Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā
๒๗๐. ‘‘โอติโณฺณ’’ติ อิมินาสฺส เสวนาธิปฺปายตา ทสฺสิตาฯ ‘‘วิปริณเตน จิเตฺตน มาตุคาเมน สทฺธิ’’นฺติ อิมินาสฺส วายาโม ทสฺสิโตฯ ‘‘สทฺธิ’’นฺติ หิ ปทํ สํโยคํ ทีเปติ, โส จ ปโยโค สมาคโม อลฺลียนํฯ เกน จิเตฺตน? วิปริณเตน จิเตฺตน, น ปตฺตปฎิคฺคหณาธิปฺปายาทินาติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปเชฺชยฺยา’’ติ อิมินาสฺส วายมโต ผสฺสปฎิวิชานนา ทสฺสิตา โหติฯ วายมิตฺวา ผสฺสํ ปฎิวิชานโนฺต หิ สมาปชฺชติ นามฯ เอวมสฺส ติวงฺคสมฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติฯ อถ วา โอติโณฺณฯ เกน? วิปริณเตน จิเตฺตน ยกฺขาทินา สโตฺต วิยฯ อุปโยคเตฺถ วา เอตํ กรณวจนํฯ โอติโณฺณ วิปริณตํ จิตฺตํ กูปาทิํ วิย สโตฺตฯ อถ วา ‘‘ราคโต อุตฺติโณฺณ ภวิสฺสามี’’ติ ภิกฺขุภาวํ อุปคโต, ตโต อุตฺติณฺณาธิปฺปายโต วิปริณเตน จิเตฺตน เหตุภูเตน ตเมว ราคํ โอติโณฺณฯ มาตุคาเมน อตฺตโน สมีปํ อาคเตน, อตฺตนา อุปคเตน วาฯ เอเตน มาตุคามสฺส สารตฺตตา วา โหตุ วิรตฺตตา วา, สา อิธ อปฺปมาณา, น ภิกฺขุนีนํ กายสํสเคฺค วิย อุภินฺนํ สารตฺตตาย ปโยชนํ อตฺถิฯ
270. ‘‘Otiṇṇo’’ti imināssa sevanādhippāyatā dassitā. ‘‘Vipariṇatena cittena mātugāmena saddhi’’nti imināssa vāyāmo dassito. ‘‘Saddhi’’nti hi padaṃ saṃyogaṃ dīpeti, so ca payogo samāgamo allīyanaṃ. Kena cittena? Vipariṇatena cittena, na pattapaṭiggahaṇādhippāyādināti adhippāyo. ‘‘Kāyasaṃsaggaṃ samāpajjeyyā’’ti imināssa vāyamato phassapaṭivijānanā dassitā hoti. Vāyamitvā phassaṃ paṭivijānanto hi samāpajjati nāma. Evamassa tivaṅgasampatti dassitā hoti. Atha vā otiṇṇo. Kena? Vipariṇatena cittena yakkhādinā satto viya. Upayogatthe vā etaṃ karaṇavacanaṃ. Otiṇṇo vipariṇataṃ cittaṃ kūpādiṃ viya satto. Atha vā ‘‘rāgato uttiṇṇo bhavissāmī’’ti bhikkhubhāvaṃ upagato, tato uttiṇṇādhippāyato vipariṇatena cittena hetubhūtena tameva rāgaṃ otiṇṇo. Mātugāmena attano samīpaṃ āgatena, attanā upagatena vā. Etena mātugāmassa sārattatā vā hotu virattatā vā, sā idha appamāṇā, na bhikkhunīnaṃ kāyasaṃsagge viya ubhinnaṃ sārattatāya payojanaṃ atthi.
กายสํสคฺคนฺติ อุภินฺนํ กายานํ สมฺปโยคํฯ ปทภาชเน ปน ‘‘สมาปเชฺชยฺยาติ อชฺฌาจาโร วุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ สมาปชฺชนํ สนฺธาย, น กายสํสคฺคํฯ กายสํสคฺคสฺส สมาปชฺชนา หิ ‘‘อชฺฌาจาโร’’ติ วุจฺจติฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘โย โส กายสํสโคฺค นาม, โส อตฺถโต อชฺฌาจาโร โหตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปรโต ปาฬิยํ ‘‘เสวนาธิปฺปาโย, น จ กาเยน วายมติ, ผสฺสํ ปฎิวิชานาติ, อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๒๗๙) วุตฺตลกฺขเณน วิรุชฺฌตีติฯ ผสฺสปฎิวิชานนาย หิ สํสโคฺค ทีปิโตฯ โส เจ อชฺฌาจาโร โหติ, กถํ อนาปตฺติ โหตีติฯ สุวุตฺตเมตํ, กินฺตุ ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปเชฺชยฺยา’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘อชฺฌาจาโร วุจฺจตี’’ติ อุภินฺนมฺปิ ปทานํ สามญฺญภาชนียตฺตา, สมาปชฺชิตพฺพาภาเว สมาปชฺชนาภาเวน ‘‘โส อตฺถโต อชฺฌาจาโร โหตี’’ติ วุตฺตํ สิยาฯ
Kāyasaṃsagganti ubhinnaṃ kāyānaṃ sampayogaṃ. Padabhājane pana ‘‘samāpajjeyyāti ajjhācāro vuccatī’’ti vuttaṃ, taṃ samāpajjanaṃ sandhāya, na kāyasaṃsaggaṃ. Kāyasaṃsaggassa samāpajjanā hi ‘‘ajjhācāro’’ti vuccati. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘yo so kāyasaṃsaggo nāma, so atthato ajjhācāro hotī’’ti vuttaṃ, taṃ parato pāḷiyaṃ ‘‘sevanādhippāyo, na ca kāyena vāyamati, phassaṃ paṭivijānāti, anāpattī’’ti (pārā. 279) vuttalakkhaṇena virujjhatīti. Phassapaṭivijānanāya hi saṃsaggo dīpito. So ce ajjhācāro hoti, kathaṃ anāpatti hotīti. Suvuttametaṃ, kintu ‘‘kāyasaṃsaggaṃ samāpajjeyyā’’ti padaṃ uddharitvā ‘‘ajjhācāro vuccatī’’ti ubhinnampi padānaṃ sāmaññabhājanīyattā, samāpajjitabbābhāve samāpajjanābhāvena ‘‘so atthato ajjhācāro hotī’’ti vuttaṃ siyā.
‘‘หตฺถคฺคาหํ วา’’ติ เอตฺถ หเตฺถน สโพฺพปิ อุปาทินฺนโก กาโย สงฺคหิโต, น ภินฺนสนฺตาโน ตปฺปฎิพโทฺธ หตฺถาลงฺการาทิฯ เวณิคฺคหเณน อนุปาทินฺนโก อภินฺนสนฺตาโน เกสโลมนขทนฺตาทิโก กมฺมปจฺจยอุตุสมุฎฺฐาโน คหิโตติ เวทิตพฺพํฯ เตเนวาห อฎฺฐกถายํ ‘‘อนุปาทินฺนเกนปิ เกนจิ เกสาทินา อุปาทินฺนกํ วา อนุปาทินฺนกํ วา ผุสโนฺตปิ สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชติเยวา’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๒๗๔)ฯ เตน อนุปาทินฺนกานมฺปิ เกสโลมาทีนํ องฺคภาโว เวทิตโพฺพฯ เอวํ สเนฺตปิ ‘‘ผสฺสํ ปฎิชานาตีติ ติวงฺคสมฺปตฺติยา สงฺฆาทิเสโสฯ ผสฺสสฺส อปฺปฎิวิชานนโต ทุวงฺคสมฺปตฺติยา ทุกฺกฎ’’นฺติ อิมินา ปาฬิอฎฺฐกถานเยน วิรุชฺฌตีติ เจ? น, ตทตฺถชานนโตฯ ผุฎฺฐภาวญฺหิ ปฎิวิชานโนฺตปิ ผสฺสํ ปฎิวิชานาติ นาม, อยเมโก อโตฺถ, ตสฺมา มาตุคามสฺส, อตฺตโน จ กายปริยาปนฺนานํ เกสาทีนํ อญฺญมญฺญํ ผุฎฺฐภาวํ ผุสิตฺวา ตํ สาทิยนํ ผสฺสํ ปฎิวิชานาติ นาม, น กายวิญฺญาณุปฺปตฺติยา เอวฯ อเนกนฺติกเญฺหตฺถ กายวิญฺญาณํฯ มาตุคามสฺส อุปาทินฺนเกน กาเยน, อนุปาทินฺนเกน วา กาเยน ภิกฺขุโน อุปาทินฺนกกาเย ผุเฎฺฐ ปสนฺนกายินฺทฺริโย เจ โหติ, ตสฺส กายวิญฺญาณํ อุปฺปชฺชติ, เตเนว ผสฺสํ ปฎิวิชานาติ นาม โส โหติฯ อนุปาทินฺนกกาโย, โลลุโปฺป อปฺปสนฺนกายินฺทฺริโย วา โหติ, ติมิรวาเตน อุปหตกาโย วา ตสฺส กายวิญฺญาณํ นุปฺปชฺชติฯ น จ เตน ผสฺสํ ปฎิวิชานาติ นาม, เกวลํ เสวนาธิปฺปาเยน วายมิตฺวา กายสํสคฺคํ สมาปชฺชโนฺต ผสฺสํ ปฎิวิชานาติ นาม มโนวิญฺญาเณน, เตน วุตฺตํ ‘‘กายสํสคฺคํ สมาปเชฺชยฺยาติ อิมินาสฺส วายมโต ผสฺสปฎิวิชานนา ทสฺสิตา’’ติฯ อปโรปิ ภิกฺขุ มาตุคามสฺส กายปฎิพเทฺธน วา นิสฺสคฺคิเยน วา ผุโฎฺฐ กายวิญฺญาณํ อุปฺปาเทเนฺตน ผสฺสํ ปฎิวิชานาติ นาม, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อเนกนฺติกเญฺหตฺถ กายวิญฺญาณ’’นฺติฯ อปโร วตฺถํ ปารุปิตฺวา นิทฺทายนฺตํ มาตุคามํ กายสํสคฺคราเคน วตฺถสฺส อุปริภาเค สณิกํ ผุสโนฺต วตฺถนฺตเรน นิกฺขนฺตโลมสมฺผสฺสํ อปฺปฎิวิชานโนฺตปิ เสวนาธิปฺปาโย กาเยน วายมิตฺวา ผสฺสํ ปฎิวิชานาติ นาม, สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชติฯ ‘‘นีลํ ฆเฎฺฎสฺสามีติ กายํ ฆเฎฺฎติ, สงฺฆาทิเสโส’’ติ หิ วุตฺตํฯ อยํ ทุติโย อโตฺถฯ เอวํ อเนกตฺถตฺตา, เอวํ ทุวิเญฺญยฺยาธิปฺปายโต จ มาติกาฎฺฐกถายํ ผสฺสปฎิวิชานนํ องฺคเนฺตฺวว น วุตฺตํฯ ตสฺมิญฺหิ วุเตฺต ฐานเมตํ วิชฺชติ, ยํ ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชิตฺวาปิ นเขน โลเมน สํสโคฺค ทิโฎฺฐ, น จ เม โลมฆฎฺฎเนน กายวิญฺญาณํ อุปฺปนฺนํ, ติมิรวาตถทฺธคโตฺต จาหํ น ผสฺสํ ปฎิวิชานามีติ อนาปนฺนสญฺญี สิยาติ น วุตฺตํ, อปิจ ‘‘ผสฺสํ ปฎิวิชานาติ, น จ ผสฺสํ ปฎิวิชานาตี’’ติ จ เอเตสํ ปทานํ อฎฺฐกถายํ วุตฺตนยํ ทเสฺสตฺวา โส ปญฺญาเปตโพฺพฯ เอตฺตาวตา น ตทตฺถชานนโตติ การณํ วิตฺถาริตํ โหติฯ
‘‘Hatthaggāhaṃ vā’’ti ettha hatthena sabbopi upādinnako kāyo saṅgahito, na bhinnasantāno tappaṭibaddho hatthālaṅkārādi. Veṇiggahaṇena anupādinnako abhinnasantāno kesalomanakhadantādiko kammapaccayautusamuṭṭhāno gahitoti veditabbaṃ. Tenevāha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘anupādinnakenapi kenaci kesādinā upādinnakaṃ vā anupādinnakaṃ vā phusantopi saṅghādisesaṃ āpajjatiyevā’’ti (pārā. aṭṭha. 2.274). Tena anupādinnakānampi kesalomādīnaṃ aṅgabhāvo veditabbo. Evaṃ santepi ‘‘phassaṃ paṭijānātīti tivaṅgasampattiyā saṅghādiseso. Phassassa appaṭivijānanato duvaṅgasampattiyā dukkaṭa’’nti iminā pāḷiaṭṭhakathānayena virujjhatīti ce? Na, tadatthajānanato. Phuṭṭhabhāvañhi paṭivijānantopi phassaṃ paṭivijānāti nāma, ayameko attho, tasmā mātugāmassa, attano ca kāyapariyāpannānaṃ kesādīnaṃ aññamaññaṃ phuṭṭhabhāvaṃ phusitvā taṃ sādiyanaṃ phassaṃ paṭivijānāti nāma, na kāyaviññāṇuppattiyā eva. Anekantikañhettha kāyaviññāṇaṃ. Mātugāmassa upādinnakena kāyena, anupādinnakena vā kāyena bhikkhuno upādinnakakāye phuṭṭhe pasannakāyindriyo ce hoti, tassa kāyaviññāṇaṃ uppajjati, teneva phassaṃ paṭivijānāti nāma so hoti. Anupādinnakakāyo, loluppo appasannakāyindriyo vā hoti, timiravātena upahatakāyo vā tassa kāyaviññāṇaṃ nuppajjati. Na ca tena phassaṃ paṭivijānāti nāma, kevalaṃ sevanādhippāyena vāyamitvā kāyasaṃsaggaṃ samāpajjanto phassaṃ paṭivijānāti nāma manoviññāṇena, tena vuttaṃ ‘‘kāyasaṃsaggaṃ samāpajjeyyāti imināssa vāyamato phassapaṭivijānanā dassitā’’ti. Aparopi bhikkhu mātugāmassa kāyapaṭibaddhena vā nissaggiyena vā phuṭṭho kāyaviññāṇaṃ uppādentena phassaṃ paṭivijānāti nāma, tasmā vuttaṃ ‘‘anekantikañhettha kāyaviññāṇa’’nti. Aparo vatthaṃ pārupitvā niddāyantaṃ mātugāmaṃ kāyasaṃsaggarāgena vatthassa uparibhāge saṇikaṃ phusanto vatthantarena nikkhantalomasamphassaṃ appaṭivijānantopi sevanādhippāyo kāyena vāyamitvā phassaṃ paṭivijānāti nāma, saṅghādisesaṃ āpajjati. ‘‘Nīlaṃ ghaṭṭessāmīti kāyaṃ ghaṭṭeti, saṅghādiseso’’ti hi vuttaṃ. Ayaṃ dutiyo attho. Evaṃ anekatthattā, evaṃ duviññeyyādhippāyato ca mātikāṭṭhakathāyaṃ phassapaṭivijānanaṃ aṅgantveva na vuttaṃ. Tasmiñhi vutte ṭhānametaṃ vijjati, yaṃ bhikkhu saṅghādisesaṃ āpajjitvāpi nakhena lomena saṃsaggo diṭṭho, na ca me lomaghaṭṭanena kāyaviññāṇaṃ uppannaṃ, timiravātathaddhagatto cāhaṃ na phassaṃ paṭivijānāmīti anāpannasaññī siyāti na vuttaṃ, apica ‘‘phassaṃ paṭivijānāti, na ca phassaṃ paṭivijānātī’’ti ca etesaṃ padānaṃ aṭṭhakathāyaṃ vuttanayaṃ dassetvā so paññāpetabbo. Ettāvatā na tadatthajānanatoti kāraṇaṃ vitthāritaṃ hoti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทํ • 2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā