Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā |
๑๐. ขลฺลาฎิยเปติวตฺถุวณฺณนา
10. Khallāṭiyapetivatthuvaṇṇanā
กา นุ อโนฺตวิมานสฺมินฺติ อิทํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรเนฺต อญฺญตรํ ขลฺลาฎิยเปติํ อารพฺภ วุตฺตํฯ อตีเต กิร พาราณสิยํ อญฺญตรา รูปูปชีวินี อิตฺถี อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา อติมโนหรเกสกลาปี อโหสิฯ ตสฺสา หิ เกสา นีลา ทีฆา ตนู มุทู สินิทฺธา เวลฺลิตคฺคา ทฺวิหตฺถคยฺหา วิสฎฺฐา ยาว เมขลา กลาปา โอลมฺพนฺติฯ ตํ ตสฺสา เกสโสภํ ทิสฺวา ตรุณชโน เยภุเยฺยน ตสฺสํ ปฎิพทฺธจิโตฺต อโหสิฯ อถสฺสา ตํ เกสโสภํ อสหมานา อิสฺสาปกตา กติปยา อิตฺถิโย มเนฺตตฺวา ตสฺสา เอว ปริจาริกทาสิํ อามิเสน อุปลาเปตฺวา ตาย ตสฺสา เกสูปปาตนํ เภสชฺชํ ทาเปสุํฯ สา กิร ทาสี ตํ เภสชฺชํ นฺหานิยจุเณฺณน สทฺธิํ ปโยเชตฺวา คงฺคาย นทิยา นฺหานกาเล ตสฺสา อทาสิ ฯ สา เตน เกสมูเลสุ เตเมตฺวา อุทเก นิมุชฺชิ , นิมุชฺชนมเตฺตเยว เกสา สมูลา ปริปติํสุ, สีสํ จสฺสา ติตฺตกลาพุสทิสํ อโหสิฯ อถ สา สพฺพโส วิลูนเกสา ลุญฺจิตมตฺถกา กโปตี วิย วิรูปา หุตฺวา ลชฺชาย อโนฺตนครํ ปวิสิตุํ อสโกฺกนฺตี วเตฺถน สีสํ เวเฐตฺวา พหินคเร อญฺญตรสฺมิํ ปเทเส วาสํ กเปฺปนฺตี กติปาหจฺจเยน อปคตลชฺชา ตโต นิวเตฺตตฺวา ติลานิ ปีเฬตฺวา เตลวณิชฺชํ สุราวณิชฺชญฺจ กโรนฺตี ชีวิกํ กเปฺปสิฯ สา เอกทิวสํ ทฺวีสุ ตีสุ มนุเสฺสสุ สุรามเตฺตสุ มหานิทฺทํ โอกฺกมเนฺตสุ สิถิลภูตานิ เตสํ นิวตฺถวตฺถานิ อวหริฯ
Kānu antovimānasminti idaṃ satthari sāvatthiyaṃ viharante aññataraṃ khallāṭiyapetiṃ ārabbha vuttaṃ. Atīte kira bārāṇasiyaṃ aññatarā rūpūpajīvinī itthī abhirūpā dassanīyā pāsādikā paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgatā atimanoharakesakalāpī ahosi. Tassā hi kesā nīlā dīghā tanū mudū siniddhā vellitaggā dvihatthagayhā visaṭṭhā yāva mekhalā kalāpā olambanti. Taṃ tassā kesasobhaṃ disvā taruṇajano yebhuyyena tassaṃ paṭibaddhacitto ahosi. Athassā taṃ kesasobhaṃ asahamānā issāpakatā katipayā itthiyo mantetvā tassā eva paricārikadāsiṃ āmisena upalāpetvā tāya tassā kesūpapātanaṃ bhesajjaṃ dāpesuṃ. Sā kira dāsī taṃ bhesajjaṃ nhāniyacuṇṇena saddhiṃ payojetvā gaṅgāya nadiyā nhānakāle tassā adāsi . Sā tena kesamūlesu temetvā udake nimujji , nimujjanamatteyeva kesā samūlā paripatiṃsu, sīsaṃ cassā tittakalābusadisaṃ ahosi. Atha sā sabbaso vilūnakesā luñcitamatthakā kapotī viya virūpā hutvā lajjāya antonagaraṃ pavisituṃ asakkontī vatthena sīsaṃ veṭhetvā bahinagare aññatarasmiṃ padese vāsaṃ kappentī katipāhaccayena apagatalajjā tato nivattetvā tilāni pīḷetvā telavaṇijjaṃ surāvaṇijjañca karontī jīvikaṃ kappesi. Sā ekadivasaṃ dvīsu tīsu manussesu surāmattesu mahāniddaṃ okkamantesu sithilabhūtāni tesaṃ nivatthavatthāni avahari.
อเถกทิวสํ สา เอกํ ขีณาสวเตฺถรํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา อตฺตโน ฆรํ เนตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทาเปตฺวา เตลสํสฎฺฐํ โทณินิมฺมชฺชนิํ ปิญฺญากมทาสิฯ โส ตสฺสา อนุกมฺปาย ตํ ปฎิคฺคเหตฺวา ปริภุญฺชิฯ สา ปสนฺนมานสา อุปริ ฉตฺตํ ธารยมานา อฎฺฐาสิฯ โส จ เถโร ตสฺสา จิตฺตํ ปหํเสโนฺต อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิฯ สา จ อิตฺถี อนุโมทนกาเลเยว ‘‘มยฺหํ เกสา ทีฆา ตนู สินิทฺธา มุทู เวลฺลิตคฺคา โหนฺตู’’ติ ปตฺถนมกาสิฯ
Athekadivasaṃ sā ekaṃ khīṇāsavattheraṃ piṇḍāya carantaṃ disvā pasannacittā attano gharaṃ netvā paññatte āsane nisīdāpetvā telasaṃsaṭṭhaṃ doṇinimmajjaniṃ piññākamadāsi. So tassā anukampāya taṃ paṭiggahetvā paribhuñji. Sā pasannamānasā upari chattaṃ dhārayamānā aṭṭhāsi. So ca thero tassā cittaṃ pahaṃsento anumodanaṃ katvā pakkāmi. Sā ca itthī anumodanakāleyeva ‘‘mayhaṃ kesā dīghā tanū siniddhā mudū vellitaggā hontū’’ti patthanamakāsi.
สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา มิสฺสกกมฺมสฺส ผเลน สมุทฺทมเชฺฌ กนกวิมาเน เอกิกา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตสฺสา เกสา ปตฺถิตาการาเยว สมฺปชฺชิํสุฯ มนุสฺสานํ สาฎกาวหรเณน ปน นคฺคา อโหสิฯ สา ตสฺมิํ กนกวิมาเน ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชิตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ นคฺคาว หุตฺวา วีตินาเมสิฯ อถ อมฺหากํ ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจเกฺก อนุปุเพฺพน สาวตฺถิยํ วิหรเนฺต สาวตฺถิวาสิโน สตฺตสตา วาณิชา สุวณฺณภูมิํ อุทฺทิสฺส นาวาย มหาสมุทฺทํ โอตริํสุฯ เตหิ อารุฬฺหา นาวา วิสมวาตเวคุกฺขิตฺตา อิโต จิโต จ ปริพฺภมนฺตี ตํ ปเทสํ อคมาสิฯ อถ สา วิมานเปตี สห วิมาเนน เตสํ อตฺตานํ ทเสฺสสิฯ ตํ ทิสฺวา เชฎฺฐวาณิโช ปุจฺฉโนฺต –
Sā aparena samayena kālaṃ katvā missakakammassa phalena samuddamajjhe kanakavimāne ekikā hutvā nibbatti. Tassā kesā patthitākārāyeva sampajjiṃsu. Manussānaṃ sāṭakāvaharaṇena pana naggā ahosi. Sā tasmiṃ kanakavimāne punappunaṃ uppajjitvā ekaṃ buddhantaraṃ naggāva hutvā vītināmesi. Atha amhākaṃ bhagavati loke uppajjitvā pavattitavaradhammacakke anupubbena sāvatthiyaṃ viharante sāvatthivāsino sattasatā vāṇijā suvaṇṇabhūmiṃ uddissa nāvāya mahāsamuddaṃ otariṃsu. Tehi āruḷhā nāvā visamavātavegukkhittā ito cito ca paribbhamantī taṃ padesaṃ agamāsi. Atha sā vimānapetī saha vimānena tesaṃ attānaṃ dassesi. Taṃ disvā jeṭṭhavāṇijo pucchanto –
๕๘.
58.
‘‘กา นุ อโนฺตวิมานสฺมิํ, ติฎฺฐนฺตี นูปนิกฺขมิ;
‘‘Kā nu antovimānasmiṃ, tiṭṭhantī nūpanikkhami;
อุปนิกฺขมสฺสุ ภเทฺท, ปสฺสาม ตํ พหิฎฺฐิต’’นฺติฯ –
Upanikkhamassu bhadde, passāma taṃ bahiṭṭhita’’nti. –
คาถมาห ฯ ตตฺถ กา นุ อโนฺตวิมานสฺมิํ ติฎฺฐนฺตีติ วิมานสฺส อโนฺต อพฺภนฺตเร ติฎฺฐนฺตี กา นุ ตฺวํ, กิํ มนุสฺสิตฺถี, อุทาหุ อมนุสฺสิตฺถีติ ปุจฺฉติฯ นูปนิกฺขมีติ วิมานโต น นิกฺขมิฯ อุปนิกฺขมสฺสุ, ภเทฺท, ปสฺสาม ตํ พหิฎฺฐิตนฺติ, ภเทฺท, ตํ มยํ พหิ ฐิตํ ปสฺสาม ทฎฺฐุกามมฺหา, ตสฺมา วิมานโต นิกฺขมสฺสุฯ ‘‘อุปนิกฺขมสฺสุ ภทฺทเนฺต’’ติ วา ปาโฐ, ภทฺทํ เต อตฺถูติ อโตฺถฯ
Gāthamāha . Tattha kā nu antovimānasmiṃ tiṭṭhantīti vimānassa anto abbhantare tiṭṭhantī kā nu tvaṃ, kiṃ manussitthī, udāhu amanussitthīti pucchati. Nūpanikkhamīti vimānato na nikkhami. Upanikkhamassu, bhadde, passāma taṃ bahiṭṭhitanti, bhadde, taṃ mayaṃ bahi ṭhitaṃ passāma daṭṭhukāmamhā, tasmā vimānato nikkhamassu. ‘‘Upanikkhamassu bhaddante’’ti vā pāṭho, bhaddaṃ te atthūti attho.
อถสฺส สา อตฺตโน พหิ นิกฺขมิสุํ อสกฺกุเณยฺยตํ ปกาเสนฺตี –
Athassa sā attano bahi nikkhamisuṃ asakkuṇeyyataṃ pakāsentī –
๕๙.
59.
‘‘อฎฺฎียามิ หรายามิ, นคฺคา นิกฺขมิตุํ พหิ;
‘‘Aṭṭīyāmi harāyāmi, naggā nikkhamituṃ bahi;
เกเสหมฺหิ ปฎิจฺฉนฺนา, ปุญฺญํ เม อปฺปกํ กต’’นฺติฯ –
Kesehamhi paṭicchannā, puññaṃ me appakaṃ kata’’nti. –
คาถมาหฯ ตตฺถ อฎฺฎียามีติ นคฺคา หุตฺวา พหิ นิกฺขมิตุํ อฎฺฎิกา ทุกฺขิตา อมฺหิฯ หรายามีติ ลชฺชามิฯ เกเสหมฺหิ ปฎิจฺฉนฺนาติ เกเสหิ อมฺหิ อหํ ปฎิจฺฉาทิตา ปารุตสรีราฯ ปุญฺญํ เม อปฺปกํ กตนฺติ อปฺปกํ ปริตฺตํ มยา กุสลกมฺมํ กตํ, ปิญฺญากทานมตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ
Gāthamāha. Tattha aṭṭīyāmīti naggā hutvā bahi nikkhamituṃ aṭṭikā dukkhitā amhi. Harāyāmīti lajjāmi. Kesehamhi paṭicchannāti kesehi amhi ahaṃ paṭicchāditā pārutasarīrā. Puññaṃ me appakaṃ katanti appakaṃ parittaṃ mayā kusalakammaṃ kataṃ, piññākadānamattanti adhippāyo.
อถสฺสา วาณิโช อตฺตโน อุตฺตริสาฎกํ ทาตุกาโม –-
Athassā vāṇijo attano uttarisāṭakaṃ dātukāmo –-
๖๐.
60.
‘‘หนฺทุตฺตรียํ ททามิ เต, อิทํ ทุสฺสํ นิวาสย;
‘‘Handuttarīyaṃ dadāmi te, idaṃ dussaṃ nivāsaya;
อิทํ ทุสฺสํ นิวาเสตฺวา, เอหิ นิกฺขม โสภเน;
Idaṃ dussaṃ nivāsetvā, ehi nikkhama sobhane;
อุปนิกฺขมสฺสุ ภเทฺท, ปสฺสาม ตํ พหิฎฺฐิต’’นฺติฯ –
Upanikkhamassu bhadde, passāma taṃ bahiṭṭhita’’nti. –
คาถมาห ฯ ตตฺถ หนฺทาติ คณฺหฯ อุตฺตรียนฺติ อุปสํพฺยานํ อุตฺตริสาฎกนฺติ อโตฺถฯ ททามิ เตติ ตุยฺหํ ททามิฯ อิทํ ทุสฺสํ นิวาสยาติ อิทํ มม อุตฺตริสาฎกํ ตฺวํ นิวาเสหิฯ โสภเนติ สุนฺทรรูเปฯ
Gāthamāha . Tattha handāti gaṇha. Uttarīyanti upasaṃbyānaṃ uttarisāṭakanti attho. Dadāmi teti tuyhaṃ dadāmi. Idaṃ dussaṃ nivāsayāti idaṃ mama uttarisāṭakaṃ tvaṃ nivāsehi. Sobhaneti sundararūpe.
เอวญฺจ ปน วตฺวา อตฺตโน อุตฺตริสาฎกํ ตสฺสา อุปเนสิ, สา ตถา ทิยฺยมานสฺส อตฺตโน อนุปกปฺปนียตญฺจ, ยถา ทิยฺยมานํ อุปกปฺปติ, ตญฺจ ทเสฺสนฺตี –
Evañca pana vatvā attano uttarisāṭakaṃ tassā upanesi, sā tathā diyyamānassa attano anupakappanīyatañca, yathā diyyamānaṃ upakappati, tañca dassentī –
๖๑.
61.
‘‘หเตฺถน หเตฺถ เต ทินฺนํ, น มยฺหํ อุปกปฺปติ;
‘‘Hatthena hatthe te dinnaṃ, na mayhaṃ upakappati;
เอเสตฺถุปาสโก สโทฺธ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโกฯ
Esetthupāsako saddho, sammāsambuddhasāvako.
๖๒.
62.
‘‘เอตํ อจฺฉาทยิตฺวาน, มม ทกฺขิณมาทิส;
‘‘Etaṃ acchādayitvāna, mama dakkhiṇamādisa;
ตถาหํ สุขิตา เหสฺสํ, สพฺพกามสมิทฺธินี’’ติฯ –
Tathāhaṃ sukhitā hessaṃ, sabbakāmasamiddhinī’’ti. –
คาถาทฺวยมาห ฯ ตตฺถ หเตฺถน หเตฺถ เต ทินฺนํ, น มยฺหํ อุปกปฺปตีติ, มาริส, ตว หเตฺถน มม หเตฺถ ตยา ทินฺนํ น มยฺหํ อุปกปฺปติ น วินิยุชฺชติ, อุปโภคโยคฺคํ น โหตีติ อโตฺถฯ เอเสตฺถุปาสโก สโทฺธติ เอโส รตนตฺตยํ อุทฺทิสฺส สรณคมเนน อุปาสโก กมฺมผลสทฺธาย จ สมนฺนาคตตฺตา สโทฺธ เอตฺถ เอตสฺมิํ ชนสมูเห อตฺถิฯ เอตํ อจฺฉาทยิตฺวาน, มม ทกฺขิณมาทิสาติ เอตํ อุปาสกํ มม ทิยฺยมานํ สาฎกํ ปริทหาเปตฺวา ตํ ทกฺขิณํ มยฺหํ อาทิส ปตฺติทานํ เทหิฯ ตถาหํ สุขิตา เหสฺสนฺติ ตถา กเต อหํ สุขิตา ทิพฺพวตฺถนิวตฺถา สุขปฺปตฺตา ภวิสฺสามีติฯ
Gāthādvayamāha . Tattha hatthena hatthe te dinnaṃ, na mayhaṃ upakappatīti, mārisa, tava hatthena mama hatthe tayā dinnaṃ na mayhaṃ upakappati na viniyujjati, upabhogayoggaṃ na hotīti attho. Esetthupāsako saddhoti eso ratanattayaṃ uddissa saraṇagamanena upāsako kammaphalasaddhāya ca samannāgatattā saddho ettha etasmiṃ janasamūhe atthi. Etaṃ acchādayitvāna, mama dakkhiṇamādisāti etaṃ upāsakaṃ mama diyyamānaṃ sāṭakaṃ paridahāpetvā taṃ dakkhiṇaṃ mayhaṃ ādisa pattidānaṃ dehi. Tathāhaṃ sukhitā hessanti tathā kate ahaṃ sukhitā dibbavatthanivatthā sukhappattā bhavissāmīti.
ตํ สุตฺวา วาณิชา ตํ อุปาสกํ นฺหาเปตฺวา วิลิเมฺปตฺวา วตฺถยุเคน อจฺฉาเทสุํฯ ตมตฺถํ ปกาเสนฺตา สงฺคีติการา –
Taṃ sutvā vāṇijā taṃ upāsakaṃ nhāpetvā vilimpetvā vatthayugena acchādesuṃ. Tamatthaṃ pakāsentā saṅgītikārā –
๖๓.
63.
‘‘ตญฺจ เต นฺหาปยิตฺวาน, วิลิเมฺปตฺวาน วาณิชา;
‘‘Tañca te nhāpayitvāna, vilimpetvāna vāṇijā;
วเตฺถหจฺฉาทยิตฺวาน, ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสุํฯ
Vatthehacchādayitvāna, tassā dakkhiṇamādisuṃ.
๖๔.
64.
‘‘สมนนฺตรานุทฺทิเฎฺฐ , วิปาโก อุทปชฺชถ;
‘‘Samanantarānuddiṭṭhe , vipāko udapajjatha;
โภชนจฺฉาทนปานียํ, ทกฺขิณาย อิทํ ผลํฯ
Bhojanacchādanapānīyaṃ, dakkhiṇāya idaṃ phalaṃ.
๖๕.
65.
‘‘ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;
‘‘Tato suddhā sucivasanā, kāsikuttamadhārinī;
หสนฺตี วิมานา นิกฺขมิ, ทกฺขิณาย อิทํ ผล’’นฺติฯ –
Hasantī vimānā nikkhami, dakkhiṇāya idaṃ phala’’nti. –
ติโสฺส คาถาโย อโวจุํฯ
Tisso gāthāyo avocuṃ.
๖๓. ตตฺถ ตนฺติ ตํ อุปาสกํฯ จ-สโทฺท นิปาตมตฺตํฯ เตติ เต วาณิชาติ โยชนาฯ วิลิเมฺปตฺวานาติ อุตฺตเมน คเนฺธน วิลิเมฺปตฺวาฯ วเตฺถหจฺฉาทยิตฺวานาติ วณฺณคนฺธรสสมฺปนฺนํ สพฺยญฺชนํ โภชนํ โภเชตฺวา นิวาสนํ อุตฺตรียนฺติ ทฺวีหิ วเตฺถหิ อจฺฉาเทสุํ, เทฺว วตฺถานิ อทํสูติ อโตฺถฯ ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสุนฺติ ตสฺสา เปติยา ตํ ทกฺขิณํ อาทิสิํสุฯ
63. Tattha tanti taṃ upāsakaṃ. Ca-saddo nipātamattaṃ. Teti te vāṇijāti yojanā. Vilimpetvānāti uttamena gandhena vilimpetvā. Vatthehacchādayitvānāti vaṇṇagandharasasampannaṃ sabyañjanaṃ bhojanaṃ bhojetvā nivāsanaṃ uttarīyanti dvīhi vatthehi acchādesuṃ, dve vatthāni adaṃsūti attho. Tassā dakkhiṇamādisunti tassā petiyā taṃ dakkhiṇaṃ ādisiṃsu.
๖๔. สมนนฺตรานุทฺทิเฎฺฐติ อนู-ติ นิปาตมตฺตํ, ตสฺสา ทกฺขิณาย อุทฺทิฎฺฐสมนนฺตรเมวฯ วิปาโก อุทปชฺชถาติ ตสฺสา เปติยา วิปาโก ทกฺขิณาย ผลํ อุปฺปชฺชิฯ กีทิโสติ เปตี อาห โภชนจฺฉาทนปานียนฺติฯ นานปฺปการํ ทิพฺพโภชนสทิสํ โภชนญฺจ นานาวิราควณฺณสมุชฺชลํ ทิพฺพวตฺถสทิสํ วตฺถญฺจ อเนกวิธํ ปานกญฺจ ทกฺขิณาย อิทํ อีทิสํ ผลํ อุทปชฺชถาติ โยชนาฯ
64.Samanantarānuddiṭṭheti anū-ti nipātamattaṃ, tassā dakkhiṇāya uddiṭṭhasamanantarameva. Vipāko udapajjathāti tassā petiyā vipāko dakkhiṇāya phalaṃ uppajji. Kīdisoti petī āha bhojanacchādanapānīyanti. Nānappakāraṃ dibbabhojanasadisaṃ bhojanañca nānāvirāgavaṇṇasamujjalaṃ dibbavatthasadisaṃ vatthañca anekavidhaṃ pānakañca dakkhiṇāya idaṃ īdisaṃ phalaṃ udapajjathāti yojanā.
๖๕. ตโตติ ยถาวุตฺตโภชนาทิปฎิลาภโต ปจฺฉาฯ สุทฺธาติ นฺหาเนน สุทฺธสรีราฯ สุจิวสนาติ สุวิสุทฺธวตฺถนิวตฺถาฯ กาสิกุตฺตมธารินีติ กาสิกวตฺถโตปิ อุตฺตมวตฺถธารินีฯ หสนฺตีติ ‘‘ปสฺสถ ตาว ตุมฺหากํ ทกฺขิณาย อิทํ ผลวิเสส’’นฺติ ปกาสนวเสน หสมานา วิมานโต นิกฺขมิฯ
65.Tatoti yathāvuttabhojanādipaṭilābhato pacchā. Suddhāti nhānena suddhasarīrā. Sucivasanāti suvisuddhavatthanivatthā. Kāsikuttamadhārinīti kāsikavatthatopi uttamavatthadhārinī. Hasantīti ‘‘passatha tāva tumhākaṃ dakkhiṇāya idaṃ phalavisesa’’nti pakāsanavasena hasamānā vimānato nikkhami.
อถ เต วาณิชา เอวํ ปจฺจกฺขโต ปุญฺญผลํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ตสฺมิํ อุปาสเก สญฺชาตคารวพหุมานา กตญฺชลี ตํ ปยิรุปาสิํสุฯ โสปิ เต ธมฺมกถาย ภิโยฺยโสมตฺตาย ปสาเทตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐาเปสิฯ เต ตาย วิมานเปติยา กตกมฺมํ –
Atha te vāṇijā evaṃ paccakkhato puññaphalaṃ disvā acchariyabbhutacittajātā tasmiṃ upāsake sañjātagāravabahumānā katañjalī taṃ payirupāsiṃsu. Sopi te dhammakathāya bhiyyosomattāya pasādetvā saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhāpesi. Te tāya vimānapetiyā katakammaṃ –
๖๖.
66.
‘‘สุจิตฺตรูปํ รุจิรํ, วิมานํ เต ปภาสติ;
‘‘Sucittarūpaṃ ruciraṃ, vimānaṃ te pabhāsati;
เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ –
Devate pucchitācikkha, kissa kammassidaṃ phala’’nti. –
อิมาย คาถาย ปุจฺฉิํสุฯ ตตฺถ สุจิตฺตรูปนฺติ หตฺถิอสฺสอิตฺถิปุริสาทิวเสน เจว มาลากมฺมลตากมฺมาทิวเสน จ สุฎฺฐุ วิหิตจิตฺตรูปํฯ รุจิรนฺติ รมณียํ ทสฺสนียํฯ กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลนฺติ กีทิสสฺส กมฺมสฺส, กิํ ทานมยสฺส อุทาหุ สีลมยสฺส อิทํ ผลนฺติ อโตฺถฯ
Imāya gāthāya pucchiṃsu. Tattha sucittarūpanti hatthiassaitthipurisādivasena ceva mālākammalatākammādivasena ca suṭṭhu vihitacittarūpaṃ. Ruciranti ramaṇīyaṃ dassanīyaṃ. Kissa kammassidaṃ phalanti kīdisassa kammassa, kiṃ dānamayassa udāhu sīlamayassa idaṃ phalanti attho.
สา เตหิ เอวํ ปุฎฺฐา ‘‘มยา กตสฺส ปริตฺตกสฺส กุสลกมฺมสฺส ตาว อิทํ ผลํ, อกุสลกมฺมสฺส ปน อายติํ นิรเย เอทิสํ ภวิสฺสตี’’ติ ตทุภยํ อาจิกฺขนฺตี –
Sā tehi evaṃ puṭṭhā ‘‘mayā katassa parittakassa kusalakammassa tāva idaṃ phalaṃ, akusalakammassa pana āyatiṃ niraye edisaṃ bhavissatī’’ti tadubhayaṃ ācikkhantī –
๖๗.
67.
‘‘ภิกฺขุโน จรมานสฺส, โทณินิมฺมชฺชนิํ อหํ;
‘‘Bhikkhuno caramānassa, doṇinimmajjaniṃ ahaṃ;
อทาสิํ อุชุภูตสฺส, วิปฺปสเนฺนน เจตสาฯ
Adāsiṃ ujubhūtassa, vippasannena cetasā.
๖๘.
68.
‘‘ตสฺส กมฺมสฺส กุสลสฺส, วิปากํ ทีฆมนฺตรํ;
‘‘Tassa kammassa kusalassa, vipākaṃ dīghamantaraṃ;
อนุโภมิ วิมานสฺมิํ, ตญฺจ ทานิ ปริตฺตกํฯ
Anubhomi vimānasmiṃ, tañca dāni parittakaṃ.
๖๙.
69.
‘‘อุทฺธํ จตูหิ มาเสหิ, กาลํกิริยา ภวิสฺสติ;
‘‘Uddhaṃ catūhi māsehi, kālaṃkiriyā bhavissati;
เอกนฺตกฎุกํ โฆรํ, นิรยํ ปปติสฺสหํฯ
Ekantakaṭukaṃ ghoraṃ, nirayaṃ papatissahaṃ.
๗๐.
70.
‘‘จตุกฺกณฺณํ จตุทฺวารํ, วิภตฺตํ ภาคโส มิตํ;
‘‘Catukkaṇṇaṃ catudvāraṃ, vibhattaṃ bhāgaso mitaṃ;
อโยปาการปริยนฺตํ, อยสา ปฎิกุชฺชิตํฯ
Ayopākārapariyantaṃ, ayasā paṭikujjitaṃ.
๗๑.
71.
‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;
‘‘Tassa ayomayā bhūmi, jalitā tejasā yutā;
สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฎฺฐติ สพฺพทาฯ
Samantā yojanasataṃ, pharitvā tiṭṭhati sabbadā.
๗๒.
72.
‘‘ตตฺถาหํ ทีฆมทฺธานํ, ทุกฺขํ เวทิสฺส เวทนํ;
‘‘Tatthāhaṃ dīghamaddhānaṃ, dukkhaṃ vedissa vedanaṃ;
ผลญฺจ ปาปกมฺมสฺส, ตสฺมา โสจามหํ ภุส’’นฺติฯ – คาถาโย อภาสิ;
Phalañca pāpakammassa, tasmā socāmahaṃ bhusa’’nti. – gāthāyo abhāsi;
๖๗. ตตฺถ ภิกฺขุโน จรมานสฺสาติ อญฺญตรสฺส ภินฺนกิเลสสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขาย จรนฺตสฺสฯ โทณินิมฺมชฺชนินฺติ วิสฺสนฺทมานเตลํ ปิญฺญากํฯ อุชุภูตสฺสาติ จิตฺตชิมฺหวงฺกกุฎิลภาวกรานํ กิเลสานํ อภาเวน อุชุภาวปฺปตฺตสฺสฯ วิปฺปสเนฺนน เจตสาติ กมฺมผลสทฺธาย สุฎฺฐุ ปสเนฺนน จิเตฺตนฯ
67. Tattha bhikkhuno caramānassāti aññatarassa bhinnakilesassa bhikkhuno bhikkhāya carantassa. Doṇinimmajjaninti vissandamānatelaṃ piññākaṃ. Ujubhūtassāti cittajimhavaṅkakuṭilabhāvakarānaṃ kilesānaṃ abhāvena ujubhāvappattassa. Vippasannena cetasāti kammaphalasaddhāya suṭṭhu pasannena cittena.
๖๘-๖๙. ทีฆมนฺตรนฺติ ม-กาโร ปทสนฺธิกโร, ทีฆอนฺตรํ ทีฆกาลนฺติ อโตฺถฯ ตญฺจ ทานิ ปริตฺตกนฺติ ตญฺจ ปุญฺญผลํ วิปกฺกวิปากตฺตา กมฺมสฺส อิทานิ ปริตฺตกํ อปฺปาวเสสํ, น จิเรเนว อิโต จวิสฺสามีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อุทฺธํ จตูหิ มาเสหิ, กาลํกิริยา ภวิสฺสตี’’ติ จตูหิ มาเสหิ อุทฺธํ จตุนฺนํ มาสานํ อุปริ ปญฺจเม มาเส มม กาลํกิริยา ภวิสฺสตีติ ทเสฺสติฯ เอกนฺตกฎุกนฺติ เอกเนฺตเนว อนิฎฺฐฉผสฺสายตนิกภาวโต เอกนฺตทุกฺขนฺติ อโตฺถฯ โฆรนฺติ ทารุณํฯ นิรยนฺติ นตฺถิ เอตฺถ อโย สุขนฺติ กตฺวา ‘‘นิรย’’นฺติ ลทฺธนามํ นรกํฯ ปปติสฺสหนฺติ ปปหิสฺสามิ อหํฯ
68-69.Dīghamantaranti ma-kāro padasandhikaro, dīghaantaraṃ dīghakālanti attho. Tañca dāni parittakanti tañca puññaphalaṃ vipakkavipākattā kammassa idāni parittakaṃ appāvasesaṃ, na cireneva ito cavissāmīti attho. Tenāha ‘‘uddhaṃ catūhi māsehi, kālaṃkiriyā bhavissatī’’ti catūhi māsehi uddhaṃ catunnaṃ māsānaṃ upari pañcame māse mama kālaṃkiriyā bhavissatīti dasseti. Ekantakaṭukanti ekanteneva aniṭṭhachaphassāyatanikabhāvato ekantadukkhanti attho. Ghoranti dāruṇaṃ. Nirayanti natthi ettha ayo sukhanti katvā ‘‘niraya’’nti laddhanāmaṃ narakaṃ. Papatissahanti papahissāmi ahaṃ.
๗๐. ‘‘นิรย’’นฺติ เจตฺถ อวีจิมหานิรยสฺส อธิเปฺปตตฺตา ตํ สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘จตุกฺกณฺณ’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ จตุกฺกณฺณนฺติ จตุโกฺกณํฯ จตุทฺวารนฺติ จตูสุ ทิสาสุ จตูหิ ทฺวาเรหิ ยุตฺตํฯ วิภตฺตนฺติ สุฎฺฐุ วิภตฺตํฯ
70. ‘‘Niraya’’nti cettha avīcimahānirayassa adhippetattā taṃ sarūpato dassetuṃ ‘‘catukkaṇṇa’’ntiādimāha. Tattha catukkaṇṇanti catukkoṇaṃ. Catudvāranti catūsu disāsu catūhi dvārehi yuttaṃ. Vibhattanti suṭṭhu vibhattaṃ.
ภาคโสติ ภาคโตฯ มิตนฺติ ตุลิตํฯ อโยปาการปริยนฺตนฺติ อโยมเยน ปากาเรน ปริกฺขิตฺตํฯ อยสา ปฎิกุชฺชิตนฺติ อโยปฎเลเนว อุปริ ปิหิตํฯ
Bhāgasoti bhāgato. Mitanti tulitaṃ. Ayopākārapariyantanti ayomayena pākārena parikkhittaṃ. Ayasā paṭikujjitanti ayopaṭaleneva upari pihitaṃ.
๗๑-๗๒. เตชสา ยุตาติ สมนฺตโต สมุฎฺฐิตชาเลน มหตา อคฺคินา นิรนฺตรํ สมายุตชาลาฯ สมนฺตา โยชนสตนฺติ เอวํ ปน สมนฺตา พหิ สพฺพทิสาสุ โยชนสตํ โยชนานํ สตํฯ สพฺพทาติ สพฺพกาลํฯ ผริตฺวา ติฎฺฐตีติ พฺยาเปตฺวา ติฎฺฐติฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ มหานิรเยฯ เวทิสฺสนฺติ เวทิสฺสามิ อนุภวิสฺสามิฯ ผลญฺจ ปาปกมฺมสฺสาติ อิทํ อีทิสํ ทุกฺขานุภวนํ มหา เอวํ กตสฺส ปาปสฺส กมฺมสฺส ผลนฺติ อโตฺถฯ
71-72.Tejasā yutāti samantato samuṭṭhitajālena mahatā agginā nirantaraṃ samāyutajālā. Samantā yojanasatanti evaṃ pana samantā bahi sabbadisāsu yojanasataṃ yojanānaṃ sataṃ. Sabbadāti sabbakālaṃ. Pharitvā tiṭṭhatīti byāpetvā tiṭṭhati. Tatthāti tasmiṃ mahāniraye. Vedissanti vedissāmi anubhavissāmi. Phalañca pāpakammassāti idaṃ īdisaṃ dukkhānubhavanaṃ mahā evaṃ katassa pāpassa kammassa phalanti attho.
เอวํ ตาย อตฺตนา กตกมฺมผเล อายติํ เนรยิกภเย จ ปกาสิเต โส อุปาสโก กรุณาสโญฺจทิตมานโส ‘‘หนฺทสฺสาหํ ปติฎฺฐา ภเวยฺย’’นฺติ จิเนฺตตฺวา อาห – ‘‘เทวเต, ตฺวํ มยฺหํ เอกสฺส ทานวเสน สพฺพกามสมิทฺธา อุฎฺฐารสมฺปตฺติยุตฺตา ชาตา, อิทานิ ปน อิเมสํ อุปาสกานํ ทานํ ทตฺวา สตฺถุ จ คุเณ อนุสฺสริตฺวา นิรยูปปตฺติโต มุจฺจิสฺสสี’’ติฯ สา เปตี หฎฺฐตุฎฺฐา ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา เต ทิเพฺพน อนฺนปาเนน สนฺตเปฺปตฺวา ทิพฺพานิ วตฺถานิ นานาวิธานิ รตนานิ จ อทาสิ, ภควนฺตญฺจ อุทฺทิสฺส ทิพฺพํ ทุสฺสยุคํ เตสํ หเตฺถ ทตฺวา ‘‘อญฺญตรา, ภเนฺต, วิมานเปตี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตีติ สาวตฺถิํ คนฺตฺวา สตฺถารํ มม วจเนน วนฺทถา’’ติ วนฺทนญฺจ เปเสสิ, ตญฺจ นาวํ อตฺตโน อิทฺธานุภาเวน เตหิ อิจฺฉิตปฎฺฎนํ ตํ ทิวสเมว อุปเนสิฯ
Evaṃ tāya attanā katakammaphale āyatiṃ nerayikabhaye ca pakāsite so upāsako karuṇāsañcoditamānaso ‘‘handassāhaṃ patiṭṭhā bhaveyya’’nti cintetvā āha – ‘‘devate, tvaṃ mayhaṃ ekassa dānavasena sabbakāmasamiddhā uṭṭhārasampattiyuttā jātā, idāni pana imesaṃ upāsakānaṃ dānaṃ datvā satthu ca guṇe anussaritvā nirayūpapattito muccissasī’’ti. Sā petī haṭṭhatuṭṭhā ‘‘sādhū’’ti vatvā te dibbena annapānena santappetvā dibbāni vatthāni nānāvidhāni ratanāni ca adāsi, bhagavantañca uddissa dibbaṃ dussayugaṃ tesaṃ hatthe datvā ‘‘aññatarā, bhante, vimānapetī bhagavato pāde sirasā vandatīti sāvatthiṃ gantvā satthāraṃ mama vacanena vandathā’’ti vandanañca pesesi, tañca nāvaṃ attano iddhānubhāvena tehi icchitapaṭṭanaṃ taṃ divasameva upanesi.
อถ เต วาณิชา ตโต ปฎฺฎนโต อนุกฺกเมน สาวตฺถิํ ปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา สตฺถุ ตํ ทุสฺสยุคํ ทตฺวา วนฺทนญฺจ นิเวเทตฺวา อาทิโต ปฎฺฐาย ตํ ปวตฺติํ ภควโต อาโรเจสุํฯ สตฺถา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาฯ เต ปน อุปาสกา ทุติยทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสิํสุฯ สา จ ตโต เปตโลกโต จวิตฺวา วิวิธรตนวิโชฺชติเต ตาวติํสภวเน กนกวิมาเน อจฺฉราสหสฺสปริวารา นิพฺพตฺตีติฯ
Atha te vāṇijā tato paṭṭanato anukkamena sāvatthiṃ patvā jetavanaṃ pavisitvā satthu taṃ dussayugaṃ datvā vandanañca nivedetvā ādito paṭṭhāya taṃ pavattiṃ bhagavato ārocesuṃ. Satthā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya vitthārena dhammaṃ desesi, sā desanā mahājanassa sātthikā jātā. Te pana upāsakā dutiyadivase buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ datvā tassā dakkhiṇamādisiṃsu. Sā ca tato petalokato cavitvā vividharatanavijjotite tāvatiṃsabhavane kanakavimāne accharāsahassaparivārā nibbattīti.
ขลฺลาฎิยเปติวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Khallāṭiyapetivatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๑๐. ขลฺลาฎิยเปติวตฺถุ • 10. Khallāṭiyapetivatthu