Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๑๔. จุทฺทสกนิปาโต
14. Cuddasakanipāto
๑. ขทิรวนิยเรวตเตฺถรคาถาวณฺณนา
1. Khadiravaniyarevatattheragāthāvaṇṇanā
จุทฺทสกนิปาเต ยทา อหนฺติอาทิกา อายสฺมโต ขทิรวนิยเรวตเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? กามญฺจิมสฺส เถรสฺส คาถา เหฎฺฐา เอกกนิปาเต (เถรคา. อฎฺฐ. ๑. ขทิรวนิยเตฺถรคาถาวณฺณนา) อาคตาฯ ตตฺถ ปนสฺส อตฺตโน ภาคิเนเยฺยสุ สติชนนมตฺตํ ทสฺสิตนฺติ ตสฺสา เอกกนิปาเต สงฺคโห กโตฯ อิมา ปน เถรสฺส ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย ยาว ปรินิพฺพานา ปฎิปตฺติปกาสิตา คาถา อิมสฺมิํ จุทฺทสกนิปาเต สงฺคหํ อาโรปิตาฯ ตตฺถ อฎฺฐุปฺปตฺติ เหฎฺฐา วุตฺตาเยวฯ อยํ ปน วิเสโส – เถโร กิร อรหตฺตํ ปตฺวา กาเลน กาลํ สตฺถุ ธมฺมเสนาปติปฺปภูตีนํ มหาเถรานญฺจ อุปฎฺฐานํ คนฺตฺวา กติปาหเมว ตตฺถ วสิตฺวา ขทิรวนเมว ปจฺจาคนฺตฺวา ผลสมาปตฺติสุเขน พฺรหฺมวิหาเรหิ จ วีตินาเมติฯ เอวํ คจฺฉเนฺต กาเล ชิโณฺณ วุโฑฺฒ วโย อนุปฺปโตฺต อโหสิฯ โส เอกทิวสํ พุทฺธุปฎฺฐานํ คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค สาวตฺถิยา อวิทูเร อรเญฺญ วสิฯ เตน จ สมเยน โจรา นคเร กตกมฺมา อารกฺขมนุเสฺสหิ อนุพนฺธา ปลายนฺตา เถรสฺส สมีเป คหิตภณฺฑํ ฉเฑฺฑตฺวา ปลายิํสุฯ มนุสฺสา อนุธาวนฺตา เถรสฺส สมีเป ภณฺฑํ ทิสฺวา เถรํ พนฺธิตฺวา ‘‘โจโร’’ติ สญฺญาย คเหตฺวา รโญฺญ ทเสฺสสุํ, ‘‘อยํ, เทว, โจโร’’ติฯ ราชา เถรํ มุญฺจาเปตฺวา, ‘‘กิํ, ภเนฺต, ตุเมฺหหิ อิทํ โจริกกมฺมํ กตํ วา, โน วา’’ติ ปุจฺฉิฯ เถโร กิญฺจาปิ ชาติโต ปฎฺฐาย อตฺตนา ตาทิสํ น กตปุพฺพํ, ตํ ปพฺพชิตโต ปฎฺฐาย ปน อกตภาวสฺส, สพฺพโส กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา ตาทิสสฺส กรเณ อภพฺพตาย ปกาสนตฺถํ สมีเป ฐิตานํ ภิกฺขูนํ รโญฺญ จ ธมฺมํ เทเสโนฺต –
Cuddasakanipāte yadā ahantiādikā āyasmato khadiravaniyarevatattherassa gāthā. Kā uppatti? Kāmañcimassa therassa gāthā heṭṭhā ekakanipāte (theragā. aṭṭha. 1. khadiravaniyattheragāthāvaṇṇanā) āgatā. Tattha panassa attano bhāgineyyesu satijananamattaṃ dassitanti tassā ekakanipāte saṅgaho kato. Imā pana therassa pabbajitakālato paṭṭhāya yāva parinibbānā paṭipattipakāsitā gāthā imasmiṃ cuddasakanipāte saṅgahaṃ āropitā. Tattha aṭṭhuppatti heṭṭhā vuttāyeva. Ayaṃ pana viseso – thero kira arahattaṃ patvā kālena kālaṃ satthu dhammasenāpatippabhūtīnaṃ mahātherānañca upaṭṭhānaṃ gantvā katipāhameva tattha vasitvā khadiravanameva paccāgantvā phalasamāpattisukhena brahmavihārehi ca vītināmeti. Evaṃ gacchante kāle jiṇṇo vuḍḍho vayo anuppatto ahosi. So ekadivasaṃ buddhupaṭṭhānaṃ gacchanto antarāmagge sāvatthiyā avidūre araññe vasi. Tena ca samayena corā nagare katakammā ārakkhamanussehi anubandhā palāyantā therassa samīpe gahitabhaṇḍaṃ chaḍḍetvā palāyiṃsu. Manussā anudhāvantā therassa samīpe bhaṇḍaṃ disvā theraṃ bandhitvā ‘‘coro’’ti saññāya gahetvā rañño dassesuṃ, ‘‘ayaṃ, deva, coro’’ti. Rājā theraṃ muñcāpetvā, ‘‘kiṃ, bhante, tumhehi idaṃ corikakammaṃ kataṃ vā, no vā’’ti pucchi. Thero kiñcāpi jātito paṭṭhāya attanā tādisaṃ na katapubbaṃ, taṃ pabbajitato paṭṭhāya pana akatabhāvassa, sabbaso kilesānaṃ samucchinnattā tādisassa karaṇe abhabbatāya pakāsanatthaṃ samīpe ṭhitānaṃ bhikkhūnaṃ rañño ca dhammaṃ desento –
๖๔๕.
645.
‘‘ยทา อหํ ปพฺพชิโต, อคารสฺมานคาริยํ;
‘‘Yadā ahaṃ pabbajito, agārasmānagāriyaṃ;
นาภิชานามิ สงฺกปฺปํ, อนริยํ โทสสํหิตํฯ
Nābhijānāmi saṅkappaṃ, anariyaṃ dosasaṃhitaṃ.
๖๔๖.
646.
‘‘‘อิเม หญฺญนฺตุ วชฺฌนฺตุ, ทุกฺขํ ปโปฺปนฺตุ ปาณิโน’;
‘‘‘Ime haññantu vajjhantu, dukkhaṃ pappontu pāṇino’;
สงฺกปฺปํ นาภิชานามิ, อิมสฺมิํ ทีฆมนฺตเรฯ
Saṅkappaṃ nābhijānāmi, imasmiṃ dīghamantare.
๖๔๗.
647.
‘‘เมตฺตญฺจ อภิชานามิ, อปฺปมาณํ สุภาวิตํ;
‘‘Mettañca abhijānāmi, appamāṇaṃ subhāvitaṃ;
อนุปุพฺพํ ปริจิตํ, ยถา พุเทฺธน เทสิตํฯ
Anupubbaṃ paricitaṃ, yathā buddhena desitaṃ.
๖๔๘.
648.
‘‘สพฺพมิโตฺต สพฺพสโข, สพฺพภูตานุกมฺปโก;
‘‘Sabbamitto sabbasakho, sabbabhūtānukampako;
เมตฺตจิตฺตญฺจ ภาเวมิ, อพฺยาปชฺชรโต สทาฯ
Mettacittañca bhāvemi, abyāpajjarato sadā.
๖๔๙.
649.
‘‘อสํหีรํ อสํกุปฺปํ, จิตฺตํ อาโมทยามหํ;
‘‘Asaṃhīraṃ asaṃkuppaṃ, cittaṃ āmodayāmahaṃ;
พฺรหฺมวิหารํ ภาเวมิ, อกาปุริสเสวิตํฯ
Brahmavihāraṃ bhāvemi, akāpurisasevitaṃ.
๖๕๐.
650.
‘‘อวิตกฺกํ สมาปโนฺน, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก;
‘‘Avitakkaṃ samāpanno, sammāsambuddhasāvako;
อริเยน ตุณฺหีภาเวน, อุเปโต โหติ ตาวเทฯ
Ariyena tuṇhībhāvena, upeto hoti tāvade.
๖๕๑.
651.
‘‘ยถาปิ ปพฺพโต เสโล, อจโล สุปฺปติฎฺฐิโต;
‘‘Yathāpi pabbato selo, acalo suppatiṭṭhito;
เอวํ โมหกฺขยา ภิกฺขุ, ปพฺพโตว น เวธติฯ
Evaṃ mohakkhayā bhikkhu, pabbatova na vedhati.
๖๕๒.
652.
‘‘อนงฺคณสฺส โปสสฺส, นิจฺจํ สุจิคเวสิโน;
‘‘Anaṅgaṇassa posassa, niccaṃ sucigavesino;
วาลคฺคมตฺตํ ปาปสฺส, อพฺภมตฺตํว ขายติฯ
Vālaggamattaṃ pāpassa, abbhamattaṃva khāyati.
๖๕๓.
653.
‘‘นครํ ยถา ปจฺจนฺตํ, คุตฺตํ สนฺตรพาหิรํ;
‘‘Nagaraṃ yathā paccantaṃ, guttaṃ santarabāhiraṃ;
เอวํ โคเปถ อตฺตานํ, ขโณ โว มา อุปจฺจคาฯ
Evaṃ gopetha attānaṃ, khaṇo vo mā upaccagā.
๖๕๔.
654.
‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;
‘‘Nābhinandāmi maraṇaṃ, nābhinandāmi jīvitaṃ;
กาลญฺจ ปฎิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถาฯ
Kālañca paṭikaṅkhāmi, nibbisaṃ bhatako yathā.
๖๕๕.
655.
‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;
‘‘Nābhinandāmi maraṇaṃ, nābhinandāmi jīvitaṃ;
กาลญฺจ ปฎิกงฺขามิ, สมฺปชาโน ปติสฺสโตฯ
Kālañca paṭikaṅkhāmi, sampajāno patissato.
๖๕๖.
656.
‘‘ปริจิโณฺณ มยา สตฺถา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ;
‘‘Pariciṇṇo mayā satthā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ;
โอหิโต ครุโก ภาโร, ภวเนตฺติ สมูหตาฯ
Ohito garuko bhāro, bhavanetti samūhatā.
๖๕๗.
657.
‘‘ยสฺส จตฺถาย ปพฺพชิโต, อคารสฺมานคาริยํ;
‘‘Yassa catthāya pabbajito, agārasmānagāriyaṃ;
โส เม อโตฺถ อนุปฺปโตฺต, สพฺพสํโยชนกฺขโยฯ
So me attho anuppatto, sabbasaṃyojanakkhayo.
๖๕๘.
658.
‘‘สมฺปาเทถปฺปมาเทน, เอสา เม อนุสาสนี;
‘‘Sampādethappamādena, esā me anusāsanī;
หนฺทาหํ ปรินิพฺพิสฺสํ วิปฺปมุโตฺตมฺหิ สพฺพธี’’ติฯ – อิมา คาถา อภาสิ;
Handāhaṃ parinibbissaṃ vippamuttomhi sabbadhī’’ti. – imā gāthā abhāsi;
ตตฺถายํ อปุพฺพปทวณฺณนา อิมสฺมิํ ทีฆมนฺตเรติ, ยทา อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ, ตโต ปฎฺฐาย อยญฺจ เม จริมกาโล, เอตสฺมิํ ทีฆมนฺตเร กาเล ‘‘อิทํ มยฺหํ โหตู’’ติ อภิชฺฌาวเสน วา, ‘‘อิเม สตฺตา หญฺญนฺตู’’ติอาทินา พฺยาปาทวเสน วา อนริยํ โทสสํหิตํ สงฺกปฺปํ นาภิชานามีติ โยชนาฯ
Tatthāyaṃ apubbapadavaṇṇanā imasmiṃ dīghamantareti, yadā ahaṃ pabbajitomhi, tato paṭṭhāya ayañca me carimakālo, etasmiṃ dīghamantare kāle ‘‘idaṃ mayhaṃ hotū’’ti abhijjhāvasena vā, ‘‘ime sattā haññantū’’tiādinā byāpādavasena vā anariyaṃ dosasaṃhitaṃ saṅkappaṃ nābhijānāmīti yojanā.
เมตฺตญฺจ อภิชานามีติ, มิชฺชติ สินิยฺหติ เอตายาติ เมตฺตา, อพฺยาปาโทฯ เมตฺตา เอติสฺสา อตฺถีติ เมตฺตา, เมตฺตาภาวนา เมตฺตาพฺรหฺมวิหาโร, ตํ เมตฺตํฯ จ-สเทฺทน กรุณํ มุทิตํ อุเปกฺขญฺจาติ อิตรพฺรหฺมวิหาเร สงฺคณฺหาติฯ อภิชานามีติ, อภิมุขโต ชานามิฯ อธิคตญฺหิ ฌานํ ปจฺจเวกฺขโต ปจฺจเวกฺขณญาณสฺส อภิมุขํ โหติฯ กีทิสนฺติ อาห ‘‘อปฺปมาณ’’นฺติอาทิฯ ตญฺหิ ยถา พุเทฺธน ภควตา เทสิตํ, ตถา อโนทิสฺสกผรณวเสน อปริมาณสตฺตารมฺมณตาย อปฺปมาณํฯ ปคุณพลวภาวาปาทเนน สุฎฺฐุ ภาวิตตฺตา สุภาวิตํฯ ปฐมํ เมตฺตา, ตโต กรุณา, ตโต มุทิตา, ปจฺฉา อุเปกฺขาติ เอวํ อนุปุพฺพํ อนุกฺกเมน ปริจิตํ อาเสวิตํ, พหุลีกตํ อภิชานามีติ โยชนาฯ
Mettañcaabhijānāmīti, mijjati siniyhati etāyāti mettā, abyāpādo. Mettā etissā atthīti mettā, mettābhāvanā mettābrahmavihāro, taṃ mettaṃ. Ca-saddena karuṇaṃ muditaṃ upekkhañcāti itarabrahmavihāre saṅgaṇhāti. Abhijānāmīti, abhimukhato jānāmi. Adhigatañhi jhānaṃ paccavekkhato paccavekkhaṇañāṇassa abhimukhaṃ hoti. Kīdisanti āha ‘‘appamāṇa’’ntiādi. Tañhi yathā buddhena bhagavatā desitaṃ, tathā anodissakapharaṇavasena aparimāṇasattārammaṇatāya appamāṇaṃ. Paguṇabalavabhāvāpādanena suṭṭhu bhāvitattā subhāvitaṃ. Paṭhamaṃ mettā, tato karuṇā, tato muditā, pacchā upekkhāti evaṃ anupubbaṃ anukkamena paricitaṃ āsevitaṃ, bahulīkataṃ abhijānāmīti yojanā.
สเพฺพสํ สตฺตานํ มิโตฺต, สเพฺพ วา เต มยฺหํ มิตฺตาติ สพฺพมิโตฺตฯ เมตฺตญฺหิ ภาเวโนฺต สตฺตานํ ปิโย โหติฯ สพฺพสโขติ, เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ สพฺพภูตานุกมฺปโกติ, สพฺพสตฺตานํ อนุคฺคณฺหนโกฯ เมตฺตจิตฺตญฺจ ภาเวมีติ, เมตฺตาย สหิตํ สมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ วิเสสโต ภาเวมิ, วเฑฺฒมิ, ปกาเสมิ วา อกเถเนฺตปิ ภาวนาย อุกฺกํสคตภาวโตฯ ‘‘เมตฺตํ จิตฺตญฺจ ภาเวมี’’ติ วา ปาโฐฯ ตสฺสโตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนโยวฯ อพฺยาปชฺชรโตติ, อพฺยาปเชฺช สตฺตานํ หิตูปสํหาเร อภิรโตฯ สทาติ, สพฺพกาลํ, เตน ตตฺถ สาตจฺจกิริยํ ทเสฺสติฯ
Sabbesaṃ sattānaṃ mitto, sabbe vā te mayhaṃ mittāti sabbamitto. Mettañhi bhāvento sattānaṃ piyo hoti. Sabbasakhoti, etthāpi eseva nayo. Sabbabhūtānukampakoti, sabbasattānaṃ anuggaṇhanako. Mettacittañca bhāvemīti, mettāya sahitaṃ sampayuttaṃ cittaṃ visesato bhāvemi, vaḍḍhemi, pakāsemi vā akathentepi bhāvanāya ukkaṃsagatabhāvato. ‘‘Mettaṃ cittañca bhāvemī’’ti vā pāṭho. Tassattho heṭṭhā vuttanayova. Abyāpajjaratoti, abyāpajje sattānaṃ hitūpasaṃhāre abhirato. Sadāti, sabbakālaṃ, tena tattha sātaccakiriyaṃ dasseti.
อสํหีรนฺติ น สํหีรํ, อาสนฺนปจฺจตฺถิเกน ราเคน อนากฑฺฒนิยํฯ อสํกุปฺปนฺติ น กุปฺปํ, ทูรปจฺจตฺถิเกน พฺยาปาเทน อโกปิยํ, เอวํภูตํ กตฺวา มม เมตฺตจิตฺตํ อาโมทยามิ อภิปฺปโมทยามิ พฺรหฺมวิหารํ ภาเวมิฯ อกาปุริสเสวิตนฺติ, กาปุริเสหิ นีจชเนหิ อเสวิตํ, อกาปุริเสหิ วา อริเยหิ พุทฺธาทีหิ เสวิตํ พฺรหฺมํ เสฎฺฐํ นิโทฺทสํ เมตฺตาทิวิหารํ ภาเวมิ วเฑฺฒมีติ อโตฺถฯ
Asaṃhīranti na saṃhīraṃ, āsannapaccatthikena rāgena anākaḍḍhaniyaṃ. Asaṃkuppanti na kuppaṃ, dūrapaccatthikena byāpādena akopiyaṃ, evaṃbhūtaṃ katvā mama mettacittaṃ āmodayāmi abhippamodayāmi brahmavihāraṃ bhāvemi. Akāpurisasevitanti, kāpurisehi nīcajanehi asevitaṃ, akāpurisehi vā ariyehi buddhādīhi sevitaṃ brahmaṃ seṭṭhaṃ niddosaṃ mettādivihāraṃ bhāvemi vaḍḍhemīti attho.
เอวํ อตฺตุเทฺทสวเสน ปญฺจหิ คาถาหิ อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตํ อญฺญาปเทเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘อวิตกฺก’’นฺติอาทินา จตโสฺส คาถา อภาสิฯ ตตฺถ อวิตกฺกํ สมาปโนฺนติ, วิตกฺกวิรหิตํ ทุติยาทิฌานํ สมาปโนฺน, เอเตน เถโร พฺรหฺมวิหารภาวนาย อญฺญาปเทเสน อตฺตนา ทุติยาทิฌานาธิคมมาหฯ ยสฺมา ปนายํ เถโร ตเมว ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา เอกาสเนเนว อรหตฺตํ คณฺหิ, ตสฺมา ตมตฺถํ อญฺญาปเทเสเนว ทเสฺสโนฺต ‘‘อวิตกฺกํ สมาปโนฺน’’ติ วตฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโกฯ อริเยน ตุณฺหีภาเวน, อุเปโต โหติ ตาวเท’’ติ อาหฯ ตตฺถ วจีสงฺขาราภาวโต อวิตกฺกาวิจารา สมาปตฺติ ‘‘อริโย ตุณฺหีภาโว’’ติ วทนฺติฯ ‘‘สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณียํ ธมฺมี วา กถา อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๓) ปน วจนโต ยา กาจิ สมาปตฺติ อริโย ตุณฺหีภาโว นามฯ อิธ ปน จตุตฺถชฺฌานิกา อคฺคผลสมาปตฺติ อธิเปฺปตาฯ
Evaṃ attuddesavasena pañcahi gāthāhi attano paṭipattiṃ dassetvā idāni taṃ aññāpadesena dassento ‘‘avitakka’’ntiādinā catasso gāthā abhāsi. Tattha avitakkaṃ samāpannoti, vitakkavirahitaṃ dutiyādijhānaṃ samāpanno, etena thero brahmavihārabhāvanāya aññāpadesena attanā dutiyādijhānādhigamamāha. Yasmā panāyaṃ thero tameva jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā ekāsaneneva arahattaṃ gaṇhi, tasmā tamatthaṃ aññāpadeseneva dassento ‘‘avitakkaṃ samāpanno’’ti vatvā ‘‘sammāsambuddhasāvako. Ariyena tuṇhībhāvena, upeto hoti tāvade’’ti āha. Tattha vacīsaṅkhārābhāvato avitakkāvicārā samāpatti ‘‘ariyo tuṇhībhāvo’’ti vadanti. ‘‘Sannipatitānaṃ vo, bhikkhave, dvayaṃ karaṇīyaṃ dhammī vā kathā ariyo vā tuṇhībhāvo’’ti (ma. ni. 1.273) pana vacanato yā kāci samāpatti ariyo tuṇhībhāvo nāma. Idha pana catutthajjhānikā aggaphalasamāpatti adhippetā.
อิทานิ ตสฺสาธิคตตฺตา โลกธเมฺมหิ อกมฺปนียตํ อุปมาย ปกาเสโนฺต ‘‘ยถาปิ ปพฺพโต’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ ยถาปิ ปพฺพโต เสโลติ, ยถา สิลามโย เอกฆนเสโล ปพฺพโต, น ปํสุปพฺพโต น มิสฺสกปพฺพโตติ อโตฺถฯ อจโล สุปฺปติฎฺฐิโตติ, สุฎฺฐุ ปติฎฺฐิตมูโล ปกติวาเตหิ อจโล อกมฺปนีโย โหติ, ตสฺมา อรหตฺตํ นิพฺพานญฺจ เอวํ โมหกฺขยา ภิกฺขุ, ปพฺพโตว น เวธตีติ โมหสฺส อนวเสสปฺปหานา, โมหมูลกตฺตา จ สพฺพากุสลานํ ปหีนสพฺพากุสโล ภิกฺขุ ยถา โส ปพฺพโต ปกติวาเตหิ, เอวํ โลกธเมฺมหิ น เวธติ น กมฺปติ, โมหกฺขโยติ วา ยสฺมา อรหตฺตํ นิพฺพานญฺจ วุจฺจติ , ตสฺมา โมหกฺขยาติ โมหกฺขยสฺส เหตุ นิพฺพานสฺส อรหตฺตสฺส จ อธิคตตฺตา จตูสุ อริยสเจฺจสุ สุปฺปติฎฺฐิโต อสมาปนฺนกาเลปิ ปพฺพโต วิย น เวธติ, ปเคว สมาปนฺนกาเลติ อธิปฺปาโยฯ
Idāni tassādhigatattā lokadhammehi akampanīyataṃ upamāya pakāsento ‘‘yathāpi pabbato’’ti gāthamāha. Tattha yathāpi pabbato seloti, yathā silāmayo ekaghanaselo pabbato, na paṃsupabbato na missakapabbatoti attho. Acalo suppatiṭṭhitoti, suṭṭhu patiṭṭhitamūlo pakativātehi acalo akampanīyo hoti, tasmā arahattaṃ nibbānañca evaṃ mohakkhayā bhikkhu, pabbatova na vedhatīti mohassa anavasesappahānā, mohamūlakattā ca sabbākusalānaṃ pahīnasabbākusalo bhikkhu yathā so pabbato pakativātehi, evaṃ lokadhammehi na vedhati na kampati, mohakkhayoti vā yasmā arahattaṃ nibbānañca vuccati , tasmā mohakkhayāti mohakkhayassa hetu nibbānassa arahattassa ca adhigatattā catūsu ariyasaccesu suppatiṭṭhito asamāpannakālepi pabbato viya na vedhati, pageva samāpannakāleti adhippāyo.
อิทานิ ปาปํ นาเมตํ อสุจิสีโล เอว สมาจรติ, น จ สุจิสีโล, สุจิสีลสฺส ปน ตํ อณุมตฺตมฺปิ ภาริยํ หุตฺวา อุปฎฺฐาตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนงฺคณสฺสา’’ติอาทิคาถมาห ฯ ตสฺสโตฺถ – ราคาทิองฺคณาภาวโต อนงฺคณสฺส สพฺพกาลํ สุจิอนวชฺชธเมฺม เอว คเวสนฺตสฺส สปฺปุริสสฺส วาลคฺคมตฺตํ เกสคฺคมตฺตํ ปาปสฺส เลสมตฺตมฺปิ สกลํ โลกธาตุํ ผริตฺวา ฐิตํ อพฺภมตฺตํ หุตฺวา อุปฎฺฐาติ, ตสฺมา น เอวรูเป กเมฺม มาทิสา อาสงฺกิตพฺพาติ อธิปฺปาโยฯ
Idāni pāpaṃ nāmetaṃ asucisīlo eva samācarati, na ca sucisīlo, sucisīlassa pana taṃ aṇumattampi bhāriyaṃ hutvā upaṭṭhātīti dassento ‘‘anaṅgaṇassā’’tiādigāthamāha . Tassattho – rāgādiaṅgaṇābhāvato anaṅgaṇassa sabbakālaṃ sucianavajjadhamme eva gavesantassa sappurisassa vālaggamattaṃ kesaggamattaṃ pāpassa lesamattampi sakalaṃ lokadhātuṃ pharitvā ṭhitaṃ abbhamattaṃ hutvā upaṭṭhāti, tasmā na evarūpe kamme mādisā āsaṅkitabbāti adhippāyo.
ยสฺมา นิกฺกิเลเสสุปิ อนฺธพาลา เอวรูเป อปวาเท สมุฎฺฐาเปนฺติ, ตสฺมา อตฺถกาเมหิ สกฺกจฺจํ อตฺตา รกฺขิตโพฺพติ โอวาทํ เทโนฺต ‘‘นครํ ยถา’’ติอาทิคาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยถา ปน ปจฺจนฺตนครวาสีหิ มนุเสฺสหิ ปจฺจนฺตํ นครํ ทฺวารปาการาทีนิ ถิรานิ กโรเนฺตหิ สอนฺตรํ, อุทฺทาปปริขาทีนิ ถิรานิ กโรเนฺตหิ สพาหิรนฺติ สนฺตรพาหิรํ คุตฺตํ กรียติ, เอวํ ตุเมฺหหิปิ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวา อชฺฌตฺติกานิ ฉ ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา ทฺวารรกฺขิตํ สติํ อวิสฺสเชฺชตฺวา ยถา คยฺหมานานิ พาหิรานิ ฉ อายตนานิ อชฺฌตฺติกานิ อุปฆาตาย สํวตฺตนฺติ, ตถา อคฺคหเณน ตานิปิ ถิรานิ กตฺวา เตสํ อปฺปเวสาย ทฺวารรกฺขิตํ สติํ อปฺปหาย วิจรนฺตา อตฺตานํ โคเปถฯ กสฺมา? ขโณ โว มา อุปจฺจคาฯ โย หิ เอวํ อตฺตานํ น โคเปติ, ตํ ปุคฺคลํ พุทฺธุปฺปาทกฺขโณ, มนุสฺสตฺตภาวกฺขโณ, มชฺฌิมเทเส อุปฺปตฺติกฺขโณ, สมฺมาทิฎฺฐิยา ปฎิลทฺธกฺขโณ, ฉนฺนํ อายตนานํ อเวกลฺลกฺขโณติ สโพฺพปิ อยํ ขโณ อติกฺกมติ, โส ขโณ ตุเมฺห มา อติกฺกมตูติฯ
Yasmā nikkilesesupi andhabālā evarūpe apavāde samuṭṭhāpenti, tasmā atthakāmehi sakkaccaṃ attā rakkhitabboti ovādaṃ dento ‘‘nagaraṃ yathā’’tiādigāthamāha. Tassattho – yathā pana paccantanagaravāsīhi manussehi paccantaṃ nagaraṃ dvārapākārādīni thirāni karontehi saantaraṃ, uddāpaparikhādīni thirāni karontehi sabāhiranti santarabāhiraṃ guttaṃ karīyati, evaṃ tumhehipi satiṃ upaṭṭhapetvā ajjhattikāni cha dvārāni pidahitvā dvārarakkhitaṃ satiṃ avissajjetvā yathā gayhamānāni bāhirāni cha āyatanāni ajjhattikāni upaghātāya saṃvattanti, tathā aggahaṇena tānipi thirāni katvā tesaṃ appavesāya dvārarakkhitaṃ satiṃ appahāya vicarantā attānaṃ gopetha. Kasmā? Khaṇo vo mā upaccagā. Yo hi evaṃ attānaṃ na gopeti, taṃ puggalaṃ buddhuppādakkhaṇo, manussattabhāvakkhaṇo, majjhimadese uppattikkhaṇo, sammādiṭṭhiyā paṭiladdhakkhaṇo, channaṃ āyatanānaṃ avekallakkhaṇoti sabbopi ayaṃ khaṇo atikkamati, so khaṇo tumhe mā atikkamatūti.
เอวํ เถโร อิมาย คาถาย สราชิกํ ปริสํ ภิกฺขู จ โอวทิตฺวา ปุน มรเณ ชีวิเต จ อตฺตโน สมจิตฺตตํ กตกิจฺจตญฺจ ปกาเสโนฺต ‘‘นาภินนฺทามิ มรณ’’นฺติอาทิมาหฯ ตํ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถเมว (เถรคา. อฎฺฐ. ๒.๖๐๗)ฯ
Evaṃ thero imāya gāthāya sarājikaṃ parisaṃ bhikkhū ca ovaditvā puna maraṇe jīvite ca attano samacittataṃ katakiccatañca pakāsento ‘‘nābhinandāmi maraṇa’’ntiādimāha. Taṃ heṭṭhā vuttatthameva (theragā. aṭṭha. 2.607).
เอวํ ปน วตฺวา อตฺตโน ปรินิพฺพานกาลํ อุปฎฺฐิตํ ทิสฺวา สเงฺขเปเนว เนสํ โอวาทํ ทตฺวา ปรินิพฺพานํ ปเวเทโนฺต โอสานคาถมาหฯ ตตฺถ สมฺปาเทถปฺปมาเทนาติ สมฺปาเทตพฺพํ ทานสีลาทิํ อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ, ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกปเภเท คหฎฺฐวเตฺต สีลานุรกฺขเณ สมถอนุโยเค วิปสฺสนาภาวนาย จ อปฺปมตฺตา โหถฯ เอสา เม อนุสาสนีติ ทานสีลาทีสุ น ปมชฺชถาติ เอสา มม อนุสิฎฺฐิ โอวาโทฯ
Evaṃ pana vatvā attano parinibbānakālaṃ upaṭṭhitaṃ disvā saṅkhepeneva nesaṃ ovādaṃ datvā parinibbānaṃ pavedento osānagāthamāha. Tattha sampādethappamādenāti sampādetabbaṃ dānasīlādiṃ appamādena sampādetha, diṭṭhadhammikasamparāyikapabhede gahaṭṭhavatte sīlānurakkhaṇe samathaanuyoge vipassanābhāvanāya ca appamattā hotha. Esā me anusāsanīti dānasīlādīsu na pamajjathāti esā mama anusiṭṭhi ovādo.
เอวํ สิขาปตฺตํ ปรหิตปฎิปตฺติํ ทีเปตฺวา อตฺตหิตปฎิปตฺติยาปิ มตฺถกํ คณฺหโนฺต ‘‘หนฺทาหํ ปรินิพฺพิสฺสํ, วิปฺปมุโตฺตมฺหิ สพฺพธี’’ติ อาหฯ ตตฺถ วิปฺปมุโตฺตมฺหิ สพฺพธีติ สพฺพโส กิเลเสหิ ภเวหิ จ วิปฺปมุโตฺต อมฺหิ, ตสฺมา เอกํเสน ปรินิพฺพายิสฺสามีติฯ
Evaṃ sikhāpattaṃ parahitapaṭipattiṃ dīpetvā attahitapaṭipattiyāpi matthakaṃ gaṇhanto ‘‘handāhaṃ parinibbissaṃ, vippamuttomhi sabbadhī’’ti āha. Tattha vippamuttomhi sabbadhīti sabbaso kilesehi bhavehi ca vippamutto amhi, tasmā ekaṃsena parinibbāyissāmīti.
เอวํ ปน วตฺวา อากาเส ปลฺลเงฺกน นิสิโนฺน เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา ปชฺชลโนฺต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิฯ
Evaṃ pana vatvā ākāse pallaṅkena nisinno tejodhātuṃ samāpajjitvā pajjalanto anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyi.
ขทิรวนิยเรวตเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Khadiravaniyarevatattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. ขทิรวนิยเรวตเตฺถรคาถา • 1. Khadiravaniyarevatattheragāthā