Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) |
๑๑. เกวฎฺฎสุตฺตวณฺณนา
11. Kevaṭṭasuttavaṇṇanā
เกวฎฺฎคหปติปุตฺตวตฺถุวณฺณนา
Kevaṭṭagahapatiputtavatthuvaṇṇanā
๔๘๑. เอวํ เม สุตํ…เป.… นาฬนฺทายนฺติ เกวฎฺฎสุตฺตํฯ ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนาฯ ปาวาริกมฺพวเนติ ปาวาริกสฺส อมฺพวเนฯ เกวโฎฺฎติ อิทํ ตสฺส คหปติปุตฺตสฺส นามํฯ โส กิร จตฺตาลีสโกฎิธโน คหปติมหาสาโล อติวิย สโทฺธ ปสโนฺน อโหสิฯ โส สทฺธาธิกตฺตาเยว ‘‘สเจ เอโก ภิกฺขุ อฑฺฒมาสนฺตเรน วา มาสนฺตเรน วา สํวจฺฉเรน วา อากาเส อุปฺปติตฺวา วิวิธานิ ปาฎิหาริยานิ ทเสฺสยฺย, สโพฺพ ชโน อติวิย ปสีเทยฺยฯ ยํนูนาหํ ภควนฺตํ ยาจิตฺวา ปาฎิหาริยกรณตฺถาย เอกํ ภิกฺขุํ อนุชานาเปยฺย’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหฯ
481.Evaṃme sutaṃ…pe… nāḷandāyanti kevaṭṭasuttaṃ. Tatrāyaṃ apubbapadavaṇṇanā. Pāvārikambavaneti pāvārikassa ambavane. Kevaṭṭoti idaṃ tassa gahapatiputtassa nāmaṃ. So kira cattālīsakoṭidhano gahapatimahāsālo ativiya saddho pasanno ahosi. So saddhādhikattāyeva ‘‘sace eko bhikkhu aḍḍhamāsantarena vā māsantarena vā saṃvaccharena vā ākāse uppatitvā vividhāni pāṭihāriyāni dasseyya, sabbo jano ativiya pasīdeyya. Yaṃnūnāhaṃ bhagavantaṃ yācitvā pāṭihāriyakaraṇatthāya ekaṃ bhikkhuṃ anujānāpeyya’’nti cintetvā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā evamāha.
ตตฺถ อิทฺธาติ สมิทฺธา ผีตาติ นานาภณฺฑอุสฺสนฺนตาย วุทฺธิปฺปตฺตาฯ อากิณฺณมนุสฺสาติ อํสกูเฎน อํสกูฎํ ปหริตฺวา วิย วิจรเนฺตหิ มนุเสฺสหิ อากิณฺณาฯ สมาทิสตูติ อาณาเปตุ ฐานนฺตเร ฐเปตุฯ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาติ อุตฺตริมนุสฺสานํ ธมฺมโต, ทสกุสลสงฺขาตโต วา มนุสฺสธมฺมโต อุตฺตริฯ ภิโยฺยโสมตฺตายาติ ปกติยาปิ ปชฺชลิตปทีโป เตลเสฺนหํ ลภิตฺวา วิย อติเรกปฺปมาเณน อภิปฺปสีทิสฺสติฯ น โข อหนฺติ ภควา ราชคหเสฎฺฐิวตฺถุสฺมิํ สิกฺขาปทํ ปญฺญเปสิ, ตสฺมา ‘‘น โข อห’’นฺติอาทิมาหฯ
Tattha iddhāti samiddhā phītāti nānābhaṇḍaussannatāya vuddhippattā. Ākiṇṇamanussāti aṃsakūṭena aṃsakūṭaṃ paharitvā viya vicarantehi manussehi ākiṇṇā. Samādisatūti āṇāpetu ṭhānantare ṭhapetu. Uttarimanussadhammāti uttarimanussānaṃ dhammato, dasakusalasaṅkhātato vā manussadhammato uttari. Bhiyyosomattāyāti pakatiyāpi pajjalitapadīpo telasnehaṃ labhitvā viya atirekappamāṇena abhippasīdissati. Na kho ahanti bhagavā rājagahaseṭṭhivatthusmiṃ sikkhāpadaṃ paññapesi, tasmā ‘‘na kho aha’’ntiādimāha.
๔๘๒. น ธํเสมีติ น คุณวินาสเนน ธํเสมิ, สีลเภทํ ปาเปตฺวา อนุปุเพฺพน อุจฺจฎฺฐานโต โอตาเรโนฺต นีจฎฺฐาเน น ฐเปมิ, อถ โข อหํ พุทฺธสาสนสฺส วุทฺธิํ ปจฺจาสีสโนฺต กเถมีติ ทเสฺสติฯ ตติยมฺปิ โขติ ยาวตติยํ พุทฺธานํ กถํ ปฎิพาหิตฺวา กเถตุํ วิสหโนฺต นาม นตฺถิฯ อยํ ปน ภควตา สทฺธิํ วิสฺสาสิโก วิสฺสาสํ วเฑฺฒตฺวา วลฺลโภ หุตฺวา อตฺถกาโมสฺมีติ ติกฺขตฺตุํ กเถสิฯ
482.Na dhaṃsemīti na guṇavināsanena dhaṃsemi, sīlabhedaṃ pāpetvā anupubbena uccaṭṭhānato otārento nīcaṭṭhāne na ṭhapemi, atha kho ahaṃ buddhasāsanassa vuddhiṃ paccāsīsanto kathemīti dasseti. Tatiyampi khoti yāvatatiyaṃ buddhānaṃ kathaṃ paṭibāhitvā kathetuṃ visahanto nāma natthi. Ayaṃ pana bhagavatā saddhiṃ vissāsiko vissāsaṃ vaḍḍhetvā vallabho hutvā atthakāmosmīti tikkhattuṃ kathesi.
อิทฺธิปาฎิหาริยวณฺณนา
Iddhipāṭihāriyavaṇṇanā
๔๘๓-๔๘๔. อถ ภควา อยํ อุปาสโก มยิ ปฎิพาหเนฺตปิ ปุนปฺปุนํ ยาจติเยวฯ ‘‘หนฺทสฺส ปาฎิหาริยกรเณ อาทีนวํ ทเสฺสมี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘ตีณิ โข’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อมาหํ ภิกฺขุนฺติ อมุํ อหํ ภิกฺขุํฯ คนฺธารีติ คนฺธาเรน นาม อิสินา กตา, คนฺธารรเฎฺฐ วา อุปฺปนฺนา วิชฺชาฯ ตตฺถ กิร พหู อิสโย วสิํสุ, เตสุ เอเกน กตา วิชฺชาติ อธิปฺปาโยฯ อฎฺฎียามีติ อโฎฺฎ ปีฬิโต วิย โหมิฯ หรายามีติ ลชฺชามิฯ ชิคุจฺฉามีติ คูถํ ทิสฺวา วิย ชิคุจฺฉํ อุปฺปาเทมิฯ
483-484. Atha bhagavā ayaṃ upāsako mayi paṭibāhantepi punappunaṃ yācatiyeva. ‘‘Handassa pāṭihāriyakaraṇe ādīnavaṃ dassemī’’ti cintetvā ‘‘tīṇi kho’’tiādimāha. Tattha amāhaṃ bhikkhunti amuṃ ahaṃ bhikkhuṃ. Gandhārīti gandhārena nāma isinā katā, gandhāraraṭṭhe vā uppannā vijjā. Tattha kira bahū isayo vasiṃsu, tesu ekena katā vijjāti adhippāyo. Aṭṭīyāmīti aṭṭo pīḷito viya homi. Harāyāmīti lajjāmi. Jigucchāmīti gūthaṃ disvā viya jigucchaṃ uppādemi.
อาเทสนาปาฎิหาริยวณฺณนา
Ādesanāpāṭihāriyavaṇṇanā
๔๘๕. ปรสตฺตานนฺติ อเญฺญสํ สตฺตานํฯ ทุติยํ ตเสฺสว เววจนํฯ อาทิสตีติ กเถติฯ เจตสิกนฺติ โสมนสฺสโทมนสฺสํ อธิเปฺปตํฯ เอวมฺปิ เต มโนติ เอวํ ตว มโน โสมนสฺสิโต วา โทมนสฺสิโต วา กามวิตกฺกาทิสมฺปยุโตฺต วาฯ ทุติยํ ตเสฺสว เววจนํฯ อิติปิ เต จิตฺตนฺติ อิติ ตว จิตฺตํ, อิทญฺจิทญฺจ อตฺถํ จินฺตยมานํ ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ มณิกา นาม วิชฺชาติ จินฺตามณีติ เอวํ ลทฺธนามา โลเก เอกา วิชฺชา อตฺถิฯ ตาย ปเรสํ จิตฺตํ ชานาตีติ ทีเปติฯ
485.Parasattānanti aññesaṃ sattānaṃ. Dutiyaṃ tasseva vevacanaṃ. Ādisatīti katheti. Cetasikanti somanassadomanassaṃ adhippetaṃ. Evampi te manoti evaṃ tava mano somanassito vā domanassito vā kāmavitakkādisampayutto vā. Dutiyaṃ tasseva vevacanaṃ. Itipi te cittanti iti tava cittaṃ, idañcidañca atthaṃ cintayamānaṃ pavattatīti attho. Maṇikā nāma vijjāti cintāmaṇīti evaṃ laddhanāmā loke ekā vijjā atthi. Tāya paresaṃ cittaṃ jānātīti dīpeti.
อนุสาสนีปาฎิหาริยวณฺณนา
Anusāsanīpāṭihāriyavaṇṇanā
๔๘๖. เอวํ วิตเกฺกถาติ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทโย เอวํ ปวเตฺตนฺตา วิตเกฺกถฯ มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถาติ เอวํ กามวิตกฺกาทโย ปวเตฺตนฺตา มา วิตกฺกยิตฺถฯ เอวํ มนสิ กโรถาติ เอวํ อนิจฺจสญฺญเมว, ทุกฺขสญฺญาทีสุ วา อญฺญตรํ มนสิ กโรถฯ มา เอวนฺติ ‘‘นิจฺจ’’นฺติอาทินา นเยน มา มนสิ กริตฺถฯ อิทนฺติ อิทํ ปญฺจกามคุณิกราคํ ปชหถฯ อิทํ อุปสมฺปชฺชาติ อิทํ จตุมคฺคผลปฺปเภทํ โลกุตฺตรธมฺมเมว อุปสมฺปชฺช ปาปุณิตฺวา นิปฺผาเทตฺวา วิหรถฯ อิติ ภควา อิทฺธิวิธํ อิทฺธิปาฎิหาริยนฺติ ทเสฺสติ, ปรสฺส จิตฺตํ ญตฺวา กถนํ อาเทสนาปาฎิหาริยนฺติฯ สาวกานญฺจ พุทฺธานญฺจ สตตํ ธมฺมเทสนา อนุสาสนีปาฎิหาริยนฺติฯ
486.Evaṃ vitakkethāti nekkhammavitakkādayo evaṃ pavattentā vitakketha. Mā evaṃ vitakkayitthāti evaṃ kāmavitakkādayo pavattentā mā vitakkayittha. Evaṃ manasi karothāti evaṃ aniccasaññameva, dukkhasaññādīsu vā aññataraṃ manasi karotha. Māevanti ‘‘nicca’’ntiādinā nayena mā manasi karittha. Idanti idaṃ pañcakāmaguṇikarāgaṃ pajahatha. Idaṃ upasampajjāti idaṃ catumaggaphalappabhedaṃ lokuttaradhammameva upasampajja pāpuṇitvā nipphādetvā viharatha. Iti bhagavā iddhividhaṃ iddhipāṭihāriyanti dasseti, parassa cittaṃ ñatvā kathanaṃ ādesanāpāṭihāriyanti. Sāvakānañca buddhānañca satataṃ dhammadesanā anusāsanīpāṭihāriyanti.
ตตฺถ อิทฺธิปาฎิหาริเยน อนุสาสนีปาฎิหาริยํ มหาโมคฺคลฺลานสฺส อาจิณฺณํ, อาเทสนาปาฎิหาริเยน อนุสาสนีปาฎิหาริยํ ธมฺมเสนาปติสฺสฯ เทวทเตฺต สํฆํ ภินฺทิตฺวา ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ คเหตฺวา คยาสีเส พุทฺธลีฬาย เตสํ ธมฺมํ เทสเนฺต หิ ภควตา เปสิเตสุ ทฺวีสุ อคฺคสาวเกสุ ธมฺมเสนาปติ เตสํ จิตฺตาจารํ ญตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ , เถรสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปญฺจสตา ภิกฺขู โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิํสุฯ อถ เนสํ มหาโมคฺคลฺลาโน วิกุพฺพนํ ทเสฺสตฺวา ทเสฺสตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, ตํ สุตฺวา สเพฺพ อรหตฺตผเล ปติฎฺฐหิํสุฯ อถ เทฺวปิ มหานาคา ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ คเหตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา เวฬุวนเมวาคมิํสุฯ อนุสาสนีปาฎิหาริยํ ปน พุทฺธานํ สตตํ ธมฺมเทสนา, เตสุ อิทฺธิปาฎิหาริยอาเทสนาปาฎิหาริยานิ สอุปารมฺภานิ สโทสานิ, อทฺธานํ น ติฎฺฐนฺติ, อทฺธานํ อติฎฺฐนโต น นิยฺยนฺติฯ อนุสาสนีปาฎิหาริยํ อนุปารมฺภํ นิโทฺทสํ, อทฺธานํ ติฎฺฐติ, อทฺธานํ ติฎฺฐนโต นิยฺยาติฯ ตสฺมา ภควา อิทฺธิปาฎิหาริยญฺจ อาเทสนาปาฎิหาริยญฺจ ครหติ, อนุสาสนีปาฎิหาริยํเยว ปสํสติฯ
Tattha iddhipāṭihāriyena anusāsanīpāṭihāriyaṃ mahāmoggallānassa āciṇṇaṃ, ādesanāpāṭihāriyena anusāsanīpāṭihāriyaṃ dhammasenāpatissa. Devadatte saṃghaṃ bhinditvā pañca bhikkhusatāni gahetvā gayāsīse buddhalīḷāya tesaṃ dhammaṃ desante hi bhagavatā pesitesu dvīsu aggasāvakesu dhammasenāpati tesaṃ cittācāraṃ ñatvā dhammaṃ desesi , therassa dhammadesanaṃ sutvā pañcasatā bhikkhū sotāpattiphale patiṭṭhahiṃsu. Atha nesaṃ mahāmoggallāno vikubbanaṃ dassetvā dassetvā dhammaṃ desesi, taṃ sutvā sabbe arahattaphale patiṭṭhahiṃsu. Atha dvepi mahānāgā pañca bhikkhusatāni gahetvā vehāsaṃ abbhuggantvā veḷuvanamevāgamiṃsu. Anusāsanīpāṭihāriyaṃ pana buddhānaṃ satataṃ dhammadesanā, tesu iddhipāṭihāriyaādesanāpāṭihāriyāni saupārambhāni sadosāni, addhānaṃ na tiṭṭhanti, addhānaṃ atiṭṭhanato na niyyanti. Anusāsanīpāṭihāriyaṃ anupārambhaṃ niddosaṃ, addhānaṃ tiṭṭhati, addhānaṃ tiṭṭhanato niyyāti. Tasmā bhagavā iddhipāṭihāriyañca ādesanāpāṭihāriyañca garahati, anusāsanīpāṭihāriyaṃyeva pasaṃsati.
ภูตนิโรเธสกวตฺถุวณฺณนา
Bhūtanirodhesakavatthuvaṇṇanā
๔๘๗. ภูตปุพฺพนฺติ อิทํ กสฺมา ภควตา อารทฺธํฯ อิทฺธิปาฎิหาริยอาเทสนาปาฎิหาริยานํ อนิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถํ, อนุสาสนีปาฎิหาริยเสฺสว นิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถํฯ อปิ จ สพฺพพุทฺธานํ มหาภูตปริเยสโก นาเมโก ภิกฺขุ โหติเยวฯ โย มหาภูเต ปริเยสโนฺต ยาว พฺรหฺมโลกา วิจริตฺวา วิสฺสเชฺชตารํ อลภิตฺวา อาคมฺม พุทฺธเมว ปุจฺฉิตฺวา นิกฺกโงฺข โหติฯ ตสฺมา พุทฺธานํ มหนฺตภาวปฺปกาสนตฺถํ, อิทญฺจ การณํ ปฎิจฺฉนฺนํ, อถ นํ วิวฎํ กตฺวา เทเสโนฺตปิ ภควา ‘‘ภูตปุพฺพ’’นฺติอาทิมาหฯ
487.Bhūtapubbanti idaṃ kasmā bhagavatā āraddhaṃ. Iddhipāṭihāriyaādesanāpāṭihāriyānaṃ aniyyānikabhāvadassanatthaṃ, anusāsanīpāṭihāriyasseva niyyānikabhāvadassanatthaṃ. Api ca sabbabuddhānaṃ mahābhūtapariyesako nāmeko bhikkhu hotiyeva. Yo mahābhūte pariyesanto yāva brahmalokā vicaritvā vissajjetāraṃ alabhitvā āgamma buddhameva pucchitvā nikkaṅkho hoti. Tasmā buddhānaṃ mahantabhāvappakāsanatthaṃ, idañca kāraṇaṃ paṭicchannaṃ, atha naṃ vivaṭaṃ katvā desentopi bhagavā ‘‘bhūtapubba’’ntiādimāha.
ตตฺถ กตฺถ นุ โขติ กิสฺมิํ ฐาเน กิํ อาคมฺม กิํ ปตฺตสฺส เต อนวเสสา อปฺปวตฺติวเสน นิรุชฺฌนฺติฯ มหาภูตกถา ปเนสา สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมเคฺค วุตฺตา, ตสฺมา สา ตโตว คเหตพฺพาฯ
Tattha kattha nu khoti kismiṃ ṭhāne kiṃ āgamma kiṃ pattassa te anavasesā appavattivasena nirujjhanti. Mahābhūtakathā panesā sabbākārena visuddhimagge vuttā, tasmā sā tatova gahetabbā.
๔๘๘. เทวยานิโย มโคฺคติ ปาฎิเยโกฺก เทวโลกคมนมโคฺค นาม นตฺถิ, อิทฺธิวิธญาณเสฺสว ปเนตํ อธิวจนํฯ เตน เหส ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วเตฺตโนฺต เทวโลกํ ยาติฯ ตสฺมา ‘‘ตํ เทวยานิโย มโคฺค’’ติ วุตฺตํฯ เยน จาตุมหาราชิกาติ สมีเป ฐิตมฺปิ ภควนฺตํ อปุจฺฉิตฺวา ธมฺมตาย โจทิโต เทวตา มหานุภาวาติ มญฺญมาโน อุปสงฺกมิฯ มยมฺปิ โข, ภิกฺขุ, น ชานามาติ พุทฺธวิสเย ปญฺหํ ปุจฺฉิตา เทวตา น ชานนฺติ , เตเนวมาหํสุฯ อถ โข โส ภิกฺขุ ‘‘มม อิมํ ปญฺหํ น กเถตุํ น ลพฺภา, สีฆํ กเถถา’’ติ ตา เทวตา อโชฺฌตฺถรติ, ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉติ, ตา ‘‘อโชฺฌตฺถรติ โน อยํ ภิกฺขุ, หนฺท นํ หตฺถโต โมเจสฺสามา’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘อตฺถิ โข ภิกฺขุ จตฺตาโร มหาราชาโน’’ติอาทิมาหํสุฯ ตตฺถ อภิกฺกนฺตตราติ อติกฺกมฺม กนฺตตราฯ ปณีตตราติ วณฺณยสอิสฺสริยาทีหิ อุตฺตมตรา เอเตน นเยน สพฺพวาเรสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
488.Devayāniyo maggoti pāṭiyekko devalokagamanamaggo nāma natthi, iddhividhañāṇasseva panetaṃ adhivacanaṃ. Tena hesa yāva brahmalokāpi kāyena vasaṃ vattento devalokaṃ yāti. Tasmā ‘‘taṃ devayāniyo maggo’’ti vuttaṃ. Yena cātumahārājikāti samīpe ṭhitampi bhagavantaṃ apucchitvā dhammatāya codito devatā mahānubhāvāti maññamāno upasaṅkami. Mayampi kho, bhikkhu, na jānāmāti buddhavisaye pañhaṃ pucchitā devatā na jānanti , tenevamāhaṃsu. Atha kho so bhikkhu ‘‘mama imaṃ pañhaṃ na kathetuṃ na labbhā, sīghaṃ kathethā’’ti tā devatā ajjhottharati, punappunaṃ pucchati, tā ‘‘ajjhottharati no ayaṃ bhikkhu, handa naṃ hatthato mocessāmā’’ti cintetvā ‘‘atthi kho bhikkhu cattāro mahārājāno’’tiādimāhaṃsu. Tattha abhikkantatarāti atikkamma kantatarā. Paṇītatarāti vaṇṇayasaissariyādīhi uttamatarā etena nayena sabbavāresu attho veditabbo.
๔๙๑-๔๙๓. อยํ ปน วิเสโส – สโกฺก กิร เทวราชา จิเนฺตสิ ‘‘อยํ ปโญฺห พุทฺธวิสโย, น สกฺกา อเญฺญน วิสฺสชฺชิตุํ, อยญฺจ ภิกฺขุ อคฺคิํ ปหาย ขโชฺชปนกํ ธมโนฺต วิย, เภริํ ปหาย อุทรํ วาเทโนฺต วิย จ, โลเก อคฺคปุคฺคลํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปหาย เทวตา ปุจฺฉโนฺต วิจรติ, เปเสมิ นํ สตฺถุสนฺติก’’นฺติฯ ตโต ปุนเทว โส จิเนฺตสิ ‘‘สุทูรมฺปิ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเกว นิกฺกโงฺข ภวิสฺสติ ฯ อตฺถิ เจว ปุคฺคโล นาเมส, โถกํ ตาว อาหิณฺฑโนฺต กิลมตุ ปจฺฉา ชานิสฺสตี’’ติฯ ตโต ตํ ‘‘อหมฺปิ โข’’ติอาทิมาหฯ พฺรหฺมยานิโยปิ เทวยานิยสทิโสวฯ เทวยานิยมโคฺคติ วา พฺรหฺมยานิยมโคฺคติ วา ธมฺมเสตูติ วา เอกจิตฺตกฺขณิกอปฺปนาติ วา สนฺนิฎฺฐานิกเจตนาติ วา มหคฺคตจิตฺตนฺติ วา อภิญฺญาญาณนฺติ วา สพฺพเมตํ อิทฺธิวิธญาณเสฺสว นามํฯ
491-493. Ayaṃ pana viseso – sakko kira devarājā cintesi ‘‘ayaṃ pañho buddhavisayo, na sakkā aññena vissajjituṃ, ayañca bhikkhu aggiṃ pahāya khajjopanakaṃ dhamanto viya, bheriṃ pahāya udaraṃ vādento viya ca, loke aggapuggalaṃ sammāsambuddhaṃ pahāya devatā pucchanto vicarati, pesemi naṃ satthusantika’’nti. Tato punadeva so cintesi ‘‘sudūrampi gantvā satthu santikeva nikkaṅkho bhavissati . Atthi ceva puggalo nāmesa, thokaṃ tāva āhiṇḍanto kilamatu pacchā jānissatī’’ti. Tato taṃ ‘‘ahampi kho’’tiādimāha. Brahmayāniyopi devayāniyasadisova. Devayāniyamaggoti vā brahmayāniyamaggoti vā dhammasetūti vā ekacittakkhaṇikaappanāti vā sanniṭṭhānikacetanāti vā mahaggatacittanti vā abhiññāñāṇanti vā sabbametaṃ iddhividhañāṇasseva nāmaṃ.
๔๙๔. ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ อาคมนปุพฺพภาเค นิมิตฺตํ สูริยสฺส อุทยโต อรุณุคฺคํ วิยฯ ตสฺมา อิทาเนว พฺรหฺมา อาคมิสฺสติ, เอวํ มยํ ชานามาติ ทีปยิํสุฯ ปาตุรโหสีติ ปากโฎ อโหสิฯ อถ โข โส พฺรหฺมา เตน ภิกฺขุนา ปุโฎฺฐ อตฺตโน อวิสยภาวํ ญตฺวา สจาหํ ‘‘น ชานามี’’ติ วกฺขามิ, อิเม มํ ปริภวิสฺสนฺติ, อถ ชานโนฺต วิย ยํ กิญฺจิ กเถสฺสามิ, อยํ เม ภิกฺขุ เวยฺยากรเณน อนารทฺธจิโตฺต วาทํ อาโรเปสฺสติฯ ‘‘อหมสฺมิ ภิกฺขุ พฺรหฺมา’’ติอาทีนิ ปน เม ภณนฺตสฺส น โกจิ วจนํ สทฺทหิสฺสติฯ ยํนูนาหํ วิเกฺขปํ กตฺวา อิมํ ภิกฺขุํ สตฺถุสนฺติกํเยว เปเสยฺยนฺติ จิเนฺตตฺวา ‘‘อหมสฺมิ ภิกฺขุ พฺรหฺมา’’ติอาทิมาหฯ
494.Pubbanimittanti āgamanapubbabhāge nimittaṃ sūriyassa udayato aruṇuggaṃ viya. Tasmā idāneva brahmā āgamissati, evaṃ mayaṃ jānāmāti dīpayiṃsu. Pāturahosīti pākaṭo ahosi. Atha kho so brahmā tena bhikkhunā puṭṭho attano avisayabhāvaṃ ñatvā sacāhaṃ ‘‘na jānāmī’’ti vakkhāmi, ime maṃ paribhavissanti, atha jānanto viya yaṃ kiñci kathessāmi, ayaṃ me bhikkhu veyyākaraṇena anāraddhacitto vādaṃ āropessati. ‘‘Ahamasmi bhikkhu brahmā’’tiādīni pana me bhaṇantassa na koci vacanaṃ saddahissati. Yaṃnūnāhaṃ vikkhepaṃ katvā imaṃ bhikkhuṃ satthusantikaṃyeva peseyyanti cintetvā ‘‘ahamasmi bhikkhu brahmā’’tiādimāha.
๔๙๕-๔๙๖. เอกมนฺตํ อปเนตฺวาติ กสฺมา เอวมกาสิ? กุหกตฺตาฯ พหิทฺธา ปริเยฎฺฐินฺติ เตลตฺถิโก วาลิกํ นิปฺปีฬิยมาโน วิย ยาว พฺรหฺมโลกา พหิทฺธา ปริเยสนํ อาปชฺชติฯ
495-496.Ekamantaṃapanetvāti kasmā evamakāsi? Kuhakattā. Bahiddhā pariyeṭṭhinti telatthiko vālikaṃ nippīḷiyamāno viya yāva brahmalokā bahiddhā pariyesanaṃ āpajjati.
๔๙๗. สกุณนฺติ กากํ วา กุลลํ วาฯ น โข เอโส, ภิกฺขุ, ปโญฺห เอวํ ปุจฺฉิตโพฺพติ อิทํ ภควา ยสฺมา ปเทเสเนส ปโญฺห ปุจฺฉิตโพฺพ, อยญฺจ โข ภิกฺขุ อนุปาทินฺนเกปิ คเหตฺวา นิปฺปเทสโต ปุจฺฉติ, ตสฺมา ปฎิเสเธติฯ อาจิณฺณํ กิเรตํ พุทฺธานํ, ปุจฺฉามูฬฺหสฺส ชนสฺส ปุจฺฉาย โทสํ ทเสฺสตฺวา ปุจฺฉํ สิกฺขาเปตฺวา ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนํฯ กสฺมา? ปุจฺฉิตุํ อชานิตฺวา ปริปุจฺฉโนฺต ทุวิญฺญาปโย โหติฯ ปญฺหํ สิกฺขาเปโนฺต ปน ‘‘กตฺถ อาโป จา’’ติอาทิมาหฯ
497.Sakuṇanti kākaṃ vā kulalaṃ vā. Na kho eso, bhikkhu, pañho evaṃ pucchitabboti idaṃ bhagavā yasmā padesenesa pañho pucchitabbo, ayañca kho bhikkhu anupādinnakepi gahetvā nippadesato pucchati, tasmā paṭisedheti. Āciṇṇaṃ kiretaṃ buddhānaṃ, pucchāmūḷhassa janassa pucchāya dosaṃ dassetvā pucchaṃ sikkhāpetvā pucchāvissajjanaṃ. Kasmā? Pucchituṃ ajānitvā paripucchanto duviññāpayo hoti. Pañhaṃ sikkhāpento pana ‘‘kattha āpo cā’’tiādimāha.
๔๙๘. ตตฺถ น คาธตีติ น ปติฎฺฐาติ, อิเม จตฺตาโร มหาภูตา กิํ อาคมฺม อปฺปติฎฺฐา ภวนฺตีติ อโตฺถฯ อุปาทินฺนํเยว สนฺธาย ปุจฺฉติฯ ทีฆญฺจ รสฺสญฺจาติ สณฺฐานวเสน อุปาทารูปํ วุตฺตํฯ อณุํ ถูลนฺติ ขุทฺทกํ วา มหนฺตํ วา, อิมินาปิ อุปาทารูเป วณฺณมตฺตเมว กถิตํฯ สุภาสุภนฺติ สุภญฺจ อสุภญฺจ อุปาทารูปเมว กถิตํฯ กิํ ปน อุปาทารูปํ สุภนฺติ อสุภนฺติ อตฺถิ? นตฺถิฯ อิฎฺฐานิฎฺฐารมฺมณํ ปเนว กถิตํฯ นามญฺจ รูปญฺจาติ นามญฺจ ทีฆาทิเภทํ รูปญฺจฯ อุปรุชฺฌตีติ นิรุชฺฌติ, กิํ อาคมฺม อเสสเมตํ นปฺปวตฺตตีติฯ
498. Tattha na gādhatīti na patiṭṭhāti, ime cattāro mahābhūtā kiṃ āgamma appatiṭṭhā bhavantīti attho. Upādinnaṃyeva sandhāya pucchati. Dīghañca rassañcāti saṇṭhānavasena upādārūpaṃ vuttaṃ. Aṇuṃ thūlanti khuddakaṃ vā mahantaṃ vā, imināpi upādārūpe vaṇṇamattameva kathitaṃ. Subhāsubhanti subhañca asubhañca upādārūpameva kathitaṃ. Kiṃ pana upādārūpaṃ subhanti asubhanti atthi? Natthi. Iṭṭhāniṭṭhārammaṇaṃ paneva kathitaṃ. Nāmañca rūpañcāti nāmañca dīghādibhedaṃ rūpañca. Uparujjhatīti nirujjhati, kiṃ āgamma asesametaṃ nappavattatīti.
เอวํ ปุจฺฉิตพฺพํ สิยาติ ปุจฺฉํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ วิสฺสชฺชนํ ทเสฺสโนฺต ตตฺร เวยฺยากรณํ ภวตีติ วตฺวา – ‘‘วิญฺญาณ’’นฺติอาทิมาหฯ
Evaṃ pucchitabbaṃ siyāti pucchaṃ dassetvā idāni vissajjanaṃ dassento tatra veyyākaraṇaṃ bhavatīti vatvā – ‘‘viññāṇa’’ntiādimāha.
๔๙๙. ตตฺถ วิญฺญาตพฺพนฺติ วิญฺญาณํ นิพฺพานเสฺสตํ นามํ, ตเทตํ นิทสฺสนาภาวโต อนิทสฺสนํฯ อุปฺปาทโนฺต วา วยโนฺต วา ฐิตสฺส อญฺญถตฺตโนฺต วา เอตสฺส นตฺถีติ อนนฺตํฯ ปภนฺติ ปเนตํ กิร ติตฺถสฺส นามํ, ตญฺหิ ปปนฺติ เอตฺถาติ ปปํ, ปการสฺส ปน ภกาโร กโตฯ สพฺพโต ปภมสฺสาติ สพฺพโตปภํฯ นิพฺพานสฺส กิร ยถา มหาสมุทฺทสฺส ยโต ยโต โอตริตุกามา โหนฺติ, ตํ ตเทว ติตฺถํ, อติตฺถํ นาม นตฺถิฯ เอวเมว อฎฺฐติํสาย กมฺมฎฺฐาเนสุ เยน เยน มุเขน นิพฺพานํ โอตริตุกามา โหนฺติ, ตํ ตเทว ติตฺถํ, นิพฺพานสฺส อติตฺถํ นาม นตฺถิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพโตปภ’’นฺติฯ เอตฺถ อาโป จาติ เอตฺถ นิพฺพาเน อิทํ นิพฺพานํ อาคมฺม สพฺพเมตํ อาโปติอาทินา นเยน วุตฺตํ อุปาทินฺนก ธมฺมชาตํ นิรุชฺฌติ, อปฺปวตฺตํ โหตีติฯ
499. Tattha viññātabbanti viññāṇaṃ nibbānassetaṃ nāmaṃ, tadetaṃ nidassanābhāvato anidassanaṃ. Uppādanto vā vayanto vā ṭhitassa aññathattanto vā etassa natthīti anantaṃ. Pabhanti panetaṃ kira titthassa nāmaṃ, tañhi papanti etthāti papaṃ, pakārassa pana bhakāro kato. Sabbato pabhamassāti sabbatopabhaṃ. Nibbānassa kira yathā mahāsamuddassa yato yato otaritukāmā honti, taṃ tadeva titthaṃ, atitthaṃ nāma natthi. Evameva aṭṭhatiṃsāya kammaṭṭhānesu yena yena mukhena nibbānaṃ otaritukāmā honti, taṃ tadeva titthaṃ, nibbānassa atitthaṃ nāma natthi. Tena vuttaṃ ‘‘sabbatopabha’’nti. Ettha āpo cāti ettha nibbāne idaṃ nibbānaṃ āgamma sabbametaṃ āpotiādinā nayena vuttaṃ upādinnaka dhammajātaṃ nirujjhati, appavattaṃ hotīti.
อิทานิสฺส นิรุชฺฌนูปายํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิญฺญาณสฺส นิโรเธน เอเตฺถตํ อุปรุชฺฌตี’’ติ อาหฯ ตตฺถ วิญฺญาณนฺติ จริมกวิญฺญาณมฺปิ อภิสงฺขารวิญฺญาณมฺปิ , จริมกวิญฺญาณสฺสาปิ หิ นิโรเธน เอเตฺถตํ อุปรุชฺฌติฯ วิชฺฌาตทีปสิขา วิย อปณฺณตฺติกภาวํ ยาติฯ อภิสงฺขารวิญฺญาณสฺสาปิ อนุปฺปาทนิโรเธน อนุปฺปาทวเสน อุปรุชฺฌติฯ ยถาห ‘‘โสตาปตฺติมคฺคญาเณน อภิสงฺขารวิญฺญาณสฺส นิโรเธน ฐเปตฺวา สตฺตภเว อนมตเคฺค สํสาเร เย อุปฺปเชฺชยฺยุํ นามญฺจ รูปญฺจ เอเตฺถเต นิรุชฺฌนฺตี’’ติ สพฺพํ จูฬนิเทฺทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Idānissa nirujjhanūpāyaṃ dassento ‘‘viññāṇassa nirodhena etthetaṃ uparujjhatī’’ti āha. Tattha viññāṇanti carimakaviññāṇampi abhisaṅkhāraviññāṇampi , carimakaviññāṇassāpi hi nirodhena etthetaṃ uparujjhati. Vijjhātadīpasikhā viya apaṇṇattikabhāvaṃ yāti. Abhisaṅkhāraviññāṇassāpi anuppādanirodhena anuppādavasena uparujjhati. Yathāha ‘‘sotāpattimaggañāṇena abhisaṅkhāraviññāṇassa nirodhena ṭhapetvā sattabhave anamatagge saṃsāre ye uppajjeyyuṃ nāmañca rūpañca etthete nirujjhantī’’ti sabbaṃ cūḷaniddese vuttanayeneva veditabbaṃ. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ
Iti sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ
เกวฎฺฎสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kevaṭṭasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๑๑. เกวฎฺฎสุตฺตํ • 11. Kevaṭṭasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๑๑. เกวฎฺฎสุตฺตวณฺณนา • 11. Kevaṭṭasuttavaṇṇanā