Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๗. ขชฺชนียสุตฺตํ
7. Khajjanīyasuttaṃ
๗๙. สาวตฺถินิทานํฯ ‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรมานา อนุสฺสรนฺติ สเพฺพเต ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธ อนุสฺสรนฺติ เอเตสํ วา อญฺญตรํฯ กตเม ปญฺจ? ‘เอวํรูโป อโหสิํ อตีตมทฺธาน’นฺติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, อนุสฺสรมาโน รูปํเยว อนุสฺสรติฯ ‘เอวํเวทโน อโหสิํ อตีตมทฺธาน’นฺติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, อนุสฺสรมาโน เวทนํเยว อนุสฺสรติฯ ‘เอวํสโญฺญ อโหสิํ อตีตมทฺธาน’นฺติ… ‘เอวํสงฺขาโร อโหสิํ อตีตมทฺธาน’นฺติ… ‘เอวํวิญฺญาโณ อโหสิํ อตีตมทฺธาน’นฺติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, อนุสฺสรมาโน วิญฺญาณเมว อนุสฺสรติ’’ฯ
79. Sāvatthinidānaṃ. ‘‘Ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussaramānā anussaranti sabbete pañcupādānakkhandhe anussaranti etesaṃ vā aññataraṃ. Katame pañca? ‘Evaṃrūpo ahosiṃ atītamaddhāna’nti – iti vā hi, bhikkhave, anussaramāno rūpaṃyeva anussarati. ‘Evaṃvedano ahosiṃ atītamaddhāna’nti – iti vā hi, bhikkhave, anussaramāno vedanaṃyeva anussarati. ‘Evaṃsañño ahosiṃ atītamaddhāna’nti… ‘evaṃsaṅkhāro ahosiṃ atītamaddhāna’nti… ‘evaṃviññāṇo ahosiṃ atītamaddhāna’nti – iti vā hi, bhikkhave, anussaramāno viññāṇameva anussarati’’.
‘‘กิญฺจ, ภิกฺขเว, รูปํ วเทถ? รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา ‘รูป’นฺติ วุจฺจติฯ เกน รุปฺปติ? สีเตนปิ รุปฺปติ, อุเณฺหนปิ รุปฺปติ, ชิฆจฺฉายปิ รุปฺปติ, ปิปาสายปิ รุปฺปติ, ฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผเสฺสนปิ 1 รุปฺปติฯ รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา ‘รูป’นฺติ วุจฺจติฯ
‘‘Kiñca, bhikkhave, rūpaṃ vadetha? Ruppatīti kho, bhikkhave, tasmā ‘rūpa’nti vuccati. Kena ruppati? Sītenapi ruppati, uṇhenapi ruppati, jighacchāyapi ruppati, pipāsāyapi ruppati, ḍaṃsamakasavātātapasarīsapasamphassenapi 2 ruppati. Ruppatīti kho, bhikkhave, tasmā ‘rūpa’nti vuccati.
‘‘กิญฺจ, ภิกฺขเว, เวทนํ วเทถ? เวทยตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา ‘เวทนา’ติ วุจฺจติฯ กิญฺจ เวทยติ? สุขมฺปิ เวทยติ, ทุกฺขมฺปิ เวทยติ, อทุกฺขมสุขมฺปิ เวทยติฯ เวทยตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา ‘เวทนา’ติ วุจฺจติฯ
‘‘Kiñca, bhikkhave, vedanaṃ vadetha? Vedayatīti kho, bhikkhave, tasmā ‘vedanā’ti vuccati. Kiñca vedayati? Sukhampi vedayati, dukkhampi vedayati, adukkhamasukhampi vedayati. Vedayatīti kho, bhikkhave, tasmā ‘vedanā’ti vuccati.
‘‘กิญฺจ, ภิกฺขเว, สญฺญํ วเทถ? สญฺชานาตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา ‘สญฺญา’ติ วุจฺจติฯ กิญฺจ สญฺชานาติ? นีลมฺปิ สญฺชานาติ, ปีตกมฺปิ สญฺชานาติ, โลหิตกมฺปิ สญฺชานาติ, โอทาตมฺปิ สญฺชานาติฯ สญฺชานาตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา ‘สญฺญา’ติ วุจฺจติฯ
‘‘Kiñca, bhikkhave, saññaṃ vadetha? Sañjānātīti kho, bhikkhave, tasmā ‘saññā’ti vuccati. Kiñca sañjānāti? Nīlampi sañjānāti, pītakampi sañjānāti, lohitakampi sañjānāti, odātampi sañjānāti. Sañjānātīti kho, bhikkhave, tasmā ‘saññā’ti vuccati.
‘‘กิญฺจ , ภิกฺขเว, สงฺขาเร วเทถ? สงฺขตมภิสงฺขโรนฺตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา ‘สงฺขารา’ติ วุจฺจติฯ กิญฺจ สงฺขตมภิสงฺขโรนฺติ? รูปํ รูปตฺตาย 3 สงฺขตมภิสงฺขโรนฺติ, เวทนํ เวทนตฺตาย สงฺขตมภิสงฺขโรนฺติ, สญฺญํ สญฺญตฺตาย สงฺขตมภิสงฺขโรนฺติ, สงฺขาเร สงฺขารตฺตาย สงฺขตมภิสงฺขโรนฺติ, วิญฺญาณํ วิญฺญาณตฺตาย สงฺขตมภิสงฺขโรนฺติฯ สงฺขตมภิสงฺขโรนฺตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา ‘สงฺขารา’ติ วุจฺจติฯ
‘‘Kiñca , bhikkhave, saṅkhāre vadetha? Saṅkhatamabhisaṅkharontīti kho, bhikkhave, tasmā ‘saṅkhārā’ti vuccati. Kiñca saṅkhatamabhisaṅkharonti? Rūpaṃ rūpattāya 4 saṅkhatamabhisaṅkharonti, vedanaṃ vedanattāya saṅkhatamabhisaṅkharonti, saññaṃ saññattāya saṅkhatamabhisaṅkharonti, saṅkhāre saṅkhārattāya saṅkhatamabhisaṅkharonti, viññāṇaṃ viññāṇattāya saṅkhatamabhisaṅkharonti. Saṅkhatamabhisaṅkharontīti kho, bhikkhave, tasmā ‘saṅkhārā’ti vuccati.
‘‘กิญฺจ, ภิกฺขเว, วิญฺญาณํ วเทถ? วิชานาตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา ‘วิญฺญาณ’นฺติ วุจฺจติฯ กิญฺจ วิชานาติ? อมฺพิลมฺปิ วิชานาติ, ติตฺตกมฺปิ วิชานาติ, กฎุกมฺปิ วิชานาติ, มธุรมฺปิ วิชานาติ, ขาริกมฺปิ วิชานาติ, อขาริกมฺปิ วิชานาติ, โลณิกมฺปิ วิชานาติ, อโลณิกมฺปิ วิชานาติฯ วิชานาตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา ‘วิญฺญาณ’นฺติ วุจฺจติฯ
‘‘Kiñca, bhikkhave, viññāṇaṃ vadetha? Vijānātīti kho, bhikkhave, tasmā ‘viññāṇa’nti vuccati. Kiñca vijānāti? Ambilampi vijānāti, tittakampi vijānāti, kaṭukampi vijānāti, madhurampi vijānāti, khārikampi vijānāti, akhārikampi vijānāti, loṇikampi vijānāti, aloṇikampi vijānāti. Vijānātīti kho, bhikkhave, tasmā ‘viññāṇa’nti vuccati.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, สุตวา อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โข เอตรหิ รูเปน ขชฺชามิฯ อตีตมฺปาหํ อทฺธานํ เอวเมว รูเปน ขชฺชิํ, เสยฺยถาปิ เอตรหิ ปจฺจุปฺปเนฺนน รูเปน ขชฺชามิฯ อหเญฺจว โข ปน อนาคตํ รูปํ อภินเนฺทยฺยํ, อนาคตมฺปาหํ อทฺธานํ เอวเมว รูเปน ขเชฺชยฺยํ, เสยฺยถาปิ เอตรหิ ปจฺจุปฺปเนฺนน รูเปน ขชฺชามี’ติฯ โส อิติ ปฎิสงฺขาย อตีตสฺมิํ รูปสฺมิํ อนเปโกฺข โหติ ; อนาคตํ รูปํ นาภินนฺทติ; ปจฺจุปฺปนฺนสฺส รูปสฺส นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฎิปโนฺน โหติฯ
‘‘Tatra, bhikkhave, sutavā ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ kho etarahi rūpena khajjāmi. Atītampāhaṃ addhānaṃ evameva rūpena khajjiṃ, seyyathāpi etarahi paccuppannena rūpena khajjāmi. Ahañceva kho pana anāgataṃ rūpaṃ abhinandeyyaṃ, anāgatampāhaṃ addhānaṃ evameva rūpena khajjeyyaṃ, seyyathāpi etarahi paccuppannena rūpena khajjāmī’ti. So iti paṭisaṅkhāya atītasmiṃ rūpasmiṃ anapekkho hoti ; anāgataṃ rūpaṃ nābhinandati; paccuppannassa rūpassa nibbidāya virāgāya nirodhāya paṭipanno hoti.
‘‘‘อหํ โข เอตรหิ เวทนาย ขชฺชามิฯ อตีตมฺปาหํ อทฺธานํ เอวเมว เวทนาย ขชฺชิํ, เสยฺยถาปิ เอตรหิ ปจฺจุปฺปนฺนาย เวทนาย ขชฺชามิฯ อหเญฺจว โข ปน อนาคตํ เวทนํ อภินเนฺทยฺยํ; อนาคตมฺปาหํ อทฺธานํ เอวเมว เวทนาย ขเชฺชยฺยํ, เสยฺยถาปิ เอตรหิ ปจฺจุปฺปนฺนาย เวทนาย ขชฺชามี’ติฯ โส อิติ ปฎิสงฺขาย อตีตาย เวทนาย อนเปโกฺข โหติ; อนาคตํ เวทนํ นาภินนฺทติ; ปจฺจุปฺปนฺนาย เวทนาย นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฎิปโนฺน โหติฯ
‘‘‘Ahaṃ kho etarahi vedanāya khajjāmi. Atītampāhaṃ addhānaṃ evameva vedanāya khajjiṃ, seyyathāpi etarahi paccuppannāya vedanāya khajjāmi. Ahañceva kho pana anāgataṃ vedanaṃ abhinandeyyaṃ; anāgatampāhaṃ addhānaṃ evameva vedanāya khajjeyyaṃ, seyyathāpi etarahi paccuppannāya vedanāya khajjāmī’ti. So iti paṭisaṅkhāya atītāya vedanāya anapekkho hoti; anāgataṃ vedanaṃ nābhinandati; paccuppannāya vedanāya nibbidāya virāgāya nirodhāya paṭipanno hoti.
‘‘‘อหํ โข เอตรหิ สญฺญาย ขชฺชามิ…เป.… อหํ โข เอตรหิ สงฺขาเรหิ ขชฺชามิฯ อตีตมฺปาหํ อทฺธานํ เอวเมว สงฺขาเรหิ ขชฺชิํ, เสยฺยถาปิ เอตรหิ ปจฺจุปฺปเนฺนหิ สงฺขาเรหิ ขชฺชามีติฯ อหเญฺจว โข ปน อนาคเต สงฺขาเร อภินเนฺทยฺยํ ; อนาคตมฺปาหํ อทฺธานํ เอวเมว สงฺขาเรหิ ขเชฺชยฺยํ, เสยฺยถาปิ เอตรหิ ปจฺจุปฺปเนฺนหิ สงฺขาเรหิ ขชฺชามี’ติฯ โส อิติ ปฎิสงฺขาย อตีเตสุ สงฺขาเรสุ อนเปโกฺข โหติ; อนาคเต สงฺขาเร นาภินนฺทติ; ปจฺจุปฺปนฺนานํ สงฺขารานํ นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฎิปโนฺน โหติฯ
‘‘‘Ahaṃ kho etarahi saññāya khajjāmi…pe… ahaṃ kho etarahi saṅkhārehi khajjāmi. Atītampāhaṃ addhānaṃ evameva saṅkhārehi khajjiṃ, seyyathāpi etarahi paccuppannehi saṅkhārehi khajjāmīti. Ahañceva kho pana anāgate saṅkhāre abhinandeyyaṃ ; anāgatampāhaṃ addhānaṃ evameva saṅkhārehi khajjeyyaṃ, seyyathāpi etarahi paccuppannehi saṅkhārehi khajjāmī’ti. So iti paṭisaṅkhāya atītesu saṅkhāresu anapekkho hoti; anāgate saṅkhāre nābhinandati; paccuppannānaṃ saṅkhārānaṃ nibbidāya virāgāya nirodhāya paṭipanno hoti.
‘‘‘อหํ โข เอตรหิ วิญฺญาเณน ขชฺชามิฯ อตีตมฺปิ อทฺธานํ เอวเมว วิญฺญาเณน ขชฺชิํ, เสยฺยถาปิ เอตรหิ ปจฺจุปฺปเนฺนน วิญฺญาเณน ขชฺชามิฯ อหเญฺจว โข ปน อนาคตํ วิญฺญาณํ อภินเนฺทยฺยํ; อนาคตมฺปาหํ อทฺธานํ เอวเมว วิญฺญาเณน ขเชฺชยฺยํ, เสยฺยถาปิ เอตรหิ ปจฺจุปฺปเนฺนน วิญฺญาเณน ขชฺชามี’ติฯ โส อิติ ปฎิสงฺขาย อตีตสฺมิํ วิญฺญาณสฺมิํ อนเปโกฺข โหติ; อนาคตํ วิญฺญาณํ นาภินนฺทติ; ปจฺจุปฺปนฺนสฺส วิญฺญาณสฺส นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฎิปโนฺน โหติฯ
‘‘‘Ahaṃ kho etarahi viññāṇena khajjāmi. Atītampi addhānaṃ evameva viññāṇena khajjiṃ, seyyathāpi etarahi paccuppannena viññāṇena khajjāmi. Ahañceva kho pana anāgataṃ viññāṇaṃ abhinandeyyaṃ; anāgatampāhaṃ addhānaṃ evameva viññāṇena khajjeyyaṃ, seyyathāpi etarahi paccuppannena viññāṇena khajjāmī’ti. So iti paṭisaṅkhāya atītasmiṃ viññāṇasmiṃ anapekkho hoti; anāgataṃ viññāṇaṃ nābhinandati; paccuppannassa viññāṇassa nibbidāya virāgāya nirodhāya paṭipanno hoti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เวทนา … สญฺญา… สงฺขารา… วิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ, ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ยํ กิญฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ – ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทฎฺฐพฺพํฯ ยา กาจิ เวทนา… ยา กาจิ สญฺญา… เย เกจิ สงฺขารา… ยํ กิญฺจิ วิญฺญาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป.… ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ วิญฺญาณํ – ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทฎฺฐพฺพํ’’ฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, rūpaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Vedanā … saññā… saṅkhārā… viññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ, dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, yaṃ kiñci rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā oḷārikaṃ vā sukhumaṃ vā hīnaṃ vā paṇītaṃ vā yaṃ dūre santike vā, sabbaṃ rūpaṃ – ‘netaṃ mama, nesohamasmi, na meso attā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya daṭṭhabbaṃ. Yā kāci vedanā… yā kāci saññā… ye keci saṅkhārā… yaṃ kiñci viññāṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ…pe… yaṃ dūre santike vā, sabbaṃ viññāṇaṃ – ‘netaṃ mama, nesohamasmi, na meso attā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya daṭṭhabbaṃ’’.
‘‘อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อปจินาติ, โน อาจินาติ; ปชหติ 5, น อุปาทิยติ; วิสิเนติ 6, น อุสฺสิเนติ; วิธูเปติ 7, น สนฺธูเปติฯ กิญฺจ อปจินาติ, โน อาจินาติ? รูปํ อปจินาติ, โน อาจินาติ; เวทนํ … สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ อปจินาติ, โน อาจินาติฯ กิญฺจ ปชหติ, น อุปาทิยติ? รูปํ ปชหติ, น อุปาทิยติ; เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ ปชหติ, น อุปาทิยติฯ กิญฺจ วิสิเนติ, น อุสฺสิเนติ? รูปํ วิสิเนติ, น อุสฺสิเนติ; เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ วิสิเนติ, น อุสฺสิเนติฯ กิญฺจ วิธูเปติ, น สนฺธูเปติ? รูปํ วิธูเปติ, น สนฺธูเปติ; เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ วิธูเปติ, น สนฺธูเปติฯ
‘‘Ayaṃ vuccati, bhikkhave, ariyasāvako apacināti, no ācināti; pajahati 8, na upādiyati; visineti 9, na ussineti; vidhūpeti 10, na sandhūpeti. Kiñca apacināti, no ācināti? Rūpaṃ apacināti, no ācināti; vedanaṃ … saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ apacināti, no ācināti. Kiñca pajahati, na upādiyati? Rūpaṃ pajahati, na upādiyati; vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ pajahati, na upādiyati. Kiñca visineti, na ussineti? Rūpaṃ visineti, na ussineti; vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ visineti, na ussineti. Kiñca vidhūpeti, na sandhūpeti? Rūpaṃ vidhūpeti, na sandhūpeti; vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ vidhūpeti, na sandhūpeti.
‘‘เอวํ ปสฺสํ, ภิกฺขเว, สุตวา อริยสาวโก รูปสฺมิมฺปิ นิพฺพินฺทติ, เวทนายปิ… สญฺญายปิ… สงฺขาเรสุปิ… วิญฺญาณสฺมิมฺปิ นิพฺพินฺทติฯ นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ; วิราคา วิมุจฺจติฯ วิมุตฺตสฺมิํ วิมุตฺตมิติ ญาณํ โหติฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติฯ
‘‘Evaṃ passaṃ, bhikkhave, sutavā ariyasāvako rūpasmimpi nibbindati, vedanāyapi… saññāyapi… saṅkhāresupi… viññāṇasmimpi nibbindati. Nibbindaṃ virajjati; virāgā vimuccati. Vimuttasmiṃ vimuttamiti ñāṇaṃ hoti. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti pajānāti.
‘‘อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เนวาจินาติ น อปจินาติ, อปจินิตฺวา ฐิโต เนว ปชหติ น อุปาทิยติ, ปชหิตฺวา ฐิโต เนว วิสิเนติ น อุสฺสิเนติ, วิสิเนตฺวา ฐิโต เนว วิธูเปติ น สนฺธูเปติฯ วิธูเปตฺวา ฐิโต กิญฺจ เนวาจินาติ น อปจินาติ? อปจินิตฺวา ฐิโต รูปํ เนวาจินาติ น อปจินาติ; อปจินิตฺวา ฐิโต เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ เนวาจินาติ น อปจินาติฯ อปจินิตฺวา ฐิโต กิญฺจ เนว ปชหติ น อุปาทิยติ? ปชหิตฺวา ฐิโต รูปํ เนว ปชหติ น อุปาทิยติ; ปชหิตฺวา ฐิโต เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ เนว ปชหติ น อุปาทิยติฯ ปชหิตฺวา ฐิโต กิญฺจ เนว วิสิเนติ น อุสฺสิเนติ? วิสิเนตฺวา ฐิโต รูปํ เนว วิสิเนติ น อุสฺสิเนติ; วิสิเนตฺวา ฐิโต เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ เนว วิสิเนติ น อุสฺสิเนติฯ วิสิเนตฺวา ฐิโต กิญฺจ เนว วิธูเปติ น สนฺธูเปติ? วิธูเปตฺวา ฐิโต รูปํ เนว วิธูเปติ น สนฺธูเปติ; วิธูเปตฺวา ฐิโต เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ เนว วิธูเปติ น สนฺธูเปติฯ วิธูเปตฺวา ฐิโต เอวํวิมุตฺตจิตฺตํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ สอินฺทา เทวา สพฺรหฺมกา สปชาปติกา อารกาว นมสฺสนฺติ –
‘‘Ayaṃ vuccati, bhikkhave, bhikkhu nevācināti na apacināti, apacinitvā ṭhito neva pajahati na upādiyati, pajahitvā ṭhito neva visineti na ussineti, visinetvā ṭhito neva vidhūpeti na sandhūpeti. Vidhūpetvā ṭhito kiñca nevācināti na apacināti? Apacinitvā ṭhito rūpaṃ nevācināti na apacināti; apacinitvā ṭhito vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ nevācināti na apacināti. Apacinitvā ṭhito kiñca neva pajahati na upādiyati? Pajahitvā ṭhito rūpaṃ neva pajahati na upādiyati; pajahitvā ṭhito vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ neva pajahati na upādiyati. Pajahitvā ṭhito kiñca neva visineti na ussineti? Visinetvā ṭhito rūpaṃ neva visineti na ussineti; visinetvā ṭhito vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ neva visineti na ussineti. Visinetvā ṭhito kiñca neva vidhūpeti na sandhūpeti? Vidhūpetvā ṭhito rūpaṃ neva vidhūpeti na sandhūpeti; vidhūpetvā ṭhito vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ neva vidhūpeti na sandhūpeti. Vidhūpetvā ṭhito evaṃvimuttacittaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuṃ saindā devā sabrahmakā sapajāpatikā ārakāva namassanti –
‘‘นโม เต ปุริสาชญฺญ, นโม เต ปุริสุตฺตม;
‘‘Namo te purisājañña, namo te purisuttama;
ยสฺส เต นาภิชานาม, ยมฺปิ นิสฺสาย ฌายสี’’ติฯ สตฺตมํ;
Yassa te nābhijānāma, yampi nissāya jhāyasī’’ti. sattamaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. ขชฺชนียสุตฺตวณฺณนา • 7. Khajjanīyasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๗. ขชฺชนียสุตฺตวณฺณนา • 7. Khajjanīyasuttavaṇṇanā