Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๗. เขตฺตูปมสุตฺตํ
7. Khettūpamasuttaṃ
๓๕๙. เอกํ สมยํ ภควา นาฬนฺทายํ วิหรติ ปาวาริกมฺพวเนฯ อถ โข อสิพนฺธกปุโตฺต คามณิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อสิพนฺธกปุโตฺต คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นนุ, ภเนฺต, ภควา สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรตี’’ติ? ‘‘เอวํ, คามณิ, ตถาคโต สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรตี’’ติฯ ‘‘อถ กิญฺจรหิ, ภเนฺต, ภควา เอกจฺจานํ สกฺกจฺจํ ธมฺมํ เทเสติ, เอกจฺจานํ โน ตถา สกฺกจฺจํ ธมฺมํ เทเสตี’’ติ? ‘‘เตน หิ, คามณิ, ตเญฺญเวตฺถ ปฎิปุจฺฉิสฺสามิฯ ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, คามณิ, อิธสฺสุ 1 กสฺสกสฺส คหปติโน ตีณิ เขตฺตานิ – เอกํ เขตฺตํ อคฺคํ, เอกํ เขตฺตํ มชฺฌิมํ, เอกํ เขตฺตํ หีนํ ชงฺคลํ อูสรํ ปาปภูมิฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, คามณิ, อสุ กสฺสโก คหปติ พีชานิ ปติฎฺฐาเปตุกาโม กตฺถ ปฐมํ ปติฎฺฐาเปยฺย, ยํ วา อทุํ เขตฺตํ อคฺคํ , ยํ วา อทุํ เขตฺตํ มชฺฌิมํ, ยํ วา อทุํ เขตฺตํ หีนํ ชงฺคลํ อูสรํ ปาปภูมี’’ติ? ‘‘อสุ, ภเนฺต, กสฺสโก คหปติ พีชานิ ปติฎฺฐาเปตุกาโม ยํ อทุํ เขตฺตํ อคฺคํ ตตฺถ ปติฎฺฐาเปยฺย ฯ ตตฺถ ปติฎฺฐาเปตฺวา ยํ อทุํ เขตฺตํ มชฺฌิมํ ตตฺถ ปติฎฺฐาเปยฺยฯ ตตฺถ ปติฎฺฐาเปตฺวา ยํ อทุํ เขตฺตํ หีนํ ชงฺคลํ อูสรํ ปาปภูมิ ตตฺถ ปติฎฺฐาเปยฺยปิ, โนปิ ปติฎฺฐาเปยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อนฺตมโส โคภตฺตมฺปิ ภวิสฺสตี’’ติฯ
359. Ekaṃ samayaṃ bhagavā nāḷandāyaṃ viharati pāvārikambavane. Atha kho asibandhakaputto gāmaṇi yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho asibandhakaputto gāmaṇi bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘nanu, bhante, bhagavā sabbapāṇabhūtahitānukampī viharatī’’ti? ‘‘Evaṃ, gāmaṇi, tathāgato sabbapāṇabhūtahitānukampī viharatī’’ti. ‘‘Atha kiñcarahi, bhante, bhagavā ekaccānaṃ sakkaccaṃ dhammaṃ deseti, ekaccānaṃ no tathā sakkaccaṃ dhammaṃ desetī’’ti? ‘‘Tena hi, gāmaṇi, taññevettha paṭipucchissāmi. Yathā te khameyya tathā naṃ byākareyyāsi. Taṃ kiṃ maññasi, gāmaṇi, idhassu 2 kassakassa gahapatino tīṇi khettāni – ekaṃ khettaṃ aggaṃ, ekaṃ khettaṃ majjhimaṃ, ekaṃ khettaṃ hīnaṃ jaṅgalaṃ ūsaraṃ pāpabhūmi. Taṃ kiṃ maññasi, gāmaṇi, asu kassako gahapati bījāni patiṭṭhāpetukāmo kattha paṭhamaṃ patiṭṭhāpeyya, yaṃ vā aduṃ khettaṃ aggaṃ , yaṃ vā aduṃ khettaṃ majjhimaṃ, yaṃ vā aduṃ khettaṃ hīnaṃ jaṅgalaṃ ūsaraṃ pāpabhūmī’’ti? ‘‘Asu, bhante, kassako gahapati bījāni patiṭṭhāpetukāmo yaṃ aduṃ khettaṃ aggaṃ tattha patiṭṭhāpeyya . Tattha patiṭṭhāpetvā yaṃ aduṃ khettaṃ majjhimaṃ tattha patiṭṭhāpeyya. Tattha patiṭṭhāpetvā yaṃ aduṃ khettaṃ hīnaṃ jaṅgalaṃ ūsaraṃ pāpabhūmi tattha patiṭṭhāpeyyapi, nopi patiṭṭhāpeyya. Taṃ kissa hetu? Antamaso gobhattampi bhavissatī’’ti.
‘‘เสยฺยถาปิ, คามณิ, ยํ อทุํ เขตฺตํ อคฺคํ; เอวเมว มยฺหํ ภิกฺขุภิกฺขุนิโยฯ เตสาหํ ธมฺมํ เทเสมิ – อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ, สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสมิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอเต หิ, คามณิ, มํทีปา มํเลณา มํตาณา มํสรณา วิหรนฺติฯ เสยฺยถาปิ, คามณิ, ยํ อทุํ เขตฺตํ มชฺฌิมํ; เอวเมว มยฺหํ อุปาสกอุปาสิกาโยฯ เตสํ ปาหํ ธมฺมํ เทเสมิ – อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ, สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสมิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอเต หิ, คามณิ, มํทีปา มํเลณา มํตาณา มํสรณา วิหรนฺติฯ เสยฺยถาปิ, คามณิ, ยํ อทุํ เขตฺตํ หีนํ ชงฺคลํ อูสรํ ปาปภูมิ; เอวเมว มยฺหํ อญฺญติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกา ฯ เตสํ ปาหํ ธมฺมํ เทเสมิ – อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสมิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อเปฺปว นาม เอกํ ปทมฺปิ อาชาเนยฺยุํ ตํ เนสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ
‘‘Seyyathāpi, gāmaṇi, yaṃ aduṃ khettaṃ aggaṃ; evameva mayhaṃ bhikkhubhikkhuniyo. Tesāhaṃ dhammaṃ desemi – ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ, sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsemi. Taṃ kissa hetu? Ete hi, gāmaṇi, maṃdīpā maṃleṇā maṃtāṇā maṃsaraṇā viharanti. Seyyathāpi, gāmaṇi, yaṃ aduṃ khettaṃ majjhimaṃ; evameva mayhaṃ upāsakaupāsikāyo. Tesaṃ pāhaṃ dhammaṃ desemi – ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ, sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsemi. Taṃ kissa hetu? Ete hi, gāmaṇi, maṃdīpā maṃleṇā maṃtāṇā maṃsaraṇā viharanti. Seyyathāpi, gāmaṇi, yaṃ aduṃ khettaṃ hīnaṃ jaṅgalaṃ ūsaraṃ pāpabhūmi; evameva mayhaṃ aññatitthiyā samaṇabrāhmaṇaparibbājakā . Tesaṃ pāhaṃ dhammaṃ desemi – ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsemi. Taṃ kissa hetu? Appeva nāma ekaṃ padampi ājāneyyuṃ taṃ nesaṃ assa dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti.
‘‘เสยฺยถาปิ, คามณิ, ปุริสสฺส ตโย อุทกมณิกา – เอโก อุทกมณิโก อจฺฉิโทฺท อหารี อปริหารี, เอโก อุทกมณิโก อจฺฉิโทฺท หารี ปริหารี, เอโก อุทกมณิโก ฉิโทฺท หารี ปริหารีฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, คามณิ, อสุ ปุริโส อุทกํ นิกฺขิปิตุกาโม กตฺถ ปฐมํ นิกฺขิเปยฺย, โย วา โส อุทกมณิโก อจฺฉิโทฺท อหารี อปริหารี, โย วา โส อุทกมณิโก อจฺฉิโทฺท หารี ปริหารี, โย วา โส อุทกมณิโก ฉิโทฺท หารี ปริหารี’’ติ? ‘‘อสุ, ภเนฺต, ปุริโส อุทกํ นิกฺขิปิตุกาโม, โย โส อุทกมณิโก อจฺฉิโทฺท อหารี อปริหารี ตตฺถ นิกฺขิเปยฺย, ตตฺถ นิกฺขิปิตฺวา, โย โส อุทกมณิโก อจฺฉิโทฺท หารี ปริหารี ตตฺถ นิกฺขิเปยฺย, ตตฺถ นิกฺขิปิตฺวา, โย โส อุทกมณิโก ฉิโทฺท หารี ปริหารี ตตฺถ นิกฺขิเปยฺยปิ, โนปิ นิกฺขิเปยฺยฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อนฺตมโส ภณฺฑโธวนมฺปิ ภวิสฺสตี’’ติฯ
‘‘Seyyathāpi, gāmaṇi, purisassa tayo udakamaṇikā – eko udakamaṇiko acchiddo ahārī aparihārī, eko udakamaṇiko acchiddo hārī parihārī, eko udakamaṇiko chiddo hārī parihārī. Taṃ kiṃ maññasi, gāmaṇi, asu puriso udakaṃ nikkhipitukāmo kattha paṭhamaṃ nikkhipeyya, yo vā so udakamaṇiko acchiddo ahārī aparihārī, yo vā so udakamaṇiko acchiddo hārī parihārī, yo vā so udakamaṇiko chiddo hārī parihārī’’ti? ‘‘Asu, bhante, puriso udakaṃ nikkhipitukāmo, yo so udakamaṇiko acchiddo ahārī aparihārī tattha nikkhipeyya, tattha nikkhipitvā, yo so udakamaṇiko acchiddo hārī parihārī tattha nikkhipeyya, tattha nikkhipitvā, yo so udakamaṇiko chiddo hārī parihārī tattha nikkhipeyyapi, nopi nikkhipeyya. Taṃ kissa hetu? Antamaso bhaṇḍadhovanampi bhavissatī’’ti.
‘‘เสยฺยถาปิ, คามณิ, โย โส อุทกมณิโก อจฺฉิโทฺท อหารี อปริหารี; เอวเมว มยฺหํ ภิกฺขุภิกฺขุนิโยฯ เตสาหํ ธมฺมํ เทเสมิ – อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ , เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสมิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอเต หิ, คามณิ, มํทีปา มํเลณา มํตาณา มํสรณา วิหรนฺติฯ เสยฺยถาปิ, คามณิ, โย โส อุทกมณิโก อจฺฉิโทฺท หารี ปริหารี; เอวเมว มยฺหํ อุปาสกอุปาสิกาโยฯ เตสาหํ ธมฺมํ เทเสมิ – อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสมิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เอเต หิ, คามณิ, มํทีปา มํเลณา มํตาณา มํสรณา วิหรนฺติฯ เสยฺยถาปิ, คามณิ, โย โส อุทกมณิโก ฉิโทฺท หารี ปริหารี; เอวเมว มยฺหํ อญฺญติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกาฯ เตสาหํ ธมฺมํ เทเสมิ – อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสมิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อเปฺปว นาม เอกํ ปทมฺปิ อาชาเนยฺยุํ, ตํ เนสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, อสิพนฺธกปุโตฺต คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต…เป.… อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ สตฺตมํฯ
‘‘Seyyathāpi, gāmaṇi, yo so udakamaṇiko acchiddo ahārī aparihārī; evameva mayhaṃ bhikkhubhikkhuniyo. Tesāhaṃ dhammaṃ desemi – ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ , kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsemi. Taṃ kissa hetu? Ete hi, gāmaṇi, maṃdīpā maṃleṇā maṃtāṇā maṃsaraṇā viharanti. Seyyathāpi, gāmaṇi, yo so udakamaṇiko acchiddo hārī parihārī; evameva mayhaṃ upāsakaupāsikāyo. Tesāhaṃ dhammaṃ desemi – ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsemi. Taṃ kissa hetu? Ete hi, gāmaṇi, maṃdīpā maṃleṇā maṃtāṇā maṃsaraṇā viharanti. Seyyathāpi, gāmaṇi, yo so udakamaṇiko chiddo hārī parihārī; evameva mayhaṃ aññatitthiyā samaṇabrāhmaṇaparibbājakā. Tesāhaṃ dhammaṃ desemi – ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsemi. Taṃ kissa hetu? Appeva nāma ekaṃ padampi ājāneyyuṃ, taṃ nesaṃ assa dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti. Evaṃ vutte, asibandhakaputto gāmaṇi bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bhante…pe… ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti. Sattamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. เขตฺตูปมสุตฺตวณฺณนา • 7. Khettūpamasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๗. เขตฺตูปมสุตฺตวณฺณนา • 7. Khettūpamasuttavaṇṇanā