Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
๑๑. เกวฎฺฎสุตฺตํ
11. Kevaṭṭasuttaṃ
เกวฎฺฎคหปติปุตฺตวตฺถุ
Kevaṭṭagahapatiputtavatthu
๔๘๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา นาฬนฺทายํ วิหรติ ปาวาริกมฺพวเนฯ อถ โข เกวโฎฺฎ คหปติปุโตฺต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข เกวโฎฺฎ คหปติปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภเนฺต, นาฬนฺทา อิทฺธา เจว ผีตา จ พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา ภควติ อภิปฺปสนฺนาฯ สาธุ, ภเนฺต, ภควา เอกํ ภิกฺขุํ สมาทิสตุ, โย อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา, อิทฺธิปาฎิหาริยํ กริสฺสติ; เอวายํ นาฬนฺทา ภิโยฺยโส มตฺตาย ภควติ อภิปฺปสีทิสฺสตี’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ภควา เกวฎฺฎํ คหปติปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข อหํ, เกวฎฺฎ, ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสมิ – เอถ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, คิหีนํ โอทาตวสนานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กโรถา’’ติฯ
481. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā nāḷandāyaṃ viharati pāvārikambavane. Atha kho kevaṭṭo gahapatiputto yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho kevaṭṭo gahapatiputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ayaṃ, bhante, nāḷandā iddhā ceva phītā ca bahujanā ākiṇṇamanussā bhagavati abhippasannā. Sādhu, bhante, bhagavā ekaṃ bhikkhuṃ samādisatu, yo uttarimanussadhammā, iddhipāṭihāriyaṃ karissati; evāyaṃ nāḷandā bhiyyoso mattāya bhagavati abhippasīdissatī’’ti. Evaṃ vutte, bhagavā kevaṭṭaṃ gahapatiputtaṃ etadavoca – ‘‘na kho ahaṃ, kevaṭṭa, bhikkhūnaṃ evaṃ dhammaṃ desemi – etha tumhe, bhikkhave, gihīnaṃ odātavasanānaṃ uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karothā’’ti.
๔๘๒. ทุติยมฺปิ โข เกวโฎฺฎ คหปติปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ ธํเสมิ; อปิ จ, เอวํ วทามิ – ‘อยํ, ภเนฺต, นาฬนฺทา อิทฺธา เจว ผีตา จ พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา ภควติ อภิปฺปสนฺนาฯ สาธุ, ภเนฺต, ภควา เอกํ ภิกฺขุํ สมาทิสตุ, โย อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กริสฺสติ; เอวายํ นาฬนฺทา ภิโยฺยโส มตฺตาย ภควติ อภิปฺปสีทิสฺสตี’’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข ภควา เกวฎฺฎํ คหปติปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข อหํ, เกวฎฺฎ, ภิกฺขูนํ เอวํ ธมฺมํ เทเสมิ – เอถ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, คิหีนํ โอทาตวสนานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กโรถา’’’ติฯ
482. Dutiyampi kho kevaṭṭo gahapatiputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘nāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ dhaṃsemi; api ca, evaṃ vadāmi – ‘ayaṃ, bhante, nāḷandā iddhā ceva phītā ca bahujanā ākiṇṇamanussā bhagavati abhippasannā. Sādhu, bhante, bhagavā ekaṃ bhikkhuṃ samādisatu, yo uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karissati; evāyaṃ nāḷandā bhiyyoso mattāya bhagavati abhippasīdissatī’’’ti. Dutiyampi kho bhagavā kevaṭṭaṃ gahapatiputtaṃ etadavoca – ‘‘na kho ahaṃ, kevaṭṭa, bhikkhūnaṃ evaṃ dhammaṃ desemi – etha tumhe, bhikkhave, gihīnaṃ odātavasanānaṃ uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karothā’’’ti.
ตติยมฺปิ โข เกวโฎฺฎ คหปติปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ ธํเสมิ; อปิ จ, เอวํ วทามิ – ‘อยํ, ภเนฺต, นาฬนฺทา อิทฺธา เจว ผีตา จ พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา ภควติ อภิปฺปสนฺนาฯ สาธุ, ภเนฺต, ภควา เอกํ ภิกฺขุํ สมาทิสตุ, โย อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฎิหาริยํ กริสฺสติฯ เอวายํ นาฬนฺทา ภิโยฺยโส มตฺตาย ภควติ อภิปฺปสีทิสฺสตี’ติฯ
Tatiyampi kho kevaṭṭo gahapatiputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘nāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ dhaṃsemi; api ca, evaṃ vadāmi – ‘ayaṃ, bhante, nāḷandā iddhā ceva phītā ca bahujanā ākiṇṇamanussā bhagavati abhippasannā. Sādhu, bhante, bhagavā ekaṃ bhikkhuṃ samādisatu, yo uttarimanussadhammā iddhipāṭihāriyaṃ karissati. Evāyaṃ nāḷandā bhiyyoso mattāya bhagavati abhippasīdissatī’ti.
อิทฺธิปาฎิหาริยํ
Iddhipāṭihāriyaṃ
๔๘๓. ‘‘ตีณิ โข อิมานิ, เกวฎฺฎ, ปาฎิหาริยานิ มยา สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวทิตานิฯ กตมานิ ตีณิ? อิทฺธิปาฎิหาริยํ, อาเทสนาปาฎิหาริยํ , อนุสาสนีปาฎิหาริยํฯ
483. ‘‘Tīṇi kho imāni, kevaṭṭa, pāṭihāriyāni mayā sayaṃ abhiññā sacchikatvā paveditāni. Katamāni tīṇi? Iddhipāṭihāriyaṃ, ādesanāpāṭihāriyaṃ , anusāsanīpāṭihāriyaṃ.
๔๘๔. ‘‘กตมญฺจ, เกวฎฺฎ, อิทฺธิปาฎิหาริยํ? อิธ, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติฯ เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ; อาวิภาวํ ติโรภาวํ ติโรกุฎฺฎํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาเน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลเงฺกน กมติ เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํ มหิทฺธิเก เอวํ มหานุภาเว ปาณินา ปรามสติ ปริมชฺชติ; ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วเตฺตติฯ
484. ‘‘Katamañca, kevaṭṭa, iddhipāṭihāriyaṃ? Idha, kevaṭṭa, bhikkhu anekavihitaṃ iddhividhaṃ paccanubhoti. Ekopi hutvā bahudhā hoti, bahudhāpi hutvā eko hoti; āvibhāvaṃ tirobhāvaṃ tirokuṭṭaṃ tiropākāraṃ tiropabbataṃ asajjamāno gacchati seyyathāpi ākāse; pathaviyāpi ummujjanimujjaṃ karoti seyyathāpi udake; udakepi abhijjamāne gacchati seyyathāpi pathaviyaṃ; ākāsepi pallaṅkena kamati seyyathāpi pakkhī sakuṇo; imepi candimasūriye evaṃ mahiddhike evaṃ mahānubhāve pāṇinā parāmasati parimajjati; yāva brahmalokāpi kāyena vasaṃ vatteti.
‘‘ตเมนํ อญฺญตโร สโทฺธ ปสโนฺน ปสฺสติ ตํ ภิกฺขุํ อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภนฺตํ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหนฺตํ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหนฺตํ; อาวิภาวํ ติโรภาวํ; ติโรกุฎฺฎํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมานํ คจฺฉนฺตํ เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรนฺตํ เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาเน คจฺฉนฺตํ เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลเงฺกน กมนฺตํ เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํ มหิทฺธิเก เอวํ มหานุภาเว ปาณินา ปรามสนฺตํ ปริมชฺชนฺตํ ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วเตฺตนฺตํฯ
‘‘Tamenaṃ aññataro saddho pasanno passati taṃ bhikkhuṃ anekavihitaṃ iddhividhaṃ paccanubhontaṃ – ekopi hutvā bahudhā hontaṃ, bahudhāpi hutvā eko hontaṃ; āvibhāvaṃ tirobhāvaṃ; tirokuṭṭaṃ tiropākāraṃ tiropabbataṃ asajjamānaṃ gacchantaṃ seyyathāpi ākāse; pathaviyāpi ummujjanimujjaṃ karontaṃ seyyathāpi udake; udakepi abhijjamāne gacchantaṃ seyyathāpi pathaviyaṃ; ākāsepi pallaṅkena kamantaṃ seyyathāpi pakkhī sakuṇo; imepi candimasūriye evaṃ mahiddhike evaṃ mahānubhāve pāṇinā parāmasantaṃ parimajjantaṃ yāva brahmalokāpi kāyena vasaṃ vattentaṃ.
‘‘ตเมนํ โส สโทฺธ ปสโนฺน อญฺญตรสฺส อสฺสทฺธสฺส อปฺปสนฺนสฺส อาโรเจติ – ‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ, สมณสฺส มหิทฺธิกตา มหานุภาวตาฯ อมาหํ ภิกฺขุํ อทฺทสํ อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภนฺตํ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหนฺตํ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหนฺตํ…เป.… ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วเตฺตนฺต’นฺติฯ
‘‘Tamenaṃ so saddho pasanno aññatarassa assaddhassa appasannassa āroceti – ‘acchariyaṃ vata, bho, abbhutaṃ vata, bho, samaṇassa mahiddhikatā mahānubhāvatā. Amāhaṃ bhikkhuṃ addasaṃ anekavihitaṃ iddhividhaṃ paccanubhontaṃ – ekopi hutvā bahudhā hontaṃ, bahudhāpi hutvā eko hontaṃ…pe… yāva brahmalokāpi kāyena vasaṃ vattenta’nti.
‘‘ตเมนํ โส อสฺสโทฺธ อปฺปสโนฺน ตํ สทฺธํ ปสนฺนํ เอวํ วเทยฺย – ‘อตฺถิ โข, โภ, คนฺธารี นาม วิชฺชาฯ ตาย โส ภิกฺขุ อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ…เป.… ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วเตฺตตี’ติฯ
‘‘Tamenaṃ so assaddho appasanno taṃ saddhaṃ pasannaṃ evaṃ vadeyya – ‘atthi kho, bho, gandhārī nāma vijjā. Tāya so bhikkhu anekavihitaṃ iddhividhaṃ paccanubhoti – ekopi hutvā bahudhā hoti, bahudhāpi hutvā eko hoti…pe… yāva brahmalokāpi kāyena vasaṃ vattetī’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, เกวฎฺฎ, อปิ นุ โส อสฺสโทฺธ อปฺปสโนฺน ตํ สทฺธํ ปสนฺนํ เอวํ วเทยฺยา’’ติ? ‘‘วเทยฺย, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘อิมํ โข อหํ, เกวฎฺฎ, อิทฺธิปาฎิหาริเย อาทีนวํ สมฺปสฺสมาโน อิทฺธิปาฎิหาริเยน อฎฺฎียามิ หรายามิ ชิคุจฺฉามิ’’ฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, kevaṭṭa, api nu so assaddho appasanno taṃ saddhaṃ pasannaṃ evaṃ vadeyyā’’ti? ‘‘Vadeyya, bhante’’ti. ‘‘Imaṃ kho ahaṃ, kevaṭṭa, iddhipāṭihāriye ādīnavaṃ sampassamāno iddhipāṭihāriyena aṭṭīyāmi harāyāmi jigucchāmi’’.
อาเทสนาปาฎิหาริยํ
Ādesanāpāṭihāriyaṃ
๔๘๕. ‘‘กตมญฺจ, เกวฎฺฎ, อาเทสนาปาฎิหาริยํ? อิธ, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ จิตฺตมฺปิ อาทิสติ, เจตสิกมฺปิ อาทิสติ, วิตกฺกิตมฺปิ อาทิสติ, วิจาริตมฺปิ อาทิสติ – ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน, อิติปิ เต จิตฺต’นฺติฯ
485. ‘‘Katamañca, kevaṭṭa, ādesanāpāṭihāriyaṃ? Idha, kevaṭṭa, bhikkhu parasattānaṃ parapuggalānaṃ cittampi ādisati, cetasikampi ādisati, vitakkitampi ādisati, vicāritampi ādisati – ‘evampi te mano, itthampi te mano, itipi te citta’nti.
‘‘ตเมนํ อญฺญตโร สโทฺธ ปสโนฺน ปสฺสติ ตํ ภิกฺขุํ ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ จิตฺตมฺปิ อาทิสนฺตํ, เจตสิกมฺปิ อาทิสนฺตํ, วิตกฺกิตมฺปิ อาทิสนฺตํ, วิจาริตมฺปิ อาทิสนฺตํ – ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน, อิติปิ เต จิตฺต’นฺติฯ ตเมนํ โส สโทฺธ ปสโนฺน อญฺญตรสฺส อสฺสทฺธสฺส อปฺปสนฺนสฺส อาโรเจติ – ‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ, สมณสฺส มหิทฺธิกตา มหานุภาวตาฯ อมาหํ ภิกฺขุํ อทฺทสํ ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ จิตฺตมฺปิ อาทิสนฺตํ, เจตสิกมฺปิ อาทิสนฺตํ, วิตกฺกิตมฺปิ อาทิสนฺตํ, วิจาริตมฺปิ อาทิสนฺตํ – ‘‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน, อิติปิ เต จิตฺต’’’นฺติฯ
‘‘Tamenaṃ aññataro saddho pasanno passati taṃ bhikkhuṃ parasattānaṃ parapuggalānaṃ cittampi ādisantaṃ, cetasikampi ādisantaṃ, vitakkitampi ādisantaṃ, vicāritampi ādisantaṃ – ‘evampi te mano, itthampi te mano, itipi te citta’nti. Tamenaṃ so saddho pasanno aññatarassa assaddhassa appasannassa āroceti – ‘acchariyaṃ vata, bho, abbhutaṃ vata, bho, samaṇassa mahiddhikatā mahānubhāvatā. Amāhaṃ bhikkhuṃ addasaṃ parasattānaṃ parapuggalānaṃ cittampi ādisantaṃ, cetasikampi ādisantaṃ, vitakkitampi ādisantaṃ, vicāritampi ādisantaṃ – ‘‘evampi te mano, itthampi te mano, itipi te citta’’’nti.
‘‘ตเมนํ โส อสฺสโทฺธ อปฺปสโนฺน ตํ สทฺธํ ปสนฺนํ เอวํ วเทยฺย – ‘อตฺถิ โข, โภ, มณิกา นาม วิชฺชา; ตาย โส ภิกฺขุ ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ จิตฺตมฺปิ อาทิสติ, เจตสิกมฺปิ อาทิสติ, วิตกฺกิตมฺปิ อาทิสติ, วิจาริตมฺปิ อาทิสติ – ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน, อิติปิ เต จิตฺต’’’นฺติฯ
‘‘Tamenaṃ so assaddho appasanno taṃ saddhaṃ pasannaṃ evaṃ vadeyya – ‘atthi kho, bho, maṇikā nāma vijjā; tāya so bhikkhu parasattānaṃ parapuggalānaṃ cittampi ādisati, cetasikampi ādisati, vitakkitampi ādisati, vicāritampi ādisati – ‘evampi te mano, itthampi te mano, itipi te citta’’’nti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, เกวฎฺฎ, อปิ นุ โส อสฺสโทฺธ อปฺปสโนฺน ตํ สทฺธํ ปสนฺนํ เอวํ วเทยฺยา’’ติ ? ‘‘วเทยฺย, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘อิมํ โข อหํ, เกวฎฺฎ, อาเทสนาปาฎิหาริเย อาทีนวํ สมฺปสฺสมาโน อาเทสนาปาฎิหาริเยน อฎฺฎียามิ หรายามิ ชิคุจฺฉามิ’’ฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, kevaṭṭa, api nu so assaddho appasanno taṃ saddhaṃ pasannaṃ evaṃ vadeyyā’’ti ? ‘‘Vadeyya, bhante’’ti. ‘‘Imaṃ kho ahaṃ, kevaṭṭa, ādesanāpāṭihāriye ādīnavaṃ sampassamāno ādesanāpāṭihāriyena aṭṭīyāmi harāyāmi jigucchāmi’’.
อนุสาสนีปาฎิหาริยํ
Anusāsanīpāṭihāriyaṃ
๔๘๖. ‘‘กตมญฺจ, เกวฎฺฎ, อนุสาสนีปาฎิหาริยํ? อิธ, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ เอวมนุสาสติ – ‘เอวํ วิตเกฺกถ, มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถ, เอวํ มนสิกโรถ, มา เอวํ มนสากตฺถ, อิทํ ปชหถ, อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติฯ อิทํ วุจฺจติ, เกวฎฺฎ, อนุสาสนีปาฎิหาริยํฯ
486. ‘‘Katamañca, kevaṭṭa, anusāsanīpāṭihāriyaṃ? Idha, kevaṭṭa, bhikkhu evamanusāsati – ‘evaṃ vitakketha, mā evaṃ vitakkayittha, evaṃ manasikarotha, mā evaṃ manasākattha, idaṃ pajahatha, idaṃ upasampajja viharathā’ti. Idaṃ vuccati, kevaṭṭa, anusāsanīpāṭihāriyaṃ.
‘‘ปุน จปรํ, เกวฎฺฎ, อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ …เป.… (ยถา ๑๙๐-๒๑๒ อนุเจฺฉเทสุ เอวํ วิตฺถาเรตพฺพํ)ฯ เอวํ โข, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ สีลสมฺปโนฺน โหติ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทมฺปิ วุจฺจติ, เกวฎฺฎ, อนุสาสนีปาฎิหาริยํ…เป.… ทุติยํ ฌานํ…เป.… ตติยํ ฌานํ…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทมฺปิ วุจฺจติ, เกวฎฺฎ, อนุสาสนีปาฎิหาริยํ…เป.… ญาณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ…เป.… อิทมฺปิ วุจฺจติ, เกวฎฺฎ, อนุสาสนีปาฎิหาริยํ…เป.… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ…เป.… อิทมฺปิ วุจฺจติ, เกวฎฺฎ, อนุสาสนีปาฎิหาริยํฯ
‘‘Puna caparaṃ, kevaṭṭa, idha tathāgato loke uppajjati arahaṃ sammāsambuddho …pe… (yathā 190-212 anucchedesu evaṃ vitthāretabbaṃ). Evaṃ kho, kevaṭṭa, bhikkhu sīlasampanno hoti…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Idampi vuccati, kevaṭṭa, anusāsanīpāṭihāriyaṃ…pe… dutiyaṃ jhānaṃ…pe… tatiyaṃ jhānaṃ…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Idampi vuccati, kevaṭṭa, anusāsanīpāṭihāriyaṃ…pe… ñāṇadassanāya cittaṃ abhinīharati abhininnāmeti…pe… idampi vuccati, kevaṭṭa, anusāsanīpāṭihāriyaṃ…pe… nāparaṃ itthattāyāti pajānāti…pe… idampi vuccati, kevaṭṭa, anusāsanīpāṭihāriyaṃ.
‘‘อิมานิ โข, เกวฎฺฎ, ตีณิ ปาฎิหาริยานิ มยา สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวทิตานิ’’ฯ
‘‘Imāni kho, kevaṭṭa, tīṇi pāṭihāriyāni mayā sayaṃ abhiññā sacchikatvā paveditāni’’.
ภูตนิโรเธสกภิกฺขุวตฺถุ
Bhūtanirodhesakabhikkhuvatthu
๔๘๗. ‘‘ภูตปุพฺพํ, เกวฎฺฎ, อิมสฺมิเญฺญว ภิกฺขุสเงฺฆ อญฺญตรสฺส ภิกฺขุโน เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘กตฺถ นุ โข อิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติ?
487. ‘‘Bhūtapubbaṃ, kevaṭṭa, imasmiññeva bhikkhusaṅghe aññatarassa bhikkhuno evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘kattha nu kho ime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’ti?
๔๘๘. ‘‘อถ โข โส, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ ตถารูปํ สมาธิํ สมาปชฺชิ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต เทวยานิโย มโคฺค ปาตุรโหสิฯ อถ โข โส, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ เยน จาตุมหาราชิกา เทวา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา จาตุมหาราชิเก เทเว เอตทโวจ – ‘กตฺถ นุ โข, อาวุโส, อิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติ?
488. ‘‘Atha kho so, kevaṭṭa, bhikkhu tathārūpaṃ samādhiṃ samāpajji, yathāsamāhite citte devayāniyo maggo pāturahosi. Atha kho so, kevaṭṭa, bhikkhu yena cātumahārājikā devā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā cātumahārājike deve etadavoca – ‘kattha nu kho, āvuso, ime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’ti?
‘‘เอวํ วุเตฺต, เกวฎฺฎ, จาตุมหาราชิกา เทวา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจุํ – ‘มยมฺปิ โข, ภิกฺขุ, น ชานาม, ยตฺถิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตูติ 1ฯ อตฺถิ โข 2, ภิกฺขุ, จตฺตาโร มหาราชาโน อเมฺหหิ อภิกฺกนฺตตรา จ ปณีตตรา จฯ เต โข เอตํ ชาเนยฺยุํ, ยตฺถิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติฯ
‘‘Evaṃ vutte, kevaṭṭa, cātumahārājikā devā taṃ bhikkhuṃ etadavocuṃ – ‘mayampi kho, bhikkhu, na jānāma, yatthime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātūti 3. Atthi kho 4, bhikkhu, cattāro mahārājāno amhehi abhikkantatarā ca paṇītatarā ca. Te kho etaṃ jāneyyuṃ, yatthime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’ti.
๔๘๙. ‘‘อถ โข โส, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ เยน จตฺตาโร มหาราชาโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา จตฺตาโร มหาราเช เอตทโวจ – ‘กตฺถ นุ โข, อาวุโส, อิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติ? เอวํ วุเตฺต, เกวฎฺฎ, จตฺตาโร มหาราชาโน ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจุํ – ‘มยมฺปิ โข, ภิกฺขุ, น ชานาม, ยตฺถิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ, อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตูติฯ อตฺถิ โข, ภิกฺขุ, ตาวติํสา นาม เทวา อเมฺหหิ อภิกฺกนฺตตรา จ ปณีตตรา จฯ เต โข เอตํ ชาเนยฺยุํ, ยตฺถิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติฯ
489. ‘‘Atha kho so, kevaṭṭa, bhikkhu yena cattāro mahārājāno tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā cattāro mahārāje etadavoca – ‘kattha nu kho, āvuso, ime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’ti? Evaṃ vutte, kevaṭṭa, cattāro mahārājāno taṃ bhikkhuṃ etadavocuṃ – ‘mayampi kho, bhikkhu, na jānāma, yatthime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu, āpodhātu tejodhātu vāyodhātūti. Atthi kho, bhikkhu, tāvatiṃsā nāma devā amhehi abhikkantatarā ca paṇītatarā ca. Te kho etaṃ jāneyyuṃ, yatthime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’ti.
๔๙๐. ‘‘อถ โข โส, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ เยน ตาวติํสา เทวา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตาวติํเส เทเว เอตทโวจ – ‘กตฺถ นุ โข, อาวุโส, อิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติ? เอวํ วุเตฺต, เกวฎฺฎ, ตาวติํสา เทวา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจุํ – ‘มยมฺปิ โข, ภิกฺขุ, น ชานาม, ยตฺถิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตูติฯ อตฺถิ โข, ภิกฺขุ, สโกฺก นาม เทวานมิโนฺท อเมฺหหิ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จฯ โส โข เอตํ ชาเนยฺย, ยตฺถิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติฯ
490. ‘‘Atha kho so, kevaṭṭa, bhikkhu yena tāvatiṃsā devā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā tāvatiṃse deve etadavoca – ‘kattha nu kho, āvuso, ime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’ti? Evaṃ vutte, kevaṭṭa, tāvatiṃsā devā taṃ bhikkhuṃ etadavocuṃ – ‘mayampi kho, bhikkhu, na jānāma, yatthime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātūti. Atthi kho, bhikkhu, sakko nāma devānamindo amhehi abhikkantataro ca paṇītataro ca. So kho etaṃ jāneyya, yatthime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’ti.
๔๙๑. ‘‘อถ โข โส, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ เยน สโกฺก เทวานมิโนฺท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ – ‘กตฺถ นุ โข, อาวุโส, อิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติ? เอวํ วุเตฺต, เกวฎฺฎ, สโกฺก เทวานมิโนฺท ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘อหมฺปิ โข, ภิกฺขุ, น ชานามิ, ยตฺถิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตูติฯ อตฺถิ โข, ภิกฺขุ, ยามา นาม เทวา…เป.… สุยาโม นาม เทวปุโตฺต… ตุสิตา นาม เทวา… สนฺตุสฺสิโต นาม เทวปุโตฺต… นิมฺมานรตี นาม เทวา … สุนิมฺมิโต นาม เทวปุโตฺต… ปรนิมฺมิตวสวตฺตี นาม เทวา… วสวตฺตี นาม เทวปุโตฺต อเมฺหหิ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จฯ โส โข เอตํ ชาเนยฺย, ยตฺถิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติฯ
491. ‘‘Atha kho so, kevaṭṭa, bhikkhu yena sakko devānamindo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā sakkaṃ devānamindaṃ etadavoca – ‘kattha nu kho, āvuso, ime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’ti? Evaṃ vutte, kevaṭṭa, sakko devānamindo taṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘ahampi kho, bhikkhu, na jānāmi, yatthime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātūti. Atthi kho, bhikkhu, yāmā nāma devā…pe… suyāmo nāma devaputto… tusitā nāma devā… santussito nāma devaputto… nimmānaratī nāma devā … sunimmito nāma devaputto… paranimmitavasavattī nāma devā… vasavattī nāma devaputto amhehi abhikkantataro ca paṇītataro ca. So kho etaṃ jāneyya, yatthime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’ti.
๔๙๒. ‘‘อถ โข โส, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ เยน วสวตฺตี เทวปุโตฺต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา วสวตฺติํ เทวปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘กตฺถ นุ โข, อาวุโส, อิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติ? เอวํ วุเตฺต , เกวฎฺฎ, วสวตฺตี เทวปุโตฺต ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘อหมฺปิ โข, ภิกฺขุ, น ชานามิ ยตฺถิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตูติฯ อตฺถิ โข, ภิกฺขุ, พฺรหฺมกายิกา นาม เทวา อเมฺหหิ อภิกฺกนฺตตรา จ ปณีตตรา จฯ เต โข เอตํ ชาเนยฺยุํ, ยตฺถิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติฯ
492. ‘‘Atha kho so, kevaṭṭa, bhikkhu yena vasavattī devaputto tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā vasavattiṃ devaputtaṃ etadavoca – ‘kattha nu kho, āvuso, ime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’ti? Evaṃ vutte , kevaṭṭa, vasavattī devaputto taṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘ahampi kho, bhikkhu, na jānāmi yatthime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātūti. Atthi kho, bhikkhu, brahmakāyikā nāma devā amhehi abhikkantatarā ca paṇītatarā ca. Te kho etaṃ jāneyyuṃ, yatthime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’ti.
๔๙๓. ‘‘อถ โข โส, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ ตถารูปํ สมาธิํ สมาปชฺชิ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต พฺรหฺมยานิโย มโคฺค ปาตุรโหสิฯ อถ โข โส, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ เยน พฺรหฺมกายิกา เทวา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา พฺรหฺมกายิเก เทเว เอตทโวจ – ‘กตฺถ นุ โข, อาวุโส, อิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติ? เอวํ วุเตฺต, เกวฎฺฎ, พฺรหฺมกายิกา เทวา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจุํ – ‘มยมฺปิ โข, ภิกฺขุ, น ชานาม, ยตฺถิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตูติฯ อตฺถิ โข, ภิกฺขุ, พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺตี อิสฺสโร กตฺตา นิมฺมาตา เสโฎฺฐ สชิตา วสี ปิตา ภูตภพฺยานํ อเมฺหหิ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จฯ โส โข เอตํ ชาเนยฺย, ยตฺถิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’’ติฯ
493. ‘‘Atha kho so, kevaṭṭa, bhikkhu tathārūpaṃ samādhiṃ samāpajji, yathāsamāhite citte brahmayāniyo maggo pāturahosi. Atha kho so, kevaṭṭa, bhikkhu yena brahmakāyikā devā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā brahmakāyike deve etadavoca – ‘kattha nu kho, āvuso, ime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’ti? Evaṃ vutte, kevaṭṭa, brahmakāyikā devā taṃ bhikkhuṃ etadavocuṃ – ‘mayampi kho, bhikkhu, na jānāma, yatthime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātūti. Atthi kho, bhikkhu, brahmā mahābrahmā abhibhū anabhibhūto aññadatthudaso vasavattī issaro kattā nimmātā seṭṭho sajitā vasī pitā bhūtabhabyānaṃ amhehi abhikkantataro ca paṇītataro ca. So kho etaṃ jāneyya, yatthime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’’ti.
‘‘‘กหํ ปนาวุโส, เอตรหิ โส มหาพฺรหฺมา’ติ? ‘มยมฺปิ โข, ภิกฺขุ, น ชานาม, ยตฺถ วา พฺรหฺมา เยน วา พฺรหฺมา ยหิํ วา พฺรหฺมา; อปิ จ, ภิกฺขุ, ยถา นิมิตฺตา ทิสฺสนฺติ, อาโลโก สญฺชายติ, โอภาโส ปาตุภวติ, พฺรหฺมา ปาตุภวิสฺสติ, พฺรหฺมุโน เหตํ ปุพฺพนิมิตฺตํ ปาตุภาวาย, ยทิทํ อาโลโก สญฺชายติ, โอภาโส ปาตุภวตี’ติฯ อถ โข โส, เกวฎฺฎ, มหาพฺรหฺมา นจิรเสฺสว ปาตุรโหสิ ฯ
‘‘‘Kahaṃ panāvuso, etarahi so mahābrahmā’ti? ‘Mayampi kho, bhikkhu, na jānāma, yattha vā brahmā yena vā brahmā yahiṃ vā brahmā; api ca, bhikkhu, yathā nimittā dissanti, āloko sañjāyati, obhāso pātubhavati, brahmā pātubhavissati, brahmuno hetaṃ pubbanimittaṃ pātubhāvāya, yadidaṃ āloko sañjāyati, obhāso pātubhavatī’ti. Atha kho so, kevaṭṭa, mahābrahmā nacirasseva pāturahosi .
๔๙๔. ‘‘อถ โข โส, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ เยน โส มหาพฺรหฺมา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ มหาพฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘กตฺถ นุ โข, อาวุโส, อิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’’ติ? เอวํ วุเตฺต, เกวฎฺฎ, โส มหาพฺรหฺมา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘อหมสฺมิ, ภิกฺขุ, พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺตี อิสฺสโร กตฺตา นิมฺมาตา เสโฎฺฐ สชิตา วสี ปิตา ภูตภพฺยาน’นฺติฯ
494. ‘‘Atha kho so, kevaṭṭa, bhikkhu yena so mahābrahmā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā taṃ mahābrahmānaṃ etadavoca – ‘kattha nu kho, āvuso, ime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’’ti? Evaṃ vutte, kevaṭṭa, so mahābrahmā taṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘ahamasmi, bhikkhu, brahmā mahābrahmā abhibhū anabhibhūto aññadatthudaso vasavattī issaro kattā nimmātā seṭṭho sajitā vasī pitā bhūtabhabyāna’nti.
‘‘ทุติยมฺปิ โข โส, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ ตํ มหาพฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘น โขหํ ตํ, อาวุโส, เอวํ ปุจฺฉามิ – ‘‘ตฺวมสิ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺตี อิสฺสโร กตฺตา นิมฺมาตา เสโฎฺฐ สชิตา วสี ปิตา ภูตภพฺยาน’’นฺติฯ เอวญฺจ โข อหํ ตํ, อาวุโส, ปุจฺฉามิ – ‘‘กตฺถ นุ โข, อาวุโส, อิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’’’ติ?
‘‘Dutiyampi kho so, kevaṭṭa, bhikkhu taṃ mahābrahmānaṃ etadavoca – ‘na khohaṃ taṃ, āvuso, evaṃ pucchāmi – ‘‘tvamasi brahmā mahābrahmā abhibhū anabhibhūto aññadatthudaso vasavattī issaro kattā nimmātā seṭṭho sajitā vasī pitā bhūtabhabyāna’’nti. Evañca kho ahaṃ taṃ, āvuso, pucchāmi – ‘‘kattha nu kho, āvuso, ime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’’’ti?
‘‘ทุติยมฺปิ โข โส, เกวฎฺฎ, มหาพฺรหฺมา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘อหมสฺมิ, ภิกฺขุ, พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺตี อิสฺสโร กตฺตา นิมฺมาตา เสโฎฺฐ สชิตา วสี ปิตา ภูตภพฺยาน’นฺติฯ ตติยมฺปิ โข โส, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ ตํ มหาพฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘น โขหํ ตํ, อาวุโส, เอวํ ปุจฺฉามิ – ‘‘ตฺวมสิ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺตี อิสฺสโร กตฺตา นิมฺมาตา เสโฎฺฐ สชิตา วสี ปิตา ภูตภพฺยาน’’นฺติฯ เอวญฺจ โข อหํ ตํ, อาวุโส, ปุจฺฉามิ – ‘‘กตฺถ นุ โข, อาวุโส, อิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’’’ติ?
‘‘Dutiyampi kho so, kevaṭṭa, mahābrahmā taṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘ahamasmi, bhikkhu, brahmā mahābrahmā abhibhū anabhibhūto aññadatthudaso vasavattī issaro kattā nimmātā seṭṭho sajitā vasī pitā bhūtabhabyāna’nti. Tatiyampi kho so, kevaṭṭa, bhikkhu taṃ mahābrahmānaṃ etadavoca – ‘na khohaṃ taṃ, āvuso, evaṃ pucchāmi – ‘‘tvamasi brahmā mahābrahmā abhibhū anabhibhūto aññadatthudaso vasavattī issaro kattā nimmātā seṭṭho sajitā vasī pitā bhūtabhabyāna’’nti. Evañca kho ahaṃ taṃ, āvuso, pucchāmi – ‘‘kattha nu kho, āvuso, ime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’’’ti?
๔๙๕. ‘‘อถ โข โส, เกวฎฺฎ, มหาพฺรหฺมา ตํ ภิกฺขุํ พาหายํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ อปเนตฺวา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘อิเม โข มํ, ภิกฺขุ, พฺรหฺมกายิกา เทวา เอวํ ชานนฺติ, ‘‘นตฺถิ กิญฺจิ พฺรหฺมุโน อญฺญาตํ, นตฺถิ กิญฺจิ พฺรหฺมุโน อทิฎฺฐํ, นตฺถิ กิญฺจิ พฺรหฺมุโน อวิทิตํ, นตฺถิ กิญฺจิ พฺรหฺมุโน อสจฺฉิกต’’นฺติฯ ตสฺมาหํ เตสํ สมฺมุขา น พฺยากาสิํฯ อหมฺปิ โข, ภิกฺขุ, น ชานามิ ยตฺถิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตูติฯ ตสฺมาติห, ภิกฺขุ, ตุเยฺหเวตํ ทุกฺกฎํ, ตุเยฺหเวตํ อปรทฺธํ, ยํ ตฺวํ ตํ ภควนฺตํ อติธาวิตฺวา พหิทฺธา ปริเยฎฺฐิํ อาปชฺชสิ อิมสฺส ปญฺหสฺส เวยฺยากรณายฯ คจฺฉ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ตเมว ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อิมํ ปญฺหํ ปุจฺฉ, ยถา จ เต ภควา พฺยากโรติ, ตถา นํ ธาเรยฺยาสี’ติฯ
495. ‘‘Atha kho so, kevaṭṭa, mahābrahmā taṃ bhikkhuṃ bāhāyaṃ gahetvā ekamantaṃ apanetvā taṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘ime kho maṃ, bhikkhu, brahmakāyikā devā evaṃ jānanti, ‘‘natthi kiñci brahmuno aññātaṃ, natthi kiñci brahmuno adiṭṭhaṃ, natthi kiñci brahmuno aviditaṃ, natthi kiñci brahmuno asacchikata’’nti. Tasmāhaṃ tesaṃ sammukhā na byākāsiṃ. Ahampi kho, bhikkhu, na jānāmi yatthime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātūti. Tasmātiha, bhikkhu, tuyhevetaṃ dukkaṭaṃ, tuyhevetaṃ aparaddhaṃ, yaṃ tvaṃ taṃ bhagavantaṃ atidhāvitvā bahiddhā pariyeṭṭhiṃ āpajjasi imassa pañhassa veyyākaraṇāya. Gaccha tvaṃ, bhikkhu, tameva bhagavantaṃ upasaṅkamitvā imaṃ pañhaṃ puccha, yathā ca te bhagavā byākaroti, tathā naṃ dhāreyyāsī’ti.
๔๙๖. ‘‘อถ โข โส, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย เอวเมว พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต มม ปุรโต ปาตุรโหสิฯ อถ โข โส, เกวฎฺฎ, ภิกฺขุ มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข, เกวฎฺฎ, โส ภิกฺขุ มํ เอตทโวจ – ‘กตฺถ นุ โข, ภเนฺต, อิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติ?
496. ‘‘Atha kho so, kevaṭṭa, bhikkhu – seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya evameva brahmaloke antarahito mama purato pāturahosi. Atha kho so, kevaṭṭa, bhikkhu maṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi, ekamantaṃ nisinno kho, kevaṭṭa, so bhikkhu maṃ etadavoca – ‘kattha nu kho, bhante, ime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’ti?
ตีรทสฺสิสกุณุปมา
Tīradassisakuṇupamā
๔๙๗. ‘‘เอวํ วุเตฺต, อหํ, เกวฎฺฎ, ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจํ – ‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขุ, สามุทฺทิกา วาณิชา ตีรทสฺสิํ สกุณํ คเหตฺวา นาวาย สมุทฺทํ อโชฺฌคาหนฺติฯ เต อตีรทกฺขินิยา นาวาย ตีรทสฺสิํ สกุณํ มุญฺจนฺติฯ โส คจฺฉเตว ปุรตฺถิมํ ทิสํ, คจฺฉติ ทกฺขิณํ ทิสํ, คจฺฉติ ปจฺฉิมํ ทิสํ, คจฺฉติ อุตฺตรํ ทิสํ, คจฺฉติ อุทฺธํ ทิสํ, คจฺฉติ อนุทิสํฯ สเจ โส สมนฺตา ตีรํ ปสฺสติ, ตถาคตโกว 5 โหติฯ สเจ ปน โส สมนฺตา ตีรํ น ปสฺสติ, ตเมว นาวํ ปจฺจาคจฺฉติฯ เอวเมว โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, ยโต ยาว พฺรหฺมโลกา ปริเยสมาโน อิมสฺส ปญฺหสฺส เวยฺยากรณํ นาชฺฌคา, อถ มมเญฺญว สนฺติเก ปจฺจาคโตฯ น โข เอโส, ภิกฺขุ, ปโญฺห เอวํ ปุจฺฉิตโพฺพ – ‘กตฺถ นุ โข, ภเนฺต, อิเม จตฺตาโร มหาภูตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติ?
497. ‘‘Evaṃ vutte, ahaṃ, kevaṭṭa, taṃ bhikkhuṃ etadavocaṃ – ‘bhūtapubbaṃ, bhikkhu, sāmuddikā vāṇijā tīradassiṃ sakuṇaṃ gahetvā nāvāya samuddaṃ ajjhogāhanti. Te atīradakkhiniyā nāvāya tīradassiṃ sakuṇaṃ muñcanti. So gacchateva puratthimaṃ disaṃ, gacchati dakkhiṇaṃ disaṃ, gacchati pacchimaṃ disaṃ, gacchati uttaraṃ disaṃ, gacchati uddhaṃ disaṃ, gacchati anudisaṃ. Sace so samantā tīraṃ passati, tathāgatakova 6 hoti. Sace pana so samantā tīraṃ na passati, tameva nāvaṃ paccāgacchati. Evameva kho tvaṃ, bhikkhu, yato yāva brahmalokā pariyesamāno imassa pañhassa veyyākaraṇaṃ nājjhagā, atha mamaññeva santike paccāgato. Na kho eso, bhikkhu, pañho evaṃ pucchitabbo – ‘kattha nu kho, bhante, ime cattāro mahābhūtā aparisesā nirujjhanti, seyyathidaṃ – pathavīdhātu āpodhātu tejodhātu vāyodhātū’ti?
๔๙๘. ‘‘เอวญฺจ โข เอโส, ภิกฺขุ, ปโญฺห ปุจฺฉิตโพฺพ –
498. ‘‘Evañca kho eso, bhikkhu, pañho pucchitabbo –
‘กตฺถ อาโป จ ปถวี, เตโช วาโย น คาธติ;
‘Kattha āpo ca pathavī, tejo vāyo na gādhati;
กตฺถ ทีฆญฺจ รสฺสญฺจ, อณุํ ถูลํ สุภาสุภํ;
Kattha dīghañca rassañca, aṇuṃ thūlaṃ subhāsubhaṃ;
กตฺถ นามญฺจ รูปญฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌตี’ติฯ
Kattha nāmañca rūpañca, asesaṃ uparujjhatī’ti.
๔๙๙. ‘‘ตตฺร เวยฺยากรณํ ภวติ –
499. ‘‘Tatra veyyākaraṇaṃ bhavati –
‘วิญฺญาณํ อนิทสฺสนํ, อนนฺตํ สพฺพโตปภํ;
‘Viññāṇaṃ anidassanaṃ, anantaṃ sabbatopabhaṃ;
เอตฺถ อาโป จ ปถวี, เตโช วาโย น คาธติฯ
Ettha āpo ca pathavī, tejo vāyo na gādhati.
เอตฺถ ทีฆญฺจ รสฺสญฺจ, อณุํ ถูลํ สุภาสุภํ;
Ettha dīghañca rassañca, aṇuṃ thūlaṃ subhāsubhaṃ;
เอตฺถ นามญฺจ รูปญฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌติ;
Ettha nāmañca rūpañca, asesaṃ uparujjhati;
วิญฺญาณสฺส นิโรเธน, เอเตฺถตํ อุปรุชฺฌตี’ติฯ
Viññāṇassa nirodhena, etthetaṃ uparujjhatī’ti.
๕๐๐. อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน เกวโฎฺฎ คหปติปุโตฺต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
500. Idamavoca bhagavā. Attamano kevaṭṭo gahapatiputto bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.
เกวฎฺฎสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ เอกาทสมํฯ
Kevaṭṭasuttaṃ niṭṭhitaṃ ekādasamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๑๑. เกวฎฺฎสุตฺตวณฺณนา • 11. Kevaṭṭasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๑๑. เกวฎฺฎสุตฺตวณฺณนา • 11. Kevaṭṭasuttavaṇṇanā