Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๑๗. เกสการีวิมานวณฺณนา
17. Kesakārīvimānavaṇṇanā
อิทํ วิมานํ รุจิรํ ปภสฺสรนฺติ เกสการีวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเยฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย พาราณสิํ ปิณฺฑาย ปวิสิํสุฯ เต อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณสฺส เคหทฺวารสมีเปน คจฺฉนฺติฯ ตสฺมิญฺจ เคเห พฺราหฺมณสฺส ธีตา เกสการี นาม เคหทฺวารสมีเป มาตุ สีสโต อูกา คณฺหนฺตี เต ภิกฺขู คจฺฉเนฺต ทิสฺวา มาตรํ อาห ‘‘อมฺม, อิเม ปพฺพชิตา ปฐเมน โยพฺพเนน สมนฺนาคตา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา สุขุมาลา เกนจิ ปาริชุเญฺญน อนภิภูตา มเญฺญ, กสฺมา นุ โข อิเม อิมสฺมิํเยว วเย ปพฺพชนฺตี’’ติ ? ตํ มาตา อาห ‘‘อตฺถิ, อมฺม, สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต พุโทฺธ โลเก อุปฺปโนฺน, โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ, ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ, ตสฺส อิเม ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชนฺตี’’ติฯ
Idaṃ vimānaṃ ruciraṃ pabhassaranti kesakārīvimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā bārāṇasiyaṃ viharati isipatane migadāye. Tena kho pana samayena sambahulā bhikkhū pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya bārāṇasiṃ piṇḍāya pavisiṃsu. Te aññatarassa brāhmaṇassa gehadvārasamīpena gacchanti. Tasmiñca gehe brāhmaṇassa dhītā kesakārī nāma gehadvārasamīpe mātu sīsato ūkā gaṇhantī te bhikkhū gacchante disvā mātaraṃ āha ‘‘amma, ime pabbajitā paṭhamena yobbanena samannāgatā abhirūpā dassanīyā pāsādikā sukhumālā kenaci pārijuññena anabhibhūtā maññe, kasmā nu kho ime imasmiṃyeva vaye pabbajantī’’ti ? Taṃ mātā āha ‘‘atthi, amma, sakyaputto sakyakulā pabbajito buddho loke uppanno, so dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ, parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti, tassa ime dhammaṃ sutvā pabbajantī’’ti.
เตน จ สมเยน อาคตผโล วิญฺญาตสาสโน อญฺญตโร อุปาสโก ตาย วีถิยา คจฺฉโนฺต ตํ กถํ สุตฺวา ตาสํ สนฺติกํ อุปสงฺกมิฯ อถ นํ พฺราหฺมณี อาห ‘‘เอตรหิ โข อุปาสก พหู กุลปุตฺตา มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ มหนฺตํ ญาติปริวฎฺฎํ ปหาย สกฺยสมเย ปพฺพชนฺติ, เต กิํ นุ โข อตฺถวสํ สมฺปสฺสนฺตา ปพฺพชนฺตี’’ติ? ตํ สุตฺวา อุปาสโก ‘‘กาเมสุ อาทีนวํ, เนกฺขเมฺม จ อานิสํสํ สมฺปสฺสนฺตา’’ติ วตฺวา อตฺตโน ญาณพลานุรูปํ ตมตฺถํ วิตฺถารโต กเถสิ, ติณฺณญฺจ รตนานํ คุเณ ปกาเสสิ, ปญฺจนฺนํ สีลานํ ทิฎฺฐธมฺมิกํ สมฺปรายิกญฺจ คุณานิสํสํ ปเวเทสิฯ อถ พฺราหฺมณธีตา ตํ ‘‘กิํ อเมฺหหิปิ สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐาย ตยา วุเตฺต คุณานิสํเส อธิคนฺตุํ สกฺกา’’ติ ปุจฺฉิฯ โส ‘‘สพฺพสาธารณา อิเม ธมฺมา ภควตา ภาสิตา, กสฺมา น สกฺกา’’ติ วตฺวา ตสฺสา สรณานิ จ สีลานิ จ อทาสิฯ สา คหิตสรณา สมาทินฺนสีลา จ หุตฺวา ปุน อาห ‘‘กิํ อิโต อุตฺตริ อญฺญมฺปิ กรณียํ อตฺถี’’ติฯ โส ตสฺสา วิญฺญุภาวํ สลฺลเกฺขโนฺต ‘‘อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา ภวิสฺสตี’’ติ ญตฺวา สรีรสภาวํ วิภาเวโนฺต ทฺวตฺติํสาการกมฺมฎฺฐานํ กเถตฺวา กาเย วิราคํ อุปฺปาเทตฺวา อุปริ อนิจฺจตาทิปฎิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย สํเวเชตฺวา วิปสฺสนามคฺคํ อาจิกฺขิตฺวา คโตฯ สา เตน วุตฺตนยํ สพฺพํ มนสิ กตฺวา ปฎิกูลมนสิกาเร สมาหิตจิตฺตา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา น จิรเสฺสว โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ อถาปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา สกฺกสฺส เทวรโญฺญ ปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สตสหสฺสญฺจสฺสา อจฺฉราปริวาโร อโหสิฯ ตํ สโกฺก เทวราชา ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต ปมุทิตหทโย –
Tena ca samayena āgataphalo viññātasāsano aññataro upāsako tāya vīthiyā gacchanto taṃ kathaṃ sutvā tāsaṃ santikaṃ upasaṅkami. Atha naṃ brāhmaṇī āha ‘‘etarahi kho upāsaka bahū kulaputtā mahantaṃ bhogakkhandhaṃ mahantaṃ ñātiparivaṭṭaṃ pahāya sakyasamaye pabbajanti, te kiṃ nu kho atthavasaṃ sampassantā pabbajantī’’ti? Taṃ sutvā upāsako ‘‘kāmesu ādīnavaṃ, nekkhamme ca ānisaṃsaṃ sampassantā’’ti vatvā attano ñāṇabalānurūpaṃ tamatthaṃ vitthārato kathesi, tiṇṇañca ratanānaṃ guṇe pakāsesi, pañcannaṃ sīlānaṃ diṭṭhadhammikaṃ samparāyikañca guṇānisaṃsaṃ pavedesi. Atha brāhmaṇadhītā taṃ ‘‘kiṃ amhehipi saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhāya tayā vutte guṇānisaṃse adhigantuṃ sakkā’’ti pucchi. So ‘‘sabbasādhāraṇā ime dhammā bhagavatā bhāsitā, kasmā na sakkā’’ti vatvā tassā saraṇāni ca sīlāni ca adāsi. Sā gahitasaraṇā samādinnasīlā ca hutvā puna āha ‘‘kiṃ ito uttari aññampi karaṇīyaṃ atthī’’ti. So tassā viññubhāvaṃ sallakkhento ‘‘upanissayasampannā bhavissatī’’ti ñatvā sarīrasabhāvaṃ vibhāvento dvattiṃsākārakammaṭṭhānaṃ kathetvā kāye virāgaṃ uppādetvā upari aniccatādipaṭisaṃyuttāya dhammiyā kathāya saṃvejetvā vipassanāmaggaṃ ācikkhitvā gato. Sā tena vuttanayaṃ sabbaṃ manasi katvā paṭikūlamanasikāre samāhitacittā vipassanaṃ paṭṭhapetvā upanissayasampattiyā na cirasseva sotāpattiphale patiṭṭhahi. Athāparena samayena kālaṃ katvā sakkassa devarañño paricārikā hutvā nibbatti, satasahassañcassā accharāparivāro ahosi. Taṃ sakko devarājā disvā acchariyabbhutacittajāto pamuditahadayo –
๑๕๐.
150.
‘‘อิทํ วิมานํ รุจิรํ ปภสฺสรํ, เวฬุริยถมฺภํ สตตํ สุนิมฺมิตํ;
‘‘Idaṃ vimānaṃ ruciraṃ pabhassaraṃ, veḷuriyathambhaṃ satataṃ sunimmitaṃ;
สุวณฺณรุเกฺขหิ สมนฺตโมตฺถตํ, ฐานํ มมํ กมฺมวิปากสมฺภวํฯ
Suvaṇṇarukkhehi samantamotthataṃ, ṭhānaṃ mamaṃ kammavipākasambhavaṃ.
๑๕๑.
151.
‘‘ตตฺรูปปนฺนา ปุริมจฺฉรา อิมา, สตํ สหสฺสานิ สเกน กมฺมุนา;
‘‘Tatrūpapannā purimaccharā imā, sataṃ sahassāni sakena kammunā;
ตุวํสิ อชฺฌุปคตา ยสสฺสินี, โอภาสยํ ติฎฺฐสิ ปุพฺพเทวตาฯ
Tuvaṃsi ajjhupagatā yasassinī, obhāsayaṃ tiṭṭhasi pubbadevatā.
๑๕๒.
152.
‘‘สสี อธิคฺคยฺห ยถา วิโรจติ, นกฺขตฺตราชาริว ตารกาคณํ;
‘‘Sasī adhiggayha yathā virocati, nakkhattarājāriva tārakāgaṇaṃ;
ตเถว ตฺวํ อจฺฉราสงฺคณํ อิมํ, ททฺทลฺลมานา ยสสา วิโรจสิฯ
Tatheva tvaṃ accharāsaṅgaṇaṃ imaṃ, daddallamānā yasasā virocasi.
๑๕๓.
153.
‘‘กุโต นุ อาคมฺม อโนมทสฺสเน, อุปปนฺนา ตฺวํ ภวนํ มมํ อิทํ;
‘‘Kuto nu āgamma anomadassane, upapannā tvaṃ bhavanaṃ mamaṃ idaṃ;
พฺรหฺมํว เทวา ติทสา สหินฺทกา, สเพฺพ น ตปฺปามเส ทสฺสเนน ต’’นฺติฯ –
Brahmaṃva devā tidasā sahindakā, sabbe na tappāmase dassanena ta’’nti. –
จตูหิ คาถาหิ ตาย กตกมฺมํ ปุจฺฉิฯ
Catūhi gāthāhi tāya katakammaṃ pucchi.
๑๕๐. ตตฺถ อิทํ วิมานนฺติ ยสฺมิํ วิมาเน สา เทวตา อุปฺปนฺนา, ตํ อตฺตโน วิมานํ สนฺธายาหฯ สตตนฺติ สพฺพกาลํ รุจิรํ ปภสฺสรนฺติ โยชนาฯ สตตนฺติ วา สมฺมาตตํ, อติวิย วิตฺถิณฺณนฺติ อโตฺถฯ สมนฺตโมตฺถตนฺติ สมนฺตโต อวตฺถตํ ฉาทิตํฯ ฐานนฺติ วิมานเมว สนฺธาย วทติฯ ตญฺหิ ติฎฺฐนฺติ เอตฺถ กตปุญฺญาติ ฐานนฺติ วุจฺจติฯ กมฺมวิปากสมฺภวนฺติ กมฺมวิปากภาเวน สมฺภูตํ, กมฺมวิปาเกน วา สห สมฺภูตํฯ มมนฺติ อิทํ มม ฐานํ มม กมฺมวิปากสมฺภวนฺติ ทฺวีหิปิ ปเทหิ โยเชตพฺพํฯ
150. Tattha idaṃ vimānanti yasmiṃ vimāne sā devatā uppannā, taṃ attano vimānaṃ sandhāyāha. Satatanti sabbakālaṃ ruciraṃ pabhassaranti yojanā. Satatanti vā sammātataṃ, ativiya vitthiṇṇanti attho. Samantamotthatanti samantato avatthataṃ chāditaṃ. Ṭhānanti vimānameva sandhāya vadati. Tañhi tiṭṭhanti ettha katapuññāti ṭhānanti vuccati. Kammavipākasambhavanti kammavipākabhāvena sambhūtaṃ, kammavipākena vā saha sambhūtaṃ. Mamanti idaṃ mama ṭhānaṃ mama kammavipākasambhavanti dvīhipi padehi yojetabbaṃ.
๑๕๑. ตตฺรูปปนฺนาติ คาถาย อยํ สเงฺขปโตฺถ – ตตฺร ตสฺมิํ ยถาวุเตฺต วิมาเน อุปปนฺนาติ นิพฺพตฺตา ปเคว อุปฺปนฺนตฺตา ปุพฺพเทวตา อิมา ปุริมา อจฺฉราโย ปริมาณโต สตํ สหสฺสานิฯ ตุวํสีติ ตฺวํ อสิ สเกน กมฺมุนา อชฺฌุปคตา อุปปนฺนาฯ ยสสฺสินีติ ปริวารสมฺปนฺนา, เตเนว สเกน กมฺมุนา กมฺมานุภาเวน โอภาสยนฺตี วิโรจมานา ติฎฺฐสีติฯ
151.Tatrūpapannāti gāthāya ayaṃ saṅkhepattho – tatra tasmiṃ yathāvutte vimāne upapannāti nibbattā pageva uppannattā pubbadevatā imā purimā accharāyo parimāṇato sataṃ sahassāni. Tuvaṃsīti tvaṃ asi sakena kammunā ajjhupagatā upapannā. Yasassinīti parivārasampannā, teneva sakena kammunā kammānubhāvena obhāsayantī virocamānā tiṭṭhasīti.
๑๕๒. อิทานิ ตเมว โอภาสนํ อุปมาย วิภาเวโนฺต ‘‘สสี’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยถา สสลญฺฉนโยเคน ‘‘สสี’’ติ, นกฺขเตฺตหิ อธิกคุณตาย ‘‘นกฺขตฺตราชา’’ติ จ ลทฺธนาโม จโนฺท สพฺพํ ตารกาคณํ อธิคฺคยฺห อภิภวิตฺวา วิโรจติ วิราชติ, ตเถว ตฺวํ อิมํ อจฺฉรานํ เทวกญฺญานํ คณํ สมูหํ อตฺตโน ยสสา ททฺทลฺลมานา อติวิย วิโชฺชตมานา วิโรจสีติฯ เอตฺถ จ ‘‘อิมา’’ติ ‘‘อิม’’นฺติ จ นิปาตมตฺตํฯ เกจิ ปน ‘‘นกฺขตฺตราชาริว ตาราคณํ ตเถว ตฺว’’นฺติ ปฐนฺติฯ
152. Idāni tameva obhāsanaṃ upamāya vibhāvento ‘‘sasī’’ti gāthamāha. Tassattho – yathā sasalañchanayogena ‘‘sasī’’ti, nakkhattehi adhikaguṇatāya ‘‘nakkhattarājā’’ti ca laddhanāmo cando sabbaṃ tārakāgaṇaṃ adhiggayha abhibhavitvā virocati virājati, tatheva tvaṃ imaṃ accharānaṃ devakaññānaṃ gaṇaṃ samūhaṃ attano yasasā daddallamānā ativiya vijjotamānā virocasīti. Ettha ca ‘‘imā’’ti ‘‘ima’’nti ca nipātamattaṃ. Keci pana ‘‘nakkhattarājāriva tārāgaṇaṃ tatheva tva’’nti paṭhanti.
๑๕๓. อิทานิ ตสฺสา เทวตาย ปุริมภวํ ตตฺถ กตปุญฺญญฺจ ปุจฺฉโนฺต ‘‘กุโต นุ อาคมฺมา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ กุโต นุ อาคมฺมาติ กุโต นุ ภวโต กุโต นุ ปุญฺญกมฺมโต การณภูตโต อิทํ มม ภวนํ อาคมฺม ภเทฺท อโนมทสฺสเน สพฺพงฺคโสภเน ตฺวํ อุปปนฺนา อุปฺปตฺติคหณวเสน อุปคตาฯ ‘‘อโนมทสฺสเน’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ อุปมาย ปกาเสโนฺต ‘‘พฺรหฺมํว เทวา ติทสา สหินฺทกา, สเพฺพ น ตปฺปามเส ทสฺสเนน ต’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ ยถา พฺรหฺมานํ สหมฺปติํ สนงฺกุมารํ วา อุปคตํ สห อิเนฺทนาติ สหินฺทกา ตาวติํสา เทวา ปสฺสนฺตา ทสฺสเนน น ตปฺปนฺติ, เอวํ ตว ทสฺสเนน มยํ สเพฺพ เทวา น ตปฺปามเสติ อโตฺถฯ
153. Idāni tassā devatāya purimabhavaṃ tattha katapuññañca pucchanto ‘‘kuto nu āgammā’’ti gāthamāha. Tattha kuto nu āgammāti kuto nu bhavato kuto nu puññakammato kāraṇabhūtato idaṃ mama bhavanaṃ āgamma bhadde anomadassane sabbaṅgasobhane tvaṃ upapannā uppattigahaṇavasena upagatā. ‘‘Anomadassane’’ti vuttamevatthaṃ upamāya pakāsento ‘‘brahmaṃva devā tidasā sahindakā, sabbe na tappāmase dassanena ta’’nti āha. Tattha yathā brahmānaṃ sahampatiṃ sanaṅkumāraṃ vā upagataṃ saha indenāti sahindakā tāvatiṃsā devā passantā dassanena na tappanti, evaṃ tava dassanena mayaṃ sabbe devā na tappāmaseti attho.
เอวํ ปน สเกฺกน เทวานมิเนฺทน ปุจฺฉิตา สา เทวตา ตมตฺถํ ปกาเสนฺตี –
Evaṃ pana sakkena devānamindena pucchitā sā devatā tamatthaṃ pakāsentī –
๑๕๔.
154.
‘‘ยเมตํ สกฺก อนุปุจฺฉเส มมํ, กุโต จุตา ตฺวํ อิธ อาคตาติ;
‘‘Yametaṃ sakka anupucchase mamaṃ, kuto cutā tvaṃ idha āgatāti;
พาราณสี นาม ปุรตฺถิ กาสินํ, ตตฺถ อโหสิํ ปุเร เกสการิกาฯ
Bārāṇasī nāma puratthi kāsinaṃ, tattha ahosiṃ pure kesakārikā.
๑๕๕.
155.
‘‘พุเทฺธ จ ธเมฺม จ ปสนฺนมานสา, สเงฺฆ จ เอกนฺตคตา อสํสยา;
‘‘Buddhe ca dhamme ca pasannamānasā, saṅghe ca ekantagatā asaṃsayā;
อขณฺฑสิกฺขาปทา อาคตปฺผลา, สโมฺพธิธเมฺม นิยตา อนามยา’’ติฯ –
Akhaṇḍasikkhāpadā āgatapphalā, sambodhidhamme niyatā anāmayā’’ti. –
คาถทฺวยมาหฯ
Gāthadvayamāha.
๑๕๔-๕. ตตฺถ ยเมตนฺติ ยํ เอตํ ปญฺหนฺติ อโตฺถฯ อนุปุจฺฉเสติ อนุกูลภาเวน ปุจฺฉสิฯ มมนฺติ มํฯ ปุรตฺถีติ ปุรํ อตฺถิฯ กาสินนฺติ กาสิรฎฺฐสฺสฯ เกสการิกาติ ปุริมตฺตภาเว อตฺตโน นามํ วทติฯ พุเทฺธ จ ธเมฺม จาติอาทินา อตฺตโน ปุญฺญํ วิภาเวติฯ
154-5. Tattha yametanti yaṃ etaṃ pañhanti attho. Anupucchaseti anukūlabhāvena pucchasi. Mamanti maṃ. Puratthīti puraṃ atthi. Kāsinanti kāsiraṭṭhassa. Kesakārikāti purimattabhāve attano nāmaṃ vadati. Buddheca dhamme cātiādinā attano puññaṃ vibhāveti.
ปุน สโกฺก ตสฺสา ตํ ปุญฺญสมฺปตฺติญฺจ ทิพฺพสมฺปตฺติญฺจ อนุโมทมาโน –
Puna sakko tassā taṃ puññasampattiñca dibbasampattiñca anumodamāno –
๑๕๖.
156.
‘‘ตนฺตฺยาภินนฺทามเส สฺวาคตญฺจ เต,
‘‘Tantyābhinandāmase svāgatañca te,
ธเมฺมน จ ตฺวํ ยสสา วิโรจสิ;
Dhammena ca tvaṃ yasasā virocasi;
พุเทฺธ จ ธเมฺม จ ปสนฺนมานเส,
Buddhe ca dhamme ca pasannamānase,
สเงฺฆ จ เอกนฺตคเต อสํสเย;
Saṅghe ca ekantagate asaṃsaye;
อขณฺฑสิกฺขาปเท อาคตปฺผเล,
Akhaṇḍasikkhāpade āgatapphale,
สโมฺพธิธเมฺม นิยเต อนามเย’’ติฯ – อาห;
Sambodhidhamme niyate anāmaye’’ti. – āha;
๑๕๖. ตตฺถ ตนฺตฺยาภินนฺทามเสติ ตํ เต ทุวิธมฺปิ สมฺปตฺติํ อภินนฺทาม อนุโมทามฯ สฺวาคตญฺจ เตติ ตุยฺหญฺจ อิธาคมนํ สฺวาคตํ, อมฺหากํ ปีติโสมนสฺสสํวทฺธนเมวฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ
156. Tattha tantyābhinandāmaseti taṃ te duvidhampi sampattiṃ abhinandāma anumodāma. Svāgatañcateti tuyhañca idhāgamanaṃ svāgataṃ, amhākaṃ pītisomanassasaṃvaddhanameva. Sesaṃ vuttanayamevāti.
ตํ ปน ปวตฺติํ สโกฺก เทวราชา อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส กเถสิ, เถโร ภควโต นิเวเทสิฯ ภควา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิฯ สา เทสนา สเทวกสฺส โลกสฺส สาตฺถิกา ชาตาติฯ
Taṃ pana pavattiṃ sakko devarājā āyasmato mahāmoggallānattherassa kathesi, thero bhagavato nivedesi. Bhagavā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi. Sā desanā sadevakassa lokassa sātthikā jātāti.
เกสการีวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kesakārīvimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
อิติ ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย วิมานวตฺถุสฺมิํ
Iti paramatthadīpaniyā khuddaka-aṭṭhakathāya vimānavatthusmiṃ
สตฺตรสวตฺถุปฎิมณฺฑิตสฺส ปฐมสฺส ปีฐวคฺคสฺส
Sattarasavatthupaṭimaṇḍitassa paṭhamassa pīṭhavaggassa
อตฺถวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Atthavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๑๗. เกสการีวิมานวตฺถุ • 17. Kesakārīvimānavatthu