Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    ๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา

    2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā

    ๒๖๙. ทุติเย เยสุ วิวเฎสุ อนฺธกาโร โหติ, ตานิ วิวรโนฺตติ พฺราหฺมณิยา สทฺธิํ กายสํสคฺคํ สมาปชฺชิตุกาโม เอวมกาสิฯ เตน กตสฺสปิ วิปฺปการสฺส อตฺตนิ กตตฺตา ‘‘อตฺตโน วิปฺปการ’’นฺติ วุตฺตํฯ อุฬารตฺตตาติ อุฬารจิตฺตตา, ปณีตาธิมุตฺตตาติ วุตฺตํ โหติฯ

    269. Dutiye yesu vivaṭesu andhakāro hoti, tāni vivarantoti brāhmaṇiyā saddhiṃ kāyasaṃsaggaṃ samāpajjitukāmo evamakāsi. Tena katassapi vippakārassa attani katattā ‘‘attano vippakāra’’nti vuttaṃ. Uḷārattatāti uḷāracittatā, paṇītādhimuttatāti vuttaṃ hoti.

    ๒๗๐. โอติโณฺณติ อิทํ กมฺมสาธนํ กตฺตุสาธนํ วา โหตีติ ตทุภยวเสน อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยกฺขาทีหิ วิย สตฺตา’’ติอาทิมาหฯ อสมเปกฺขิตฺวาติ ยถาสภาวํ อนุปปริกฺขิตฺวา, ยถา เต รติชนกา รูปาทโย วิสยา อนิจฺจทุกฺขาสุภานตฺตากาเรน อวตฺถิตา, ตถา อปสฺสิตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ

    270.Otiṇṇoti idaṃ kammasādhanaṃ kattusādhanaṃ vā hotīti tadubhayavasena atthaṃ dassento ‘‘yakkhādīhi viya sattā’’tiādimāha. Asamapekkhitvāti yathāsabhāvaṃ anupaparikkhitvā, yathā te ratijanakā rūpādayo visayā aniccadukkhāsubhānattākārena avatthitā, tathā apassitvāti vuttaṃ hoti.

    ๒๗๑. สญฺญมเวลนฺติ สีลมริยาทํฯ อาจาโรติ อาจรณํ หตฺถคหณาทิกิริยาฯ อสฺสาติ ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปเชฺชยฺยา’’ติ ปทสฺสฯ

    271.Saññamavelanti sīlamariyādaṃ. Ācāroti ācaraṇaṃ hatthagahaṇādikiriyā. Assāti ‘‘kāyasaṃsaggaṃ samāpajjeyyā’’ti padassa.

    ๒๗๓. เอเตสํ ปทานํ วเสนาติ อามสนาทิปทานํ วเสนฯ อิโต จิโต จ…เป.… สโญฺจเปตีติ อตฺตโน หตฺถํ วา กายํ วา ติริยํ อิโต จิโต จ สญฺจาเรติฯ ‘‘กายโต อโมเจตฺวาวาติ วจนโต มตฺถกโต ปฎฺฐาย หตฺถํ โอตาเรนฺตสฺส กายโต โมเจตฺวา นิวตฺถสาฎกูปริ โอมสนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํ, สาฎกโต โอตาเรตฺวา ชงฺฆโต ปฎฺฐาย กายํ โอมสนฺตสฺส ปุน สงฺฆาทิเสโส’’ติ วทนฺติฯ

    273.Etesaṃ padānaṃ vasenāti āmasanādipadānaṃ vasena. Ito cito ca…pe… sañcopetīti attano hatthaṃ vā kāyaṃ vā tiriyaṃ ito cito ca sañcāreti. ‘‘Kāyato amocetvāvāti vacanato matthakato paṭṭhāya hatthaṃ otārentassa kāyato mocetvā nivatthasāṭakūpari omasantassa thullaccayaṃ, sāṭakato otāretvā jaṅghato paṭṭhāya kāyaṃ omasantassa puna saṅghādiseso’’ti vadanti.

    ทฺวาทสสุปิ อามสนาทิปฺปโยเคสุ เอเกกสฺมิํ ปโยเค กายโต อโมจิเต เอเกกาว อาปตฺติ โหตีติ อาห ‘‘มูลคฺคหณเมว ปมาณ’’นฺติฯ อิทญฺจ เอเกน หเตฺถน กายํ คเหตฺวา อิตเรน หเตฺถน กายปรามสนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เอเกน ปน หเตฺถน กายปฎิพทฺธํ คเหตฺวา อิตเรน ตตฺถ ตตฺถ กายํ ปรามสโต ปโยคคณนาย อาปตฺติฯ อยํ ปน สงฺฆาทิเสโส น เกวลํ วตฺถุวเสเนว, อปิจ สญฺญาวเสนปีติ อาห ‘‘อิตฺถิยา อิตฺถิสญฺญิสฺส สงฺฆาทิเสโส’’ติฯ ปาฬิยํ ติรจฺฉานคโต จ โหตีติ เอตฺถ ติรจฺฉานคติตฺถิยา ติรจฺฉานคตปุริสสฺส จ คหณํ เวทิตพฺพํฯ

    Dvādasasupi āmasanādippayogesu ekekasmiṃ payoge kāyato amocite ekekāva āpatti hotīti āha ‘‘mūlaggahaṇameva pamāṇa’’nti. Idañca ekena hatthena kāyaṃ gahetvā itarena hatthena kāyaparāmasanaṃ sandhāya vuttaṃ. Ekena pana hatthena kāyapaṭibaddhaṃ gahetvā itarena tattha tattha kāyaṃ parāmasato payogagaṇanāya āpatti. Ayaṃ pana saṅghādiseso na kevalaṃ vatthuvaseneva, apica saññāvasenapīti āha ‘‘itthiyā itthisaññissa saṅghādiseso’’ti. Pāḷiyaṃ tiracchānagato ca hotīti ettha tiracchānagatitthiyā tiracchānagatapurisassa ca gahaṇaṃ veditabbaṃ.

    สมสาราโคติ กายสํสคฺคราเคน เอกสทิสราโคฯ ปุริมนเยเนวาติ รชฺชุวตฺถาทีหิ ปริกฺขิปิตฺวา คหเณ วุตฺตนเยนฯ ปุน ปุริมนเยเนวาติ สมสาราโค วุโตฺตฯ อนนฺตรนเยเนวาติ กายปฎิพทฺธอามสนนเยน ฯ เวณิคฺคหเณน โลมานมฺปิ สงฺคหิตตฺตา โลมานํ ผุสเนปิ สงฺฆาทิเสโส วุโตฺตฯ อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปกาเสตุกาโม ‘‘อุปาทินฺนเกน หี’’ติอาทิมาหฯ

    Samasārāgoti kāyasaṃsaggarāgena ekasadisarāgo. Purimanayenevāti rajjuvatthādīhi parikkhipitvā gahaṇe vuttanayena. Puna purimanayenevāti samasārāgo vutto. Anantaranayenevāti kāyapaṭibaddhaāmasananayena . Veṇiggahaṇena lomānampi saṅgahitattā lomānaṃ phusanepi saṅghādiseso vutto. Idāni vuttamevatthaṃ pakāsetukāmo ‘‘upādinnakena hī’’tiādimāha.

    ยถานิทฺทิฎฺฐนิเทฺทเสติ ยถาวุตฺตกายสํสคฺคนิเทฺทเสฯ เตนาติ เตน ยถาวุตฺตการเณนฯ สญฺญาย วิราคิตมฺหีติ สญฺญาย วิรทฺธายฯ ลิงฺคพฺยตฺตเยน ‘‘วิราคิตมฺหี’’ติ วุตฺตํฯ อิมํ นาม วตฺถุนฺติ อิมสฺมิํ สิกฺขาปเท อาคตํ สนฺธาย วทติฯ อญฺญมฺปิ ยํ กิญฺจิ วตฺถุํ สนฺธาย วทตีติปิ เกจิฯ สารตฺตนฺติ กายสํสคฺคราเคน สารตฺตํฯ วิรตฺตนฺติ กายสํสคฺคราครหิตํ มาตุภคินีอาทิํ สนฺธาย วทติฯ ‘‘วิรตฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ วิรตฺตํ คณฺหิ, ทุกฺกฎนฺติ มาตุเปมาทิวเสน คหเณ ทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ

    Yathāniddiṭṭhaniddeseti yathāvuttakāyasaṃsagganiddese. Tenāti tena yathāvuttakāraṇena. Saññāya virāgitamhīti saññāya viraddhāya. Liṅgabyattayena ‘‘virāgitamhī’’ti vuttaṃ. Imaṃ nāma vatthunti imasmiṃ sikkhāpade āgataṃ sandhāya vadati. Aññampi yaṃ kiñci vatthuṃ sandhāya vadatītipi keci. Sārattanti kāyasaṃsaggarāgena sārattaṃ. Virattanti kāyasaṃsaggarāgarahitaṃ mātubhaginīādiṃ sandhāya vadati. ‘‘Virattaṃ gaṇhissāmī’’ti virattaṃ gaṇhi, dukkaṭanti mātupemādivasena gahaṇe dukkaṭaṃ vuttaṃ.

    อิมาย ปาฬิยา สเมตีติ สมฺพโนฺธฯ กถํ สเมตีติ เจ? ยทิ หิ ‘‘อิตฺถิยา กายปฎิพทฺธํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จิเตฺต อุปฺปเนฺน อิตฺถิสญฺญา วิราคิตา ภเวยฺย, กายปฎิพทฺธคฺคหเณ ถุลฺลจฺจยํ วทเนฺตน ภควตา ‘‘อิตฺถี จ โหติ อิตฺถิสญฺญี จา’’ติ น วตฺตพฺพํ สิยา, วุตฺตญฺจ, ตสฺมา ‘‘อิตฺถิยา กายปฎิพทฺธํ คณฺหิสฺสามี’’ติ กายํ คณฺหนฺตสฺส อิตฺถิสญฺญา วิราคิตา นาม น โหตีติ ‘‘กายปฎิพทฺธํ คณฺหิสฺสามีติ กายํ คณฺหโนฺต ยถาวตฺถุกเมว อาปชฺชตี’’ติ มหาสุมเตฺถเรน วุตฺตวาโท อิมาย ปาฬิยา สเมติฯ โย ปเนตฺถ ‘‘สติปิ อิตฺถิสญฺญาย กายปฎิพทฺธํ คณฺหนฺตสฺส คหณสมเย ‘กายปฎิพทฺธํ คณฺหิสฺสามี’ติ สญฺญํ ฐเปตฺวา ‘อิตฺถิํ คณฺหามี’ติ สญฺญาย อภาวโต วตฺถุสญฺญานํ ภินฺนตฺตา อยุตฺต’’นฺติ วเทยฺย, โส ปุจฺฉิตโพฺพ ‘‘กิํ กายปฎิพทฺธํ วตฺถาทิํ คณฺหโนฺต อิตฺถิยา ราเคน คณฺหาติ, อุทาหุ วตฺถาทีสุ ราเคนา’’ติฯ ยทิ ‘‘วตฺถาทีสุ ราเคน คณฺหาตี’’ติ วเทยฺย, อิตฺถิยา กายปฎิพทฺธํ อหุตฺวา อญฺญตฺถ ฐิตํ วตฺถาทิํ คณฺหนฺตสฺสปิ ถุลฺลจฺจยํ สิยา, ตสฺมา อิตฺถี อิตฺถิสญฺญา สารตฺตภาโว คหณญฺจาติ องฺคปาริปูริสพฺภาวโต มหาสุมเตฺถรวาโทว ยุตฺตวาโทฯ อฎฺฐกถาวินิจฺฉเยหิ จ สเมตีติ เอตฺถาปิ อยมธิปฺปาโย – ยทิ สญฺญาวิราเคน วิราคิตํ นาม สิยา, ‘‘สมฺพหุลา อิตฺถิโย พาหาหิ ปริกฺขิปิตฺวา คณฺหามี’’ติ เอวํสญฺญิสฺส ‘‘มชฺฌคติตฺถิโย กายปฎิพเทฺธน คณฺหามี’’ติ เอวรูปาย สญฺญาย อภาวโต มชฺฌคตานํ วเสน ถุลฺลจฺจยํ น สิยา, เอวํ สเนฺตปิ อฎฺฐกถาย ถุลฺลจฺจยสฺส วุตฺตตฺตา สญฺญาวิราเคน วิราคิตํ นาม น โหตีติ อยมโตฺถ สิโทฺธเยวาติฯ นีเลน ทุวิเญฺญยฺยสภาวโต กาฬิตฺถี วุตฺตาฯ

    Imāya pāḷiyā sametīti sambandho. Kathaṃ sametīti ce? Yadi hi ‘‘itthiyā kāyapaṭibaddhaṃ gaṇhissāmī’’ti citte uppanne itthisaññā virāgitā bhaveyya, kāyapaṭibaddhaggahaṇe thullaccayaṃ vadantena bhagavatā ‘‘itthī ca hoti itthisaññī cā’’ti na vattabbaṃ siyā, vuttañca, tasmā ‘‘itthiyā kāyapaṭibaddhaṃ gaṇhissāmī’’ti kāyaṃ gaṇhantassa itthisaññā virāgitā nāma na hotīti ‘‘kāyapaṭibaddhaṃ gaṇhissāmīti kāyaṃ gaṇhanto yathāvatthukameva āpajjatī’’ti mahāsumattherena vuttavādo imāya pāḷiyā sameti. Yo panettha ‘‘satipi itthisaññāya kāyapaṭibaddhaṃ gaṇhantassa gahaṇasamaye ‘kāyapaṭibaddhaṃ gaṇhissāmī’ti saññaṃ ṭhapetvā ‘itthiṃ gaṇhāmī’ti saññāya abhāvato vatthusaññānaṃ bhinnattā ayutta’’nti vadeyya, so pucchitabbo ‘‘kiṃ kāyapaṭibaddhaṃ vatthādiṃ gaṇhanto itthiyā rāgena gaṇhāti, udāhu vatthādīsu rāgenā’’ti. Yadi ‘‘vatthādīsu rāgena gaṇhātī’’ti vadeyya, itthiyā kāyapaṭibaddhaṃ ahutvā aññattha ṭhitaṃ vatthādiṃ gaṇhantassapi thullaccayaṃ siyā, tasmā itthī itthisaññā sārattabhāvo gahaṇañcāti aṅgapāripūrisabbhāvato mahāsumattheravādova yuttavādo. Aṭṭhakathāvinicchayehi ca sametīti etthāpi ayamadhippāyo – yadi saññāvirāgena virāgitaṃ nāma siyā, ‘‘sambahulā itthiyo bāhāhi parikkhipitvā gaṇhāmī’’ti evaṃsaññissa ‘‘majjhagatitthiyo kāyapaṭibaddhena gaṇhāmī’’ti evarūpāya saññāya abhāvato majjhagatānaṃ vasena thullaccayaṃ na siyā, evaṃ santepi aṭṭhakathāya thullaccayassa vuttattā saññāvirāgena virāgitaṃ nāma na hotīti ayamattho siddhoyevāti. Nīlena duviññeyyasabhāvato kāḷitthī vuttā.

    ๒๗๙. เสวนาธิปฺปาโยติ ผสฺสสุขเสวนาธิปฺปาโยฯ อิตฺถิยา กาเยน ภิกฺขุสฺส กายปฎิพทฺธามสนวาเรปิ ผสฺสํ ปฎิวิชานาตีติ อิทํ อตฺตโน กายปฎิพทฺธามสเนปิ กายสมฺพนฺธสภาวโต วุตฺตํฯ เอตฺถาติ นิสฺสคฺคิเยน นิสฺสคฺคิยวาเรฯ โมกฺขาธิปฺปาโยติ เอตฺถ ปฐมํ กายสํสคฺคราเค สติปิ ปจฺฉา โมกฺขาธิปฺปายสฺส อนาปตฺติฯ

    279.Sevanādhippāyoti phassasukhasevanādhippāyo. Itthiyā kāyena bhikkhussa kāyapaṭibaddhāmasanavārepi phassaṃ paṭivijānātīti idaṃ attano kāyapaṭibaddhāmasanepi kāyasambandhasabhāvato vuttaṃ. Etthāti nissaggiyena nissaggiyavāre. Mokkhādhippāyoti ettha paṭhamaṃ kāyasaṃsaggarāge satipi pacchā mokkhādhippāyassa anāpatti.

    ๒๘๑. ปาริปนฺถิกาติ วิลุมฺปนิกา, อนฺตรายิกาติ วุตฺตํ โหติฯ นทีโสเตน วุยฺหมานํ มาตรนฺติ อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อญฺญาสุปิ ปน อิตฺถีสุ การุญฺญาธิปฺปาเยน มาตริ วุตฺตนเยน ปฎิปชฺชนฺตสฺส เนวตฺถิ โทโสติ วทนฺติฯ ‘‘มาตร’’นฺติ วุตฺตตฺตา อญฺญาสํ น วฎฺฎตีติ วทนฺตาปิ อตฺถิฯ ติณณฺฑุปกนฺติ หิรีเวราทิมูเลหิ กตจุมฺพฎกํฯ ตาลปณฺณมุทฺทิกนฺติ ตาลปเณฺณหิ กตองฺคุลิมุทฺทิกํฯ ปริวเตฺตตฺวาติ อตฺตโน นิวาสนปารุปนภาวโต อปเนตฺวา, จีวรตฺถาย อปนาเมตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ จีวรตฺถาย ปาทมูเล ฐเปติ, วฎฺฎตีติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ, ปจฺจตฺถรณวิตานาทิอตฺถมฺปิ วฎฺฎติเยว, ปูชาทิอตฺถํ ตาวกาลิกมฺปิ คเหตุํ วฎฺฎติฯ

    281.Pāripanthikāti vilumpanikā, antarāyikāti vuttaṃ hoti. Nadīsotena vuyhamānaṃ mātaranti ukkaṭṭhaparicchedadassanatthaṃ vuttaṃ, aññāsupi pana itthīsu kāruññādhippāyena mātari vuttanayena paṭipajjantassa nevatthi dosoti vadanti. ‘‘Mātara’’nti vuttattā aññāsaṃ na vaṭṭatīti vadantāpi atthi. Tiṇaṇḍupakanti hirīverādimūlehi katacumbaṭakaṃ. Tālapaṇṇamuddikanti tālapaṇṇehi kataaṅgulimuddikaṃ. Parivattetvāti attano nivāsanapārupanabhāvato apanetvā, cīvaratthāya apanāmetvāti vuttaṃ hoti. Cīvaratthāya pādamūle ṭhapeti, vaṭṭatīti idaṃ nidassanamattaṃ, paccattharaṇavitānādiatthampi vaṭṭatiyeva, pūjādiatthaṃ tāvakālikampi gahetuṃ vaṭṭati.

    อิตฺถิสณฺฐาเนน กตนฺติ เอตฺถ เหฎฺฐิมปริเจฺฉทโต ปาราชิกวตฺถุภูตติรจฺฉานคติตฺถีนมฺปิ อนามาสภาวโต ตาทิสํ อิตฺถิสณฺฐาเนน กตํ ติรจฺฉานคตรูปมฺปิ อนามาสนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘ภิกฺขุนีหิ ปฎิมารูปํ อามสิตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติ อาจริยาฯ อิตฺถิรูปานิ ทเสฺสตฺวา กตํ วตฺถญฺจ ปจฺจตฺถรณญฺจ ภิตฺติญฺจ อิตฺถิรูปํ อนามสิตฺวา คณฺหิตุํ วฎฺฎติฯ ภินฺทิตฺวาติ เอตฺถ หเตฺถน อคฺคเหตฺวาว เกนจิเทว ทณฺฑาทินา ภินฺทิตพฺพํฯ เอตฺถ จ ‘‘อนามาสมฺปิ หเตฺถน อปรามสิตฺวา ทณฺฑาทินา เกนจิ ภินฺทิตุํ วฎฺฎตี’’ติ อิธ วุตฺตตฺตา ‘‘ปํสุกูลํ คณฺหเนฺตน มาตุคามสรีเรปิ สตฺถาทีหิ วณํ กตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา จ คหิตมณฺฑูกสปฺปินิํ ทณฺฑาทีหิ นิปฺปีเฬตฺวา มณฺฑูกํ วิสฺสชฺชาเปตุํ วฎฺฎติฯ

    Itthisaṇṭhānena katanti ettha heṭṭhimaparicchedato pārājikavatthubhūtatiracchānagatitthīnampi anāmāsabhāvato tādisaṃ itthisaṇṭhānena kataṃ tiracchānagatarūpampi anāmāsanti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Bhikkhunīhi paṭimārūpaṃ āmasituṃ vaṭṭatī’’ti vadanti ācariyā. Itthirūpāni dassetvā kataṃ vatthañca paccattharaṇañca bhittiñca itthirūpaṃ anāmasitvā gaṇhituṃ vaṭṭati. Bhinditvāti ettha hatthena aggahetvāva kenacideva daṇḍādinā bhinditabbaṃ. Ettha ca ‘‘anāmāsampi hatthena aparāmasitvā daṇḍādinā kenaci bhindituṃ vaṭṭatī’’ti idha vuttattā ‘‘paṃsukūlaṃ gaṇhantena mātugāmasarīrepi satthādīhi vaṇaṃ katvā gahetabba’’nti vuttattā ca gahitamaṇḍūkasappiniṃ daṇḍādīhi nippīḷetvā maṇḍūkaṃ vissajjāpetuṃ vaṭṭati.

    มคฺคํ อธิฎฺฐายาติ มเคฺค คจฺฉามีติ เอวํ มคฺคสญฺญี หุตฺวาติ อโตฺถฯ กีฬเนฺตนาติ อิทํ คิหิสนฺตกํ สนฺธาย วุตฺตํ, ภิกฺขุสนฺตกํ ปน เยน เกนจิ อธิปฺปาเยน อนามสิตพฺพเมว ทุรุปจิณฺณภาวโตฯ ตาลปนสาทีนีติ เจตฺถ อาทิ-สเทฺทน นาฬิเกรลพุชติปุสอลาพุกุมฺภณฺฑปุสฺสผลเอฬาลุกผลานํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ‘‘ยถาวุตฺตผลานํเยว เจตฺถ กีฬาธิปฺปาเยน อามสนํ น วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปาสาณสกฺขราทีนิ กีฬาธิปฺปาเยนปิ อามสิตุํ วฎฺฎติฯ

    Maggaṃ adhiṭṭhāyāti magge gacchāmīti evaṃ maggasaññī hutvāti attho. Kīḷantenāti idaṃ gihisantakaṃ sandhāya vuttaṃ, bhikkhusantakaṃ pana yena kenaci adhippāyena anāmasitabbameva durupaciṇṇabhāvato. Tālapanasādīnīti cettha ādi-saddena nāḷikeralabujatipusaalābukumbhaṇḍapussaphalaeḷālukaphalānaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. ‘‘Yathāvuttaphalānaṃyeva cettha kīḷādhippāyena āmasanaṃ na vaṭṭatī’’ti vuttattā pāsāṇasakkharādīni kīḷādhippāyenapi āmasituṃ vaṭṭati.

    มุตฺตาติ หตฺถิกุมฺภชาทิกา อฎฺฐวิธา มุตฺตาฯ ตถา หิ หตฺถิกุมฺภํ, วราหทาฐํ, ภุชงฺคสีสํ, วลาหกํ, เวฬุ, มจฺฉสิโร, สโงฺข, สิปฺปีติ อฎฺฐ มุตฺตาโยนิโยฯ ตตฺถ หตฺถิกุมฺภชา ปีตวณฺณา ปภาวิหีนาฯ วราหทาฐชา วราหทาฐวณฺณาวฯ ภุชงฺคสีสชา นีลาทิวณฺณา สุวิสุทฺธา วฎฺฎลาฯ วลาหกชา อาภาสูรา ทุพฺพิภาครูปา รตฺติภาเค อนฺธการํ วิทฺธมนฺติโย ติฎฺฐนฺติ, เทวูปโภคา เอว จ โหนฺติฯ เวฬุชา กรกผลสมานวณฺณา น อาภาสูรา, เต จ เวฬู อมนุสฺสโคจเร เอว ปเทเส ชายนฺติฯ มจฺฉสิรชา ปาฐีนปิฎฺฐิสมอานวณฺณา วฎฺฎลา ลฆโว จ โหนฺติ ปภาวิหีนา จ, เต จ มจฺฉา สมุทฺทมเชฺฌเยว ชายนฺติฯ สงฺขชา สงฺขอุทรจฺฉวิวณฺณา โกลผลปฺปมาณาปิ โหนฺติ ปภาวิหีนาวฯ สิปฺปิชา ปภาวิเสสยุตฺตา โหนฺติ นานาสณฺฐานาฯ เอวํ ชาติโต อฎฺฐวิธาสุ มุตฺตาสุ ยา มจฺฉสงฺขสิปฺปิชา, ตา สามุทฺทิกาฯ ภุชงฺคชาปิ กาจิ สามุทฺทิกา โหนฺติ, อิตรา อสามุทฺทิกาฯ ยสฺมา พหุลํ สามุทฺทิกาว มุตฺตา โลเก ทิสฺสนฺติ, ตตฺถาปิ สปฺปิชาว, อิตรา กทาจิ กาจิ, ตสฺมา สโมฺมหวิโนทนิยํ ‘‘มุตฺตาติ สามุทฺทิกา มุตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ

    Muttāti hatthikumbhajādikā aṭṭhavidhā muttā. Tathā hi hatthikumbhaṃ, varāhadāṭhaṃ, bhujaṅgasīsaṃ, valāhakaṃ, veḷu, macchasiro, saṅkho, sippīti aṭṭha muttāyoniyo. Tattha hatthikumbhajā pītavaṇṇā pabhāvihīnā. Varāhadāṭhajā varāhadāṭhavaṇṇāva. Bhujaṅgasīsajā nīlādivaṇṇā suvisuddhā vaṭṭalā. Valāhakajā ābhāsūrā dubbibhāgarūpā rattibhāge andhakāraṃ viddhamantiyo tiṭṭhanti, devūpabhogā eva ca honti. Veḷujā karakaphalasamānavaṇṇā na ābhāsūrā, te ca veḷū amanussagocare eva padese jāyanti. Macchasirajā pāṭhīnapiṭṭhisamaānavaṇṇā vaṭṭalā laghavo ca honti pabhāvihīnā ca, te ca macchā samuddamajjheyeva jāyanti. Saṅkhajā saṅkhaudaracchavivaṇṇā kolaphalappamāṇāpi honti pabhāvihīnāva. Sippijā pabhāvisesayuttā honti nānāsaṇṭhānā. Evaṃ jātito aṭṭhavidhāsu muttāsu yā macchasaṅkhasippijā, tā sāmuddikā. Bhujaṅgajāpi kāci sāmuddikā honti, itarā asāmuddikā. Yasmā bahulaṃ sāmuddikāva muttā loke dissanti, tatthāpi sappijāva, itarā kadāci kāci, tasmā sammohavinodaniyaṃ ‘‘muttāti sāmuddikā muttā’’ti vuttaṃ.

    มณีติ ฐเปตฺวา เวฬุริยาทิเก เสโส โชติรสาทิเภโท สโพฺพปิ มณิฯ เวฬุริโยติ วํสวณฺณมณิฯ สโงฺขติ สามุทฺทิกสโงฺขฯ สิลาติ กาฬสิลาปณฺฑุสิลาเสตสิลาทิเภทา สพฺพาปิ สิลาฯ รชตนฺติ กหาปณาทิกํ วุตฺตาวเสสํ รตนสมฺมตํฯ ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํฯ โลหิตโงฺกติ รตฺตมณิฯ มสารคลฺลนฺติ กพรมณิฯ ภณฺฑมูลตฺถายาติ ปตฺตจีวราทิภณฺฑมูลตฺถายฯ กุฎฺฐโรคสฺสาติ นิทสฺสนมตฺตํ, ตาย วูปสเมตพฺพสฺส ยสฺส กสฺสจิ โรคสฺสตฺถายปิ วฎฺฎติเยวฯ ‘‘เภสชฺชตฺถญฺจ อธิฎฺฐาเยว มุตฺตา วฎฺฎตี’’ติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ อากรมุโตฺตติ อากรโต มุตฺตมโตฺตฯ ‘‘ภณฺฑมูลตฺถาย สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎตี’’ติ อิมินา จ อามสิตุมฺปิ วฎฺฎตีติ ทเสฺสติฯ ปจิตฺวา กโตติ กาจกาเรหิ ปจิตฺวา กโตฯ

    Maṇīti ṭhapetvā veḷuriyādike seso jotirasādibhedo sabbopi maṇi. Veḷuriyoti vaṃsavaṇṇamaṇi. Saṅkhoti sāmuddikasaṅkho. Silāti kāḷasilāpaṇḍusilāsetasilādibhedā sabbāpi silā. Rajatanti kahāpaṇādikaṃ vuttāvasesaṃ ratanasammataṃ. Jātarūpanti suvaṇṇaṃ. Lohitaṅkoti rattamaṇi. Masāragallanti kabaramaṇi. Bhaṇḍamūlatthāyāti pattacīvarādibhaṇḍamūlatthāya. Kuṭṭharogassāti nidassanamattaṃ, tāya vūpasametabbassa yassa kassaci rogassatthāyapi vaṭṭatiyeva. ‘‘Bhesajjatthañca adhiṭṭhāyeva muttā vaṭṭatī’’ti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Ākaramuttoti ākarato muttamatto. ‘‘Bhaṇḍamūlatthāya sampaṭicchituṃ vaṭṭatī’’ti iminā ca āmasitumpi vaṭṭatīti dasseti. Pacitvā katoti kācakārehi pacitvā kato.

    โธตวิโทฺธ จ รตนมิโสฺสติ อลงฺการตฺถํ กญฺจนลตาทิํ ทเสฺสตฺวา กโต รตนขจิโต โธตวิโทฺธ อนามาโสฯ โธตวิโทฺธ จ รตนมิโสฺส จาติ วิสุํ วา ปทํ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ปานียสโงฺขติ อิมินา จ สเงฺขน กตปานียภาชนปิธานาทิสมณปริกฺขาโรปิ อามสิตุํ วฎฺฎตีติ สิทฺธํฯ เสสนฺติ รตนมิสฺสํ ฐเปตฺวา อวเสสํฯ มุคฺควณฺณํเยว รตนสมฺมิสฺสํ กโรนฺติ, น อญฺญนฺติ อาห ‘‘มุคฺควณฺณาวา’’ติ, มุคฺควณฺณา รตนมิสฺสาว น วฎฺฎตีติ วุตฺตํ โหติฯ เสสาติ รตนสมฺมิสฺสํ ฐเปตฺวา อวเสสา มุคฺควณฺณา นีลสิลาฯ

    Dhotaviddho ca ratanamissoti alaṅkāratthaṃ kañcanalatādiṃ dassetvā kato ratanakhacito dhotaviddho anāmāso. Dhotaviddho ca ratanamisso cāti visuṃ vā padaṃ sambandhitabbaṃ. Pānīyasaṅkhoti iminā ca saṅkhena katapānīyabhājanapidhānādisamaṇaparikkhāropi āmasituṃ vaṭṭatīti siddhaṃ. Sesanti ratanamissaṃ ṭhapetvā avasesaṃ. Muggavaṇṇaṃyeva ratanasammissaṃ karonti, na aññanti āha ‘‘muggavaṇṇāvā’’ti, muggavaṇṇā ratanamissāva na vaṭṭatīti vuttaṃ hoti. Sesāti ratanasammissaṃ ṭhapetvā avasesā muggavaṇṇā nīlasilā.

    พีชโต ปฎฺฐายาติ ธาตุปาสาณโต ปฎฺฐายฯ สุวณฺณเจติยนฺติ ธาตุกรณฺฑกํฯ ปฎิกฺขิปีติ ‘‘ธาตุฎฺฐปนตฺถาย คณฺหถา’’ติ อวตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ คณฺหถา’’ติ เปสิตตฺตา ปฎิกฺขิปิฯ สุวณฺณพุพฺพุฬกนฺติ สุวณฺณตารกํฯ ‘‘เกฬาปยิตุนฺติ อิโต จิโต จ สญฺจารเนฺตหิ อามสิตุํ วฎฺฎตี’’ติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ กจวรเมว หริตุํ วฎฺฎตีติ เจติยโคปกา วา ภิกฺขู โหนฺตุ อเญฺญ วา, หเตฺถนปิ ปุญฺฉิตฺวา กจวรํ อปเนตุํ วฎฺฎติ, มลมฺปิ ปมชฺชิตุํ วฎฺฎติเยวฯ

    Bījato paṭṭhāyāti dhātupāsāṇato paṭṭhāya. Suvaṇṇacetiyanti dhātukaraṇḍakaṃ. Paṭikkhipīti ‘‘dhātuṭṭhapanatthāya gaṇhathā’’ti avatvā ‘‘tumhākaṃ gaṇhathā’’ti pesitattā paṭikkhipi. Suvaṇṇabubbuḷakanti suvaṇṇatārakaṃ. ‘‘Keḷāpayitunti ito cito ca sañcārantehi āmasituṃ vaṭṭatī’’ti mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Kacavarameva harituṃ vaṭṭatīti cetiyagopakā vā bhikkhū hontu aññe vā, hatthenapi puñchitvā kacavaraṃ apanetuṃ vaṭṭati, malampi pamajjituṃ vaṭṭatiyeva.

    อารกูฎโลหนฺติ กิตฺติมโลหํฯ ตีณิ หิ กิตฺติมโลหานิ กํสโลหํ, วฎฺฎโลหํ, อารกูฎนฺติฯ ตตฺถ ติปุตเมฺพ มิเสฺสตฺวา กตํ กํสโลหํ, สีสตเมฺพ มิเสฺสตฺวา กตํ วฎฺฎโลหํ, ปกติรสตเมฺพ มิเสฺสตฺวา กตํ อารกูฎํฯ เตเนว ตํกรเณน นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘กิตฺติมโลห’’นฺติ วุจฺจติฯ ‘‘ชาตรูปคติกเมวาติ วุตฺตตฺตา อารกูฎํ สุวณฺณสทิสเมว อามสิตุํ น วฎฺฎติ, อญฺญํ ปน วฎฺฎตี’’ติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ เกจิ ปน ‘‘อารกูฎํ อนามสิตพฺพโต ชาตรูปคติกเมวาติ วุตฺตํ, ตสฺมา อุภยมฺปิ ชาตรูปํ วิย อามสิตุํ น วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ ปฐมํ วุโตฺตเยว จ อโตฺถ คณฺฐิปทกาเรหิ อธิเปฺปโตฯ ปฎิชคฺคิตุํ วฎฺฎตีติ เสนาสนปฎิพทฺธตฺตา วุตฺตํฯ

    Ārakūṭalohanti kittimalohaṃ. Tīṇi hi kittimalohāni kaṃsalohaṃ, vaṭṭalohaṃ, ārakūṭanti. Tattha tiputambe missetvā kataṃ kaṃsalohaṃ, sīsatambe missetvā kataṃ vaṭṭalohaṃ, pakatirasatambe missetvā kataṃ ārakūṭaṃ. Teneva taṃkaraṇena nibbattattā ‘‘kittimaloha’’nti vuccati. ‘‘Jātarūpagatikamevāti vuttattā ārakūṭaṃ suvaṇṇasadisameva āmasituṃ na vaṭṭati, aññaṃ pana vaṭṭatī’’ti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Keci pana ‘‘ārakūṭaṃ anāmasitabbato jātarūpagatikamevāti vuttaṃ, tasmā ubhayampi jātarūpaṃ viya āmasituṃ na vaṭṭatī’’ti vadanti. Paṭhamaṃ vuttoyeva ca attho gaṇṭhipadakārehi adhippeto. Paṭijaggituṃ vaṭṭatīti senāsanapaṭibaddhattā vuttaṃ.

    สามิกานํ เปเสตพฺพนฺติ สามิกานํ สาสนํ เปเสตพฺพํฯ ภินฺทิตฺวาติ หเตฺถน อคฺคเหตฺวา อเญฺญน เยน เกนจิ ภินฺทิตฺวาฯ เภริสงฺฆาโฎติ สงฺฆฎิตจมฺมเภรีฯ วีณาสงฺฆาโฎติ สงฺฆฎิตจมฺมวีณาฯ จมฺมวินทฺธานํ เภริวีณานเมตํ อธิวจนํฯ ตุจฺฉโปกฺขรนฺติ อวินทฺธจมฺมํ เภริโปกฺขรํ วีณาโปกฺขรญฺจฯ อาโรปิตจมฺมนฺติ เภริอาทีนํ วินทฺธนตฺถาย มุขวฎฺฎิยํ อาโรปิตจมฺมํ ตโต อุทฺธริตฺวา วิสุํ ฐปิตจมฺมญฺจฯ โอนหิตุํ วาติ เภริโปกฺขราทีนิ จมฺมํ อาโรเปตฺวา วินนฺธิตุํฯ โอนหาเปตุํ วาติ ตเถว อเญฺญหิ วินนฺธาเปตุํฯ ปาราชิกปฺปโหนกกาเลติ อกุถิตกาเลฯ

    Sāmikānaṃ pesetabbanti sāmikānaṃ sāsanaṃ pesetabbaṃ. Bhinditvāti hatthena aggahetvā aññena yena kenaci bhinditvā. Bherisaṅghāṭoti saṅghaṭitacammabherī. Vīṇāsaṅghāṭoti saṅghaṭitacammavīṇā. Cammavinaddhānaṃ bherivīṇānametaṃ adhivacanaṃ. Tucchapokkharanti avinaddhacammaṃ bheripokkharaṃ vīṇāpokkharañca. Āropitacammanti bheriādīnaṃ vinaddhanatthāya mukhavaṭṭiyaṃ āropitacammaṃ tato uddharitvā visuṃ ṭhapitacammañca. Onahituṃ vāti bheripokkharādīni cammaṃ āropetvā vinandhituṃ. Onahāpetuṃ vāti tatheva aññehi vinandhāpetuṃ. Pārājikappahonakakāleti akuthitakāle.

    ๒๘๒. สงฺกมาทิ ภูมิคติกตฺตา น กายปฎิพทฺธฎฺฐานิยนฺติ ทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ เอกปทิกสงฺกโมติ ขุทฺทกเสตุฯ สกฎมคฺคสงฺกโมติ สกฎมคฺคภูโต มหาเสตุฯ ฐานา จาเลตุนฺติ รชฺชุํ ฐานา จาเลตุํฯ ปฎิจฺฉาเทตพฺพาติ อปเนตพฺพาฯ มนุสฺสิตฺถี, อิตฺถิสญฺญิตา, กายสํสคฺคราโค, เตน ราเคน วายาโม, หตฺถคฺคาหาทิสมาปชฺชนนฺติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ

    282. Saṅkamādi bhūmigatikattā na kāyapaṭibaddhaṭṭhāniyanti dukkaṭaṃ vuttaṃ. Ekapadikasaṅkamoti khuddakasetu. Sakaṭamaggasaṅkamoti sakaṭamaggabhūto mahāsetu. Ṭhānā cāletunti rajjuṃ ṭhānā cāletuṃ. Paṭicchādetabbāti apanetabbā. Manussitthī, itthisaññitā, kāyasaṃsaggarāgo, tena rāgena vāyāmo, hatthaggāhādisamāpajjananti imānettha pañca aṅgāni.

    กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทํ • 2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact