Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๓. เขมาเถรีคาถาวณฺณนา

    3. Khemātherīgāthāvaṇṇanā

    ทหรา ตฺวํ รูปวตีติอาทิกา เขมาย เถริยา คาถาฯ อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร ปราธีนวุตฺติกา ปเรสํ ทาสี อโหสิฯ สา ปเรสํ เวยฺยาวจฺจกรเณน ชีวิกํ กเปฺปนฺตี เอกทิวสํ ปทุมุตฺตรสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อคฺคสาวกํ สุชาตเตฺถรํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ตโย โมทเก ทตฺวา ตํทิวสเมว อตฺตโน เกเส วิสฺสเชฺชตฺวา เถรสฺส ทานํ ทตฺวา ‘‘อนาคเต มหาปญฺญา พุทฺธสฺส สาวิกา ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา ยาวชีวํ กุสลกเมฺม อปฺปมตฺตา หุตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรนฺตี อนุกฺกเมน ฉกามสเคฺค, เตสํ เตสํ เทวราชูนํ มเหสิภาเวน อุปปนฺนา, มนุสฺสโลเกปิ อเนกวารํ จกฺกวตฺตีนํ มณฺฑลราชูนญฺจ มเหสิภาวํ อุปคตา มหาสมฺปตฺติโย อนุภวิตฺวา วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล มนุสฺสโลเก อุปฺปชฺชิตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา, สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสํเวคา ปพฺพชิตฺวา ทสวสฺสสหสฺสานิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตี พหุสฺสุตา ธมฺมกถิกา หุตฺวา พหุชนสฺส ธมฺมกถนาทินา ปญฺญาสํวตฺตนิยกมฺมํ กตฺวา ตโต จวิตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺตี อิมสฺมิํ กเปฺป ภควโต จ กกุสนฺธสฺส ภควโต จ โกณาคมนสฺส กาเล วิภวสมฺปเนฺน กุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา มหนฺตํ สงฺฆารามํ กาเรตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาเทสิฯ

    Daharā tvaṃ rūpavatītiādikā khemāya theriyā gāthā. Ayaṃ kira padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare parādhīnavuttikā paresaṃ dāsī ahosi. Sā paresaṃ veyyāvaccakaraṇena jīvikaṃ kappentī ekadivasaṃ padumuttarassa sammāsambuddhassa aggasāvakaṃ sujātattheraṃ piṇḍāya carantaṃ disvā tayo modake datvā taṃdivasameva attano kese vissajjetvā therassa dānaṃ datvā ‘‘anāgate mahāpaññā buddhassa sāvikā bhaveyya’’nti patthanaṃ katvā yāvajīvaṃ kusalakamme appamattā hutvā devamanussesu saṃsarantī anukkamena chakāmasagge, tesaṃ tesaṃ devarājūnaṃ mahesibhāvena upapannā, manussalokepi anekavāraṃ cakkavattīnaṃ maṇḍalarājūnañca mahesibhāvaṃ upagatā mahāsampattiyo anubhavitvā vipassissa bhagavato kāle manussaloke uppajjitvā viññutaṃ patvā, satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaṃvegā pabbajitvā dasavassasahassāni brahmacariyaṃ carantī bahussutā dhammakathikā hutvā bahujanassa dhammakathanādinā paññāsaṃvattaniyakammaṃ katvā tato cavitvā sugatīsuyeva saṃsarantī imasmiṃ kappe bhagavato ca kakusandhassa bhagavato ca koṇāgamanassa kāle vibhavasampanne kule nibbattitvā viññutaṃ patvā mahantaṃ saṅghārāmaṃ kāretvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa niyyādesi.

    ภควโต ปน กสฺสปทสพลสฺส กาเล กิกิสฺส กาสิรโญฺญ สพฺพเชฎฺฐิกา สมณี นาม ธีตา หุตฺวา, สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสํเวคา อคาเรเยว ฐิตา, วีสติ วสฺสสหสฺสานิ โกมาริพฺรหฺมจริยํ จรนฺตี สมณคุตฺตาทีหิ อตฺตโน ภคินีหิ สทฺธิํ รมณียํ ปริเวณํ กาเรตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาเทสิฯ เอวเมว ตตฺถ ตตฺถ ภเว อายตนคตํ อุฬารํ ปุญฺญกมฺมํ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสริตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท มทฺทรเฎฺฐ สากลนคเร ราชกุเล นิพฺพตฺติฯ เขมาติสฺสา นามํ อโหสิ, สุวณฺณวณฺณา กญฺจนสนฺนิภตฺตจาฯ สา วยปฺปตฺตา พิมฺพิสารรโญฺญ เคหํ คตาฯ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรเนฺต รูปมตฺตา หุตฺวา ‘‘รูเป โทสํ ทเสฺสตี’’ติ สตฺถุ ทสฺสนาย น คจฺฉติฯ

    Bhagavato pana kassapadasabalassa kāle kikissa kāsirañño sabbajeṭṭhikā samaṇī nāma dhītā hutvā, satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaṃvegā agāreyeva ṭhitā, vīsati vassasahassāni komāribrahmacariyaṃ carantī samaṇaguttādīhi attano bhaginīhi saddhiṃ ramaṇīyaṃ pariveṇaṃ kāretvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa niyyādesi. Evameva tattha tattha bhave āyatanagataṃ uḷāraṃ puññakammaṃ katvā sugatīsuyeva saṃsaritvā imasmiṃ buddhuppāde maddaraṭṭhe sākalanagare rājakule nibbatti. Khemātissā nāmaṃ ahosi, suvaṇṇavaṇṇā kañcanasannibhattacā. Sā vayappattā bimbisārarañño gehaṃ gatā. Satthari veḷuvane viharante rūpamattā hutvā ‘‘rūpe dosaṃ dassetī’’ti satthu dassanāya na gacchati.

    ราชา มนุเสฺสหิ เวฬุวนสฺส วเณฺณ ปกาสาเปตฺวา เทวิยา วิหารทสฺสนาย จิตฺตํ อุปฺปาเทสิฯ อถ เทวี ‘‘วิหารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ราชานํ ปฎิปุจฺฉิฯ ราชา ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อทิสฺวา อาคนฺตุํ น ลภิสฺสสี’’ติ วตฺวา ปุริสานํ สญฺญํ อทาสิ – ‘‘พลกฺกาเรนปิ เทวิํ ทสพลํ ทเสฺสถา’’ติฯ เทวี วิหารํ คนฺตฺวา ทิวสภาคํ เขเปตฺวา นิวเตฺตนฺตี สตฺถารํ อทิสฺวาว คนฺตุํ อารทฺธาฯ อถ นํ ราชปุริสา อนิจฺฉนฺติมฺปิ สตฺถุ สนฺติกํ นยิํสุฯ สตฺถา ตํ อาคจฺฉนฺติํ ทิสฺวา อิทฺธิยา เทวจฺฉราสทิสํ อิตฺถิํ นิมฺมินิตฺวา ตาลปณฺณํ คเหตฺวา พีชยมานํ อกาสิฯ เขมา เทวี ตํ ทิสฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘เอวรูปา นาม เทวจฺฉรปฎิภาคา อิตฺถิโย ภควโต อวิทูเร ติฎฺฐนฺติ, อหํ เอตาสํ ปริจาริกตายปิ นปฺปโหมิ, มนมฺปิ นิกฺการณา ปาปจิตฺตสฺส วเสน นฎฺฐา’’ติ นิมิตฺตํ คเหตฺวา ตเมว อิตฺถิํ โอโลกยมานา อฎฺฐาสิฯ อถสฺสา ปสฺสนฺติยาว สตฺถุ อธิฎฺฐานพเลน สา อิตฺถี ปฐมวยํ อติกฺกมฺม มชฺฌิมวยมฺปิ อติกฺกมฺม ปจฺฉิมวยํ ปตฺวา ขณฺฑทนฺตา ปลิตเกสา วลิตฺตจา หุตฺวา สทฺธิํ ตาลปเณฺณน ปริวตฺติตฺวา ปติ ฯ ตโต เขมา กตาธิการตฺตา เอวํ จิเนฺตสิ – ‘‘เอวํวิธมฺปิ สรีรํ อีทิสํ วิปตฺติํ ปาปุณิ, มยฺหมฺปิ สรีรํ เอวํคติกเมว ภวิสฺสตี’’ติฯ อถสฺสา จิตฺตาจารํ ญตฺวา สตฺถา –

    Rājā manussehi veḷuvanassa vaṇṇe pakāsāpetvā deviyā vihāradassanāya cittaṃ uppādesi. Atha devī ‘‘vihāraṃ passissāmī’’ti rājānaṃ paṭipucchi. Rājā ‘‘vihāraṃ gantvā satthāraṃ adisvā āgantuṃ na labhissasī’’ti vatvā purisānaṃ saññaṃ adāsi – ‘‘balakkārenapi deviṃ dasabalaṃ dassethā’’ti. Devī vihāraṃ gantvā divasabhāgaṃ khepetvā nivattentī satthāraṃ adisvāva gantuṃ āraddhā. Atha naṃ rājapurisā anicchantimpi satthu santikaṃ nayiṃsu. Satthā taṃ āgacchantiṃ disvā iddhiyā devaccharāsadisaṃ itthiṃ nimminitvā tālapaṇṇaṃ gahetvā bījayamānaṃ akāsi. Khemā devī taṃ disvā cintesi – ‘‘evarūpā nāma devaccharapaṭibhāgā itthiyo bhagavato avidūre tiṭṭhanti, ahaṃ etāsaṃ paricārikatāyapi nappahomi, manampi nikkāraṇā pāpacittassa vasena naṭṭhā’’ti nimittaṃ gahetvā tameva itthiṃ olokayamānā aṭṭhāsi. Athassā passantiyāva satthu adhiṭṭhānabalena sā itthī paṭhamavayaṃ atikkamma majjhimavayampi atikkamma pacchimavayaṃ patvā khaṇḍadantā palitakesā valittacā hutvā saddhiṃ tālapaṇṇena parivattitvā pati . Tato khemā katādhikārattā evaṃ cintesi – ‘‘evaṃvidhampi sarīraṃ īdisaṃ vipattiṃ pāpuṇi, mayhampi sarīraṃ evaṃgatikameva bhavissatī’’ti. Athassā cittācāraṃ ñatvā satthā –

    ‘‘เย ราครตฺตานุปตนฺติ โสตํ, สยํ กตํ มกฺกฎโกว ชาลํ;

    ‘‘Ye rāgarattānupatanti sotaṃ, sayaṃ kataṃ makkaṭakova jālaṃ;

    เอตมฺปิ เฉตฺวาน ปริพฺพชนฺติ, อนเปกฺขิโน กามสุขํ ปหายา’’ติฯ –

    Etampi chetvāna paribbajanti, anapekkhino kāmasukhaṃ pahāyā’’ti. –

    คาถมาห ฯ สา คาถาปริโยสาเน สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณีติ อฎฺฐกถาสุ อาคตํฯ อปทาเน ปน ‘‘อิมํ คาถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐิตา ราชานํ อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณี’’ติ อาคตํฯ ตตฺถายํ อปทานปาฬิ (อป. เถรี ๒.๒.๒๘๙-๓๘๓) –

    Gāthamāha . Sā gāthāpariyosāne saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇīti aṭṭhakathāsu āgataṃ. Apadāne pana ‘‘imaṃ gāthaṃ sutvā sotāpattiphale patiṭṭhitā rājānaṃ anujānāpetvā pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇī’’ti āgataṃ. Tatthāyaṃ apadānapāḷi (apa. therī 2.2.289-383) –

    ‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธเมฺมสุ จกฺขุมา;

    ‘‘Padumuttaro nāma jino, sabbadhammesu cakkhumā;

    อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กเปฺป อุปฺปชฺชิ นายโกฯ

    Ito satasahassamhi, kappe uppajji nāyako.

    ‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, ชาตา เสฎฺฐิกุเล อหุํ;

    ‘‘Tadāhaṃ haṃsavatiyaṃ, jātā seṭṭhikule ahuṃ;

    นานารตนปโชฺชเต, มหาสุขสมปฺปิตาฯ

    Nānāratanapajjote, mahāsukhasamappitā.

    ‘‘อุเปตฺวา ตํ มหาวีรํ, อโสฺสสิํ ธมฺมเทสนํ;

    ‘‘Upetvā taṃ mahāvīraṃ, assosiṃ dhammadesanaṃ;

    ตโต ชาตปฺปสาทาหํ, อุเปมิ สรณํ ชินํฯ

    Tato jātappasādāhaṃ, upemi saraṇaṃ jinaṃ.

    ‘‘มาตรํ ปิตรํ จาหํ, อายาจิตฺวา วินายกํ;

    ‘‘Mātaraṃ pitaraṃ cāhaṃ, āyācitvā vināyakaṃ;

    นิมนฺตยิตฺวา สตฺตาหํ, โภชยิํ สหสาวกํฯ

    Nimantayitvā sattāhaṃ, bhojayiṃ sahasāvakaṃ.

    ‘‘อติกฺกเนฺต จ สตฺตาเห, มหาปญฺญานมุตฺตมํ;

    ‘‘Atikkante ca sattāhe, mahāpaññānamuttamaṃ;

    ภิกฺขุนิํ เอตทคฺคมฺหิ, ฐเปสิ นรสารถิฯ

    Bhikkhuniṃ etadaggamhi, ṭhapesi narasārathi.

    ‘‘ตํ สุตฺวา มุทิตา หุตฺวา, ปุโน ตสฺส มเหสิโน;

    ‘‘Taṃ sutvā muditā hutvā, puno tassa mahesino;

    การํ กตฺวาน ตํ ฐานํ, ปณิปจฺจ ปณีทหิํฯ

    Kāraṃ katvāna taṃ ṭhānaṃ, paṇipacca paṇīdahiṃ.

    ‘‘ตโต มม ชิโน อาห, สิชฺฌตํ ปณิธี ตว;

    ‘‘Tato mama jino āha, sijjhataṃ paṇidhī tava;

    สสเงฺฆ เม กตํ การํ, อปฺปเมยฺยผลํ ตยาฯ

    Sasaṅghe me kataṃ kāraṃ, appameyyaphalaṃ tayā.

    ‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Satasahassito kappe, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาทา, โอรสา ธมฺมนิมฺมิตา;

    ‘‘Tassa dhammesu dāyādā, orasā dhammanimmitā;

    เอตทคฺคมนุปฺปตฺตา, เขมา นาม ภวิสฺสติฯ

    Etadaggamanuppattā, khemā nāma bhavissati.

    ‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสูปคา อหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsūpagā ahaṃ.

    ‘‘ตโต จุตา ยามมคํ, ตโตหํ ตุสิตํ คตา;

    ‘‘Tato cutā yāmamagaṃ, tatohaṃ tusitaṃ gatā;

    ตโต จ นิมฺมานรติํ, วสวตฺติปุรํ ตโตฯ

    Tato ca nimmānaratiṃ, vasavattipuraṃ tato.

    ‘‘ยตฺถ ยตฺถูปปชฺชามิ, ตสฺส กมฺมสฺส วาหสา;

    ‘‘Yattha yatthūpapajjāmi, tassa kammassa vāhasā;

    ตตฺถ ตเตฺถว ราชูนํ, มเหสิตฺตมการยิํฯ

    Tattha tattheva rājūnaṃ, mahesittamakārayiṃ.

    ‘‘ตโต จุตา มนุสฺสเตฺต, ราชูนํ จกฺกวตฺตินํ;

    ‘‘Tato cutā manussatte, rājūnaṃ cakkavattinaṃ;

    มณฺฑลีนญฺจ ราชูนํ, มเหสิตฺตมการยิํฯ

    Maṇḍalīnañca rājūnaṃ, mahesittamakārayiṃ.

    ‘‘สมฺปตฺติํ อนุโภตฺวาน, เทเวสุ มนุเชสุ จ;

    ‘‘Sampattiṃ anubhotvāna, devesu manujesu ca;

    สพฺพตฺถ สุขิตา หุตฺวา, เนกกเปฺปสุ สํสริํฯ

    Sabbattha sukhitā hutvā, nekakappesu saṃsariṃ.

    ‘‘เอกนวุติโต กเปฺป, วิปสฺสี โลกนายโก;

    ‘‘Ekanavutito kappe, vipassī lokanāyako;

    อุปฺปชฺชิ จารุทสฺสโน, สพฺพธมฺมวิปสฺสโกฯ

    Uppajji cārudassano, sabbadhammavipassako.

    ‘‘ตมหํ โลกนายกํ, อุเปตฺวา นรสารถิํ;

    ‘‘Tamahaṃ lokanāyakaṃ, upetvā narasārathiṃ;

    ธมฺมํ ภณิตํ สุตฺวาน, ปพฺพชิํ อนคาริยํฯ

    Dhammaṃ bhaṇitaṃ sutvāna, pabbajiṃ anagāriyaṃ.

    ‘‘ทสวสฺสสหสฺสานิ, ตสฺส วีรสฺส สาสเน;

    ‘‘Dasavassasahassāni, tassa vīrassa sāsane;

    พฺรหฺมจริยํ จริตฺวาน, ยุตฺตโยคา พหุสฺสุตาฯ

    Brahmacariyaṃ caritvāna, yuttayogā bahussutā.

    ‘‘ปจฺจยาการกุสลา, จตุสจฺจวิสารทา;

    ‘‘Paccayākārakusalā, catusaccavisāradā;

    นิปุณา จิตฺตกถิกา, สตฺถุสาสนการิกาฯ

    Nipuṇā cittakathikā, satthusāsanakārikā.

    ‘‘ตโต จุตาหํ ตุสิตํ, อุปปนฺนา ยสสฺสินี;

    ‘‘Tato cutāhaṃ tusitaṃ, upapannā yasassinī;

    อภิโภมิ ตหิํ อเญฺญ, พฺรหฺมจารีผเลนหํฯ

    Abhibhomi tahiṃ aññe, brahmacārīphalenahaṃ.

    ‘‘ยตฺถ ยตฺถูปปนฺนาหํ, มหาโภคา มหทฺธนา;

    ‘‘Yattha yatthūpapannāhaṃ, mahābhogā mahaddhanā;

    เมธาวินี สีลวตี, วินีตปริสาปิ จฯ

    Medhāvinī sīlavatī, vinītaparisāpi ca.

    ‘‘ภวามิ เตน กเมฺมน, โยเคน ชินสาสเน;

    ‘‘Bhavāmi tena kammena, yogena jinasāsane;

    สพฺพา สมฺปตฺติโย มยฺหํ, สุลภา มนโส ปิยาฯ

    Sabbā sampattiyo mayhaṃ, sulabhā manaso piyā.

    ‘‘โยปิ เม ภวเต ภตฺตา, ยตฺถ ยตฺถ คตายปิ;

    ‘‘Yopi me bhavate bhattā, yattha yattha gatāyapi;

    วิมาเนติ น มํ โกจิ, ปฎิปตฺติพเลน เมฯ

    Vimāneti na maṃ koci, paṭipattibalena me.

    ‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กเปฺป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;

    ‘‘Imamhi bhaddake kappe, brahmabandhu mahāyaso;

    นาเมน โกณาคมโน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโรฯ

    Nāmena koṇāgamano, uppajji vadataṃ varo.

    ‘‘ตทา หิ พาราณสิยํ, สุสมิทฺธกุลปฺปชา;

    ‘‘Tadā hi bārāṇasiyaṃ, susamiddhakulappajā;

    ธนญฺชานี สุเมธา จ, อหมฺปิ จ ตโย ชนาฯ

    Dhanañjānī sumedhā ca, ahampi ca tayo janā.

    ‘‘สงฺฆารามมทาสิมฺห, ทานสหายิกา ปุเร;

    ‘‘Saṅghārāmamadāsimha, dānasahāyikā pure;

    สงฺฆสฺส จ วิหารมฺปิ, อุทฺทิสฺส การิกา มยํฯ

    Saṅghassa ca vihārampi, uddissa kārikā mayaṃ.

    ‘‘ตโต จุตา มยํ สพฺพา, ตาวติํสูปคา อหุํ;

    ‘‘Tato cutā mayaṃ sabbā, tāvatiṃsūpagā ahuṃ;

    ยสสา อคฺคตํ ปตฺตา, มนุเสฺสสุ ตเถว จฯ

    Yasasā aggataṃ pattā, manussesu tatheva ca.

    ‘‘อิมสฺมิํเยว กปฺปมฺหิ, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;

    ‘‘Imasmiṃyeva kappamhi, brahmabandhu mahāyaso;

    กสฺสโป นาม โคเตฺตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโรฯ

    Kassapo nāma gottena, uppajji vadataṃ varo.

    ‘‘อุปฎฺฐาโก มเหสิสฺส, ตทา อาสิ นริสฺสโร;

    ‘‘Upaṭṭhāko mahesissa, tadā āsi narissaro;

    กาสิราชา กิกี นาม, พาราณสิปุรุตฺตเมฯ

    Kāsirājā kikī nāma, bārāṇasipuruttame.

    ‘‘ตสฺสาสิํ เชฎฺฐิกา ธีตา, สมณี อิติ วิสฺสุตา;

    ‘‘Tassāsiṃ jeṭṭhikā dhītā, samaṇī iti vissutā;

    ธมฺมํ สุตฺวา ชินคฺคสฺส, ปพฺพชฺชํ สมโรจยิํฯ

    Dhammaṃ sutvā jinaggassa, pabbajjaṃ samarocayiṃ.

    ‘‘อนุชานิ น โน ตาโต, อคาเรว ตทา มยํ;

    ‘‘Anujāni na no tāto, agāreva tadā mayaṃ;

    วีสวสฺสสหสฺสานิ, วิจริมฺห อตนฺทิตาฯ

    Vīsavassasahassāni, vicarimha atanditā.

    ‘‘โกมาริพฺรหฺมจริยํ, ราชกญฺญา สุเขธิตา;

    ‘‘Komāribrahmacariyaṃ, rājakaññā sukhedhitā;

    พุโทฺธปฎฺฐานนิรตา, มุทิตา สตฺต ธีตโรฯ

    Buddhopaṭṭhānaniratā, muditā satta dhītaro.

    ‘‘สมณี สมณคุตฺตา จ, ภิกฺขุนี ภิกฺขุทายิกา;

    ‘‘Samaṇī samaṇaguttā ca, bhikkhunī bhikkhudāyikā;

    ธมฺมา เจว สุธมฺมา จ, สตฺตมี สงฺฆทายิกาฯ

    Dhammā ceva sudhammā ca, sattamī saṅghadāyikā.

    ‘‘อหํ อุปฺปลวณฺณา จ, ปฎาจารา จ กุณฺฑลา;

    ‘‘Ahaṃ uppalavaṇṇā ca, paṭācārā ca kuṇḍalā;

    กิสาโคตมี ธมฺมทินฺนา, วิสาขา โหติ สตฺตมีฯ

    Kisāgotamī dhammadinnā, visākhā hoti sattamī.

    ‘‘กทาจิ โส นราทิโจฺจ, ธมฺมํ เทเสสิ อพฺภุตํ;

    ‘‘Kadāci so narādicco, dhammaṃ desesi abbhutaṃ;

    มหานิทานสุตฺตนฺตํ, สุตฺวา ตํ ปริยาปุณิํฯ

    Mahānidānasuttantaṃ, sutvā taṃ pariyāpuṇiṃ.

    ‘‘เตหิ กเมฺมหิ สุกเตหิ, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tehi kammehi sukatehi, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.

    ‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, สากลาย ปุรุตฺตเม;

    ‘‘Pacchime ca bhave dāni, sākalāya puruttame;

    รโญฺญ มทฺทสฺส ธีตามฺหิ, มนาปา ทยิตา ปิยาฯ

    Rañño maddassa dhītāmhi, manāpā dayitā piyā.

    ‘‘สห เม ชาตมตฺตมฺหิ, เขมํ ตมฺหิ ปุเร อหุ;

    ‘‘Saha me jātamattamhi, khemaṃ tamhi pure ahu;

    ตโต เขมาติ นามํ เม, คุณโต อุปปชฺชถฯ

    Tato khemāti nāmaṃ me, guṇato upapajjatha.

    ‘‘ยทาหํ โยพฺพนํ ปตฺตา, รูปลาวญฺญภูสิตา;

    ‘‘Yadāhaṃ yobbanaṃ pattā, rūpalāvaññabhūsitā;

    ตทา อทาสิ มํ ตาโต, พิมฺพิสารสฺส ราชิโนฯ

    Tadā adāsi maṃ tāto, bimbisārassa rājino.

    ‘‘ตสฺสาหํ สุปฺปิยา อาสิํ, รูปเกลายเน รตา;

    ‘‘Tassāhaṃ suppiyā āsiṃ, rūpakelāyane ratā;

    รูปานํ โทสวาทีติ, น อุเปสิํ มหาทยํฯ

    Rūpānaṃ dosavādīti, na upesiṃ mahādayaṃ.

    ‘‘พิมฺพิสาโร ตทา ราชา, มมานุคฺคหพุทฺธิยา;

    ‘‘Bimbisāro tadā rājā, mamānuggahabuddhiyā;

    วณฺณยิตฺวา เวฬุวนํ, คายเก คาปยี มมํฯ

    Vaṇṇayitvā veḷuvanaṃ, gāyake gāpayī mamaṃ.

    ‘‘รมฺมํ เวฬุวนํ เยน, น ทิฎฺฐํ สุคตาลยํ;

    ‘‘Rammaṃ veḷuvanaṃ yena, na diṭṭhaṃ sugatālayaṃ;

    น เตน นนฺทนํ ทิฎฺฐํ, อิติ มญฺญามเส มยํฯ

    Na tena nandanaṃ diṭṭhaṃ, iti maññāmase mayaṃ.

    ‘‘เยน เวฬุวนํ ทิฎฺฐํ, นรนนฺทนนนฺทนํ;

    ‘‘Yena veḷuvanaṃ diṭṭhaṃ, naranandananandanaṃ;

    สุทิฎฺฐํ นนฺทนํ เตน, อมรินฺทสุนนฺทนํฯ

    Sudiṭṭhaṃ nandanaṃ tena, amarindasunandanaṃ.

    ‘‘วิหาย นนฺทนํ เทวา, โอตริตฺวา มหีตลํ;

    ‘‘Vihāya nandanaṃ devā, otaritvā mahītalaṃ;

    รมฺมํ เวฬุวนํ ทิสฺวา, น ตปฺปนฺติ สุวิมฺหิตาฯ

    Rammaṃ veḷuvanaṃ disvā, na tappanti suvimhitā.

    ‘‘ราชปุเญฺญน นิพฺพตฺตํ, พุทฺธปุเญฺญน ภูสิตํ;

    ‘‘Rājapuññena nibbattaṃ, buddhapuññena bhūsitaṃ;

    โก วตฺตา ตสฺส นิเสฺสสํ, วนสฺส คุณสญฺจยํฯ

    Ko vattā tassa nissesaṃ, vanassa guṇasañcayaṃ.

    ‘‘ตํ สุตฺวา วนสมิทฺธํ, มม โสตมโนหรํ;

    ‘‘Taṃ sutvā vanasamiddhaṃ, mama sotamanoharaṃ;

    ทฎฺฐุกามา ตมุยฺยานํ, รโญฺญ อาโรจยิํ ตทาฯ

    Daṭṭhukāmā tamuyyānaṃ, rañño ārocayiṃ tadā.

    ‘‘มหตา ปริวาเรน, ตทา จ โส มหีปติ;

    ‘‘Mahatā parivārena, tadā ca so mahīpati;

    มํ เปเสสิ ตมุยฺยานํ, ทสฺสนาย สมุสฺสุกํฯ

    Maṃ pesesi tamuyyānaṃ, dassanāya samussukaṃ.

    ‘‘คจฺฉ ปสฺส มหาโภเค, วนํ เนตฺตรสายนํ;

    ‘‘Gaccha passa mahābhoge, vanaṃ nettarasāyanaṃ;

    ยํ สทา ภาติ สิริยา, สุคตาภานุรญฺชิตํฯ

    Yaṃ sadā bhāti siriyā, sugatābhānurañjitaṃ.

    ‘‘ยทา จ ปิณฺฑาย มุนิ, คิริพฺพชปุรุตฺตมํ;

    ‘‘Yadā ca piṇḍāya muni, giribbajapuruttamaṃ;

    ปวิโฎฺฐหํ ตทาเยว, วนํ ทฎฺฐุมุปาคมิํฯ

    Paviṭṭhohaṃ tadāyeva, vanaṃ daṭṭhumupāgamiṃ.

    ‘‘ตทา ตํ ผุลฺลวิปินํ, นานาภมรกูชิตํ;

    ‘‘Tadā taṃ phullavipinaṃ, nānābhamarakūjitaṃ;

    โกกิลาคีตสหิตํ, มยูรคณนจฺจิตํฯ

    Kokilāgītasahitaṃ, mayūragaṇanaccitaṃ.

    ‘‘อปฺปสทฺทมนากิณฺณํ, นานาจงฺกมภูสิตํ;

    ‘‘Appasaddamanākiṇṇaṃ, nānācaṅkamabhūsitaṃ;

    กุฎิมณฺฑปสํกิณฺณํ, โยคีวรวิราชิตํฯ

    Kuṭimaṇḍapasaṃkiṇṇaṃ, yogīvaravirājitaṃ.

    ‘‘วิจรนฺตี อมญฺญิสฺสํ, สผลํ นยนํ มม;

    ‘‘Vicarantī amaññissaṃ, saphalaṃ nayanaṃ mama;

    ตตฺถาปิ ตรุณํ ภิกฺขุํ, ยุตฺตํ ทิสฺวา วิจินฺตยิํฯ

    Tatthāpi taruṇaṃ bhikkhuṃ, yuttaṃ disvā vicintayiṃ.

    ‘‘อีทิเส วิปิเน รเมฺม, ฐิโตยํ นวโยพฺพเน;

    ‘‘Īdise vipine ramme, ṭhitoyaṃ navayobbane;

    วสนฺตมิว กเนฺตน, รูเปน จ สมนฺวิโตฯ

    Vasantamiva kantena, rūpena ca samanvito.

    ‘‘นิสิโนฺน รุกฺขมูลมฺหิ, มุโณฺฑ สงฺฆาฎิปารุโต;

    ‘‘Nisinno rukkhamūlamhi, muṇḍo saṅghāṭipāruto;

    ฌายเต วตยํ ภิกฺขุ, หิตฺวา วิสยชํ รติํฯ

    Jhāyate vatayaṃ bhikkhu, hitvā visayajaṃ ratiṃ.

    ‘‘นนุ นาม คหเฎฺฐน, กามํ ภุตฺวา ยถาสุขํ;

    ‘‘Nanu nāma gahaṭṭhena, kāmaṃ bhutvā yathāsukhaṃ;

    ปจฺฉา ชิเณฺณน ธโมฺมยํ, จริตโพฺพ สุภทฺทโกฯ

    Pacchā jiṇṇena dhammoyaṃ, caritabbo subhaddako.

    ‘‘สุญฺญกนฺติ วิทิตฺวาน, คนฺธเคหํ ชินาลยํ;

    ‘‘Suññakanti viditvāna, gandhagehaṃ jinālayaṃ;

    อุเปตฺวา ชินมทฺทกฺขํ, อุทยนฺตํ ว ภากรํฯ

    Upetvā jinamaddakkhaṃ, udayantaṃ va bhākaraṃ.

    ‘‘เอกกํ สุขมาสีนํ, พีชมานํ วริตฺถิยา;

    ‘‘Ekakaṃ sukhamāsīnaṃ, bījamānaṃ varitthiyā;

    ทิสฺวาเนวํ วิจิเนฺตสิํ, นายํ ลูโข นราสโภฯ

    Disvānevaṃ vicintesiṃ, nāyaṃ lūkho narāsabho.

    ‘‘สา กญฺญา กนกาภาสา, ปทุมานนโลจนา;

    ‘‘Sā kaññā kanakābhāsā, padumānanalocanā;

    พิโมฺพฎฺฐี กุนฺททสนา, มโนเนตฺตรสายนาฯ

    Bimboṭṭhī kundadasanā, manonettarasāyanā.

    ‘‘เหมโทลาภสวนา, กลิกาการสุตฺถนี;

    ‘‘Hemadolābhasavanā, kalikākārasutthanī;

    เวทิมชฺฌาว สุโสฺสณี, รโมฺภรุ จารุภูสนาฯ

    Vedimajjhāva sussoṇī, rambhoru cārubhūsanā.

    ‘‘รตฺตํสกุปสํพฺยานา , นีลมฎฺฐนิวาสนา;

    ‘‘Rattaṃsakupasaṃbyānā , nīlamaṭṭhanivāsanā;

    อตปฺปเนยฺยรูเปน, หาสภาวสมนฺวิตาฯ

    Atappaneyyarūpena, hāsabhāvasamanvitā.

    ‘‘ทิสฺวา ตเมวํ จิเนฺตสิํ, อโหยมภิรูปินี;

    ‘‘Disvā tamevaṃ cintesiṃ, ahoyamabhirūpinī;

    น มยาเนน เนเตฺตน, ทิฎฺฐปุพฺพา กุทาจนํฯ

    Na mayānena nettena, diṭṭhapubbā kudācanaṃ.

    ‘‘ตโต ชราภิภูตา สา, วิวณฺณา วิกตานนา;

    ‘‘Tato jarābhibhūtā sā, vivaṇṇā vikatānanā;

    ภินฺนทนฺตา เสตสิรา, สลาลา วทนาสุจิฯ

    Bhinnadantā setasirā, salālā vadanāsuci.

    ‘‘สํขิตฺตกณฺณา เสตกฺขี, ลมฺพาสุภปโยธรา;

    ‘‘Saṃkhittakaṇṇā setakkhī, lambāsubhapayodharā;

    วลิวิตตสพฺพงฺคี, สิราวิตตเทหินีฯ

    Valivitatasabbaṅgī, sirāvitatadehinī.

    ‘‘นตงฺคา ทณฺฑทุติยา, อุปฺผาสุลิกตา กิสา;

    ‘‘Nataṅgā daṇḍadutiyā, upphāsulikatā kisā;

    ปเวธมานา ปติตา, นิสฺสสนฺตี มุหุํ มุหุํฯ

    Pavedhamānā patitā, nissasantī muhuṃ muhuṃ.

    ‘‘ตโต เม อาสิ สํเวโค, อพฺภุโต โลมหํสโน;

    ‘‘Tato me āsi saṃvego, abbhuto lomahaṃsano;

    ธิรตฺถุ รูปํ อสุจิํ, รมเนฺต ยตฺถ พาลิสาฯ

    Dhiratthu rūpaṃ asuciṃ, ramante yattha bālisā.

    ‘‘ตทา มหาการุณิโก, ทิสฺวา สํวิคฺคมานสํ;

    ‘‘Tadā mahākāruṇiko, disvā saṃviggamānasaṃ;

    อุทคฺคจิโตฺต สุคโต, อิมา คาถา อภาสถฯ

    Udaggacitto sugato, imā gāthā abhāsatha.

    ‘‘อาตุรํ อสุจิํ ปูติํ, ปสฺส เขเม สมุสฺสยํ;

    ‘‘Āturaṃ asuciṃ pūtiṃ, passa kheme samussayaṃ;

    อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ, พาลานํ อภินนฺทิตํฯ

    Uggharantaṃ paggharantaṃ, bālānaṃ abhinanditaṃ.

    ‘‘อสุภาย จิตฺตํ ภาเวหิ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ;

    ‘‘Asubhāya cittaṃ bhāvehi, ekaggaṃ susamāhitaṃ;

    สติ กายคตา ตฺยตฺถุ, นิพฺพิทา พหุลา ภวฯ

    Sati kāyagatā tyatthu, nibbidā bahulā bhava.

    ‘‘ยถา อิทํ ตถา เอตํ, ยถา เอตํ ตถา อิทํ;

    ‘‘Yathā idaṃ tathā etaṃ, yathā etaṃ tathā idaṃ;

    อชฺฌตฺตญฺจ พหิทฺธา จ, กาเย ฉนฺทํ วิราชยฯ

    Ajjhattañca bahiddhā ca, kāye chandaṃ virājaya.

    ‘‘อนิมิตฺตญฺจ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชห;

    ‘‘Animittañca bhāvehi, mānānusayamujjaha;

    ตโต มานาภิสมยา, อุปสนฺตา จริสฺสสิฯ

    Tato mānābhisamayā, upasantā carissasi.

    ‘‘เย ราครตฺตานุปตนฺติ โสตํ, สยํ กตํ มกฺกฎโกว ชาลํ;

    ‘‘Ye rāgarattānupatanti sotaṃ, sayaṃ kataṃ makkaṭakova jālaṃ;

    เอตมฺปิ เฉตฺวาน ปริพฺพชนฺติ, อนเปกฺขิโน กามสุขํ ปหายฯ

    Etampi chetvāna paribbajanti, anapekkhino kāmasukhaṃ pahāya.

    ‘‘ตโต กลฺลิตจิตฺตํ มํ, ญตฺวาน นรสารถิ;

    ‘‘Tato kallitacittaṃ maṃ, ñatvāna narasārathi;

    มหานิทานํ เทเสสิ, สุตฺตนฺตํ วินยาย เมฯ

    Mahānidānaṃ desesi, suttantaṃ vinayāya me.

    ‘‘สุตฺวา สุตฺตนฺตเสฎฺฐํ ตํ, ปุพฺพสญฺญมนุสฺสริํ;

    ‘‘Sutvā suttantaseṭṭhaṃ taṃ, pubbasaññamanussariṃ;

    ตตฺถ ฐิตาวหํ สนฺตี, ธมฺมจกฺขุํ วิโสธยิํฯ

    Tattha ṭhitāvahaṃ santī, dhammacakkhuṃ visodhayiṃ.

    ‘‘นิปติตฺวา มเหสิสฺส, ปาทมูลมฺหิ ตาวเท;

    ‘‘Nipatitvā mahesissa, pādamūlamhi tāvade;

    อจฺจยํ เทสนตฺถาย, อิทํ วจนมพฺรวิํฯ

    Accayaṃ desanatthāya, idaṃ vacanamabraviṃ.

    ‘‘นโม เต สพฺพทสฺสาวิ, นโม เต กรุณากร;

    ‘‘Namo te sabbadassāvi, namo te karuṇākara;

    นโม เต ติณฺณสํสาร, นโม เต อมตํ ททฯ

    Namo te tiṇṇasaṃsāra, namo te amataṃ dada.

    ‘‘ทิฎฺฐิคหนปกฺขนฺทา, กามราควิโมหิตา;

    ‘‘Diṭṭhigahanapakkhandā, kāmarāgavimohitā;

    ตยา สมฺมา อุปาเยน, วินีตา วินเย รตาฯ

    Tayā sammā upāyena, vinītā vinaye ratā.

    ‘‘อทสฺสเนน วิโภคา, ตาทิสานํ มเหสินํ;

    ‘‘Adassanena vibhogā, tādisānaṃ mahesinaṃ;

    อนุโภนฺติ มหาทุกฺขํ, สตฺตา สํสารสาคเรฯ

    Anubhonti mahādukkhaṃ, sattā saṃsārasāgare.

    ‘‘ยทาหํ โลกสรณํ, อรณํ อรณนฺตคุํ;

    ‘‘Yadāhaṃ lokasaraṇaṃ, araṇaṃ araṇantaguṃ;

    นาทฺทสามิ อทูรฎฺฐํ, เทสยามิ ตมจฺจยํฯ

    Nāddasāmi adūraṭṭhaṃ, desayāmi tamaccayaṃ.

    ‘‘มหาหิตํ วรททํ, อหิโตติ วิสงฺกิตา;

    ‘‘Mahāhitaṃ varadadaṃ, ahitoti visaṅkitā;

    โนเปสิํ รูปนิรตา, เทสยามิ ตมจฺจยํฯ

    Nopesiṃ rūpaniratā, desayāmi tamaccayaṃ.

    ‘‘ตทา มธุรนิโคฺฆโส, มหาการุณิโก ชิโน;

    ‘‘Tadā madhuranigghoso, mahākāruṇiko jino;

    อโวจ ติฎฺฐ เขเมติ, สิญฺจโนฺต อมเตน มํฯ

    Avoca tiṭṭha khemeti, siñcanto amatena maṃ.

    ‘‘ตทา ปกมฺย สิรสา, กตฺวา จ นํ ปทกฺขิณํ;

    ‘‘Tadā pakamya sirasā, katvā ca naṃ padakkhiṇaṃ;

    คนฺตฺวา ทิสฺวา นรปติํ, อิทํ วจนมพฺรวิํฯ

    Gantvā disvā narapatiṃ, idaṃ vacanamabraviṃ.

    ‘‘อโห สมฺมา อุปาโย เต, จินฺติโตยมรินฺทม;

    ‘‘Aho sammā upāyo te, cintitoyamarindama;

    วนทสฺสนกามาย, ทิโฎฺฐ นิพฺพานโต มุนิฯ

    Vanadassanakāmāya, diṭṭho nibbānato muni.

    ‘‘ยทิ เต รุจฺจเต ราช, สาสเน ตสฺส ตาทิโน;

    ‘‘Yadi te ruccate rāja, sāsane tassa tādino;

    ปพฺพชิสฺสามิ รูเปหํ, นิพฺพินฺนา มุนิวาณินาฯ

    Pabbajissāmi rūpehaṃ, nibbinnā munivāṇinā.

    ‘‘อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวาน, ตทาห ส มหีปติ;

    ‘‘Añjaliṃ paggahetvāna, tadāha sa mahīpati;

    อนุชานามิ เต ภเทฺท, ปพฺพชฺชา ตว สิชฺฌตุฯ

    Anujānāmi te bhadde, pabbajjā tava sijjhatu.

    ‘‘ปพฺพชิตฺวา ตทา จาหํ, อทฺธมาเส อุปฎฺฐิเต;

    ‘‘Pabbajitvā tadā cāhaṃ, addhamāse upaṭṭhite;

    ทีโปทยญฺจ เภทญฺจ, ทิสฺวา สํวิคฺคมานสาฯ

    Dīpodayañca bhedañca, disvā saṃviggamānasā.

    ‘‘นิพฺพินฺนา สพฺพสงฺขาเร, ปจฺจยาการโกวิทา;

    ‘‘Nibbinnā sabbasaṅkhāre, paccayākārakovidā;

    จตุโรเฆ อติกฺกมฺม, อรหตฺตมปาปุณิํฯ

    Caturoghe atikkamma, arahattamapāpuṇiṃ.

    ‘‘อิทฺธีสุ จ วสี อาสิํ, ทิพฺพาย โสตธาตุยา;

    ‘‘Iddhīsu ca vasī āsiṃ, dibbāya sotadhātuyā;

    เจโตปริยญาณสฺส, วสี จาปิ ภวามหํฯ

    Cetopariyañāṇassa, vasī cāpi bhavāmahaṃ.

    ‘‘ปุเพฺพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;

    ‘‘Pubbenivāsaṃ jānāmi, dibbacakkhu visodhitaṃ;

    สพฺพาสวปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวฯ

    Sabbāsavaparikkhīṇā, natthi dāni punabbhavo.

    ‘‘อตฺถธมฺมนิรุตฺตีส, ปฎิภาเน ตเถว จ;

    ‘‘Atthadhammaniruttīsa, paṭibhāne tatheva ca;

    ปริสุทฺธํ มม ญาณํ, อุปฺปนฺนํ พุทฺธสาสเนฯ

    Parisuddhaṃ mama ñāṇaṃ, uppannaṃ buddhasāsane.

    ‘‘กุสลาหํ วิสุทฺธีสุ, กถาวตฺถุวิสารทา;

    ‘‘Kusalāhaṃ visuddhīsu, kathāvatthuvisāradā;

    อภิธมฺมนยญฺญู จ, วสิปฺปตฺตามฺหิ สาสเนฯ

    Abhidhammanayaññū ca, vasippattāmhi sāsane.

    ‘‘ตโต โตรณวตฺถุสฺมิํ, รญฺญา โกสลสามินา;

    ‘‘Tato toraṇavatthusmiṃ, raññā kosalasāminā;

    ปุจฺฉิตา นิปุเณ ปเญฺห, พฺยากโรนฺตี ยถาตถํฯ

    Pucchitā nipuṇe pañhe, byākarontī yathātathaṃ.

    ‘‘ตทา ส ราชา สุคตํ, อุปสงฺกมฺม ปุจฺฉถ;

    ‘‘Tadā sa rājā sugataṃ, upasaṅkamma pucchatha;

    ตเถว พุโทฺธ พฺยากาสิ, ยถา เต พฺยากตา มยาฯ

    Tatheva buddho byākāsi, yathā te byākatā mayā.

    ‘‘ชิโน ตสฺมิํ คุเณ ตุโฎฺฐ, เอตทเคฺค ฐเปสิ มํ;

    ‘‘Jino tasmiṃ guṇe tuṭṭho, etadagge ṭhapesi maṃ;

    มหาปญฺญานมคฺคาติ, ภิกฺขุนีนํ นรุตฺตโมฯ

    Mahāpaññānamaggāti, bhikkhunīnaṃ naruttamo.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ (อป. เถรี ๒.๒.๒๘๙-๓๘๓);

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti. (apa. therī 2.2.289-383);

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ผลสุเขน นิพฺพานสุเขน จ วิหรนฺติยา อิมิสฺสา เถริยา สติปิ อญฺญาสํ ขีณาสวเตฺถรีนํ ปญฺญาเวปุลฺลปฺปตฺติยํ ตตฺถ ปน กตาธิการตาย มหาปญฺญาภาโว ปากโฎ อโหสิฯ ตถา หิ นํ ภควา เชตวนมหาวิหาเร อริยคณมเชฺฌ นิสิโนฺน ปฎิปาฎิยา ภิกฺขุนิโย ฐานนฺตเร ฐเปโนฺต ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวิกานํ ภิกฺขุนีนํ มหาปญฺญานํ ยทิทํ เขมา’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๓๕-๒๓๖) มหาปญฺญตาย อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ ตํ เอกทิวสํ อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสินฺนํ มาโร ปาปิมา ตรุณรูเปน อุปสงฺกมิตฺวา กาเมหิ ปโลเภโนฺต –

    Arahattaṃ pana patvā phalasukhena nibbānasukhena ca viharantiyā imissā theriyā satipi aññāsaṃ khīṇāsavattherīnaṃ paññāvepullappattiyaṃ tattha pana katādhikāratāya mahāpaññābhāvo pākaṭo ahosi. Tathā hi naṃ bhagavā jetavanamahāvihāre ariyagaṇamajjhe nisinno paṭipāṭiyā bhikkhuniyo ṭhānantare ṭhapento ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvikānaṃ bhikkhunīnaṃ mahāpaññānaṃ yadidaṃ khemā’’ti (a. ni. 1.235-236) mahāpaññatāya aggaṭṭhāne ṭhapesi. Taṃ ekadivasaṃ aññatarasmiṃ rukkhamūle divāvihāraṃ nisinnaṃ māro pāpimā taruṇarūpena upasaṅkamitvā kāmehi palobhento –

    ๑๓๙.

    139.

    ‘‘ทหรา ตฺวํ รูปวตี, อหมฺปิ ทหโร ยุวา;

    ‘‘Daharā tvaṃ rūpavatī, ahampi daharo yuvā;

    ปญฺจงฺคิเกน ตุริเยน, เอหิ เขเม รมามเส’’ติฯ – คาถมาห ;

    Pañcaṅgikena turiyena, ehi kheme ramāmase’’ti. – gāthamāha ;

    ตสฺสโตฺถ – เขเม, ตฺวํ ตรุณปฺปตฺตา, โยพฺพเน ฐิตา รูปสมฺปนฺนา, อหมฺปิ ตรุโณ ยุวา, ตสฺมา มยํ โยพฺพญฺญํ อเขเปตฺวา ปญฺจงฺคิเกน ตุริเยน วชฺชมาเนน เอหิ กามขิฑฺฑารติยา รมาม กีฬามาติฯ

    Tassattho – kheme, tvaṃ taruṇappattā, yobbane ṭhitā rūpasampannā, ahampi taruṇo yuvā, tasmā mayaṃ yobbaññaṃ akhepetvā pañcaṅgikena turiyena vajjamānena ehi kāmakhiḍḍāratiyā ramāma kīḷāmāti.

    ตํ สุตฺวา สา กาเมสุ สพฺพธเมฺมสุ จ อตฺตโน วิรตฺตภาวํ ตสฺส จ มารภาวํ อตฺตาภินิเวเสสุ สเตฺตสุ อตฺตโน ถามคตํ อปฺปสาทํ กตกิจฺจตญฺจ ปกาเสนฺตี –

    Taṃ sutvā sā kāmesu sabbadhammesu ca attano virattabhāvaṃ tassa ca mārabhāvaṃ attābhinivesesu sattesu attano thāmagataṃ appasādaṃ katakiccatañca pakāsentī –

    ๑๔๐.

    140.

    ‘‘อิมินา ปูติกาเยน, อาตุเรน ปภงฺคุนา;

    ‘‘Iminā pūtikāyena, āturena pabhaṅgunā;

    อฎฺฎิยามิ หรายามิ, กามตณฺหา สมูหตาฯ

    Aṭṭiyāmi harāyāmi, kāmataṇhā samūhatā.

    ๑๔๑.

    141.

    ‘‘สตฺติสูลูปมา กามา, ขนฺธาสํ อธิกุฎฺฎนา;

    ‘‘Sattisūlūpamā kāmā, khandhāsaṃ adhikuṭṭanā;

    ยํ ตฺวํ กามรติํ พฺรูสิ, อรตี ทานิ สา มมฯ

    Yaṃ tvaṃ kāmaratiṃ brūsi, aratī dāni sā mama.

    ๑๔๒.

    142.

    ‘‘สพฺพตฺถ วิหตา นนฺที, ตโมขโนฺธ ปทาลิโต;

    ‘‘Sabbattha vihatā nandī, tamokhandho padālito;

    เอวํ ชานาหิ ปาปิม, นิหโต ตฺวมสิ อนฺตกฯ

    Evaṃ jānāhi pāpima, nihato tvamasi antaka.

    ๑๔๓.

    143.

    ‘‘นกฺขตฺตานิ นมสฺสนฺตา, อคฺคิํ ปริจรํ วเน;

    ‘‘Nakkhattāni namassantā, aggiṃ paricaraṃ vane;

    ยถาภุจฺจมชานนฺตา, พาลา สุทฺธิมมญฺญถฯ

    Yathābhuccamajānantā, bālā suddhimamaññatha.

    ๑๔๔.

    144.

    ‘‘อหญฺจ โข นมสฺสนฺตี, สมฺพุทฺธํ ปุริสุตฺตมํ;

    ‘‘Ahañca kho namassantī, sambuddhaṃ purisuttamaṃ;

    ปมุตฺตา สพฺพทุเกฺขหิ, สตฺถุสาสนการิกา’’ติฯ – อิมา คาถา อภาสิ;

    Pamuttā sabbadukkhehi, satthusāsanakārikā’’ti. – imā gāthā abhāsi;

    ตตฺถ อคฺคิํ ปริจรํ วเนติ ตโปวเน อคฺคิหุตฺตํ ปริจรโนฺตฯ ยถาภุจฺจมชานนฺตาติ ปวตฺติโย ยถาภูตํ อปริชานนฺตาฯ เสสเมตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมวฯ

    Tattha aggiṃ paricaraṃ vaneti tapovane aggihuttaṃ paricaranto. Yathābhuccamajānantāti pavattiyo yathābhūtaṃ aparijānantā. Sesamettha heṭṭhā vuttanayattā uttānameva.

    เขมาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Khemātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๓. เขมาเถรีคาถา • 3. Khemātherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact