Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
(๑๒) ๒. เกสิวโคฺค
(12) 2. Kesivaggo
๑. เกสิสุตฺตํ
1. Kesisuttaṃ
๑๑๑. อถ โข เกสิ อสฺสทมฺมสารถิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข เกสิํ อสฺสทมฺมสารถิํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, เกสิ, ปญฺญาโต อสฺสทมฺมสารถีติ 1ฯ กถํ ปน ตฺวํ, เกสิ, อสฺสทมฺมํ วิเนสี’’ติ? ‘‘อหํ โข, ภเนฺต, อสฺสทมฺมํ สเณฺหนปิ วิเนมิ, ผรุเสนปิ วิเนมิ , สณฺหผรุเสนปิ วิเนมี’’ติฯ ‘‘สเจ เต, เกสิ, อสฺสทโมฺม สเณฺหน วินยํ น อุเปติ, ผรุเสน วินยํ น อุเปติ, สณฺหผรุเสน วินยํ น อุเปติ, กินฺติ นํ กโรสี’’ติ? ‘‘สเจ เม, ภเนฺต, อสฺสทโมฺม สเณฺหน วินยํ น อุเปติ, ผรุเสน วินยํ น อุเปติ, สณฺหผรุเสน วินยํ น อุเปติ; หนามิ นํ, ภเนฺตฯ ตํ กิสฺส เหตุ? มา เม อาจริยกุลสฺส อวโณฺณ อโหสี’’ติฯ
111. Atha kho kesi assadammasārathi yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho kesiṃ assadammasārathiṃ bhagavā etadavoca – ‘‘tvaṃ khosi, kesi, paññāto assadammasārathīti 2. Kathaṃ pana tvaṃ, kesi, assadammaṃ vinesī’’ti? ‘‘Ahaṃ kho, bhante, assadammaṃ saṇhenapi vinemi, pharusenapi vinemi , saṇhapharusenapi vinemī’’ti. ‘‘Sace te, kesi, assadammo saṇhena vinayaṃ na upeti, pharusena vinayaṃ na upeti, saṇhapharusena vinayaṃ na upeti, kinti naṃ karosī’’ti? ‘‘Sace me, bhante, assadammo saṇhena vinayaṃ na upeti, pharusena vinayaṃ na upeti, saṇhapharusena vinayaṃ na upeti; hanāmi naṃ, bhante. Taṃ kissa hetu? Mā me ācariyakulassa avaṇṇo ahosī’’ti.
‘‘ภควา ปน, ภเนฺต, อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิฯ กถํ ปน, ภเนฺต, ภควา ปุริสทมฺมํ วิเนตี’’ติ? ‘‘อหํ โข, เกสิ, ปุริสทมฺมํ สเณฺหนปิ วิเนมิ, ผรุเสนปิ วิเนมิ, สณฺหผรุเสนปิ วิเนมิฯ ตตฺริทํ, เกสิ, สณฺหสฺมิํ – อิติ กายสุจริตํ อิติ กายสุจริตสฺส วิปาโก, อิติ วจีสุจริตํ อิติ วจีสุจริตสฺส วิปาโก, อิติ มโนสุจริตํ อิติ มโนสุจริตสฺส วิปาโก, อิติ เทวา, อิติ มนุสฺสาติฯ ตตฺริทํ, เกสิ, ผรุสสฺมิํ – อิติ กายทุจฺจริตํ อิติ กายทุจฺจริตสฺส วิปาโก, อิติ วจีทุจฺจริตํ อิติ วจีทุจฺจริตสฺส วิปาโก, อิติ มโนทุจฺจริตํ อิติ มโนทุจฺจริตสฺส วิปาโก, อิติ นิรโย, อิติ ติรจฺฉานโยนิ, อิติ เปตฺติวิสโย’’ติฯ
‘‘Bhagavā pana, bhante, anuttaro purisadammasārathi. Kathaṃ pana, bhante, bhagavā purisadammaṃ vinetī’’ti? ‘‘Ahaṃ kho, kesi, purisadammaṃ saṇhenapi vinemi, pharusenapi vinemi, saṇhapharusenapi vinemi. Tatridaṃ, kesi, saṇhasmiṃ – iti kāyasucaritaṃ iti kāyasucaritassa vipāko, iti vacīsucaritaṃ iti vacīsucaritassa vipāko, iti manosucaritaṃ iti manosucaritassa vipāko, iti devā, iti manussāti. Tatridaṃ, kesi, pharusasmiṃ – iti kāyaduccaritaṃ iti kāyaduccaritassa vipāko, iti vacīduccaritaṃ iti vacīduccaritassa vipāko, iti manoduccaritaṃ iti manoduccaritassa vipāko, iti nirayo, iti tiracchānayoni, iti pettivisayo’’ti.
‘‘ตตฺริทํ, เกสิ, สณฺหผรุสสฺมิํ – อิติ กายสุจริตํ อิติ กายสุจริตสฺส วิปาโก, อิติ กายทุจฺจริตํ อิติ กายทุจฺจริตสฺส วิปาโก, อิติ วจีสุจริตํ อิติ วจีสุจริตสฺส วิปาโก, อิติ วจีทุจฺจริตํ อิติ วจีทุจฺจริตสฺส วิปาโก, อิติ มโนสุจริตํ อิติ มโนสุจริตสฺส วิปาโก, อิติ มโนทุจฺจริตํ อิติ มโนทุจฺจริตสฺส วิปาโก, อิติ เทวา, อิติ มนุสฺสา, อิติ นิรโย, อิติ ติรจฺฉานโยนิ, อิติ เปตฺติวิสโย’’ติฯ
‘‘Tatridaṃ, kesi, saṇhapharusasmiṃ – iti kāyasucaritaṃ iti kāyasucaritassa vipāko, iti kāyaduccaritaṃ iti kāyaduccaritassa vipāko, iti vacīsucaritaṃ iti vacīsucaritassa vipāko, iti vacīduccaritaṃ iti vacīduccaritassa vipāko, iti manosucaritaṃ iti manosucaritassa vipāko, iti manoduccaritaṃ iti manoduccaritassa vipāko, iti devā, iti manussā, iti nirayo, iti tiracchānayoni, iti pettivisayo’’ti.
‘‘สเจ เต, ภเนฺต, ปุริสทโมฺม สเณฺหน วินยํ น อุเปติ, ผรุเสน วินยํ น อุเปติ, สณฺหผรุเสน วินยํ น อุเปติ, กินฺติ นํ ภควา กโรตี’’ติ? ‘‘สเจ เม, เกสิ, ปุริสทโมฺม สเณฺหน วินยํ น อุเปติ, ผรุเสน วินยํ น อุเปติ, สณฺหผรุเสน วินยํ น อุเปติ, หนามิ นํ, เกสี’’ติฯ ‘‘น โข, ภเนฺต, ภควโต ปาณาติปาโต กปฺปติฯ อถ จ ปน ภควา เอวมาห – ‘หนามิ, นํ เกสี’’’ติ! ‘‘สจฺจํ, เกสิ! น ตถาคตสฺส ปาณาติปาโต กปฺปติฯ อปิ จ โย ปุริสทโมฺม สเณฺหน วินยํ น อุเปติ, ผรุเสน วินยํ น อุเปติ, สณฺหผรุเสน วินยํ น อุเปติ, น ตํ ตถาคโต วตฺตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มญฺญติ, นาปิ วิญฺญู สพฺรหฺมจารี วตฺตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มญฺญนฺติฯ วโธ เหโส, เกสิ, อริยสฺส วินเย – ยํ น ตถาคโต วตฺตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มญฺญติ, นาปิ วิญฺญู สพฺรหฺมจารี วตฺตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มญฺญนฺตี’’ติฯ
‘‘Sace te, bhante, purisadammo saṇhena vinayaṃ na upeti, pharusena vinayaṃ na upeti, saṇhapharusena vinayaṃ na upeti, kinti naṃ bhagavā karotī’’ti? ‘‘Sace me, kesi, purisadammo saṇhena vinayaṃ na upeti, pharusena vinayaṃ na upeti, saṇhapharusena vinayaṃ na upeti, hanāmi naṃ, kesī’’ti. ‘‘Na kho, bhante, bhagavato pāṇātipāto kappati. Atha ca pana bhagavā evamāha – ‘hanāmi, naṃ kesī’’’ti! ‘‘Saccaṃ, kesi! Na tathāgatassa pāṇātipāto kappati. Api ca yo purisadammo saṇhena vinayaṃ na upeti, pharusena vinayaṃ na upeti, saṇhapharusena vinayaṃ na upeti, na taṃ tathāgato vattabbaṃ anusāsitabbaṃ maññati, nāpi viññū sabrahmacārī vattabbaṃ anusāsitabbaṃ maññanti. Vadho heso, kesi, ariyassa vinaye – yaṃ na tathāgato vattabbaṃ anusāsitabbaṃ maññati, nāpi viññū sabrahmacārī vattabbaṃ anusāsitabbaṃ maññantī’’ti.
‘‘โส หิ นูน, ภเนฺต, สุหโต โหติ – ยํ น ตถาคโต วตฺตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มญฺญติ, นาปิ วิญฺญู สพฺรหฺมจารี วตฺตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มญฺญนฺตีติฯ อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต…เป.… อุปาสกํ มํ, ภเนฺต, ภควา ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ ปฐมํฯ
‘‘So hi nūna, bhante, suhato hoti – yaṃ na tathāgato vattabbaṃ anusāsitabbaṃ maññati, nāpi viññū sabrahmacārī vattabbaṃ anusāsitabbaṃ maññantīti. Abhikkantaṃ, bhante, abhikkantaṃ, bhante…pe… upāsakaṃ maṃ, bhante, bhagavā dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti. Paṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. เกสิสุตฺตวณฺณนา • 1. Kesisuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๗. เกสิสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-7. Kesisuttādivaṇṇanā