Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๐] ๑๐. ขทิรงฺคารชาตกวณฺณนา
[40] 10. Khadiraṅgārajātakavaṇṇanā
กามํ ปตามิ นิรยนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อนาถปิณฺฑิกํ อารพฺภ กเถสิฯ อนาถปิณฺฑิโก หิ วิหารเมว อารพฺภ จตุปญฺญาสโกฎิธนํ พุทฺธสาสเน ปริจฺจชิตฺวา วิกิริตฺวา ฐเปตฺวา ตีณิ รตนานิ อญฺญตฺถ รตนสญฺญเมว อนุปฺปาเทตฺวา สตฺถริ เชตวเน วิหรเนฺต เทวสิกํ ตีณิ มหาอุปฎฺฐานานิ คจฺฉติฯ ปาโตว เอกวารํ คจฺฉติ, กตปาตราโส เอกวารํ, สายเนฺห เอกวารํฯ อญฺญานิปิ อนฺตรนฺตรุปฎฺฐานานิ โหนฺติเยวฯ คจฺฉโนฺต จ ‘‘กิํ นุ โข อาทาย อาคโตติ สามเณรา วา ทหรา วา หตฺถมฺปิ เม โอโลเกยฺยุ’’นฺติ ตุจฺฉหโตฺถ นาม น คตปุโพฺพฯ ปาโตว คจฺฉโนฺต ยาคุํ คาหาเปตฺวา คจฺฉติ, กตปาตราโส สปฺปินวนีตมธุผาณิตาทีนิปิ, สายนฺหสมเย คนฺธมาลาวตฺถาทิหโตฺถติฯ เอวํ ทิวเส ทิวเส ปริจฺจชนฺตสฺส ปนสฺส ปริจฺจาเค ปมาณํ นตฺถิฯ
Kāmaṃ patāmi nirayanti idaṃ satthā jetavane viharanto anāthapiṇḍikaṃ ārabbha kathesi. Anāthapiṇḍiko hi vihārameva ārabbha catupaññāsakoṭidhanaṃ buddhasāsane pariccajitvā vikiritvā ṭhapetvā tīṇi ratanāni aññattha ratanasaññameva anuppādetvā satthari jetavane viharante devasikaṃ tīṇi mahāupaṭṭhānāni gacchati. Pātova ekavāraṃ gacchati, katapātarāso ekavāraṃ, sāyanhe ekavāraṃ. Aññānipi antarantarupaṭṭhānāni hontiyeva. Gacchanto ca ‘‘kiṃ nu kho ādāya āgatoti sāmaṇerā vā daharā vā hatthampi me olokeyyu’’nti tucchahattho nāma na gatapubbo. Pātova gacchanto yāguṃ gāhāpetvā gacchati, katapātarāso sappinavanītamadhuphāṇitādīnipi, sāyanhasamaye gandhamālāvatthādihatthoti. Evaṃ divase divase pariccajantassa panassa pariccāge pamāṇaṃ natthi.
พหู โวหารูปชีวิโนปิสฺส หตฺถโต ปเณฺณ อาโรเปตฺวา อฎฺฐารสโกฎิสงฺขฺยํ ธนํ อิณํ คณฺหิํสุ, เต มหาเสฎฺฐิ น อาหราเปติฯ อญฺญา ปนสฺส กุลสนฺตกา อฎฺฐารส โกฎิโย นทีตีเร นิทหิตฺวา ฐปิตา อจิรวโตทเกน นทีกูเล ภิเนฺน มหาสมุทฺทํ ปวิฎฺฐา, ตา ยถาปิหิตลญฺฉิ ตาว โลหจาฎิโย อณฺฑวกุจฺฉิยํ ปวฎฺฎนฺตา วิจรนฺติฯ เคเห ปนสฺส ปญฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ นิจฺจภตฺตํ นิพทฺธเมว โหติฯ เสฎฺฐิโน หิ เคหํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จตุมหาปเถ ขตโปกฺขรณิสทิสํ, สพฺพภิกฺขูนํ มาตาปิตุฎฺฐาเน ฐิตํฯ เตนสฺส ฆรํ สมฺมาสมฺพุโทฺธปิ คจฺฉติ, อสีติมหาเถราปิ คจฺฉนฺติเยวฯ เสสภิกฺขูนํ ปน คจฺฉนฺตานญฺจ อาคจฺฉนฺตานญฺจ ปมาณํ นตฺถิฯ ตํ ปน ฆรํ สตฺตภูมกํ สตฺตทฺวารโกฎฺฐกปฎิมณฺฑิตํ, ตสฺส จตุเตฺถ ทฺวารโกฎฺฐเก เอกา มิจฺฉาทิฎฺฐิกา เทวตา วสติ, สา สมฺมาสมฺพุเทฺธ เคหํ ปวิสเนฺต อตฺตโน วิมาเน ฐาตุํ น สโกฺกติ, ทารเก คเหตฺวา โอตริตฺวา ภูมิยํ ติฎฺฐติฯ อสีติมหาเถเรสุปิ อวเสสเตฺถเรสุปิ ปวิสเนฺตสุ จ นิกฺขมเนฺตสุ จ ตเถว กโรติฯ สา จิเนฺตสิ ‘‘สมเณ โคตเม จ สาวเกสุ จสฺส อิมํ เคหํ ปวิสเนฺตสุ มยฺหํ สุขํ นาม นตฺถิ, นิจฺจกาลํ โอตริตฺวา โอตริตฺวา ภูมิยํ ฐาตุํ น สกฺขิสฺสามิฯ ยถา อิเม เอตํ ฆรํ น ปวิสนฺติ, ตถา มยา กาตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ อเถกทิวสํ สยนูปคตเสฺสว มหากมฺมนฺติกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา อฎฺฐาสิฯ ‘‘โก เอตฺถา’’ติ จ วุเตฺต ‘‘อหํ จตุตฺถทฺวารโกฎฺฐเก นิพฺพตฺตเทวตา’’ติ อาหฯ ‘‘กสฺมา อาคตาสี’’ติ? ‘‘กิํ ตุเมฺห เสฎฺฐิสฺส กิริยํ น ปสฺสถ, อตฺตโน ปจฺฉิมกาลํ อโนโลเกตฺวา ธนํ นีหริตฺวา สมณํ โคตมํเยว ปูเชติ, เนว วณิชฺชํ ปโยเชติ, น กมฺมเนฺต ปฎฺฐเปติ, ตุเมฺห เสฎฺฐิํ ตถา โอวทถ, ยถา อตฺตโน กมฺมนฺตํ กโรติฯ ยถา จ สมโณ โคตโม สสาวโก อิมํ ฆรํ น ปวิสติ, ตถา กโรถา’’ติฯ อถ นํ โส อาห ‘‘พาลเทวเต, เสฎฺฐิ ธนํ วิสฺสเชฺชโนฺต นิยฺยานิเก พุทฺธสาสเน วิสฺสเชฺชติ, โส สเจ มํ จูฬายํ คเหตฺวา วิกฺกิณิสฺสติ, เนวาหํ กิญฺจิ กเถสฺสามิ, คจฺฉ ตฺวํ’’นฺติฯ สา ปุเนกทิวสํ เสฎฺฐิโน เชฎฺฐปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตเถว โอวทิ, โสปิ ตํ ปุริมนเยเนว ตเชฺชสิฯ เสฎฺฐินา ปน สทฺธิํ กเถตุํเยว น สโกฺกติฯ
Bahū vohārūpajīvinopissa hatthato paṇṇe āropetvā aṭṭhārasakoṭisaṅkhyaṃ dhanaṃ iṇaṃ gaṇhiṃsu, te mahāseṭṭhi na āharāpeti. Aññā panassa kulasantakā aṭṭhārasa koṭiyo nadītīre nidahitvā ṭhapitā aciravatodakena nadīkūle bhinne mahāsamuddaṃ paviṭṭhā, tā yathāpihitalañchi tāva lohacāṭiyo aṇḍavakucchiyaṃ pavaṭṭantā vicaranti. Gehe panassa pañcannaṃ bhikkhusatānaṃ niccabhattaṃ nibaddhameva hoti. Seṭṭhino hi gehaṃ bhikkhusaṅghassa catumahāpathe khatapokkharaṇisadisaṃ, sabbabhikkhūnaṃ mātāpituṭṭhāne ṭhitaṃ. Tenassa gharaṃ sammāsambuddhopi gacchati, asītimahātherāpi gacchantiyeva. Sesabhikkhūnaṃ pana gacchantānañca āgacchantānañca pamāṇaṃ natthi. Taṃ pana gharaṃ sattabhūmakaṃ sattadvārakoṭṭhakapaṭimaṇḍitaṃ, tassa catutthe dvārakoṭṭhake ekā micchādiṭṭhikā devatā vasati, sā sammāsambuddhe gehaṃ pavisante attano vimāne ṭhātuṃ na sakkoti, dārake gahetvā otaritvā bhūmiyaṃ tiṭṭhati. Asītimahātheresupi avasesattheresupi pavisantesu ca nikkhamantesu ca tatheva karoti. Sā cintesi ‘‘samaṇe gotame ca sāvakesu cassa imaṃ gehaṃ pavisantesu mayhaṃ sukhaṃ nāma natthi, niccakālaṃ otaritvā otaritvā bhūmiyaṃ ṭhātuṃ na sakkhissāmi. Yathā ime etaṃ gharaṃ na pavisanti, tathā mayā kātuṃ vaṭṭatī’’ti. Athekadivasaṃ sayanūpagatasseva mahākammantikassa santikaṃ gantvā obhāsaṃ pharitvā aṭṭhāsi. ‘‘Ko etthā’’ti ca vutte ‘‘ahaṃ catutthadvārakoṭṭhake nibbattadevatā’’ti āha. ‘‘Kasmā āgatāsī’’ti? ‘‘Kiṃ tumhe seṭṭhissa kiriyaṃ na passatha, attano pacchimakālaṃ anoloketvā dhanaṃ nīharitvā samaṇaṃ gotamaṃyeva pūjeti, neva vaṇijjaṃ payojeti, na kammante paṭṭhapeti, tumhe seṭṭhiṃ tathā ovadatha, yathā attano kammantaṃ karoti. Yathā ca samaṇo gotamo sasāvako imaṃ gharaṃ na pavisati, tathā karothā’’ti. Atha naṃ so āha ‘‘bāladevate, seṭṭhi dhanaṃ vissajjento niyyānike buddhasāsane vissajjeti, so sace maṃ cūḷāyaṃ gahetvā vikkiṇissati, nevāhaṃ kiñci kathessāmi, gaccha tvaṃ’’nti. Sā punekadivasaṃ seṭṭhino jeṭṭhaputtaṃ upasaṅkamitvā tatheva ovadi, sopi taṃ purimanayeneva tajjesi. Seṭṭhinā pana saddhiṃ kathetuṃyeva na sakkoti.
เสฎฺฐิโนปิ นิรนฺตรํ ทานํ เทนฺตสฺส โวหาเร อกโรนฺตสฺส อาเย มนฺทีภูเต ธนํ ปริกฺขยํ อคมาสิฯ อถสฺส อนุกฺกเมน ทาลิทฺทิยปฺปตฺตสฺส ปริโภคสาฎกสยนโภชนานิปิ ปุราณสทิสานิ น ภวิํสุฯ เอวํภูโตปิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ เทติ, ปณีตํ ปน กตฺวา ทาตุํ น สโกฺกติ ฯ อถ นํ เอกทิวสํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ สตฺถา ‘‘ทียติ ปน เต, คหปติ, กุเล ทาน’’นฺติ ปุจฺฉิฯ โส ‘‘ทียติ, ภเนฺต, ตญฺจ โข กณาชกํ พิลงฺคทุติย’’นฺติ อาหฯ อถ นํ สตฺถา ‘‘คหปติ, ‘ลูขํ ทานํ เทมี’ติ มา จิตฺตํ สโงฺกจยิตฺถ ฯ จิตฺตสฺมิญฺหิ ปณีเต พุทฺธปเจฺจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ ทินฺนทานํ ลูขํ นาม น โหติฯ กสฺมา? วิปากมหนฺตตฺตา’’ติ อาหฯ จิตฺตญฺหิ ปณีตํ กาตุํ สโกฺกนฺตสฺส ทานํ ลูขํ นาม นตฺถีติ เจตํ เอวํ เวทิตพฺพํ –
Seṭṭhinopi nirantaraṃ dānaṃ dentassa vohāre akarontassa āye mandībhūte dhanaṃ parikkhayaṃ agamāsi. Athassa anukkamena dāliddiyappattassa paribhogasāṭakasayanabhojanānipi purāṇasadisāni na bhaviṃsu. Evaṃbhūtopi bhikkhusaṅghassa dānaṃ deti, paṇītaṃ pana katvā dātuṃ na sakkoti . Atha naṃ ekadivasaṃ vanditvā nisinnaṃ satthā ‘‘dīyati pana te, gahapati, kule dāna’’nti pucchi. So ‘‘dīyati, bhante, tañca kho kaṇājakaṃ bilaṅgadutiya’’nti āha. Atha naṃ satthā ‘‘gahapati, ‘lūkhaṃ dānaṃ demī’ti mā cittaṃ saṅkocayittha . Cittasmiñhi paṇīte buddhapaccekabuddhabuddhasāvakānaṃ dinnadānaṃ lūkhaṃ nāma na hoti. Kasmā? Vipākamahantattā’’ti āha. Cittañhi paṇītaṃ kātuṃ sakkontassa dānaṃ lūkhaṃ nāma natthīti cetaṃ evaṃ veditabbaṃ –
‘‘นตฺถิ จิเตฺต ปสนฺนมฺหิ, อปฺปกา นาม ทกฺขิณา;
‘‘Natthi citte pasannamhi, appakā nāma dakkhiṇā;
ตถาคเต วา สมฺพุเทฺธ, อถ วา ตสฺส สาวเกฯ (วิ. ว. ๘๐๔);
Tathāgate vā sambuddhe, atha vā tassa sāvake. (vi. va. 804);
‘‘น กิรตฺถิ อโนมทสฺสิสุ, ปาริจริยา พุเทฺธสุ อปฺปกา;
‘‘Na kiratthi anomadassisu, pāricariyā buddhesu appakā;
สุกฺขาย อโลณิกาย จ, ปสฺส ผลํ กุมฺมาสปิณฺฑิยา’’ติฯ
Sukkhāya aloṇikāya ca, passa phalaṃ kummāsapiṇḍiyā’’ti.
อปรมฺปิ นํ อาห ‘‘คหปติ, ตฺวํ ตาว ลูขํ ทานํ ททมาโน อฎฺฐนฺนํ อริยปุคฺคลานํ เทสิ, อหํ เวลามกาเล สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา สตฺต รตนานิ ททมาโน ปญฺจ มหานทิโย เอโกฆปุณฺณํ กตฺวา วิย จ มหาทานํ ปวตฺตยมาโน ติสรณคตํ วา ปญฺจสีลรกฺขนกํ วา กญฺจิ นาลตฺถํ, ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลา นาม เอวํ ทุลฺลภาฯ ตสฺมา ‘ลูขํ เม ทาน’นฺติ มา จิตฺตํ สโงฺกจยิตฺถา’’ติ เอวญฺจ ปน วตฺวา เวลามสุตฺตํ (อ. นิ. ๙.๒๐) กเถสิฯ
Aparampi naṃ āha ‘‘gahapati, tvaṃ tāva lūkhaṃ dānaṃ dadamāno aṭṭhannaṃ ariyapuggalānaṃ desi, ahaṃ velāmakāle sakalajambudīpaṃ unnaṅgalaṃ katvā satta ratanāni dadamāno pañca mahānadiyo ekoghapuṇṇaṃ katvā viya ca mahādānaṃ pavattayamāno tisaraṇagataṃ vā pañcasīlarakkhanakaṃ vā kañci nālatthaṃ, dakkhiṇeyyapuggalā nāma evaṃ dullabhā. Tasmā ‘lūkhaṃ me dāna’nti mā cittaṃ saṅkocayitthā’’ti evañca pana vatvā velāmasuttaṃ (a. ni. 9.20) kathesi.
อถ โข สา เทวตา อิสฺสรกาเล เสฎฺฐินา สทฺธิํ กเถตุมฺปิ อสโกฺกนฺตี ‘‘อิทานายํ ทุคฺคตตฺตา มม วจนํ คณฺหิสฺสตี’’ติ มญฺญมานา อฑฺฒรตฺตสมเย สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา อากาเส อฎฺฐาสิฯ เสฎฺฐิ ตํ ทิสฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ อาหฯ ‘‘อหํ มหาเสฎฺฐิ จตุตฺถทฺวารโกฎฺฐเก อธิวตฺถา, เทวตา’’ติฯ ‘‘กิมตฺถมาคตาสี’’ติ? ‘‘ตุยฺหํ โอวาทํ กเถตุกามา หุตฺวา อาคจฺฉามี’’ติฯ ‘‘เตน หิ กเถหี’’ติฯ มหาเสฎฺฐิ ตฺวํ ปจฺฉิมกาลํ น จิเนฺตสิ, ปุตฺตธีตโร น โอโลเกสิ, สมณสฺส เต โคตมสฺส สาสเน พหุํ ธนํ วิปฺปกิณฺณํ, โส ตฺวํ อติเวลํ ธนวิสฺสชฺชเนน วา วณิชฺชาทิกมฺมานํ อกรเณน วา สมณํ โคตมํ นิสฺสาย ทุคฺคโต ชาโต, เอวํภูโตปิ สมณํ โคตมํ น มุญฺจสิ, อชฺชปิ เต สมณา ฆรํ ปวิสนฺติเยวฯ ยํ ตาว เตหิ นีตํ, ตํ น สกฺกา ปจฺจาหราเปตุํ, คหิตํ คหิตเมว โหตุ, อิโต ปฎฺฐาย ปน สยญฺจ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ มา คมิตฺถ, สาวกานญฺจสฺส อิมํ ฆรํ ปวิสิตุํ มา อทาสิ, สมณํ โคตมํ นิวตฺติตฺวาปิ อโนโลเกโนฺต อตฺตโน โวหาเร จ วณิชฺชญฺจ กตฺวา กุฎุมฺพํ สณฺฐเปหี’’ติฯ อถ นํ โส เอวมาห ‘‘อยํ ตยา มยฺหํ ทาตพฺพโอวาโท’’ติฯ ‘‘อาม, อยฺยา’’ติฯ ตาทิสานํ เทวตานํ สเตนปิ สหเสฺสนปิ สตสหเสฺสนปิ อกมฺปนีโย อหํ ทสพเลน กโตฯ มม หิ สทฺธา สิเนรุ วิย อจลา สุปฺปติฎฺฐิตา, มยา นิยฺยานิเก รตนสาสเน ธนํ วิสฺสชฺชิตํ, อยุตฺตํ เต กถิตํ, พุทฺธสาสเน ปหาโร ทิโนฺน, เอวรูปาย อนาจาราย ทุสฺสีลาย กาฬกณฺณิยา สทฺธิํ ตยา มม เอกเคเห วสนกิจฺจํ นตฺถิ, สีฆํ มม เคหา นิกฺขมิตฺวา อญฺญตฺถ คจฺฉาติฯ
Atha kho sā devatā issarakāle seṭṭhinā saddhiṃ kathetumpi asakkontī ‘‘idānāyaṃ duggatattā mama vacanaṃ gaṇhissatī’’ti maññamānā aḍḍharattasamaye sirigabbhaṃ pavisitvā obhāsaṃ pharitvā ākāse aṭṭhāsi. Seṭṭhi taṃ disvā ‘‘ko eso’’ti āha. ‘‘Ahaṃ mahāseṭṭhi catutthadvārakoṭṭhake adhivatthā, devatā’’ti. ‘‘Kimatthamāgatāsī’’ti? ‘‘Tuyhaṃ ovādaṃ kathetukāmā hutvā āgacchāmī’’ti. ‘‘Tena hi kathehī’’ti. Mahāseṭṭhi tvaṃ pacchimakālaṃ na cintesi, puttadhītaro na olokesi, samaṇassa te gotamassa sāsane bahuṃ dhanaṃ vippakiṇṇaṃ, so tvaṃ ativelaṃ dhanavissajjanena vā vaṇijjādikammānaṃ akaraṇena vā samaṇaṃ gotamaṃ nissāya duggato jāto, evaṃbhūtopi samaṇaṃ gotamaṃ na muñcasi, ajjapi te samaṇā gharaṃ pavisantiyeva. Yaṃ tāva tehi nītaṃ, taṃ na sakkā paccāharāpetuṃ, gahitaṃ gahitameva hotu, ito paṭṭhāya pana sayañca samaṇassa gotamassa santikaṃ mā gamittha, sāvakānañcassa imaṃ gharaṃ pavisituṃ mā adāsi, samaṇaṃ gotamaṃ nivattitvāpi anolokento attano vohāre ca vaṇijjañca katvā kuṭumbaṃ saṇṭhapehī’’ti. Atha naṃ so evamāha ‘‘ayaṃ tayā mayhaṃ dātabbaovādo’’ti. ‘‘Āma, ayyā’’ti. Tādisānaṃ devatānaṃ satenapi sahassenapi satasahassenapi akampanīyo ahaṃ dasabalena kato. Mama hi saddhā sineru viya acalā suppatiṭṭhitā, mayā niyyānike ratanasāsane dhanaṃ vissajjitaṃ, ayuttaṃ te kathitaṃ, buddhasāsane pahāro dinno, evarūpāya anācārāya dussīlāya kāḷakaṇṇiyā saddhiṃ tayā mama ekagehe vasanakiccaṃ natthi, sīghaṃ mama gehā nikkhamitvā aññattha gacchāti.
สา โสตาปนฺนสฺส อริยสาวกสฺส วจนํ สุตฺวา ฐาตุํ อสโกฺกนฺตี อตฺตโน วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา ทารเก หเตฺถน คเหตฺวา นิกฺขมิฯ นิกฺขมิตฺวา จ ปน อญฺญตฺถ วสนฎฺฐานํ อลภมานา ‘‘เสฎฺฐิํ ขมาเปตฺวา ตเตฺถว วสิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา นครปริคฺคาหกเทวปุตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา อฎฺฐาสิฯ ‘‘เกนเฎฺฐน อาคตาสี’’ติ จ วุเตฺต ‘‘อหํ สามิ, อตฺตโน พาลตาย อนุปธาเรตฺวา อนาถปิณฺฑิเกน เสฎฺฐินา สทฺธิํ กเถสิํ, โส มํ กุชฺฌิตฺวา วสนฎฺฐานา นิกฺกฑฺฒิ, มํ เสฎฺฐิสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ขมาเปตฺวา วสนฎฺฐานํ เม เทถา’’ติฯ ‘‘กิํ ปน ตยา เสฎฺฐิ วุโตฺต’’ติ ‘‘อิโต ปฎฺฐาย พุทฺธุปฎฺฐานํ สงฺฆุปฎฺฐานํ มา กริ, สมณสฺส โคตมสฺส ฆรปฺปเวสนํ มา อทาสี’’ติ ‘‘เอวํ เม วุโตฺต, สามี’’ติฯ อยุตฺตํ ตยา วุตฺตํ, สาสเน ปหาโร ทิโนฺน, ‘‘อหํ ตํ อาทาย เสฎฺฐิโน สนฺติกํ คนฺตุํ น อุสฺสหามี’’ติฯ สา ตสฺส สนฺติกา สงฺคหํ อลภิตฺวา จตุนฺนํ มหาราชานํ สนฺติกํ อคมาสิฯ
Sā sotāpannassa ariyasāvakassa vacanaṃ sutvā ṭhātuṃ asakkontī attano vasanaṭṭhānaṃ gantvā dārake hatthena gahetvā nikkhami. Nikkhamitvā ca pana aññattha vasanaṭṭhānaṃ alabhamānā ‘‘seṭṭhiṃ khamāpetvā tattheva vasissāmī’’ti cintetvā nagarapariggāhakadevaputtassa santikaṃ gantvā taṃ vanditvā aṭṭhāsi. ‘‘Kenaṭṭhena āgatāsī’’ti ca vutte ‘‘ahaṃ sāmi, attano bālatāya anupadhāretvā anāthapiṇḍikena seṭṭhinā saddhiṃ kathesiṃ, so maṃ kujjhitvā vasanaṭṭhānā nikkaḍḍhi, maṃ seṭṭhissa santikaṃ netvā khamāpetvā vasanaṭṭhānaṃ me dethā’’ti. ‘‘Kiṃ pana tayā seṭṭhi vutto’’ti ‘‘ito paṭṭhāya buddhupaṭṭhānaṃ saṅghupaṭṭhānaṃ mā kari, samaṇassa gotamassa gharappavesanaṃ mā adāsī’’ti ‘‘evaṃ me vutto, sāmī’’ti. Ayuttaṃ tayā vuttaṃ, sāsane pahāro dinno, ‘‘ahaṃ taṃ ādāya seṭṭhino santikaṃ gantuṃ na ussahāmī’’ti. Sā tassa santikā saṅgahaṃ alabhitvā catunnaṃ mahārājānaṃ santikaṃ agamāsi.
เตหิปิ ตเถว ปฎิกฺขิตฺตา สกฺกํ เทวราชํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปวตฺติํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อหํ, เทว, วสนฎฺฐานํ อลภมานา ทารเก หเตฺถน คเหตฺวา อนาถา วิจรามิ, ตุมฺหากํ สิริยา มยฺหํ วสนฎฺฐานํ ทาเปถา’’ติ สุฎฺฐุตรํ ยาจิฯ โสปิ นํ อาห ‘‘ตยา อยุตฺตํ กตํ, ชินสาสเน ปหาโร ทิโนฺน, อหมฺปิ ตํ นิสฺสาย เสฎฺฐินา สทฺธิํ กเถตุํ น สโกฺกมิ, เอกํ ปน เต เสฎฺฐิสฺส ขมนูปายํ กเถสฺสามี’’ติฯ ‘‘สาธุ, เทว, กเถหี’’ติฯ มหาเสฎฺฐิสฺส หตฺถโต มนุเสฺสหิ ปเณฺณ อาโรเปตฺวา อฎฺฐารสโกฎิสงฺขฺยํ ธนํ คหิตํ อตฺถิ, ตฺวํ ตสฺส อายุตฺตกเวสํ คเหตฺวา กญฺจิ อชานาเปตฺวา ตานิ ปณฺณานิ อาทาย กติปเยหิ ยกฺขตรุเณหิ ปริวาริตา เอเกน หเตฺถน ปณฺณํ, เอเกน เลขนิํ คเหตฺวา เตสํ เคหํ คนฺตฺวา เคหมเชฺฌ ฐิตา อตฺตโน ยกฺขานุภาเวน เต อุตฺตาเสตฺวา ‘‘อิทํ ตุมฺหากํ อิณปณฺณํ, อมฺหากํ เสฎฺฐิ อตฺตโน อิสฺสรกาเล ตุเมฺห น กิญฺจิ อาห, อิทานิ ทุคฺคโต ชาโต, ตุเมฺหหิ คหิตกหาปณานิ เทถา’’ติ อตฺตโน ยกฺขานุภาวํ ทเสฺสตฺวา สพฺพาปิ ตา อฎฺฐารส หิรญฺญโกฎิโย สาเธตฺวา เสฎฺฐิสฺส ตุจฺฉโกฎฺฐเก ปูเรตฺวา อญฺญํ อจิรวตินทีตีเร นิทหิตํ ธนํ นทีกูเล ภิเนฺน สมุทฺทํ ปวิฎฺฐํ อตฺถิ, ตมฺปิ อตฺตโน อานุภาเวน อาหริตฺวา ตุจฺฉโกฎฺฐเก ปูเรตฺวา, อญฺญมฺปิ อสุกฎฺฐาเน นาม อสฺสามิกํ อฎฺฐารสโกฎิมตฺตเมว ธนํ อตฺถิ, ตมฺปิ อาหริตฺวา ตุจฺฉโกฎฺฐเก ปูเรหิ, อิมาหิ จตุปญฺญาสโกฎีหิ อิมํ ตุจฺฉโกฎฺฐกปูรกํ ทณฺฑกมฺมํ กตฺวา มหาเสฎฺฐิํ ขมาเปหีติฯ
Tehipi tatheva paṭikkhittā sakkaṃ devarājaṃ upasaṅkamitvā taṃ pavattiṃ ācikkhitvā ‘‘ahaṃ, deva, vasanaṭṭhānaṃ alabhamānā dārake hatthena gahetvā anāthā vicarāmi, tumhākaṃ siriyā mayhaṃ vasanaṭṭhānaṃ dāpethā’’ti suṭṭhutaraṃ yāci. Sopi naṃ āha ‘‘tayā ayuttaṃ kataṃ, jinasāsane pahāro dinno, ahampi taṃ nissāya seṭṭhinā saddhiṃ kathetuṃ na sakkomi, ekaṃ pana te seṭṭhissa khamanūpāyaṃ kathessāmī’’ti. ‘‘Sādhu, deva, kathehī’’ti. Mahāseṭṭhissa hatthato manussehi paṇṇe āropetvā aṭṭhārasakoṭisaṅkhyaṃ dhanaṃ gahitaṃ atthi, tvaṃ tassa āyuttakavesaṃ gahetvā kañci ajānāpetvā tāni paṇṇāni ādāya katipayehi yakkhataruṇehi parivāritā ekena hatthena paṇṇaṃ, ekena lekhaniṃ gahetvā tesaṃ gehaṃ gantvā gehamajjhe ṭhitā attano yakkhānubhāvena te uttāsetvā ‘‘idaṃ tumhākaṃ iṇapaṇṇaṃ, amhākaṃ seṭṭhi attano issarakāle tumhe na kiñci āha, idāni duggato jāto, tumhehi gahitakahāpaṇāni dethā’’ti attano yakkhānubhāvaṃ dassetvā sabbāpi tā aṭṭhārasa hiraññakoṭiyo sādhetvā seṭṭhissa tucchakoṭṭhake pūretvā aññaṃ aciravatinadītīre nidahitaṃ dhanaṃ nadīkūle bhinne samuddaṃ paviṭṭhaṃ atthi, tampi attano ānubhāvena āharitvā tucchakoṭṭhake pūretvā, aññampi asukaṭṭhāne nāma assāmikaṃ aṭṭhārasakoṭimattameva dhanaṃ atthi, tampi āharitvā tucchakoṭṭhake pūrehi, imāhi catupaññāsakoṭīhi imaṃ tucchakoṭṭhakapūrakaṃ daṇḍakammaṃ katvā mahāseṭṭhiṃ khamāpehīti.
สา ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ ตสฺส วจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา วุตฺตนเยเนว สพฺพํ ธนํ อาหริตฺวา โกฎฺฐเก ปูเรตฺวา อฑฺฒรตฺตสมเย เสฎฺฐิสฺส สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา อากาเส อฎฺฐาสิฯ ‘‘โก เอโส’’ติ วุเตฺต ‘‘อหํ เต มหาเสฎฺฐิ จตุตฺถทฺวารโกฎฺฐเก อธิวตฺถา อนฺธพาลเทวตา, มยา มหาโมหมูฬฺหาย พุทฺธคุเณ อชานิตฺวา ปุริเมสุ ทิวเสสุ ตุเมฺหหิ สทฺธิํ กิญฺจิ กถิตํ อตฺถิ, ตํ เม โทสํ ขมถฯ สกฺกสฺส หิ เม เทวราชสฺส วจเนน ตุมฺหากํ อิณํ โสเธตฺวา อฎฺฐารส โกฎิโย, สมุทฺทํ คตา อฎฺฐารส โกฎิโย, ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน อสฺสามิกธนสฺส อฎฺฐารส โกฎิโยติ จตุปณฺณาส โกฎิโย อาหริตฺวา ตุจฺฉโกฎฺฐกปูรเณน ทณฺฑกมฺมํ กตํ, เชตวนวิหารํ อารพฺภ ปริกฺขยํ คตธนํ สพฺพํ สมฺปิณฺฑิตํ, วสนฎฺฐานํ อลภมานา กิลมามิ, มยา อญฺญาณตาย กถิตํ มนสิ อกตฺวา ขมถ มหาเสฎฺฐี’’ติ อาหฯ
Sā ‘‘sādhu, devā’’ti tassa vacanaṃ sampaṭicchitvā vuttanayeneva sabbaṃ dhanaṃ āharitvā koṭṭhake pūretvā aḍḍharattasamaye seṭṭhissa sirigabbhaṃ pavisitvā obhāsaṃ pharitvā ākāse aṭṭhāsi. ‘‘Ko eso’’ti vutte ‘‘ahaṃ te mahāseṭṭhi catutthadvārakoṭṭhake adhivatthā andhabāladevatā, mayā mahāmohamūḷhāya buddhaguṇe ajānitvā purimesu divasesu tumhehi saddhiṃ kiñci kathitaṃ atthi, taṃ me dosaṃ khamatha. Sakkassa hi me devarājassa vacanena tumhākaṃ iṇaṃ sodhetvā aṭṭhārasa koṭiyo, samuddaṃ gatā aṭṭhārasa koṭiyo, tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne assāmikadhanassa aṭṭhārasa koṭiyoti catupaṇṇāsa koṭiyo āharitvā tucchakoṭṭhakapūraṇena daṇḍakammaṃ kataṃ, jetavanavihāraṃ ārabbha parikkhayaṃ gatadhanaṃ sabbaṃ sampiṇḍitaṃ, vasanaṭṭhānaṃ alabhamānā kilamāmi, mayā aññāṇatāya kathitaṃ manasi akatvā khamatha mahāseṭṭhī’’ti āha.
อนาถปิณฺฑิโก ตสฺสา วจนํ สุตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘อยํ เทวตา ‘ทณฺฑกมฺมญฺจ เม กต’นฺติ วทติ, อตฺตโน จ โทสํ ปฎิชานาติ, สตฺถา อิมํ วิเนตฺวา อตฺตโน คุเณ ชานาเปสฺสติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส นํ ทเสฺสสฺสามี’’ติฯ อถ นํ อาห ‘‘อมฺม, เทวเต, สเจสิ มํ ขมาเปตุกามา, สตฺถุ สนฺติเก มํ ขมาเปหี’’ติฯ สาธุ เอวํ กริสฺสามิ, ‘‘สตฺถุ ปน มํ สนฺติกํ คเหตฺวา คจฺฉาหี’’ติฯ โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา วิภาตาย รตฺติยา ปาโตว ตํ คเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตาย กตกมฺมํ สพฺพํ ตถาคตสฺส อาโรเจสิฯ สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อิธ, คหปติ, ปาปปุคฺคโลปิ ยาว ปาปํ น ปจฺจติ , ตาว ภทฺรานิ ปสฺสติฯ ยทา ปนสฺส ปาปํ ปจฺจติ, ตทา ปาปเมว ปสฺสติฯ ภทฺรปุคฺคโลปิ ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ, ตาว ปาปานิ ปสฺสติฯ ยทา ปนสฺส ภทฺรํ ปจฺจติ, ตทา ภทฺรเมว ปสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมา ธมฺมปเท เทฺว คาถา อภาสิ –
Anāthapiṇḍiko tassā vacanaṃ sutvā cintesi ‘‘ayaṃ devatā ‘daṇḍakammañca me kata’nti vadati, attano ca dosaṃ paṭijānāti, satthā imaṃ vinetvā attano guṇe jānāpessati, sammāsambuddhassa naṃ dassessāmī’’ti. Atha naṃ āha ‘‘amma, devate, sacesi maṃ khamāpetukāmā, satthu santike maṃ khamāpehī’’ti. Sādhu evaṃ karissāmi, ‘‘satthu pana maṃ santikaṃ gahetvā gacchāhī’’ti. So ‘‘sādhū’’ti vatvā vibhātāya rattiyā pātova taṃ gahetvā satthu santikaṃ gantvā tāya katakammaṃ sabbaṃ tathāgatassa ārocesi. Satthā tassa vacanaṃ sutvā ‘‘idha, gahapati, pāpapuggalopi yāva pāpaṃ na paccati , tāva bhadrāni passati. Yadā panassa pāpaṃ paccati, tadā pāpameva passati. Bhadrapuggalopi yāva bhadraṃ na paccati, tāva pāpāni passati. Yadā panassa bhadraṃ paccati, tadā bhadrameva passatī’’ti vatvā imā dhammapade dve gāthā abhāsi –
‘‘ปาโปปิ ปสฺสตี ภทฺรํ, ยาว ปาปํ น ปจฺจติ;
‘‘Pāpopi passatī bhadraṃ, yāva pāpaṃ na paccati;
ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ, อถ ปาโป ปาปานิ ปสฺสติฯ
Yadā ca paccatī pāpaṃ, atha pāpo pāpāni passati.
‘‘ภโทฺรปิ ปสฺสตี ปาปํ, ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ;
‘‘Bhadropi passatī pāpaṃ, yāva bhadraṃ na paccati;
ยทา จ ปจฺจตี ภทฺรํ, อถ ภโทฺร ภทฺรานิ ปสฺสตี’’ติฯ (ธ. ป. ๑๑๙-๑๒๐);
Yadā ca paccatī bhadraṃ, atha bhadro bhadrāni passatī’’ti. (dha. pa. 119-120);
อิมาสญฺจ ปน คาถานํ ปริโยสาเน สา เทวตา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาสิฯ สา จกฺกงฺกิเตสุ สตฺถุ ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘มยา, ภเนฺต, ราครตฺตาย โทสปทุฎฺฐาย โมหมูฬฺหาย อวิชฺชนฺธาย ตุมฺหากํ คุเณ อชานนฺติยา ปาปกํ วจนํ วุตฺตํ, ตํ เม ขมถา’’ติ สตฺถารํ ขมาเปตฺวา มหาเสฎฺฐิมฺปิ ขมาเปสิฯ
Imāsañca pana gāthānaṃ pariyosāne sā devatā sotāpattiphale patiṭṭhāsi. Sā cakkaṅkitesu satthu pādesu nipatitvā ‘‘mayā, bhante, rāgarattāya dosapaduṭṭhāya mohamūḷhāya avijjandhāya tumhākaṃ guṇe ajānantiyā pāpakaṃ vacanaṃ vuttaṃ, taṃ me khamathā’’ti satthāraṃ khamāpetvā mahāseṭṭhimpi khamāpesi.
ตสฺมิํ สมเย อนาถปิณฺฑิโก สตฺถุ ปุรโต อตฺตโน คุณํ กเถสิ ‘‘ภเนฺต, อยํ เทวตา ‘พุทฺธุปฎฺฐานาทีนิ มา กโรหี’ติ วารยมานาปิ มํ วาเรตุํ นาสกฺขิ, ‘ทานํ น ทาตพฺพ’นฺติ อิมาย วาริยมาโนปหํ ทานํ อทาสิเมว, นูน เอส, ภเนฺต, มยฺหํ คุโณ’’ติฯ สตฺถา ‘‘ตฺวํ โขสิ คหปติ โสตาปโนฺน อริยสาวโก อจลสโทฺธ วิสุทฺธทสฺสโน, ตุยฺหํ อิมาย อเปฺปสกฺขเทวตาย วาเรนฺติยา อวาริตภาโว น อจฺฉริโย ฯ ยํ ปน ปุเพฺพ ปณฺฑิตา อนุปฺปเนฺน พุเทฺธ อปริปกฺกญาเณ ฐิตา กามาวจริสฺสเรน มาเรน อากาเส ฐตฺวา ‘สเจ ทานํ ทสฺสสิ, อิมสฺมิํ นิรเย ปจฺจิสฺสสี’ติ อสีติหตฺถคมฺภีรํ องฺคารกาสุํ ทเสฺสตฺวา ‘มา ทานํ อทาสี’ติ วาริตาปิ ปทุมกณฺณิกามเชฺฌ ฐตฺวา ทานํ อทํสุ, อิทํ อจฺฉริย’’นฺติ วตฺวา อนาถปิณฺฑิเกน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Tasmiṃ samaye anāthapiṇḍiko satthu purato attano guṇaṃ kathesi ‘‘bhante, ayaṃ devatā ‘buddhupaṭṭhānādīni mā karohī’ti vārayamānāpi maṃ vāretuṃ nāsakkhi, ‘dānaṃ na dātabba’nti imāya vāriyamānopahaṃ dānaṃ adāsimeva, nūna esa, bhante, mayhaṃ guṇo’’ti. Satthā ‘‘tvaṃ khosi gahapati sotāpanno ariyasāvako acalasaddho visuddhadassano, tuyhaṃ imāya appesakkhadevatāya vārentiyā avāritabhāvo na acchariyo . Yaṃ pana pubbe paṇḍitā anuppanne buddhe aparipakkañāṇe ṭhitā kāmāvacarissarena mārena ākāse ṭhatvā ‘sace dānaṃ dassasi, imasmiṃ niraye paccissasī’ti asītihatthagambhīraṃ aṅgārakāsuṃ dassetvā ‘mā dānaṃ adāsī’ti vāritāpi padumakaṇṇikāmajjhe ṭhatvā dānaṃ adaṃsu, idaṃ acchariya’’nti vatvā anāthapiṇḍikena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต พาราณสิเสฎฺฐิสฺส กุเล นิพฺพตฺติตฺวา นานปฺปกาเรหิ สุขูปกรเณหิ เทวกุมาโร วิย สํวฑฺฒิยมาโน อนุกฺกเมน วิญฺญุตํ ปตฺวา โสฬสวสฺสกาเลเยว สพฺพสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ ปโตฺตฯ โส ปิตุ อจฺจเยน เสฎฺฐิฎฺฐาเน ฐตฺวา จตูสุ นครทฺวาเรสุ จตโสฺส ทานสาลาโย, มเชฺฌ นครสฺส เอกํ, อตฺตโน นิเวสนทฺวาเร เอกนฺติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา มหาทานํ เทติ, สีลํ รกฺขติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto bārāṇasiseṭṭhissa kule nibbattitvā nānappakārehi sukhūpakaraṇehi devakumāro viya saṃvaḍḍhiyamāno anukkamena viññutaṃ patvā soḷasavassakāleyeva sabbasippesu nipphattiṃ patto. So pitu accayena seṭṭhiṭṭhāne ṭhatvā catūsu nagaradvāresu catasso dānasālāyo, majjhe nagarassa ekaṃ, attano nivesanadvāre ekanti cha dānasālāyo kāretvā mahādānaṃ deti, sīlaṃ rakkhati, uposathakammaṃ karoti.
อเถกทิวสํ ปาตราสเวลาย โพธิสตฺตสฺส นานคฺครเส มนุญฺญโภชเน อุปนียมาเน เอโก ปเจฺจกพุโทฺธ สตฺตาหจฺจเยน นิโรธา วุฎฺฐาย ภิกฺขาจารเวลํ สลฺลเกฺขตฺวา ‘‘อชฺช มยา พาราณสิเสฎฺฐิสฺส เคหทฺวารํ คนฺตุํ วฎฺฎตี’’ติ นาคลตาทนฺตกฎฺฐํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทเห มุขโธวนํ กตฺวา มโนสิลาตเล ฐิโต นิวาเสตฺวา วิชฺชุลตาสทิสํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา อิทฺธิมยมตฺติกาปตฺตํ อาทาย อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ภเตฺต อุปนีตมเตฺต เคหทฺวาเร อฎฺฐาสิฯ โพธิสโตฺต ตํ ทิสฺวาว อาสนา วุฎฺฐาย นิปจฺจการํ ทเสฺสตฺวา ปริกมฺมการกํ โอโลเกสิฯ ‘‘กิํ กโรมิ, สามี’’ติ จ วุเตฺต ‘‘อยฺยสฺส ปตฺตํ อาหรถา’’ติ อาหฯ ตงฺขณเญฺญว มาโร ปาปิมา วิกมฺปมาโน อุฎฺฐาย ‘‘อยํ ปเจฺจกพุโทฺธ อิโต สตฺตเม ทิวเส อาหารํ ลภิ, อชฺช อลภมาโน วินสฺสิสฺสติ, อิมญฺจ วินาเสสฺสามิ, เสฎฺฐิโน จ ทานนฺตรายํ กริสฺสามี’’ติ ตงฺขณเญฺญว อาคนฺตฺวา อนฺตรวตฺถุมฺหิ อสีติหตฺถมตฺตํ องฺคารกาสุํ นิมฺมินิฯ สา ขทิรงฺคารปุณฺณา สมฺปชฺชลิตา สโชติภูตา อวีจิมหานิรโย วิย ขายิตฺถฯ ตํ ปน มาเปตฺวา สยํ อากาเส อฎฺฐาสิฯ ปตฺตาหรณตฺถาย คจฺฉมาโน ปุริโส ตํ ทิสฺวา มหาภยปฺปโตฺต นิวตฺติฯ โพธิสโตฺต ‘‘กิํ, ตาต, นิวโตฺตสี’’ติ ปุจฺฉิฯ อยํ สามิ อนฺตรวตฺถุมฺหิ มหตี องฺคารกาสุ สมฺปชฺชลิตา สโชติภูตาติ ฯ อถโญฺญ อถโญฺญติ เอวํ อาคตาคตา สเพฺพปิ ภยปฺปตฺตา เวเคน ปลายิํสุฯ
Athekadivasaṃ pātarāsavelāya bodhisattassa nānaggarase manuññabhojane upanīyamāne eko paccekabuddho sattāhaccayena nirodhā vuṭṭhāya bhikkhācāravelaṃ sallakkhetvā ‘‘ajja mayā bārāṇasiseṭṭhissa gehadvāraṃ gantuṃ vaṭṭatī’’ti nāgalatādantakaṭṭhaṃ khāditvā anotattadahe mukhadhovanaṃ katvā manosilātale ṭhito nivāsetvā vijjulatāsadisaṃ kāyabandhanaṃ bandhitvā cīvaraṃ pārupitvā iddhimayamattikāpattaṃ ādāya ākāsenāgantvā bodhisattassa bhatte upanītamatte gehadvāre aṭṭhāsi. Bodhisatto taṃ disvāva āsanā vuṭṭhāya nipaccakāraṃ dassetvā parikammakārakaṃ olokesi. ‘‘Kiṃ karomi, sāmī’’ti ca vutte ‘‘ayyassa pattaṃ āharathā’’ti āha. Taṅkhaṇaññeva māro pāpimā vikampamāno uṭṭhāya ‘‘ayaṃ paccekabuddho ito sattame divase āhāraṃ labhi, ajja alabhamāno vinassissati, imañca vināsessāmi, seṭṭhino ca dānantarāyaṃ karissāmī’’ti taṅkhaṇaññeva āgantvā antaravatthumhi asītihatthamattaṃ aṅgārakāsuṃ nimmini. Sā khadiraṅgārapuṇṇā sampajjalitā sajotibhūtā avīcimahānirayo viya khāyittha. Taṃ pana māpetvā sayaṃ ākāse aṭṭhāsi. Pattāharaṇatthāya gacchamāno puriso taṃ disvā mahābhayappatto nivatti. Bodhisatto ‘‘kiṃ, tāta, nivattosī’’ti pucchi. Ayaṃ sāmi antaravatthumhi mahatī aṅgārakāsu sampajjalitā sajotibhūtāti . Athañño athaññoti evaṃ āgatāgatā sabbepi bhayappattā vegena palāyiṃsu.
โพธิสโตฺต จิเนฺตสิ ‘‘อชฺช มยฺหํ ทานนฺตรายํ กาตุกาโม วสวตฺตี มาโร อุยฺยุโตฺต ภวิสฺสติ, น โข ปน ชานาติ มารสเตน มารสหเสฺสนปิ มยฺหํ อกมฺปิยภาวํ, อชฺช ทานิ มยฺหํ วา มารสฺส วา พลมหนฺตตํ, อานุภาวมหนฺตตํ ชานิสฺสามี’’ติ ตํ ยถาสชฺชิตเมว ภตฺตปาติํ สยํ อาทาย เคหา นิกฺขมฺม องฺคารกาสุตเฎ ฐตฺวา อากาสํ อุโลฺลเกตฺวา มารํ ทิสฺวา ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ อาหฯ ‘‘อหํ, มาโร’’ติฯ ‘‘อยํ องฺคารกาสุ ตยา นิมฺมิตา’’ติ? ‘‘อาม, มยา’’ติ ฯ ‘‘กิมตฺถายา’’ติฯ ‘‘ตว ทานสฺส อนฺตรายกรณตฺถาย จ ปเจฺจกพุทฺธสฺส จ ชีวิตนาสนตฺถายา’’ติฯ โพธิสโตฺต ‘‘เนว เต อหํ อตฺตโน ทานสฺส อนฺตรายํ, น ปเจฺจกพุทฺธสฺส ชีวิตนฺตรายํ กาตุํ ทสฺสามิ, อชฺช ทานิ มยฺหํ วา ตุยฺหํ วา พลมหนฺตตํ, อานุภาวมหนฺตตํ ชานิสฺสามี’’ติ องฺคารกาสุตเฎ ฐตฺวา ‘‘ภเนฺต, ปเจฺจกพุทฺธ อหํ อิมิสฺสา องฺคารกาสุยา อโธสีโส ปตมาโนปิ น นิวตฺติสฺสามิ, เกวลํ ตุเมฺห มยา ทินฺนํ โภชนํ ปฎิคฺคณฺหถา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
Bodhisatto cintesi ‘‘ajja mayhaṃ dānantarāyaṃ kātukāmo vasavattī māro uyyutto bhavissati, na kho pana jānāti mārasatena mārasahassenapi mayhaṃ akampiyabhāvaṃ, ajja dāni mayhaṃ vā mārassa vā balamahantataṃ, ānubhāvamahantataṃ jānissāmī’’ti taṃ yathāsajjitameva bhattapātiṃ sayaṃ ādāya gehā nikkhamma aṅgārakāsutaṭe ṭhatvā ākāsaṃ ulloketvā māraṃ disvā ‘‘kosi tva’’nti āha. ‘‘Ahaṃ, māro’’ti. ‘‘Ayaṃ aṅgārakāsu tayā nimmitā’’ti? ‘‘Āma, mayā’’ti . ‘‘Kimatthāyā’’ti. ‘‘Tava dānassa antarāyakaraṇatthāya ca paccekabuddhassa ca jīvitanāsanatthāyā’’ti. Bodhisatto ‘‘neva te ahaṃ attano dānassa antarāyaṃ, na paccekabuddhassa jīvitantarāyaṃ kātuṃ dassāmi, ajja dāni mayhaṃ vā tuyhaṃ vā balamahantataṃ, ānubhāvamahantataṃ jānissāmī’’ti aṅgārakāsutaṭe ṭhatvā ‘‘bhante, paccekabuddha ahaṃ imissā aṅgārakāsuyā adhosīso patamānopi na nivattissāmi, kevalaṃ tumhe mayā dinnaṃ bhojanaṃ paṭiggaṇhathā’’ti vatvā imaṃ gāthamāha –
๔๐.
40.
‘‘กามํ ปตามิ นิรยํ, อุทฺธํปาโท อวํสิโร;
‘‘Kāmaṃ patāmi nirayaṃ, uddhaṃpādo avaṃsiro;
นานริยํ กริสฺสามิ, หนฺท ปิณฺฑํ ปฎิคฺคหา’’ติฯ
Nānariyaṃ karissāmi, handa piṇḍaṃ paṭiggahā’’ti.
ตตฺถายํ ปิณฺฑโตฺถ – ภเนฺต, ปเจฺจกวรพุทฺธ สเจปหํ ตุมฺหากํ ปิณฺฑปาตํ เทโนฺต เอกํเสเนว อิมํ นิรยํ อุทฺธํปาโท อวํสิโร หุตฺวา ปตามิ, ตถาปิ ยทิทํ อทานญฺจ อสีลญฺจ อริเยหิ อกตฺตพฺพตฺตา อนริเยหิ จ กตฺตพฺพตฺตา ‘‘อนริย’’นฺติ วุจฺจติ, ‘‘น ตํ อนริยํ กริสฺสามิ , หนฺท อิมํ มยา ทียมานํ ปิณฺฑํ ปฎิคฺคห ปฎิคฺคณฺหาหี’’ติฯ เอตฺถ จ หนฺทาติ โวสฺสคฺคเตฺถ นิปาโตฯ
Tatthāyaṃ piṇḍattho – bhante, paccekavarabuddha sacepahaṃ tumhākaṃ piṇḍapātaṃ dento ekaṃseneva imaṃ nirayaṃ uddhaṃpādo avaṃsiro hutvā patāmi, tathāpi yadidaṃ adānañca asīlañca ariyehi akattabbattā anariyehi ca kattabbattā ‘‘anariya’’nti vuccati, ‘‘na taṃ anariyaṃ karissāmi , handa imaṃ mayā dīyamānaṃ piṇḍaṃ paṭiggaha paṭiggaṇhāhī’’ti. Ettha ca handāti vossaggatthe nipāto.
เอวํ วตฺวา โพธิสโตฺต ทฬฺหสมาทาเนน ภตฺตปาติํ คเหตฺวา องฺคารกาสุมตฺถเกน ปกฺขโนฺต, ตาวเทว อสีติหตฺถคมฺภีราย องฺคารกาสุยา ตลโต อุปรูปริชาตํ สตปตฺตปุปฺผิตํ เอกํ มหาปทุมํ อุคฺคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาเท สมฺปฎิจฺฉิฯ ตโต มหาตุมฺพมตฺตา เรณุ อุคฺคนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส มุทฺธนิ ฐตฺวา สกลสรีรํ สุวณฺณจุณฺณสโมกิณฺณมิว อกาสิฯ โส ปทุมกณฺณิกาย ฐตฺวา นานคฺครสโภชนํ ปเจฺจกพุทฺธสฺส ปเตฺต ปติฎฺฐาเปสิฯ โส ตํ ปฎิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปตฺตํ อากาเส ขิปิตฺวา ปสฺสนฺตเสฺสว มหาชนสฺส สยมฺปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา นานปฺปการํ วลาหกปนฺติํ มทฺทมาโน วิย หิมวนฺตเมว คโตฯ มาโรปิ ปราชิโต โทมนสฺสํ ปตฺวา อตฺตโน วสนฎฺฐานเมว คโตฯ โพธิสโตฺต ปน ปทุมกณฺณิกาย ฐิตโกว มหาชนสฺส ทานสีลสํวณฺณเนน ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชเนน ปริวุโต อตฺตโน นิเวสนเมว ปวิสิตฺวา ยาวชีวํ ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโตฯ
Evaṃ vatvā bodhisatto daḷhasamādānena bhattapātiṃ gahetvā aṅgārakāsumatthakena pakkhanto, tāvadeva asītihatthagambhīrāya aṅgārakāsuyā talato uparūparijātaṃ satapattapupphitaṃ ekaṃ mahāpadumaṃ uggantvā bodhisattassa pāde sampaṭicchi. Tato mahātumbamattā reṇu uggantvā mahāsattassa muddhani ṭhatvā sakalasarīraṃ suvaṇṇacuṇṇasamokiṇṇamiva akāsi. So padumakaṇṇikāya ṭhatvā nānaggarasabhojanaṃ paccekabuddhassa patte patiṭṭhāpesi. So taṃ paṭiggahetvā anumodanaṃ katvā pattaṃ ākāse khipitvā passantasseva mahājanassa sayampi vehāsaṃ abbhuggantvā nānappakāraṃ valāhakapantiṃ maddamāno viya himavantameva gato. Māropi parājito domanassaṃ patvā attano vasanaṭṭhānameva gato. Bodhisatto pana padumakaṇṇikāya ṭhitakova mahājanassa dānasīlasaṃvaṇṇanena dhammaṃ desetvā mahājanena parivuto attano nivesanameva pavisitvā yāvajīvaṃ dānādīni puññāni katvā yathākammaṃ gato.
สตฺถา ‘‘นยิทํ, คหปติ, อจฺฉริยํ, ยํ ตฺวํ เอวํ ทสฺสนสมฺปโนฺน เอตรหิ เทวตาย น กมฺปิโต, ปุเพฺพ ปณฺฑิเตหิ กตเมว อจฺฉริย’’นฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา ปเจฺจกพุโทฺธ ตเตฺถว ปรินิพฺพายิ, มารํ ปราเชตฺวา ปทุมกณฺณิกาย ฐตฺวา ปเจฺจกพุทฺธสฺส ปิณฺฑปาตทายโก พาราณสิเสฎฺฐิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā ‘‘nayidaṃ, gahapati, acchariyaṃ, yaṃ tvaṃ evaṃ dassanasampanno etarahi devatāya na kampito, pubbe paṇḍitehi katameva acchariya’’nti imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi ‘‘tadā paccekabuddho tattheva parinibbāyi, māraṃ parājetvā padumakaṇṇikāya ṭhatvā paccekabuddhassa piṇḍapātadāyako bārāṇasiseṭṭhi pana ahameva ahosi’’nti.
ขทิรงฺคารชาตกวณฺณนา ทสมาฯ
Khadiraṅgārajātakavaṇṇanā dasamā.
กุลาวกวโคฺค จตุโตฺถฯ
Kulāvakavaggo catuttho.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
กุลาวกญฺจ นจฺจญฺจ, สโมฺมทมจฺฉวฎฺฎกํ;
Kulāvakañca naccañca, sammodamacchavaṭṭakaṃ;
สกุณํ ติตฺติรํ พกํ, นนฺทญฺจ ขทิรงฺคารนฺติฯ
Sakuṇaṃ tittiraṃ bakaṃ, nandañca khadiraṅgāranti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๐. ขทิรงฺคารชาตกํ • 40. Khadiraṅgārajātakaṃ