. Samantā pariyāgāroti samantā panassa maṇḍalamāḷaparikkhepo hoti. So kira majjhe caturassaṃ gabbhaṃ katvā bahi maṇḍalamāḷaparikkhepena kato, yathā sakkā hoti antoyeva āviñchantehi vicarituṃ.
สุปญฺญตฺตนฺติ สุฎฺฐ ฐปิตํ, ยถา ยถา ยสฺมิํ ยสฺมิญฺจ โอกาเส ฐปิตํ ปาสาทิกํ โหติ โลกรญฺชกํ ตถา ตถา ตสฺมิํ ตสฺมิํ โอกาเส ฐปิตํ, วตฺตสีเสน หิ โสํ เอกกิจฺจมฺปิ น กโรติฯ เอกเจฺจ วาตปาเน วิวรโนฺตติ เยสุ วิวเฎสุ อนฺธกาโร โหติ ตานิ วิวรโนฺต เยสุ วิวเฎสุ อาโลโก โหติ ตานิ ถเกโนฺตฯ
Supaññattanti suṭṭha ṭhapitaṃ, yathā yathā yasmiṃ yasmiñca okāse ṭhapitaṃ pāsādikaṃ hoti lokarañjakaṃ tathā tathā tasmiṃ tasmiṃ okāse ṭhapitaṃ, vattasīsena hi soṃ ekakiccampi na karoti. Ekacce vātapāne vivarantoti yesu vivaṭesu andhakāro hoti tāni vivaranto yesu vivaṭesu āloko hoti tāni thakento.
เอวํ วุเตฺต สา พฺราหฺมณี ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจาติ เอวํ เตน พฺราหฺมเณน ปสํสิตฺวา วุเตฺต สา พฺราหฺมณี ‘‘ปสโนฺน อยํ พฺราหฺมโณ ปพฺพชิตุกาโม มเญฺญ’’ติ สลฺลเกฺขตฺวา นิคูหิตพฺพมฺปิ ตํ อตฺตโน วิปฺปการํ ปกาเสนฺตี เกวลํ ตสฺส สทฺธาวิฆาตาเปกฺขา หุตฺวา เอตํ ‘‘กุโต ตสฺส อุฬารตฺตตา’’ติอาทิวจนมโวจฯ ตตฺถ อุฬาโร อตฺตา อสฺสาติ อุฬารตฺตา, อุฬารตฺตโน ภาโว อุฎฺฐารตฺตตาฯ กุลิตฺถีหีติอาทีสุ กุลิตฺถิโย นาม ฆรสฺสามินิโยฯ กุลธีตโร นาม ปุริสนฺตรคตา กุลธีตโร ฯ กุลกุมาริโย นาม อนิวิฎฺฐา วุจฺจนฺติฯ กุลสุณฺหา นาม ปรกุลโต อานีตา กุลทารกานํ วธุโยฯ
Evaṃ vutte sā brāhmaṇī taṃ brāhmaṇaṃ etadavocāti evaṃ tena brāhmaṇena pasaṃsitvā vutte sā brāhmaṇī ‘‘pasanno ayaṃ brāhmaṇo pabbajitukāmo maññe’’ti sallakkhetvā nigūhitabbampi taṃ attano vippakāraṃ pakāsentī kevalaṃ tassa saddhāvighātāpekkhā hutvā etaṃ ‘‘kuto tassa uḷārattatā’’tiādivacanamavoca. Tattha uḷāro attā assāti uḷārattā, uḷārattano bhāvo uṭṭhārattatā. Kulitthīhītiādīsu kulitthiyo nāma gharassāminiyo. Kuladhītaro nāma purisantaragatā kuladhītaro . Kulakumāriyo nāma aniviṭṭhā vuccanti. Kulasuṇhā nāma parakulato ānītā kuladārakānaṃ vadhuyo.
๒๗๐. โอติโณฺณติ ยกฺขาทีหิ วิย สตฺตา อโนฺต อุปฺปชฺชเนฺตน ราเคน โอติโณฺณ, กูปาทีนิ วิย สตฺตา อสมเปกฺขิตฺวา รชนีเย ฐาเน รชฺชโนฺต สยํ วา ราคํ โอติโณฺณ, ยสฺมา ปน อุภยถาปิ ราคสมงฺคิเสฺสเวตํ อธิวจนํ, ตสฺมา ‘‘โอติโณฺณ นาม สารโตฺต อเปกฺขวา ปฎิพทฺธจิโตฺต’’ติ เอวมสฺส ปทภาชนํ วุตฺตํฯ
270.Otiṇṇoti yakkhādīhi viya sattā anto uppajjantena rāgena otiṇṇo, kūpādīni viya sattā asamapekkhitvā rajanīye ṭhāne rajjanto sayaṃ vā rāgaṃ otiṇṇo, yasmā pana ubhayathāpi rāgasamaṅgissevetaṃ adhivacanaṃ, tasmā ‘‘otiṇṇo nāma sāratto apekkhavā paṭibaddhacitto’’ti evamassa padabhājanaṃ vuttaṃ.
ตตฺถ สารโตฺตติ กายสํสคฺคราเคน สุฎฺฐุ รโตฺตฯ อเปกฺขวาติ กายสํสคฺคาเปกฺขาย อเปกฺขวาฯ ปฎิพทฺธจิโตฺตติ กายสํสคฺคราเคเนว ตสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ ปฎิพทฺธจิโตฺตฯ วิปริณเตนาติ ปริสุทฺธภวงฺคสนฺตติสงฺขาตํ ปกติํ วิชหิตฺวา อญฺญถา ปวเตฺตน, วิรูปํ วา ปริณเตน วิรูปํ ปริวเตฺตน, ยถา ปริวตฺตมานํ วิรูปํ โหติ เอวํ ปริวตฺติตฺวา ฐิเตนาติ อธิปฺปาโยฯ
Tattha sārattoti kāyasaṃsaggarāgena suṭṭhu ratto. Apekkhavāti kāyasaṃsaggāpekkhāya apekkhavā. Paṭibaddhacittoti kāyasaṃsaggarāgeneva tasmiṃ vatthusmiṃ paṭibaddhacitto. Vipariṇatenāti parisuddhabhavaṅgasantatisaṅkhātaṃ pakatiṃ vijahitvā aññathā pavattena, virūpaṃ vā pariṇatena virūpaṃ parivattena, yathā parivattamānaṃ virūpaṃ hoti evaṃ parivattitvā ṭhitenāti adhippāyo.
๒๗๑. ยสฺมา ปเนตํ ราคาทีหิ สมฺปโยคํ นาติวตฺตติ, ตสฺมา ‘‘วิปริณตนฺติ รตฺตมฺปิ จิตฺต’’นฺติอาทินา นเยนสฺส ปทภาชนํ วตฺวา อเนฺต อิธาธิเปฺปตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อปิจ รตฺตํ จิตฺตํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปตํ วิปริณต’’นฺติ อาหฯ
271. Yasmā panetaṃ rāgādīhi sampayogaṃ nātivattati, tasmā ‘‘vipariṇatanti rattampi citta’’ntiādinā nayenassa padabhājanaṃ vatvā ante idhādhippetamatthaṃ dassento ‘‘apica rattaṃ cittaṃ imasmiṃ atthe adhippetaṃ vipariṇata’’nti āha.
ตทหุชาตาติ ตํทิวสํ ชาตา ชาตมตฺตา อลฺลมํสเปสิวณฺณา, เอวรูปายปิ หิ สทฺธิํ กายสํสเคฺค สงฺฆาทิเสโส, เมถุนวีติกฺกเม ปาราชิกํ, รโห นิสชฺชสฺสาเท ปาจิตฺติยญฺจ โหติฯ ปเควาติ ปฐมเมวฯ
Tadahujātāti taṃdivasaṃ jātā jātamattā allamaṃsapesivaṇṇā, evarūpāyapi hi saddhiṃ kāyasaṃsagge saṅghādiseso, methunavītikkame pārājikaṃ, raho nisajjassāde pācittiyañca hoti. Pagevāti paṭhamameva.
กายสํสคฺคํ สมาปเชฺชยฺยาติ หตฺถคฺคหณาทิกายสมฺปโยคํ กายมิสฺสีภาวํ สมาปเชฺชยฺย, ยสฺมา ปเนตํ สมาปชฺชนฺตสฺส โย โส กายสํสโคฺค นาม โส อตฺถโต อชฺฌาจาโร โหติ, ราควเสน อภิภวิตฺวา สญฺญมเวลํ อาจาโร, ตสฺมาสฺส สเงฺขปน อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อชฺฌาจาโร วุจฺจตี’’ติ ปทภาชนมาหฯ
Kāyasaṃsaggaṃ samāpajjeyyāti hatthaggahaṇādikāyasampayogaṃ kāyamissībhāvaṃ samāpajjeyya, yasmā panetaṃ samāpajjantassa yo so kāyasaṃsaggo nāma so atthato ajjhācāro hoti, rāgavasena abhibhavitvā saññamavelaṃ ācāro, tasmāssa saṅkhepana atthaṃ dassento ‘‘ajjhācāro vuccatī’’ti padabhājanamāha.
หตฺถคฺคาหํ วาติอาทิเภทํ ปนสฺส วิตฺถาเรน อตฺถทสฺสนํฯ ตตฺถ หตฺถาทีนํ วิภาคทสฺสนตฺถํ ‘‘หโตฺถ นาม กปฺปรํ อุปาทายา’’ติอาทิมาห ตตฺถ กปฺปรํ อุปาทายาติ ทุติยํฯ มหาสนฺธิํ อุปาทายฯ อญฺญตฺถ ปน มณิพนฺธโต ปฎฺฐาย ยาว อคฺคนขา หโตฺถ อิธ สทฺธิํ อคฺคพาหาย กปฺปรโต ปฎฺฐาย อธิเปฺปโตฯ
Hatthaggāhaṃ vātiādibhedaṃ panassa vitthārena atthadassanaṃ. Tattha hatthādīnaṃ vibhāgadassanatthaṃ ‘‘hattho nāma kapparaṃ upādāyā’’tiādimāha tattha kapparaṃ upādāyāti dutiyaṃ. Mahāsandhiṃ upādāya. Aññattha pana maṇibandhato paṭṭhāya yāva agganakhā hattho idha saddhiṃ aggabāhāya kapparato paṭṭhāya adhippeto.
สุทฺธเกสา วาติ สุตฺตาทีหิ อมิสฺสา สุทฺธา เกสาเยวฯ เวณีติ ตีหิ เกสวฎฺฎีหิ วินนฺธิตฺวา กตเกสกลาปเสฺสตํ นามํฯ สุตฺตมิสฺสาติ ปญฺจวเณฺณน สุเตฺตน เกเส มิเสฺสตฺวา กตาฯ มาลามิสฺสาติ วสฺสิกปุปฺผาทีหิ มิเสฺสตฺวา ตีหิ เกสวฎฺฎีหิ วินนฺธิตฺวา กตา, อวินโทฺธปิ วา เกวลํ ปุปฺผมิสฺสโก เกสกลาโป อิธ ‘‘เวณี’’ติ เวทิตโพฺพฯ หิรญฺญมิสฺสาติ กหาปณมาลาย มิเสฺสตฺวา กตาฯ สุวณฺณมิสฺสาติ สุวณฺณจีรเกหิ วา ปามงฺคาทีหิ วา มิเสฺสตฺวา กตาฯ มุตฺตามิสฺสาติ มุตฺตาวลีหิ มิเสฺสตฺวา กตาฯ มณิมิสฺสาติ สุตฺตารูเฬฺหหิ มณีหิ มิเสฺสตฺวา กตาฯ เอตาสุ หิ ยํกิญฺจิ เวณิํ คณฺหนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโสเยวฯ ‘‘อหํ มิสฺสกเวณิํ อคฺคเหสิ’’นฺติ วทนฺตสฺส โมโกฺข นตฺถิฯ เวณิคฺคหเณน เจตฺถ เกสาปิ คหิตาว โหนฺติ, ตสฺมา โย เอกมฺปิ เกสํ คณฺหาติ ตสฺสปิ อาปตฺติเยวฯ
Suddhakesā vāti suttādīhi amissā suddhā kesāyeva. Veṇīti tīhi kesavaṭṭīhi vinandhitvā katakesakalāpassetaṃ nāmaṃ. Suttamissāti pañcavaṇṇena suttena kese missetvā katā. Mālāmissāti vassikapupphādīhi missetvā tīhi kesavaṭṭīhi vinandhitvā katā, avinaddhopi vā kevalaṃ pupphamissako kesakalāpo idha ‘‘veṇī’’ti veditabbo. Hiraññamissāti kahāpaṇamālāya missetvā katā. Suvaṇṇamissāti suvaṇṇacīrakehi vā pāmaṅgādīhi vā missetvā katā. Muttāmissāti muttāvalīhi missetvā katā. Maṇimissāti suttārūḷhehi maṇīhi missetvā katā. Etāsu hi yaṃkiñci veṇiṃ gaṇhantassa saṅghādisesoyeva. ‘‘Ahaṃ missakaveṇiṃ aggahesi’’nti vadantassa mokkho natthi. Veṇiggahaṇena cettha kesāpi gahitāva honti, tasmā yo ekampi kesaṃ gaṇhāti tassapi āpattiyeva.
หตฺถญฺจ เวณิญฺจ ฐเปตฺวาติ อิธ วุตฺตลกฺขณํ หตฺถญฺจ สพฺพปฺปการญฺจ เวณิํ ฐเปตฺวา อวเสสํ สรีรํ ‘‘องฺค’’นฺติ เวทิตพฺพํฯ เอวํ ปริจฺฉิเนฺนสุ หตฺถาทีสุ หตฺถสฺส คหณํ หตฺถคฺคาโห, เวณิยา คหณํ เวณิคฺคาโห, อวเสสสสรีรสฺส ปรามสนํ อญฺญตรสฺส วา อญฺญตรสฺส วา องฺคสฺส ปรามสนํ, โย ตํ หตฺถคฺคาหํ วา เวณิคฺคาหํ วา อญฺญตรสฺส วา อญฺญตรสฺส วา องฺคสฺส ปรามสนํ สมาปเชฺชยฺย, ตสฺส สงฺฆาทิเสโส นาม อาปตฺตินิกาโย โหตีติฯ อยํ สิกฺขาปทสฺส อโตฺถฯ
Hatthañcaveṇiñca ṭhapetvāti idha vuttalakkhaṇaṃ hatthañca sabbappakārañca veṇiṃ ṭhapetvā avasesaṃ sarīraṃ ‘‘aṅga’’nti veditabbaṃ. Evaṃ paricchinnesu hatthādīsu hatthassa gahaṇaṃ hatthaggāho, veṇiyā gahaṇaṃ veṇiggāho, avasesasasarīrassa parāmasanaṃ aññatarassa vā aññatarassa vā aṅgassa parāmasanaṃ, yo taṃ hatthaggāhaṃ vā veṇiggāhaṃ vā aññatarassa vā aññatarassa vā aṅgassa parāmasanaṃ samāpajjeyya, tassa saṅghādiseso nāma āpattinikāyo hotīti. Ayaṃ sikkhāpadassa attho.
๒๗๒. ยสฺมา ปน โย จ หตฺถคฺคาโห โย จ เวณิคฺคาโห ยญฺจ อวเสสสฺส องฺคสฺส ปรามสนํ ตํ สพฺพมฺปิ เภทโต ทฺวาทสวิธํ โหติ, ตสฺมา ตํ เภทํ ทเสฺสตุํ ‘‘อามสนา ปรามสนา’’ติอาทินา นเยนสฺส ปทภาชนํ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยญฺจ วุตฺตํ ‘‘อามสนา นาม อามฎฺฐมตฺตา’’ติ ยญฺจ ‘‘ฉุปนํ นาม ผุฎฺฐมตฺต’’นฺติ, อิเมสํ อยํ วิเสโส – อามสนาติ อามชฺชนา ผุโฎฺฐกาสํ อนติกฺกมิตฺวาปิ ตเตฺถว สงฺฆฎฺฎนาฯ อยญฺหิ ‘‘อามฎฺฐมตฺตา’’ติ วุจฺจติฯ ฉุปนนฺติ อสงฺฆเฎฺฎตฺวา ผุฎฺฐมตฺตํฯ
272. Yasmā pana yo ca hatthaggāho yo ca veṇiggāho yañca avasesassa aṅgassa parāmasanaṃ taṃ sabbampi bhedato dvādasavidhaṃ hoti, tasmā taṃ bhedaṃ dassetuṃ ‘‘āmasanā parāmasanā’’tiādinā nayenassa padabhājanaṃ vuttaṃ. Tattha yañca vuttaṃ ‘‘āmasanā nāma āmaṭṭhamattā’’ti yañca ‘‘chupanaṃ nāma phuṭṭhamatta’’nti, imesaṃ ayaṃ viseso – āmasanāti āmajjanā phuṭṭhokāsaṃ anatikkamitvāpi tattheva saṅghaṭṭanā. Ayañhi ‘‘āmaṭṭhamattā’’ti vuccati. Chupananti asaṅghaṭṭetvā phuṭṭhamattaṃ.
ยมฺปิ อุมฺมสนาย จ อุลฺลงฺฆนาย จ นิเทฺทเส ‘‘อุทฺธํ อุจฺจารณา’’ติ เอกเมว ปทํ วุตฺตํฯ ตตฺราปิ อยํ วิเสโส – ปฐมํ อตฺตโน กายสฺส อิตฺถิยา กาเย อุทฺธํ เปสนวเสน วุตฺตํ, ทุติยํ อิตฺถิยา กายํ อุกฺขิปนวเสน, เสสํ ปากฎเมวฯ
Yampi ummasanāya ca ullaṅghanāya ca niddese ‘‘uddhaṃ uccāraṇā’’ti ekameva padaṃ vuttaṃ. Tatrāpi ayaṃ viseso – paṭhamaṃ attano kāyassa itthiyā kāye uddhaṃ pesanavasena vuttaṃ, dutiyaṃ itthiyā kāyaṃ ukkhipanavasena, sesaṃ pākaṭameva.
๒๗๓. อิทานิ ยฺวายํ โอติโณฺณ วิปริณเตน จิเตฺตน กายสํสคฺคํ สมาปชฺชติ, ตสฺส เอเตสํ ปทานํ วเสน วิตฺถารโต อาปตฺติเภทํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิตฺถี จ โหติ อิตฺถิสญฺญี สารโตฺต จ ภิกฺขุ จ นํ อิตฺถิยา กาเยน กาย’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ภิกฺขุ จ นํ อิตฺถิยา กาเยน กายนฺติ โส สารโตฺต จ อิตฺถิสญฺญี จ ภิกฺขุ อตฺตโน กาเยนฯ นนฺติ นิปาตมตฺตํฯ อถ วา เอตํ ตสฺสา อิตฺถิยา หตฺถาทิเภทํ กายํฯ อามสติ ปรามสตีติ เอเตสุ เจ เอเกนาปิ อากาเรน อชฺฌาจรติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ ตตฺถ สกิํ อามสโต เอกา อาปตฺติ, ปุนปฺปุนํ อามสโต ปโยเค ปโยเค สงฺฆาทิเสโสฯ
273. Idāni yvāyaṃ otiṇṇo vipariṇatena cittena kāyasaṃsaggaṃ samāpajjati, tassa etesaṃ padānaṃ vasena vitthārato āpattibhedaṃ dassento ‘‘itthī ca hoti itthisaññī sāratto ca bhikkhu ca naṃ itthiyā kāyena kāya’’ntiādimāha. Tattha bhikkhu ca naṃ itthiyā kāyena kāyanti so sāratto ca itthisaññī ca bhikkhu attano kāyena. Nanti nipātamattaṃ. Atha vā etaṃ tassā itthiyā hatthādibhedaṃ kāyaṃ. Āmasati parāmasatīti etesu ce ekenāpi ākārena ajjhācarati, āpatti saṅghādisesassa. Tattha sakiṃ āmasato ekā āpatti, punappunaṃ āmasato payoge payoge saṅghādiseso.
ปรามสโนฺตปิ สเจ กายโต อโมเจตฺวาว อิโต จิโต จ อตฺตโน หตฺถํ วา กายํ วา สโญฺจเปติ หรติ เปเสติ ทิวสมฺปิ ปรามสโต เอกาว อาปตฺติฯ สเจ กายโต โมเจตฺวา โมเจตฺวา ปรามสติ ปโยเค ปโยเค อาปตฺติฯ
Parāmasantopi sace kāyato amocetvāva ito cito ca attano hatthaṃ vā kāyaṃ vā sañcopeti harati peseti divasampi parāmasato ekāva āpatti. Sace kāyato mocetvā mocetvā parāmasati payoge payoge āpatti.
โอมสโนฺตปิ สเจ กายโต อโมเจตฺวาว อิตฺถิยา มตฺถกโต ปฎฺฐาย ยาว ปาทปิฎฺฐิํ โอมสติ เอกาว อาปตฺติฯ สเจ ปน อุทราทีสุ ตํ ตํ ฐานํ ปตฺวา มุญฺจิตฺวา มุญฺจิตฺวา โอมสติ ปโยเค ปโยเค อาปตฺติฯ อุมฺมสนายปิ ปาทโต ปฎฺฐาย ยาว สีสํ อุมฺมสนฺตสฺส เอเสว นโยฯ
Omasantopi sace kāyato amocetvāva itthiyā matthakato paṭṭhāya yāva pādapiṭṭhiṃ omasati ekāva āpatti. Sace pana udarādīsu taṃ taṃ ṭhānaṃ patvā muñcitvā muñcitvā omasati payoge payoge āpatti. Ummasanāyapi pādato paṭṭhāya yāva sīsaṃ ummasantassa eseva nayo.
โอลงฺฆนาย มาตุคามํ เกเสสุ คเหตฺวา นาเมตฺวา จุมฺพนาทีสุ ยํ อชฺฌาจารํ อิจฺฉติ ตํ กตฺวา มุญฺจโต เอกาว อาปตฺติฯ อุฎฺฐิตํ ปุนปฺปุนํ นามยโต ปโยเค ปโยเค อาปตฺติฯ อุลฺลงฺฆนายปิ เกเสสุ วา หเตฺถสุ วา คเหตฺวา วุฎฺฐาปยโต เอเสว นโยฯ
Olaṅghanāya mātugāmaṃ kesesu gahetvā nāmetvā cumbanādīsu yaṃ ajjhācāraṃ icchati taṃ katvā muñcato ekāva āpatti. Uṭṭhitaṃ punappunaṃ nāmayato payoge payoge āpatti. Ullaṅghanāyapi kesesu vā hatthesu vā gahetvā vuṭṭhāpayato eseva nayo.
อากฑฺฒนาย อตฺตโน อภิมุขํ อากฑฺฒโนฺต ยาว น มุญฺจติ ตาว เอกาว อาปตฺติฯ มุญฺจิตฺวา มุญฺจิตฺวา อากฑฺฒนฺตสฺส ปโยเค ปโยเค อาปตฺติฯ ปติกฑฺฒนายปิ ปรมฺมุขํ ปิฎฺฐิยํ คเหตฺวา ปฎิปฺปณามยโต เอเสว นโยฯ
Ākaḍḍhanāya attano abhimukhaṃ ākaḍḍhanto yāva na muñcati tāva ekāva āpatti. Muñcitvā muñcitvā ākaḍḍhantassa payoge payoge āpatti. Patikaḍḍhanāyapi parammukhaṃ piṭṭhiyaṃ gahetvā paṭippaṇāmayato eseva nayo.
อภินิคฺคณฺหนาย หเตฺถ วา พาหาย วา ทฬฺหํ คเหตฺวา โยชนมฺปิ คจฺฉโต เอกาว อาปตฺติฯ มุญฺจิตฺวา ปุนปฺปุนํ คณฺหโต ปโยเค ปโยเค อาปตฺติฯ อมุญฺจิตฺวา ปุนปฺปุนํ ผุสโต จ อาลิงฺคโต จ ปโยเค ปโยเค อาปตฺตีติ มหาสุมเตฺถโร อาหฯ มหาปทุมเตฺถโร ปนาห – ‘‘มูลคฺคหณเมว ปมาณํ, ตสฺมา ยาว น มุญฺจติ ตาว เอกา เอว อาปตฺตี’’ติฯ
Abhiniggaṇhanāya hatthe vā bāhāya vā daḷhaṃ gahetvā yojanampi gacchato ekāva āpatti. Muñcitvā punappunaṃ gaṇhato payoge payoge āpatti. Amuñcitvā punappunaṃ phusato ca āliṅgato ca payoge payoge āpattīti mahāsumatthero āha. Mahāpadumatthero panāha – ‘‘mūlaggahaṇameva pamāṇaṃ, tasmā yāva na muñcati tāva ekā eva āpattī’’ti.
อภินิปฺปีฬนาย วเตฺถน วา อาภรเณน วา สทฺธิํ ปีฬยโต องฺคํ อผุสนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํ, ผุสนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโส, เอกปโยเคน เอกา อาปตฺติ, นานาปโยเคน นานาฯ
Abhinippīḷanāya vatthena vā ābharaṇena vā saddhiṃ pīḷayato aṅgaṃ aphusantassa thullaccayaṃ, phusantassa saṅghādiseso, ekapayogena ekā āpatti, nānāpayogena nānā.
คหณฉุปเนสุ อญฺญํ กิญฺจิ วิการํ อกโรโนฺตปิ คหิตมตฺตผุฎฺฐมเตฺตนาปิ อาปตฺติํ อาปชฺชติฯ
Gahaṇachupanesu aññaṃ kiñci vikāraṃ akarontopi gahitamattaphuṭṭhamattenāpi āpattiṃ āpajjati.
เอวเมเตสุ อามสนาทีสุ เอเกนาปิ อากาเรน อชฺฌาจารโต อิตฺถิยา อิตฺถิสญฺญิสฺส สงฺฆาทิเสโส, เวมติกสฺส ถุลฺลจฺจยํ, ปณฺฑกปุริสติรจฺฉานคตสญฺญิสฺสาปิ ถุลฺลจฺจยเมวฯ ปณฺฑเก ปณฺฑกสญฺญิสฺส ถุลฺลจฺจยํ, เวมติกสฺส ทุกฺกฎํฯ ปุริสติรจฺฉานคตอิตฺถิสญฺญิสฺสาปิ ทุกฺกฎเมวฯ ปุริเส ปุริสสญฺญิสฺสาปิ เวมติกสฺสาปิ อิตฺถิปณฺฑกติรจฺฉานคตสญฺญิสฺสาปิ ทุกฺกฎเมวฯ ติรจฺฉานคเตปิ สพฺพากาเรน ทุกฺกฎเมวาติฯ อิมา เอกมูลกนเย วุตฺตา อาปตฺติโย สลฺลเกฺขตฺวา อิมินาว อุปาเยน ‘‘เทฺว อิตฺถิโย ทฺวินฺนํ อิตฺถีน’’นฺติอาทิวเสน วุเตฺต ทุมูลกนเยปิ ทิคุณา อาปตฺติโย เวทิตพฺพาฯ ยถา จ ทฺวีสุ อิตฺถีสุ เทฺว สงฺฆาทิเสสา; เอวํ สมฺพหุลาสุ สมฺพหุลา เวทิตพฺพาฯ
Evametesu āmasanādīsu ekenāpi ākārena ajjhācārato itthiyā itthisaññissa saṅghādiseso, vematikassa thullaccayaṃ, paṇḍakapurisatiracchānagatasaññissāpi thullaccayameva. Paṇḍake paṇḍakasaññissa thullaccayaṃ, vematikassa dukkaṭaṃ. Purisatiracchānagataitthisaññissāpi dukkaṭameva. Purise purisasaññissāpi vematikassāpi itthipaṇḍakatiracchānagatasaññissāpi dukkaṭameva. Tiracchānagatepi sabbākārena dukkaṭamevāti. Imā ekamūlakanaye vuttā āpattiyo sallakkhetvā imināva upāyena ‘‘dve itthiyo dvinnaṃ itthīna’’ntiādivasena vutte dumūlakanayepi diguṇā āpattiyo veditabbā. Yathā ca dvīsu itthīsu dve saṅghādisesā; evaṃ sambahulāsu sambahulā veditabbā.
โย หิ เอกโต ฐิตา สมฺพหุลา อิตฺถิโย พาหาหิ ปริกฺขิปิตฺวา คณฺหาติ โส ยตฺตกา อิตฺถิโย ผุฎฺฐา ตาสํ คณนาย สงฺฆาทิเสเส อาปชฺชติ, มชฺฌคตานํ คณนาย ถุลฺลจฺจเยฯ ตา หิ เตน กายปฺปฎิพเทฺธน อามฎฺฐา โหนฺติฯ โย ปน สมฺพหุลานํ องฺคุลิโย วา เกเส วา เอกโต กตฺวา คณฺหาติ, โส องฺคุลิโย จ เกเส จ อคเณตฺวา อิตฺถิโย คเณตฺวา สงฺฆาทิเสเสหิ กาเรตโพฺพฯ ยาสญฺจ อิตฺถีนํ องฺคุลิโย วา เกสา วา มชฺฌคตา โหนฺติ, ตาสํ คณนาย ถุลฺลจฺจเย อาปชฺชติฯ ตา หิ เตน กายปฺปฎิพเทฺธน อามฎฺฐา โหนฺติ, สมฺพหุลา ปน อิตฺถิโย กายปฺปฎิพเทฺธหิ รชฺชุวตฺถาทีหิ ปริกฺขิปิตฺวา คณฺหโนฺต สพฺพาสํเยว อโนฺตปริเกฺขปคตานํ คณนาย ถุลฺลจฺจเย อาปชฺชติฯ มหาปจฺจริยํ อผุฎฺฐาสุ ทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยสฺมา ปาฬิยํ กายปฺปฎิพทฺธปฺปฎิพเทฺธน อามสนํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา สพฺพมฺปิ กายปฺปฎิพทฺธปฺปฎิพทฺธํ กายปฺปฎิพเทฺธเนว สงฺคเหตฺวา มหาอฎฺฐกถายญฺจ กุรุนฺทิยญฺจ วุโตฺต ปุริมนโยเยเวตฺถ ยุตฺตตโร ทิสฺสติฯ
Yo hi ekato ṭhitā sambahulā itthiyo bāhāhi parikkhipitvā gaṇhāti so yattakā itthiyo phuṭṭhā tāsaṃ gaṇanāya saṅghādisese āpajjati, majjhagatānaṃ gaṇanāya thullaccaye. Tā hi tena kāyappaṭibaddhena āmaṭṭhā honti. Yo pana sambahulānaṃ aṅguliyo vā kese vā ekato katvā gaṇhāti, so aṅguliyo ca kese ca agaṇetvā itthiyo gaṇetvā saṅghādisesehi kāretabbo. Yāsañca itthīnaṃ aṅguliyo vā kesā vā majjhagatā honti, tāsaṃ gaṇanāya thullaccaye āpajjati. Tā hi tena kāyappaṭibaddhena āmaṭṭhā honti, sambahulā pana itthiyo kāyappaṭibaddhehi rajjuvatthādīhi parikkhipitvā gaṇhanto sabbāsaṃyeva antoparikkhepagatānaṃ gaṇanāya thullaccaye āpajjati. Mahāpaccariyaṃ aphuṭṭhāsu dukkaṭaṃ vuttaṃ. Tattha yasmā pāḷiyaṃ kāyappaṭibaddhappaṭibaddhena āmasanaṃ nāma natthi, tasmā sabbampi kāyappaṭibaddhappaṭibaddhaṃ kāyappaṭibaddheneva saṅgahetvā mahāaṭṭhakathāyañca kurundiyañca vutto purimanayoyevettha yuttataro dissati.
โย หิ หเตฺถน หตฺถํ คเหตฺวา ปฎิปาฎิยา ฐิตาสุ อิตฺถีสุ สมสาราโค เอกํ หเตฺถ คณฺหาติ, โส คหิติตฺถิยา วเสน เอกํ สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชติ, อิตราสํ คณนาย ปุริมนเยเนว ถุลฺลจฺจเยฯ สเจ โส ตํ กายปฺปฎิพเทฺธ วเตฺถ วา ปุเปฺผ วา คณฺหาติ, สพฺพาสํ คณนาย ถุลฺลจฺจเย อาปชฺชติฯ ยเถว หิ รชฺชุวตฺถาทีหิ ปริกฺขิปเนฺตน สพฺพาปิ กายปฺปฎิพเทฺธน อามฎฺฐา โหนฺติ, ตถา อิธาปิ สพฺพาปิ กายปฺปฎิพเทฺธน อามฎฺฐา โหนฺติฯ สเจ ปน ตา อิตฺถิโย อญฺญมญฺญํ วตฺถโกฎิยํ คเหตฺวา ฐิตา โหนฺติ, ตตฺร เจโส ปุริมนเยเนว ปฐมํ อิตฺถิํ หเตฺถ คณฺหาติ คหิตาย วเสน สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชติ, อิตราสํ คณนาย ทุกฺกฎานิฯ สพฺพาสญฺหิ ตาสํ เตน ปุริมนเยเนว กายปฎิพเทฺธน กายปฺปฎิพทฺธํ อามฎฺฐํ โหติฯ สเจ ปน โสปิ ตํ กายปฺปฎิพเทฺธเยว คณฺหาติ ตสฺสา วเสน ถุลฺลจฺจยํ อาปชฺชติ, อิตราสํ คณนาย อนนฺตรนเยเนว ทุกฺกฎานิฯ
Yo hi hatthena hatthaṃ gahetvā paṭipāṭiyā ṭhitāsu itthīsu samasārāgo ekaṃ hatthe gaṇhāti, so gahititthiyā vasena ekaṃ saṅghādisesaṃ āpajjati, itarāsaṃ gaṇanāya purimanayeneva thullaccaye. Sace so taṃ kāyappaṭibaddhe vatthe vā pupphe vā gaṇhāti, sabbāsaṃ gaṇanāya thullaccaye āpajjati. Yatheva hi rajjuvatthādīhi parikkhipantena sabbāpi kāyappaṭibaddhena āmaṭṭhā honti, tathā idhāpi sabbāpi kāyappaṭibaddhena āmaṭṭhā honti. Sace pana tā itthiyo aññamaññaṃ vatthakoṭiyaṃ gahetvā ṭhitā honti, tatra ceso purimanayeneva paṭhamaṃ itthiṃ hatthe gaṇhāti gahitāya vasena saṅghādisesaṃ āpajjati, itarāsaṃ gaṇanāya dukkaṭāni. Sabbāsañhi tāsaṃ tena purimanayeneva kāyapaṭibaddhena kāyappaṭibaddhaṃ āmaṭṭhaṃ hoti. Sace pana sopi taṃ kāyappaṭibaddheyeva gaṇhāti tassā vasena thullaccayaṃ āpajjati, itarāsaṃ gaṇanāya anantaranayeneva dukkaṭāni.
โย ปน ฆนวตฺถนิวตฺถํ อิตฺถิํ กายสํสคฺคราเคน วเตฺถ ฆเฎฺฎติ, ถุลฺลจฺจยํฯ วิรฬวตฺถนิวตฺถํ ฆเฎฺฎติ, ตตฺร เจ วตฺถนฺตเรหิ อิตฺถิยา วา นิกฺขนฺตโลมานิ ภิกฺขุํ ภิกฺขุโน วา ปวิฎฺฐโลมานิ อิตฺถิํ ผุสนฺติ, อุภินฺนํ โลมานิเยว วา โลมานิ ผุสนฺติ, สงฺฆาทิเสโสฯ อุปาทินฺนเกน หิ กมฺมชรูเปน อุปาทินฺนกํ วา อนุปาทินฺนกํ วา อนุปาทินฺนเกนปิ เกนจิ เกสาทินา อุปาทินฺนกํ วา อนุปาทินฺนกํ วา ผุสโนฺตปิ สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชติเยวฯ
Yo pana ghanavatthanivatthaṃ itthiṃ kāyasaṃsaggarāgena vatthe ghaṭṭeti, thullaccayaṃ. Viraḷavatthanivatthaṃ ghaṭṭeti, tatra ce vatthantarehi itthiyā vā nikkhantalomāni bhikkhuṃ bhikkhuno vā paviṭṭhalomāni itthiṃ phusanti, ubhinnaṃ lomāniyeva vā lomāni phusanti, saṅghādiseso. Upādinnakena hi kammajarūpena upādinnakaṃ vā anupādinnakaṃ vā anupādinnakenapi kenaci kesādinā upādinnakaṃ vā anupādinnakaṃ vā phusantopi saṅghādisesaṃ āpajjatiyeva.
ตตฺถ กุรุนฺทิยํ ‘‘โลมานิ คเณตฺวา สงฺฆาทิเสโส’’ติ วุตฺตํฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน ‘‘โลมานิ คเณตฺวา อาปตฺติยา น กาเรตโพฺพ, เอกเมว สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชติฯ สงฺฆิกมเญฺจ ปน อปจฺจตฺถริตฺวา นิปโนฺน โลมานิ คเณตฺวา กาเรตโพฺพ’’ติ วุตฺตํ , ตเทว ยุตฺตํฯ อิตฺถิวเสน หิ อยํ อาปตฺติ, น โกฎฺฐาสวเสนาติฯ
Tattha kurundiyaṃ ‘‘lomāni gaṇetvā saṅghādiseso’’ti vuttaṃ. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘lomāni gaṇetvā āpattiyā na kāretabbo, ekameva saṅghādisesaṃ āpajjati. Saṅghikamañce pana apaccattharitvā nipanno lomāni gaṇetvā kāretabbo’’ti vuttaṃ , tadeva yuttaṃ. Itthivasena hi ayaṃ āpatti, na koṭṭhāsavasenāti.
เอตฺถาห ‘‘โย ปน ‘กายปฺปฎิพทฺธํ คณฺหิสฺสามี’ติ กายํ คณฺหาติ, ‘กายํ คณฺหิสฺสามี’ติ กายปฺปฎิพทฺธํ คณฺหาติ, โส กิํ อาปชฺชตี’’ติฯ มหาสุมเตฺถโร ตาว ‘‘ยถาวตฺถุกเมวา’’ติ วทติฯ อยํ กิรสฺส ลทฺธิ –
Etthāha ‘‘yo pana ‘kāyappaṭibaddhaṃ gaṇhissāmī’ti kāyaṃ gaṇhāti, ‘kāyaṃ gaṇhissāmī’ti kāyappaṭibaddhaṃ gaṇhāti, so kiṃ āpajjatī’’ti. Mahāsumatthero tāva ‘‘yathāvatthukamevā’’ti vadati. Ayaṃ kirassa laddhi –
‘‘วตฺถุ สญฺญา จ ราโค จ, ผสฺสปฺปฎิวิชานนา;
‘‘Vatthu saññā ca rāgo ca, phassappaṭivijānanā;
ยถานิทฺทิฎฺฐนิเทฺทเส, ครุกํ เตน การเย’’ติฯ
Yathāniddiṭṭhaniddese, garukaṃ tena kāraye’’ti.
เอตฺถ ‘‘วตฺถู’’ติ อิตฺถีฯ ‘‘สญฺญา’’ติ อิตฺถิสญฺญาฯ ‘‘ราโค’’ติ กายสํสคฺคราโคฯ ‘‘ผสฺสปฺปฎิวิชานนา’’ติ กายสํสคฺคผสฺสชานนาฯ ตสฺมา โย อิตฺถิยา อิตฺถิสญฺญี กายสํสคฺคราเคน ‘‘กายปฺปฎิพทฺธํ คเหสฺสามี’’ติ ปวโตฺตปิ กายํ ผุสติ, ครุกํ สงฺฆาทิเสสํเยว อาปชฺชติฯ อิตโรปิ ถุลฺลจฺจยนฺติ มหาปทุมเตฺถโร ปนาห –
Ettha ‘‘vatthū’’ti itthī. ‘‘Saññā’’ti itthisaññā. ‘‘Rāgo’’ti kāyasaṃsaggarāgo. ‘‘Phassappaṭivijānanā’’ti kāyasaṃsaggaphassajānanā. Tasmā yo itthiyā itthisaññī kāyasaṃsaggarāgena ‘‘kāyappaṭibaddhaṃ gahessāmī’’ti pavattopi kāyaṃ phusati, garukaṃ saṅghādisesaṃyeva āpajjati. Itaropi thullaccayanti mahāpadumatthero panāha –
‘‘สญฺญาย วิราคิตมฺหิ, คหเณ จ วิราคิเต;
‘‘Saññāya virāgitamhi, gahaṇe ca virāgite;
ยถานิทฺทิฎฺฐนิเทฺทเส, ครุกํ ตตฺถ น ทิสฺสตี’’ติฯ
Yathāniddiṭṭhaniddese, garukaṃ tattha na dissatī’’ti.
อสฺสาปายํ ลทฺธิ อิตฺถิยา อิตฺถิสญฺญิโน หิ สงฺฆาทิเสโส วุโตฺตฯ อิมินา จ อิตฺถิสญฺญา วิราคิตา กายปฺปฎิพเทฺธ กายปฺปฎิพทฺธสญฺญา อุปฺปาทิตา, ตํ คณฺหนฺตสฺส ปน ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํฯ อิมินา จ คหณมฺปิ วิราคิตํ ตํ อคฺคเหตฺวา อิตฺถี คหิตา, ตสฺมา เอตฺถ อิตฺถิสญฺญาย อภาวโต สงฺฆาทิเสโส น ทิสฺสติ, กายปฺปฎิพทฺธสฺส อคฺคหิตตฺตา ถุลฺลจฺจยํ น ทิสฺสติ, กายสํสคฺคราเคน ผุฎฺฐตฺตา ปน ทุกฺกฎํฯ กายสํสคฺคราเคน หิ อิมํ นาม วตฺถุํ ผุสโต อนาปตฺตีติ นตฺถิ, ตสฺมา ทุกฺกฎเมวาติฯ
Assāpāyaṃ laddhi itthiyā itthisaññino hi saṅghādiseso vutto. Iminā ca itthisaññā virāgitā kāyappaṭibaddhe kāyappaṭibaddhasaññā uppāditā, taṃ gaṇhantassa pana thullaccayaṃ vuttaṃ. Iminā ca gahaṇampi virāgitaṃ taṃ aggahetvā itthī gahitā, tasmā ettha itthisaññāya abhāvato saṅghādiseso na dissati, kāyappaṭibaddhassa aggahitattā thullaccayaṃ na dissati, kāyasaṃsaggarāgena phuṭṭhattā pana dukkaṭaṃ. Kāyasaṃsaggarāgena hi imaṃ nāma vatthuṃ phusato anāpattīti natthi, tasmā dukkaṭamevāti.
อิทญฺจ ปน วตฺวา อิทํ จตุกฺกมาหฯ ‘‘สารตฺตํ คณฺหิสฺสามี’ติ สารตฺตํ คณฺหิ สงฺฆาทิเสโส, ‘วิรตฺตํ คณฺหิสฺสามี’ติ วิรตฺตํ คณฺหิ ทุกฺกฎํ, ‘สารตฺตํ คณฺหิสฺสามี’ติ วิรตฺตํ คณฺหิ ทุกฺกฎํ, ‘วิรตฺตํ คณฺหิสฺสามี’ติ สารตฺตํ คณฺหิ ทุกฺกฎเมวา’’ติฯ กิญฺจาปิ เอวมาห? อถ โข มหาสุมเตฺถรวาโทเยเวตฺถ ‘‘อิตฺถิ จ โหติ อิตฺถิสญฺญี สารโตฺต จ ภิกฺขุ จ นํ อิตฺถิยา กาเยน กายปฺปฎิพทฺธํ อามสติ ปรามสติ…เป.… คณฺหาติ ฉุปติ อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ อิมาย ปาฬิยา ‘‘โย หิ เอกโต ฐิตา สมฺพหุลา อิตฺถิโย พาหาหิ ปริกฺขิปิตฺวา คณฺหาติ, โส ยตฺตกา อิตฺถิโย ผุฎฺฐา ตาสํ คณนาย สงฺฆาทิเสเส อาปชฺชติ, มชฺฌคตานํ คณนาย ถุลฺลจฺจเย’’ติอาทีหิ อฎฺฐกถาวินิจฺฉเยหิ จ สเมติฯ ยทิ หิ สญฺญาทิวิราเคน วิราคิตํ นาม ภเวยฺย ‘‘ปณฺฑโก จ โหติ อิตฺถิสญฺญี’’ติอาทีสุ วิย ‘‘กายปฺปฎิพทฺธญฺจ โหติ กายสญฺญี จา’’ติอาทินาปิ นเยน ปาฬิยํ วิเสสํ วเทยฺยฯ ยสฺมา ปน โส น วุโตฺต, ตสฺมา อิตฺถิยา อิตฺถิสญฺญาย สติ อิตฺถิํ อามสนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโส, กายปฺปฎิพทฺธํ อามสนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยนฺติ ยถาวตฺถุกเมว ยุชฺชติฯ
Idañca pana vatvā idaṃ catukkamāha. ‘‘Sārattaṃ gaṇhissāmī’ti sārattaṃ gaṇhi saṅghādiseso, ‘virattaṃ gaṇhissāmī’ti virattaṃ gaṇhi dukkaṭaṃ, ‘sārattaṃ gaṇhissāmī’ti virattaṃ gaṇhi dukkaṭaṃ, ‘virattaṃ gaṇhissāmī’ti sārattaṃ gaṇhi dukkaṭamevā’’ti. Kiñcāpi evamāha? Atha kho mahāsumattheravādoyevettha ‘‘itthi ca hoti itthisaññī sāratto ca bhikkhu ca naṃ itthiyā kāyena kāyappaṭibaddhaṃ āmasati parāmasati…pe… gaṇhāti chupati āpatti thullaccayassā’’ti imāya pāḷiyā ‘‘yo hi ekato ṭhitā sambahulā itthiyo bāhāhi parikkhipitvā gaṇhāti, so yattakā itthiyo phuṭṭhā tāsaṃ gaṇanāya saṅghādisese āpajjati, majjhagatānaṃ gaṇanāya thullaccaye’’tiādīhi aṭṭhakathāvinicchayehi ca sameti. Yadi hi saññādivirāgena virāgitaṃ nāma bhaveyya ‘‘paṇḍako ca hoti itthisaññī’’tiādīsu viya ‘‘kāyappaṭibaddhañca hoti kāyasaññī cā’’tiādināpi nayena pāḷiyaṃ visesaṃ vadeyya. Yasmā pana so na vutto, tasmā itthiyā itthisaññāya sati itthiṃ āmasantassa saṅghādiseso, kāyappaṭibaddhaṃ āmasantassa thullaccayanti yathāvatthukameva yujjati.
มหาปจฺจริยมฺปิ เจตํ วุตฺตํ – ‘‘นีลํ ปารุปิตฺวา สยิตาย กาฬิตฺถิยา กายํ ฆเฎฺฎสฺสามี’ติ กายํ ฆเฎฺฎติ, สงฺฆาทิเสโส; ‘กายํ ฆเฎฺฎสฺสามี’ติ นีลํ ฆเฎฺฎติ, ถุลฺลจฺจยํ; ‘นีลํ ฆเฎฺฎสฺสามี’ติ กายํ ฆเฎฺฎติ, สงฺฆาทิเสโส; ‘นีลํ ฆเฎฺฎสฺสามี’ติ นีลํ ฆเฎฺฎติ, ถุลฺลจฺจย’’นฺติฯ โยปายํ ‘‘อิตฺถี จ ปณฺฑโก จา’’ติอาทินา นเยน วตฺถุมิสฺสกนโย วุโตฺต, ตสฺมิมฺปิ วตฺถุ สญฺญาวิมติวเสน วุตฺตา อาปตฺติโย ปาฬิยํ อสมฺมุยฺหเนฺตน เวทิตพฺพาฯ
Mahāpaccariyampi cetaṃ vuttaṃ – ‘‘nīlaṃ pārupitvā sayitāya kāḷitthiyā kāyaṃ ghaṭṭessāmī’ti kāyaṃ ghaṭṭeti, saṅghādiseso; ‘kāyaṃ ghaṭṭessāmī’ti nīlaṃ ghaṭṭeti, thullaccayaṃ; ‘nīlaṃ ghaṭṭessāmī’ti kāyaṃ ghaṭṭeti, saṅghādiseso; ‘nīlaṃ ghaṭṭessāmī’ti nīlaṃ ghaṭṭeti, thullaccaya’’nti. Yopāyaṃ ‘‘itthī ca paṇḍako cā’’tiādinā nayena vatthumissakanayo vutto, tasmimpi vatthu saññāvimativasena vuttā āpattiyo pāḷiyaṃ asammuyhantena veditabbā.
กาเยนกายปฺปฎิพทฺธวาเร ปน อิตฺถิยา อิตฺถิสญฺญิสฺส กายปฺปฎิพทฺธํ คณฺหโต ถุลฺลจฺจยํ, เสเส สพฺพตฺถ ทุกฺกฎํฯ กายปฺปฎิพเทฺธนกายวาเรปิ เอเสว นโยฯ กายปฺปฎิพเทฺธนกอายปฺปฎิพทฺธวาเร จ นิสฺสคฺคิเยนกายวาราทีสุ จสฺส สพฺพตฺถ ทุกฺกฎเมวฯ
Kāyenakāyappaṭibaddhavāre pana itthiyā itthisaññissa kāyappaṭibaddhaṃ gaṇhato thullaccayaṃ, sese sabbattha dukkaṭaṃ. Kāyappaṭibaddhenakāyavārepi eseva nayo. Kāyappaṭibaddhenakaāyappaṭibaddhavāre ca nissaggiyenakāyavārādīsu cassa sabbattha dukkaṭameva.
‘‘อิตฺถี จ โหติ อิตฺถิสญฺญี สารโตฺต จ อิตฺถี จ นํ ภิกฺขุสฺส กาเยน กาย’’นฺติอาทิวาโร ปน ภิกฺขุมฺหิ มาตุคามสฺส ราควเสน วุโตฺตฯ ตตฺถ อิตฺถี จ นํ ภิกฺขุสฺส กาเยน กายนฺติ ภิกฺขุมฺหิ สารตฺตา อิตฺถี ตสฺส นิสิโนฺนกาสํ วา นิปโนฺนกาสํ วา คนฺตฺวา อตฺตโน กาเยน ตํ ภิกฺขุสฺส กายํ อามสติ…เป.… ฉุปติฯ เสวนาธิปฺปาโย กาเยน วายมติ, ผสฺสํ ปฎิวิชานาตีติ เอวํ ตาย อามโฎฺฐ วา ฉุปิโต วา เสวนาธิปฺปาโย หุตฺวา สเจ ผสฺสปฺปฎิวิชานนตฺถํ อีสกมฺปิ กายํ จาเลติ ผเนฺทติ, สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชติฯ
‘‘Itthī ca hoti itthisaññī sāratto ca itthī ca naṃ bhikkhussa kāyena kāya’’ntiādivāro pana bhikkhumhi mātugāmassa rāgavasena vutto. Tattha itthī ca naṃ bhikkhussa kāyena kāyanti bhikkhumhi sārattā itthī tassa nisinnokāsaṃ vā nipannokāsaṃ vā gantvā attano kāyena taṃ bhikkhussa kāyaṃ āmasati…pe… chupati. Sevanādhippāyo kāyena vāyamati, phassaṃ paṭivijānātīti evaṃ tāya āmaṭṭho vā chupito vā sevanādhippāyo hutvā sace phassappaṭivijānanatthaṃ īsakampi kāyaṃ cāleti phandeti, saṅghādisesaṃ āpajjati.
เทฺว อิตฺถิโยติ เอตฺถ เทฺว สงฺฆาทิเสเส อาปชฺชติ, อิตฺถิยา จ ปณฺฑเก จ สงฺฆาทิเสเสน สห ทุกฺกฎํ ฯ เอเตน อุปาเยน ยาว ‘‘นิสฺสคฺคิเยน นิสฺสคฺคิยํ อามสติ, เสวนาธิปฺปาโย กาเยน วายมติ น จ ผสฺสํ ปฎิวิชานาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ ตาว ปุริมนเยเนว อาปตฺติเภโท เวทิตโพฺพฯ
Dveitthiyoti ettha dve saṅghādisese āpajjati, itthiyā ca paṇḍake ca saṅghādisesena saha dukkaṭaṃ . Etena upāyena yāva ‘‘nissaggiyena nissaggiyaṃ āmasati, sevanādhippāyo kāyena vāyamati na ca phassaṃ paṭivijānāti, āpatti dukkaṭassā’’ti tāva purimanayeneva āpattibhedo veditabbo.
เอตฺถ จ กาเยน วายมติ น จ ผสฺสํ ปฎิวิชานาตีติ อตฺตนา นิสฺสฎฺฐํ ปุปฺผํ วา ผลํ วา อิตฺถิํ อตฺตโน นิสฺสคฺคิเยน ปุเปฺผน วา ผเลน วา ปหรนฺติํ ทิสฺวา กาเยน วิการํ กโรติ, องฺคุลิํ วา จาเลติ, ภมุกํ วา อุกฺขิปติ, อกฺขิํ วา นิขณติ, อญฺญํ วา เอวรูปํ วิการํ กโรติ, อยํ วุจฺจติ ‘‘กาเยน วายมติ น จ ผสฺสํ ปฎิวิชานาตี’’ติฯ อยมฺปิ กาเยน วายมิตตฺตา ทุกฺกฎํ อาปชฺชติ, ทฺวีสุ อิตฺถีสุ เทฺว, อิตฺถีปณฺฑเกสุปิ เทฺว เอว ทุกฺกเฎ อาปชฺชติฯ
Ettha ca kāyena vāyamati na ca phassaṃ paṭivijānātīti attanā nissaṭṭhaṃ pupphaṃ vā phalaṃ vā itthiṃ attano nissaggiyena pupphena vā phalena vā paharantiṃ disvā kāyena vikāraṃ karoti, aṅguliṃ vā cāleti, bhamukaṃ vā ukkhipati, akkhiṃ vā nikhaṇati, aññaṃ vā evarūpaṃ vikāraṃ karoti, ayaṃ vuccati ‘‘kāyena vāyamati na ca phassaṃ paṭivijānātī’’ti. Ayampi kāyena vāyamitattā dukkaṭaṃ āpajjati, dvīsu itthīsu dve, itthīpaṇḍakesupi dve eva dukkaṭe āpajjati.
๒๗๙. เอวํ วตฺถุวเสน วิตฺถารโต อาปตฺติเภทํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ลกฺขณวเสน สเงฺขปโต อาปตฺติเภทญฺจ อนาปตฺติเภทญฺจ ทเสฺสโนฺต ‘‘เสวนาธิปฺปาโย’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปุริมนเย อิตฺถิยา ผุโฎฺฐ สมาโน เสวนาธิปฺปาโย กาเยน วายมติ, ผสฺสํ ปฎิวิชานาตีติ ติวงฺคสมฺปตฺติยา สงฺฆาทิเสโสฯ ทุติเย นเย นิสฺสคฺคิเยน นิสฺสคฺคิยามสเน วิย วายมิตฺวา อฉุปเน วิย จ ผสฺสสฺส อปฺปฎิวิชานนโต ทุวงฺคสมฺปตฺติยา ทุกฺกฎํฯ ตติเย กาเยน อวายมโต อนาปตฺติฯ โย หิ เสวนาธิปฺปาโยปิ นิจฺจเลน กาเยน เกวลํ ผสฺสํ ปฎิวิชานาติ สาทิยติ อนุโภติ, ตสฺส จิตฺตุปฺปาทมเตฺต อาปตฺติยา อภาวโต อนาปตฺติฯ จตุเตฺถ ปน นิสฺสคฺคิเยน นิสฺสคฺคิยามสเน วิย ผสฺสปฺปฎิวิชานนาปิ นตฺถิ, เกวลํ จิตฺตุปฺปาทมตฺตเมว, ตสฺมา อนาปตฺติฯ โมกฺขาธิปฺปายสฺส สพฺพากาเรสุ อนาปตฺติเยวฯ
279. Evaṃ vatthuvasena vitthārato āpattibhedaṃ dassetvā idāni lakkhaṇavasena saṅkhepato āpattibhedañca anāpattibhedañca dassento ‘‘sevanādhippāyo’’tiādimāha. Tattha purimanaye itthiyā phuṭṭho samāno sevanādhippāyo kāyena vāyamati, phassaṃ paṭivijānātīti tivaṅgasampattiyā saṅghādiseso. Dutiye naye nissaggiyena nissaggiyāmasane viya vāyamitvā achupane viya ca phassassa appaṭivijānanato duvaṅgasampattiyā dukkaṭaṃ. Tatiye kāyena avāyamato anāpatti. Yo hi sevanādhippāyopi niccalena kāyena kevalaṃ phassaṃ paṭivijānāti sādiyati anubhoti, tassa cittuppādamatte āpattiyā abhāvato anāpatti. Catutthe pana nissaggiyena nissaggiyāmasane viya phassappaṭivijānanāpi natthi, kevalaṃ cittuppādamattameva, tasmā anāpatti. Mokkhādhippāyassa sabbākāresu anāpattiyeva.
เอตฺถ ปน โย อิตฺถิยา คหิโต ตํ อตฺตโน สรีรา โมเจตุกาโม ปฎิปฺปณาเมติ วา ปหรติ วา อยํ กาเยน วายมติ ผสฺสํ ปฎิวิชานาติฯ โย อาคจฺฉนฺติํ ทิสฺวา ตโต มุญฺจิตุกาโม อุตฺตาเสตฺวา ปลาเปติ, อยํ กาเยน วายมติ น จ ผสฺสํ ปฎิวิชานาติฯ โย ตาทิสํ ทีฆชาติํ กาเย อารูฬฺหํ ทิสฺวา ‘‘สณิกํ คจฺฉตุ ฆฎฺฎิยมานา อนตฺถาย สํวเตฺตยฺยา’’ติ น ฆเฎฺฎติ, อิตฺถิเมว วา องฺคํ ผุสมานํ ญตฺวา ‘‘เอสา ‘อนตฺถิโก อยํ มยา’ติ สยเมว ปกฺกมิสฺสตี’’ติ อชานโนฺต วิย นิจฺจโล โหติ, พลวิตฺถิยา วา คาฬฺหํ อาลิงฺคิตฺวา คหิโต ทหรภิกฺขุ ปลายิตุกาโมปิ สุฎฺฐุ คหิตตฺตา นิจฺจโล โหติ, อยํ น จ กาเยน วายมติ, ผสฺสํ ปฎิวิชานาติฯ โย ปน อาคจฺฉนฺติํ ทิสฺวา ‘‘อาคจฺฉตุ ตาว ตโต นํ ปหริตฺวา วา ปณาเมตฺวา วา ปกฺกมิสฺสามี’’ติ นิจฺจโล โหติ, อยํ โมกฺขาธิปฺปาโย น จ กาเยน วายมติ, น จ ผสฺสํ ปฎิวิชานาตีติ เวทิตโพฺพฯ
Ettha pana yo itthiyā gahito taṃ attano sarīrā mocetukāmo paṭippaṇāmeti vā paharati vā ayaṃ kāyena vāyamati phassaṃ paṭivijānāti. Yo āgacchantiṃ disvā tato muñcitukāmo uttāsetvā palāpeti, ayaṃ kāyena vāyamati na ca phassaṃ paṭivijānāti. Yo tādisaṃ dīghajātiṃ kāye ārūḷhaṃ disvā ‘‘saṇikaṃ gacchatu ghaṭṭiyamānā anatthāya saṃvatteyyā’’ti na ghaṭṭeti, itthimeva vā aṅgaṃ phusamānaṃ ñatvā ‘‘esā ‘anatthiko ayaṃ mayā’ti sayameva pakkamissatī’’ti ajānanto viya niccalo hoti, balavitthiyā vā gāḷhaṃ āliṅgitvā gahito daharabhikkhu palāyitukāmopi suṭṭhu gahitattā niccalo hoti, ayaṃ na ca kāyena vāyamati, phassaṃ paṭivijānāti. Yo pana āgacchantiṃ disvā ‘‘āgacchatu tāva tato naṃ paharitvā vā paṇāmetvā vā pakkamissāmī’’ti niccalo hoti, ayaṃ mokkhādhippāyo na ca kāyena vāyamati, na ca phassaṃ paṭivijānātīti veditabbo.
๒๘๐. อสญฺจิจฺจาติ อิมินา อุปาเยน อิมํ ผุสิสฺสามีติ อเจเตตฺวา, เอวญฺหิ อเจเตตฺวา ปตฺตปฺปฎิคฺคหณาทีสุ มาตุคามสฺส อเงฺค ผุเฎฺฐปิ อนาปตฺติฯ
280.Asañciccāti iminā upāyena imaṃ phusissāmīti acetetvā, evañhi acetetvā pattappaṭiggahaṇādīsu mātugāmassa aṅge phuṭṭhepi anāpatti.
อสติยาติ อญฺญวิหิโต โหติ มาตุคามํ ผุสามีติ สติ นตฺถิ, เอวํ อสติยา หตฺถปาทปสารณาทิกาเล ผุสนฺตสฺส อนาปตฺติฯ
Asatiyāti aññavihito hoti mātugāmaṃ phusāmīti sati natthi, evaṃ asatiyā hatthapādapasāraṇādikāle phusantassa anāpatti.
อชานนฺตสฺสาติ ทารกเวเสน ฐิตํ ทาริกํ ‘‘อิตฺถี’’ติ อชานโนฺต เกนจิเทว กรณีเยน ผุสติ, เอวํ ‘‘อิตฺถี’’ติ อชานนฺตสฺส ผุสโต อนาปตฺติฯ
Ajānantassāti dārakavesena ṭhitaṃ dārikaṃ ‘‘itthī’’ti ajānanto kenacideva karaṇīyena phusati, evaṃ ‘‘itthī’’ti ajānantassa phusato anāpatti.
อสาทิยนฺตสฺสาติ กายสํสคฺคํ อสาทิยนฺตสฺส, ตสฺส พาหาปรมฺปราย นีตภิกฺขุสฺส วิย อนาปตฺติฯ อุมฺมตฺตกาทโย วุตฺตนยาเอวฯ อิธ ปน อุทายิเตฺถโร อาทิกมฺมิโก, ตสฺส อนาปตฺติ อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
Asādiyantassāti kāyasaṃsaggaṃ asādiyantassa, tassa bāhāparamparāya nītabhikkhussa viya anāpatti. Ummattakādayo vuttanayāeva. Idha pana udāyitthero ādikammiko, tassa anāpatti ādikammikassāti.
ปทภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Padabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
สมุฎฺฐานาทีสุ อิทํ สิกฺขาปทํ ปฐมปาราชิกสมุฎฺฐานํ กายจิตฺตโต สมุฎฺฐาติ, กิริยํ, สญฺญาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ทฺวิเวทนํ, สุขมชฺฌตฺตทฺวเยนาติฯ
Samuṭṭhānādīsu idaṃ sikkhāpadaṃ paṭhamapārājikasamuṭṭhānaṃ kāyacittato samuṭṭhāti, kiriyaṃ, saññāvimokkhaṃ, sacittakaṃ, lokavajjaṃ, kāyakammaṃ, akusalacittaṃ, dvivedanaṃ, sukhamajjhattadvayenāti.
๒๘๑. วินีตวตฺถูสุ – มาตุยา มาตุเปเมนาติ มาตุเปเมน มาตุยา กายํ อามสิฯ เอส นโย ธีตุภคินิวตฺถูสุฯ ตตฺถ ยสฺมา มาตา วา โหตุ ธีตา วา อิตฺถี นาม สพฺพาปิ พฺรหฺมจริยสฺส ปาริปนฺถิกาวฯ ตสฺมา ‘‘อยํ เม มาตา อยํ ธีตา อยํ เม ภคินี’’ติ เคหสฺสิตเปเมน อามสโตปิ ทุกฺกฎเมว วุตฺตํฯ
281. Vinītavatthūsu – mātuyā mātupemenāti mātupemena mātuyā kāyaṃ āmasi. Esa nayo dhītubhaginivatthūsu. Tattha yasmā mātā vā hotu dhītā vā itthī nāma sabbāpi brahmacariyassa pāripanthikāva. Tasmā ‘‘ayaṃ me mātā ayaṃ dhītā ayaṃ me bhaginī’’ti gehassitapemena āmasatopi dukkaṭameva vuttaṃ.
อิมํ ปน ภควโต อาณํ อนุสฺสรเนฺตน สเจปิ นทีโสเตน วุยฺหมานํ มาตรํ ปสฺสติ เนว หเตฺถน ปรามสิตพฺพาฯ ปณฺฑิเตน ปน ภิกฺขุนา นาวา วา ผลกํ วา กทลิกฺขโนฺธ วา ทารุกฺขโนฺธ วา อุปสํหริตโพฺพฯ ตสฺมิํ อสติ กาสาวมฺปิ อุปสํหริตฺวา ปุรโต ฐเปตพฺพํ, ‘‘เอตฺถ คณฺหาหี’’ติ ปน น วตฺตพฺพาฯ คหิเต ปริกฺขารํ กฑฺฒามีติ กฑฺฒเนฺตน คนฺตพฺพํฯ สเจ ภายติ ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา ‘‘มา ภายี’’ติ สมสฺสาเสตพฺพาฯ สเจ ภายมานา ปุตฺตสฺส สหสา ขเนฺธ วา อภิรุหติ, หเตฺถ วา คณฺหาติ, น ‘‘อเปหิ มหลฺลิเก’’ติ นิทฺธุนิตพฺพา, ถลํ ปาเปตพฺพาฯ กทฺทเม ลคฺคายปิ กูเป ปติตายปิ เอเสว นโยฯ
Imaṃ pana bhagavato āṇaṃ anussarantena sacepi nadīsotena vuyhamānaṃ mātaraṃ passati neva hatthena parāmasitabbā. Paṇḍitena pana bhikkhunā nāvā vā phalakaṃ vā kadalikkhandho vā dārukkhandho vā upasaṃharitabbo. Tasmiṃ asati kāsāvampi upasaṃharitvā purato ṭhapetabbaṃ, ‘‘ettha gaṇhāhī’’ti pana na vattabbā. Gahite parikkhāraṃ kaḍḍhāmīti kaḍḍhantena gantabbaṃ. Sace bhāyati purato purato gantvā ‘‘mā bhāyī’’ti samassāsetabbā. Sace bhāyamānā puttassa sahasā khandhe vā abhiruhati, hatthe vā gaṇhāti, na ‘‘apehi mahallike’’ti niddhunitabbā, thalaṃ pāpetabbā. Kaddame laggāyapi kūpe patitāyapi eseva nayo.
ตตฺรปิ หิ โยตฺตํ วา วตฺถํ วา ปกฺขิปิตฺวา หเตฺถน คหิตภาวํ ญตฺวา อุทฺธริตพฺพา, นเตฺวว อามสิตพฺพาฯ น เกวลญฺจ มาตุคามสฺส สรีรเมว อนามาสํ, นิวาสนปาวุรณมฺปิ อาภรณภณฺฑมฺปิ ติณณฺฑุปกํ วา ตาฬปณฺณมุทฺทิกํ วา อุปาทาย อนามาสเมว, ตญฺจ โข นิวาสนปารุปนํ ปิฬนฺธนตฺถาย ฐปิตเมวฯ สเจ ปน นิวาสนํ วา ปารุปนํ วา ปริวเตฺตตฺวา จีวรตฺถาย ปาทมูเล ฐเปติ วฎฺฎติฯ อาภรณภเณฺฑสุ ปน สีสปสาธนกทนฺตสูจิอาทิกปฺปิยภณฺฑํ ‘‘อิมํ ภเนฺต ตุมฺหากํ คณฺหถา’’ติ ทิยฺยมานํ สิปาฎิกาสูจิอาทิอุปกรณตฺถาย คเหตพฺพํฯ สุวณฺณรชตมุตฺตาทิมยํ ปน อนามาสเมว ทียฺยมานมฺปิ น คเหตพฺพํฯ น เกวลญฺจ เอตาสํ สรีรูปคเมว อนามาสํ, อิตฺถิสณฺฐาเนน กตํ กฎฺฐรูปมฺปิ ทนฺตรูปมฺปิ อยรูปมฺปิ โลหรูปมฺปิ ติปุรูปมฺปิ โปตฺถกรูปมฺปิ สพฺพรตนรูปมฺปิ อนฺตมโส ปิฎฺฐมยรูปมฺปิ อนามาสเมวฯ ปริโภคตฺถาย ปน ‘‘อิทํ ตุมฺหากํ โหตู’’ติ ลภิตฺวา ฐเปตฺวา สพฺพรตนมยํ อวเสสํ ภินฺทิตฺวา อุปกรณารหํ อุปกรเณ ปริโภคารหํ ปริโภเค อุปเนตุํ วฎฺฎติฯ
Tatrapi hi yottaṃ vā vatthaṃ vā pakkhipitvā hatthena gahitabhāvaṃ ñatvā uddharitabbā, natveva āmasitabbā. Na kevalañca mātugāmassa sarīrameva anāmāsaṃ, nivāsanapāvuraṇampi ābharaṇabhaṇḍampi tiṇaṇḍupakaṃ vā tāḷapaṇṇamuddikaṃ vā upādāya anāmāsameva, tañca kho nivāsanapārupanaṃ piḷandhanatthāya ṭhapitameva. Sace pana nivāsanaṃ vā pārupanaṃ vā parivattetvā cīvaratthāya pādamūle ṭhapeti vaṭṭati. Ābharaṇabhaṇḍesu pana sīsapasādhanakadantasūciādikappiyabhaṇḍaṃ ‘‘imaṃ bhante tumhākaṃ gaṇhathā’’ti diyyamānaṃ sipāṭikāsūciādiupakaraṇatthāya gahetabbaṃ. Suvaṇṇarajatamuttādimayaṃ pana anāmāsameva dīyyamānampi na gahetabbaṃ. Na kevalañca etāsaṃ sarīrūpagameva anāmāsaṃ, itthisaṇṭhānena kataṃ kaṭṭharūpampi dantarūpampi ayarūpampi loharūpampi tipurūpampi potthakarūpampi sabbaratanarūpampi antamaso piṭṭhamayarūpampi anāmāsameva. Paribhogatthāya pana ‘‘idaṃ tumhākaṃ hotū’’ti labhitvā ṭhapetvā sabbaratanamayaṃ avasesaṃ bhinditvā upakaraṇārahaṃ upakaraṇe paribhogārahaṃ paribhoge upanetuṃ vaṭṭati.
ยถา จ อิตฺถิรูปกํ; เอวํ สตฺตวิธมฺปิ ธญฺญํ อนามาสํฯ ตสฺมา เขตฺตมเชฺฌน คจฺฉตา ตตฺถชาตกมฺปิ ธญฺญผลํ น อามสเนฺตน คนฺตพฺพํฯ สเจ ฆรทฺวาเร วา อนฺตรามเคฺค วา ธญฺญํ ปสาริตํ โหติ ปเสฺสน จ มโคฺค อตฺถิ น มทฺทเนฺตน คนฺตพฺพํฯ คมนมเคฺค อสติ มคฺคํ อธิฎฺฐาย คนฺตพฺพํฯ อนฺตรฆเร ธญฺญสฺส อุปริ อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา เทนฺติ นิสีทิตุํ วฎฺฎติฯ เกจิ อาสนสาลายํ ธญฺญํ อากิรนฺติ, สเจ สกฺกา โหติ หราเปตุํ หราเปตพฺพํ, โน เจ เอกมนฺตํ ธญฺญํ อมทฺทเนฺตน ปีฐกํ ปญฺญเปตฺวา นิสีทิตพฺพํฯ สเจ โอกาโส น โหติ, มนุสฺสา ธญฺญมเชฺฌเยว อาสนํ ปญฺญเปตฺวา เทนฺติ, นิสีทิตพฺพํฯ ตตฺถชาตกานิ มุคฺคมาสาทีนิ อปรณฺณานิปิ ตาลปนสาทีนิ วา ผลานิ กีฬเนฺตน น อามสิตพฺพานิฯ มนุเสฺสหิ ราสิกเตสุปิ เอเสว นโยฯ อรเญฺญ ปน รุกฺขโต ปติตานิ ผลานิ ‘‘อนุปสมฺปนฺนานํ ทสฺสามี’’ติ คณฺหิตุํ วฎฺฎติฯ
Yathā ca itthirūpakaṃ; evaṃ sattavidhampi dhaññaṃ anāmāsaṃ. Tasmā khettamajjhena gacchatā tatthajātakampi dhaññaphalaṃ na āmasantena gantabbaṃ. Sace gharadvāre vā antarāmagge vā dhaññaṃ pasāritaṃ hoti passena ca maggo atthi na maddantena gantabbaṃ. Gamanamagge asati maggaṃ adhiṭṭhāya gantabbaṃ. Antaraghare dhaññassa upari āsanaṃ paññāpetvā denti nisīdituṃ vaṭṭati. Keci āsanasālāyaṃ dhaññaṃ ākiranti, sace sakkā hoti harāpetuṃ harāpetabbaṃ, no ce ekamantaṃ dhaññaṃ amaddantena pīṭhakaṃ paññapetvā nisīditabbaṃ. Sace okāso na hoti, manussā dhaññamajjheyeva āsanaṃ paññapetvā denti, nisīditabbaṃ. Tatthajātakāni muggamāsādīni aparaṇṇānipi tālapanasādīni vā phalāni kīḷantena na āmasitabbāni. Manussehi rāsikatesupi eseva nayo. Araññe pana rukkhato patitāni phalāni ‘‘anupasampannānaṃ dassāmī’’ti gaṇhituṃ vaṭṭati.
มุตฺตา , มณิ, เวฬุริโย, สโงฺข, สิลา, ปวาฬํ, รชตํ, ชาตรูปํ, โลหิตโงฺก, มสารคลฺลนฺติ อิเมสุ ทสสุ รตเนสุ มุตฺตา อโธตา อนิวิทฺธา ยถาชาตาว อามสิตุํ วฎฺฎติฯ เสสา อนามาสาติ วทนฺติฯ มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘มุตฺตา โธตาปิ อโธตาปิ อนามาสา ภณฺฑมูลตฺถาย จ สมฺปฎิจฺฉิตุํ น วฎฺฎติ, กุฎฺฐโรคสฺส เภสชฺชตฺถาย ปน วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ อนฺตมโส ชาติผลิกํ อุปาทาย สโพฺพปิ นีลปีตาทิวณฺณเภโท มณิ โธตวิทฺธวฎฺฎิโต อนามาโส, ยถาชาโต ปน อากรมุโตฺต ปตฺตาทิภณฺฑมูลตฺถํ สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎตีติ วุโตฺตฯ โสปิ มหาปจฺจริยํ ปฎิกฺขิโตฺต, ปจิตฺวา กโต กาจมณิเยเวโก วฎฺฎตีติ วุโตฺตฯ เวฬุริเยปิ มณิสทิโสว วินิจฺฉโยฯ
Muttā , maṇi, veḷuriyo, saṅkho, silā, pavāḷaṃ, rajataṃ, jātarūpaṃ, lohitaṅko, masāragallanti imesu dasasu ratanesu muttā adhotā anividdhā yathājātāva āmasituṃ vaṭṭati. Sesā anāmāsāti vadanti. Mahāpaccariyaṃ pana ‘‘muttā dhotāpi adhotāpi anāmāsā bhaṇḍamūlatthāya ca sampaṭicchituṃ na vaṭṭati, kuṭṭharogassa bhesajjatthāya pana vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Antamaso jātiphalikaṃ upādāya sabbopi nīlapītādivaṇṇabhedo maṇi dhotaviddhavaṭṭito anāmāso, yathājāto pana ākaramutto pattādibhaṇḍamūlatthaṃ sampaṭicchituṃ vaṭṭatīti vutto. Sopi mahāpaccariyaṃ paṭikkhitto, pacitvā kato kācamaṇiyeveko vaṭṭatīti vutto. Veḷuriyepi maṇisadisova vinicchayo.
สโงฺข ธมนสโงฺข จ โธตวิโทฺธ จ รตนมิโสฺส อนามาโสฯ ปานียสโงฺข โธโตปิ อโธโตปิ อามาโสว เสสญฺจ อญฺชนาทิเภสชฺชตฺถายปิ ภณฺฑมูลตฺถายปิ สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ สิลา โธตวิทฺธา รตนสํยุตฺตา มุคฺควณฺณาว อนามาสาฯ เสสา สตฺถกนิสานาทิอตฺถาย คณฺหิตุํ วฎฺฎติฯ เอตฺถ จ รตนสํยุตฺตาติ สุวเณฺณน สทฺธิํ โยเชตฺวา ปจิตฺวา กตาติ วทนฺติฯ ปวาฬํ โธตวิทฺธํ อนามาสํฯ เสสํ อามาสํ ภณฺฑมูลตฺถญฺจ สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘โธตมฺปิ อโธตมฺปิ สพฺพํ อนามาสํ, น จ สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ
Saṅkho dhamanasaṅkho ca dhotaviddho ca ratanamisso anāmāso. Pānīyasaṅkho dhotopi adhotopi āmāsova sesañca añjanādibhesajjatthāyapi bhaṇḍamūlatthāyapi sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Silā dhotaviddhā ratanasaṃyuttā muggavaṇṇāva anāmāsā. Sesā satthakanisānādiatthāya gaṇhituṃ vaṭṭati. Ettha ca ratanasaṃyuttāti suvaṇṇena saddhiṃ yojetvā pacitvā katāti vadanti. Pavāḷaṃ dhotaviddhaṃ anāmāsaṃ. Sesaṃ āmāsaṃ bhaṇḍamūlatthañca sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Mahāpaccariyaṃ pana ‘‘dhotampi adhotampi sabbaṃ anāmāsaṃ, na ca sampaṭicchituṃ vaṭṭatī’’ti vuttaṃ.
รชตํ ชาตรูปญฺจ กตภณฺฑมฺปิ อกตภณฺฑมฺปิ สเพฺพน สพฺพํ พีชโต ปฎฺฐาย อนามาสญฺจ อสมฺปฎิจฺฉิยญฺจ, อุตฺตรราชปุโตฺต กิร สุวณฺณเจติยํ กาเรตฺวา มหาปทุมเตฺถรสฺส เปเสสิฯ เถโร ‘‘น กปฺปตี’’ติ ปฎิกฺขิปิฯ เจติยฆเร สุวณฺณปทุมสุวณฺณพุพฺพุฬกาทีนิ โหนฺติ, เอตานิปิ อนามาสานิฯ เจติยฆรโคปกา ปน รูปิยฉฑฺฑกฎฺฐาเน ฐิตา, ตสฺมา เตสํ เกฬาปยิตุํ วฎฺฎตีติ วุตฺตํฯ กุรุนฺทิยํ ปน ตํ ปฎิกฺขิตฺตํฯ สุวณฺณเจติเย กจวรเมว หริตุํ วฎฺฎตีติ เอตฺตกเมว อนุญฺญาตํฯ อารกูฎโลหมฺปิ ชาตรูปคติกเมว อนามาสนฺติ สพฺพอฎฺฐกถาสุ วุตฺตํฯ เสนาสนปริโภโค ปน สพฺพกปฺปิโย, ตสฺมา ชาตรูปรชตมยา สเพฺพปิ เสนาสนปริกฺขารา อามาสาฯ ภิกฺขูนํ ธมฺมวินยวณฺณนฎฺฐาเน รตนมณฺฑเป กโรนฺติ ผลิกตฺถเมฺภ รตนทามปติมณฺฑิเต, ตตฺถ สพฺพูปกรณานิ ภิกฺขูนํ ปฎิชคฺคิตุํ วฎฺฎติฯ
Rajataṃ jātarūpañca katabhaṇḍampi akatabhaṇḍampi sabbena sabbaṃ bījato paṭṭhāya anāmāsañca asampaṭicchiyañca, uttararājaputto kira suvaṇṇacetiyaṃ kāretvā mahāpadumattherassa pesesi. Thero ‘‘na kappatī’’ti paṭikkhipi. Cetiyaghare suvaṇṇapadumasuvaṇṇabubbuḷakādīni honti, etānipi anāmāsāni. Cetiyagharagopakā pana rūpiyachaḍḍakaṭṭhāne ṭhitā, tasmā tesaṃ keḷāpayituṃ vaṭṭatīti vuttaṃ. Kurundiyaṃ pana taṃ paṭikkhittaṃ. Suvaṇṇacetiye kacavarameva harituṃ vaṭṭatīti ettakameva anuññātaṃ. Ārakūṭalohampi jātarūpagatikameva anāmāsanti sabbaaṭṭhakathāsu vuttaṃ. Senāsanaparibhogo pana sabbakappiyo, tasmā jātarūparajatamayā sabbepi senāsanaparikkhārā āmāsā. Bhikkhūnaṃ dhammavinayavaṇṇanaṭṭhāne ratanamaṇḍape karonti phalikatthambhe ratanadāmapatimaṇḍite, tattha sabbūpakaraṇāni bhikkhūnaṃ paṭijaggituṃ vaṭṭati.
โลหิตงฺกมสารคลฺลา โธตวิทฺธา อนามาสา, อิตเร อามาสา, ภณฺฑมูลตฺถาย วฎฺฎนฺตีติ วุตฺตาฯ มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘โธตาปิ อโธตาปิ สพฺพโส อนามาสา น จ สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ
Lohitaṅkamasāragallā dhotaviddhā anāmāsā, itare āmāsā, bhaṇḍamūlatthāya vaṭṭantīti vuttā. Mahāpaccariyaṃ pana ‘‘dhotāpi adhotāpi sabbaso anāmāsā na ca sampaṭicchituṃ vaṭṭantī’’ti vuttaṃ.
สพฺพํ อาวุธภณฺฑํ อนามาสํ, ภณฺฑมูลตฺถาย ทียฺยมานมฺปิ น สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํฯ สตฺถวณิชฺชา นาม น วฎฺฎติฯ สุทฺธธนุทโณฺฑปิ ธนุชิยาปิ ปโตโทปิ องฺกุโสปิ อนฺตมโส วาสิผรสุอาทีนิปิ อาวุธสเงฺขเปน กตานิ อนามาสานิฯ สเจ เกนจิ วิหาเร สตฺติ วา โตมโร วา ฐปิโต โหติ, วิหารํ ชคฺคเนฺตน ‘‘หรนฺตู’’ติ สามิกานํ เปเสตพฺพํฯ สเจ น หรนฺติ, ตํ อจาเลเนฺตน วิหาโร ปฎิชคฺคิตโพฺพฯ ยุทฺธภูมิยํ ปติตํ อสิํ วา สตฺติํ วา โตมรํ วา ทิสฺวา ปาสาเณน วา เกนจิ วา อสิํ ภินฺทิตฺวา สตฺถกตฺถาย คเหตุํ วฎฺฎติ, อิตรานิปิ วิโยเชตฺวา กิญฺจิ สตฺถกตฺถาย คเหตุํ วฎฺฎติ กิญฺจิ กตฺตรทณฺฑาทิอตฺถายฯ ‘‘อิทํ คณฺหถา’’ติ ทียฺยมานํ ปน ‘‘วินาเสตฺวา กปฺปิยภณฺฑํ กริสฺสามี’’ติ สพฺพมฺปิ สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ
Sabbaṃ āvudhabhaṇḍaṃ anāmāsaṃ, bhaṇḍamūlatthāya dīyyamānampi na sampaṭicchitabbaṃ. Satthavaṇijjā nāma na vaṭṭati. Suddhadhanudaṇḍopi dhanujiyāpi patodopi aṅkusopi antamaso vāsipharasuādīnipi āvudhasaṅkhepena katāni anāmāsāni. Sace kenaci vihāre satti vā tomaro vā ṭhapito hoti, vihāraṃ jaggantena ‘‘harantū’’ti sāmikānaṃ pesetabbaṃ. Sace na haranti, taṃ acālentena vihāro paṭijaggitabbo. Yuddhabhūmiyaṃ patitaṃ asiṃ vā sattiṃ vā tomaraṃ vā disvā pāsāṇena vā kenaci vā asiṃ bhinditvā satthakatthāya gahetuṃ vaṭṭati, itarānipi viyojetvā kiñci satthakatthāya gahetuṃ vaṭṭati kiñci kattaradaṇḍādiatthāya. ‘‘Idaṃ gaṇhathā’’ti dīyyamānaṃ pana ‘‘vināsetvā kappiyabhaṇḍaṃ karissāmī’’ti sabbampi sampaṭicchituṃ vaṭṭati.
มจฺฉชาลปกฺขิชาลาทีนิปิ ผลกชาลิกาทีนิ สรปริตฺตานานีปิ สพฺพานิ อนามาสานิฯ ปริโภคตฺถาย ลพฺภมาเนสุ ปน ชาลํ ตาว ‘‘อาสนสฺส วา เจติยสฺส วา อุปริ พนฺธิสฺสามิ, ฉตฺตํ วา เวเฐสฺสามี’’ติ คเหตุํ วฎฺฎติฯ สรปริตฺตานํ สพฺพมฺปิ ภณฺฑมูลตฺถาย สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ ปรูปโรธนิวารณญฺหิ เอตํ น อุปโรธกรนฺติ ผลกํ ทนฺตกฎฺฐภาชนํ กริสฺสามีติ คเหตุํ วฎฺฎติฯ
Macchajālapakkhijālādīnipi phalakajālikādīni saraparittānānīpi sabbāni anāmāsāni. Paribhogatthāya labbhamānesu pana jālaṃ tāva ‘‘āsanassa vā cetiyassa vā upari bandhissāmi, chattaṃ vā veṭhessāmī’’ti gahetuṃ vaṭṭati. Saraparittānaṃ sabbampi bhaṇḍamūlatthāya sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Parūparodhanivāraṇañhi etaṃ na uparodhakaranti phalakaṃ dantakaṭṭhabhājanaṃ karissāmīti gahetuṃ vaṭṭati.
จมฺมวินทฺธานิ วีณาเภริอาทีนิ อนามาสานิฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘เภริสงฺฆาโฎปิ วีณาสงฺฆาโฎปิ ตุจฺฉโปกฺขรมฺปิ มุขวฎฺฎิยํ อาโรปิตจมฺมมฺปิ วีณาทณฺฑโกปิ สพฺพํ อนามาส’’นฺติ วุตฺตํฯ โอนหิตุํ วา โอนหาเปตุํ วา วาเทตุํ วา วาทาเปตุํ วา น ลพฺภติเยวฯ เจติยงฺคเณ ปูชํ กตฺวา มนุเสฺสหิ ฉฑฺฑิตํ ทิสฺวาปิ อจาเลตฺวาว อนฺตรนฺตเร สมฺมชฺชิตพฺพํ, กจวรฉฑฺฑนกาเล ปน กจวรนิยาเมเนว หริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตุํ วฎฺฎตีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ ภณฺฑมูลตฺถาย สมฺปฎิจฺฉิตุมฺปิ วฎฺฎติฯ ปริโภคตฺถาย ลพฺภมาเนสุ ปน วีณาโทณิกญฺจ เภริโปกฺขรญฺจ ทนฺตกฎฺฐภาชนํ กริสฺสาม จมฺมํ สตฺถกโกสกนฺติ เอวํ ตสฺส ตสฺส ปริกฺขารสฺส อุปกรณตฺถาย คเหตฺวา ตถา ตถา กาตุํ วฎฺฎติฯ
Cammavinaddhāni vīṇābheriādīni anāmāsāni. Kurundiyaṃ pana ‘‘bherisaṅghāṭopi vīṇāsaṅghāṭopi tucchapokkharampi mukhavaṭṭiyaṃ āropitacammampi vīṇādaṇḍakopi sabbaṃ anāmāsa’’nti vuttaṃ. Onahituṃ vā onahāpetuṃ vā vādetuṃ vā vādāpetuṃ vā na labbhatiyeva. Cetiyaṅgaṇe pūjaṃ katvā manussehi chaḍḍitaṃ disvāpi acāletvāva antarantare sammajjitabbaṃ, kacavarachaḍḍanakāle pana kacavaraniyāmeneva haritvā ekamantaṃ nikkhipituṃ vaṭṭatīti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Bhaṇḍamūlatthāya sampaṭicchitumpi vaṭṭati. Paribhogatthāya labbhamānesu pana vīṇādoṇikañca bheripokkharañca dantakaṭṭhabhājanaṃ karissāma cammaṃ satthakakosakanti evaṃ tassa tassa parikkhārassa upakaraṇatthāya gahetvā tathā tathā kātuṃ vaṭṭati.
ปุราณทุติยิกาวตฺถุ อุตฺตานเมวฯ ยกฺขิวตฺถุสฺมิํ สเจปิ ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทวิยา กายสํสคฺคํ สมาปชฺชติ ถุลฺลจฺจยเมวฯ ปณฺฑกวตฺถุ จ สุตฺติตฺถิวตฺถุ จ ปากฎเมวฯ มติตฺถิวตฺถุสฺมิํ ปาราชิกปฺปโหนกกาเล ถุลฺลจฺจยํ, ตโต ปรํ ทุกฺกฎํฯ ติรจฺฉานคตวตฺถุสฺมิํ นาคมาณวิกายปิ สุปณฺณมาณวิกายปิ กินฺนริยาปิ คาวิยาปิ ทุกฺกฎเมวฯ ทารุธีตลิกาวตฺถุสฺมิํ น เกวลํ ทารุนา เอว, อนฺตมโส จิตฺตกมฺมลิขิเตปิ อิตฺถิรูเป ทุกฺกฎเมวฯ
Purāṇadutiyikāvatthu uttānameva. Yakkhivatthusmiṃ sacepi paranimmitavasavattideviyā kāyasaṃsaggaṃ samāpajjati thullaccayameva. Paṇḍakavatthu ca suttitthivatthu ca pākaṭameva. Matitthivatthusmiṃ pārājikappahonakakāle thullaccayaṃ, tato paraṃ dukkaṭaṃ. Tiracchānagatavatthusmiṃ nāgamāṇavikāyapi supaṇṇamāṇavikāyapi kinnariyāpi gāviyāpi dukkaṭameva. Dārudhītalikāvatthusmiṃ na kevalaṃ dārunā eva, antamaso cittakammalikhitepi itthirūpe dukkaṭameva.
๒๘๒. สมฺปีฬนวตฺถุ อุตฺตานตฺถเมวฯ สงฺกมวตฺถุสฺมิํ เอกปทิกสงฺกโม วา โหตุ สกฎมคฺคสงฺกโม วา, จาเลสฺสามีติ ปโยเค กตมเตฺตว จาเลตุ วา มา วา, ทุกฺกฎํฯ มคฺควตฺถุ ปากฎเมวฯ รุกฺขวตฺถุสฺมิํ รุโกฺข มหโนฺต วา โหตุ มหาชมฺพุปฺปมาโณ ขุทฺทโก วา, ตํ จาเลตุํ สโกฺกตุ วา มา วา, ปโยคมเตฺตน ทุกฺกฎํฯ นาวาวตฺถุสฺมิมฺปิ เอเสว นโยฯ รชฺชวตฺถุสฺมิํ ยํ รชฺชุํ อาวิญฺฉโนฺต ฐานา จาเลตุํ สโกฺกติ, ตตฺถ ถุลฺลจฺจยํฯ ยา มหารชฺชุ โหติ, อีสกมฺปิ ฐานา น จลติ, ตตฺถ ทุกฺกฎํฯ ทเณฺฑปิ เอเสว นโยฯ ภูมิยํ ปติตมหารุโกฺขปิ หิ ทณฺฑคฺคหเณเนว อิธ คหิโตฯ ปตฺตวตฺถุ ปากฎเมวฯ วนฺทนวตฺถุสฺมิํ อิตฺถี ปาเท สมฺพาหิตฺวา วนฺทิตุกามา วาเรตพฺพา ปาทา วา ปฎิจฺฉาเทตพฺพา, นิจฺจเลน วา ภวิตพฺพํฯ นิจฺจลสฺส หิ จิเตฺตน สาทิยโตปิ อนาปตฺติฯ อวสาเน คหณวตฺถุปากฎเมวาติฯ
282.Sampīḷanavatthu uttānatthameva. Saṅkamavatthusmiṃ ekapadikasaṅkamo vā hotu sakaṭamaggasaṅkamo vā, cālessāmīti payoge katamatteva cāletu vā mā vā, dukkaṭaṃ. Maggavatthu pākaṭameva. Rukkhavatthusmiṃ rukkho mahanto vā hotu mahājambuppamāṇo khuddako vā, taṃ cāletuṃ sakkotu vā mā vā, payogamattena dukkaṭaṃ. Nāvāvatthusmimpi eseva nayo. Rajjavatthusmiṃ yaṃ rajjuṃ āviñchanto ṭhānā cāletuṃ sakkoti, tattha thullaccayaṃ. Yā mahārajju hoti, īsakampi ṭhānā na calati, tattha dukkaṭaṃ. Daṇḍepi eseva nayo. Bhūmiyaṃ patitamahārukkhopi hi daṇḍaggahaṇeneva idha gahito. Pattavatthu pākaṭameva. Vandanavatthusmiṃ itthī pāde sambāhitvā vanditukāmā vāretabbā pādā vā paṭicchādetabbā, niccalena vā bhavitabbaṃ. Niccalassa hi cittena sādiyatopi anāpatti. Avasāne gahaṇavatthupākaṭamevāti.
กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทํ • 2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā
๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā
ปทภาชนียวณฺณนา • Padabhājanīyavaṇṇanā
วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā