Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๓. ขีณาสวสติสโมฺมสปโญฺห
3. Khīṇāsavasatisammosapañho
๓. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, อตฺถิ อรหโต สติสโมฺมโส’’ติ? ‘‘วิคตสติสโมฺมสา โข, มหาราช, อรหโนฺต, นตฺถิ อรหนฺตานํ สติสโมฺมโส’’ติฯ ‘‘อาปเชฺชยฺย ปน, ภเนฺต, อรหา อาปตฺติ’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติฯ ‘‘กิสฺมิํ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ? ‘‘กุฎิกาเร, มหาราช, สญฺจริเตฺต, วิกาเล กาลสญฺญาย, ปวาริเต อปฺปวาริตสญฺญาย, อนติริเตฺต อติริตฺตสญฺญายา’’ติฯ
3. ‘‘Bhante nāgasena, atthi arahato satisammoso’’ti? ‘‘Vigatasatisammosā kho, mahārāja, arahanto, natthi arahantānaṃ satisammoso’’ti. ‘‘Āpajjeyya pana, bhante, arahā āpatti’’nti? ‘‘Āma, mahārājā’’ti. ‘‘Kismiṃ vatthusmi’’nti? ‘‘Kuṭikāre, mahārāja, sañcaritte, vikāle kālasaññāya, pavārite appavāritasaññāya, anatiritte atirittasaññāyā’’ti.
‘‘ภเนฺต นาคเสน, ตุเมฺห ภณถ ‘เย อาปตฺติํ อาปชฺชนฺติ, เต ทฺวีหิ การเณหิ อาปชฺชนฺติ อนาทริเยน วา อชานเนน วา’ติฯ อปิ นุ โข, ภเนฺต, อรหโต อนาทริยํ โหติ, ยํ อรหา อาปตฺติํ อาปชฺชตี’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราชา’’ติฯ
‘‘Bhante nāgasena, tumhe bhaṇatha ‘ye āpattiṃ āpajjanti, te dvīhi kāraṇehi āpajjanti anādariyena vā ajānanena vā’ti. Api nu kho, bhante, arahato anādariyaṃ hoti, yaṃ arahā āpattiṃ āpajjatī’’ti? ‘‘Na hi, mahārājā’’ti.
‘‘ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, อรหา อาปตฺติํ อาปชฺชติ, นตฺถิ จ อรหโต อนาทริยํ, เตน หิ อตฺถิ อรหโต สติสโมฺมโส’’ติ? ‘‘นตฺถิ, มหาราช, อรหโต สติสโมฺมโส, อาปตฺติญฺจ อรหา อาปชฺชตี’’ติฯ
‘‘Yadi, bhante nāgasena, arahā āpattiṃ āpajjati, natthi ca arahato anādariyaṃ, tena hi atthi arahato satisammoso’’ti? ‘‘Natthi, mahārāja, arahato satisammoso, āpattiñca arahā āpajjatī’’ti.
‘‘เตน หิ, ภเนฺต, การเณน มํ สญฺญาเปหิ, กิํ ตตฺถ การณ’’นฺติ? ‘‘เทฺวเม, มหาราช, กิเลสา โลกวชฺชํ ปณฺณตฺติวชฺชญฺจาติฯ กตมํ, มหาราช, โลกวชฺชํ? ทส อกุสลกมฺมปถา, อิทํ วุจฺจติ โลกวชฺชํฯ กตมํ ปณฺณตฺติวชฺชํ? ยํ โลเก อตฺถิ สมณานํ อนนุจฺฉวิกํ อนนุโลมิกํ, คิหีนํ อนวชฺชํฯ ตตฺถ ภควา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปญฺญเปติ ‘ยาวชีวํ อนติกฺกมนีย’นฺติฯ วิกาลโภชนํ, มหาราช, โลกสฺส อนวชฺชํ, ตํ ชินสาสเน วชฺชํฯ ภูตคามวิโกปนํ, มหาราช, โลกสฺส อนวชฺชํ, ตํ ชินสาสเน วชฺชํฯ อุทเก หสฺสธมฺมํ, มหาราช, โลกสฺส อนวชฺชํ, ตํ ชินสาสเน วชฺชํฯ อิติ เอวรูปานิ เอวรูปานิ, มหาราช , ชินสาสเน วชฺชานิ, อิทํ วุจฺจติ ปณฺณตฺติวชฺชํฯ
‘‘Tena hi, bhante, kāraṇena maṃ saññāpehi, kiṃ tattha kāraṇa’’nti? ‘‘Dveme, mahārāja, kilesā lokavajjaṃ paṇṇattivajjañcāti. Katamaṃ, mahārāja, lokavajjaṃ? Dasa akusalakammapathā, idaṃ vuccati lokavajjaṃ. Katamaṃ paṇṇattivajjaṃ? Yaṃ loke atthi samaṇānaṃ ananucchavikaṃ ananulomikaṃ, gihīnaṃ anavajjaṃ. Tattha bhagavā sāvakānaṃ sikkhāpadaṃ paññapeti ‘yāvajīvaṃ anatikkamanīya’nti. Vikālabhojanaṃ, mahārāja, lokassa anavajjaṃ, taṃ jinasāsane vajjaṃ. Bhūtagāmavikopanaṃ, mahārāja, lokassa anavajjaṃ, taṃ jinasāsane vajjaṃ. Udake hassadhammaṃ, mahārāja, lokassa anavajjaṃ, taṃ jinasāsane vajjaṃ. Iti evarūpāni evarūpāni, mahārāja , jinasāsane vajjāni, idaṃ vuccati paṇṇattivajjaṃ.
‘‘โลกวชฺชํ อภโพฺพ ขีณาสโว ตํ อชฺฌาจริตุํ, ยํ กิเลสํ ปณฺณตฺติวชฺชํ, ตํ อชานโนฺต อาปเชฺชยฺยฯ อวิสโย, มหาราช, เอกจฺจสฺส อรหโต สพฺพํ ชานิตุํ, น หิ ตสฺส พลํ อตฺถิ สพฺพํ ชานิตุํฯ อนญฺญาตํ, มหาราช, อรหโต อิตฺถิปุริสานํ นามมฺปิ โคตฺตมฺปิ, มโคฺคปิ ตสฺส มหิยา อนญฺญาโต; วิมุตฺติํ เยว, มหาราช, เอกโจฺจ อรหา ชาเนยฺย; ฉฬภิโญฺญ อรหา สกวิสยํ ชาเนยฺย; สพฺพญฺญู, มหาราช, ตถาคโตว สพฺพํ ชานาตี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Lokavajjaṃ abhabbo khīṇāsavo taṃ ajjhācarituṃ, yaṃ kilesaṃ paṇṇattivajjaṃ, taṃ ajānanto āpajjeyya. Avisayo, mahārāja, ekaccassa arahato sabbaṃ jānituṃ, na hi tassa balaṃ atthi sabbaṃ jānituṃ. Anaññātaṃ, mahārāja, arahato itthipurisānaṃ nāmampi gottampi, maggopi tassa mahiyā anaññāto; vimuttiṃ yeva, mahārāja, ekacco arahā jāneyya; chaḷabhiñño arahā sakavisayaṃ jāneyya; sabbaññū, mahārāja, tathāgatova sabbaṃ jānātī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.
ขีณาสวสติสโมฺมสปโญฺห ตติโยฯ
Khīṇāsavasatisammosapañho tatiyo.