Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๒. ขทิรวนิยเตฺถรคาถาวณฺณนา
2. Khadiravaniyattheragāthāvaṇṇanā
จาเล อุปจาเลติ อายสฺมโต ขทิรวนิยเรวตเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร ติตฺถนาวิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มหาคงฺคาย ปยาคติเตฺถ ติตฺถนาวากมฺมํ กโรโนฺต เอกทิวสํ สสาวกสงฺฆํ ภควนฺตํ คงฺคาตีรํ อุปคตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นาวาสงฺฆาฎํ โยเชตฺวา มหเนฺตน ปูชาสกฺกาเรน ปรตีรํ ปาเปตฺวา อญฺญตรํ ภิกฺขุํ สตฺถารา อารญฺญกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐปิยมานํ ทิสฺวา ตทตฺถํ ปตฺถนํ ปฎฺฐเปตฺวา ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหาทานํ ปวเตฺตสิฯ ภควา จ ตสฺส ปตฺถนาย อวชฺฌภาวํ พฺยากาสิฯ โส ตโต ปฎฺฐาย ตตฺถ ตตฺถ วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท มคธรเฎฺฐ นาลกคาเม รูปสาริยา พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิสฺมิํ นิพฺพตฺติฯ ตํ วยปฺปตฺตํ มาตาปิตโร ฆรพนฺธเนน พนฺธิตุกามา ชาตาฯ โส สาริปุตฺตเตฺถรสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา ‘‘มยฺหํ เชฎฺฐภาตา อโยฺย อุปติโสฺส อิมํ วิภวํ ฉเฑฺฑตฺวา ปพฺพชิโต, เตน วนฺตํ เขฬปิณฺฑํ กถาหํ ปจฺฉา คิลิสฺสามี’’ติ ชาตสํเวโค ปาสํ อนุปคจฺฉนกมิโค วิย ญาตเก วเญฺจตฺวา เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมเสนาปติโน กนิฎฺฐภาวํ นิเวเทตฺวา อตฺตโน ปพฺพชฺชาย ฉนฺทํ อาโรเจสิฯ ภิกฺขู ตํ ปพฺพาเชตฺวา ปริปุณฺณวีสติวสฺสํ อุปสมฺปาเทตฺวา กมฺมฎฺฐาเน นิโยเชสุํฯ โส กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา ขทิรวนํ ปวิสิตฺวา, ‘‘อรหตฺตํ ปตฺวา ภควนฺตํ ธมฺมเสนาปติญฺจ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ฆเฎโนฺต วายมโนฺต ญาณสฺส ปริปากคตตฺตา นจิรเสฺสว ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑.๖๒๘-๖๔๓) –
Cāle upacāleti āyasmato khadiravaniyarevatattherassa gāthā. Kā uppati? Ayaṃ kira padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare titthanāvikakule nibbattitvā mahāgaṅgāya payāgatitthe titthanāvākammaṃ karonto ekadivasaṃ sasāvakasaṅghaṃ bhagavantaṃ gaṅgātīraṃ upagataṃ disvā pasannamānaso nāvāsaṅghāṭaṃ yojetvā mahantena pūjāsakkārena paratīraṃ pāpetvā aññataraṃ bhikkhuṃ satthārā āraññakānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapiyamānaṃ disvā tadatthaṃ patthanaṃ paṭṭhapetvā bhagavato bhikkhusaṅghassa ca mahādānaṃ pavattesi. Bhagavā ca tassa patthanāya avajjhabhāvaṃ byākāsi. So tato paṭṭhāya tattha tattha vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ katvā devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde magadharaṭṭhe nālakagāme rūpasāriyā brāhmaṇiyā kucchismiṃ nibbatti. Taṃ vayappattaṃ mātāpitaro gharabandhanena bandhitukāmā jātā. So sāriputtattherassa pabbajitabhāvaṃ sutvā ‘‘mayhaṃ jeṭṭhabhātā ayyo upatisso imaṃ vibhavaṃ chaḍḍetvā pabbajito, tena vantaṃ kheḷapiṇḍaṃ kathāhaṃ pacchā gilissāmī’’ti jātasaṃvego pāsaṃ anupagacchanakamigo viya ñātake vañcetvā hetusampattiyā codiyamāno bhikkhūnaṃ santikaṃ gantvā dhammasenāpatino kaniṭṭhabhāvaṃ nivedetvā attano pabbajjāya chandaṃ ārocesi. Bhikkhū taṃ pabbājetvā paripuṇṇavīsativassaṃ upasampādetvā kammaṭṭhāne niyojesuṃ. So kammaṭṭhānaṃ gahetvā khadiravanaṃ pavisitvā, ‘‘arahattaṃ patvā bhagavantaṃ dhammasenāpatiñca passissāmī’’ti ghaṭento vāyamanto ñāṇassa paripākagatattā nacirasseva chaḷabhiñño ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.1.628-643) –
‘‘คงฺคา ภาคีรถี นาม, หิมวนฺตา ปภาวิตา;
‘‘Gaṅgā bhāgīrathī nāma, himavantā pabhāvitā;
กุติเตฺถ นาวิโก อาสิํ, โอริเม จ ตริํ อหํฯ
Kutitthe nāviko āsiṃ, orime ca tariṃ ahaṃ.
‘‘ปทุมุตฺตโร นายโก, สมฺพุโทฺธ ทฺวิปทุตฺตโม;
‘‘Padumuttaro nāyako, sambuddho dvipaduttamo;
วสีสตสหเสฺสหิ, คงฺคาตีรมุปาคโตฯ
Vasīsatasahassehi, gaṅgātīramupāgato.
‘‘พหู นาวา สมาเนตฺวา, วฑฺฒกีหิ สุสงฺขตํ;
‘‘Bahū nāvā samānetvā, vaḍḍhakīhi susaṅkhataṃ;
นาวาย ฉทนํ กตฺวา, ปฎิมานิํ นราสภํฯ
Nāvāya chadanaṃ katvā, paṭimāniṃ narāsabhaṃ.
‘‘อาคนฺตฺวาน จ สมฺพุโทฺธ, อารูหิ ตญฺจ นาวกํ;
‘‘Āgantvāna ca sambuddho, ārūhi tañca nāvakaṃ;
วาริมเชฺฌ ฐิโต สตฺถา, อิมา คาถา อภาสถฯ
Vārimajjhe ṭhito satthā, imā gāthā abhāsatha.
‘‘โย โส ตาเรสิ สมฺพุทฺธํ, สงฺฆญฺจาปิ อนาสวํ;
‘‘Yo so tāresi sambuddhaṃ, saṅghañcāpi anāsavaṃ;
เตน จิตฺตปฺปสาเทน, เทวโลเก รมิสฺสติฯ
Tena cittappasādena, devaloke ramissati.
‘‘นิพฺพตฺติสฺสติ เต พฺยมฺหํ, สุกตํ นาวสณฺฐิตํ;
‘‘Nibbattissati te byamhaṃ, sukataṃ nāvasaṇṭhitaṃ;
อากาเส ปุปฺผฉทนํ, ธารยิสฺสติ สพฺพทาฯ
Ākāse pupphachadanaṃ, dhārayissati sabbadā.
‘‘อฎฺฐปญฺญาสกปฺปมฺหิ, ตารโก นาม ขตฺติโย;
‘‘Aṭṭhapaññāsakappamhi, tārako nāma khattiyo;
จาตุรโนฺต วิชิตาวี, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติฯ
Cāturanto vijitāvī, cakkavattī bhavissati.
‘‘สตฺตปญฺญาสกปฺปมฺหิ , จมฺมโก นาม ขตฺติโย;
‘‘Sattapaññāsakappamhi , cammako nāma khattiyo;
อุคฺคจฺฉโนฺตว สูริโย, โชติสฺสติ มหพฺพโลฯ
Uggacchantova sūriyo, jotissati mahabbalo.
‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
‘‘Kappasatasahassamhi, okkākakulasambhavo;
โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ
Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.
‘‘ติทสา โส จวิตฺวาน, มนุสฺสตฺตํ คมิสฺสติ;
‘‘Tidasā so cavitvāna, manussattaṃ gamissati;
เรวโต นาม นาเมน, พฺรหฺมพนฺธุ ภวิสฺสติฯ
Revato nāma nāmena, brahmabandhu bhavissati.
‘‘อคารา นิกฺขมิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;
‘‘Agārā nikkhamitvāna, sukkamūlena codito;
โคตมสฺส ภควโต, สาสเน ปพฺพชิสฺสติฯ
Gotamassa bhagavato, sāsane pabbajissati.
‘‘โส ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวาน, ยุตฺตโยโค วิปสฺสโก;
‘‘So pacchā pabbajitvāna, yuttayogo vipassako;
สพฺพาสเว ปริญฺญาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโวฯ
Sabbāsave pariññāya, nibbāyissatināsavo.
‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺหํ, โยคเกฺขมาธิวาหนํ;
‘‘Vīriyaṃ me dhuradhorayhaṃ, yogakkhemādhivāhanaṃ;
ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเนฯ
Dhāremi antimaṃ dehaṃ, sammāsambuddhasāsane.
‘‘สตสหเสฺส กตํ กมฺมํ, ผลํ ทเสฺสสิ เม อิธ;
‘‘Satasahasse kataṃ kammaṃ, phalaṃ dassesi me idha;
สุมุโตฺต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยี มมฯ
Sumutto saravegova, kilese jhāpayī mama.
‘‘ตโต มํ วนนิรตํ, ทิสฺวา โลกนฺตคู มุนิ;
‘‘Tato maṃ vananirataṃ, disvā lokantagū muni;
วนวาสิภิกฺขูนคฺคํ, ปญฺญเปสิ มหามติฯ
Vanavāsibhikkhūnaggaṃ, paññapesi mahāmati.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
ฉฬภิโญฺญ ปน หุตฺวา เถโร สตฺถารํ ธมฺมเสนาปติญฺจ วนฺทิตุํ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อนุปุเพฺพน สาวตฺถิํ ปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ ธมฺมเสนาปติญฺจ วนฺทิตฺวา กติปาหํ เชตวเน วิหาสิ ฯ อถ นํ สตฺถา อริยคณมเชฺฌ นิสิโนฺน อารญฺญกานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อารญฺญกานํ ยทิทํ เรวโต ขทิรวนิโย’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๘, ๒๐๓)ฯ โส อปรภาเค อตฺตโน ชาตคามํ คนฺตฺวา ‘‘จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลา’’ติ ติสฺสนฺนํ ภคินีนํ ปุเตฺต ‘‘จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลา’’ติ ตโย ภาคิเนเยฺย อาเนตฺวา ปพฺพาเชตฺวา กมฺมฎฺฐาเน นิโยเชสิฯ เต กมฺมฎฺฐานํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติฯ ตสฺมิญฺจ สมเย เถรสฺส โกจิเทว อาพาโธ อุปฺปโนฺนฯ ตํ สุตฺวา สาริปุตฺตเตฺถโร เรวตํ ‘‘คิลานปุจฺฉนํ อธิคมปุจฺฉนญฺจ กริสฺสามี’’ติ อุปคจฺฉิฯ เรวตเตฺถโร ธมฺมเสนาปติํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เตสํ สามเณรานํ สตุปฺปาทนวเสน โอวทโนฺต ‘‘จาเล อุปจาเล’’ติ คาถํ อภาสิฯ
Chaḷabhiñño pana hutvā thero satthāraṃ dhammasenāpatiñca vandituṃ senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya anupubbena sāvatthiṃ patvā jetavanaṃ pavisitvā satthāraṃ dhammasenāpatiñca vanditvā katipāhaṃ jetavane vihāsi . Atha naṃ satthā ariyagaṇamajjhe nisinno āraññakānaṃ bhikkhūnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi – ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ āraññakānaṃ yadidaṃ revato khadiravaniyo’’ti (a. ni. 1.198, 203). So aparabhāge attano jātagāmaṃ gantvā ‘‘cālā, upacālā, sīsūpacālā’’ti tissannaṃ bhaginīnaṃ putte ‘‘cālā, upacālā, sīsūpacālā’’ti tayo bhāgineyye ānetvā pabbājetvā kammaṭṭhāne niyojesi. Te kammaṭṭhānaṃ anuyuttā viharanti. Tasmiñca samaye therassa kocideva ābādho uppanno. Taṃ sutvā sāriputtatthero revataṃ ‘‘gilānapucchanaṃ adhigamapucchanañca karissāmī’’ti upagacchi. Revatatthero dhammasenāpatiṃ dūratova āgacchantaṃ disvā tesaṃ sāmaṇerānaṃ satuppādanavasena ovadanto ‘‘cāle upacāle’’ti gāthaṃ abhāsi.
๔๒. ตตฺถ จาเล อุปจาเล สีสูปจาเลติ เตสํ อาลปนํฯ ‘‘จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลา’’ติ หิ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามา เต ตโย ทารกา ปพฺพชิตาปิ ตถา โวหรียนฺติฯ ‘‘‘จาลี, อุปจาลี, สีสูปจาลี’ติ เตสํ นาม’’นฺติ จ วทนฺติฯ ยทตฺถํ ‘‘จาลา’’ติอาทินา อามนฺตนํ กตํ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปติสฺสตา นุ โข วิหรถา’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘อาคโต โว วาลํ วิย เวธี’’ติฯ ปติสฺสตาติ ปติสฺสติกาฯ โขติ อวธารเณฯ อาคโตติ อาคจฺฉิฯ โวติ ตุมฺหากํฯ วาลํ วิย เวธีติ วาลเวธี วิย, อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – ติกฺขชวนนิเพฺพธิกปญฺญตาย วาลเวธิรูโป สตฺถุกโปฺป ตุมฺหากํ มาตุลเตฺถโร อาคโต, ตสฺมา สมณสญฺญํ อุปฎฺฐเปตฺวา สติสมฺปชญฺญยุตฺตา เอว หุตฺวา วิหรถ, ‘‘ยถาธิคเต วิหาเร อปฺปมตฺตา ภวถา’’ติฯ
42. Tattha cāle upacāle sīsūpacāleti tesaṃ ālapanaṃ. ‘‘Cālā, upacālā, sīsūpacālā’’ti hi itthiliṅgavasena laddhanāmā te tayo dārakā pabbajitāpi tathā voharīyanti. ‘‘‘Cālī, upacālī, sīsūpacālī’ti tesaṃ nāma’’nti ca vadanti. Yadatthaṃ ‘‘cālā’’tiādinā āmantanaṃ kataṃ, taṃ dassento ‘‘patissatā nu kho viharathā’’ti vatvā tattha kāraṇamāha ‘‘āgato vo vālaṃ viya vedhī’’ti. Patissatāti patissatikā. Khoti avadhāraṇe. Āgatoti āgacchi. Voti tumhākaṃ. Vālaṃ viya vedhīti vālavedhī viya, ayañhettha saṅkhepattho – tikkhajavananibbedhikapaññatāya vālavedhirūpo satthukappo tumhākaṃ mātulatthero āgato, tasmā samaṇasaññaṃ upaṭṭhapetvā satisampajaññayuttā eva hutvā viharatha, ‘‘yathādhigate vihāre appamattā bhavathā’’ti.
ตํ สุตฺวา เต สามเณรา ธมฺมเสนาปติสฺส ปจฺจุคฺคมนาทิวตฺตํ กตฺวา อุภินฺนํ มาตุลเตฺถรานํ ปฎิสนฺถารเวลายํ นาติทูเร สมาธิํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิํสุฯ ธมฺมเสนาปติ เรวตเตฺถเรน สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กตฺวา อุฎฺฐายาสนา เต สามเณเร อุปสงฺกมิ, เต ตถากาลปริเจฺฉทสฺส กตตฺตา เถเร อุปสงฺกมเนฺต เอว อุฎฺฐหิตฺวา วนฺทิตฺวา อฎฺฐํสุฯ เถโร ‘‘กตรกตรวิหาเรน วิหรถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ‘‘อิมาย อิมายา’’ติ วุเตฺต ‘‘ทารเกปิ นาม เอวํ วิเนโนฺต มยฺหํ ภาติโก ปจฺจปาทิ วต ธมฺมสฺส อนุธมฺม’’นฺติ เถรํ ปสํสโนฺต ปกฺกามิฯ
Taṃ sutvā te sāmaṇerā dhammasenāpatissa paccuggamanādivattaṃ katvā ubhinnaṃ mātulattherānaṃ paṭisanthāravelāyaṃ nātidūre samādhiṃ samāpajjitvā nisīdiṃsu. Dhammasenāpati revatattherena saddhiṃ paṭisanthāraṃ katvā uṭṭhāyāsanā te sāmaṇere upasaṅkami, te tathākālaparicchedassa katattā there upasaṅkamante eva uṭṭhahitvā vanditvā aṭṭhaṃsu. Thero ‘‘katarakataravihārena viharathā’’ti pucchitvā tehi ‘‘imāya imāyā’’ti vutte ‘‘dārakepi nāma evaṃ vinento mayhaṃ bhātiko paccapādi vata dhammassa anudhamma’’nti theraṃ pasaṃsanto pakkāmi.
ขทิรวนิยเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Khadiravaniyattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๒. ขทิรวนิยเตฺถรคาถา • 2. Khadiravaniyattheragāthā