Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā |
๓-๙. ขทิรวนิยเตฺถรอปทานวณฺณนา
3-9. Khadiravaniyattheraapadānavaṇṇanā
คงฺคา ภาคีรถี นามาติอาทิกํ อายสฺมโต ขทิรวนิยเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร ติตฺถนาวิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มหาคงฺคาย ปยาคติเตฺถ ติตฺถนาวาย กมฺมํ กโรโนฺต เอกทิวสํ สสาวกสงฺฆํ ภควนฺตํ คงฺคาตีรํ อุปคตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นาวาสงฺฆาฎํ โยเชตฺวา มหเนฺตน ปูชาสกฺกาเรน ปรตีรํ ปาเปตฺวา อญฺญตรํ ภิกฺขุํ สตฺถารา อารญฺญกานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐปิยมานํ ทิสฺวา ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถตฺวา ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา ปณิธานํ อกาสิฯ ภควา ตสฺส ปตฺถนาย อวญฺฌภาวํ พฺยากาสิฯ
Gaṅgābhāgīrathī nāmātiādikaṃ āyasmato khadiravaniyattherassa apadānaṃ. Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare titthanāvikakule nibbattitvā mahāgaṅgāya payāgatitthe titthanāvāya kammaṃ karonto ekadivasaṃ sasāvakasaṅghaṃ bhagavantaṃ gaṅgātīraṃ upagataṃ disvā pasannamānaso nāvāsaṅghāṭaṃ yojetvā mahantena pūjāsakkārena paratīraṃ pāpetvā aññataraṃ bhikkhuṃ satthārā āraññakānaṃ bhikkhūnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapiyamānaṃ disvā taṃ ṭhānantaraṃ patthetvā bhagavato bhikkhusaṅghassa ca mahādānaṃ pavattetvā paṇidhānaṃ akāsi. Bhagavā tassa patthanāya avañjhabhāvaṃ byākāsi.
โส ตโต ปฎฺฐาย ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อุภยสมฺปตฺติโย อนุภวิตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท มคธรเฎฺฐ นาลกคาเม รูปสาริยา นาม พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติฯ ตํ วยปฺปตฺตํ มาตาปิตโร ฆรพนฺธเนน พนฺธิตุกามา หุตฺวา ตสฺส อาโรเจสุํฯ โส สาริปุตฺตเตฺถรสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา ‘‘มยฺหํ เชฎฺฐภาตา อโยฺย อุปติโสฺส อิมํ วิภวํ ฉเฑฺฑตฺวา ปพฺพชิโต, เตน วนฺตํ เขฬปิณฺฑํ กถาหํ อนุภวิสฺสามี’’ติ ชาตสํเวโค ปาสํ อนุปคจฺฉมานมิโค วิย ญาตเก วเญฺจตฺวา เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมเสนาปติโน กนิฎฺฐภาวํ นิเวเทตฺวา อตฺตโน ปพฺพชฺชาย ฉนฺทํ อาโรเจสิฯ ภิกฺขู ตํ ปพฺพาเชตฺวา ปริปุณฺณวีสติวสฺสํ อุปสมฺปาเทตฺวา กมฺมฎฺฐาเน นิโยเชสุํฯ โส กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา ขทิรวนํ ปวิสิตฺวา วิสฺสมโนฺต ฆเฎโนฺต วายมโนฺต ญาณสฺส ปริปากํ คตตฺตา นจิรเสฺสว ฉฬภิโญฺญ อรหา อโหสิฯ โส อรหา หุตฺวา สตฺถารํ ธมฺมเสนาปติญฺจ วนฺทิตุํ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย นิกฺขมิตฺวา อนุปุเพฺพน สาวตฺถิํ ปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ ธมฺมเสนาปติญฺจ วนฺทิตฺวา กติปาหํ เชตวเน วิหาสิฯ อถ นํ สตฺถา อริยคณมเชฺฌ นิสิโนฺน อารญฺญกานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อารญฺญกานํ ยทิทํ เรวโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๘, ๒๐๓)ฯ
So tato paṭṭhāya puññāni upacinanto devamanussesu saṃsaranto ubhayasampattiyo anubhavitvā imasmiṃ buddhuppāde magadharaṭṭhe nālakagāme rūpasāriyā nāma brāhmaṇiyā kucchimhi nibbatti. Taṃ vayappattaṃ mātāpitaro gharabandhanena bandhitukāmā hutvā tassa ārocesuṃ. So sāriputtattherassa pabbajitabhāvaṃ sutvā ‘‘mayhaṃ jeṭṭhabhātā ayyo upatisso imaṃ vibhavaṃ chaḍḍetvā pabbajito, tena vantaṃ kheḷapiṇḍaṃ kathāhaṃ anubhavissāmī’’ti jātasaṃvego pāsaṃ anupagacchamānamigo viya ñātake vañcetvā hetusampattiyā codiyamāno bhikkhūnaṃ santikaṃ gantvā dhammasenāpatino kaniṭṭhabhāvaṃ nivedetvā attano pabbajjāya chandaṃ ārocesi. Bhikkhū taṃ pabbājetvā paripuṇṇavīsativassaṃ upasampādetvā kammaṭṭhāne niyojesuṃ. So kammaṭṭhānaṃ gahetvā khadiravanaṃ pavisitvā vissamanto ghaṭento vāyamanto ñāṇassa paripākaṃ gatattā nacirasseva chaḷabhiñño arahā ahosi. So arahā hutvā satthāraṃ dhammasenāpatiñca vandituṃ senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya nikkhamitvā anupubbena sāvatthiṃ patvā jetavanaṃ pavisitvā satthāraṃ dhammasenāpatiñca vanditvā katipāhaṃ jetavane vihāsi. Atha naṃ satthā ariyagaṇamajjhe nisinno āraññakānaṃ bhikkhūnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi – ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ āraññakānaṃ yadidaṃ revato’’ti (a. ni. 1.198, 203).
๖๒๘. เอวํ เอตทคฺคฎฺฐานํ ปตฺวา อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา ปีติโสมนสฺสวเสน ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสโนฺต คงฺคา ภาคีรถีติอาทิมาหฯ ตตฺถ คงฺคาติ คายมานา โฆสํ กุรุมานา คจฺฉตีติ คงฺคาฯ อถ วา โค วุจฺจติ ปถวี, ตสฺมิํ คตา ปวตฺตาติ คงฺคาฯ อโนตตฺตทหํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา คตฎฺฐาเน อาวฎฺฎคงฺคาติ จ ปพฺพตมตฺถเกน คตฎฺฐาเน พหลคงฺคาติ จ ติรจฺฉานปพฺพตํ วิชฺฌิตฺวา คตฎฺฐาเน อุมงฺคคงฺคาติ จ ตโต พหลปพฺพตํ ปหริตฺวา ปญฺจโยชนํ อากาเสน คตฎฺฐาเน อากาสคงฺคาติ จ ตสฺสา ปติตฎฺฐานํ ภินฺทิตฺวา ชาตํ ปญฺจ โยชนํ โปกฺขรณีกูลํ ภินฺทิตฺวา ตตฺถ ปน ปญฺจงฺคุลิ วิย ปญฺจ ธารา หุตฺวา คงฺคา ยมุนา สรภู มหี อจิรวตีติ ปญฺจ นามา หุตฺวา ชมฺพุทีปํ ปญฺจ ภาคํ ปญฺจ โกฎฺฐาสํ กตฺวา ปญฺจ ภาเค ปญฺจ โกฎฺฐาเส อิตา คตา ปวตฺตาติ ภาคีรถีฯ คงฺคา จ สา ภาคีรถี เจติ คงฺคาภาคีรถีฯ ‘‘ภาคีรถี คงฺคา’’ติ วตฺตเพฺพ คาถาพนฺธสุขตฺถํ ปุพฺพจริยวเสน วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ หิมวนฺตา ปภาวิตาติ สเตฺต หิํสติ สีเตน หนติ มเถติ อาโลเฬตีติ หิโม, หิโม อสฺส อตฺถีติ หิมวา, ตโต หิมวนฺตโต ปฎฺฐาย ปภาวิตา ปวตฺตา สนฺทมานาติ หิมวนฺตปภาวิตาฯ กุติเตฺถ นาวิโก อาสินฺติ ตสฺสา คงฺคาย จณฺฑโสตสมาปเนฺน วิสมติเตฺถ เกวฎฺฎกุเล อุปฺปโนฺน นาวิโก อาสิํ อโหสินฺติ อโตฺถฯ โอริเม จ ตริํ อหนฺติ สมฺปตฺตสมฺปตฺตมนุเสฺส ปาริมา ตีรา โอริมํ ตีรํ อหํ ตริํ ตาเรสินฺติ อโตฺถฯ
628. Evaṃ etadaggaṭṭhānaṃ patvā attano pubbakammaṃ saritvā pītisomanassavasena pubbacaritāpadānaṃ pakāsento gaṅgā bhāgīrathītiādimāha. Tattha gaṅgāti gāyamānā ghosaṃ kurumānā gacchatīti gaṅgā. Atha vā go vuccati pathavī, tasmiṃ gatā pavattāti gaṅgā. Anotattadahaṃ tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā gataṭṭhāne āvaṭṭagaṅgāti ca pabbatamatthakena gataṭṭhāne bahalagaṅgāti ca tiracchānapabbataṃ vijjhitvā gataṭṭhāne umaṅgagaṅgāti ca tato bahalapabbataṃ paharitvā pañcayojanaṃ ākāsena gataṭṭhāne ākāsagaṅgāti ca tassā patitaṭṭhānaṃ bhinditvā jātaṃ pañca yojanaṃ pokkharaṇīkūlaṃ bhinditvā tattha pana pañcaṅguli viya pañca dhārā hutvā gaṅgā yamunā sarabhū mahī aciravatīti pañca nāmā hutvā jambudīpaṃ pañca bhāgaṃ pañca koṭṭhāsaṃ katvā pañca bhāge pañca koṭṭhāse itā gatā pavattāti bhāgīrathī. Gaṅgā ca sā bhāgīrathī ceti gaṅgābhāgīrathī. ‘‘Bhāgīrathī gaṅgā’’ti vattabbe gāthābandhasukhatthaṃ pubbacariyavasena vuttanti daṭṭhabbaṃ. Himavantā pabhāvitāti satte hiṃsati sītena hanati matheti āloḷetīti himo, himo assa atthīti himavā, tato himavantato paṭṭhāya pabhāvitā pavattā sandamānāti himavantapabhāvitā. Kutitthe nāviko āsinti tassā gaṅgāya caṇḍasotasamāpanne visamatitthe kevaṭṭakule uppanno nāviko āsiṃ ahosinti attho. Orime ca tariṃ ahanti sampattasampattamanusse pārimā tīrā orimaṃ tīraṃ ahaṃ tariṃ tāresinti attho.
๖๒๙. ปทุมุตฺตโร นายโกติ ทฺวิปทานํ อุตฺตโม สเตฺต นิพฺพานํ นายโก ปาปนโก ปทุมุตฺตรพุโทฺธ มม ปุญฺญสมฺปตฺติํ นิปฺผาเทโนฺตฯ วสีสตสหเสฺสหิ ขีณาสวสตสหเสฺสหิ คงฺคาโสตํ ตริตุํ ติตฺถํ ปโตฺตติ สมฺพโนฺธฯ
629.Padumuttaro nāyakoti dvipadānaṃ uttamo satte nibbānaṃ nāyako pāpanako padumuttarabuddho mama puññasampattiṃ nipphādento. Vasīsatasahassehi khīṇāsavasatasahassehi gaṅgāsotaṃ tarituṃ titthaṃ pattoti sambandho.
๖๓๐. พหู นาวา สมาเนตฺวาติ สมฺปตฺตํ ตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทิสฺวา วฑฺฒกีหิ สุฎฺฐุ สงฺขตํ กตํ นิปฺผาทิตํ พหู นาวาโย สมาเนตฺวา เทฺว เทฺว นาวาโย เอกโต กตฺวา ตสฺสา นาวาย อุปริ มณฺฑปฉทนํ กตฺวา นราสภํ ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺธํ ปฎิมานิํ ปูเชสินฺติ อโตฺถฯ
630.Bahū nāvā samānetvāti sampattaṃ taṃ sammāsambuddhaṃ disvā vaḍḍhakīhi suṭṭhu saṅkhataṃ kataṃ nipphāditaṃ bahū nāvāyo samānetvā dve dve nāvāyo ekato katvā tassā nāvāya upari maṇḍapachadanaṃ katvā narāsabhaṃ padumuttarasambuddhaṃ paṭimāniṃ pūjesinti attho.
๖๓๑. อาคนฺตฺวาน จ สมฺพุโทฺธติ เอวํ สงฺฆฎิตาย นาวาย ตตฺถ อาคนฺตฺวาน ตญฺจ นาวกํ นาวมุตฺตมํ อารุหีติ สมฺพโนฺธฯ วาริมเชฺฌ ฐิโต สตฺถาติ นาวมารูโฬฺห สตฺถา คงฺคาชลมเชฺฌ ฐิโต สมาโน อิมา โสมนสฺสปฎิสํยุตฺตคาถา อภาสถ กเถสีติ สมฺพโนฺธฯ
631.Āgantvānaca sambuddhoti evaṃ saṅghaṭitāya nāvāya tattha āgantvāna tañca nāvakaṃ nāvamuttamaṃ āruhīti sambandho. Vārimajjhe ṭhito satthāti nāvamārūḷho satthā gaṅgājalamajjhe ṭhito samāno imā somanassapaṭisaṃyuttagāthā abhāsatha kathesīti sambandho.
๖๓๒. โย โส ตาเรสิ สมฺพุทฺธนฺติ โย โส นาวิโก คงฺคาโสตาย สมฺพุทฺธํ อตาเรสิฯ สงฺฆญฺจาปิ อนาสวนฺติ น เกวลเมว สมฺพุทฺธํ ตาเรสิ, อนาสวํ นิกฺกิเลสํ สงฺฆญฺจาปิ ตาเรสีติ อโตฺถฯ เตน จิตฺตปสาเทนาติ เตน นาวาปาชนกาเล อุปฺปเนฺนน โสมนสฺสสหคตจิตฺตปสาเทน เทวโลเก ฉสุ กามสเคฺคสุ รมิสฺสติ ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ
632.Yo so tāresi sambuddhanti yo so nāviko gaṅgāsotāya sambuddhaṃ atāresi. Saṅghañcāpi anāsavanti na kevalameva sambuddhaṃ tāresi, anāsavaṃ nikkilesaṃ saṅghañcāpi tāresīti attho. Tena cittapasādenāti tena nāvāpājanakāle uppannena somanassasahagatacittapasādena devaloke chasu kāmasaggesu ramissati dibbasampattiṃ anubhavissatīti attho.
๖๓๓. นิพฺพตฺติสฺสติ เต พฺยมฺหนฺติ เทวโลเก อุปฺปนฺนสฺส เต ตุยฺหํ พฺยมฺหํ วิมานํ สุกตํ สุฎฺฐุ นิพฺพตฺตํ นาวสณฺฐิตํ นาวาสณฺฐานํ นิพฺพตฺติสฺสติ ปาตุภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ อากาเส ปุปฺผฉทนนฺติ นาวาย อุปริมณฺฑปกตกมฺมสฺส นิสฺสเนฺทน สพฺพทา คตคตฎฺฐาเน อากาเส ปุปฺผฉทนํ ธารยิสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ
633.Nibbattissatite byamhanti devaloke uppannassa te tuyhaṃ byamhaṃ vimānaṃ sukataṃ suṭṭhu nibbattaṃ nāvasaṇṭhitaṃ nāvāsaṇṭhānaṃ nibbattissati pātubhavissatīti attho. Ākāse pupphachadananti nāvāya uparimaṇḍapakatakammassa nissandena sabbadā gatagataṭṭhāne ākāse pupphachadanaṃ dhārayissatīti sambandho.
๖๓๔. อฎฺฐปญฺญาสกปฺปมฺหีติ อิโต ปุญฺญกรณกาลโต ปฎฺฐาย อฎฺฐปณฺณาสกปฺปํ อติกฺกมิตฺวา นาเมน ตารโก นาม จกฺกวตฺตี ขตฺติโย จาตุรโนฺต จตูสุ ทีเปสุ อิสฺสโร วิชิตาวี ชิตวโนฺต ภวิสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ เสสคาถา อุตฺตานตฺถาวฯ
634.Aṭṭhapaññāsakappamhīti ito puññakaraṇakālato paṭṭhāya aṭṭhapaṇṇāsakappaṃ atikkamitvā nāmena tārako nāma cakkavattī khattiyo cāturanto catūsu dīpesu issaro vijitāvī jitavanto bhavissatīti sambandho. Sesagāthā uttānatthāva.
๖๓๗. เรวโต นาม นาเมนาติ เรวตีนกฺขเตฺตน ชาตตฺตา ‘‘เรวโต’’ติ ลทฺธนาโม พฺรหฺมพนฺธุ พฺราหฺมณปุตฺตภูโต ภวิสฺสติ พฺราหฺมณกุเล อุปฺปชฺชิสฺสตีติ อโตฺถฯ
637.Revato nāma nāmenāti revatīnakkhattena jātattā ‘‘revato’’ti laddhanāmo brahmabandhu brāhmaṇaputtabhūto bhavissati brāhmaṇakule uppajjissatīti attho.
๖๓๙. นิพฺพายิสฺสตินาสโวติ นิกฺกิเลโส ขนฺธปรินิพฺพาเนน นิพฺพายิสฺสติฯ
639.Nibbāyissatināsavoti nikkileso khandhaparinibbānena nibbāyissati.
๖๔๐. วีริยํ เม ธุรโธรยฺหนฺติ เอวํ ปทุมุตฺตเรน ภควตา พฺยากโต อหํ กเมน ปารมิตาโกฎิํ ปตฺวา เม มยฺหํ วีริยํ อสิถิลวีริยํ ธุรโธรยฺหํ ธุรวาหํ ธุราธารํ โยเคหิ เขมสฺส นิพฺภยสฺส นิพฺพานสฺส อธิวาหนํ อาวหนํ อโหสีติ อโตฺถฯ ธาเรมิ อนฺติมํ เทหนฺติ อิทานาหํ สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน ปริโยสานสรีรํ ธาเรมีติ สมฺพโนฺธฯ
640.Vīriyaṃ me dhuradhorayhanti evaṃ padumuttarena bhagavatā byākato ahaṃ kamena pāramitākoṭiṃ patvā me mayhaṃ vīriyaṃ asithilavīriyaṃ dhuradhorayhaṃ dhuravāhaṃ dhurādhāraṃ yogehi khemassa nibbhayassa nibbānassa adhivāhanaṃ āvahanaṃ ahosīti attho. Dhāremi antimaṃ dehanti idānāhaṃ sammāsambuddhasāsane pariyosānasarīraṃ dhāremīti sambandho.
โส อปรภาเค อตฺตโน ชาตคามํ คนฺตฺวา ‘‘จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลา’’ติ ติสฺสนฺนํ ภคินีนํ ปุเตฺต ‘‘จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลา’’ติ ตโย ภาคิเนเยฺย อาเนตฺวา ปพฺพาเชตฺวา กมฺมฎฺฐาเน นิโยเชสิฯ เต กมฺมฎฺฐานํ อนุยุตฺตา วิหริํสุฯ
So aparabhāge attano jātagāmaṃ gantvā ‘‘cālā, upacālā, sīsūpacālā’’ti tissannaṃ bhaginīnaṃ putte ‘‘cālā, upacālā, sīsūpacālā’’ti tayo bhāgineyye ānetvā pabbājetvā kammaṭṭhāne niyojesi. Te kammaṭṭhānaṃ anuyuttā vihariṃsu.
ตสฺมิญฺจ สมเย เถรสฺส โกจิเทว อาพาโธ อุปฺปโนฺน, ตํ สุตฺวา สาริปุตฺตเตฺถโร – ‘‘เรวตสฺส คิลานปุจฺฉนํ อธิคมปุจฺฉนญฺจ กริสฺสามี’’ติ อุปคญฺฉิฯ เรวตเตฺถโร ธมฺมเสนาปติํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เตสํ สามเณรานํ สตุปฺปาทวเสน โอวทิยมาโน จาเลติคาถํ อภาสิตฺถฯ ตตฺถ จาเล อุปจาเล สีสูปจาเลติ เตสํ อาลปนํฯ จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลาติ หิ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามา ตโย ทารกา ปพฺพชิตาปิ ตถา โวหริยฺยนฺติฯ ‘‘จาลี, อุปจาลี, สีสูปจาลีติ เตสํ นามานี’’ติ จ วทนฺติฯ ยทตฺถํ ‘‘จาเล’’ติอาทินา อามนฺตนํ กตํ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปติสฺสตา นุ โข วิหรถา’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณํ อาห – ‘‘อาคโต โว วาลํ วิย เวธี’’ติฯ ปติสฺสตาติ ปติสฺสติกา ฯ โขติ อวธารเณฯ อาคโตติ อาคญฺฉิฯ โวติ ตุมฺหากํฯ วาลํ วิย เวธีติ วาลเวธิ วิยฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – ติกฺขชวนนิเพฺพธิกปญฺญตาย วาลเวธิรูโป สตฺถุกโปฺป ตุมฺหากํ มาตุลเตฺถโร อาคโต, ตสฺมา สมณสญฺญํ อุปฎฺฐเปตฺวา สติสมฺปชญฺญยุตฺตา เอว หุตฺวา วิหรถ, ยถาธิคเต วิหาเร อปฺปมตฺตา ภวถาติฯ
Tasmiñca samaye therassa kocideva ābādho uppanno, taṃ sutvā sāriputtatthero – ‘‘revatassa gilānapucchanaṃ adhigamapucchanañca karissāmī’’ti upagañchi. Revatatthero dhammasenāpatiṃ dūratova āgacchantaṃ disvā tesaṃ sāmaṇerānaṃ satuppādavasena ovadiyamāno cāletigāthaṃ abhāsittha. Tattha cāle upacāle sīsūpacāleti tesaṃ ālapanaṃ. Cālā, upacālā, sīsūpacālāti hi itthiliṅgavasena laddhanāmā tayo dārakā pabbajitāpi tathā vohariyyanti. ‘‘Cālī, upacālī, sīsūpacālīti tesaṃ nāmānī’’ti ca vadanti. Yadatthaṃ ‘‘cāle’’tiādinā āmantanaṃ kataṃ, taṃ dassento ‘‘patissatā nu kho viharathā’’ti vatvā tattha kāraṇaṃ āha – ‘‘āgato vo vālaṃ viya vedhī’’ti. Patissatāti patissatikā . Khoti avadhāraṇe. Āgatoti āgañchi. Voti tumhākaṃ. Vālaṃ viya vedhīti vālavedhi viya. Ayañhettha saṅkhepattho – tikkhajavananibbedhikapaññatāya vālavedhirūpo satthukappo tumhākaṃ mātulatthero āgato, tasmā samaṇasaññaṃ upaṭṭhapetvā satisampajaññayuttā eva hutvā viharatha, yathādhigate vihāre appamattā bhavathāti.
ตํ สุตฺวา เต สามเณรา ธมฺมเสนาปติสฺส ปจฺจุคฺคมนาทิวตฺตํ กตฺวา อุภินฺนํ มาตุลเตฺถรานํ ปฎิสนฺถารเวลายํ นาติทูเร สมาธิํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิํสุฯ ธมฺมเสนาปติ เรวตเตฺถเรน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กตฺวา อุฎฺฐายาสนา เต สามเณเร อุปสงฺกมิฯ เต ตถา กาลปริเจฺฉทสฺส กตตฺตา เถเร อุปสงฺกมเนฺต อุฎฺฐหิตฺวา วนฺทิตฺวา อฎฺฐํสุฯ เถโร – ‘‘กตรกตรวิหาเรน วิหรถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ‘‘อิมาย อิมายา’’ติ วุเตฺต ทารเกปิ เอวํ วิเนโนฺต – ‘‘มยฺหํ ภาติโก สจฺจวาที วต ธมฺมสฺส อนุธมฺมจาริ’’นฺติ เถรํ ปสํสโนฺต ปกฺกามิฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
Taṃ sutvā te sāmaṇerā dhammasenāpatissa paccuggamanādivattaṃ katvā ubhinnaṃ mātulattherānaṃ paṭisanthāravelāyaṃ nātidūre samādhiṃ samāpajjitvā nisīdiṃsu. Dhammasenāpati revatattherena saddhiṃ paṭisanthāraṃ katvā uṭṭhāyāsanā te sāmaṇere upasaṅkami. Te tathā kālaparicchedassa katattā there upasaṅkamante uṭṭhahitvā vanditvā aṭṭhaṃsu. Thero – ‘‘katarakataravihārena viharathā’’ti pucchitvā tehi ‘‘imāya imāyā’’ti vutte dārakepi evaṃ vinento – ‘‘mayhaṃ bhātiko saccavādī vata dhammassa anudhammacāri’’nti theraṃ pasaṃsanto pakkāmi. Sesamettha uttānatthamevāti.
ขทิรวนิยเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ
Khadiravaniyattheraapadānavaṇṇanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๓-๙. ขทิรวนิยเรวตเตฺถรอปทานํ • 3-9. Khadiravaniyarevatattheraapadānaṃ