Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๓. กายสุตฺตํ
3. Kāyasuttaṃ
๒๓. ‘‘อตฺถิ , ภิกฺขเว, ธมฺมา กาเยน ปหาตพฺพา, โน วาจายฯ อตฺถิ, ภิกฺขเว, ธมฺมา วาจาย ปหาตพฺพา, โน กาเยนฯ อตฺถิ, ภิกฺขเว, ธมฺมา เนว กาเยน ปหาตพฺพา โน วาจาย, ปญฺญาย ทิสฺวา 1 ปหาตพฺพาฯ
23. ‘‘Atthi , bhikkhave, dhammā kāyena pahātabbā, no vācāya. Atthi, bhikkhave, dhammā vācāya pahātabbā, no kāyena. Atthi, bhikkhave, dhammā neva kāyena pahātabbā no vācāya, paññāya disvā 2 pahātabbā.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา กาเยน ปหาตพฺพา, โน วาจาย? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกุสลํ อาปโนฺน โหติ กิญฺจิ เทสํ 3 กาเยนฯ ตเมนํ อนุวิจฺจ วิญฺญู สพฺรหฺมจารี เอวมาหํสุ – ‘อายสฺมา โข อกุสลํ อาปโนฺน กิญฺจิ เทสํ กาเยนฯ สาธุ วตายสฺมา กายทุจฺจริตํ ปหาย กายสุจริตํ ภาเวตู’ติฯ โส อนุวิจฺจ วิญฺญูหิ สพฺรหฺมจารีหิ วุจฺจมาโน กายทุจฺจริตํ ปหาย กายสุจริตํ ภาเวติฯ อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, ธมฺมา กาเยน ปหาตพฺพา, โน วาจายฯ
‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā kāyena pahātabbā, no vācāya? Idha, bhikkhave, bhikkhu akusalaṃ āpanno hoti kiñci desaṃ 4 kāyena. Tamenaṃ anuvicca viññū sabrahmacārī evamāhaṃsu – ‘āyasmā kho akusalaṃ āpanno kiñci desaṃ kāyena. Sādhu vatāyasmā kāyaduccaritaṃ pahāya kāyasucaritaṃ bhāvetū’ti. So anuvicca viññūhi sabrahmacārīhi vuccamāno kāyaduccaritaṃ pahāya kāyasucaritaṃ bhāveti. Ime vuccanti, bhikkhave, dhammā kāyena pahātabbā, no vācāya.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา วาจาย ปหาตพฺพา, โน กาเยน? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกุสลํ อาปโนฺน โหติ กิญฺจิ เทสํ วาจายฯ ตเมนํ อนุวิจฺจ วิญฺญู สพฺรหฺมจารี เอวมาหํสุ – ‘อายสฺมา โข อกุสลํ อาปโนฺน กิญฺจิ เทสํ วาจายฯ สาธุ วตายสฺมา วจีทุจฺจริตํ ปหาย วจีสุจริตํ ภาเวตู’ติฯ โส อนุวิจฺจ วิญฺญูหิ สพฺรหฺมจารีหิ วุจฺจมาโน วจีทุจฺจริตํ ปหาย วจีสุจริตํ ภาเวติฯ อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, ธมฺมา วาจาย ปหาตพฺพา, โน กาเยนฯ
‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā vācāya pahātabbā, no kāyena? Idha, bhikkhave, bhikkhu akusalaṃ āpanno hoti kiñci desaṃ vācāya. Tamenaṃ anuvicca viññū sabrahmacārī evamāhaṃsu – ‘āyasmā kho akusalaṃ āpanno kiñci desaṃ vācāya. Sādhu vatāyasmā vacīduccaritaṃ pahāya vacīsucaritaṃ bhāvetū’ti. So anuvicca viññūhi sabrahmacārīhi vuccamāno vacīduccaritaṃ pahāya vacīsucaritaṃ bhāveti. Ime vuccanti, bhikkhave, dhammā vācāya pahātabbā, no kāyena.
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา เนว กาเยน ปหาตพฺพา โน วาจาย, ปญฺญาย ทิสฺวา ปหาตพฺพา? โลโภ, ภิกฺขเว, เนว กาเยน ปหาตโพฺพ โน วาจาย, ปญฺญาย ทิสฺวา ปหาตโพฺพฯ โทโส , ภิกฺขเว…เป.… โมโห… โกโธ… อุปนาโห… มโกฺข… ปฬาโส … มจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, เนว กาเยน ปหาตพฺพํ โน วาจาย, ปญฺญาย ทิสฺวา ปหาตพฺพํฯ
‘‘Katame ca, bhikkhave, dhammā neva kāyena pahātabbā no vācāya, paññāya disvā pahātabbā? Lobho, bhikkhave, neva kāyena pahātabbo no vācāya, paññāya disvā pahātabbo. Doso , bhikkhave…pe… moho… kodho… upanāho… makkho… paḷāso … macchariyaṃ, bhikkhave, neva kāyena pahātabbaṃ no vācāya, paññāya disvā pahātabbaṃ.
‘‘ปาปิกา , ภิกฺขเว, อิสฺสา เนว กาเยน ปหาตพฺพา โน วาจาย, ปญฺญาย ทิสฺวา ปหาตพฺพาฯ กตมา จ, ภิกฺขเว, ปาปิกา อิสฺสา? อิธ, ภิกฺขเว, อิชฺฌติ คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา ธเนน วา ธเญฺญน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วาฯ ตตฺราญฺญตรสฺส ทาสสฺส วา อุปวาสสฺส วา เอวํ โหติ – ‘อโห วติมสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา น อิเชฺฌยฺย ธเนน วา ธเญฺญน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา’ติฯ สมโณ วา ปน พฺราหฺมโณ วา ลาภี โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํฯ ตตฺราญฺญตรสฺส สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา เอวํ โหติ – ‘อโห วต อยมายสฺมา น ลาภี อสฺส จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’นฺติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปาปิกา อิสฺสาฯ
‘‘Pāpikā , bhikkhave, issā neva kāyena pahātabbā no vācāya, paññāya disvā pahātabbā. Katamā ca, bhikkhave, pāpikā issā? Idha, bhikkhave, ijjhati gahapatissa vā gahapatiputtassa vā dhanena vā dhaññena vā rajatena vā jātarūpena vā. Tatrāññatarassa dāsassa vā upavāsassa vā evaṃ hoti – ‘aho vatimassa gahapatissa vā gahapatiputtassa vā na ijjheyya dhanena vā dhaññena vā rajatena vā jātarūpena vā’ti. Samaṇo vā pana brāhmaṇo vā lābhī hoti cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārānaṃ. Tatrāññatarassa samaṇassa vā brāhmaṇassa vā evaṃ hoti – ‘aho vata ayamāyasmā na lābhī assa cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārāna’nti. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, pāpikā issā.
‘‘ปาปิกา, ภิกฺขเว, อิจฺฉา เนว กาเยน ปหาตพฺพา โน วาจาย, ปญฺญาย ทิสฺวา ปหาตพฺพาฯ กตมา จ, ภิกฺขเว, ปาปิกา อิจฺฉา? 5 อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ อสฺสโทฺธ สมาโน ‘สโทฺธติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ อิจฺฉติ; ทุสฺสีโล สมาโน ‘สีลวาติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ อิจฺฉติ; อปฺปสฺสุโต สมาโน ‘พหุสฺสุโตติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ อิจฺฉติ; สงฺคณิการาโม สมาโน ‘ปวิวิโตฺตติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ อิจฺฉติ; กุสีโต สมาโน ‘อารทฺธวีริโยติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ อิจฺฉติ; มุฎฺฐสฺสติ สมาโน ‘อุปฎฺฐิตสฺสตีติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ อิจฺฉติ; อสมาหิโต สมาโน ‘สมาหิโตติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ อิจฺฉติ; ทุปฺปโญฺญ สมาโน ‘ปญฺญวาติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ อิจฺฉติ; อขีณาสโว สมาโน ‘ขีณาสโวติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ อิจฺฉติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปาปิกา อิจฺฉาฯ อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, ธมฺมา เนว กาเยน ปหาตพฺพา โน วาจาย, ปญฺญาย ทิสฺวา ปหาตพฺพาฯ
‘‘Pāpikā, bhikkhave, icchā neva kāyena pahātabbā no vācāya, paññāya disvā pahātabbā. Katamā ca, bhikkhave, pāpikā icchā? 6 Idha, bhikkhave, ekacco assaddho samāno ‘saddhoti maṃ jāneyyu’nti icchati; dussīlo samāno ‘sīlavāti maṃ jāneyyu’nti icchati; appassuto samāno ‘bahussutoti maṃ jāneyyu’nti icchati; saṅgaṇikārāmo samāno ‘pavivittoti maṃ jāneyyu’nti icchati; kusīto samāno ‘āraddhavīriyoti maṃ jāneyyu’nti icchati; muṭṭhassati samāno ‘upaṭṭhitassatīti maṃ jāneyyu’nti icchati; asamāhito samāno ‘samāhitoti maṃ jāneyyu’nti icchati; duppañño samāno ‘paññavāti maṃ jāneyyu’nti icchati; akhīṇāsavo samāno ‘khīṇāsavoti maṃ jāneyyu’nti icchati. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, pāpikā icchā. Ime vuccanti, bhikkhave, dhammā neva kāyena pahātabbā no vācāya, paññāya disvā pahātabbā.
‘‘ตเญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ โลโภ อภิภุยฺย อิริยติ, โทโส… โมโห… โกโธ… อุปนาโห… มโกฺข… ปฬาโส… มจฺฉริยํ… ปาปิกา อิสฺสา… ปาปิกา อิจฺฉา อภิภุยฺย อิริยติฯ โส เอวมสฺส เวทิตโพฺพ – ‘นายมายสฺมา ตถา ปชานาติ ยถา ปชานโต โลโภ น โหติ, ตถาหิมํ อายสฺมนฺตํ โลโภ อภิภุยฺย อิริยติ; นายมายสฺมา ตถา ปชานาติ ยถา ปชานโต โทโส น โหติ… โมโห… โกโธ… อุปนาโห… มโกฺข… ปฬาโส… มจฺฉริยํ… ปาปิกา อิสฺสา… ปาปิกา อิจฺฉา น โหติ, ตถาหิมํ อายสฺมนฺตํ ปาปิกา อิจฺฉา อภิภุยฺย อิริยตี’ติฯ
‘‘Tañce, bhikkhave, bhikkhuṃ lobho abhibhuyya iriyati, doso… moho… kodho… upanāho… makkho… paḷāso… macchariyaṃ… pāpikā issā… pāpikā icchā abhibhuyya iriyati. So evamassa veditabbo – ‘nāyamāyasmā tathā pajānāti yathā pajānato lobho na hoti, tathāhimaṃ āyasmantaṃ lobho abhibhuyya iriyati; nāyamāyasmā tathā pajānāti yathā pajānato doso na hoti… moho… kodho… upanāho… makkho… paḷāso… macchariyaṃ… pāpikā issā… pāpikā icchā na hoti, tathāhimaṃ āyasmantaṃ pāpikā icchā abhibhuyya iriyatī’ti.
‘‘ตเญฺจ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ โลโภ นาภิภุยฺย อิริยติ, โทโส… โมโห… โกโธ… อุปนาโห… มโกฺข… ปฬาโส… มจฺฉริยํ… ปาปิกา อิสฺสา… ปาปิกา อิจฺฉา นาภิภุยฺย อิริยติ, โส เอวมสฺส เวทิตโพฺพ – ‘ตถา อยมายสฺมา ปชานาติ ยถา ปชานโต โลโภ น โหติ, ตถาหิมํ อายสฺมนฺตํ โลโภ นาภิภุยฺย อิริยติ; ตถา อยมายสฺมา ปชานาติ ยถา ปชานโต โทโส น โหติ… โมโห… โกโธ … อุปนาโห… มโกฺข… ปฬาโส… มจฺฉริยํ… ปาปิกา อิสฺสา… ปาปิกา อิจฺฉา น โหติ, ตถาหิมํ อายสฺมนฺตํ ปาปิกา อิจฺฉา นาภิภุยฺย อิริยตี’’’ติฯ ตติยํฯ
‘‘Tañce , bhikkhave, bhikkhuṃ lobho nābhibhuyya iriyati, doso… moho… kodho… upanāho… makkho… paḷāso… macchariyaṃ… pāpikā issā… pāpikā icchā nābhibhuyya iriyati, so evamassa veditabbo – ‘tathā ayamāyasmā pajānāti yathā pajānato lobho na hoti, tathāhimaṃ āyasmantaṃ lobho nābhibhuyya iriyati; tathā ayamāyasmā pajānāti yathā pajānato doso na hoti… moho… kodho … upanāho… makkho… paḷāso… macchariyaṃ… pāpikā issā… pāpikā icchā na hoti, tathāhimaṃ āyasmantaṃ pāpikā icchā nābhibhuyya iriyatī’’’ti. Tatiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. กายสุตฺตวณฺณนา • 3. Kāyasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๒-๔. อธิวุตฺติปทสุตฺตาทิวณฺณนา • 2-4. Adhivuttipadasuttādivaṇṇanā