Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๕. เกสมุตฺติสุตฺตํ

    5. Kesamuttisuttaṃ

    ๖๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน เกสมุตฺตํ 1 นาม กาลามานํ นิคโม ตทวสริฯ อโสฺสสุํ โข เกสมุตฺติยา กาลามา – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต เกสมุตฺตํ อนุปฺปโตฺตฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา…เป.… สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’’ติฯ

    66. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kosalesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena kesamuttaṃ 2 nāma kālāmānaṃ nigamo tadavasari. Assosuṃ kho kesamuttiyā kālāmā – ‘‘samaṇo khalu, bho, gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito kesamuttaṃ anuppatto. Taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā…pe… sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’’ti.

    อถ โข เกสมุตฺติยา กาลามา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อเปฺปกเจฺจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิํสุ, สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต เกสมุตฺติยา กาลามา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –

    Atha kho kesamuttiyā kālāmā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā appekacce bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce bhagavatā saddhiṃ sammodiṃsu, sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce nāmagottaṃ sāvetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce tuṇhībhūtā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te kesamuttiyā kālāmā bhagavantaṃ etadavocuṃ –

    ‘‘สนฺติ, ภเนฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เกสมุตฺตํ อาคจฺฉนฺติฯ เต สกํเยว วาทํ ทีเปนฺติ โชเตนฺติ, ปรปฺปวาทํ ปน ขุํเสนฺติ วเมฺภนฺติ ปริภวนฺติ โอมกฺขิํ 3 กโรนฺติฯ อปเรปิ, ภเนฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เกสมุตฺตํ อาคจฺฉนฺติ ฯ เตปิ สกํเยว วาทํ ทีเปนฺติ โชเตนฺติ, ปรปฺปวาทํ ปน ขุํเสนฺติ วเมฺภนฺติ ปริภวนฺติ โอมกฺขิํ กโรนฺติฯ เตสํ โน, ภเนฺต , อมฺหากํ โหเตว กงฺขา โหติ วิจิกิจฺฉา – ‘โก สุ นาม อิเมสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ อาห, โก มุสา’’’ติ? ‘‘อลญฺหิ โว, กาลามา, กงฺขิตุํ อลํ วิจิกิจฺฉิตุํฯ กงฺขนีเยว ปน 4 โว ฐาเน วิจิกิจฺฉา อุปฺปนฺนา’’ฯ

    ‘‘Santi, bhante, eke samaṇabrāhmaṇā kesamuttaṃ āgacchanti. Te sakaṃyeva vādaṃ dīpenti jotenti, parappavādaṃ pana khuṃsenti vambhenti paribhavanti omakkhiṃ 5 karonti. Aparepi, bhante, eke samaṇabrāhmaṇā kesamuttaṃ āgacchanti . Tepi sakaṃyeva vādaṃ dīpenti jotenti, parappavādaṃ pana khuṃsenti vambhenti paribhavanti omakkhiṃ karonti. Tesaṃ no, bhante , amhākaṃ hoteva kaṅkhā hoti vicikicchā – ‘ko su nāma imesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ saccaṃ āha, ko musā’’’ti? ‘‘Alañhi vo, kālāmā, kaṅkhituṃ alaṃ vicikicchituṃ. Kaṅkhanīyeva pana 6 vo ṭhāne vicikicchā uppannā’’.

    ‘‘เอถ ตุเมฺห, กาลามา, มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฎกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตเกฺกน , มา ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติฯ ยทา ตุเมฺห, กาลามา, อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ – ‘อิเม ธมฺมา อกุสลา, อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิญฺญุครหิตา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา 7 อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตี’’’ติ, อถ ตุเมฺห, กาลามา, ปชเหยฺยาถฯ

    ‘‘Etha tumhe, kālāmā, mā anussavena, mā paramparāya, mā itikirāya, mā piṭakasampadānena, mā takkahetu, mā nayahetu, mā ākāraparivitakkena , mā diṭṭhinijjhānakkhantiyā, mā bhabbarūpatāya, mā samaṇo no garūti. Yadā tumhe, kālāmā, attanāva jāneyyātha – ‘ime dhammā akusalā, ime dhammā sāvajjā, ime dhammā viññugarahitā, ime dhammā samattā samādinnā 8 ahitāya dukkhāya saṃvattantī’’’ti, atha tumhe, kālāmā, pajaheyyātha.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, กาลามา, โลโภ ปุริสสฺส อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ หิตาย วา อหิตาย วา’’ติ?

    ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, kālāmā, lobho purisassa ajjhattaṃ uppajjamāno uppajjati hitāya vā ahitāya vā’’ti?

    ‘‘อหิตาย, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Ahitāya, bhante’’.

    ‘‘ลุโทฺธ ปนายํ, กาลามา, ปุริสปุคฺคโล โลเภน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต ปาณมฺปิ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉติ, มุสาปิ ภณติ, ปรมฺปิ ตถตฺตาย 9 สมาทเปติ, ยํ ส 10 โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติฯ

    ‘‘Luddho panāyaṃ, kālāmā, purisapuggalo lobhena abhibhūto pariyādinnacitto pāṇampi hanati, adinnampi ādiyati, paradārampi gacchati, musāpi bhaṇati, parampi tathattāya 11 samādapeti, yaṃ sa 12 hoti dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyā’’ti.

    ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Evaṃ, bhante’’.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, กาลามา, โทโส ปุริสสฺส อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ หิตาย วา อหิตาย วา’’ติ?

    ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, kālāmā, doso purisassa ajjhattaṃ uppajjamāno uppajjati hitāya vā ahitāya vā’’ti?

    ‘‘อหิตาย, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Ahitāya, bhante’’.

    ‘‘ทุโฎฺฐ ปนายํ, กาลามา, ปุริสปุคฺคโล โทเสน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต ปาณมฺปิ หนติ 13, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉติ, มุสาปิ ภณติ, ปรมฺปิ ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติฯ

    ‘‘Duṭṭho panāyaṃ, kālāmā, purisapuggalo dosena abhibhūto pariyādinnacitto pāṇampi hanati 14, adinnampi ādiyati, paradārampi gacchati, musāpi bhaṇati, parampi tathattāya samādapeti, yaṃ sa hoti dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyā’’ti.

    ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Evaṃ, bhante’’.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, กาลามา, โมโห ปุริสสฺส อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ หิตาย วา อหิตาย วา’’ติ?

    ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, kālāmā, moho purisassa ajjhattaṃ uppajjamāno uppajjati hitāya vā ahitāya vā’’ti?

    ‘‘อหิตาย, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Ahitāya, bhante’’.

    ‘‘มูโฬฺห ปนายํ, กาลามา, ปุริสปุคฺคโล โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต ปาณมฺปิ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉติ, มุสาปิ ภณติ, ปรมฺปิ ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติฯ

    ‘‘Mūḷho panāyaṃ, kālāmā, purisapuggalo mohena abhibhūto pariyādinnacitto pāṇampi hanati, adinnampi ādiyati, paradārampi gacchati, musāpi bhaṇati, parampi tathattāya samādapeti, yaṃ sa hoti dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyā’’ti.

    ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Evaṃ, bhante’’.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, กาลามา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วา’’ติ?

    ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, kālāmā, ime dhammā kusalā vā akusalā vā’’ti?

    ‘‘อกุสลา, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Akusalā, bhante’’.

    ‘‘สาวชฺชา วา อนวชฺชา วา’’ติ?

    ‘‘Sāvajjā vā anavajjā vā’’ti?

    ‘‘สาวชฺชา, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Sāvajjā, bhante’’.

    ‘‘วิญฺญุครหิตา วา วิญฺญุปฺปสตฺถา วา’’ติ?

    ‘‘Viññugarahitā vā viññuppasatthā vā’’ti?

    ‘‘วิญฺญุครหิตา, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Viññugarahitā, bhante’’.

    ‘‘สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, โน วา? กถํ วา 15 เอตฺถ โหตี’’ติ ?

    ‘‘Samattā samādinnā ahitāya dukkhāya saṃvattanti, no vā? Kathaṃ vā 16 ettha hotī’’ti ?

    ‘‘สมตฺตา, ภเนฺต, สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตีติฯ เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติฯ

    ‘‘Samattā, bhante, samādinnā ahitāya dukkhāya saṃvattantīti. Evaṃ no ettha hotī’’ti.

    ‘‘อิติ โข, กาลามา, ยํ ตํ อโวจุมฺหา 17 – ‘เอถ ตุเมฺห, กาลามา! มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฎกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตเกฺกน, มา ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติฯ ยทา ตุเมฺห กาลามา อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ – ‘อิเม ธมฺมา อกุสลา, อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิญฺญุครหิตา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตีติ, อถ ตุเมฺห, กาลามา, ปชเหยฺยาถา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘Iti kho, kālāmā, yaṃ taṃ avocumhā 18 – ‘etha tumhe, kālāmā! Mā anussavena, mā paramparāya, mā itikirāya, mā piṭakasampadānena, mā takkahetu, mā nayahetu, mā ākāraparivitakkena, mā diṭṭhinijjhānakkhantiyā, mā bhabbarūpatāya, mā samaṇo no garūti. Yadā tumhe kālāmā attanāva jāneyyātha – ‘ime dhammā akusalā, ime dhammā sāvajjā, ime dhammā viññugarahitā, ime dhammā samattā samādinnā ahitāya dukkhāya saṃvattantīti, atha tumhe, kālāmā, pajaheyyāthā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘เอถ ตุเมฺห, กาลามา, มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฎกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตเกฺกน, มา ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติฯ ยทา ตุเมฺห, กาลามา, อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ – ‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิญฺญุปฺปสตฺถา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตี’ติ, อถ ตุเมฺห, กาลามา, อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาถฯ

    ‘‘Etha tumhe, kālāmā, mā anussavena, mā paramparāya, mā itikirāya, mā piṭakasampadānena, mā takkahetu, mā nayahetu, mā ākāraparivitakkena, mā diṭṭhinijjhānakkhantiyā, mā bhabbarūpatāya, mā samaṇo no garūti. Yadā tumhe, kālāmā, attanāva jāneyyātha – ‘ime dhammā kusalā, ime dhammā anavajjā, ime dhammā viññuppasatthā, ime dhammā samattā samādinnā hitāya sukhāya saṃvattantī’ti, atha tumhe, kālāmā, upasampajja vihareyyātha.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, กาลามา, อโลโภ ปุริสสฺส อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ หิตาย วา อหิตาย วา’’ติ?

    ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, kālāmā, alobho purisassa ajjhattaṃ uppajjamāno uppajjati hitāya vā ahitāya vā’’ti?

    ‘‘หิตาย, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Hitāya, bhante’’.

    ‘‘อลุโทฺธ ปนายํ, กาลามา, ปุริสปุคฺคโล โลเภน อนภิภูโต อปริยาทินฺนจิโตฺต เนว ปาณํ หนติ, น อทินฺนํ อาทิยติ, น ปรทารํ คจฺฉติ, น มุสา ภณติ, น ปรมฺปิ ตถตฺตาย สมาทเปติ , ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ

    ‘‘Aluddho panāyaṃ, kālāmā, purisapuggalo lobhena anabhibhūto apariyādinnacitto neva pāṇaṃ hanati, na adinnaṃ ādiyati, na paradāraṃ gacchati, na musā bhaṇati, na parampi tathattāya samādapeti , yaṃ sa hoti dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti.

    ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Evaṃ, bhante’’.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, กาลามา, อโทโส ปุริสสฺส อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ…เป.… อโมโห ปุริสสฺส อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ…เป.… หิตาย สุขายา’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, kālāmā, adoso purisassa ajjhattaṃ uppajjamāno uppajjati…pe… amoho purisassa ajjhattaṃ uppajjamāno uppajjati…pe… hitāya sukhāyā’’ti.

    ‘‘เอวํ ภเนฺต’’ ฯ

    ‘‘Evaṃ bhante’’ .

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, กาลามา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วา’’ติ?

    ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, kālāmā, ime dhammā kusalā vā akusalā vā’’ti?

    ‘‘กุสลา , ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Kusalā , bhante’’.

    ‘‘สาวชฺชา วา อนวชฺชา วา’’ติ?

    ‘‘Sāvajjā vā anavajjā vā’’ti?

    ‘‘อนวชฺชา, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Anavajjā, bhante’’.

    ‘‘วิญฺญุครหิตา วา วิญฺญุปฺปสตฺถา วา’’ติ?

    ‘‘Viññugarahitā vā viññuppasatthā vā’’ti?

    ‘‘วิญฺญุปฺปสตฺถา, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Viññuppasatthā, bhante’’.

    ‘‘สมตฺตา สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ โน วา? กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ?

    ‘‘Samattā samādinnā hitāya sukhāya saṃvattanti no vā? Kathaṃ vā ettha hotī’’ti?

    ‘‘สมตฺตา, ภเนฺต, สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติฯ เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติฯ

    ‘‘Samattā, bhante, samādinnā hitāya sukhāya saṃvattanti. Evaṃ no ettha hotī’’ti.

    ‘‘อิติ โข, กาลามา, ยํ ตํ อโวจุมฺหา – ‘เอถ ตุเมฺห, กาลามา! มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฎกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตเกฺกน, มา ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติฯ ยทา ตุเมฺห, กาลามา, อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ – อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิญฺญุปฺปสตฺถา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตีติ, อถ ตุเมฺห, กาลามา, อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาถา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘Iti kho, kālāmā, yaṃ taṃ avocumhā – ‘etha tumhe, kālāmā! Mā anussavena, mā paramparāya, mā itikirāya, mā piṭakasampadānena, mā takkahetu, mā nayahetu, mā ākāraparivitakkena, mā diṭṭhinijjhānakkhantiyā, mā bhabbarūpatāya, mā samaṇo no garūti. Yadā tumhe, kālāmā, attanāva jāneyyātha – ime dhammā kusalā, ime dhammā anavajjā, ime dhammā viññuppasatthā, ime dhammā samattā samādinnā hitāya sukhāya saṃvattantīti, atha tumhe, kālāmā, upasampajja vihareyyāthā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘ส โข โส 19, กาลามา, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิโชฺฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูโฬฺห สมฺปชาโน ปติสฺสโต 20 เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺฌน ผริตฺวา วิหรติฯ กรุณาสหคเตน เจตสา…เป.… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป.… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ , ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺฌน ผริตฺวา วิหรติฯ

    ‘‘Sa kho so 21, kālāmā, ariyasāvako evaṃ vigatābhijjho vigatabyāpādo asammūḷho sampajāno patissato 22 mettāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati, tathā dutiyaṃ, tathā tatiyaṃ, tathā catutthaṃ, iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ mettāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjhena pharitvā viharati. Karuṇāsahagatena cetasā…pe… muditāsahagatena cetasā…pe… upekkhāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati, tathā dutiyaṃ , tathā tatiyaṃ, tathā catutthaṃ, iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ upekkhāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjhena pharitvā viharati.

    ‘‘ส 23 โข โส, กาลามา, อริยสาวโก เอวํ อเวรจิโตฺต เอวํ อพฺยาปชฺฌจิโตฺต เอวํ อสํกิลิฎฺฐจิโตฺต เอวํ วิสุทฺธจิโตฺตฯ ตสฺส ทิเฎฺฐว ธเมฺม จตฺตาโร อสฺสาสา อธิคตา โหนฺติฯ ‘สเจ โข ปน อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ 24 กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อถาหํ 25 กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี’ติ, อยมสฺส ปฐโม อสฺสาโส อธิคโต โหติฯ

    ‘‘Sa 26 kho so, kālāmā, ariyasāvako evaṃ averacitto evaṃ abyāpajjhacitto evaṃ asaṃkiliṭṭhacitto evaṃ visuddhacitto. Tassa diṭṭheva dhamme cattāro assāsā adhigatā honti. ‘Sace kho pana atthi paro loko, atthi sukatadukkaṭānaṃ 27 kammānaṃ phalaṃ vipāko, athāhaṃ 28 kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjissāmī’ti, ayamassa paṭhamo assāso adhigato hoti.

    ‘‘‘สเจ โข ปน นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อถาหํ 29 ทิเฎฺฐว ธเมฺม อเวรํ อพฺยาปชฺฌํ อนีฆํ สุขิํ 30 อตฺตานํ ปริหรามี’ติ, อยมสฺส ทุติโย อสฺสาโส อธิคโต โหติฯ

    ‘‘‘Sace kho pana natthi paro loko, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko, athāhaṃ 31 diṭṭheva dhamme averaṃ abyāpajjhaṃ anīghaṃ sukhiṃ 32 attānaṃ pariharāmī’ti, ayamassa dutiyo assāso adhigato hoti.

    ‘‘‘สเจ โข ปน กโรโต กรียติ ปาปํ, น โข ปนาหํ กสฺสจิ ปาปํ เจเตมิฯ อกโรนฺตํ โข ปน มํ ปาปกมฺมํ กุโต ทุกฺขํ ผุสิสฺสตี’ติ, อยมสฺส ตติโย อสฺสาโส อธิคโต โหติฯ

    ‘‘‘Sace kho pana karoto karīyati pāpaṃ, na kho panāhaṃ kassaci pāpaṃ cetemi. Akarontaṃ kho pana maṃ pāpakammaṃ kuto dukkhaṃ phusissatī’ti, ayamassa tatiyo assāso adhigato hoti.

    ‘‘‘สเจ โข ปน กโรโต น กรียติ ปาปํ, อถาหํ อุภเยเนว วิสุทฺธํ อตฺตานํ สมนุปสฺสามี’ติ, อยมสฺส จตุโตฺถ อสฺสาโส อธิคโต โหติฯ

    ‘‘‘Sace kho pana karoto na karīyati pāpaṃ, athāhaṃ ubhayeneva visuddhaṃ attānaṃ samanupassāmī’ti, ayamassa catuttho assāso adhigato hoti.

    ‘‘ส โข โส, กาลามา, อริยสาวโก เอวํ อเวรจิโตฺต เอวํ อพฺยาปชฺฌจิโตฺต เอวํ อสํกิลิฎฺฐจิโตฺต เอวํ วิสุทฺธจิโตฺตฯ ตสฺส ทิเฎฺฐว ธเมฺม อิเม จตฺตาโร อสฺสาสา อธิคตา โหนฺตี’’ติฯ

    ‘‘Sa kho so, kālāmā, ariyasāvako evaṃ averacitto evaṃ abyāpajjhacitto evaṃ asaṃkiliṭṭhacitto evaṃ visuddhacitto. Tassa diṭṭheva dhamme ime cattāro assāsā adhigatā hontī’’ti.

    ‘‘เอวเมตํ, ภควา, เอวเมตํ, สุคต! ส โข โส, ภเนฺต, อริยสาวโก เอวํ อเวรจิโตฺต เอวํ อพฺยาปชฺฌจิโตฺต เอวํ อสํกิลิฎฺฐจิโตฺต เอวํ วิสุทฺธจิโตฺตฯ ตสฺส ทิเฎฺฐว ธเมฺม จตฺตาโร อสฺสาสา อธิคตา โหนฺติฯ ‘สเจ โข ปน อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อถาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี’ติ, อยมสฺส ปฐโม อสฺสาโส อธิคโต โหติฯ

    ‘‘Evametaṃ, bhagavā, evametaṃ, sugata! Sa kho so, bhante, ariyasāvako evaṃ averacitto evaṃ abyāpajjhacitto evaṃ asaṃkiliṭṭhacitto evaṃ visuddhacitto. Tassa diṭṭheva dhamme cattāro assāsā adhigatā honti. ‘Sace kho pana atthi paro loko, atthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko, athāhaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjissāmī’ti, ayamassa paṭhamo assāso adhigato hoti.

    ‘‘‘สเจ โข ปน นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อถาหํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม อเวรํ อพฺยาปชฺฌํ อนีฆํ สุขิํ อตฺตานํ ปริหรามี’ติ, อยมสฺส ทุติโย อสฺสาโส อธิคโต โหติฯ

    ‘‘‘Sace kho pana natthi paro loko, natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko, athāhaṃ diṭṭheva dhamme averaṃ abyāpajjhaṃ anīghaṃ sukhiṃ attānaṃ pariharāmī’ti, ayamassa dutiyo assāso adhigato hoti.

    ‘‘สเจ โข ปน กโรโต กรียติ ปาปํ, น โข ปนาหํ – กสฺสจิ ปาปํ เจเตมิ, อกโรนฺตํ โข ปน มํ ปาปกมฺมํ กุโต ทุกฺขํ ผุสิสฺสตี’ติ, อยมสฺส ตติโย อสฺสาโส อธิคโต โหติฯ

    ‘‘Sace kho pana karoto karīyati pāpaṃ, na kho panāhaṃ – kassaci pāpaṃ cetemi, akarontaṃ kho pana maṃ pāpakammaṃ kuto dukkhaṃ phusissatī’ti, ayamassa tatiyo assāso adhigato hoti.

    ‘‘‘สเจ โข ปน กโรโต น กรียติ ปาปํ, อถาหํ อุภเยเนว วิสุทฺธํ อตฺตานํ สมนุปสฺสามี’ติ, อยมสฺส จตุโตฺถ อสฺสาโส อธิคโต โหติฯ

    ‘‘‘Sace kho pana karoto na karīyati pāpaṃ, athāhaṃ ubhayeneva visuddhaṃ attānaṃ samanupassāmī’ti, ayamassa catuttho assāso adhigato hoti.

    ‘‘ส โข โส, ภเนฺต, อริยสาวโก เอวํ อเวรจิโตฺต เอวํ อพฺยาปชฺฌจิโตฺต เอวํ อสํกิลิฎฺฐจิโตฺต เอวํ วิสุทฺธจิโตฺตฯ ตสฺส ทิเฎฺฐว ธเมฺม อิเม จตฺตาโร อสฺสาสา อธิคตา โหนฺติฯ

    ‘‘Sa kho so, bhante, ariyasāvako evaṃ averacitto evaṃ abyāpajjhacitto evaṃ asaṃkiliṭṭhacitto evaṃ visuddhacitto. Tassa diṭṭheva dhamme ime cattāro assāsā adhigatā honti.

    ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต…เป.… เอเต มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสเก โน, ภเนฺต, ภควา ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปเต สรณํ คเต’’ติฯ ปญฺจมํฯ

    ‘‘Abhikkantaṃ, bhante…pe… ete mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāma dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsake no, bhante, bhagavā dhāretu ajjatagge pāṇupete saraṇaṃ gate’’ti. Pañcamaṃ.







    Footnotes:
    1. เกสปุตฺตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    2. kesaputtaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    3. โอปปกฺขิํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), โอมกฺขิกํ (ก.)
    4. กงฺขนีเยว จ ปน (สํยุตฺตนิกาเย)
    5. opapakkhiṃ (sī. syā. kaṃ. pī.), omakkhikaṃ (ka.)
    6. kaṅkhanīyeva ca pana (saṃyuttanikāye)
    7. สมาทิณฺณา (ก.)
    8. samādiṇṇā (ka.)
    9. ตทตฺถาย (ก.)
    10. ยํ ตสฺส (ก.) อนนฺตรสุเตฺต ปน ‘‘ยํ’ ส’’ อิเตฺวว สพฺพตฺถปิ ทิสฺสติ
    11. tadatthāya (ka.)
    12. yaṃ tassa (ka.) anantarasutte pana ‘‘yaṃ’ sa’’ itveva sabbatthapi dissati
    13. หนฺติ (สี. ปี.)
    14. hanti (sī. pī.)
    15. กถํ วา โว (?)
    16. kathaṃ vā vo (?)
    17. อโวจุมฺห (สี. สฺยา. กํ. ปี.) อ. นิ. ๔.๑๙๓
    18. avocumha (sī. syā. kaṃ. pī.) a. ni. 4.193
    19. โย โข (ก.)
    20. สโต (ก.)
    21. yo kho (ka.)
    22. sato (ka.)
    23. สเจ (ก.)
    24. สุกฎทุกฺกฎานํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    25. ฐานมหํ (สี. ปี.), ฐานเมตํ เยนาหํ (สฺยา. กํ.)
    26. sace (ka.)
    27. sukaṭadukkaṭānaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    28. ṭhānamahaṃ (sī. pī.), ṭhānametaṃ yenāhaṃ (syā. kaṃ.)
    29. อิธาหํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    30. สุขํ (สี.), สุขี (สฺยา. กํ.)
    31. idhāhaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    32. sukhaṃ (sī.), sukhī (syā. kaṃ.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๕. เกสมุตฺติสุตฺตวณฺณนา • 5. Kesamuttisuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๕. เกสมุตฺติสุตฺตวณฺณนา • 5. Kesamuttisuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact