Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๗. เขมกสุตฺตํ

    7. Khemakasuttaṃ

    ๘๙. เอกํ สมยํ สมฺพหุลา เถรา ภิกฺขู โกสมฺพิยํ วิหรนฺติ โฆสิตาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา เขมโก พทริการาเม วิหรติ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ อถ โข เถรา ภิกฺขู สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิตา อายสฺมนฺตํ ทาสกํ อามเนฺตสุํ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อาวุโส ทาสก, เยน เขมโก ภิกฺขุ เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา เขมกํ ภิกฺขุํ เอวํ วเทหิ – ‘เถรา ตํ, อาวุโส เขมก, เอวมาหํสุ – กจฺจิ เต, อาวุโส, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ ทุกฺขา เวทนา ปฎิกฺกมนฺติ โน อภิกฺกมนฺติ, ปฎิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ โน อภิกฺกโม’’’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา ทาสโก เถรานํ ภิกฺขูนํ ปฎิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา เขมโก เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ เขมกํ เอตทโวจ – ‘‘เถรา ตํ, อาวุโส เขมก, เอวมาหํสุ – ‘กจฺจิ เต, อาวุโส, ขมนียํ…เป.… โน อภิกฺกโม’’’ติ? ‘‘น เม, อาวุโส, ขมนียํ น ยาปนียํ…เป.… อภิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ โน ปฎิกฺกโม’’ติฯ

    89. Ekaṃ samayaṃ sambahulā therā bhikkhū kosambiyaṃ viharanti ghositārāme. Tena kho pana samayena āyasmā khemako badarikārāme viharati ābādhiko dukkhito bāḷhagilāno. Atha kho therā bhikkhū sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhitā āyasmantaṃ dāsakaṃ āmantesuṃ – ‘‘ehi tvaṃ, āvuso dāsaka, yena khemako bhikkhu tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā khemakaṃ bhikkhuṃ evaṃ vadehi – ‘therā taṃ, āvuso khemaka, evamāhaṃsu – kacci te, āvuso, khamanīyaṃ, kacci yāpanīyaṃ, kacci dukkhā vedanā paṭikkamanti no abhikkamanti, paṭikkamosānaṃ paññāyati no abhikkamo’’’ti? ‘‘Evamāvuso’’ti kho āyasmā dāsako therānaṃ bhikkhūnaṃ paṭissutvā yenāyasmā khemako tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ khemakaṃ etadavoca – ‘‘therā taṃ, āvuso khemaka, evamāhaṃsu – ‘kacci te, āvuso, khamanīyaṃ…pe… no abhikkamo’’’ti? ‘‘Na me, āvuso, khamanīyaṃ na yāpanīyaṃ…pe… abhikkamosānaṃ paññāyati no paṭikkamo’’ti.

    อถ โข อายสฺมา ทาสโก เยน เถรา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เถเร ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘เขมโก, อาวุโส, ภิกฺขุ เอวมาห – ‘น เม, อาวุโส, ขมนียํ…เป.… อภิกฺกโมสานํ ปญฺญายติ โน ปฎิกฺกโม’’’ติฯ ‘‘เอหิ ตฺวํ, อาวุโส ทาสก, เยน เขมโก ภิกฺขุ เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา เขมกํ ภิกฺขุํ เอวํ วเทหิ – ‘เถรา ตํ, อาวุโส เขมก, เอวมาหํสุ – ปญฺจิเม, อาวุโส, อุปาทานกฺขนฺธา วุตฺตา ภควตา, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ, เวทนุปาทานกฺขโนฺธ, สญฺญุปาทานกฺขโนฺธ, สงฺขารุปาทานกฺขโนฺธ, วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธ ฯ อิเมสุ อายสฺมา เขมโก ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ กิญฺจิ อตฺตํ วา อตฺตนิยํ วา สมนุปสฺสตี’’’ติ?

    Atha kho āyasmā dāsako yena therā bhikkhū tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā there bhikkhū etadavoca – ‘‘khemako, āvuso, bhikkhu evamāha – ‘na me, āvuso, khamanīyaṃ…pe… abhikkamosānaṃ paññāyati no paṭikkamo’’’ti. ‘‘Ehi tvaṃ, āvuso dāsaka, yena khemako bhikkhu tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā khemakaṃ bhikkhuṃ evaṃ vadehi – ‘therā taṃ, āvuso khemaka, evamāhaṃsu – pañcime, āvuso, upādānakkhandhā vuttā bhagavatā, seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho, vedanupādānakkhandho, saññupādānakkhandho, saṅkhārupādānakkhandho, viññāṇupādānakkhandho . Imesu āyasmā khemako pañcasu upādānakkhandhesu kiñci attaṃ vā attaniyaṃ vā samanupassatī’’’ti?

    ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา ทาสโก เถรานํ ภิกฺขูนํ ปฎิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา เขมโก เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา…เป.… เถรา ตํ, อาวุโส เขมก, เอวมาหํสุ – ‘‘ปญฺจิเม, อาวุโส, อุปาทานกฺขนฺธา วุตฺตา ภควตา, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธฯ อิเมสุ อายสฺมา เขมโก ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ กิญฺจิ อตฺตํ วา อตฺตนิยํ วา สมนุปสฺสตี’’ติ? ‘‘ปญฺจิเม , อาวุโส, อุปาทานกฺขนฺธา วุตฺตา ภควตา, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธฯ อิเมสุ ขฺวาหํ, อาวุโส, ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ น กิญฺจิ อตฺตํ วา อตฺตนิยํ วา สมนุปสฺสามี’’ติฯ

    ‘‘Evamāvuso’’ti kho āyasmā dāsako therānaṃ bhikkhūnaṃ paṭissutvā yenāyasmā khemako tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā…pe… therā taṃ, āvuso khemaka, evamāhaṃsu – ‘‘pañcime, āvuso, upādānakkhandhā vuttā bhagavatā, seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho…pe… viññāṇupādānakkhandho. Imesu āyasmā khemako pañcasu upādānakkhandhesu kiñci attaṃ vā attaniyaṃ vā samanupassatī’’ti? ‘‘Pañcime , āvuso, upādānakkhandhā vuttā bhagavatā, seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho…pe… viññāṇupādānakkhandho. Imesu khvāhaṃ, āvuso, pañcasu upādānakkhandhesu na kiñci attaṃ vā attaniyaṃ vā samanupassāmī’’ti.

    อถ โข อายสฺมา ทาสโก เยน เถรา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เถเร ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘เขมโก, อาวุโส, ภิกฺขุ เอวมาห – ‘ปญฺจิเม, อาวุโส, อุปาทานกฺขนฺธา วุตฺตา ภควตา, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธฯ อิเมสุ ขฺวาหํ, อาวุโส, ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ น กิญฺจิ อตฺตํ วา อตฺตนิยํ วา สมนุปสฺสามี’’’ติฯ ‘‘เอหิ ตฺวํ, อาวุโส ทาสก, เยน เขมโก ภิกฺขุ เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา เขมกํ ภิกฺขุํ เอวํ วเทหิ – ‘เถรา ตํ, อาวุโส เขมก, เอวมาหํสุ – ปญฺจิเม, อาวุโส, อุปาทานกฺขนฺธา วุตฺตา ภควตา, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธฯ โน เจ กิรายสฺมา เขมโก อิเมสุ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ กิญฺจิ อตฺตํ วา อตฺตนิยํ วา สมนุปสฺสติฯ เตนหายสฺมา เขมโก อรหํ ขีณาสโว’’’ติฯ

    Atha kho āyasmā dāsako yena therā bhikkhū tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā there bhikkhū etadavoca – ‘‘khemako, āvuso, bhikkhu evamāha – ‘pañcime, āvuso, upādānakkhandhā vuttā bhagavatā, seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho…pe… viññāṇupādānakkhandho. Imesu khvāhaṃ, āvuso, pañcasu upādānakkhandhesu na kiñci attaṃ vā attaniyaṃ vā samanupassāmī’’’ti. ‘‘Ehi tvaṃ, āvuso dāsaka, yena khemako bhikkhu tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā khemakaṃ bhikkhuṃ evaṃ vadehi – ‘therā taṃ, āvuso khemaka, evamāhaṃsu – pañcime, āvuso, upādānakkhandhā vuttā bhagavatā, seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho…pe… viññāṇupādānakkhandho. No ce kirāyasmā khemako imesu pañcasu upādānakkhandhesu kiñci attaṃ vā attaniyaṃ vā samanupassati. Tenahāyasmā khemako arahaṃ khīṇāsavo’’’ti.

    ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา ทาสโก เถรานํ ภิกฺขูนํ ปฎิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา เขมโก…เป.… เถรา ตํ, อาวุโส เขมก, เอวมาหํสุ – ‘‘ปญฺจิเม, อาวุโส, อุปาทานกฺขนฺธา วุตฺตา ภควตา, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธ; โน เจ กิรายสฺมา เขมโก อิเมสุ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ กิญฺจิ อตฺตํ วา อตฺตนิยํ วา สมนุปสฺสติ, เตนหายสฺมา เขมโก อรหํ ขีณาสโว’’ติฯ ‘‘ปญฺจิเม, อาวุโส, อุปาทานกฺขนฺธา วุตฺตา ภควตา, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธฯ อิเมสุ ขฺวาหํ, อาวุโส, ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ น กิญฺจิ อตฺตํ วา อตฺตนิยํ วา สมนุปสฺสามิ , น จมฺหิ อรหํ ขีณาสโว; อปิ จ เม, อาวุโส, ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ ‘อสฺมี’ติ อธิคตํ, ‘อยมหมสฺมี’ติ น จ สมนุปสฺสามี’’ติฯ

    ‘‘Evamāvuso’’ti kho āyasmā dāsako therānaṃ bhikkhūnaṃ paṭissutvā yenāyasmā khemako…pe… therā taṃ, āvuso khemaka, evamāhaṃsu – ‘‘pañcime, āvuso, upādānakkhandhā vuttā bhagavatā, seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho…pe… viññāṇupādānakkhandho; no ce kirāyasmā khemako imesu pañcasu upādānakkhandhesu kiñci attaṃ vā attaniyaṃ vā samanupassati, tenahāyasmā khemako arahaṃ khīṇāsavo’’ti. ‘‘Pañcime, āvuso, upādānakkhandhā vuttā bhagavatā, seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho…pe… viññāṇupādānakkhandho. Imesu khvāhaṃ, āvuso, pañcasu upādānakkhandhesu na kiñci attaṃ vā attaniyaṃ vā samanupassāmi , na camhi arahaṃ khīṇāsavo; api ca me, āvuso, pañcasu upādānakkhandhesu ‘asmī’ti adhigataṃ, ‘ayamahamasmī’ti na ca samanupassāmī’’ti.

    อถ โข อายสฺมา ทาสโก เยน เถรา ภิกฺขู…เป.… เถเร ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘เขมโก, อาวุโส, ภิกฺขุ เอวมาห – ปญฺจิเม, อาวุโส, อุปาทานกฺขนฺธา วุตฺตา ภควตา, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธฯ อิเมสุ ขฺวาหํ, อาวุโส, ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ น กิญฺจิ อตฺตํ วา อตฺตนิยํ วา สมนุปสฺสามิ, น จมฺหิ อรหํ ขีณาสโว; อปิ จ เม , อาวุโส, ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ ‘อสฺมี’ติ อธิคตํ, ‘อยมหมสฺมี’ติ น จ สมนุปสฺสามี’’ติฯ

    Atha kho āyasmā dāsako yena therā bhikkhū…pe… there bhikkhū etadavoca – ‘‘khemako, āvuso, bhikkhu evamāha – pañcime, āvuso, upādānakkhandhā vuttā bhagavatā, seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho…pe… viññāṇupādānakkhandho. Imesu khvāhaṃ, āvuso, pañcasu upādānakkhandhesu na kiñci attaṃ vā attaniyaṃ vā samanupassāmi, na camhi arahaṃ khīṇāsavo; api ca me , āvuso, pañcasu upādānakkhandhesu ‘asmī’ti adhigataṃ, ‘ayamahamasmī’ti na ca samanupassāmī’’ti.

    ‘‘เอหิ ตฺวํ, อาวุโส ทาสก, เยน เขมโก ภิกฺขุ เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา เขมกํ ภิกฺขุํ เอวํ วเทหิ – ‘เถรา ตํ, อาวุโส เขมก, เอวมาหํสุ – ยเมตํ, อาวุโส เขมก, อสฺมีติ วเทสิ, กิเมตํ อสฺมีติ วเทสิ? รูปํ อสฺมีติ วเทสิ, อญฺญตฺร รูปา อสฺมีติ วเทสิ, เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ อสฺมีติ วเทสิ, อญฺญตฺร วิญฺญาณา อสฺมีติ วเทสิฯ ยเมตํ, อาวุโส เขมก, อสฺมีติ วเทสิฯ กิเมตํ อสฺมีติ วเทสี’’’ติ?

    ‘‘Ehi tvaṃ, āvuso dāsaka, yena khemako bhikkhu tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā khemakaṃ bhikkhuṃ evaṃ vadehi – ‘therā taṃ, āvuso khemaka, evamāhaṃsu – yametaṃ, āvuso khemaka, asmīti vadesi, kimetaṃ asmīti vadesi? Rūpaṃ asmīti vadesi, aññatra rūpā asmīti vadesi, vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ asmīti vadesi, aññatra viññāṇā asmīti vadesi. Yametaṃ, āvuso khemaka, asmīti vadesi. Kimetaṃ asmīti vadesī’’’ti?

    ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา ทาสโก เถรานํ ภิกฺขูนํ ปฎิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา เขมโก เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ เขมกํ เอตทโวจ – เถรา ตํ, อาวุโส เขมก, เอวมาหํสุ – ‘‘ยเมตํ, อาวุโส เขมก, ‘อสฺมี’ติ วเทสิ, กิเมตํ ‘อสฺมี’ติ วเทสิ? รูปํ ‘อสฺมี’ติ วเทสิ อญฺญตฺร รูปา ‘อสฺมี’ติ วเทสิ? เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ ‘อสฺมี’ติ วเทสิ อญฺญตฺร วิญฺญาณา ‘อสฺมี’ติ วเทสิ? ยเมตํ, อาวุโส เขมก, ‘อสฺมี’ติ วเทสิ, กิเมตํ ‘อสฺมี’ติ วเทสิ’’ติ? ‘‘อลํ, อาวุโส ทาสก, กิํ อิมาย สนฺธาวนิกาย! อาหราวุโส, ทณฺฑํ; อหเมว เยน เถรา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิสฺสามี’’ติฯ

    ‘‘Evamāvuso’’ti kho āyasmā dāsako therānaṃ bhikkhūnaṃ paṭissutvā yenāyasmā khemako tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ khemakaṃ etadavoca – therā taṃ, āvuso khemaka, evamāhaṃsu – ‘‘yametaṃ, āvuso khemaka, ‘asmī’ti vadesi, kimetaṃ ‘asmī’ti vadesi? Rūpaṃ ‘asmī’ti vadesi aññatra rūpā ‘asmī’ti vadesi? Vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ ‘asmī’ti vadesi aññatra viññāṇā ‘asmī’ti vadesi? Yametaṃ, āvuso khemaka, ‘asmī’ti vadesi, kimetaṃ ‘asmī’ti vadesi’’ti? ‘‘Alaṃ, āvuso dāsaka, kiṃ imāya sandhāvanikāya! Āharāvuso, daṇḍaṃ; ahameva yena therā bhikkhū tenupasaṅkamissāmī’’ti.

    อถ โข อายสฺมา เขมโก ทณฺฑโมลุพฺภ เยน เถรา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เถเรหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ เขมกํ เถรา ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘ยเมตํ, อาวุโส เขมก, ‘อสฺมี’ติ วเทสิ, กิเมตํ ‘อสฺมี’ติ วเทสิ? รูปํ ‘อสฺมี’ติ วเทสิ, อญฺญตฺร รูปา ‘อสฺมี’ติ วเทสิ? เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ ‘อสฺมี’ติ วเทสิ, อญฺญตฺร วิญฺญาณา ‘อสฺมี’ติ วเทสิ? ยเมตํ, อาวุโส เขมก, ‘อสฺมี’ติ วเทสิ, กิเมตํ ‘อสฺมี’ติ วเทสี’’ติ? ‘‘น ขฺวาหํ, อาวุโส, รูปํ ‘อสฺมี’ติ วทามิ; นปิ อญฺญตฺร รูปา ‘อสฺมี’ติ วทามิฯ น เวทนํ… น สญฺญํ… น สงฺขาเร… น วิญฺญาณํ ‘อสฺมี’ติ วทามิ; นปิ อญฺญตฺร วิญฺญาณา ‘อสฺมี’ติ วทามิฯ อปิ จ เม, อาวุโส, ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ ‘อสฺมี’ติ อธิคตํ ‘อยมหมสฺมี’ติ น จ สมนุปสฺสามิ’’ฯ

    Atha kho āyasmā khemako daṇḍamolubbha yena therā bhikkhū tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā therehi bhikkhūhi saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho āyasmantaṃ khemakaṃ therā bhikkhū etadavocuṃ – ‘‘yametaṃ, āvuso khemaka, ‘asmī’ti vadesi, kimetaṃ ‘asmī’ti vadesi? Rūpaṃ ‘asmī’ti vadesi, aññatra rūpā ‘asmī’ti vadesi? Vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ ‘asmī’ti vadesi, aññatra viññāṇā ‘asmī’ti vadesi? Yametaṃ, āvuso khemaka, ‘asmī’ti vadesi, kimetaṃ ‘asmī’ti vadesī’’ti? ‘‘Na khvāhaṃ, āvuso, rūpaṃ ‘asmī’ti vadāmi; napi aññatra rūpā ‘asmī’ti vadāmi. Na vedanaṃ… na saññaṃ… na saṅkhāre… na viññāṇaṃ ‘asmī’ti vadāmi; napi aññatra viññāṇā ‘asmī’ti vadāmi. Api ca me, āvuso, pañcasu upādānakkhandhesu ‘asmī’ti adhigataṃ ‘ayamahamasmī’ti na ca samanupassāmi’’.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อุปฺปลสฺส วา ปทุมสฺส วา ปุณฺฑรีกสฺส วา คโนฺธฯ โย นุ โข เอวํ วเทยฺย – ‘ปตฺตสฺส คโนฺธ’ติ วา ‘วณฺณสฺส 1 คโนฺธ’ติ วา ‘กิญฺชกฺขสฺส คโนฺธ’ติ วา สมฺมา นุ โข โส วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, อาวุโส’’ฯ ‘‘ยถา กถํ, ปนาวุโส, สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยา’’ติ? ‘‘‘ปุปฺผสฺส คโนฺธ’ติ โข, อาวุโส, สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยา’’ติฯ ‘‘เอวเมว ขฺวาหํ, อาวุโส, น รูปํ ‘อสฺมี’ติ วทามิ, นปิ อญฺญตฺร รูปา ‘อสฺมี’ติ วทามิฯ น เวทนํ… น สญฺญํ… น สงฺขาเร… น วิญฺญาณํ ‘อสฺมี’ติ วทามิ, นปิ อญฺญตฺร วิญฺญาณา ‘อสฺมี’ติ วทามิฯ อปิ จ เม, อาวุโส, ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ ‘อสฺมี’ติ อธิคตํ ‘อยมหมสฺมี’ติ น จ สมนุปสฺสามิ’’ฯ

    ‘‘Seyyathāpi, āvuso, uppalassa vā padumassa vā puṇḍarīkassa vā gandho. Yo nu kho evaṃ vadeyya – ‘pattassa gandho’ti vā ‘vaṇṇassa 2 gandho’ti vā ‘kiñjakkhassa gandho’ti vā sammā nu kho so vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, āvuso’’. ‘‘Yathā kathaṃ, panāvuso, sammā byākaramāno byākareyyā’’ti? ‘‘‘Pupphassa gandho’ti kho, āvuso, sammā byākaramāno byākareyyā’’ti. ‘‘Evameva khvāhaṃ, āvuso, na rūpaṃ ‘asmī’ti vadāmi, napi aññatra rūpā ‘asmī’ti vadāmi. Na vedanaṃ… na saññaṃ… na saṅkhāre… na viññāṇaṃ ‘asmī’ti vadāmi, napi aññatra viññāṇā ‘asmī’ti vadāmi. Api ca me, āvuso, pañcasu upādānakkhandhesu ‘asmī’ti adhigataṃ ‘ayamahamasmī’ti na ca samanupassāmi’’.

    ‘‘กิญฺจาปิ, อาวุโส, อริยสาวกสฺส ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปหีนานิ ภวนฺติ, อถ ขฺวสฺส โหติ – ‘โย จ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อนุสหคโต อสฺมีติ มาโน, อสฺมีติ ฉโนฺท, อสฺมีติ อนุสโย อสมูหโตฯ โส อปเรน สมเยน ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสี วิหรติ – อิติ รูปํ, อิติ รูปสฺส สมุทโย, อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม; อิติ เวทนา… อิติ สญฺญา… อิติ สงฺขารา… อิติ วิญฺญาณํ, อิติ วิญฺญาณสฺส สมุทโย, อิติ วิญฺญาณสฺส อตฺถงฺคโม’ติฯ ตสฺสิเมสุ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสิโน วิหรโต โยปิสฺส โหติ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อนุสหคโต ‘อสฺมี’ติ, มาโน ‘อสฺมี’ติ, ฉโนฺท ‘อสฺมี’ติ อนุสโย อสมูหโต, โสปิ สมุคฺฆาตํ คจฺฉติฯ

    ‘‘Kiñcāpi, āvuso, ariyasāvakassa pañcorambhāgiyāni saṃyojanāni pahīnāni bhavanti, atha khvassa hoti – ‘yo ca pañcasu upādānakkhandhesu anusahagato asmīti māno, asmīti chando, asmīti anusayo asamūhato. So aparena samayena pañcasu upādānakkhandhesu udayabbayānupassī viharati – iti rūpaṃ, iti rūpassa samudayo, iti rūpassa atthaṅgamo; iti vedanā… iti saññā… iti saṅkhārā… iti viññāṇaṃ, iti viññāṇassa samudayo, iti viññāṇassa atthaṅgamo’ti. Tassimesu pañcasu upādānakkhandhesu udayabbayānupassino viharato yopissa hoti pañcasu upādānakkhandhesu anusahagato ‘asmī’ti, māno ‘asmī’ti, chando ‘asmī’ti anusayo asamūhato, sopi samugghātaṃ gacchati.

    ‘‘เสยฺยถาปิ , อาวุโส, วตฺถํ สํกิลิฎฺฐํ มลคฺคหิตํฯ ตเมนํ สามิกา รชกสฺส อนุปทชฺชุํฯ ตเมนํ รชโก อูเส วา ขาเร วา โคมเย วา สมฺมทฺทิตฺวา อเจฺฉ อุทเก วิกฺขาเลติฯ กิญฺจาปิ ตํ โหติ วตฺถํ ปริสุทฺธํ ปริโยทาตํ, อถ ขฺวสฺส โหติ เยว อนุสหคโต อูสคโนฺธ วา ขารคโนฺธ วา โคมยคโนฺธ วา อสมูหโตฯ ตเมนํ รชโก สามิกานํ เทติฯ ตเมนํ สามิกา คนฺธปริภาวิเต กรณฺฑเก นิกฺขิปนฺติฯ โยปิสฺส โหติ อนุสหคโต อูสคโนฺธ วา ขารคโนฺธ วา โคมยคโนฺธ วา อสมูหโต, โสปิ สมุคฺฆาตํ คจฺฉติฯ เอวเมว โข, อาวุโส, กิญฺจาปิ อริยสาวกสฺส ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปหีนานิ ภวนฺติ, อถ ขฺวสฺส โหติ เยว ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อนุสหคโต ‘อสฺมี’ติ, มาโน ‘อสฺมี’ติ, ฉโนฺท ‘อสฺมี’ติ อนุสโย อสมูหโตฯ โส อปเรน สมเยน ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสี วิหรติฯ ‘อิติ รูปํ, อิติ รูปสฺส สมุทโย, อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม; อิติ เวทนา… อิติ สญฺญา… อิติ สงฺขารา… อิติ วิญฺญาณํ, อิติ วิญฺญาณสฺส สมุทโย, อิติ วิญฺญาณสฺส อตฺถงฺคโม’ติฯ ตสฺส อิเมสุ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสิโน วิหรโต โยปิสฺส โหติ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ อนุสหคโต ‘อสฺมี’ติ, มาโน ‘อสฺมี’ติ, ฉโนฺท ‘อสฺมี’ติ อนุสโย อสมูหโต, โสปิ สมุคฺฆาตํ คจฺฉตี’’ติฯ

    ‘‘Seyyathāpi , āvuso, vatthaṃ saṃkiliṭṭhaṃ malaggahitaṃ. Tamenaṃ sāmikā rajakassa anupadajjuṃ. Tamenaṃ rajako ūse vā khāre vā gomaye vā sammadditvā acche udake vikkhāleti. Kiñcāpi taṃ hoti vatthaṃ parisuddhaṃ pariyodātaṃ, atha khvassa hoti yeva anusahagato ūsagandho vā khāragandho vā gomayagandho vā asamūhato. Tamenaṃ rajako sāmikānaṃ deti. Tamenaṃ sāmikā gandhaparibhāvite karaṇḍake nikkhipanti. Yopissa hoti anusahagato ūsagandho vā khāragandho vā gomayagandho vā asamūhato, sopi samugghātaṃ gacchati. Evameva kho, āvuso, kiñcāpi ariyasāvakassa pañcorambhāgiyāni saṃyojanāni pahīnāni bhavanti, atha khvassa hoti yeva pañcasu upādānakkhandhesu anusahagato ‘asmī’ti, māno ‘asmī’ti, chando ‘asmī’ti anusayo asamūhato. So aparena samayena pañcasu upādānakkhandhesu udayabbayānupassī viharati. ‘Iti rūpaṃ, iti rūpassa samudayo, iti rūpassa atthaṅgamo; iti vedanā… iti saññā… iti saṅkhārā… iti viññāṇaṃ, iti viññāṇassa samudayo, iti viññāṇassa atthaṅgamo’ti. Tassa imesu pañcasu upādānakkhandhesu udayabbayānupassino viharato yopissa hoti pañcasu upādānakkhandhesu anusahagato ‘asmī’ti, māno ‘asmī’ti, chando ‘asmī’ti anusayo asamūhato, sopi samugghātaṃ gacchatī’’ti.

    เอวํ วุเตฺต, เถรา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ เขมกํ เอตทโวจุํ – ‘‘น โข 3 มยํ อายสฺมนฺตํ เขมกํ วิเหสาเปขา ปุจฺฉิมฺห, อปิ จายสฺมา เขมโก ปโหสิ ตสฺส ภควโต สาสนํ วิตฺถาเรน อาจิกฺขิตุํ เทเสตุํ ปญฺญาเปตุํ ปฎฺฐเปตุํ วิวริตุํ วิภชิตุํ อุตฺตานีกาตุํฯ ตยิทํ อายสฺมตา เขมเกน ตสฺส ภควโต สาสนํ วิตฺถาเรน อาจิกฺขิตํ เทสิตํ ปญฺญาปิตํ ปฎฺฐปิตํ วิวริตํ วิภชิตํ อุตฺตานีกต’’นฺติฯ

    Evaṃ vutte, therā bhikkhū āyasmantaṃ khemakaṃ etadavocuṃ – ‘‘na kho 4 mayaṃ āyasmantaṃ khemakaṃ vihesāpekhā pucchimha, api cāyasmā khemako pahosi tassa bhagavato sāsanaṃ vitthārena ācikkhituṃ desetuṃ paññāpetuṃ paṭṭhapetuṃ vivarituṃ vibhajituṃ uttānīkātuṃ. Tayidaṃ āyasmatā khemakena tassa bhagavato sāsanaṃ vitthārena ācikkhitaṃ desitaṃ paññāpitaṃ paṭṭhapitaṃ vivaritaṃ vibhajitaṃ uttānīkata’’nti.

    อิทมโวจ อายสฺมา เขมโกฯ อตฺตมนา เถรา ภิกฺขู อายสฺมโต เขมกสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุํฯ อิมสฺมิญฺจ ปน เวยฺยากรณสฺมิํ ภญฺญมาเน สฎฺฐิมตฺตานํ เถรานํ ภิกฺขูนํ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจิํสุ, อายสฺมโต เขมกสฺส จาติฯ สตฺตมํฯ

    Idamavoca āyasmā khemako. Attamanā therā bhikkhū āyasmato khemakassa bhāsitaṃ abhinanduṃ. Imasmiñca pana veyyākaraṇasmiṃ bhaññamāne saṭṭhimattānaṃ therānaṃ bhikkhūnaṃ anupādāya āsavehi cittāni vimucciṃsu, āyasmato khemakassa cāti. Sattamaṃ.







    Footnotes:
    1. วณฺฑสฺส (กตฺถจิ)
    2. vaṇḍassa (katthaci)
    3. น โข ปน (ก.)
    4. na kho pana (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. เขมกสุตฺตวณฺณนา • 7. Khemakasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๗. เขมกสุตฺตวณฺณนา • 7. Khemakasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact