Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๑๓] ๓. ขนฺติวาทีชาตกวณฺณนา
[313] 3. Khantivādījātakavaṇṇanā
โย เต หเตฺถ จ ปาเท จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ โกธนภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ เหฎฺฐา กถิตเมวฯ สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘กสฺมา, ตฺวํ ภิกฺขุ, อโกฺกธนสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา โกธํ กโรสิ, โปราณกปณฺฑิตา สรีเร ปหารสหเสฺส ปตเนฺต หตฺถปาทกณฺณนาสาสุ ฉิชฺชมานาสุ ปรสฺส โกธํ น กริํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Yo te hatthe ca pāde cāti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ kodhanabhikkhuṃ ārabbha kathesi. Vatthu heṭṭhā kathitameva. Satthā pana taṃ bhikkhuṃ ‘‘kasmā, tvaṃ bhikkhu, akkodhanassa buddhassa sāsane pabbajitvā kodhaṃ karosi, porāṇakapaṇḍitā sarīre pahārasahasse patante hatthapādakaṇṇanāsāsu chijjamānāsu parassa kodhaṃ na kariṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ กลาพุ นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิฯ ตทา โพธิสโตฺต อสีติโกฎิวิภเว พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กุณฺฑลกุมาโร นาม มาณโว หุตฺวา วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา กุฎุมฺพํ สณฺฐเปตฺวา มาตาปิตูนํ อจฺจเยน ธนราสิํ โอโลเกตฺวา ‘‘อิมํ ธนํ อุปฺปาเทตฺวา มม ญาตกา อคฺคเหตฺวาว คตา, มยา ปเนตํ คเหตฺวา คนฺตุํ วฎฺฎตี’’ติ สพฺพํ ธนํ วิเจยฺยทานวเสน โย ยํ อาหรติ, ตสฺส ตํ ทตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา ผลาผเลน ยาเปโนฺต จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ อาคนฺตฺวา อนุปุเพฺพน พาราณสิํ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส นคเร ภิกฺขาย จรโนฺต เสนาปติสฺส นิวาสนทฺวารํ สมฺปาปุณิฯ เสนาปติ ตสฺส อิริยาปเถสุ ปสีทิตฺวา ฆรํ ปเวเสตฺวา อตฺตโน ปฎิยาทิตโภชนํ โภเชตฺวา ปฎิญฺญํ คเหตฺวา ตเตฺถว ราชุยฺยาเน วสาเปสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ kalābu nāma rājā rajjaṃ kāresi. Tadā bodhisatto asītikoṭivibhave brāhmaṇakule nibbattitvā kuṇḍalakumāro nāma māṇavo hutvā vayappatto takkasilaṃ gantvā sabbasippāni uggaṇhitvā kuṭumbaṃ saṇṭhapetvā mātāpitūnaṃ accayena dhanarāsiṃ oloketvā ‘‘imaṃ dhanaṃ uppādetvā mama ñātakā aggahetvāva gatā, mayā panetaṃ gahetvā gantuṃ vaṭṭatī’’ti sabbaṃ dhanaṃ viceyyadānavasena yo yaṃ āharati, tassa taṃ datvā himavantaṃ pavisitvā pabbajitvā phalāphalena yāpento ciraṃ vasitvā loṇambilasevanatthāya manussapathaṃ āgantvā anupubbena bārāṇasiṃ patvā rājuyyāne vasitvā punadivase nagare bhikkhāya caranto senāpatissa nivāsanadvāraṃ sampāpuṇi. Senāpati tassa iriyāpathesu pasīditvā gharaṃ pavesetvā attano paṭiyāditabhojanaṃ bhojetvā paṭiññaṃ gahetvā tattheva rājuyyāne vasāpesi.
อเถกทิวสํ กลาพุราชา สุรามทมโตฺต เฉกนาฎกปริวุโต มหเนฺตน ยเสน อุยฺยานํ คนฺตฺวา มงฺคลสิลาปเฎฺฎ สยนํ อตฺถราเปตฺวา เอกิสฺสา ปิยมนาปาย อิตฺถิยา อเงฺก สยิฯ คีตวาทิตนเจฺจสุ เฉกา นาฎกิตฺถิโย คีตาทีนิ ปโยเชสุํ, สกฺกสฺส เทวรโญฺญ วิย มหาสมฺปตฺติ อโหสิ, ราชา นิทฺทํ โอกฺกมิฯ อถ ตา อิตฺถิโย ‘‘ยสฺสตฺถาย มยํ คีตาทีนิ ปโยชยาม, โส นิทฺทํ อุปคโต, กิํ โน คีตาทีหี’’ติ วีณาทีนิ ตูริยานิ ตตฺถ ตเตฺถว ฉเฑฺฑตฺวา อุยฺยานํ ปกฺกนฺตา ปุปฺผผลปลฺลวาทีหิ ปโลภิยมานา อุยฺยาเน อภิรมิํสุฯ ตทา โพธิสโตฺต ตสฺมิํ อุยฺยาเน สุปุปฺผิตสาลมูเล ปพฺพชฺชาสุเขน วีตินาเมโนฺต มตฺตวรวารโณ วิย นิสิโนฺน โหติฯ อถ ตา อิตฺถิโย อุยฺยาเน จรมานา ตํ ทิสฺวา ‘‘เอถ, อยฺยาโย, เอตสฺมิํ รุกฺขมูเล ปพฺพชิโต นิสิโนฺน, ยาว ราชา น ปพุชฺฌติ, ตาวสฺส สนฺติเก กิญฺจิ สุณมานา นิสีทิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ‘‘อมฺหากํ กเถตพฺพยุตฺตกํ กิญฺจิ กเถถา’’ติ วทิํสุฯ โพธิสโตฺต ตาสํ ธมฺมํ กเถสิฯ อถ สา อิตฺถี องฺกํ จาเลตฺวา ราชานํ ปโพเธสิฯ ราชา ปพุโทฺธ ตา อปสฺสโนฺต ‘‘กหํ คตา วสลิโย’’ติ อาหฯ เอตา, มหาราช, คนฺตฺวา เอกํ ตาปสํ ปริวาเรตฺวา นิสีทิํสูติฯ ราชา กุปิโต ขคฺคํ คเหตฺวา ‘‘สิกฺขาเปสฺสามิ นํ กูฎชฎิล’’นฺติ เวเคน อคมาสิฯ
Athekadivasaṃ kalāburājā surāmadamatto chekanāṭakaparivuto mahantena yasena uyyānaṃ gantvā maṅgalasilāpaṭṭe sayanaṃ attharāpetvā ekissā piyamanāpāya itthiyā aṅke sayi. Gītavāditanaccesu chekā nāṭakitthiyo gītādīni payojesuṃ, sakkassa devarañño viya mahāsampatti ahosi, rājā niddaṃ okkami. Atha tā itthiyo ‘‘yassatthāya mayaṃ gītādīni payojayāma, so niddaṃ upagato, kiṃ no gītādīhī’’ti vīṇādīni tūriyāni tattha tattheva chaḍḍetvā uyyānaṃ pakkantā pupphaphalapallavādīhi palobhiyamānā uyyāne abhiramiṃsu. Tadā bodhisatto tasmiṃ uyyāne supupphitasālamūle pabbajjāsukhena vītināmento mattavaravāraṇo viya nisinno hoti. Atha tā itthiyo uyyāne caramānā taṃ disvā ‘‘etha, ayyāyo, etasmiṃ rukkhamūle pabbajito nisinno, yāva rājā na pabujjhati, tāvassa santike kiñci suṇamānā nisīdissāmā’’ti gantvā vanditvā parivāretvā nisinnā ‘‘amhākaṃ kathetabbayuttakaṃ kiñci kathethā’’ti vadiṃsu. Bodhisatto tāsaṃ dhammaṃ kathesi. Atha sā itthī aṅkaṃ cāletvā rājānaṃ pabodhesi. Rājā pabuddho tā apassanto ‘‘kahaṃ gatā vasaliyo’’ti āha. Etā, mahārāja, gantvā ekaṃ tāpasaṃ parivāretvā nisīdiṃsūti. Rājā kupito khaggaṃ gahetvā ‘‘sikkhāpessāmi naṃ kūṭajaṭila’’nti vegena agamāsi.
อถ ตา อิตฺถิโย ราชานํ กุทฺธํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตาสุ วลฺลภตรา คนฺตฺวา รโญฺญ หตฺถา อสิํ คเหตฺวา ราชานํ วูปสเมสุํฯ โส อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติเก ฐตฺวา ‘‘กิํวาที ตฺวํ, สมณา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ขนฺติวาที, มหาราชา’’ติฯ ‘‘กา เอสา ขนฺติ นามา’’ติ? ‘‘อโกฺกสเนฺตสุ ปริภาสเนฺตสุ ปหรเนฺตสุ อกุชฺฌนภาโว’’ติฯ ราชา ‘‘ปสฺสิสฺสามิ ทานิ เต ขนฺติยา อตฺถิภาว’’นฺติ โจรฆาตกํ ปโกฺกสาเปสิฯ โส อตฺตโน จาริเตฺตน ผรสุญฺจ กณฺฎกกสญฺจ อาทาย กาสายนิวสโน รตฺตมาลาธโร อาคนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘กิํ กโรมิ, เทวา’’ติ อาหฯ อิมํ โจรํ ทุฎฺฐตาปสํ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา กณฺฎกกสํ คเหตฺวา ปุรโต จ ปจฺฉโต จ อุโภสุ ปเสฺสสุ จาติ จตูสุปิ ปเสฺสสุ เทฺวปหารสหสฺสมสฺส เทหีติฯ โส ตถา อกาสิ ฯ โพธิสตฺตสฺส ฉวิ ภิชฺชิฯ จมฺมํ ภิชฺชิ, มํสํ ฉิชฺชิ, โลหิตํ ปคฺฆรติฯ
Atha tā itthiyo rājānaṃ kuddhaṃ āgacchantaṃ disvā tāsu vallabhatarā gantvā rañño hatthā asiṃ gahetvā rājānaṃ vūpasamesuṃ. So āgantvā bodhisattassa santike ṭhatvā ‘‘kiṃvādī tvaṃ, samaṇā’’ti pucchi. ‘‘Khantivādī, mahārājā’’ti. ‘‘Kā esā khanti nāmā’’ti? ‘‘Akkosantesu paribhāsantesu paharantesu akujjhanabhāvo’’ti. Rājā ‘‘passissāmi dāni te khantiyā atthibhāva’’nti coraghātakaṃ pakkosāpesi. So attano cārittena pharasuñca kaṇṭakakasañca ādāya kāsāyanivasano rattamālādharo āgantvā rājānaṃ vanditvā ‘‘kiṃ karomi, devā’’ti āha. Imaṃ coraṃ duṭṭhatāpasaṃ gahetvā ākaḍḍhitvā bhūmiyaṃ pātetvā kaṇṭakakasaṃ gahetvā purato ca pacchato ca ubhosu passesu cāti catūsupi passesu dvepahārasahassamassa dehīti. So tathā akāsi . Bodhisattassa chavi bhijji. Cammaṃ bhijji, maṃsaṃ chijji, lohitaṃ paggharati.
ปุน ราชา ‘‘กิํวาที ตฺวํ ภิกฺขู’’ติ อาหฯ ‘‘ขนฺติวาที, มหาราช’’ฯ ‘‘ตฺวํ ปน มยฺหํ จมฺมนฺตเร ขนฺตี’’ติ มญฺญสิ, นตฺถิ มยฺหํ จมฺมนฺตเร ขนฺติ, ตยา ปน ทฎฺฐุํ อสกฺกุเณเยฺย หทยพฺภนฺตเร มม ขนฺติ ปติฎฺฐิตาฯ ‘‘มหาราชา’’ติฯ ปุน โจรฆาตโก ‘‘กิํ กโรมี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อิมสฺส กูฎชฎิลสฺส อุโภ หเตฺถ ฉินฺทา’’ติฯ โส ผรสุํ คเหตฺวา คณฺฑิยํ ฐเปตฺวา หเตฺถ ฉินฺทิฯ อถ นํ ‘‘ปาเท ฉินฺทา’’ติ อาห, ปาเทปิ ฉินฺทิฯ หตฺถปาทโกฎีหิ ฆฎฉิเทฺทหิ ลาขารโส วิย โลหิตํ ปคฺฆรติฯ ปุน ราชา ‘‘กิํวาทีสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ขนฺติวาที, มหาราช’’ฯ ‘‘ตฺวํ ปน มยฺหํ หตฺถปาทโกฎีสุ ‘ขนฺติ อตฺถี’ติ มญฺญสิ, นเตฺถสา เอตฺถ, มยฺหํ ขนฺติ คมฺภีรฎฺฐาเน ปติฎฺฐิตา’’ติฯ โส ‘‘กณฺณนาสมสฺส ฉินฺทา’’ติ อาหฯ อิตโร กณฺณนาสํ ฉินฺทิ, สกลสรีเร โลหิตํ อโหสิฯ ปุน นํ ‘‘กิํวาที นาม ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘มหาราช, ขนฺติวาที นาม’’ฯ ‘‘มา โข ปน ตฺวํ ‘กณฺณนาสิกโกฎีสุ ปติฎฺฐิตา ขนฺตี’ติ มญฺญสิ, มม ขนฺติ คมฺภีเร หทยพฺภนฺตเร ปติฎฺฐิตา’’ติฯ ราชา ‘‘กูฎชฎิล ตว ขนฺติํ ตฺวเมว อุกฺขิปิตฺวา นิสีทา’’ติ โพธิสตฺตสฺส หทยํ ปาเทน ปหริตฺวา ปกฺกามิฯ
Puna rājā ‘‘kiṃvādī tvaṃ bhikkhū’’ti āha. ‘‘Khantivādī, mahārāja’’. ‘‘Tvaṃ pana mayhaṃ cammantare khantī’’ti maññasi, natthi mayhaṃ cammantare khanti, tayā pana daṭṭhuṃ asakkuṇeyye hadayabbhantare mama khanti patiṭṭhitā. ‘‘Mahārājā’’ti. Puna coraghātako ‘‘kiṃ karomī’’ti pucchi. ‘‘Imassa kūṭajaṭilassa ubho hatthe chindā’’ti. So pharasuṃ gahetvā gaṇḍiyaṃ ṭhapetvā hatthe chindi. Atha naṃ ‘‘pāde chindā’’ti āha, pādepi chindi. Hatthapādakoṭīhi ghaṭachiddehi lākhāraso viya lohitaṃ paggharati. Puna rājā ‘‘kiṃvādīsī’’ti pucchi. ‘‘Khantivādī, mahārāja’’. ‘‘Tvaṃ pana mayhaṃ hatthapādakoṭīsu ‘khanti atthī’ti maññasi, natthesā ettha, mayhaṃ khanti gambhīraṭṭhāne patiṭṭhitā’’ti. So ‘‘kaṇṇanāsamassa chindā’’ti āha. Itaro kaṇṇanāsaṃ chindi, sakalasarīre lohitaṃ ahosi. Puna naṃ ‘‘kiṃvādī nāma tva’’nti pucchi. ‘‘Mahārāja, khantivādī nāma’’. ‘‘Mā kho pana tvaṃ ‘kaṇṇanāsikakoṭīsu patiṭṭhitā khantī’ti maññasi, mama khanti gambhīre hadayabbhantare patiṭṭhitā’’ti. Rājā ‘‘kūṭajaṭila tava khantiṃ tvameva ukkhipitvā nisīdā’’ti bodhisattassa hadayaṃ pādena paharitvā pakkāmi.
ตสฺมิํ คเต เสนาปติ โพธิสตฺตสฺส สรีรโต โลหิตํ ปุญฺฉิตฺวา หตฺถปาทกณฺณนาสโกฎิโย สาฎกกเณฺณ กตฺวา โพธิสตฺตํ สณิกํ นิสีทาเปตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘สเจ, ภเนฺต, ตุเมฺห กุชฺฌิตุกามา, ตุเมฺหสุ กตาปราธสฺส รโญฺญว กุเชฺฌยฺยาถ, มา อเญฺญส’’นฺติ ยาจโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Tasmiṃ gate senāpati bodhisattassa sarīrato lohitaṃ puñchitvā hatthapādakaṇṇanāsakoṭiyo sāṭakakaṇṇe katvā bodhisattaṃ saṇikaṃ nisīdāpetvā vanditvā ekamantaṃ nisīditvā ‘‘sace, bhante, tumhe kujjhitukāmā, tumhesu katāparādhassa raññova kujjheyyātha, mā aññesa’’nti yācanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๔๙.
49.
‘‘โย เต หเตฺถ จ ปาเท จ, กณฺณนาสญฺจ เฉทยิ;
‘‘Yo te hatthe ca pāde ca, kaṇṇanāsañca chedayi;
ตสฺส กุชฺฌ มหาวีร, มา รฎฺฐํ วินสา อิท’’นฺติฯ
Tassa kujjha mahāvīra, mā raṭṭhaṃ vinasā ida’’nti.
ตตฺถ มหาวีราติ มหาวีริยฯ มา รฎฺฐํ วินสา อิทนฺติ อิทํ นิรปราธํ กาสิรฎฺฐํ มา วินาเสหิฯ
Tattha mahāvīrāti mahāvīriya. Mā raṭṭhaṃ vinasā idanti idaṃ niraparādhaṃ kāsiraṭṭhaṃ mā vināsehi.
ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต ทุติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā bodhisatto dutiyaṃ gāthamāha –
๕๐.
50.
‘‘โย เม หเตฺถ จ ปาเท จ, กณฺณนาสญฺจ เฉทยิ;
‘‘Yo me hatthe ca pāde ca, kaṇṇanāsañca chedayi;
จิรํ ชีวตุ โส ราชา, น หิ กุชฺฌนฺติ มาทิสา’’ติฯ
Ciraṃ jīvatu so rājā, na hi kujjhanti mādisā’’ti.
ตตฺถ มาทิสาติ มม สทิสา ขนฺติพเลน สมนฺนาคตา ปณฺฑิตา ‘‘อยํ มํ อโกฺกสิ ปริภาสิ ปหริ, ฉินฺทิ ภินฺที’’ติ ตํ น กุชฺฌนฺติฯ
Tattha mādisāti mama sadisā khantibalena samannāgatā paṇḍitā ‘‘ayaṃ maṃ akkosi paribhāsi pahari, chindi bhindī’’ti taṃ na kujjhanti.
รโญฺญ อุยฺยานา นิกฺขมนฺตสฺส โพธิสตฺตสฺส จกฺขุปถํ วิชหนกาเลเยว อยํ จตุนหุตาธิกา ทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา มหาปถวี ขลิพทฺธสาฎโก วิย ผลิตา, อวีจิโต ชาลา นิกฺขมิตฺวา ราชานํ กุลทตฺติเยน รตฺตกมฺพเลน ปารุปนฺตี วิย คณฺหิฯ โส อุยฺยานทฺวาเรเยว ปถวิํ ปวิสิตฺวา อวีจิมหานิรเย ปติฎฺฐหิฯ โพธิสโตฺตปิ ตํ ทิวสเมว กาลมกาสิฯ ราชปริสา จ นาครา จ คนฺธมาลาธูมหตฺถา อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส สรีรกิจฺจํ อกํสุฯ เกจิ ปนาหุ ‘‘โพธิสโตฺต ปุน หิมวนฺตเมว คโต’’ติ, ตํ อภูตํฯ
Rañño uyyānā nikkhamantassa bodhisattassa cakkhupathaṃ vijahanakāleyeva ayaṃ catunahutādhikā dviyojanasatasahassabahalā mahāpathavī khalibaddhasāṭako viya phalitā, avīcito jālā nikkhamitvā rājānaṃ kuladattiyena rattakambalena pārupantī viya gaṇhi. So uyyānadvāreyeva pathaviṃ pavisitvā avīcimahāniraye patiṭṭhahi. Bodhisattopi taṃ divasameva kālamakāsi. Rājaparisā ca nāgarā ca gandhamālādhūmahatthā āgantvā bodhisattassa sarīrakiccaṃ akaṃsu. Keci panāhu ‘‘bodhisatto puna himavantameva gato’’ti, taṃ abhūtaṃ.
๕๑.
51.
‘‘อหู อตีตมทฺธานํ, สมโณ ขนฺติทีปโน;
‘‘Ahū atītamaddhānaṃ, samaṇo khantidīpano;
ตํ ขนฺติยาเยว ฐิตํ, กาสิราชา อเฉทยิฯ
Taṃ khantiyāyeva ṭhitaṃ, kāsirājā achedayi.
๕๒.
52.
‘‘ตสฺส กมฺมผรุสสฺส, วิปาโก กฎุโก อหุ;
‘‘Tassa kammapharusassa, vipāko kaṭuko ahu;
ยํ กาสิราชา เวเทสิ, นิรยมฺหิ สมปฺปิโต’’ติฯ –
Yaṃ kāsirājā vedesi, nirayamhi samappito’’ti. –
อิมา เทฺว อภิสมฺพุทฺธคาถาฯ
Imā dve abhisambuddhagāthā.
ตตฺถ อตีตมทฺธานนฺติ อตีเต อทฺธาเนฯ ขนฺติทีปโนติ อธิวาสนขนฺติสํวณฺณโนฯ อเฉทยีติ มาราเปสิฯ เอกเจฺจ ปน ‘‘โพธิสตฺตสฺส ปุน หตฺถปาทกณฺณนาสา ฆฎิตา’’ติ วทนฺติ, ตมฺปิ อภูตเมวฯ สมปฺปิโตติ ปติฎฺฐิโตฯ
Tattha atītamaddhānanti atīte addhāne. Khantidīpanoti adhivāsanakhantisaṃvaṇṇano. Achedayīti mārāpesi. Ekacce pana ‘‘bodhisattassa puna hatthapādakaṇṇanāsā ghaṭitā’’ti vadanti, tampi abhūtameva. Samappitoti patiṭṭhito.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โกธโน ภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฎฺฐหิ, อเญฺญ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณิํสุฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne kodhano bhikkhu anāgāmiphale patiṭṭhahi, aññe bahū sotāpattiphalādīni pāpuṇiṃsu.
ตทา กลาพุราชา เทวทโตฺต อโหสิ, เสนาปติ สาริปุโตฺต, ขนฺติวาที ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติฯ
Tadā kalāburājā devadatto ahosi, senāpati sāriputto, khantivādī tāpaso pana ahameva ahosinti.
ขนฺติวาทีชาตกวณฺณนา ตติยาฯ
Khantivādījātakavaṇṇanā tatiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๑๓. ขนฺตีวาทีชาตกํ • 313. Khantīvādījātakaṃ