Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā |
๒. ขนฺธยมกํ
2. Khandhayamakaṃ
๑. ปณฺณตฺติอุเทฺทสวารวณฺณนา
1. Paṇṇattiuddesavāravaṇṇanā
๑. อิทานิ มูลยมเก เทสิเตเยว กุสลาทิธเมฺม ขนฺธวเสน สงฺคณฺหิตฺวา มูลยมกานนฺตรํ เทสิตสฺส ขนฺธยมกสฺส วณฺณนา โหติฯ ตตฺถ ปาฬิววตฺถานํ ตาว เอวํ เวทิตพฺพํ – อิมสฺมิญฺหิ ขนฺธยมเก ตโย มหาวารา โหนฺติ – ปณฺณตฺติวาโร, ปวตฺติวาโร, ปริญฺญาวาโรติฯ เตสุ ปณฺณตฺติวาโร ขนฺธานํ นามาภิธานโสธนวเสเนว คตตฺตา ปณฺณตฺติวาโรติ วุจฺจติฯ ปวตฺติวาโร เตน โสธิตนามาภิธานานํ ขนฺธานํ อุปฺปาทนิโรธวเสน ปวตฺติํ โสธยมาโน คโต, ตสฺมา ปวตฺติวาโรติ วุจฺจติฯ ปริญฺญาวาโร อิมินานุกฺกเมน ปวตฺตานํ ขนฺธานํ สเงฺขเปเนว ติโสฺส ปริญฺญา ทีปยมาโน คโต, ตสฺมา ปริญฺญาวาโรติ วุจฺจติฯ ตตฺถ ปณฺณตฺติวาโร อุเทฺทสนิเทฺทสวเสน ทฺวีหากาเรหิ ววตฺถิโตฯ อิตเรสุ วิสุํ อุเทฺทสวาโร นตฺถิฯ อาทิโต ปฎฺฐาย ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวเสน เอกธา ววตฺถิตาฯ ตตฺถ ปญฺจกฺขนฺธาติปทํ อาทิํ กตฺวา ยาว น ขนฺธา, น สงฺขาราติ ปทํ ตาว ปณฺณตฺติวารสฺส อุเทฺทสวาโร เวทิตโพฺพฯ ปุจฺฉาวาโรติปิ ตเสฺสว นามํฯ ตตฺถ ปญฺจกฺขนฺธาติ อยํ ยมกวเสน ปุจฺฉิตพฺพานํ ขนฺธานํ อุเทฺทโสฯ รูปกฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณกฺขโนฺธติ เตสเญฺญว ปเภทโต นามววตฺถานํฯ
1. Idāni mūlayamake desiteyeva kusalādidhamme khandhavasena saṅgaṇhitvā mūlayamakānantaraṃ desitassa khandhayamakassa vaṇṇanā hoti. Tattha pāḷivavatthānaṃ tāva evaṃ veditabbaṃ – imasmiñhi khandhayamake tayo mahāvārā honti – paṇṇattivāro, pavattivāro, pariññāvāroti. Tesu paṇṇattivāro khandhānaṃ nāmābhidhānasodhanavaseneva gatattā paṇṇattivāroti vuccati. Pavattivāro tena sodhitanāmābhidhānānaṃ khandhānaṃ uppādanirodhavasena pavattiṃ sodhayamāno gato, tasmā pavattivāroti vuccati. Pariññāvāro iminānukkamena pavattānaṃ khandhānaṃ saṅkhepeneva tisso pariññā dīpayamāno gato, tasmā pariññāvāroti vuccati. Tattha paṇṇattivāro uddesaniddesavasena dvīhākārehi vavatthito. Itaresu visuṃ uddesavāro natthi. Ādito paṭṭhāya pucchāvissajjanavasena ekadhā vavatthitā. Tattha pañcakkhandhātipadaṃ ādiṃ katvā yāva na khandhā, na saṅkhārāti padaṃ tāva paṇṇattivārassa uddesavāro veditabbo. Pucchāvārotipi tasseva nāmaṃ. Tattha pañcakkhandhāti ayaṃ yamakavasena pucchitabbānaṃ khandhānaṃ uddeso. Rūpakkhandho…pe… viññāṇakkhandhoti tesaññeva pabhedato nāmavavatthānaṃ.
๒-๓. อิทานิ อิเมสํ ขนฺธานํ วเสน ปทโสธนวาโร, ปทโสธนมูลจกฺกวาโร, สุทฺธขนฺธวาโร, สุทฺธขนฺธมูลจกฺกวาโรติ จตฺตาโร นยวารา โหนฺติฯ ตตฺถ รูปํ รูปกฺขโนฺธ, รูปกฺขโนฺธ รูปนฺติอาทินา นเยน ปทเมว โสเธตฺวา คโต ปทโสธนวาโร นามฯ โส อนุโลมปฎิโลมวเสน ทุวิโธ โหติฯ ตตฺถ อนุโลมวาเร ‘รูปํ รูปกฺขโนฺธ, รูปกฺขโนฺธ รูป’นฺติอาทีนิ ปญฺจ ยมกานิฯ ปฎิโลมวาเรปิ ‘น รูปํ, น รูปกฺขโนฺธ; น รูปกฺขโนฺธ น รูป’นฺติอาทีนิ ปเญฺจวฯ ตโต ปรํ เตสเญฺญว ปทโสธนวาเร โสธิตานํ ขนฺธานํ ‘รูปํ รูปกฺขโนฺธ, ขนฺธา เวทนากฺขโนฺธ’ติอาทินา นเยน เอเกกขนฺธมูลกานิ จตฺตาริ จตฺตาริ จกฺกานิ พนฺธิตฺวา คโต ปทโสธนมูลกานํ จกฺกานํ อตฺถิตาย ปทโสธนมูลจกฺกวาโร นามฯ โสปิ อนุโลมปฎิโลมวเสน ทุวิโธ โหติฯ ตตฺถ อนุโลมวาเร ‘รูปํ รูปกฺขโนฺธ, ขนฺธา เวทนากฺขโนฺธ’ติอาทีนิ เอเกกขนฺธมูลกานิ จตฺตาริ จตฺตาริ กตฺวา วีสติ ยมกานิฯ ปฎิโลมวาเรปิ ‘น รูปํ, น รูปกฺขโนฺธ; น ขนฺธา น เวทนากฺขโนฺธ’ติอาทีนิ วีสติเมวฯ
2-3. Idāni imesaṃ khandhānaṃ vasena padasodhanavāro, padasodhanamūlacakkavāro, suddhakhandhavāro, suddhakhandhamūlacakkavāroti cattāro nayavārā honti. Tattha rūpaṃ rūpakkhandho, rūpakkhandho rūpantiādinā nayena padameva sodhetvā gato padasodhanavāro nāma. So anulomapaṭilomavasena duvidho hoti. Tattha anulomavāre ‘rūpaṃ rūpakkhandho, rūpakkhandho rūpa’ntiādīni pañca yamakāni. Paṭilomavārepi ‘na rūpaṃ, na rūpakkhandho; na rūpakkhandho na rūpa’ntiādīni pañceva. Tato paraṃ tesaññeva padasodhanavāre sodhitānaṃ khandhānaṃ ‘rūpaṃ rūpakkhandho, khandhā vedanākkhandho’tiādinā nayena ekekakhandhamūlakāni cattāri cattāri cakkāni bandhitvā gato padasodhanamūlakānaṃ cakkānaṃ atthitāya padasodhanamūlacakkavāro nāma. Sopi anulomapaṭilomavasena duvidho hoti. Tattha anulomavāre ‘rūpaṃ rūpakkhandho, khandhā vedanākkhandho’tiādīni ekekakhandhamūlakāni cattāri cattāri katvā vīsati yamakāni. Paṭilomavārepi ‘na rūpaṃ, na rūpakkhandho; na khandhā na vedanākkhandho’tiādīni vīsatimeva.
ตโต ปรํ รูปํ ขโนฺธ ขนฺธา รูปนฺติอาทินา นเยน สุทฺธขนฺธวเสเนว คโต สุทฺธขนฺธวาโร นามฯ ตตฺถ ขนฺธา รูปนฺติอาทีสุ ขนฺธา รูปกฺขโนฺธ, ขนฺธา เวทนากฺขโนฺธติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ กสฺมา? นิเทฺทสวาเร เอวํ ภาชิตตฺตาฯ ตตฺถ หิ ‘รูปํ ขโนฺธติ อามนฺตาฯ ขนฺธา รูปกฺขโนฺธติ รูปกฺขโนฺธ ขโนฺธ เจว รูปกฺขโนฺธ จ, อวเสสา ขนฺธา น รูปกฺขโนฺธ’ติ เอวํ ‘ขนฺธา รูป’นฺติอาทีนํ ขนฺธา รูปกฺขโนฺธติอาทินา นเยน ปทํ อุทฺธริตฺวา อโตฺถ วิภโตฺตฯ เตเนว จ การเณเนเส สุทฺธขนฺธวาโรติ วุโตฺตฯ วจนโสธเน วิย หิ เอตฺถ น วจนํ ปมาณํฯ ยถา ยถา ปน สุทฺธขนฺธา ลพฺภนฺติ, ตถา ตถา อโตฺถว ปมาณํฯ ปรโต อายตนยมกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอโสปิ จ สุทฺธขนฺธวาโร อนุโลมปฎิโลมวเสน ทุวิโธ โหติฯ ตตฺถ อนุโลมวาเร ‘รูปํ ขโนฺธ ขนฺธา รูป’นฺติอาทีนิ ปญฺจ ยมกานิฯ ปฎิโลมวาเรปิ ‘น รูปํ น ขโนฺธ, น ขนฺธา น รูป’นฺติอาทีนิ ปเญฺจวฯ
Tato paraṃ rūpaṃ khandho khandhā rūpantiādinā nayena suddhakhandhavaseneva gato suddhakhandhavāro nāma. Tattha khandhā rūpantiādīsu khandhā rūpakkhandho, khandhā vedanākkhandhoti attho gahetabbo. Kasmā? Niddesavāre evaṃ bhājitattā. Tattha hi ‘rūpaṃ khandhoti āmantā. Khandhā rūpakkhandhoti rūpakkhandho khandho ceva rūpakkhandho ca, avasesā khandhā na rūpakkhandho’ti evaṃ ‘khandhā rūpa’ntiādīnaṃ khandhā rūpakkhandhotiādinā nayena padaṃ uddharitvā attho vibhatto. Teneva ca kāraṇenese suddhakhandhavāroti vutto. Vacanasodhane viya hi ettha na vacanaṃ pamāṇaṃ. Yathā yathā pana suddhakhandhā labbhanti, tathā tathā atthova pamāṇaṃ. Parato āyatanayamakādīsupi eseva nayo. Esopi ca suddhakhandhavāro anulomapaṭilomavasena duvidho hoti. Tattha anulomavāre ‘rūpaṃ khandho khandhā rūpa’ntiādīni pañca yamakāni. Paṭilomavārepi ‘na rūpaṃ na khandho, na khandhā na rūpa’ntiādīni pañceva.
ตโต ปรํ เตสเญฺญว สุทฺธขนฺธานํ รูปํ ขโนฺธ, ขนฺธา เวทนาติอาทินา นเยน เอเกกขนฺธมูลกานิ จตฺตาริ จตฺตาริ จกฺกานิ พนฺธิตฺวา คโต สุทฺธขนฺธมูลกานํ จกฺกานํ อตฺถิตาย สุทฺธขนฺธมูลจกฺกวาโร นามฯ ตตฺถ ขนฺธา เวทนาติอาทีสุ ขนฺธา เวทนากฺขโนฺธติอาทินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อิตรถา นิเทฺทสวาเรน สทฺธิํ วิโรโธ โหติฯ โสปิ อนุโลมปฎิโลมวเสน ทุวิโธ โหติฯ ตตฺถ อนุโลมวาเร ‘รูปํ ขโนฺธ, ขนฺธา เวทนา’ติอาทีนิ เอเกกขนฺธมูลกานิ จตฺตาริ จตฺตาริ กตฺวา วีสติ ยมกานิฯ ปฎิโลมวาเรปิ ‘น รูปํ, น ขโนฺธ, น ขนฺธา น เวทนา’ติอาทีนิ วีสติเมวฯ เอวํ ตาว เอเกน ยมกสเตน ทฺวีหิ ปุจฺฉาสเตหิ เอเกกปุจฺฉาย สนฺนิฎฺฐานสํสยวเสน เทฺว เทฺว อเตฺถ กตฺวา จตูหิ จ อตฺถสเตหิ ปฎิมณฺฑิโต ปณฺณตฺติวารสฺส อุเทฺทสวาโร เวทิตโพฺพติฯ
Tato paraṃ tesaññeva suddhakhandhānaṃ rūpaṃ khandho, khandhā vedanātiādinā nayena ekekakhandhamūlakāni cattāri cattāri cakkāni bandhitvā gato suddhakhandhamūlakānaṃ cakkānaṃ atthitāya suddhakhandhamūlacakkavāro nāma. Tattha khandhā vedanātiādīsu khandhā vedanākkhandhotiādinā nayena attho veditabbo. Itarathā niddesavārena saddhiṃ virodho hoti. Sopi anulomapaṭilomavasena duvidho hoti. Tattha anulomavāre ‘rūpaṃ khandho, khandhā vedanā’tiādīni ekekakhandhamūlakāni cattāri cattāri katvā vīsati yamakāni. Paṭilomavārepi ‘na rūpaṃ, na khandho, na khandhā na vedanā’tiādīni vīsatimeva. Evaṃ tāva ekena yamakasatena dvīhi pucchāsatehi ekekapucchāya sanniṭṭhānasaṃsayavasena dve dve atthe katvā catūhi ca atthasatehi paṭimaṇḍito paṇṇattivārassa uddesavāro veditabboti.
ปณฺณตฺติอุเทฺทสวารวณฺณนาฯ
Paṇṇattiuddesavāravaṇṇanā.
๑. ปณฺณตฺตินิเทฺทสวารวณฺณนา
1. Paṇṇattiniddesavāravaṇṇanā
๒๖. อิทานิ รูปํ รูปกฺขโนฺธติอาทินา นเยน นิเทฺทสวาโร อารโทฺธฯ ตตฺถ รูปํ รูปกฺขโนฺธติ ยํกิญฺจิ รูปนฺติ วุจฺจติฯ สพฺพํ ตํ รูปํ รูปกฺขโนฺธติ วจนโสธนตฺถํ ปุจฺฉติฯ ปิยรูปํ สาตรูปํ, รูปํ, น รูปกฺขโนฺธติ ยํ ‘ปิยรูปํ สาตรูป’นฺติ เอตฺถ รูปนฺติ วุตฺตํ, ตํ รูปเมว, น รูปกฺขโนฺธติ อโตฺถฯ รูปกฺขโนฺธ รูปเญฺจว รูปกฺขโนฺธ จาติ โย ปน รูปกฺขโนฺธ, โส รูปนฺติปิ รูปกฺขโนฺธติปิ วตฺตุํ วฎฺฎตีติ อโตฺถฯ รูปกฺขโนฺธ รูปนฺติ เอตฺถ ปน ยสฺมา รูปกฺขโนฺธ นิยเมเนว รูปนฺติ วตฺตโพฺพฯ ตสฺมา อามนฺตาติ อาหฯ อิมินา อุปาเยน สพฺพวิสฺสชฺชเนสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ โย ปน ยตฺถ วิเสโส ภวิสฺสติ, ตเถว ตํ วณฺณยิสฺสาม ฯ สญฺญายมเก ตาว ทิฎฺฐิสญฺญาติ ‘ปปญฺจสญฺญา’ติอาทีสุ อาคตา ทิฎฺฐิสญฺญาฯ สงฺขารยมเก อวเสสา สงฺขาราติ ‘อนิจฺจา วต สงฺขารา’ติอาทีสุ อาคตา สงฺขารกฺขนฺธโต อวเสสา สงฺขตธมฺมาฯ ปฎิโลมวาเรปิ เอเสว นโยติฯ
26. Idāni rūpaṃ rūpakkhandhotiādinā nayena niddesavāro āraddho. Tattha rūpaṃ rūpakkhandhoti yaṃkiñci rūpanti vuccati. Sabbaṃ taṃ rūpaṃ rūpakkhandhoti vacanasodhanatthaṃ pucchati. Piyarūpaṃ sātarūpaṃ, rūpaṃ, na rūpakkhandhoti yaṃ ‘piyarūpaṃ sātarūpa’nti ettha rūpanti vuttaṃ, taṃ rūpameva, na rūpakkhandhoti attho. Rūpakkhandho rūpañceva rūpakkhandho cāti yo pana rūpakkhandho, so rūpantipi rūpakkhandhotipi vattuṃ vaṭṭatīti attho. Rūpakkhandho rūpanti ettha pana yasmā rūpakkhandho niyameneva rūpanti vattabbo. Tasmā āmantāti āha. Iminā upāyena sabbavissajjanesu attho veditabbo. Yo pana yattha viseso bhavissati, tatheva taṃ vaṇṇayissāma . Saññāyamake tāva diṭṭhisaññāti ‘papañcasaññā’tiādīsu āgatā diṭṭhisaññā. Saṅkhārayamake avasesā saṅkhārāti ‘aniccā vata saṅkhārā’tiādīsu āgatā saṅkhārakkhandhato avasesā saṅkhatadhammā. Paṭilomavārepi eseva nayoti.
ปทโสธนวาโร นิฎฺฐิโตฯ
Padasodhanavāro niṭṭhito.
๒๘. ปทโสธนมูลจกฺกวาเร ขนฺธา เวทนากฺขโนฺธติ เยเกจิ ขนฺธา, สเพฺพ เต เวทนากฺขโนฺธติ ปุจฺฉติฯ เสสปุจฺฉาสุปิ เอเสว นโยฯ ปฎิโลเม น ขนฺธา น เวทนากฺขโนฺธติ เอตฺถ เย ปญฺญตฺตินิพฺพานสงฺขาตา ธมฺมา ขนฺธา น โหนฺติ, เต ยสฺมา เวทนากฺขโนฺธปิ น โหนฺติ, ตสฺมา อามนฺตาติ อาหฯ เสสวิสฺสชฺชเนสุปิ เอเสว นโยติฯ
28. Padasodhanamūlacakkavāre khandhā vedanākkhandhoti yekeci khandhā, sabbe te vedanākkhandhoti pucchati. Sesapucchāsupi eseva nayo. Paṭilome na khandhā na vedanākkhandhoti ettha ye paññattinibbānasaṅkhātā dhammā khandhā na honti, te yasmā vedanākkhandhopi na honti, tasmā āmantāti āha. Sesavissajjanesupi eseva nayoti.
ปทโสธนมูลจกฺกวาโร นิฎฺฐิโตฯ
Padasodhanamūlacakkavāro niṭṭhito.
๓๘. สุทฺธขนฺธวาเร รูปํ ขโนฺธติ ยํกิญฺจิ รูปนฺติ วุตฺตํ, สพฺพํ ตํ ขโนฺธติ ปุจฺฉติฯ ตตฺถ ยสฺมา ปิยรูปสาตรูปสงฺขาตํ วา รูปํ โหตุ, ภูตุปาทารูปํ วา, สพฺพํ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ สงฺคหํ คจฺฉเตวฯ ตสฺมา อามนฺตาติ ปฎิชานาติฯ ทุติยปเท ‘ขนฺธา รูป’นฺติ ปุจฺฉิตเพฺพ ยสฺมา รูปนฺติวจเนน รูปกฺขโนฺธว อธิเปฺปโต, ตสฺมา วจนํ อนาทิยิตฺวา อตฺถวเสน ปุจฺฉโนฺต ขนฺธา รูปกฺขโนฺธติ อาหฯ อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปรโต อายตนยมกาทีนํ นิเทฺทสวาเรปิ เอเสว นโยฯ สญฺญา ขโนฺธติ เอตฺถาปิ ทิฎฺฐิสญฺญา วา โหตุ, สญฺญา เอว วา, สพฺพายปิ ขนฺธภาวโต อามนฺตาติ วุตฺตํฯ สงฺขารา ขโนฺธติ ปเทปิ เอเสว นโยฯ ขนฺธวินิมุตฺตโก หิ สงฺขาโร นาม นตฺถิฯ
38. Suddhakhandhavāre rūpaṃ khandhoti yaṃkiñci rūpanti vuttaṃ, sabbaṃ taṃ khandhoti pucchati. Tattha yasmā piyarūpasātarūpasaṅkhātaṃ vā rūpaṃ hotu, bhūtupādārūpaṃ vā, sabbaṃ pañcasu khandhesu saṅgahaṃ gacchateva. Tasmā āmantāti paṭijānāti. Dutiyapade ‘khandhā rūpa’nti pucchitabbe yasmā rūpantivacanena rūpakkhandhova adhippeto, tasmā vacanaṃ anādiyitvā atthavasena pucchanto khandhā rūpakkhandhoti āha. Iminā nayena sabbapadesu attho veditabbo. Parato āyatanayamakādīnaṃ niddesavārepi eseva nayo. Saññā khandhoti etthāpi diṭṭhisaññā vā hotu, saññā eva vā, sabbāyapi khandhabhāvato āmantāti vuttaṃ. Saṅkhārā khandhoti padepi eseva nayo. Khandhavinimuttako hi saṅkhāro nāma natthi.
๓๙. ปฎิโลเม น รูปํ น ขโนฺธติ ยํ ธมฺมชาตํ รูปํ น โหติ, ตํ ขโนฺธปิ น โหตีติ ปุจฺฉติฯ วิสฺสชฺชเน ปนสฺส รูปํ ฐเปตฺวา อวเสสา ขนฺธา น รูปํ, ขนฺธาติ รูปโต อเญฺญ เวทนาทโย ขนฺธา รูปเมว น โหนฺติ, ขนฺธา ปน โหนฺตีติ อโตฺถฯ รูปญฺจ ขเนฺธ จ ฐเปตฺวา อวเสสาติ ปญฺจกฺขนฺธวินิมุตฺตํ นิพฺพานเญฺจว ปญฺญตฺติ จฯ อิโต ปเรสุปิ ‘อวเสสา’ติ ปเทสุ เอเสว นโยติฯ
39. Paṭilome na rūpaṃ na khandhoti yaṃ dhammajātaṃ rūpaṃ na hoti, taṃ khandhopi na hotīti pucchati. Vissajjane panassa rūpaṃ ṭhapetvā avasesā khandhā na rūpaṃ, khandhāti rūpato aññe vedanādayo khandhā rūpameva na honti, khandhā pana hontīti attho. Rūpañca khandhe ca ṭhapetvā avasesāti pañcakkhandhavinimuttaṃ nibbānañceva paññatti ca. Ito paresupi ‘avasesā’ti padesu eseva nayoti.
สุทฺธขนฺธวาโร นิฎฺฐิโตฯ
Suddhakhandhavāro niṭṭhito.
๔๐-๔๔. สุทฺธขนฺธมูลจกฺกวาเร รูปํ ขโนฺธติอาทีนํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพติฯ
40-44. Suddhakhandhamūlacakkavāre rūpaṃ khandhotiādīnaṃ heṭṭhā vuttanayeneva attho veditabboti.
สุทฺธขนฺธมูลจกฺกวาโร นิฎฺฐิโตฯ
Suddhakhandhamūlacakkavāro niṭṭhito.
ปณฺณตฺตินิเทฺทสวารวณฺณนาฯ
Paṇṇattiniddesavāravaṇṇanā.
๒. ปวตฺติวารวณฺณนา
2. Pavattivāravaṇṇanā
๕๐-๒๐๕. อิทานิ ยสฺส รูปกฺขโนฺธติอาทินา นเยน ปวตฺติวาโร อารโทฺธฯ กสฺมา ปเนตฺถ อุเทฺทสวาโร น วุโตฺตติ? เหฎฺฐา ทสฺสิตนยตฺตาฯ ปณฺณตฺติวารสฺมิญฺหิ อุเทฺทสวาเร นโย ทสฺสิโตฯ เตน ปน นเยน สกฺกา โส อิธ อวุโตฺตปิ ชานิตุนฺติ ตํ อวตฺวา นิเทฺทสวาโรว อารโทฺธฯ อิมสฺมิํ ปน ปวตฺติวารสงฺขาเต มหาวาเร อุปฺปาทวาโร, นิโรธวาโร, อุปฺปาทนิโรธวาโรติ ตโย อนฺตรวารา โหนฺติฯ เตสุ ปฐโม ธมฺมานํ อุปฺปาทลกฺขณสฺส ทีปิตตฺตา อุปฺปาทวาโรติ วุจฺจติฯ ทุติโย เตสเญฺญว นิโรธลกฺขณสฺส ทีปิตตฺตา นิโรธวาโรติ วุจฺจติฯ ตติโย อุภินฺนมฺปิ ลกฺขณานํ ทีปิตตฺตา อุปฺปาทนิโรธวาโรติ วุจฺจติฯ อุปฺปาทวาเรน เจตฺถ ธมฺมานํ อุปฺปชฺชนากาโรว ทีปิโตฯ นิโรธวาเรน ‘อุปฺปนฺนํ นาม นิจฺจํ นตฺถี’ติ เตสเญฺญว อนิจฺจตา ทีปิตาฯ อุปฺปาทนิโรธวาเรน ตทุภยํฯ
50-205. Idāni yassa rūpakkhandhotiādinā nayena pavattivāro āraddho. Kasmā panettha uddesavāro na vuttoti? Heṭṭhā dassitanayattā. Paṇṇattivārasmiñhi uddesavāre nayo dassito. Tena pana nayena sakkā so idha avuttopi jānitunti taṃ avatvā niddesavārova āraddho. Imasmiṃ pana pavattivārasaṅkhāte mahāvāre uppādavāro, nirodhavāro, uppādanirodhavāroti tayo antaravārā honti. Tesu paṭhamo dhammānaṃ uppādalakkhaṇassa dīpitattā uppādavāroti vuccati. Dutiyo tesaññeva nirodhalakkhaṇassa dīpitattā nirodhavāroti vuccati. Tatiyo ubhinnampi lakkhaṇānaṃ dīpitattā uppādanirodhavāroti vuccati. Uppādavārena cettha dhammānaṃ uppajjanākārova dīpito. Nirodhavārena ‘uppannaṃ nāma niccaṃ natthī’ti tesaññeva aniccatā dīpitā. Uppādanirodhavārena tadubhayaṃ.
ตตฺถ อุปฺปาทวาเร ตาว ติณฺณํ อทฺธานํ วเสน ฉ กาลเภทา โหนฺติ – ปจฺจุปฺปโนฺน, อตีโต, อนาคโต, ปจฺจุปฺปเนฺนนาตีโต, ปจฺจุปฺปเนฺนนานาคโต, อตีเตนานาคโตติฯ เตสุ ‘ยสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชตี’ติ ปจฺจุปฺปนฺนาภิธานวเสน ปจฺจุปฺปโนฺน เวทิตโพฺพฯ โส ปจฺจุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ ปจฺจกฺขโต คเหตพฺพตฺตา อติวิย สุวิเญฺญโยฺยติ ปฐมํ วุโตฺตฯ ยสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชิตฺถาติ อตีตาภิธานวเสน อตีโต เวทิตโพฺพฯ โส ปจฺจกฺขโต อนุภูตปุพฺพานํ อตีตธมฺมานํ อนุมาเนน อนาคเตหิ สุวิเญฺญยฺยตรตฺตา ทุติยํ วุโตฺตฯ ยสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ อนาคตาภิธานวเสน อนาคโต เวทิตโพฺพฯ โส ปจฺจกฺขโต จ อนุภูตปุพฺพวเสน จ คหิตธมฺมานุมาเนน ‘อนาคเตปิ เอวรูปา ธมฺมา อุปฺปชฺชิสฺสนฺตี’ติ คเหตพฺพโต ตติยํ วุโตฺตฯ
Tattha uppādavāre tāva tiṇṇaṃ addhānaṃ vasena cha kālabhedā honti – paccuppanno, atīto, anāgato, paccuppannenātīto, paccuppannenānāgato, atītenānāgatoti. Tesu ‘yassa rūpakkhandho uppajjatī’ti paccuppannābhidhānavasena paccuppanno veditabbo. So paccuppannānaṃ dhammānaṃ paccakkhato gahetabbattā ativiya suviññeyyoti paṭhamaṃ vutto. Yassa rūpakkhandho uppajjitthāti atītābhidhānavasena atīto veditabbo. So paccakkhato anubhūtapubbānaṃ atītadhammānaṃ anumānena anāgatehi suviññeyyatarattā dutiyaṃ vutto. Yassa rūpakkhandho uppajjissatīti anāgatābhidhānavasena anāgato veditabbo. So paccakkhato ca anubhūtapubbavasena ca gahitadhammānumānena ‘anāgatepi evarūpā dhammā uppajjissantī’ti gahetabbato tatiyaṃ vutto.
ยสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส เวทนากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชิตฺถาติ ปจฺจุปฺปเนฺนน สทฺธิํ อตีตาภิธานวเสน ปจฺจุปฺปเนฺนนาตีโต เวทิตโพฺพฯ โส มิสฺสเกสุ ตีสุ สุวิเญฺญยฺยตรตฺตา จตุตฺถํ วุโตฺตฯ ยสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติ ตสฺส เวทนากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ ปจฺจุปฺปเนฺนน สทฺธิํ อนาคตาภิธานวเสน ปจฺจุปฺปเนฺนนานาคโต เวทิตโพฺพฯ โส ปจฺจกฺขโต คเหตพฺพานํ ธมฺมานํ อตฺถิตาย อตฺถโต สุวิเญฺญยฺยตโรติ ปญฺจมํ วุโตฺตฯ ยสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชิตฺถ, ตสฺส เวทนากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ อตีเตน สทฺธิํ อนาคตาภิธานวเสน อตีเตนานาคโต เวทิตโพฺพฯ โส ปุริเมหิ ทุวิเญฺญโยฺยติ ฉฎฺฐํ วุโตฺตฯ
Yassarūpakkhandho uppajjati, tassa vedanākkhandho uppajjitthāti paccuppannena saddhiṃ atītābhidhānavasena paccuppannenātīto veditabbo. So missakesu tīsu suviññeyyatarattā catutthaṃ vutto. Yassa rūpakkhandho uppajjati tassa vedanākkhandho uppajjissatīti paccuppannena saddhiṃ anāgatābhidhānavasena paccuppannenānāgato veditabbo. So paccakkhato gahetabbānaṃ dhammānaṃ atthitāya atthato suviññeyyataroti pañcamaṃ vutto. Yassa rūpakkhandho uppajjittha, tassa vedanākkhandho uppajjissatīti atītena saddhiṃ anāgatābhidhānavasena atītenānāgato veditabbo. So purimehi duviññeyyoti chaṭṭhaṃ vutto.
เอวเมเตสุ ฉสุ กาลเภเทสุ ยฺวายํ ปฐโม ปจฺจุปฺปโนฺน, ตตฺถ ปุคฺคลโต, โอกาสโต, ปุคฺคโลกาสโตติ ตโย วารา โหนฺติฯ เตสุ ยสฺสาติ ปุคฺคลวเสน ขนฺธานํ อุปฺปตฺติทีปโน ปุคฺคลวาโรฯ ยตฺถาติ โอกาสวเสน ขนฺธานํ อุปฺปตฺติทีปโน โอกาสวาโรฯ ยสฺส ยตฺถาติ ปุคฺคโลกาสวเสน ขนฺธานํ อุปฺปตฺติทีปโน ปุคฺคโลกาสวาโรฯ อิเม ปน ตโยปิ วารา ปฐมํ อนุโลมนเยน นิทฺทิสิตฺวา ปจฺฉา ปฎิโลมนเยน นิทฺทิฎฺฐาฯ เตสุ ‘อุปฺปชฺชติ’ ‘อุปฺปชฺชิตฺถ,’ ‘อุปฺปชฺชิสฺสตี’ติ วจนโต อุปฺปตฺติทีปโน อนุโลมนโยฯ ‘นุปฺปชฺชติ’, ‘นุปฺปชฺชิตฺถ,’ ‘นุปฺปชฺชิสฺสตี’ติ วจนโต อนุปฺปตฺติทีปโน ปฎิโลมนโยฯ
Evametesu chasu kālabhedesu yvāyaṃ paṭhamo paccuppanno, tattha puggalato, okāsato, puggalokāsatoti tayo vārā honti. Tesu yassāti puggalavasena khandhānaṃ uppattidīpano puggalavāro. Yatthāti okāsavasena khandhānaṃ uppattidīpano okāsavāro. Yassa yatthāti puggalokāsavasena khandhānaṃ uppattidīpano puggalokāsavāro. Ime pana tayopi vārā paṭhamaṃ anulomanayena niddisitvā pacchā paṭilomanayena niddiṭṭhā. Tesu ‘uppajjati’ ‘uppajjittha,’ ‘uppajjissatī’ti vacanato uppattidīpano anulomanayo. ‘Nuppajjati’, ‘nuppajjittha,’ ‘nuppajjissatī’ti vacanato anuppattidīpano paṭilomanayo.
ตตฺถ ปจฺจุปฺปนฺนกาเล ตาว ปุคฺคลวารสฺส อนุโลมนเย ‘‘ยสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส เวทนากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติฯ ยสฺส วา ปน เวทนากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติฯ ยสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส สญฺญากฺขโนฺธ สงฺขารกฺขโนฺธ, วิญฺญาณกฺขโนฺธ, อุปฺปชฺชติฯ ยสฺส วา ปน วิญฺญาณกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอวํ รูปกฺขนฺธมูลกานิ จตฺตาริ ยมกานิ; ‘‘ยสฺส เวทนากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส สญฺญากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทินา นเยน เวทนากฺขนฺธมูลกานิ ตีณิ; สญฺญากฺขนฺธมูลกานิ เทฺว; สงฺขารกฺขนฺธมูลกํ เอกนฺติ อคฺคหิตคฺคหเณน ทส ยมกานิ โหนฺติฯ
Tattha paccuppannakāle tāva puggalavārassa anulomanaye ‘‘yassa rūpakkhandho uppajjati, tassa vedanākkhandho uppajjati. Yassa vā pana vedanākkhandho uppajjati, tassa rūpakkhandho uppajjati. Yassa rūpakkhandho uppajjati, tassa saññākkhandho saṅkhārakkhandho, viññāṇakkhandho, uppajjati. Yassa vā pana viññāṇakkhandho uppajjati, tassa rūpakkhandho uppajjatī’’ti evaṃ rūpakkhandhamūlakāni cattāri yamakāni; ‘‘yassa vedanākkhandho uppajjati, tassa saññākkhandho uppajjatī’’tiādinā nayena vedanākkhandhamūlakāni tīṇi; saññākkhandhamūlakāni dve; saṅkhārakkhandhamūlakaṃ ekanti aggahitaggahaṇena dasa yamakāni honti.
ตตฺถ รูปกฺขนฺธมูลเกสุ จตูสุ อาทิโต เอกเมว วิสฺสชฺชิตํฯ เสสานิ เตน สทิสวิสฺสชฺชนานีติ ตนฺติยา ลหุภาวตฺถํ สงฺขิตฺตานิฯ เวทนากฺขนฺธาทิมูลเกสุปิ ‘อามนฺตา’ติ เอกสทิสเมว วิสฺสชฺชนํฯ ตสฺมา ตานิปิ ตนฺติยา ลหุภาวตฺถํ สงฺขิตฺตาเนวาติ เอวเมตานิ ปจฺจุปฺปนฺนกาเล ปุคฺคลวาเร อนุโลมนเย เอกยมกวิสฺสชฺชเนเนว ทส ยมกานิ วิสฺสชฺชิตานิ นาม โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิฯ ยถา จ ปุคฺคลวาเร ทส, เอวํ โอกาสวาเร ทส, ปุคฺคโลกาสวาเร ทสาติ ปจฺจุปฺปนฺนกาเล ตีสุ วาเรสุ อนุโลมนเย ติํส ยมกานิ โหนฺติฯ ยถา จ อนุโลมนเย, เอวํ ปฎิโลมนเยปีติ สพฺพานิปิ ปจฺจุปฺปนฺนกาเล สฎฺฐิ ยมกานิ โหนฺติฯ เตสุ วีสปุจฺฉาสตํ, จตฺตารีสานิ จ เทฺว อตฺถสตานิ โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิฯ เอวํ เสเสสุปิ ปญฺจสุ กาลเภเทสุ ปุคฺคลาทิเภทโต อนุโลมปฎิโลมนยวเสน ฉ ฉ วาราฯ เอเกกสฺมิํ วาเร ทส ทส กตฺวา สฎฺฐิ สฎฺฐิ ยมกานีติ ตีณิ ยมกสตานิฯ ตานิ ปุริเมหิ สทฺธิํ สฎฺฐาธิกานิ ตีณิ ยมกสตานิ, วีสาธิกานิ สตฺตปุจฺฉาสตานิ, จตฺตารีสานิ จ จุทฺทส อตฺถสตานิ โหนฺติฯ อิทํ ตาว อุปฺปาทวาเร ปาฬิววตฺถานํฯ ยถา จ อุปฺปาทวาเร, ตถา นิโรธวาเรปิ, อุปฺปาทนิโรธวาเรปีติ สพฺพสฺมิมฺปิ ปวตฺติมหาวาเร อสีติ ยมกสหสฺสํ, สฎฺฐิสตาธิกานิ เทฺว ปุจฺฉาสหสฺสานิ, วีสํ ติสตาธิกานิ จ จตฺตาริ อตฺถสหสฺสานิ เวทิตพฺพานิฯ
Tattha rūpakkhandhamūlakesu catūsu ādito ekameva vissajjitaṃ. Sesāni tena sadisavissajjanānīti tantiyā lahubhāvatthaṃ saṅkhittāni. Vedanākkhandhādimūlakesupi ‘āmantā’ti ekasadisameva vissajjanaṃ. Tasmā tānipi tantiyā lahubhāvatthaṃ saṅkhittānevāti evametāni paccuppannakāle puggalavāre anulomanaye ekayamakavissajjaneneva dasa yamakāni vissajjitāni nāma hontīti veditabbāni. Yathā ca puggalavāre dasa, evaṃ okāsavāre dasa, puggalokāsavāre dasāti paccuppannakāle tīsu vāresu anulomanaye tiṃsa yamakāni honti. Yathā ca anulomanaye, evaṃ paṭilomanayepīti sabbānipi paccuppannakāle saṭṭhi yamakāni honti. Tesu vīsapucchāsataṃ, cattārīsāni ca dve atthasatāni hontīti veditabbāni. Evaṃ sesesupi pañcasu kālabhedesu puggalādibhedato anulomapaṭilomanayavasena cha cha vārā. Ekekasmiṃ vāre dasa dasa katvā saṭṭhi saṭṭhi yamakānīti tīṇi yamakasatāni. Tāni purimehi saddhiṃ saṭṭhādhikāni tīṇi yamakasatāni, vīsādhikāni sattapucchāsatāni, cattārīsāni ca cuddasa atthasatāni honti. Idaṃ tāva uppādavāre pāḷivavatthānaṃ. Yathā ca uppādavāre, tathā nirodhavārepi, uppādanirodhavārepīti sabbasmimpi pavattimahāvāre asīti yamakasahassaṃ, saṭṭhisatādhikāni dve pucchāsahassāni, vīsaṃ tisatādhikāni ca cattāri atthasahassāni veditabbāni.
ปาฬิ ปน อุปฺปาทวาเร นิโรธวาเร จ ตีสุ อสมฺมิสฺสกกาลเภเทสุ ตสฺมิํ ตสฺมิํ วาเร เอเกกเมว ยมกํ วิสฺสเชฺชตฺวา สงฺขิตฺตาฯ ตีสุ มิสฺสกกาลเภเทสุ ‘ยสฺส เวทนากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส สญฺญากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชิตฺถา’ติอาทินา นเยน เวทนากฺขนฺธาทิมูลเกสุปิ เอกํ ยมกํ วิสฺสชฺชิตํฯ อุปฺปาทนิโรธวาเร ปน ฉสุปิ กาลเภเทสุ ตํ วิสฺสชฺชิตเมวฯ เสสานิ เตน สมานวิสฺสชฺชนตฺตา สงฺขิตฺตานีติฯ อิทํ สกเลปิ ปวตฺติมหาวาเร ปาฬิววตฺถานํฯ
Pāḷi pana uppādavāre nirodhavāre ca tīsu asammissakakālabhedesu tasmiṃ tasmiṃ vāre ekekameva yamakaṃ vissajjetvā saṅkhittā. Tīsu missakakālabhedesu ‘yassa vedanākkhandho uppajjati, tassa saññākkhandho uppajjitthā’tiādinā nayena vedanākkhandhādimūlakesupi ekaṃ yamakaṃ vissajjitaṃ. Uppādanirodhavāre pana chasupi kālabhedesu taṃ vissajjitameva. Sesāni tena samānavissajjanattā saṅkhittānīti. Idaṃ sakalepi pavattimahāvāre pāḷivavatthānaṃ.
อตฺถวินิจฺฉยตฺถํ ปนสฺส อิทํ ลกฺขณํ เวทิตพฺพํ – อิมสฺมิญฺหิ ปวตฺติมหาวาเร จตุนฺนํ ปญฺหานํ ปญฺจ วิสฺสชฺชนานิ สตฺตวีสติยา ฐาเนสุ ปกฺขิปิตฺวา อตฺถวินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ ปุเรปโญฺห, ปจฺฉาปโญฺห, ปริปุณฺณปโญฺห, โมฆปโญฺหติ อิเม จตฺตาโร ปญฺหา นามฯ เอเกกสฺมิญฺหิ ยมเก เทฺว เทฺว ปุจฺฉาฯ เอเกกปุจฺฉายปิ เทฺว เทฺว ปทานิฯ ตตฺถ ยาย ปุจฺฉาย วิสฺสชฺชเน เอเกเนว ปเทน คหิตกฺขนฺธสฺส อุปฺปาโท วา นิโรโธ วา ลพฺภติ , อยํ ปุเรปโญฺห นามฯ ยาย ปน ปุจฺฉาย วิสฺสชฺชเน ทฺวีหิปิ ปเทหิ คหิตกฺขนฺธานํ อุปฺปาโท วา นิโรโธ วา ลพฺภติ, อยํ ปจฺฉาปโญฺห นามฯ ยาย ปน ปุจฺฉาย วิสฺสชฺชเน เอเกนปิ ปเทน คหิตกฺขนฺธสฺส ทฺวีหิปิ ปเทหิ คหิตกฺขนฺธานํ อุปฺปาโท วา, นิโรโธ วา ลพฺภติ, อยํ ปริปุณฺณปโญฺห นามฯ ยาย ปน ปุจฺฉาย วิสฺสชฺชเน ปฎิเกฺขโป วา, ปฎิเสโธ วา ลพฺภติ, อยํ โมฆปโญฺห นามฯ ยสฺมา ปเนส อทสฺสิยมาโน น สกฺกา ชานิตุํ, ตสฺมา นํ ทสฺสยิสฺสามฯ
Atthavinicchayatthaṃ panassa idaṃ lakkhaṇaṃ veditabbaṃ – imasmiñhi pavattimahāvāre catunnaṃ pañhānaṃ pañca vissajjanāni sattavīsatiyā ṭhānesu pakkhipitvā atthavinicchayo veditabbo. Tattha purepañho, pacchāpañho, paripuṇṇapañho, moghapañhoti ime cattāro pañhā nāma. Ekekasmiñhi yamake dve dve pucchā. Ekekapucchāyapi dve dve padāni. Tattha yāya pucchāya vissajjane ekeneva padena gahitakkhandhassa uppādo vā nirodho vā labbhati , ayaṃ purepañho nāma. Yāya pana pucchāya vissajjane dvīhipi padehi gahitakkhandhānaṃ uppādo vā nirodho vā labbhati, ayaṃ pacchāpañho nāma. Yāya pana pucchāya vissajjane ekenapi padena gahitakkhandhassa dvīhipi padehi gahitakkhandhānaṃ uppādo vā, nirodho vā labbhati, ayaṃ paripuṇṇapañho nāma. Yāya pana pucchāya vissajjane paṭikkhepo vā, paṭisedho vā labbhati, ayaṃ moghapañho nāma. Yasmā panesa adassiyamāno na sakkā jānituṃ, tasmā naṃ dassayissāma.
‘ยตฺถ รูปกฺขโนฺธ นุปฺปชฺชติ, ตตฺถ เวทนากฺขโนฺธ นุปฺปชฺชตี’ติ ปุจฺฉาย ตาว อุปฺปชฺชตีติ อิมสฺมิํ วิสฺสชฺชเน เอเกเนว ปเทน คหิตสฺส เวทนากฺขนฺธสฺส อุปฺปาโท ลพฺภติ, อิติ อยเญฺจว อโญฺญ จ เอวรูโป ปโญฺห ปุเรปโญฺหติ เวทิตโพฺพฯ ‘ยสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชิตฺถ, ตสฺส เวทนากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชิตฺถา’ติ ปุจฺฉาย ปน ‘อามนฺตา’ติ อิมสฺมิํ วิสฺสชฺชเน ทฺวีหิ ปเทหิ คหิตานํ รูปเวทนากฺขนฺธานํ ยสฺส กสฺสจิ สตฺตสฺส อตีเต อุปฺปาโท ลพฺภติฯ อิติ อยเญฺจว อโญฺญ จ เอวรูโป ปโญฺห ปจฺฉาปโญฺหติ เวทิตโพฺพฯ
‘Yattha rūpakkhandho nuppajjati, tattha vedanākkhandho nuppajjatī’ti pucchāya tāva uppajjatīti imasmiṃ vissajjane ekeneva padena gahitassa vedanākkhandhassa uppādo labbhati, iti ayañceva añño ca evarūpo pañho purepañhoti veditabbo. ‘Yassa rūpakkhandho uppajjittha, tassa vedanākkhandho uppajjitthā’ti pucchāya pana ‘āmantā’ti imasmiṃ vissajjane dvīhi padehi gahitānaṃ rūpavedanākkhandhānaṃ yassa kassaci sattassa atīte uppādo labbhati. Iti ayañceva añño ca evarūpo pañho pacchāpañhoti veditabbo.
‘ยสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส เวทนากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชตี’ติ อิมาย ปน ปฐมปุจฺฉาย ‘อสญฺญสตฺตํ อุปปชฺชนฺตาน’นฺติอาทิเก อิมสฺมิํ วิสฺสชฺชเน ‘อสญฺญสตฺตํ อุปปชฺชนฺตานํ เตสํ รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติ, โน จ เตสํ เวทนากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชตี’ติ อิมสฺมิํ โกฎฺฐาเส เอเกเนว ปเทน คหิตสฺส รูปกฺขนฺธสฺสปิ อุปฺปาโท ลพฺภติฯ ‘ปญฺจโวการํ อุปปชฺชนฺตานํ เตสํ รูปกฺขโนฺธ จ อุปฺปชฺชติ เวทนากฺขโนฺธ จ อุปฺปชฺชตี’ติ อิมสฺมิํ โกฎฺฐาเส ทฺวีหิปิ ปเทหิ สงฺคหิตานํ รูปเวทนากฺขนฺธานมฺปิ อุปฺปาโท ลพฺภติฯ อิติ อยเญฺจว อโญฺญ จ เอวรูโป ปโญฺห ปริปุณฺณปโญฺหติ เวทิตโพฺพฯ ปุเรปจฺฉาปโญฺหติปิ เอตเสฺสว นามํฯ เอตสฺส หิ วิสฺสชฺชเน ปุริมโกฎฺฐาเส เอเกน ปเทน สงฺคหิตสฺส รูปกฺขนฺธเสฺสว อุปฺปาโท ทสฺสิโตฯ ทุติยโกฎฺฐาเส ทฺวีหิ ปเทหิ สงฺคหิตานํ รูปเวทนากฺขนฺธานํฯ อิมินาเยว จ ลกฺขเณน ยตฺถ เอเกน ปเทน สงฺคหิตสฺส ขนฺธสฺส อุปฺปาโท วา นิโรโธ วา ลพฺภติ, โส ปุเรปโญฺหติ วุโตฺตฯ ยตฺถ ทฺวีหิปิ ปเทหิ สงฺคหิตานํ ขนฺธานํ อุปฺปาโท วา นิโรโธ วา ลพฺภติ, โส ปจฺฉาปโญฺหติ วุโตฺตฯ
‘Yassa rūpakkhandho uppajjati, tassa vedanākkhandho uppajjatī’ti imāya pana paṭhamapucchāya ‘asaññasattaṃ upapajjantāna’ntiādike imasmiṃ vissajjane ‘asaññasattaṃ upapajjantānaṃ tesaṃ rūpakkhandho uppajjati, no ca tesaṃ vedanākkhandho uppajjatī’ti imasmiṃ koṭṭhāse ekeneva padena gahitassa rūpakkhandhassapi uppādo labbhati. ‘Pañcavokāraṃ upapajjantānaṃ tesaṃ rūpakkhandho ca uppajjati vedanākkhandho ca uppajjatī’ti imasmiṃ koṭṭhāse dvīhipi padehi saṅgahitānaṃ rūpavedanākkhandhānampi uppādo labbhati. Iti ayañceva añño ca evarūpo pañho paripuṇṇapañhoti veditabbo. Purepacchāpañhotipi etasseva nāmaṃ. Etassa hi vissajjane purimakoṭṭhāse ekena padena saṅgahitassa rūpakkhandhasseva uppādo dassito. Dutiyakoṭṭhāse dvīhi padehi saṅgahitānaṃ rūpavedanākkhandhānaṃ. Imināyeva ca lakkhaṇena yattha ekena padena saṅgahitassa khandhassa uppādo vā nirodho vā labbhati, so purepañhoti vutto. Yattha dvīhipi padehi saṅgahitānaṃ khandhānaṃ uppādo vā nirodho vā labbhati, so pacchāpañhoti vutto.
‘ยสฺส รูปกฺขโนฺธ นุปฺปชฺชิตฺถ, ตสฺส เวทนากฺขโนฺธ นุปฺปชฺชิตฺถา’ติ อิมาย ปน ปุจฺฉาย ‘นตฺถี’ติ อิมสฺมิํ วิสฺสชฺชเน ปฎิเกฺขโป ลพฺภติฯ ‘ยสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส เวทนากฺขโนฺธ นิรุชฺฌตี’ติ ปุจฺฉาย ‘โน’ติ อิมสฺมิํ วิสฺสชฺชเน ปฎิเสโธ ลพฺภติฯ ตสฺมา อยเญฺจว ทุวิโธ อโญฺญ จ เอวรูโป ปโญฺห โมฆปโญฺหติ เวทิตโพฺพฯ ตุจฺฉปโญฺหติปิ วุจฺจติฯ เอวํ ตาว จตฺตาโร ปญฺหา เวทิตพฺพาฯ
‘Yassa rūpakkhandho nuppajjittha, tassa vedanākkhandho nuppajjitthā’ti imāya pana pucchāya ‘natthī’ti imasmiṃ vissajjane paṭikkhepo labbhati. ‘Yassa rūpakkhandho uppajjati, tassa vedanākkhandho nirujjhatī’ti pucchāya ‘no’ti imasmiṃ vissajjane paṭisedho labbhati. Tasmā ayañceva duvidho añño ca evarūpo pañho moghapañhoti veditabbo. Tucchapañhotipi vuccati. Evaṃ tāva cattāro pañhā veditabbā.
ปาฬิคติยา วิสฺสชฺชนํ, ปฎิวจนวิสฺสชฺชนํ, สรูปทสฺสเนน วิสฺสชฺชนํ, ปฎิเกฺขเปน วิสฺสชฺชนํ, ปฎิเสเธน วิสฺสชฺชนนฺติ อิมานิ ปน ปญฺจ วิสฺสชฺชนานิ นาม ฯ ตตฺถ ยํ วิสฺสชฺชนํ ปาฬิปทเมว หุตฺวา อตฺถํ วิสฺสเชฺชติ, อิทํ ปาฬิคติยา วิสฺสชฺชนํ นามฯ ตํ ปุเรปเญฺห ลพฺภติฯ ‘ยตฺถ รูปกฺขโนฺธ นุปฺปชฺชติ ตตฺถ เวทนากฺขโนฺธ นุปฺปชฺชตี’ติ หิ ปเญฺห ‘อุปฺปชฺชตี’ติ อิทํ วิสฺสชฺชนํ ปาฬิปทเมว หุตฺวา อตฺถํ วิสฺสชฺชยมานํ คตํ, ตสฺมา เอวรูเปสุ ฐาเนสุ ปาฬิคติยา วิสฺสชฺชนํ เวทิตพฺพํฯ ยํ ปน วิสฺสชฺชนํ ปฎิวจนภาเวน อตฺถํ วิสฺสเชฺชติ, อิทํ ปฎิวจนวิสฺสชฺชนํ นามฯ ตํ ปจฺฉาปเญฺห ลพฺภติฯ ‘ยสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชิตฺถ, ตสฺส เวทนากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชิตฺถา’ติ หิ ปเญฺห ‘อามนฺตา’ติ อิทํ วิสฺสชฺชนํ ปฎิวจนวเสเนว อตฺถํ วิสฺสชฺชยมานํ คตํ, ตสฺมา เอวรูเปสุ ฐาเนสุ ปฎิวจนวิสฺสชฺชนํ เวทิตพฺพํฯ ยํ วิสฺสชฺชนํ สรูเปน ทเสฺสตฺวา อตฺถํ วิสฺสเชฺชติ; อิทํ สรูปทสฺสเนน วิสฺสชฺชนํ นามฯ ตํ ปริปุณฺณปเญฺห ลพฺภติฯ ‘ยสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติ; ตสฺส เวทนากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชตี’ติ หิ ปเญฺห ‘อสญฺญสตฺตํ อุปปชฺชนฺตาน’นฺติ อิทํ วิสฺสชฺชนํ ‘อิเมสํ รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติ, โน จ เวทนากฺขโนฺธ, อิเมสํ รูปกฺขโนฺธ จ อุปฺปชฺชติ, เวทนากฺขโนฺธ จา’ติ สรูปทสฺสเนเนว อตฺถํ วิสฺสชฺชยมานํ คตํฯ ตสฺมา เอวรูเปสุ ฐาเนสุ สรูปทสฺสเนน วิสฺสชฺชนํ เวทิตพฺพํฯ ยํ ปน วิสฺสชฺชนํ ตถารูปสฺส อตฺถสฺสาภาวโต อตฺถปฎิเกฺขเปน ปญฺหํ วิสฺสเชฺชติ, อิทํ ปฎิเกฺขเปน วิสฺสชฺชนํ นามฯ ยํ ตถารูปสฺส อตฺถสฺส เอกกฺขเณ อลาภโต อตฺถปฎิเสธเนน ปญฺหํ วิสฺสเชฺชติ, อิทํ ปฎิเสเธน วิสฺสชฺชนํ นามฯ ตํ โมฆปเญฺห ลพฺภติฯ ‘ยสฺส รูปกฺขโนฺธ นุปฺปชฺชิตฺถ, ตสฺส เวทนากฺขโนฺธ นุปฺปชฺชิตฺถา’ติ หิ ปเญฺห ‘นตฺถี’ติ อิทํ วิสฺสชฺชนํ; เอวรูโป นาม สโตฺต นตฺถีติ อตฺถปฎิเกฺขเปน ปญฺหํ วิสฺสชฺชยมานํ คตํ; ตสฺมา เอวรูเปสุ ฐาเนสุ ปฎิเกฺขเปน วิสฺสชฺชนํ เวทิตพฺพํฯ ‘ยสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส เวทนากฺขโนฺธ นิรุชฺฌตี’ติ ปเญฺห ปน ‘โน’ติ อิทํ วิสฺสชฺชนํ เอกสฺมิํ ปฎิสนฺธิกฺขเณ อุปฺปาเทน สทฺธิํ นิโรโธ นาม น ลพฺภตีติ อตฺถปฎิเสธเนน ปญฺหํ วิสฺสชฺชยมานํ คตํ, ตสฺมา เอวรูเปสุ ฐาเนสุ ปฎิเสเธน วิสฺสชฺชนํ เวทิตพฺพํฯ
Pāḷigatiyā vissajjanaṃ, paṭivacanavissajjanaṃ, sarūpadassanena vissajjanaṃ, paṭikkhepena vissajjanaṃ, paṭisedhena vissajjananti imāni pana pañca vissajjanāni nāma . Tattha yaṃ vissajjanaṃ pāḷipadameva hutvā atthaṃ vissajjeti, idaṃ pāḷigatiyā vissajjanaṃ nāma. Taṃ purepañhe labbhati. ‘Yattha rūpakkhandho nuppajjati tattha vedanākkhandho nuppajjatī’ti hi pañhe ‘uppajjatī’ti idaṃ vissajjanaṃ pāḷipadameva hutvā atthaṃ vissajjayamānaṃ gataṃ, tasmā evarūpesu ṭhānesu pāḷigatiyā vissajjanaṃ veditabbaṃ. Yaṃ pana vissajjanaṃ paṭivacanabhāvena atthaṃ vissajjeti, idaṃ paṭivacanavissajjanaṃ nāma. Taṃ pacchāpañhe labbhati. ‘Yassa rūpakkhandho uppajjittha, tassa vedanākkhandho uppajjitthā’ti hi pañhe ‘āmantā’ti idaṃ vissajjanaṃ paṭivacanavaseneva atthaṃ vissajjayamānaṃ gataṃ, tasmā evarūpesu ṭhānesu paṭivacanavissajjanaṃ veditabbaṃ. Yaṃ vissajjanaṃ sarūpena dassetvā atthaṃ vissajjeti; idaṃ sarūpadassanena vissajjanaṃ nāma. Taṃ paripuṇṇapañhe labbhati. ‘Yassa rūpakkhandho uppajjati; tassa vedanākkhandho uppajjatī’ti hi pañhe ‘asaññasattaṃ upapajjantāna’nti idaṃ vissajjanaṃ ‘imesaṃ rūpakkhandho uppajjati, no ca vedanākkhandho, imesaṃ rūpakkhandho ca uppajjati, vedanākkhandho cā’ti sarūpadassaneneva atthaṃ vissajjayamānaṃ gataṃ. Tasmā evarūpesu ṭhānesu sarūpadassanena vissajjanaṃ veditabbaṃ. Yaṃ pana vissajjanaṃ tathārūpassa atthassābhāvato atthapaṭikkhepena pañhaṃ vissajjeti, idaṃ paṭikkhepena vissajjanaṃ nāma. Yaṃ tathārūpassa atthassa ekakkhaṇe alābhato atthapaṭisedhanena pañhaṃ vissajjeti, idaṃ paṭisedhena vissajjanaṃ nāma. Taṃ moghapañhe labbhati. ‘Yassa rūpakkhandho nuppajjittha, tassa vedanākkhandho nuppajjitthā’ti hi pañhe ‘natthī’ti idaṃ vissajjanaṃ; evarūpo nāma satto natthīti atthapaṭikkhepena pañhaṃ vissajjayamānaṃ gataṃ; tasmā evarūpesu ṭhānesu paṭikkhepena vissajjanaṃ veditabbaṃ. ‘Yassa rūpakkhandho uppajjati, tassa vedanākkhandho nirujjhatī’ti pañhe pana ‘no’ti idaṃ vissajjanaṃ ekasmiṃ paṭisandhikkhaṇe uppādena saddhiṃ nirodho nāma na labbhatīti atthapaṭisedhanena pañhaṃ vissajjayamānaṃ gataṃ, tasmā evarūpesu ṭhānesu paṭisedhena vissajjanaṃ veditabbaṃ.
อิทานิ อิเม จตฺตาโร ปญฺหา, อิมานิ จ ปญฺจ วิสฺสชฺชนานิ, เยสุ สตฺตวีสติยา ฐาเนสุ ปกฺขิปิตพฺพานิ, ตานิ เอวํ เวทิตพฺพานิ – อสญฺญสตฺตํ อุปปชฺชนฺตานนฺติ เอกํ ฐานํ, อสญฺญสเตฺต ตตฺถาติ เอกํ, อสญฺญสตฺตานนฺติ เอกํ; อสญฺญสตฺตา จวนฺตานนฺติ เอกํ; อรูปํ อุปปชฺชนฺตานนฺติ เอกํ, อรูเป ตตฺถาติ เอกํ, อรูปานนฺติ เอกํ, อรูปา จวนฺตานนฺติ เอกํ , อรูเป ปจฺฉิมภวิกานนฺติ เอกํ, อรูเป ปรินิพฺพนฺตานนฺติ เอกํ; เย จ อรูปํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺตีติ เอกํ; ปญฺจโวการํ อุปปชฺชนฺตานนฺติ เอกํ, ปญฺจโวกาเร ตตฺถาติ เอกํ, ปญฺจโวการานนฺติ เอกํ ปญฺจโวการา จวนฺตานนฺติ เอกํ, ปญฺจโวกาเร ปจฺฉิมภวิกานนฺติ เอกํ, ปญฺจโวกาเร ปรินิพฺพนฺตานนฺติ เอกํ; สุทฺธาวาสํ อุปปชฺชนฺตานนฺติ เอกํ, สุทฺธาวาเส ตตฺถาติ เอกํ, สุทฺธาวาสานนฺติ เอกํ, สุทฺธาวาเส ปรินิพฺพนฺตานนฺติ เอกํ; สเพฺพสํ อุปปชฺชนฺตานนฺติ เอกํ, สเพฺพสํ จวนฺตานนฺติ เอกํ; สพฺพสาธารณวเสน ปจฺฉิมภวิกานนฺติ เอกํ, ปรินิพฺพนฺตานนฺติ เอกํ, จตุโวการํ ปญฺจโวการํ อุปปชฺชนฺตานนฺติ เอกํ, จวนฺตานนฺติ เอกํฯ เอวํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปญฺหานํ อิมานิ ปญฺจ วิสฺสชฺชนานิ อิเมสุ สตฺตวีสติยา ฐาเนสุ ปกฺขิปิตฺวา อิมสฺมิํ ปวตฺติมหาวาเร อตฺถวินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ เอวํ วิทิตฺวา หิ ปญฺหํ วิสฺสชฺชเนฺตน สุวิสฺสชฺชิโต โหติ, อตฺถญฺจ วินิจฺฉยเนฺตน สุวินิจฺฉิโต โหติฯ
Idāni ime cattāro pañhā, imāni ca pañca vissajjanāni, yesu sattavīsatiyā ṭhānesu pakkhipitabbāni, tāni evaṃ veditabbāni – asaññasattaṃ upapajjantānanti ekaṃ ṭhānaṃ, asaññasatte tatthāti ekaṃ, asaññasattānanti ekaṃ; asaññasattā cavantānanti ekaṃ; arūpaṃ upapajjantānanti ekaṃ, arūpe tatthāti ekaṃ, arūpānanti ekaṃ, arūpā cavantānanti ekaṃ , arūpe pacchimabhavikānanti ekaṃ, arūpe parinibbantānanti ekaṃ; ye ca arūpaṃ upapajjitvā parinibbāyissantīti ekaṃ; pañcavokāraṃ upapajjantānanti ekaṃ, pañcavokāre tatthāti ekaṃ, pañcavokārānanti ekaṃ pañcavokārā cavantānanti ekaṃ, pañcavokāre pacchimabhavikānanti ekaṃ, pañcavokāre parinibbantānanti ekaṃ; suddhāvāsaṃ upapajjantānanti ekaṃ, suddhāvāse tatthāti ekaṃ, suddhāvāsānanti ekaṃ, suddhāvāse parinibbantānanti ekaṃ; sabbesaṃ upapajjantānanti ekaṃ, sabbesaṃ cavantānanti ekaṃ; sabbasādhāraṇavasena pacchimabhavikānanti ekaṃ, parinibbantānanti ekaṃ, catuvokāraṃ pañcavokāraṃ upapajjantānanti ekaṃ, cavantānanti ekaṃ. Evaṃ imesaṃ catunnaṃ pañhānaṃ imāni pañca vissajjanāni imesu sattavīsatiyā ṭhānesu pakkhipitvā imasmiṃ pavattimahāvāre atthavinicchayo veditabbo. Evaṃ viditvā hi pañhaṃ vissajjantena suvissajjito hoti, atthañca vinicchayantena suvinicchito hoti.
ตตฺถายํ นโย – ยสฺส รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชตีติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิตาย รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติฯ ตสฺส เวทนากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชตีติ เวทนากฺขโนฺธปิ ตสฺส ตสฺมิเญฺญว ขเณ อุปฺปชฺชตีติ ปุจฺฉติฯ อสญฺญสตฺตํ อุปปชฺชนฺตานนฺติ อจิตฺตกปฎิสนฺธิวเสน อสญฺญสตฺตภวํ อุปปชฺชนฺตานํฯ เตสํ รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชตีติ เตสํ เอกเนฺตน รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติเยวฯ ปวเตฺต อุปฺปนฺนานํ รูปกฺขโนฺธ อุปฺปชฺชติปิ นิรุชฺฌติปิ, ตสฺมา ‘อสญฺญสตฺตาน’นฺติ อวตฺวา’อสญฺญสตฺตํ อุปปชฺชนฺตาน’นฺติ วุตฺตํฯ โน จ เตสํ เวทนากฺขโนฺธ อุปฺปชฺชตีติ อจิตฺตกตฺตา ปน เตสํ เวทนากฺขโนฺธ นุปฺปชฺชเตวฯ อิทํ สตฺตวีสติยา ฐาเนสุ ปฐเม ฐาเน ปริปุณฺณปญฺหสฺส ปุริมโกฎฺฐาเส สรูปทสฺสเนน วิสฺสชฺชนํฯ ปญฺจโวการํ อุปปชฺชนฺตานนฺติ รูปารูปมิสฺสกปฎิสนฺธิวเสน ปญฺจโวการภวํ อุปปชฺชนฺตานํฯ เตสํ รูปกฺขโนฺธ จ อุปฺปชฺชติ, เวทนากฺขโนฺธ จาติ เตสํ เอกเนฺตน รูปเวทนากฺขนฺธสงฺขาตา เทฺวปิ ขนฺธา อุปฺปชฺชนฺติเยวฯ ปวเตฺต ปน ตตฺถ อุปฺปนฺนานํ เต ขนฺธา อุปฺปชฺชนฺติปิ นิรุชฺฌนฺติปิ, ตสฺมา ‘ปญฺจโวการาน’นฺติ อวตฺวา ‘ปญฺจโวการํ อุปปชฺชนฺตาน’นฺติ วุตฺตํฯ อิทํ ปญฺจโวการํ อุปปชฺชนฺตานนฺติ ฐาเน ปริปุณฺณปญฺหสฺส ปจฺฉิมโกฎฺฐาเส สรูปทสฺสเนน วิสฺสชฺชนํฯ อิมินา อุปาเยน สพฺพานิ วิสฺสชฺชนานิ เวทิตพฺพานิฯ
Tatthāyaṃ nayo – yassa rūpakkhandho uppajjatīti yassa puggalassa uppādakkhaṇasamaṅgitāya rūpakkhandho uppajjati. Tassa vedanākkhandho uppajjatīti vedanākkhandhopi tassa tasmiññeva khaṇe uppajjatīti pucchati. Asaññasattaṃ upapajjantānanti acittakapaṭisandhivasena asaññasattabhavaṃ upapajjantānaṃ. Tesaṃ rūpakkhandho uppajjatīti tesaṃ ekantena rūpakkhandho uppajjatiyeva. Pavatte uppannānaṃ rūpakkhandho uppajjatipi nirujjhatipi, tasmā ‘asaññasattāna’nti avatvā’asaññasattaṃ upapajjantāna’nti vuttaṃ. No ca tesaṃ vedanākkhandho uppajjatīti acittakattā pana tesaṃ vedanākkhandho nuppajjateva. Idaṃ sattavīsatiyā ṭhānesu paṭhame ṭhāne paripuṇṇapañhassa purimakoṭṭhāse sarūpadassanena vissajjanaṃ. Pañcavokāraṃ upapajjantānanti rūpārūpamissakapaṭisandhivasena pañcavokārabhavaṃ upapajjantānaṃ. Tesaṃ rūpakkhandho ca uppajjati, vedanākkhandho cāti tesaṃ ekantena rūpavedanākkhandhasaṅkhātā dvepi khandhā uppajjantiyeva. Pavatte pana tattha uppannānaṃ te khandhā uppajjantipi nirujjhantipi, tasmā ‘pañcavokārāna’nti avatvā ‘pañcavokāraṃ upapajjantāna’nti vuttaṃ. Idaṃ pañcavokāraṃ upapajjantānanti ṭhāne paripuṇṇapañhassa pacchimakoṭṭhāse sarūpadassanena vissajjanaṃ. Iminā upāyena sabbāni vissajjanāni veditabbāni.
อิทํ ปเนตฺถ อุปฺปาทนิโรเธสุ นิยมลกฺขณํ – สกเลปิ หิ อิมสฺมิํ ขนฺธยมเก ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปนฺนานํ ปวเตฺต ยาว มรณา ขนฺธานํ อปริยเนฺตสุ อุปฺปาทนิโรเธสุ วิชฺชมาเนสุปิ ลหุปริวตฺตานํ ธมฺมานํ วินิโพฺภคํ กตฺวา อุปฺปาทนิโรเธ ทเสฺสตุํ น สุกรนฺติ ปวตฺติยํ อุปฺปาทนิโรเธ อนามสิตฺวา อภินวํ วิปากวฎฺฎํ นิปฺผาทยมาเนน นานากเมฺมน นิพฺพตฺตานํ ปฎิสนฺธิขนฺธานํ อุปฺปาทํ ทเสฺสตุํ สุขนฺติ ปฎิสนฺธิกาเล อุปฺปาทวเสเนว อุปฺปาทวาโร กถิโตฯ อุปฺปนฺนสฺส ปน วิปากวฎฺฎสฺส ปริโยสาเนน นิโรธํ ทเสฺสตุํ สุขนฺติ มรณกาเล นิโรธวเสน นิโรธวาโร กถิโตฯ
Idaṃ panettha uppādanirodhesu niyamalakkhaṇaṃ – sakalepi hi imasmiṃ khandhayamake tattha tattha uppannānaṃ pavatte yāva maraṇā khandhānaṃ apariyantesu uppādanirodhesu vijjamānesupi lahuparivattānaṃ dhammānaṃ vinibbhogaṃ katvā uppādanirodhe dassetuṃ na sukaranti pavattiyaṃ uppādanirodhe anāmasitvā abhinavaṃ vipākavaṭṭaṃ nipphādayamānena nānākammena nibbattānaṃ paṭisandhikhandhānaṃ uppādaṃ dassetuṃ sukhanti paṭisandhikāle uppādavaseneva uppādavāro kathito. Uppannassa pana vipākavaṭṭassa pariyosānena nirodhaṃ dassetuṃ sukhanti maraṇakāle nirodhavasena nirodhavāro kathito.
กิํ ปเนตฺถ ปวตฺติยํ อุปฺปาทนิโรธานํ อนามฎฺฐภาเว ปมาณนฺติ? ปาฬิเยวฯ ปาฬิยญฺหิ วิเสเสน อุปฺปาทวารสฺส อนาคตกาลวาเร ‘ปจฺฉิมภวิกานํ เตสํ รูปกฺขโนฺธ จ นุปฺปชฺชิสฺสติ, เวทนากฺขโนฺธ จ นุปฺปชฺชิสฺสตี’ติ อยํ ปาฬิ อติปมาณเมวฯ ปจฺฉิมภวิกานญฺหิ ปวเตฺต รูปารูปธมฺมานํ อุปฺปชฺชิตุํ ยุตฺตภาเว สติปิ ‘รูปกฺขโนฺธ จ นุปฺปชฺชิสฺสติ, เวทนากฺขโนฺธ จ นุปฺปชฺชิสฺสตี’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา วุตฺตภาเวน ปวเตฺต อุปฺปาโท น คหิโตติ เวทิตโพฺพฯ ‘สุทฺธาวาเส ปรินิพฺพนฺตานํ เตสํ ตตฺถ สญฺญากฺขโนฺธ น นิรุชฺฌิตฺถ, โน จ เตสํ ตตฺถ เวทนากฺขโนฺธ น นิรุชฺฌตี’ติ อยํ ปน ปาฬิ ปวเตฺต นิโรธสฺส อนามฎฺฐภาเว อติวิย ปมาณํฯ สุทฺธาวาเส ปรินิพฺพนฺตานญฺหิ จุติจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ ฐิตานํ ปฎิสนฺธิโต ปฎฺฐาย ปวเตฺต อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธสญฺญากฺขนฺธานํ คณนปโถ นตฺถิฯ ‘เอวํ สเนฺตปิ เตสํ ตตฺถ สญฺญากฺขโนฺธ น นิรุชฺฌิตฺถา’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา วุตฺตภาเวน ปวเตฺต นิโรโธ น คหิโตติ เวทิตโพฺพฯ
Kiṃ panettha pavattiyaṃ uppādanirodhānaṃ anāmaṭṭhabhāve pamāṇanti? Pāḷiyeva. Pāḷiyañhi visesena uppādavārassa anāgatakālavāre ‘pacchimabhavikānaṃ tesaṃ rūpakkhandho ca nuppajjissati, vedanākkhandho ca nuppajjissatī’ti ayaṃ pāḷi atipamāṇameva. Pacchimabhavikānañhi pavatte rūpārūpadhammānaṃ uppajjituṃ yuttabhāve satipi ‘rūpakkhandho ca nuppajjissati, vedanākkhandho ca nuppajjissatī’ti sanniṭṭhānaṃ katvā vuttabhāvena pavatte uppādo na gahitoti veditabbo. ‘Suddhāvāse parinibbantānaṃ tesaṃ tattha saññākkhandho na nirujjhittha, no ca tesaṃ tattha vedanākkhandho na nirujjhatī’ti ayaṃ pana pāḷi pavatte nirodhassa anāmaṭṭhabhāve ativiya pamāṇaṃ. Suddhāvāse parinibbantānañhi cuticittassa bhaṅgakkhaṇe ṭhitānaṃ paṭisandhito paṭṭhāya pavatte uppajjitvā niruddhasaññākkhandhānaṃ gaṇanapatho natthi. ‘Evaṃ santepi tesaṃ tattha saññākkhandho na nirujjhitthā’ti sanniṭṭhānaṃ katvā vuttabhāvena pavatte nirodho na gahitoti veditabbo.
เอวเมตฺถ อุปฺปาทนิโรเธสุ นิยมลกฺขณํ วิทิตฺวา ปฎิสนฺธิอุปฺปาทเมว จุตินิโรธเมว จ คเหตฺวา เตสุ เตสุ ฐาเนสุ อาคตานํ วิสฺสชฺชนานํ อตฺถวินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ โส ปน สกฺกา อาทิวิสฺสชฺชเน วุตฺตนเยน สพฺพตฺถ วิทิตุนฺติ วิสฺสชฺชนปฎิปาฎิยา น วิตฺถาริโตฯ อิมินา ปน เอวํ ทิเนฺนนปิ นเยน โย เอเตสํ อตฺถวินิจฺฉยํ ชานิตุํ น สโกฺกติ, เตน อาจริเย ปยิรุปาสิตฺวา สาธุกํ สุตฺวาปิ ชานิตโพฺพฯ
Evamettha uppādanirodhesu niyamalakkhaṇaṃ viditvā paṭisandhiuppādameva cutinirodhameva ca gahetvā tesu tesu ṭhānesu āgatānaṃ vissajjanānaṃ atthavinicchayo veditabbo. So pana sakkā ādivissajjane vuttanayena sabbattha viditunti vissajjanapaṭipāṭiyā na vitthārito. Iminā pana evaṃ dinnenapi nayena yo etesaṃ atthavinicchayaṃ jānituṃ na sakkoti, tena ācariye payirupāsitvā sādhukaṃ sutvāpi jānitabbo.
อุปฺปาทสฺส นิโรธสฺส, อุปฺปนฺนญฺจาปิ เอกโต;
Uppādassa nirodhassa, uppannañcāpi ekato;
นยสฺส อนุโลมสฺส, ปฎิโลมนยสฺส จฯ
Nayassa anulomassa, paṭilomanayassa ca.
วเสน ยานิ ขเนฺธสุ, ยมกานิ จ ปญฺจสุ;
Vasena yāni khandhesu, yamakāni ca pañcasu;
ปุคฺคลํ อถ โอกาสํ, ปุคฺคโลกาสเมว จฯ
Puggalaṃ atha okāsaṃ, puggalokāsameva ca.
อามสิตฺวา ปวเตฺตสุ, ฐาเนสุ กถยี ชิโน;
Āmasitvā pavattesu, ṭhānesu kathayī jino;
เตสํ ปาฬิววตฺถานํ, ทสฺสิตํ อนุปุพฺพโตฯ
Tesaṃ pāḷivavatthānaṃ, dassitaṃ anupubbato.
วินิจฺฉยตฺถํ อตฺถสฺส, ปญฺหาวิสฺสชฺชนานิ จ;
Vinicchayatthaṃ atthassa, pañhāvissajjanāni ca;
วิสฺสชฺชนานํ ฐานานิ, ยานิ ตานิ จ สพฺพโสฯ
Vissajjanānaṃ ṭhānāni, yāni tāni ca sabbaso.
ทเสฺสตฺวา เอกปญฺหสฺมิํ, โยชนาปิ ปกาสิตา;
Dassetvā ekapañhasmiṃ, yojanāpi pakāsitā;
วิตฺถาเรน คเต เอตฺถ, ปญฺหาวิสฺสชฺชนกฺกเมฯ
Vitthārena gate ettha, pañhāvissajjanakkame.
อตฺถํ วณฺณยตา กาตุํ, กิํ นุ สกฺกา อิโต ปรํ;
Atthaṃ vaṇṇayatā kātuṃ, kiṃ nu sakkā ito paraṃ;
นเยน อิมินา ตสฺมา, อตฺถํ ชานนฺตุ ปณฺฑิตาติฯ
Nayena iminā tasmā, atthaṃ jānantu paṇḍitāti.
ปวตฺติมหาวารวณฺณนาฯ
Pavattimahāvāravaṇṇanā.
๓. ปริญฺญาวารวณฺณนา
3. Pariññāvāravaṇṇanā
๒๐๖-๒๐๘. ตทนนฺตเร ปริญฺญาวาเรปิ ฉเฬว กาลเภทาฯ อนุโลมปฎิโลมโต เทฺวเยว นยาฯ ปุคฺคลวาโร, โอกาสวาโร, ปุคฺคโลกาสวาโรติ อิเมสุ ปน ตีสุ ปุคฺคลวาโรว ลพฺภติ, น อิตเร เทฺวฯ กิํ การณา? สทิสวิสฺสชฺชนตายฯ โย หิ โกจิ ปุคฺคโล ยตฺถ กตฺถจิ ฐาเน รูปกฺขนฺธํ เจ ปริชานาติ, เวทนากฺขนฺธมฺปิ ปริชานาติเยวฯ เวทนากฺขนฺธํ เจ ปริชานาติ, รูปกฺขนฺธมฺปิ ปริชานาติเยวฯ รูปกฺขนฺธํ เจ น ปริชานาติ, เวทนากฺขนฺธมฺปิ น ปริชานาติเยวฯ เวทนากฺขนฺธํ เจ น ปริชานาติ, รูปกฺขนฺธมฺปิ น ปริชานาติเยวฯ ตสฺมา เตสุปิ ‘ยตฺถ รูปกฺขนฺธํ ปริชานาติ, ตตฺถ เวทนากฺขนฺธํ ปริชานาตี’ติ อาทิวเสน ปุจฺฉํ กตฺวา ‘อามนฺตา’เตฺวว วิสฺสชฺชนํ กาตพฺพํ ฯ สิยาติ สทิสวิสฺสชฺชนตาย เต อิธ น ลพฺภนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ
206-208. Tadanantare pariññāvārepi chaḷeva kālabhedā. Anulomapaṭilomato dveyeva nayā. Puggalavāro, okāsavāro, puggalokāsavāroti imesu pana tīsu puggalavārova labbhati, na itare dve. Kiṃ kāraṇā? Sadisavissajjanatāya. Yo hi koci puggalo yattha katthaci ṭhāne rūpakkhandhaṃ ce parijānāti, vedanākkhandhampi parijānātiyeva. Vedanākkhandhaṃ ce parijānāti, rūpakkhandhampi parijānātiyeva. Rūpakkhandhaṃ ce na parijānāti, vedanākkhandhampi na parijānātiyeva. Vedanākkhandhaṃ ce na parijānāti, rūpakkhandhampi na parijānātiyeva. Tasmā tesupi ‘yattha rūpakkhandhaṃ parijānāti, tattha vedanākkhandhaṃ parijānātī’ti ādivasena pucchaṃ katvā ‘āmantā’tveva vissajjanaṃ kātabbaṃ . Siyāti sadisavissajjanatāya te idha na labbhantīti veditabbā.
อถ วา ปริญฺญากิจฺจํ นาม ปุคฺคลเสฺสว โหติ, โน โอกาสสฺส, ปุคฺคโลว ปริชานิตุํ สมโตฺถ, โน โอกาโสติ ปุคฺคลวาโรเวตฺถ คหิโต, น โอกาสวาโรฯ ตสฺส ปน อคฺคหิตตฺตา ตทนนฺตโร ปุคฺคโลกาสวาโร ลพฺภมาโนปิ น คหิโตฯ โย ปเนส ปุคฺคลวาโร คหิโต, ตตฺถ ปจฺจุปฺปนฺนกาเล รูปกฺขนฺธมูลกานิ จตฺตาริ, เวทนากฺขนฺธมูลกานิ ตีณิ, สญฺญากฺขนฺธมูลกานิ เทฺว, สงฺขารกฺขนฺธมูลกํ เอกนฺติ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว อนุโลมนเย อคฺคหิตคฺคหเณน ทส ยมกานิฯ ปฎิโลมนเย ทสาติ วีสติฯ ตถา เสเสสุปีติ เอเกกสฺมิํ กาเล วีสติ วีสติ กตฺวา ฉสุ กาเลสุ วีสํ ยมกสตํ, จตฺตารีสานิ เทฺว ปุจฺฉาสตานิ, อสีตฺยาธิกานิ จตฺตาริ อตฺถสตานิ จ โหนฺตีติ อิทเมตฺถ ปาฬิววตฺถานํฯ
Atha vā pariññākiccaṃ nāma puggalasseva hoti, no okāsassa, puggalova parijānituṃ samattho, no okāsoti puggalavārovettha gahito, na okāsavāro. Tassa pana aggahitattā tadanantaro puggalokāsavāro labbhamānopi na gahito. Yo panesa puggalavāro gahito, tattha paccuppannakāle rūpakkhandhamūlakāni cattāri, vedanākkhandhamūlakāni tīṇi, saññākkhandhamūlakāni dve, saṅkhārakkhandhamūlakaṃ ekanti heṭṭhā vuttanayeneva anulomanaye aggahitaggahaṇena dasa yamakāni. Paṭilomanaye dasāti vīsati. Tathā sesesupīti ekekasmiṃ kāle vīsati vīsati katvā chasu kālesu vīsaṃ yamakasataṃ, cattārīsāni dve pucchāsatāni, asītyādhikāni cattāri atthasatāni ca hontīti idamettha pāḷivavatthānaṃ.
อตฺถวินิจฺฉเย ปเนตฺถ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนสงฺขาตา ตโย อทฺธา ปวตฺติวาเร วิย จุติปฎิสนฺธิวเสน น ลพฺภนฺติฯ ปวเตฺต จิตฺตกฺขณวเสเนว ลพฺภนฺติฯ เตเนเวตฺถ ‘โย รูปกฺขนฺธํ ปริชานาติ, โส เวทนากฺขนฺธํ ปริชานาตี’ติอาทีสุ ปุจฺฉาสุ ‘อามนฺตา’ติ วิสฺสชฺชนํ กตํฯ โลกุตฺตรมคฺคกฺขณสฺมิญฺหิ นิพฺพานารมฺมเณน จิเตฺตน ปญฺจสุ ขเนฺธสุ ปริญฺญากิจฺจนิพฺพตฺติยา ยํ กิญฺจิ เอกํ ขนฺธํ ปริชานโนฺต อิตรมฺปิ ปริชานาตีติ วุจฺจติฯ เอวเมตฺถ ‘ปริชานาตี’ติ ปเญฺหสุ อนุโลมนเย ปริญฺญากิจฺจสฺส มตฺถกปฺปตฺตํ อคฺคมคฺคสมงฺคิํ สนฺธาย ‘อามนฺตา’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ปฎิโลมนเย ปน ‘น ปริชานาตี’ติ ปเญฺหสุ ปุถุชฺชนาทโย สนฺธาย ‘อามนฺตา’ติ วุตฺตํฯ ‘ปริชานิตฺถา’ติ อิมสฺมิํ ปน อตีตกาลวาเร มคฺคานนฺตรอคฺคผเล ฐิโตปิ ปริญฺญากิจฺจสฺส นิฎฺฐิตตฺตา ปริชานิตฺถเยว นามฯ
Atthavinicchaye panettha atītānāgatapaccuppannasaṅkhātā tayo addhā pavattivāre viya cutipaṭisandhivasena na labbhanti. Pavatte cittakkhaṇavaseneva labbhanti. Tenevettha ‘yo rūpakkhandhaṃ parijānāti, so vedanākkhandhaṃ parijānātī’tiādīsu pucchāsu ‘āmantā’ti vissajjanaṃ kataṃ. Lokuttaramaggakkhaṇasmiñhi nibbānārammaṇena cittena pañcasu khandhesu pariññākiccanibbattiyā yaṃ kiñci ekaṃ khandhaṃ parijānanto itarampi parijānātīti vuccati. Evamettha ‘parijānātī’ti pañhesu anulomanaye pariññākiccassa matthakappattaṃ aggamaggasamaṅgiṃ sandhāya ‘āmantā’ti vuttanti veditabbaṃ. Paṭilomanaye pana ‘na parijānātī’ti pañhesu puthujjanādayo sandhāya ‘āmantā’ti vuttaṃ. ‘Parijānitthā’ti imasmiṃ pana atītakālavāre maggānantaraaggaphale ṭhitopi pariññākiccassa niṭṭhitattā parijānitthayeva nāma.
๒๐๙. โย รูปกฺขนฺธํ ปริชานาติ, โส เวทนากฺขนฺธํ ปริชานิตฺถาติ ปเญฺหน อคฺคมคฺคสมงฺคิํ ปุจฺฉติฯ ยสฺมา ปเนส ขนฺธปญฺจกํ ปริชานาติเยว นาม, น ตาว นิฎฺฐิตปริญฺญากิโจฺจ; ตสฺมา ‘โน’ติ ปฎิเสโธ กโตฯ ทุติยปเญฺห ปน ปริชานิตฺถาติ อรหนฺตํ ปุจฺฉติฯ ยสฺมา ปเนโส นิฎฺฐิตปริญฺญากิโจฺจฯ นตฺถิ ตสฺส ปริเญฺญยฺยํ นาม; ตสฺมา ‘โน’ติ ปฎิเสโธ กโตฯ ปฎิโลมนยวิสฺสชฺชเน ปเนตฺถ อรหา รูปกฺขนฺธํ น ปริชานาตีติ อรหโต ปริญฺญาย อภาเวน วุตฺตํฯ อคฺคมคฺคสมงฺคี เวทนากฺขนฺธํ น ปริชานิตฺถาติ อรหตฺตมคฺคฎฺฐสฺส อนิฎฺฐิตปริญฺญากิจฺจตาย วุตฺตํฯ น เกวลญฺจ เวทนากฺขนฺธเมว, เอกธมฺมมฺปิ โส น ปริชานิเตฺถวฯ อิทํ ปน ปุจฺฉาวเสน วุตฺตํฯ โน จ รูปกฺขนฺธนฺติ อิทมฺปิ ปุจฺฉาวเสเนว วุตฺตํฯ อญฺญมฺปิ ปน โส ขนฺธํ ปริชานาติฯ
209. Yo rūpakkhandhaṃ parijānāti, so vedanākkhandhaṃ parijānitthāti pañhena aggamaggasamaṅgiṃ pucchati. Yasmā panesa khandhapañcakaṃ parijānātiyeva nāma, na tāva niṭṭhitapariññākicco; tasmā ‘no’ti paṭisedho kato. Dutiyapañhe pana parijānitthāti arahantaṃ pucchati. Yasmā paneso niṭṭhitapariññākicco. Natthi tassa pariññeyyaṃ nāma; tasmā ‘no’ti paṭisedho kato. Paṭilomanayavissajjane panettha arahā rūpakkhandhaṃ na parijānātīti arahato pariññāya abhāvena vuttaṃ. Aggamaggasamaṅgī vedanākkhandhaṃ na parijānitthāti arahattamaggaṭṭhassa aniṭṭhitapariññākiccatāya vuttaṃ. Na kevalañca vedanākkhandhameva, ekadhammampi so na parijānittheva. Idaṃ pana pucchāvasena vuttaṃ. No ca rūpakkhandhanti idampi pucchāvaseneva vuttaṃ. Aññampi pana so khandhaṃ parijānāti.
๒๑๐-๒๑๑. โย รูปกฺขนฺธํ ปริชานาติ, โส เวทนากฺขนฺธํ ปริชานิสฺสตีติ เอตฺถ ยสฺมา มคฺคฎฺฐปุคฺคโล เอกจิตฺตกฺขณิโก, ตสฺมา โส ปริชานิสฺสตีติ สงฺขํ น คจฺฉติฯ เตน วุตฺตํ ‘โน’ติฯ เต รูปกฺขนฺธญฺจ น ปริชานิตฺถาติ ปุจฺฉาสภาเคน วุตฺตํ, น ปริชานิํสูติ ปเนตฺถ อโตฺถฯ อิมินา อุปาเยน สพฺพตฺถ อตฺถวินิจฺฉโย เวทิตโพฺพติฯ
210-211. Yo rūpakkhandhaṃ parijānāti, so vedanākkhandhaṃ parijānissatīti ettha yasmā maggaṭṭhapuggalo ekacittakkhaṇiko, tasmā so parijānissatīti saṅkhaṃ na gacchati. Tena vuttaṃ ‘no’ti. Te rūpakkhandhañca naparijānitthāti pucchāsabhāgena vuttaṃ, na parijāniṃsūti panettha attho. Iminā upāyena sabbattha atthavinicchayo veditabboti.
ปริญฺญาวารวณฺณนาฯ
Pariññāvāravaṇṇanā.
ขนฺธยมกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Khandhayamakavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ยมกปาฬิ • Yamakapāḷi / ๒. ขนฺธยมกํ • 2. Khandhayamakaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๒. ขนฺธยมกํ • 2. Khandhayamakaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๒. ขนฺธยมกํ • 2. Khandhayamakaṃ