Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā
๒๖๙. ทุติเย เกสุจิ วาตปาเนสุ วิวเฎสุ พหิปิ อนฺธการตฺตา อาโลโก น ปวิสติ, วิวฎกวาเฎน อญฺญโต อาคจฺฉนฺตสฺส อาโลกสฺส นิวารณโต กวาฎสฺส ปิฎฺฐิปเสฺส ฆนนฺธกาโรว โหติ, ตาทิสานิ สนฺธาย ‘‘เยสุ วิวเฎสุ อนฺธกาโร โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
269. Dutiye kesuci vātapānesu vivaṭesu bahipi andhakārattā āloko na pavisati, vivaṭakavāṭena aññato āgacchantassa ālokassa nivāraṇato kavāṭassa piṭṭhipasse ghanandhakārova hoti, tādisāni sandhāya ‘‘yesu vivaṭesu andhakāro hotī’’tiādi vuttaṃ.
พฺราหฺมณี อตฺตโน องฺคมงฺคานํ ปรามสนกฺขเณ อนาจารานุกูลา หุตฺวา น กิญฺจิ วตฺวา ภิกฺขุโน วณฺณภณนกฺขเณ วุตฺตตฺตา อาห ‘‘ปพฺพชิตุกาโม มเญฺญติ สลฺลเกฺขตฺวา’’ติ, ปพฺพชิตุกาโม วิยาติ สลฺลเกฺขตฺวาติ อโตฺถฯ กุลิตฺถีนํ เอวํ ปเรหิ อภิภวนํ นาม อจฺจนฺตาวมาโนติ อาห ‘‘อตฺตโน วิปฺปการ’’นฺติฯ
Brāhmaṇī attano aṅgamaṅgānaṃ parāmasanakkhaṇe anācārānukūlā hutvā na kiñci vatvā bhikkhuno vaṇṇabhaṇanakkhaṇe vuttattā āha ‘‘pabbajitukāmo maññeti sallakkhetvā’’ti, pabbajitukāmo viyāti sallakkhetvāti attho. Kulitthīnaṃ evaṃ parehi abhibhavanaṃ nāma accantāvamānoti āha ‘‘attano vippakāra’’nti.
๒๗๐. โอติณฺณสทฺทสฺส กมฺมสาธนปกฺขํ สนฺธาย ‘‘ยกฺขาทีหี’’ติอาทิ วุตฺตํ, กตฺตุสาธนปกฺขํ สนฺธาย ‘‘กูปาทีนี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺมิํ วตฺถุสฺมินฺติ อิตฺถิสรีรสงฺขาเต วตฺถุสฺมิํฯ
270. Otiṇṇasaddassa kammasādhanapakkhaṃ sandhāya ‘‘yakkhādīhī’’tiādi vuttaṃ, kattusādhanapakkhaṃ sandhāya ‘‘kūpādīnī’’tiādi vuttaṃ. Tasmiṃ vatthusminti itthisarīrasaṅkhāte vatthusmiṃ.
๒๗๑. อสฺสาติ หตฺถคฺคาหาทิกสฺส สพฺพสฺสฯ
271.Assāti hatthaggāhādikassa sabbassa.
๒๗๓. เอเตสํ ปทานนฺติ อามสนาทิปทานํฯ อิตฺถิสญฺญีติ มนุสฺสิตฺถิสญฺญีฯ นํ-สทฺทสฺส กายวิเสสนภาเวน เอตํ กายนฺติ อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โอมสโนฺต…เป.… เอกาว อาปตฺตีติ อนิวตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ, น นิวตฺถํฯ สนิวตฺถาย ปน มตฺถกโต ปฎฺฐาย หตฺถํ โอตาเรนฺตสฺส นิวตฺถสาฎโกปริ หเตฺถ อารุเฬฺห ถุลฺลจฺจยํฯ สาฎกโต หตฺถํ โอตาราเปตฺวา ชงฺฆโต ปฎฺฐาย โอมสนฺตสฺส ปุน สงฺฆาทิเสโสฯ
273.Etesaṃpadānanti āmasanādipadānaṃ. Itthisaññīti manussitthisaññī. Naṃ-saddassa kāyavisesanabhāvena etaṃ kāyanti atthaṃ dassetuṃ ‘‘atha vā’’tiādi vuttaṃ. Omasanto…pe… ekāva āpattīti anivatthaṃ sandhāya vuttaṃ, na nivatthaṃ. Sanivatthāya pana matthakato paṭṭhāya hatthaṃ otārentassa nivatthasāṭakopari hatthe āruḷhe thullaccayaṃ. Sāṭakato hatthaṃ otārāpetvā jaṅghato paṭṭhāya omasantassa puna saṅghādiseso.
ยถานิทฺทิฎฺฐนิเทฺทเสติ ยถาวุตฺตกายสํสคฺคนิเทฺทเสฯ เตนาติ เยน การเณน วตฺถุสญฺญาทโย โหนฺติ, เตน การเณนฯ ยถาวุตฺตสิกฺขาปทนิเทฺทเส วุตฺตํ ครุกํ ภิกฺขุโน กเรยฺย ปกาเสยฺยาติ โยชนาฯ
Yathāniddiṭṭhaniddeseti yathāvuttakāyasaṃsagganiddese. Tenāti yena kāraṇena vatthusaññādayo honti, tena kāraṇena. Yathāvuttasikkhāpadaniddese vuttaṃ garukaṃ bhikkhuno kareyya pakāseyyāti yojanā.
สญฺญาย วิราคิตมฺหีติ สญฺญาย วิรทฺธายฯ อิทํ นาม วตฺถุนฺติ อิมสฺมิํ สิกฺขาปเท อาคตํ, อนาคตญฺจ ยํ กิญฺจิ สวิญฺญาณกาวิญฺญาณกํ ผุสนฺตสฺส อนาปตฺติอภาวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
Saññāya virāgitamhīti saññāya viraddhāya. Idaṃ nāma vatthunti imasmiṃ sikkhāpade āgataṃ, anāgatañca yaṃ kiñci saviññāṇakāviññāṇakaṃ phusantassa anāpattiabhāvaṃ sandhāya vuttaṃ.
สารตฺตนฺติ กายสํสคฺคราเคเนว สารตฺตํฯ วิรตฺตนฺติ กายสํสคฺคราครหิตํ มาตุอาทิํ สนฺธาย วทติฯ ทุกฺกฎนฺติ มาตุเปมาทิวเสน คณฺหนฺตสฺส วเสน วุตฺตํ, วิรตฺตมฺปิ อิตฺถิํ กายสํสคฺคราเคน คณฺหนฺตสฺส ปน สงฺฆาทิเสโส เอวฯ อิมาย ปาฬิยา สเมตีติ สมฺพโนฺธฯ กถํ สเมตีติ เจ? ยทิ หิ ‘‘อิตฺถิยา กายปฺปฎิพทฺธํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จิเตฺต อุปฺปเนฺน อิตฺถิสญฺญา วิราคิตา ภเวยฺยฯ กายปฺปฎิพทฺธคฺคหเณปิ ถุลฺลจฺจเยนาปิ น ภวิตพฺพํ อิตฺถิสญฺญาย เอว ปาฬิยํ (ปารา. ๒๗๖) ถุลฺลจฺจยสฺส วุตฺตตฺตา, ตสฺมา ‘‘อิตฺถิยา กายปฺปฎิพทฺธํ คณฺหิสฺสามีติ กายํ คณฺหนฺตสฺส อิตฺถิสญฺญา วิราคิตา นาม น โหตีติ กายปฺปฎิพทฺธํ คณฺหิสฺสามีติ กายํ คณฺหโต อิตฺถิสญฺญาย เจว กายสํสคฺคราคสฺส จ กายคฺคหณสฺส จ สมฺภวา ยถาวตฺถุกํ สงฺฆาทิเสสเมว อาปชฺชตี’’ติ มหาสุมเตฺถเรน วุตฺตวาโทว อิมาย ปาฬิยา สเมติฯ อฎฺฐกถายญฺหิ ‘‘สมฺพหุลา อิตฺถิโย พาหาหิ ปริกฺขิปิตฺวา คณฺหามี’’ติ สญฺญาย ปริกฺขิปโต มชฺฌคตานํ วเสน ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํฯ น หิ ตสฺส ‘‘มชฺฌคตา อิตฺถิโย กายปฺปฎิพเทฺธน คณฺหามี’’ติ สญฺญา อตฺถิ, ตสฺมา อฎฺฐกถายปิ สเมตีติ คเหตพฺพํฯ นีเลน ทุวิเญฺญยฺยภาวโต กาฬิตฺถี วุตฺตาฯ
Sārattanti kāyasaṃsaggarāgeneva sārattaṃ. Virattanti kāyasaṃsaggarāgarahitaṃ mātuādiṃ sandhāya vadati. Dukkaṭanti mātupemādivasena gaṇhantassa vasena vuttaṃ, virattampi itthiṃ kāyasaṃsaggarāgena gaṇhantassa pana saṅghādiseso eva. Imāya pāḷiyā sametīti sambandho. Kathaṃ sametīti ce? Yadi hi ‘‘itthiyā kāyappaṭibaddhaṃ gaṇhissāmī’’ti citte uppanne itthisaññā virāgitā bhaveyya. Kāyappaṭibaddhaggahaṇepi thullaccayenāpi na bhavitabbaṃ itthisaññāya eva pāḷiyaṃ (pārā. 276) thullaccayassa vuttattā, tasmā ‘‘itthiyā kāyappaṭibaddhaṃ gaṇhissāmīti kāyaṃ gaṇhantassa itthisaññā virāgitā nāma na hotīti kāyappaṭibaddhaṃ gaṇhissāmīti kāyaṃ gaṇhato itthisaññāya ceva kāyasaṃsaggarāgassa ca kāyaggahaṇassa ca sambhavā yathāvatthukaṃ saṅghādisesameva āpajjatī’’ti mahāsumattherena vuttavādova imāya pāḷiyā sameti. Aṭṭhakathāyañhi ‘‘sambahulā itthiyo bāhāhi parikkhipitvā gaṇhāmī’’ti saññāya parikkhipato majjhagatānaṃ vasena thullaccayaṃ vuttaṃ. Na hi tassa ‘‘majjhagatā itthiyo kāyappaṭibaddhena gaṇhāmī’’ti saññā atthi, tasmā aṭṭhakathāyapi sametīti gahetabbaṃ. Nīlena duviññeyyabhāvato kāḷitthī vuttā.
๒๗๙. เสวนาธิปฺปาโยติ ผสฺสสุขเสวนาธิปฺปาโยฯ กายปฺปฎิพทฺธามสนวาเร กายปฺปฎิพทฺธวเสน ผสฺสปฎิวิชานนํ เวทิตพฺพํฯ จิตฺตุปฺปาทมเตฺต อาปตฺติยาภาวโต อนาปตฺตีติ อิทํ กายสํสคฺคราคมเตฺตน กายจลนสฺส อนุปฺปตฺติโต อิตฺถิยา กริยมานกายจลนํ สาทิยโตปิ ปโยคาภาวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปฐมปาราชิเก ปน ปเรหิ อุปกฺกมิยมานสฺส อภาวโต เสวนาธิปฺปาเย อุปฺปเนฺน เตน อธิปฺปาเยน องฺคชาตโกฺขโภ สยเมว อวสฺสํ สญฺชายติ, โส จ เตน กโต นาม โหตีติ ปาราชิกํ วุตฺตํ, เตเนว นเยน ปฐมสงฺฆาทิเสเสปิ ปเรน กริยมานปโยคสาทิยมาเนปิ องฺคชาตโกฺขภสมฺภเวน อาปตฺติ โหตีติ เวทิตพฺพํฯ จตุเตฺถติ ‘‘น จ กาเยน วายมติ, น จ ผสฺสํ ปฎิวิชานาตี’’ติ อิมสฺมิํ วาเรฯ ผสฺสปฎิวิชานนมฺปีติ อปิ-สเทฺทน ตติยวาเร วิย วายาโมปิ นตฺถีติ ทเสฺสติฯ นิสฺสคฺคิเยน นิสฺสคฺคิยามสเน วิยาติ อิทํ ปน ผสฺสปฎิวิชานนาภาวมตฺตเสฺสว นิทสฺสนํ, น ปโยคาภาวสฺสาติ ทฎฺฐพฺพํฯ โมกฺขาธิปฺปาโยติ เอตฺถ จิตฺตสฺส ลหุปริวตฺติตาย อนฺตรนฺตรา กายสํสคฺคราเค สมุปฺปเนฺนปิ โมกฺขาธิปฺปายสฺส อวิจฺฉินฺนตาย อนาปตฺติเยว, วิจฺฉิเนฺน ปน ตสฺมิํ อาปตฺติ เอวฯ
279.Sevanādhippāyoti phassasukhasevanādhippāyo. Kāyappaṭibaddhāmasanavāre kāyappaṭibaddhavasena phassapaṭivijānanaṃ veditabbaṃ. Cittuppādamatte āpattiyābhāvato anāpattīti idaṃ kāyasaṃsaggarāgamattena kāyacalanassa anuppattito itthiyā kariyamānakāyacalanaṃ sādiyatopi payogābhāvaṃ sandhāya vuttaṃ. Paṭhamapārājike pana parehi upakkamiyamānassa abhāvato sevanādhippāye uppanne tena adhippāyena aṅgajātakkhobho sayameva avassaṃ sañjāyati, so ca tena kato nāma hotīti pārājikaṃ vuttaṃ, teneva nayena paṭhamasaṅghādisesepi parena kariyamānapayogasādiyamānepi aṅgajātakkhobhasambhavena āpatti hotīti veditabbaṃ. Catuttheti ‘‘na ca kāyena vāyamati, na ca phassaṃ paṭivijānātī’’ti imasmiṃ vāre. Phassapaṭivijānanampīti api-saddena tatiyavāre viya vāyāmopi natthīti dasseti. Nissaggiyena nissaggiyāmasane viyāti idaṃ pana phassapaṭivijānanābhāvamattasseva nidassanaṃ, na payogābhāvassāti daṭṭhabbaṃ. Mokkhādhippāyoti ettha cittassa lahuparivattitāya antarantarā kāyasaṃsaggarāge samuppannepi mokkhādhippāyassa avicchinnatāya anāpattiyeva, vicchinne pana tasmiṃ āpatti eva.
ปทภาชนียวณฺณนานโยฯ
Padabhājanīyavaṇṇanānayo.
๒๘๑. เอตฺถ คณฺหาหีติ น วตฺตพฺพาติ เคหสิตเปเมน กายปฺปฎิพเทฺธน ผุสเน ทุกฺกฎํ สนฺธาย วุตฺตํ, การุเญฺญน ปน วตฺถาทิํ คเหตุํ อสโกฺกนฺติํ ‘‘คณฺหา’’ติ วทนฺตสฺสาปิ อวสสภาวปฺปตฺตํ อุทเก นิมุชฺชนฺติํ การุเญฺญน สหสา อนามาสนฺติ อจิเนฺตตฺวา เกสาทีสุ คเหตฺวา โมกฺขาธิปฺปาเยน อากฑฺฒโตปิ อนาปตฺติเยวฯ น หิ มียมานํ มาตรํ อุกฺขิปิตุํ น วฎฺฎติฯ อญฺญาติกาย อิตฺถิยาปิ เอเสว นโยฯ อุกฺกฎฺฐาย มาตุยาปิ อามาโส น วฎฺฎตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘มาตร’’นฺติ วุตฺตํฯ ตสฺสา กาตพฺพํ ปน อญฺญาสมฺปิ อิตฺถีนํ กโรนฺตสฺสาปิ อนาปตฺติเยว อนามาสเตฺต วิเสสาภาวาฯ
281.Ettha gaṇhāhīti na vattabbāti gehasitapemena kāyappaṭibaddhena phusane dukkaṭaṃ sandhāya vuttaṃ, kāruññena pana vatthādiṃ gahetuṃ asakkontiṃ ‘‘gaṇhā’’ti vadantassāpi avasasabhāvappattaṃ udake nimujjantiṃ kāruññena sahasā anāmāsanti acintetvā kesādīsu gahetvā mokkhādhippāyena ākaḍḍhatopi anāpattiyeva. Na hi mīyamānaṃ mātaraṃ ukkhipituṃ na vaṭṭati. Aññātikāya itthiyāpi eseva nayo. Ukkaṭṭhāya mātuyāpi āmāso na vaṭṭatīti dassanatthaṃ ‘‘mātara’’nti vuttaṃ. Tassā kātabbaṃ pana aññāsampi itthīnaṃ karontassāpi anāpattiyeva anāmāsatte visesābhāvā.
ติณณฺฑุปกนฺติ หิริเวราทิมูเลหิ เกสาลงฺการตฺถาย กตจุมฺพฎกํฯ ปริวเตฺตตฺวาติ อตฺตโน นิวาสนาทิภาวโต อปเนตฺวาฯ ปูชาทิอตฺถํ ปน ตาวกาลิกมฺปิ อามสิตุํ วฎฺฎติฯ สีสปสาธนกทนฺตสูจิอาทีติ อิทํ สีสาลงฺการตฺถาย ปฎปิโลติกาทีหิ กตํ สีสปสาธนกเญฺจว ทนฺตสูจิอาทิ จาติ ทฺวิธา โยเชตฺวา สีสปสาธนํ สิปาฎิโกปกรณตฺถาย เจว ทนฺตสูจิอุปกรณตฺถาย จ คเหตพฺพนฺติ ยถากฺกมํ อตฺถํ ทเสฺสติฯ เกสกลาปํ พนฺธิตฺวา ตตฺถ ติริยํ ปเวสนตฺถาย กตา ทนฺตสูจิ เอว สีสปสาธนกทนฺตสูจีติ เอกเมว กตฺวา สิปาฎิกาย ปกฺขิปิตฺวา ปริหริตพฺพสูจิเยว ตสฺส ตสฺส กิจฺจสฺส อุปกรณนฺติ สิปาฎิกาสูจิอุปกรณนฺติ เอวํ วา โยชนา กาตพฺพา ฯ โปตฺถกรูปนฺติ สุธาทีหิ กตํ, ปาราชิกวตฺถุภูตานํ ติรจฺฉานคติตฺถีนํ สณฺฐาเนน กตมฺปิ อนามาสเมวฯ อิตฺถิรูปาทีนิ ทเสฺสตฺวา กตํ, วตฺถภิตฺติอาทิญฺจ อิตฺถิรูปํ อนามสิตฺวา วฬเญฺชตุํ วฎฺฎติฯ เอวรูเปหิ อนามาเส กายสํสคฺคราเค อสติ กายปฺปฎิพเทฺธน อามสโต โทโส นตฺถิฯ ภินฺทิตฺวาติ เอตฺถ อนามาสมฺปิ ทณฺฑปาสาณาทีหิ เภทนสฺส อฎฺฐกถายํ วุตฺตตฺตา, ปาฬิยมฺปิ อาปทาสุ โมกฺขาธิปฺปายสฺส อามสเนปิ อนาปตฺติยา วุตฺตตฺตา จฯ สปฺปินีอาทีหิ วาฬมิคีหิ จ คหิตปาณกานํ โมจนตฺถาย ตํ สปฺปินีอาทิํ วตฺถทณฺฑาทีหิ ปริกฺขิปิตฺวา คเหตุํ, มาตุอาทิํ อุทเก มียมานํ วตฺถาทีหิ คเหตุํ, อสโกฺกนฺติํ เกสาทีสุ คเหตฺวา การุเญฺญน อุกฺขิปิตุํ วฎฺฎตีติ อยมโตฺถ คเหตโพฺพวฯ อฎฺฐกถายํ ‘‘น เตฺวว อามสิตพฺพา’’ติ อิทํ ปน วจนํ อมียมานวตฺถุํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อยํ อมฺหากํ ขนฺติฯ
Tiṇaṇḍupakanti hiriverādimūlehi kesālaṅkāratthāya katacumbaṭakaṃ. Parivattetvāti attano nivāsanādibhāvato apanetvā. Pūjādiatthaṃ pana tāvakālikampi āmasituṃ vaṭṭati. Sīsapasādhanakadantasūciādīti idaṃ sīsālaṅkāratthāya paṭapilotikādīhi kataṃ sīsapasādhanakañceva dantasūciādi cāti dvidhā yojetvā sīsapasādhanaṃ sipāṭikopakaraṇatthāya ceva dantasūciupakaraṇatthāya ca gahetabbanti yathākkamaṃ atthaṃ dasseti. Kesakalāpaṃ bandhitvā tattha tiriyaṃ pavesanatthāya katā dantasūci eva sīsapasādhanakadantasūcīti ekameva katvā sipāṭikāya pakkhipitvā pariharitabbasūciyeva tassa tassa kiccassa upakaraṇanti sipāṭikāsūciupakaraṇanti evaṃ vā yojanā kātabbā . Potthakarūpanti sudhādīhi kataṃ, pārājikavatthubhūtānaṃ tiracchānagatitthīnaṃ saṇṭhānena katampi anāmāsameva. Itthirūpādīni dassetvā kataṃ, vatthabhittiādiñca itthirūpaṃ anāmasitvā vaḷañjetuṃ vaṭṭati. Evarūpehi anāmāse kāyasaṃsaggarāge asati kāyappaṭibaddhena āmasato doso natthi. Bhinditvāti ettha anāmāsampi daṇḍapāsāṇādīhi bhedanassa aṭṭhakathāyaṃ vuttattā, pāḷiyampi āpadāsu mokkhādhippāyassa āmasanepi anāpattiyā vuttattā ca. Sappinīādīhi vāḷamigīhi ca gahitapāṇakānaṃ mocanatthāya taṃ sappinīādiṃ vatthadaṇḍādīhi parikkhipitvā gahetuṃ, mātuādiṃ udake mīyamānaṃ vatthādīhi gahetuṃ, asakkontiṃ kesādīsu gahetvā kāruññena ukkhipituṃ vaṭṭatīti ayamattho gahetabbova. Aṭṭhakathāyaṃ ‘‘na tveva āmasitabbā’’ti idaṃ pana vacanaṃ amīyamānavatthuṃ sandhāya vuttanti ayaṃ amhākaṃ khanti.
มคฺคํ อธิฎฺฐายาติ ‘‘มโคฺค อย’’นฺติ มคฺคสญฺญํ อุปฺปาเทตฺวาติ อโตฺถฯ ปญฺญเปตฺวา เทนฺตีติ อิทํ สามีจิวเสน วุตฺตํ, เตหิ ปน อาสนํ อปญฺญเปตฺวาว นิสีทถาติ วุเตฺต สยเมว ปญฺญเปตฺวา นิสีทิตุมฺปิ วฎฺฎติฯ ตตฺถชาตกานีติ อจฺฉินฺทิตฺวา ภูตคามภาเวเนว ฐิตานิฯ กีฬเนฺตนาติ วุตฺตตฺตา สติ ปจฺจเย อามสนฺตสฺส อนาปตฺติฯ ภิกฺขุสนฺตกํ ปน ปริโภคารหํ สพฺพถา อามสิตุํ น วฎฺฎติ ทุรุปจิณฺณตฺตาฯ อนุปสมฺปนฺนานํ ทสฺสามีติ อิทํ อปฺปฎิคฺคเหตฺวา คหณํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อตฺตโนปิ อตฺถาย ปฎิคฺคเหตฺวา คหเณ โทโส นตฺถิ อนามาสตฺตาภาวาฯ
Maggaṃ adhiṭṭhāyāti ‘‘maggo aya’’nti maggasaññaṃ uppādetvāti attho. Paññapetvā dentīti idaṃ sāmīcivasena vuttaṃ, tehi pana āsanaṃ apaññapetvāva nisīdathāti vutte sayameva paññapetvā nisīditumpi vaṭṭati. Tatthajātakānīti acchinditvā bhūtagāmabhāveneva ṭhitāni. Kīḷantenāti vuttattā sati paccaye āmasantassa anāpatti. Bhikkhusantakaṃ pana paribhogārahaṃ sabbathā āmasituṃ na vaṭṭati durupaciṇṇattā. Anupasampannānaṃ dassāmīti idaṃ appaṭiggahetvā gahaṇaṃ sandhāya vuttaṃ. Attanopi atthāya paṭiggahetvā gahaṇe doso natthi anāmāsattābhāvā.
มณีติ เวฬุริยาทิโต อโญฺญ โชติรสาทิเภโท สโพฺพปิ มณิฯ เวฬุริโยติ อลฺลเวฬุวโณฺณมณิ, ‘‘มชฺชารกฺขิ มณฺฑลวโณฺณ’’ติปิ วทนฺติฯ สิลาติ มุคฺคมาสวณฺณา อติสินิทฺธา กาฬสิลา, มณิโวหารํ อาคตา รตฺตเสตาทิวณฺณา สุมฎฺฐาปิ สิลา อนามาสา เอวาติ วทนฺติฯ รชตนฺติ กหาปณมาสาทิเภทํ ชตุมาสาทิํ อุปาทาย สพฺพํ วุตฺตาวเสสํ รูปิยํ คหิตํฯ โลหิตโงฺกติ รตฺตมณิฯ มสารคลฺลนฺติ กพรวโณฺณ มณิ, ‘‘มรกต’’นฺติปิ วทนฺติฯ เภสชฺชตฺถาย ปิสิตฺวา โยชิตานํ มุตฺตานํ รตนภาววิรหโต คหณกฺขเณปิ รตนากาเรน อเปกฺขิตาภาวา ‘‘เภสชฺชตฺถาย ปน วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ ยาว ปน ตา มุตฺตา รตนรูเปน ติฎฺฐนฺติ, ตาว อามสิตุํ น วฎฺฎติ เอวฯ เอวํ อญฺญมฺปิ รตนปาสาณํ ปิสิตฺวา เภสเชฺช โยชนตฺถาย คเหตุํ วฎฺฎติ เอว, ชาตรูปรชตํ ปน ปิสิตฺวา โยชนเภสชฺชตฺถายปิ สมฺปฎิจฺฉิตุํ น วฎฺฎติ, คหเฎฺฐหิ โยเชตฺวา ทินฺนมฺปิ ยทิ เภสเชฺช สุวณฺณาทิรูเปน ติฎฺฐติ, วิโยเชตุญฺจ สกฺกา, ตาทิสํ เภสชฺชมฺปิ น วฎฺฎติฯ ตํ อโพฺพหาริกตฺตํ คตํ เจ, วฎฺฎติฯ ‘‘ชาติผลิกํ อุปาทายา’’ติ วุตฺตตฺตา, สูริยกนฺตจนฺทกนฺตาทิกํ ชาติปาสาณํ มณิมฺหิ เอว สงฺคหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ธมนสโงฺข จ โธตวิโทฺธ จ รตนมิโสฺส จาติ โยเชตพฺพํฯ วิโทฺธติ มณิอาทิภาเวน กตฉิโทฺทฯ
Maṇīti veḷuriyādito añño jotirasādibhedo sabbopi maṇi. Veḷuriyoti allaveḷuvaṇṇomaṇi, ‘‘majjārakkhi maṇḍalavaṇṇo’’tipi vadanti. Silāti muggamāsavaṇṇā atisiniddhā kāḷasilā, maṇivohāraṃ āgatā rattasetādivaṇṇā sumaṭṭhāpi silā anāmāsā evāti vadanti. Rajatanti kahāpaṇamāsādibhedaṃ jatumāsādiṃ upādāya sabbaṃ vuttāvasesaṃ rūpiyaṃ gahitaṃ. Lohitaṅkoti rattamaṇi. Masāragallanti kabaravaṇṇo maṇi, ‘‘marakata’’ntipi vadanti. Bhesajjatthāya pisitvā yojitānaṃ muttānaṃ ratanabhāvavirahato gahaṇakkhaṇepi ratanākārena apekkhitābhāvā ‘‘bhesajjatthāya pana vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Yāva pana tā muttā ratanarūpena tiṭṭhanti, tāva āmasituṃ na vaṭṭati eva. Evaṃ aññampi ratanapāsāṇaṃ pisitvā bhesajje yojanatthāya gahetuṃ vaṭṭati eva, jātarūparajataṃ pana pisitvā yojanabhesajjatthāyapi sampaṭicchituṃ na vaṭṭati, gahaṭṭhehi yojetvā dinnampi yadi bhesajje suvaṇṇādirūpena tiṭṭhati, viyojetuñca sakkā, tādisaṃ bhesajjampi na vaṭṭati. Taṃ abbohārikattaṃ gataṃ ce, vaṭṭati. ‘‘Jātiphalikaṃupādāyā’’ti vuttattā, sūriyakantacandakantādikaṃ jātipāsāṇaṃ maṇimhi eva saṅgahitanti daṭṭhabbaṃ. Dhamanasaṅkho ca dhotaviddho ca ratanamisso cāti yojetabbaṃ. Viddhoti maṇiādibhāvena katachiddo.
รตนมิโสฺสติ กญฺจนลตาทิวิจิโตฺต, มุตฺตาทิรตนขจิโต จ, เอเตน ธมนสงฺขโต อโญฺญ รตนมิโสฺสว อนามาโสติ ทเสฺสติฯ สิลายมฺปิ เอเสว นโยฯ ปานียสโงฺขติ อิมินาว ถาลกาทิอากาเรน กตสงฺขมยภาชนานิ ภิกฺขูนํ สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎตีติ สิทฺธํฯ เสสาติ รตนสํยุตฺตํ ฐเปตฺวา อวเสสาฯ
Ratanamissoti kañcanalatādivicitto, muttādiratanakhacito ca, etena dhamanasaṅkhato añño ratanamissova anāmāsoti dasseti. Silāyampi eseva nayo. Pānīyasaṅkhoti imināva thālakādiākārena katasaṅkhamayabhājanāni bhikkhūnaṃ sampaṭicchituṃ vaṭṭatīti siddhaṃ. Sesāti ratanasaṃyuttaṃ ṭhapetvā avasesā.
พีชโต ปฎฺฐายาติ ธาตุปาสาณโต ปฎฺฐายฯ ปฎิกฺขิปีติ สุวณฺณมยธาตุกรณฺฑกสฺส, พุทฺธรูปาทิสฺส จ อตฺตโน สนฺตกกรเณ นิสฺสคฺคิยตฺตา วุตฺตํฯ ‘‘รูปิยฉฑฺฑกฎฺฐาเน’’ติ วุตฺตตฺตา รูปิยฉฑฺฑกสฺส ชาตรูปรชตํ อามสิตฺวา ฉเฑฺฑตุํ วฎฺฎตีติ สิทฺธํฯ เกฬาปยิตุนฺติ อามสิตฺวา อิโต จิโต จ สญฺจาเรตุํฯ วุตฺตนฺติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ กจวรเมว หริตุํ วฎฺฎตีติ โคปกา วา โหนฺตุ อเญฺญ วา, หเตฺถน ปุญฺฉิตฺวา กจวรํ อปเนตุํ วฎฺฎติ, มลมฺปิ ปมชฺชิตุํ วฎฺฎติ เอวาติ วทนฺติ, ตํ อฎฺฐกถาย น สเมติ เกฬายนสทิสตฺตาฯ อารกูฎโลหนฺติ สุวณฺณวโณฺณ กิตฺติมโลหวิเสโสฯ ติวิธญฺหิ กิตฺติมโลหํ กํสโลหํ วฎฺฎโลหํ หารกูฎโลหนฺติฯ ตตฺถ ติปุตเมฺพ มิเสฺสตฺวา กตํ กํสโลหํ นามฯ สีสตเมฺพ มิเสฺสตฺวา กตํ วฎฺฎโลหํฯ รสตเมฺพ มิเสฺสตฺวา กตํ หารกูฎโลหํ นามฯ ตํ ปน ‘‘ชาตรูปคติก’’นฺติ วุตฺตตฺตา อุคฺคณฺหโต นิสฺสคฺคิยมฺปิ โหตีติ เกจิ วทนฺติฯ รูปิเยสุ ปน อคณิตตฺตา นิสฺสคฺคิยํ น โหติ, อามสเน, สมฺปฎิจฺฉเน จ ทุกฺกฎเมวาติ เวทิตพฺพํฯ สพฺพกปฺปิโยติ ยถาวุตฺตสุวณฺณาทิมยานํ เสนาสนปริกฺขารานํ อามสนโคปนาทิวเสน ปริโภโค สพฺพถา กปฺปิโยติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิฯ ‘‘ภิกฺขูนํ ธมฺมวินยวณฺณนฎฺฐาเน’’ติ วุตฺตตฺตา สงฺฆิกเมว สุวณฺณาทิมยํ เสนาสนํ, เสนาสนปริกฺขารา จ วฎฺฎนฺติ, น ปุคฺคลิกานีติ คเหตพฺพํฯ
Bījato paṭṭhāyāti dhātupāsāṇato paṭṭhāya. Paṭikkhipīti suvaṇṇamayadhātukaraṇḍakassa, buddharūpādissa ca attano santakakaraṇe nissaggiyattā vuttaṃ. ‘‘Rūpiyachaḍḍakaṭṭhāne’’ti vuttattā rūpiyachaḍḍakassa jātarūparajataṃ āmasitvā chaḍḍetuṃ vaṭṭatīti siddhaṃ. Keḷāpayitunti āmasitvā ito cito ca sañcāretuṃ. Vuttanti mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Kacavarameva harituṃ vaṭṭatīti gopakā vā hontu aññe vā, hatthena puñchitvā kacavaraṃ apanetuṃ vaṭṭati, malampi pamajjituṃ vaṭṭati evāti vadanti, taṃ aṭṭhakathāya na sameti keḷāyanasadisattā. Ārakūṭalohanti suvaṇṇavaṇṇo kittimalohaviseso. Tividhañhi kittimalohaṃ kaṃsalohaṃ vaṭṭalohaṃ hārakūṭalohanti. Tattha tiputambe missetvā kataṃ kaṃsalohaṃ nāma. Sīsatambe missetvā kataṃ vaṭṭalohaṃ. Rasatambe missetvā kataṃ hārakūṭalohaṃ nāma. Taṃ pana ‘‘jātarūpagatika’’nti vuttattā uggaṇhato nissaggiyampi hotīti keci vadanti. Rūpiyesu pana agaṇitattā nissaggiyaṃ na hoti, āmasane, sampaṭicchane ca dukkaṭamevāti veditabbaṃ. Sabbakappiyoti yathāvuttasuvaṇṇādimayānaṃ senāsanaparikkhārānaṃ āmasanagopanādivasena paribhogo sabbathā kappiyoti adhippāyo. Tenāha ‘‘tasmā’’tiādi. ‘‘Bhikkhūnaṃ dhammavinayavaṇṇanaṭṭhāne’’ti vuttattā saṅghikameva suvaṇṇādimayaṃ senāsanaṃ, senāsanaparikkhārā ca vaṭṭanti, na puggalikānīti gahetabbaṃ.
ภินฺทิตฺวาติ ปฐมเมว อนามสิตฺวา ปาสาณาทินา กิญฺจิมตฺตํ เภทํ กตฺวา ปจฺฉา กปฺปิยภณฺฑตฺถาย อธิฎฺฐหิตฺวา หเตฺถน คเหตุํ วฎฺฎติฯ เตนาห ‘‘กปฺปิยภณฺฑํ กริสฺสามีติ สพฺพมฺปิ สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ เอตฺถาปิ กิญฺจิ ภินฺทิตฺวา, วิโยเชตฺวา วา อามสิตพฺพฯ
Bhinditvāti paṭhamameva anāmasitvā pāsāṇādinā kiñcimattaṃ bhedaṃ katvā pacchā kappiyabhaṇḍatthāya adhiṭṭhahitvā hatthena gahetuṃ vaṭṭati. Tenāha ‘‘kappiyabhaṇḍaṃ karissāmīti sabbampi sampaṭicchituṃ vaṭṭatī’’ti. Etthāpi kiñci bhinditvā, viyojetvā vā āmasitabba.
ผลกชาลิกาทีนีติ เอตฺถ สรปริตฺตาณาย หเตฺถน คเหตพฺพํ กิฎิกาผลกํ อกฺขิรกฺขณตฺถาย อยโลหาทีหิ ชาลากาเรน กตฺวา สีสาทีสุ ปฎิมุญฺจิตพฺพํ ชาลิกํ นาม ฯ อาทิ-สเทฺทน กวจาทิํ สงฺคณฺหาติฯ อนามาสานีติ มจฺฉชาลาทิปรูปโรธกํ สนฺธาย วุตฺตํ, น สรปริตฺตาณํ ตสฺส อาวุธภณฺฑตฺตาภาวาฯ เตเนว วกฺขติ ‘‘ปรูปโรธนิวารณํ หี’’ติอาทิฯ อาสนสฺสาติ เจติยสฺส สมนฺตา กตปริภณฺฑสฺสฯ พนฺธิสฺสามีติ กากาทีหิ อทูสนตฺถาย พนฺธิสฺสามิฯ
Phalakajālikādīnīti ettha saraparittāṇāya hatthena gahetabbaṃ kiṭikāphalakaṃ akkhirakkhaṇatthāya ayalohādīhi jālākārena katvā sīsādīsu paṭimuñcitabbaṃ jālikaṃ nāma . Ādi-saddena kavacādiṃ saṅgaṇhāti. Anāmāsānīti macchajālādiparūparodhakaṃ sandhāya vuttaṃ, na saraparittāṇaṃ tassa āvudhabhaṇḍattābhāvā. Teneva vakkhati ‘‘parūparodhanivāraṇaṃ hī’’tiādi. Āsanassāti cetiyassa samantā kataparibhaṇḍassa. Bandhissāmīti kākādīhi adūsanatthāya bandhissāmi.
‘‘เภริสงฺฆาโฎติ สงฺฆฎิตจมฺมเภรีฯ วีณาสงฺฆาโฎติ สงฺฆฎิตจมฺมวีณา’’ติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๒๘๑) วุตฺตํฯ ‘‘จมฺมวินทฺธานิ วีณาเภริอาทีนี’’ติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตวจนโต วิเสสาภาวา, ‘‘กุรุนฺทิยํ ปนา’’ติอาทินา ตโต วิเสสสฺส วตฺตุมารทฺธตฺตา จ เภริอาทีนํ วินทฺธโนปกรณสมูโห เภริวีณาสงฺฆาโฎติ เวทิตพฺพํ สงฺฆฎิตโพฺพติ สงฺฆาโฎติ กตฺวาฯ ตุจฺฉโปกฺขรนฺติ อวินทฺธจมฺมเภริวีณานํ โปกฺขรํฯ อาโรปิตจมฺมนฺติ ปุเพฺพ อาโรปิตํ หุตฺวา ปจฺฉา ตโต อปเนตฺวา วิสุํ ฐปิตมุขจมฺมมตฺตํ, น เสโสปกรณสหิตํฯ สหิตํ ปน สงฺฆาโฎติ อยํ วิเสโสฯ โอนหิตุนฺติ เภริโปกฺขราทีนิ จมฺมํ อาโรเปตฺวา จมฺมวฎฺฎิอาทีหิ สเพฺพหิ อุปกรเณหิ วินนฺธิตุํฯ
‘‘Bherisaṅghāṭoti saṅghaṭitacammabherī. Vīṇāsaṅghāṭoti saṅghaṭitacammavīṇā’’ti sāratthadīpaniyaṃ (sārattha. ṭī. 2.281) vuttaṃ. ‘‘Cammavinaddhāni vīṇābheriādīnī’’ti mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttavacanato visesābhāvā, ‘‘kurundiyaṃ panā’’tiādinā tato visesassa vattumāraddhattā ca bheriādīnaṃ vinaddhanopakaraṇasamūho bherivīṇāsaṅghāṭoti veditabbaṃ saṅghaṭitabboti saṅghāṭoti katvā. Tucchapokkharanti avinaddhacammabherivīṇānaṃ pokkharaṃ. Āropitacammanti pubbe āropitaṃ hutvā pacchā tato apanetvā visuṃ ṭhapitamukhacammamattaṃ, na sesopakaraṇasahitaṃ. Sahitaṃ pana saṅghāṭoti ayaṃ viseso. Onahitunti bheripokkharādīni cammaṃ āropetvā cammavaṭṭiādīhi sabbehi upakaraṇehi vinandhituṃ.
ปาฬิยํ ปณฺฑกสฺสาติ ปณฺฑเกนฯ ปาราชิกปฺปโหนกกาเลติ อกุถิตกาเลฯ กายสํสคฺคราคาทิภาเว สพฺพาวตฺถายปิ อิตฺถิยา สณฺฐาเน ปญฺญายมาเน อนามาสทุกฺกฎํ น วิคจฺฉตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ สงฺกมาทีนํ ฐานาจาวนวเสน อจาเลตพฺพตาย น กายปฺปฎิพทฺธโวหาโรติ ทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ
Pāḷiyaṃ paṇḍakassāti paṇḍakena. Pārājikappahonakakāleti akuthitakāle. Kāyasaṃsaggarāgādibhāve sabbāvatthāyapi itthiyā saṇṭhāne paññāyamāne anāmāsadukkaṭaṃ na vigacchatīti daṭṭhabbaṃ. Saṅkamādīnaṃ ṭhānācāvanavasena acāletabbatāya na kāyappaṭibaddhavohāroti dukkaṭaṃ vuttaṃ.
๒๘๒. เอกปทิกสงฺกโมติ ตนุกเสตุฯ ‘‘อาวิญฺฉโนฺต’’ติ วุตฺตตฺตา จาเลตุํ ยุตฺตาย เอว รชฺชุยา ถุลฺลจฺจยํ, น อิตราย ภิตฺติถมฺภาทิคติกตฺตาติ อาห ‘‘ยา มหารชฺชุ โหตี’’ติอาทิฯ เตน จาเลตุํ ยุเตฺต ตนุกรชฺชุทณฺฑเก อจาเลตฺวา ผุสนฺตสฺสาปิ ถุลฺลจฺจยเมวาติ ทีปิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ปฎิจฺฉาเทตพฺพาติ ฉาทนาทิวเสน คูหิตพฺพาฯ มนุสฺสิตฺถี, มนุสฺสิตฺถิสญฺญิตา, กายสํสคฺคราโค, วายาโม, เตน หตฺถาทีสุ ผุสนนฺติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ
282.Ekapadikasaṅkamoti tanukasetu. ‘‘Āviñchanto’’ti vuttattā cāletuṃ yuttāya eva rajjuyā thullaccayaṃ, na itarāya bhittithambhādigatikattāti āha ‘‘yā mahārajju hotī’’tiādi. Tena cāletuṃ yutte tanukarajjudaṇḍake acāletvā phusantassāpi thullaccayamevāti dīpitanti veditabbaṃ. Paṭicchādetabbāti chādanādivasena gūhitabbā. Manussitthī, manussitthisaññitā, kāyasaṃsaggarāgo, vāyāmo, tena hatthādīsu phusananti imānettha pañca aṅgāni.
กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทํ • 2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā
๒. กายสํสคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Kāyasaṃsaggasikkhāpadavaṇṇanā
ปทภาชนียวณฺณนา • Padabhājanīyavaṇṇanā
วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā