Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā |
๕. ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธกํ
5. Khuddakavatthukkhandhakaṃ
ขุทฺทกวตฺถุกถา
Khuddakavatthukathā
๒๔๓. ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธเก – มลฺลมุฎฺฐิกาติ มุฎฺฐิกมลฺลาฯ คามมุทฺทวาติ ฉวิราคมณฺฑนานุยุตฺตา นาคริกมนุสฺสาฯ คามโมทฺทวาติปิ ปาโฐ; เอเสวโตฺถฯ ถเมฺภติ นฺหานติเตฺถ นิขณิตฺวา ฐปิตตฺถเมฺภฯ
243. Khuddakavatthukkhandhake – mallamuṭṭhikāti muṭṭhikamallā. Gāmamuddavāti chavirāgamaṇḍanānuyuttā nāgarikamanussā. Gāmamoddavātipi pāṭho; esevattho. Thambheti nhānatitthe nikhaṇitvā ṭhapitatthambhe.
กุเฎฺฎติ อิฎฺฐกาสิลาทารุกุฎฺฎานํ อญฺญตรสฺมิํฯ อฎฺฎาเน นฺหายนฺตีติ เอตฺถ อฎฺฎานํ นาม รุกฺขํ ผลกํ วิย ตเจฺฉตฺวา อฎฺฐปทากาเรน ราชิโย ฉินฺทิตฺวา นฺหานติเตฺถ นิขณนฺติ, ตตฺถ จุณฺณานิ อากิริตฺวา มนุสฺสา กายํ ฆํสนฺติฯ คนฺธพฺพหตฺถเกนาติ นฺหานติเตฺถ ฐปิเตน ทารุมยหเตฺถน, เตน กิร จุณฺณานิ คเหตฺวา มนุสฺสา สรีรํ ฆํสนฺติ ฯ กุรุวินฺทกสุตฺติยาติ กุรุวินฺทกปาสาณจุณฺณานิ ลาขาย พนฺธิตฺวา กตคุฬิกกลาปโก วุจฺจติ, ตํ อุโภสุ อเนฺตสุ คเหตฺวา สรีรํ ฆํสนฺติฯ วิคฺคยฺห ปริกมฺมํ การาเปนฺตีติ อญฺญมญฺญํ สรีเรน สรีรํ ฆํสนฺติฯ มลฺลกํ นาม มกรทนฺตเก ฉินฺทิตฺวา มลฺลกมูลสณฺฐาเนน กตํ มลฺลกนฺติ วุจฺจติ, อิทํ คิลานสฺสาปิ น วฎฺฎติฯ
Kuṭṭeti iṭṭhakāsilādārukuṭṭānaṃ aññatarasmiṃ. Aṭṭāne nhāyantīti ettha aṭṭānaṃ nāma rukkhaṃ phalakaṃ viya tacchetvā aṭṭhapadākārena rājiyo chinditvā nhānatitthe nikhaṇanti, tattha cuṇṇāni ākiritvā manussā kāyaṃ ghaṃsanti. Gandhabbahatthakenāti nhānatitthe ṭhapitena dārumayahatthena, tena kira cuṇṇāni gahetvā manussā sarīraṃ ghaṃsanti . Kuruvindakasuttiyāti kuruvindakapāsāṇacuṇṇāni lākhāya bandhitvā kataguḷikakalāpako vuccati, taṃ ubhosu antesu gahetvā sarīraṃ ghaṃsanti. Viggayha parikammaṃ kārāpentīti aññamaññaṃ sarīrena sarīraṃ ghaṃsanti. Mallakaṃ nāma makaradantake chinditvā mallakamūlasaṇṭhānena kataṃ mallakanti vuccati, idaṃ gilānassāpi na vaṭṭati.
๒๔๔. อกตมลฺลกํ นาม ทเนฺต อจฺฉินฺทิตฺวา กตํ, อิทํ อคิลานเสฺสว น วฎฺฎติ; อิฎฺฐกาขณฺฑํ ปน กปาลขณฺฑํ วา วฎฺฎติฯ อุกฺกาสิกนฺติ วตฺถวฎฺฎิํ; ตสฺมา นฺหายนฺตสฺส ยสฺส กสฺสจิ นฺหานสาฎกวฎฺฎิยา ปิฎฺฐิํ ฆํสิตุํ วฎฺฎติฯ ปุถุปาณิกนฺติ หตฺถปริกมฺมํ วุจฺจติ, ตสฺมา สเพฺพสํ หเตฺถน ปิฎฺฐิปริกมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติฯ
244.Akatamallakaṃ nāma dante acchinditvā kataṃ, idaṃ agilānasseva na vaṭṭati; iṭṭhakākhaṇḍaṃ pana kapālakhaṇḍaṃ vā vaṭṭati. Ukkāsikanti vatthavaṭṭiṃ; tasmā nhāyantassa yassa kassaci nhānasāṭakavaṭṭiyā piṭṭhiṃ ghaṃsituṃ vaṭṭati. Puthupāṇikanti hatthaparikammaṃ vuccati, tasmā sabbesaṃ hatthena piṭṭhiparikammaṃ kātuṃ vaṭṭati.
๒๔๕. วลฺลิกาติ กณฺณโต นิกฺขนฺตมุโตฺตลมฺพกาทีนํ เอตํ อธิวจนํ; น เกวลญฺจ วลฺลิกา เอว, ยํกิญฺจิ กณฺณปิฬนฺธนํ อนฺตมโส ตาลปณฺณมฺปิ น วฎฺฎติฯ ปามงฺคนฺติ ยํกิญฺจิ ปลมฺพกสุตฺตํฯ กณฺฐสุตฺตกนฺติ ยํกิญฺจิ คีวูปคอาภรณํฯ กฎิสุตฺตกนฺติ ยํกิญฺจิ กฎิปิฬนฺธนํ อนฺตมโส สุตฺตตนฺตุมตฺตมฺปิฯ โอวฎฺฎิกนฺติ วลยํฯ กายูราทีนิ ปากฎาเนว, อกฺขกานํ เหฎฺฐา พาหาภรณํ ยํกิญฺจิ อาภรณํ น วฎฺฎติฯ
245.Vallikāti kaṇṇato nikkhantamuttolambakādīnaṃ etaṃ adhivacanaṃ; na kevalañca vallikā eva, yaṃkiñci kaṇṇapiḷandhanaṃ antamaso tālapaṇṇampi na vaṭṭati. Pāmaṅganti yaṃkiñci palambakasuttaṃ. Kaṇṭhasuttakanti yaṃkiñci gīvūpagaābharaṇaṃ. Kaṭisuttakanti yaṃkiñci kaṭipiḷandhanaṃ antamaso suttatantumattampi. Ovaṭṭikanti valayaṃ. Kāyūrādīni pākaṭāneva, akkhakānaṃ heṭṭhā bāhābharaṇaṃ yaṃkiñci ābharaṇaṃ na vaṭṭati.
๒๔๖. ทุมาสิกํ วา ทุวงฺคุลํ วาติ เอตฺถ สเจ เกสา อโนฺตเทฺวมาเส ทฺวงฺคุลํ ปาปุณนฺติ, อโนฺตเทฺวมาเสว ฉินฺทิตพฺพาฯ ทฺวงฺคุเลหิ อติกฺกาเมตุํ น วฎฺฎติฯ สเจปิ น ทีฆา, เทฺวมาสโต เอกทิวสมฺปิ อติกฺกาเมตุํ น วฎฺฎติเยว; เอวมยํ อุภเยนปิ อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉโทว วุโตฺต, ตโต โอรํ ปน นวฎฺฎนภาโว นาม นตฺถิฯ
246.Dumāsikaṃvā duvaṅgulaṃ vāti ettha sace kesā antodvemāse dvaṅgulaṃ pāpuṇanti, antodvemāseva chinditabbā. Dvaṅgulehi atikkāmetuṃ na vaṭṭati. Sacepi na dīghā, dvemāsato ekadivasampi atikkāmetuṃ na vaṭṭatiyeva; evamayaṃ ubhayenapi ukkaṭṭhaparicchedova vutto, tato oraṃ pana navaṭṭanabhāvo nāma natthi.
โกเจฺฉน โอสเณฺฐนฺตีติ โกเจฺฉน โอลิขิตฺวา สนฺนิสีทาเปนฺติฯ ผณเกนาติ ทนฺตมยาทีสุ เยน เกนจิฯ หตฺถผณเกนาติ หเตฺถเนว ผณกิจฺจํ กโรนฺตา องฺคุลีหิ โอสเณฺฐนฺติฯ สิตฺถเตลเกนาติ มธุสิตฺถกนิยฺยาสาทีสุ เยน เกนจิ จิกฺกเลนฯ อุทกเตลเกนาติ อุทกมิสฺสเกน เตเลนฯ มณฺฑนตฺถาย สพฺพตฺถ ทุกฺกฎํ, อุทฺธโลเมน ปน อนุโลมนิปาตนตฺถํ หตฺถํ เตเมตฺวา สีสํ ปุญฺฉิตพฺพํฯ อุณฺหาภิตตฺตรชสิรานมฺปิ อลฺลหเตฺถน ปุญฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ
Kocchena osaṇṭhentīti kocchena olikhitvā sannisīdāpenti. Phaṇakenāti dantamayādīsu yena kenaci. Hatthaphaṇakenāti hattheneva phaṇakiccaṃ karontā aṅgulīhi osaṇṭhenti. Sitthatelakenāti madhusitthakaniyyāsādīsu yena kenaci cikkalena. Udakatelakenāti udakamissakena telena. Maṇḍanatthāya sabbattha dukkaṭaṃ, uddhalomena pana anulomanipātanatthaṃ hatthaṃ temetvā sīsaṃ puñchitabbaṃ. Uṇhābhitattarajasirānampi allahatthena puñchituṃ vaṭṭati.
๒๔๗. น ภิกฺขเว อาทาเส วา อุทกปเตฺต วาติ เอตฺถ กํสปตฺตาทีนิปิ เยสุ มุขนิมิตฺตํ ปญฺญายติ, สพฺพานิ อาทาสสงฺขเมว คจฺฉนฺติฯ กญฺชิยาทีนิปิ จ อุทกปตฺตสงฺขเมวฯ ตสฺมา ยตฺถ กตฺถจิ โอโลเกนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ อาพาธปจฺจยาติ ‘‘สญฺฉวิ นุ โข เม วโณ, อุทาหุ น ตาวา’’ติ ชานนตฺถํ; ‘‘ชิโณฺณ นุ โขมฺหิ โน’’ติ เอวํ อายุสงฺขารํ โอโลกนตฺถมฺปิ วฎฺฎตีติ วุตฺตํฯ
247.Na bhikkhave ādāse vā udakapatte vāti ettha kaṃsapattādīnipi yesu mukhanimittaṃ paññāyati, sabbāni ādāsasaṅkhameva gacchanti. Kañjiyādīnipi ca udakapattasaṅkhameva. Tasmā yattha katthaci olokentassa dukkaṭaṃ. Ābādhapaccayāti ‘‘sañchavi nu kho me vaṇo, udāhu na tāvā’’ti jānanatthaṃ; ‘‘jiṇṇo nu khomhi no’’ti evaṃ āyusaṅkhāraṃ olokanatthampi vaṭṭatīti vuttaṃ.
มุขํ อาลิมฺปนฺตีติ วิปฺปสนฺนฉวิราคกเรหิ มุขาเลปเนหิ อาลิมฺปนฺติฯ อุมฺมเทฺทนฺตีติ นานาอุมฺมทฺทเนหิ อุมฺมเทฺทนฺติฯ จุเณฺณนฺตีติ มุขจุณฺณเกน มเกฺขนฺติฯ มโนสิลิกาย มุขํ ลเญฺฉนฺตีติ มโนสิลาย ติลกาทีนิ ลญฺฉนานิ กโรนฺติ, ตานิ หริตาลาทีหิปิ น วฎฺฎนฺติเยวฯ องฺคราคาทโย ปากฎาเยวฯ สพฺพตฺถ ทุกฺกฎํฯ
Mukhaṃ ālimpantīti vippasannachavirāgakarehi mukhālepanehi ālimpanti. Ummaddentīti nānāummaddanehi ummaddenti. Cuṇṇentīti mukhacuṇṇakena makkhenti. Manosilikāya mukhaṃ lañchentīti manosilāya tilakādīni lañchanāni karonti, tāni haritālādīhipi na vaṭṭantiyeva. Aṅgarāgādayo pākaṭāyeva. Sabbattha dukkaṭaṃ.
๒๔๘. น ภิกฺขเว นจฺจํ วาติอาทีสุ ยํกิญฺจิ นจฺจํ อนฺตมโส โมรนจฺจมฺปิ ทสฺสนาย คจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ สยมฺปิ นจฺจนฺตสฺส วา นจฺจาเปนฺตสฺส วา ทุกฺกฎเมวฯ คีตมฺปิ ยํกิญฺจิ นฎคีตํ วา สาธุคีตํ วา อนฺตมโส ทนฺตคีตมฺปิ ‘‘ยํ คายิสฺสามา’’ติ ปุพฺพภาเค โอกูชนฺตา กโรนฺติ, เอตมฺปิ น วฎฺฎติฯ สยํ คายนฺตสฺสาปิ คายาเปนฺตสฺสาปิ ทุกฺกฎเมวฯ วาทิตมฺปิ ยํกิญฺจิ น วฎฺฎติฯ ยํ ปน นิฎฺฐุภโนฺต วา สาสเงฺก วา ฐิโต อจฺฉริกํ วา โผเฎติ , ปาณิํ วา ปหรติ, ตตฺถ อนาปตฺติฯ สพฺพํ อนฺตราราเม ฐิตสฺส ปสฺสโต อนาปตฺติฯ ‘‘ปสฺสิสฺสามี’’ติ วิหารโต วิหารํ คจฺฉนฺตสฺส อาปตฺติเยวฯ อาสนสาลาย นิสิโนฺน ปสฺสติ, อนาปตฺติฯ ‘‘ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุฎฺฐหิตฺวา คจฺฉโต อาปตฺติฯ วีถิยํ ฐตฺวา คีวํ ปริวเตฺตตฺวา ปสฺสโตปิ อาปตฺติเยวฯ
248.Nabhikkhave naccaṃ vātiādīsu yaṃkiñci naccaṃ antamaso moranaccampi dassanāya gacchantassa dukkaṭaṃ. Sayampi naccantassa vā naccāpentassa vā dukkaṭameva. Gītampi yaṃkiñci naṭagītaṃ vā sādhugītaṃ vā antamaso dantagītampi ‘‘yaṃ gāyissāmā’’ti pubbabhāge okūjantā karonti, etampi na vaṭṭati. Sayaṃ gāyantassāpi gāyāpentassāpi dukkaṭameva. Vāditampi yaṃkiñci na vaṭṭati. Yaṃ pana niṭṭhubhanto vā sāsaṅke vā ṭhito accharikaṃ vā phoṭeti , pāṇiṃ vā paharati, tattha anāpatti. Sabbaṃ antarārāme ṭhitassa passato anāpatti. ‘‘Passissāmī’’ti vihārato vihāraṃ gacchantassa āpattiyeva. Āsanasālāya nisinno passati, anāpatti. ‘‘Passissāmī’’ti uṭṭhahitvā gacchato āpatti. Vīthiyaṃ ṭhatvā gīvaṃ parivattetvā passatopi āpattiyeva.
๒๔๙. สรกุตฺตินฺติ สรกิริยํฯ ภโงฺค โหตีติ อลทฺธํ อุปฺปาเทตุํ น สโกฺกติ; ลทฺธํ สมาปชฺชิตุํฯ ปจฺฉิมา ชนตาติ อมฺหากํ อาจริยาปิ อุปชฺฌายาปิ เอวํ คายิํสูติ ปจฺฉิโม ชโน ทิฎฺฐานุคติํ อาปชฺชติ; ตเถว คายติฯ น ภิกฺขเว อายตเกนาติ เอตฺถ อายตโก นาม ตํ ตํ วตฺตํ ภินฺทิตฺวา อกฺขรานิ วินาเสตฺวา ปวโตฺตฯ ธเมฺม ปน สุตฺตนฺตวตฺตํ นาม อตฺถิ, ชาตกวตฺตํ นาม อตฺถิ, คาถาวตฺตํ นาม อตฺถิ, ตํ วินาเสตฺวา อติทีฆํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ จตุรเสฺสน วเตฺตน ปริมณฺฑลานิ ปทพฺยญฺชนานิ ทเสฺสตพฺพานิฯ สรภญฺญนฺติ สเรน ภณนํฯ สรภเญฺญ กิร ตรงฺควตฺตโธตกวตฺตคลิตวตฺตาทีนิ ทฺวตฺติํส วตฺตานิ อตฺถิฯ เตสุ ยํ อิจฺฉติ, ตํ กาตุํ ลภติฯ สเพฺพสํ ปทพฺยญฺชนํ อวินาเสตฺวา วิการํ อกตฺวา สมณสารุเปฺปน จตุรเสฺสน นเยน ปวตฺตนํเยว ลกฺขณํฯ
249.Sarakuttinti sarakiriyaṃ. Bhaṅgo hotīti aladdhaṃ uppādetuṃ na sakkoti; laddhaṃ samāpajjituṃ. Pacchimā janatāti amhākaṃ ācariyāpi upajjhāyāpi evaṃ gāyiṃsūti pacchimo jano diṭṭhānugatiṃ āpajjati; tatheva gāyati. Na bhikkhave āyatakenāti ettha āyatako nāma taṃ taṃ vattaṃ bhinditvā akkharāni vināsetvā pavatto. Dhamme pana suttantavattaṃ nāma atthi, jātakavattaṃ nāma atthi, gāthāvattaṃ nāma atthi, taṃ vināsetvā atidīghaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Caturassena vattena parimaṇḍalāni padabyañjanāni dassetabbāni. Sarabhaññanti sarena bhaṇanaṃ. Sarabhaññe kira taraṅgavattadhotakavattagalitavattādīni dvattiṃsa vattāni atthi. Tesu yaṃ icchati, taṃ kātuṃ labhati. Sabbesaṃ padabyañjanaṃ avināsetvā vikāraṃ akatvā samaṇasāruppena caturassena nayena pavattanaṃyeva lakkhaṇaṃ.
พาหิรโลมิํ อุณฺณินฺติ อุณฺณโลมานิ พหิ กตฺวา อุณฺณปาวารํ ปารุปนฺติ; ตถา ธาเรนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ โลมานิ อโนฺต กตฺวา ปารุปิตุํ วฎฺฎติฯ สมณกปฺปกถา ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนายํ วุตฺตาฯ
Bāhiralomiṃ uṇṇinti uṇṇalomāni bahi katvā uṇṇapāvāraṃ pārupanti; tathā dhārentassa dukkaṭaṃ. Lomāni anto katvā pārupituṃ vaṭṭati. Samaṇakappakathā bhūtagāmasikkhāpadavaṇṇanāyaṃ vuttā.
๒๕๑. น ภิกฺขเว อตฺตโน องฺคชาตนฺติ องฺคชาตํ ฉินฺทนฺตเสฺสว ถุลฺลจฺจยํฯ อญฺญํ ปน กณฺณนาสาองฺคุลิอาทิํ ยํกิญฺจิ ฉินฺทนฺตสฺส ตาทิสํ วา ทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ อหิกีฎทฎฺฐาทีสุ ปน อญฺญอาพาธปจฺจยา วา โลหิตํ วา โมเจนฺตสฺส ฉินฺทนฺตสฺส วา อนาปตฺติฯ
251.Na bhikkhave attano aṅgajātanti aṅgajātaṃ chindantasseva thullaccayaṃ. Aññaṃ pana kaṇṇanāsāaṅguliādiṃ yaṃkiñci chindantassa tādisaṃ vā dukkhaṃ uppādentassa dukkaṭaṃ. Ahikīṭadaṭṭhādīsu pana aññaābādhapaccayā vā lohitaṃ vā mocentassa chindantassa vā anāpatti.
๒๕๒. จนฺทนคณฺฐิ อุปฺปนฺนา โหตีติ จนฺทนฆฎิกา อุปฺปนฺนา โหติฯ โส กิร อุทฺธญฺจ อโธ จ ชาลานิ ปริกฺขิปาเปตฺวา คงฺคาย นทิยา กีฬติ, ตสฺส นทีโสเตน วุยฺหมานา จนฺทนคณฺฐิ อาคนฺตฺวา ชาเล ลคฺคา, ตมสฺส ปุริสา อาหริตฺวา อทํสุ; เอวํ สา อุปฺปนฺนา โหติฯ อิทฺธิปาฎิหาริยนฺติ เอตฺถ วิกุพฺพนิทฺธิปาฎิหาริยํ ปฎิกฺขิตฺตํ, อธิฎฺฐานิทฺธิ ปน อปฺปฎิกฺขิตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ
252.Candanagaṇṭhi uppannāhotīti candanaghaṭikā uppannā hoti. So kira uddhañca adho ca jālāni parikkhipāpetvā gaṅgāya nadiyā kīḷati, tassa nadīsotena vuyhamānā candanagaṇṭhi āgantvā jāle laggā, tamassa purisā āharitvā adaṃsu; evaṃ sā uppannā hoti. Iddhipāṭihāriyanti ettha vikubbaniddhipāṭihāriyaṃ paṭikkhittaṃ, adhiṭṭhāniddhi pana appaṭikkhittāti veditabbā.
น ภิกฺขเว โสวณฺณมโย ปโตฺตติอาทีสุ สเจปิ คิหี ภตฺตเคฺค สุวณฺณตฎฺฎิกาทีสุ พฺยญฺชนํ กตฺวา อุปนาเมนฺติ, อามสิตุมฺปิ น วฎฺฎติฯ ผลิกมยกาจมยกํสมยานิ ปน ตฎฺฎิกาทีนิ ภาชนานิ ปุคฺคลิกปริโภเคเนว น วฎฺฎนฺติ, สงฺฆิกปริโภเคน วา คิหิวิกฎานิ วา วฎฺฎนฺติฯ ‘‘ตมฺพโลหมโยปิ ปโตฺตว น วฎฺฎติ, ถาลกํ ปน วฎฺฎตี’’ติ อิทํ สพฺพํ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ มณิมโยติ เอตฺถ ปน อินฺทนีลาทิมณิมโย วุโตฺตฯ กํสมโยติ เอตฺถ วฎฺฎโลหมโยปิ สงฺคหิโตฯ
Na bhikkhave sovaṇṇamayo pattotiādīsu sacepi gihī bhattagge suvaṇṇataṭṭikādīsu byañjanaṃ katvā upanāmenti, āmasitumpi na vaṭṭati. Phalikamayakācamayakaṃsamayāni pana taṭṭikādīni bhājanāni puggalikaparibhogeneva na vaṭṭanti, saṅghikaparibhogena vā gihivikaṭāni vā vaṭṭanti. ‘‘Tambalohamayopi pattova na vaṭṭati, thālakaṃ pana vaṭṭatī’’ti idaṃ sabbaṃ kurundiyaṃ vuttaṃ. Maṇimayoti ettha pana indanīlādimaṇimayo vutto. Kaṃsamayoti ettha vaṭṭalohamayopi saṅgahito.
๒๕๓. ลิขิตุนฺติ ตนุกรณตฺถาเยตํ วุตฺตํฯ ปกติมณฺฑลนฺติ มกรทนฺตจฺฉินฺนกมณฺฑลเมวฯ
253.Likhitunti tanukaraṇatthāyetaṃ vuttaṃ. Pakatimaṇḍalanti makaradantacchinnakamaṇḍalameva.
๒๕๔. อาวฎฺฎิตฺวาติ อญฺญมญฺญํ ปหริตฺวาฯ ปตฺตาธารกนฺติ เอตฺถ ‘‘ทนฺตวลฺลิเวตฺตาทีหิ กเต ภูมิอาธารเก ตโย, ทารุอาธารเก เทฺว ปเตฺต อุปรูปริ ฐเปตุํ วฎฺฎตี’’ติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน วุตฺตํ – ‘‘ภูมิอาธารเก ติณฺณํ ปตฺตานํ อโนกาโส, เทฺว ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ ทารุอาธารกทณฺฑาธารเกสุปิ สุสชฺชิเตสุ เอเสว นโยฯ ภมโกฎิสทิโส ปน ทารุอาธารโก ตีหิ ทณฺฑเกหิ พโทฺธ ทณฺฑกาธาโร จ เอกสฺสปิ ปตฺตสฺส อโนกาโส, ตตฺถ ฐเปตฺวาปิ หเตฺถน คเหตฺวา เอว นิสีทิตพฺพํฯ ภูมิยํ ปน นิกฺกุชฺชิตฺวา เอกเมว ฐเปตพฺพ’’นฺติฯ
254.Āvaṭṭitvāti aññamaññaṃ paharitvā. Pattādhārakanti ettha ‘‘dantavallivettādīhi kate bhūmiādhārake tayo, dāruādhārake dve patte uparūpari ṭhapetuṃ vaṭṭatī’’ti kurundiyaṃ vuttaṃ. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana vuttaṃ – ‘‘bhūmiādhārake tiṇṇaṃ pattānaṃ anokāso, dve ṭhapetuṃ vaṭṭati. Dāruādhārakadaṇḍādhārakesupi susajjitesu eseva nayo. Bhamakoṭisadiso pana dāruādhārako tīhi daṇḍakehi baddho daṇḍakādhāro ca ekassapi pattassa anokāso, tattha ṭhapetvāpi hatthena gahetvā eva nisīditabbaṃ. Bhūmiyaṃ pana nikkujjitvā ekameva ṭhapetabba’’nti.
มิฑฺฒเนฺตติ อาลินฺทกมิฑฺฒิกาทีนํ อเนฺตฯ สเจ ปน ปริวเตฺตตฺวา ตเตฺถว ปติฎฺฐาติ, เอวรูปาย วิตฺถิณฺณาย มิฑฺฒิยา ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ ปริภณฺฑเนฺตติ พาหิรปเสฺส กตาย ตนุกมิฑฺฒิกาย อเนฺตฯ มิฑฺฒิยํ วุตฺตนเยเนเวตฺถาปิ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Miḍḍhanteti ālindakamiḍḍhikādīnaṃ ante. Sace pana parivattetvā tattheva patiṭṭhāti, evarūpāya vitthiṇṇāya miḍḍhiyā ṭhapetuṃ vaṭṭati. Paribhaṇḍanteti bāhirapasse katāya tanukamiḍḍhikāya ante. Miḍḍhiyaṃ vuttanayenevetthāpi vinicchayo veditabbo.
โจฬกนฺติ ยํ ปตฺถริตฺวา ปโตฺต ฐปียติ; ตสฺมิํ ปน อสติ กฎสารเก วา ตฎฺฎิกาย วา มตฺติกาปริภณฺฑกตาย ภูมิยา วา ยตฺถ น ทุสฺสติ, ตถารูปาย วาลิกาย วา ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ ปํสุรชาทีสุ ปน ขรภูมิยํ วา ฐเปนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ ปตฺตมาฬกํ อิฎฺฐกาหิ วา ทารูหิ วา กาตุํ วฎฺฎติ ฯ ปตฺตกุโณฺฑลิกาติ มหามุขกุณฺฑสณฺฐานา ภณฺฑกุกฺขลิกา วุจฺจติฯ โย ลเคฺคยฺยาติ ยตฺถ กตฺถจิ ลเคฺคนฺตสฺส ทุกฺกฎเมวฯ จีวรวํเสปิ พนฺธิตฺวา ฐเปตุํ น วฎฺฎติฯ ภณฺฑกฎฺฐปนตฺถเมว วา กตํ โหตุ นิสีทนสยนตฺถํ วา ยตฺถ กตฺถจิ มเญฺจ วา ปีเฐ วา ฐเปนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, อเญฺญน ปน ภณฺฑเกน สทฺธิํ พนฺธิตฺวา ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ อฎนิยํ พนฺธิตฺวา โอลเมฺพตุํ วา วฎฺฎติ, พนฺธิตฺวาปิ อุปริ ฐเปตุํ น วฎฺฎติเยวฯ สเจ ปน มโญฺจ วา ปีฐํ วา อุกฺขิปิตฺวา จีวรวํสาทีสุ อฎฺฎกฉเนฺนน ฐปิตํ โหติ, ตตฺถ ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ อํสวทฺธนเกน อํสกูเฎ ลเคฺคตฺวา อเงฺก ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ ฉเตฺต ภตฺตปูโรปิ อํสกูเฎ ลคฺคิตปโตฺตปิ ฐเปตุํ น วฎฺฎติ, ภณฺฑเกน ปน สทฺธิํ พนฺธิตฺวา วา อฎฺฎกํ กตฺวา วา ฐปิเต โย โกจิ ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ
Coḷakanti yaṃ pattharitvā patto ṭhapīyati; tasmiṃ pana asati kaṭasārake vā taṭṭikāya vā mattikāparibhaṇḍakatāya bhūmiyā vā yattha na dussati, tathārūpāya vālikāya vā ṭhapetuṃ vaṭṭati. Paṃsurajādīsu pana kharabhūmiyaṃ vā ṭhapentassa dukkaṭaṃ. Pattamāḷakaṃ iṭṭhakāhi vā dārūhi vā kātuṃ vaṭṭati . Pattakuṇḍolikāti mahāmukhakuṇḍasaṇṭhānā bhaṇḍakukkhalikā vuccati. Yo laggeyyāti yattha katthaci laggentassa dukkaṭameva. Cīvaravaṃsepi bandhitvā ṭhapetuṃ na vaṭṭati. Bhaṇḍakaṭṭhapanatthameva vā kataṃ hotu nisīdanasayanatthaṃ vā yattha katthaci mañce vā pīṭhe vā ṭhapentassa dukkaṭaṃ, aññena pana bhaṇḍakena saddhiṃ bandhitvā ṭhapetuṃ vaṭṭati. Aṭaniyaṃ bandhitvā olambetuṃ vā vaṭṭati, bandhitvāpi upari ṭhapetuṃ na vaṭṭatiyeva. Sace pana mañco vā pīṭhaṃ vā ukkhipitvā cīvaravaṃsādīsu aṭṭakachannena ṭhapitaṃ hoti, tattha ṭhapetuṃ vaṭṭati. Aṃsavaddhanakena aṃsakūṭe laggetvā aṅke ṭhapetuṃ vaṭṭati. Chatte bhattapūropi aṃsakūṭe laggitapattopi ṭhapetuṃ na vaṭṭati, bhaṇḍakena pana saddhiṃ bandhitvā vā aṭṭakaṃ katvā vā ṭhapite yo koci ṭhapetuṃ vaṭṭati.
๒๕๕. ปตฺตหเตฺถนาติ เอตฺถ น เกวลํ ยสฺส ปโตฺต หเตฺถ, โส เอว ปตฺตหโตฺถ, น เกวลญฺจ กวาฎเมว ปณาเมตุํ น ลภติ; อปิจ โข ปน หเตฺถ วา ปิฎฺฐิปาเท วา ยตฺถ กตฺถจิ สรีราวยเว ปตฺตสฺมิํ สติ หเตฺถน วา ปาเทน วา สีเสน วา เยน เกนจิ สรีราวยเวน กวาฎํ วา ปณาเมตุํ ฆฎิกํ วา อุกฺขิปิตุํ สูจิํ วา กุญฺจิกาย อปาปุริตุํ น ลภติฯ อํสกูเฎ ปน ปตฺตํ ลเคฺคตฺวา ยถาสุขํ อวาปุริตุํ ลภติฯ
255.Pattahatthenāti ettha na kevalaṃ yassa patto hatthe, so eva pattahattho, na kevalañca kavāṭameva paṇāmetuṃ na labhati; apica kho pana hatthe vā piṭṭhipāde vā yattha katthaci sarīrāvayave pattasmiṃ sati hatthena vā pādena vā sīsena vā yena kenaci sarīrāvayavena kavāṭaṃ vā paṇāmetuṃ ghaṭikaṃ vā ukkhipituṃ sūciṃ vā kuñcikāya apāpurituṃ na labhati. Aṃsakūṭe pana pattaṃ laggetvā yathāsukhaṃ avāpurituṃ labhati.
ตุมฺพกฎาหนฺติ ลาพุกฎาหํ วุจฺจติ, ตํ ปริหริตุํ น วฎฺฎติฯ ลภิตฺวา ปน ตาวกาลิกํ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ ฆฎิกฎาเหปิ เอเสว นโยฯ ฆฎิกฎาหนฺติ ฆฎิกปาลํฯ อภุํ เมติ อุตฺราสวจนเมตํฯ สพฺพปํสุกูลิเกนาติ เอตฺถ จีวรญฺจ มญฺจปีฐญฺจ ปํสุกูลํ วฎฺฎติ, อโชฺฌหรณียํ ปน ทินฺนกเมว คเหตพฺพํฯ
Tumbakaṭāhanti lābukaṭāhaṃ vuccati, taṃ pariharituṃ na vaṭṭati. Labhitvā pana tāvakālikaṃ paribhuñjituṃ vaṭṭati. Ghaṭikaṭāhepi eseva nayo. Ghaṭikaṭāhanti ghaṭikapālaṃ. Abhuṃ meti utrāsavacanametaṃ. Sabbapaṃsukūlikenāti ettha cīvarañca mañcapīṭhañca paṃsukūlaṃ vaṭṭati, ajjhoharaṇīyaṃ pana dinnakameva gahetabbaṃ.
จลกานีติ จเพฺพตฺวา อปวิทฺธามิสานิฯ อฎฺฐิกานีติ มจฺฉมํสอฎฺฐิกานิฯ อุจฺฉิโฎฺฐทกนฺติ มุขวิกฺขาลโนทกํฯ เอเตสุ ยํกิญฺจิ ปเตฺตน นีหรนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ ปตฺตํ ปฎิคฺคหํ กตฺวา หตฺถํ โธวิตุมฺปิ น ลภติฯ หตฺถโธตปาทโธตอุทกมฺปิ ปเตฺต อากิริตฺวา นีหริตุํ น วฎฺฎติฯ อนุจฺฉิฎฺฐํ สุทฺธปตฺตํ อุจฺฉิฎฺฐหเตฺถน คณฺหิตุํ น วฎฺฎติ, วามหเตฺถน ปเนตฺถ อุทกํ อาสิญฺจิตฺวา เอกํ อุทกคณฺฑุสํ คเหตฺวา อุจฺฉิฎฺฐหเตฺถน คณฺหิตุํ วฎฺฎติฯ เอตฺตาวตาปิ หิ โส อุจฺฉิฎฺฐปโตฺต โหติ, หตฺถํ ปน พหิ อุทเกน วิกฺขาเลตฺวา คเหตุํ วฎฺฎติฯ มจฺฉมํสผลาผลาทีนิ ขาทโนฺต ยํ ตตฺถ อฎฺฐิํ วา จลกํ วา ฉเฑฺฑตุกาโม โหติ, ตํ ปเตฺต ฐเปตุํ น ลภติฯ ยํ ปน ปฎิขาทิตุกาโม โหติ, ตํ ปเตฺต ฐเปตุํ ลภติฯ อฎฺฐิกกณฺฎกาทีนิ ตเตฺถว กตฺวา หเตฺถน ลุญฺจิตฺวา ขาทิตุํ วฎฺฎติฯ มุขโต นีหฎํ ปน ยํกิญฺจิ ปุน ขาทิตุกาโม โหติ, ตํ ปเตฺต ฐเปตุํ น ลภติฯ สิงฺคิเวรนาฬิเกรขณฺฑานิ ฑํสิตฺวา ปุน ฐเปตุํ ลภติฯ
Calakānīti cabbetvā apaviddhāmisāni. Aṭṭhikānīti macchamaṃsaaṭṭhikāni. Ucchiṭṭhodakanti mukhavikkhālanodakaṃ. Etesu yaṃkiñci pattena nīharantassa dukkaṭaṃ. Pattaṃ paṭiggahaṃ katvā hatthaṃ dhovitumpi na labhati. Hatthadhotapādadhotaudakampi patte ākiritvā nīharituṃ na vaṭṭati. Anucchiṭṭhaṃ suddhapattaṃ ucchiṭṭhahatthena gaṇhituṃ na vaṭṭati, vāmahatthena panettha udakaṃ āsiñcitvā ekaṃ udakagaṇḍusaṃ gahetvā ucchiṭṭhahatthena gaṇhituṃ vaṭṭati. Ettāvatāpi hi so ucchiṭṭhapatto hoti, hatthaṃ pana bahi udakena vikkhāletvā gahetuṃ vaṭṭati. Macchamaṃsaphalāphalādīni khādanto yaṃ tattha aṭṭhiṃ vā calakaṃ vā chaḍḍetukāmo hoti, taṃ patte ṭhapetuṃ na labhati. Yaṃ pana paṭikhāditukāmo hoti, taṃ patte ṭhapetuṃ labhati. Aṭṭhikakaṇṭakādīni tattheva katvā hatthena luñcitvā khādituṃ vaṭṭati. Mukhato nīhaṭaṃ pana yaṃkiñci puna khāditukāmo hoti, taṃ patte ṭhapetuṃ na labhati. Siṅgiveranāḷikerakhaṇḍāni ḍaṃsitvā puna ṭhapetuṃ labhati.
๒๕๖. นมตกนฺติ สตฺถกเวฐนกํ ปิโลติกขณฺฑํฯ ทณฺฑสตฺถกนฺติ ปิปฺผลกํ วา อญฺญมฺปิ วา ยํกิญฺจิ ทณฺฑํ โยเชตฺวา กตสตฺถกํฯ
256.Namatakanti satthakaveṭhanakaṃ pilotikakhaṇḍaṃ. Daṇḍasatthakanti pipphalakaṃ vā aññampi vā yaṃkiñci daṇḍaṃ yojetvā katasatthakaṃ.
กณฺณกิตา โหนฺตีติ มลคฺคหิตา โหนฺติฯ กิเณฺณน ปูเรตุนฺติ กิณฺณจุเณฺณน ปูเรตุํฯ สตฺตุยาติ หลิทฺทิมิสฺสเกน ปิฎฺฐจุเณฺณนฯ สริตกนฺติ ปาสาณจุณฺณํ วุจฺจติ; เตน ปูเรตุํ อนุชานามีติ อโตฺถฯ มธุสิตฺถเกน สาเรตุนฺติ มธุสิตฺถเกน มเกฺขตุํฯ สริตกํ ปริภิชฺชตีติ ตํ มกฺขิตมธุสิตฺถกํ ภิชฺชติฯ สริตสิปาฎิกนฺติ มธุสิตฺถกปิโลติกํ; สตฺถโกสกสิปาฎิยา ปน สริตสิปาฎิกาย อนุโลมาติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ กถินนฺติ นิเสฺสณิมฺปิ ตตฺถ อตฺถริตพฺพกฎสารกกิลญฺชานํ อญฺญตรมฺปิฯ กถินรชฺชุนฺติ ยาย ทุปฎฺฎจีวรํ สิพฺพนฺตา กถิเน จีวรมฺปิ พนฺธนฺติฯ กถินํ นปฺปโหตีติ ทีฆสฺส ภิกฺขุโน ปมาเณน กตํ กถินํ; ตตฺถ รสฺสสฺส ภิกฺขุโน จีวรํ ปตฺถริยมานํ นปฺปโหติ, อโนฺตเยว โหติ; ทณฺฑเก น ปาปุณาตีติ อโตฺถฯ ทณฺฑกถินนฺติ ตสฺส มเชฺฌ อิตรสฺส ภิกฺขุโน ปมาเณน อญฺญํ นิเสฺสณิํ พนฺธิตุํ อนุชานามีติ อโตฺถฯ
Kaṇṇakitā hontīti malaggahitā honti. Kiṇṇena pūretunti kiṇṇacuṇṇena pūretuṃ. Sattuyāti haliddimissakena piṭṭhacuṇṇena. Saritakanti pāsāṇacuṇṇaṃ vuccati; tena pūretuṃ anujānāmīti attho. Madhusitthakena sāretunti madhusitthakena makkhetuṃ. Saritakaṃ paribhijjatīti taṃ makkhitamadhusitthakaṃ bhijjati. Saritasipāṭikanti madhusitthakapilotikaṃ; satthakosakasipāṭiyā pana saritasipāṭikāya anulomāti kurundiyaṃ vuttaṃ. Kathinanti nisseṇimpi tattha attharitabbakaṭasārakakilañjānaṃ aññatarampi. Kathinarajjunti yāya dupaṭṭacīvaraṃ sibbantā kathine cīvarampi bandhanti. Kathinaṃ nappahotīti dīghassa bhikkhuno pamāṇena kataṃ kathinaṃ; tattha rassassa bhikkhuno cīvaraṃ patthariyamānaṃ nappahoti, antoyeva hoti; daṇḍake na pāpuṇātīti attho. Daṇḍakathinanti tassa majjhe itarassa bhikkhuno pamāṇena aññaṃ nisseṇiṃ bandhituṃ anujānāmīti attho.
พิทลกนฺติ ทณฺฑกถินปฺปมาเณน กฎสารกสฺส ปริยเนฺต ปฎิสํหริตฺวา ทุคุณกรณํฯ สลากนฺติ ทุปฎฺฎจีวรสฺส อนฺตเร ปเวสนสลากํฯ วินนฺธนรชฺชุนฺติ มหานิเสฺสณิยา สทฺธิํ ขุทฺทกํ นิเสฺสณิํ วินนฺธิตุํ รชฺชุํฯ วินนฺธนสุตฺตนฺติ ขุทฺทกนิเสฺสณิยา จีวรํ วินนฺธิตุํ สุตฺตกํฯ วินนฺธิตฺวา จีวรํ สิเพฺพตุนฺติ เตน สุตฺตเกน ตตฺถ จีวรํ วินนฺธิตฺวา สิพฺพิตุํฯ วิสมา โหนฺตีติ กาจิ ขุทฺทกา โหนฺติ, กาจิ มหนฺตาฯ กฬิมฺภกนฺติ ปมาณสญฺญากรณํ ยํกิญฺจิ ตาลปณฺณาทิํฯ โมฆสุตฺตกนฺติ วฑฺฒกีนํ ทารูสุ กาฬสุเตฺตน วิย หลิทฺทิสุเตฺตน สญฺญากรณํ ฯ องฺคุลิยา ปฎิคฺคณฺหนฺตีติ สูจิมุขํ องฺคุลิยา ปฎิจฺฉนฺติฯ ปฎิคฺคหนฺติ องฺคุลิโกสกํฯ
Bidalakanti daṇḍakathinappamāṇena kaṭasārakassa pariyante paṭisaṃharitvā duguṇakaraṇaṃ. Salākanti dupaṭṭacīvarassa antare pavesanasalākaṃ. Vinandhanarajjunti mahānisseṇiyā saddhiṃ khuddakaṃ nisseṇiṃ vinandhituṃ rajjuṃ. Vinandhanasuttanti khuddakanisseṇiyā cīvaraṃ vinandhituṃ suttakaṃ. Vinandhitvā cīvaraṃ sibbetunti tena suttakena tattha cīvaraṃ vinandhitvā sibbituṃ. Visamā hontīti kāci khuddakā honti, kāci mahantā. Kaḷimbhakanti pamāṇasaññākaraṇaṃ yaṃkiñci tālapaṇṇādiṃ. Moghasuttakanti vaḍḍhakīnaṃ dārūsu kāḷasuttena viya haliddisuttena saññākaraṇaṃ . Aṅguliyā paṭiggaṇhantīti sūcimukhaṃ aṅguliyā paṭicchanti. Paṭiggahanti aṅgulikosakaṃ.
๒๕๗. อาเวสนวิตฺถกํ นาม ยํกิญฺจิ ปาติจโงฺกฎกาทิฯ อุจฺจวตฺถุกนฺติ ปํสุํ อากิริตฺวา อุจฺจวตฺถุกํ กาตุํ อนุชานามีติ อโตฺถฯ โอคุเมฺผตฺวา อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ กาตุนฺติ ฉทนํ โอธุนิตฺวา ฆนทณฺฑกํ กตฺวา อโนฺต เจว พหิ จ มตฺติกาย ลิมฺปิตุนฺติ อโตฺถฯ โคฆํสิกายาติ เวฬุํ วา รุกฺขทณฺฑํ วา อโนฺตกตฺวา เตน สทฺธิํ สงฺฆริตุนฺติ อโตฺถฯ พนฺธนรชฺชุนฺติ ตถา สงฺฆริตสฺส พนฺธนรชฺชุํฯ
257.Āvesanavitthakaṃ nāma yaṃkiñci pāticaṅkoṭakādi. Uccavatthukanti paṃsuṃ ākiritvā uccavatthukaṃ kātuṃ anujānāmīti attho. Ogumphetvā ullittāvalittaṃ kātunti chadanaṃ odhunitvā ghanadaṇḍakaṃ katvā anto ceva bahi ca mattikāya limpitunti attho. Goghaṃsikāyāti veḷuṃ vā rukkhadaṇḍaṃ vā antokatvā tena saddhiṃ saṅgharitunti attho. Bandhanarajjunti tathā saṅgharitassa bandhanarajjuṃ.
๒๕๘. กฎจฺฉุปริสฺสาวนํ นาม ตีสุ ทณฺฑเกสุ วินนฺธิตฺวา กตํฯ
258.Kaṭacchuparissāvanaṃ nāma tīsu daṇḍakesu vinandhitvā kataṃ.
๒๕๙. โย น ทเทยฺยาติ อปริสฺสาวนกเสฺสว โย น ททาติ, ตสฺส อาปตฺติฯ โย ปน อตฺตโน หเตฺถ ปริสฺสาวเน วิชฺชมาเนปิ ยาจติ, ตสฺส น อกามา ทาตพฺพํฯ ทณฺฑปริสฺสาวนนฺติ รชกานํ ขารปริสฺสาวนํ วิย จตูสุ ปาเทสุ พทฺธนิเสฺสณิกาย สาฎกํ พนฺธิตฺวา มเชฺฌทณฺฑเก อุทกํ อาสิญฺจิตพฺพํ, ตํ อุโภปิ โกฎฺฐาเส ปูเรตฺวา ปริสฺสวติฯ โอตฺถรกํ นาม ยํ อุทเก โอตฺถริตฺวา ฆฎเกน อุทกํ คณฺหนฺติ, ตญฺหิ จตูสุ ทณฺฑเกสุ วตฺถํ พนฺธิตฺวา อุทเก จตฺตาโร ขาณุเก นิขณิตฺวา เตสุ พนฺธิตฺวา สพฺพปริยเนฺต อุทกโต โมเจตฺวา มเชฺฌ โอตฺถริตฺวา ฆเฎน อุทกํ คณฺหนฺติฯ มกสกุฎิกาติ จีวรกุฎิกา วุจฺจติฯ
259.Yo na dadeyyāti aparissāvanakasseva yo na dadāti, tassa āpatti. Yo pana attano hatthe parissāvane vijjamānepi yācati, tassa na akāmā dātabbaṃ. Daṇḍaparissāvananti rajakānaṃ khāraparissāvanaṃ viya catūsu pādesu baddhanisseṇikāya sāṭakaṃ bandhitvā majjhedaṇḍake udakaṃ āsiñcitabbaṃ, taṃ ubhopi koṭṭhāse pūretvā parissavati. Ottharakaṃ nāma yaṃ udake ottharitvā ghaṭakena udakaṃ gaṇhanti, tañhi catūsu daṇḍakesu vatthaṃ bandhitvā udake cattāro khāṇuke nikhaṇitvā tesu bandhitvā sabbapariyante udakato mocetvā majjhe ottharitvā ghaṭena udakaṃ gaṇhanti. Makasakuṭikāti cīvarakuṭikā vuccati.
๒๖๐. อภิสนฺนกายาติ เสมฺหาทิโทสุสฺสนฺนกายาฯ อคฺคฬวฎฺฎิ นาม ทฺวารพาหาย สมปฺปมาโณเยว อคฺคฬตฺถโมฺภ วุจฺจติ, ยตฺถ ตีณิ จตฺตาริ ฉิทฺทานิ กตฺวา สูจิโย เทนฺติฯ กปิสีสกํ นาม ทฺวารพาหํ วิชฺฌิตฺวา ตตฺถ ปเวสิโต อคฺคฬปาสโก วุจฺจติฯ สูจิกาติ ตตฺถ มเชฺฌ ฉิทฺทํ กตฺวา ปเวสิตาฯ ฆฎิกาติ อุปริ โยชิตาฯ มณฺฑลิกํ กาตุนฺติ นีจวตฺถุกํ จินิตุํฯ ธูมเนตฺตนฺติ ธูมนิกฺขมนฉิทฺทํฯ วาเสตุนฺติ คเนฺธน วาเสตุํฯ อุทกฎฺฐานนฺติ อุทกตฺถปนฎฺฐานํฯ ตตฺถ ฆเฎน อุทกํ ฐเปตฺวา สราวเกน วฬเญฺชตพฺพํฯ โกฎฺฐโกติ ทฺวารโกฎฺฐโกฯ
260.Abhisannakāyāti semhādidosussannakāyā. Aggaḷavaṭṭi nāma dvārabāhāya samappamāṇoyeva aggaḷatthambho vuccati, yattha tīṇi cattāri chiddāni katvā sūciyo denti. Kapisīsakaṃ nāma dvārabāhaṃ vijjhitvā tattha pavesito aggaḷapāsako vuccati. Sūcikāti tattha majjhe chiddaṃ katvā pavesitā. Ghaṭikāti upari yojitā. Maṇḍalikaṃ kātunti nīcavatthukaṃ cinituṃ. Dhūmanettanti dhūmanikkhamanachiddaṃ. Vāsetunti gandhena vāsetuṃ. Udakaṭṭhānanti udakatthapanaṭṭhānaṃ. Tattha ghaṭena udakaṃ ṭhapetvā sarāvakena vaḷañjetabbaṃ. Koṭṭhakoti dvārakoṭṭhako.
๒๖๑. ติโสฺส ปฎิจฺฉาทิโยติ เอตฺถ ชนฺตาฆรปฎิจฺฉาทิ จ อุทกปฎิจฺฉาทิ จ ปริกมฺมํ กโรนฺตเสฺสว วฎฺฎติ, เสเสสุ อภิวาทนาทีสุ น วฎฺฎติฯ วตฺถปฎิจฺฉาทิ สพฺพกเมฺมสุ วฎฺฎติฯ อุทกํ น โหตีติ นฺหาโนทกํ น โหติฯ
261.Tissopaṭicchādiyoti ettha jantāgharapaṭicchādi ca udakapaṭicchādi ca parikammaṃ karontasseva vaṭṭati, sesesu abhivādanādīsu na vaṭṭati. Vatthapaṭicchādi sabbakammesu vaṭṭati. Udakaṃ na hotīti nhānodakaṃ na hoti.
๒๖๒. ตุลนฺติ ปณฺณิกานํ วิย อุทกอุพฺพาหนกตุลํฯ กรกฎโก วุจฺจติ โคเณ วา โยเชตฺวา หเตฺถหิ วา คเหตฺวา ทีฆวรตฺตาทีหิ อากฑฺฒนยนฺตํฯ จกฺกวฎฺฎกนฺติ อรหฎฆฎิยนฺตํฯ จมฺมขณฺฑํ นาม ตุลาย วา กรกฎเก วา โยเชตพฺพกํ จมฺมภาชนํฯ ปากฎา โหตีติ อปริกฺขิตฺตา โหติฯ อุทกปุญฺฉนีติ ทณฺฑมยาปิ วิสาณมยาปิ ทารุมยาปิ วฎฺฎติ, ตสฺสา อสติ โจฬเกนาปิ อุทกํ ปจฺจุทฺธริตุํ วฎฺฎติฯ
262.Tulanti paṇṇikānaṃ viya udakaubbāhanakatulaṃ. Karakaṭako vuccati goṇe vā yojetvā hatthehi vā gahetvā dīghavarattādīhi ākaḍḍhanayantaṃ. Cakkavaṭṭakanti arahaṭaghaṭiyantaṃ. Cammakhaṇḍaṃ nāma tulāya vā karakaṭake vā yojetabbakaṃ cammabhājanaṃ. Pākaṭā hotīti aparikkhittā hoti. Udakapuñchanīti daṇḍamayāpi visāṇamayāpi dārumayāpi vaṭṭati, tassā asati coḷakenāpi udakaṃ paccuddharituṃ vaṭṭati.
๒๖๓. อุทกมาติกนฺติ อุทกสฺส อาคมนมาติกํฯ นิเลฺลขชนฺตาฆรํ นาม อาวิทฺธปกฺขปาสกํ วุจฺจติ, โคปานสีนํ อุปริ มณฺฑเล ปกฺขปาสเก ฐเปตฺวา กตกูฎจฺฉทนเสฺสตํ นามํฯ จาตุมาสํ นิสีทเนนาติ นิสีทเนน จตฺตาโร มาเส น วิปฺปวสิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ
263.Udakamātikanti udakassa āgamanamātikaṃ. Nillekhajantāgharaṃ nāma āviddhapakkhapāsakaṃ vuccati, gopānasīnaṃ upari maṇḍale pakkhapāsake ṭhapetvā katakūṭacchadanassetaṃ nāmaṃ. Cātumāsaṃ nisīdanenāti nisīdanena cattāro māse na vippavasitabbanti attho.
๒๖๔. ปุปฺผาภิกิเณฺณสูติ ปุเปฺผหิ สนฺถเตสุฯ นมตกํ นาม เอฬกโลเมหิ กตํ อวายิมํ จมฺมขณฺฑปริหาเรน ปริภุญฺชิตพฺพํฯ อาสิตฺตกูปธานํ นาม ตมฺพโลเหน วา รชเตน วา กตาย เปฬาย เอตํ อธิวจนํ, ปฎิกฺขิตฺตตฺตา ปน ทารุมยาปิ น วฎฺฎติฯ มโฬริกาติ ทณฺฑธารโก วุจฺจติฯ ยฎฺฐิอาธารกปณฺณาธารกปจฺฉิกปิฎฺฐานิปิ เอเตฺถว ปวิฎฺฐานิฯ อาธารกสเงฺขปคมนโต หิ ปฎฺฐาย ฉิทฺทํ วิทฺธมฺปิ อวิทฺธมฺปิ วฎฺฎติเยวฯ เอกภาชเนติ เอตฺถ สเจ เอโก ภิกฺขุ ภาชนโต ผลํ วา ปูวํ วา คเหตฺวา คจฺฉติ, ตสฺมิํ อปคเต อิตรสฺส เสสกํ ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ อิตรสฺสาปิ ตสฺมิํ ขีเณ ปุน คเหตุํ วฎฺฎติฯ
264.Pupphābhikiṇṇesūti pupphehi santhatesu. Namatakaṃ nāma eḷakalomehi kataṃ avāyimaṃ cammakhaṇḍaparihārena paribhuñjitabbaṃ. Āsittakūpadhānaṃ nāma tambalohena vā rajatena vā katāya peḷāya etaṃ adhivacanaṃ, paṭikkhittattā pana dārumayāpi na vaṭṭati. Maḷorikāti daṇḍadhārako vuccati. Yaṭṭhiādhārakapaṇṇādhārakapacchikapiṭṭhānipi ettheva paviṭṭhāni. Ādhārakasaṅkhepagamanato hi paṭṭhāya chiddaṃ viddhampi aviddhampi vaṭṭatiyeva. Ekabhājaneti ettha sace eko bhikkhu bhājanato phalaṃ vā pūvaṃ vā gahetvā gacchati, tasmiṃ apagate itarassa sesakaṃ bhuñjituṃ vaṭṭati. Itarassāpi tasmiṃ khīṇe puna gahetuṃ vaṭṭati.
๒๖๕. อฎฺฐหเงฺคหีติ เอตฺถ เอเกเกนปิ อเงฺคน สมนฺนาคตสฺส อโนฺตสีมาย วา นิสฺสีมํ คนฺตฺวา นทีอาทีสุ วา นิกฺกุชฺชิตุํ วฎฺฎติเยวฯ เอวํ นิกฺกุชฺชิเต ปน ปเตฺต ตสฺส เคเห โกจิ เทยฺยธโมฺม น คเหตโพฺพ – ‘‘อสุกสฺส เคเห ภิกฺขํ มา คณฺหิตฺถา’’ติ อเญฺญสุ วิหาเรสุปิ เปเสตพฺพํฯ อุกฺกุชฺชนกาเล ปน ยาวตติยํ ยาจาเปตฺวา หตฺถปาสํ วิชหาเปตฺวา ญตฺติทุติยกเมฺมน อุกฺกุชฺชิตโพฺพฯ
265.Aṭṭhahaṅgehīti ettha ekekenapi aṅgena samannāgatassa antosīmāya vā nissīmaṃ gantvā nadīādīsu vā nikkujjituṃ vaṭṭatiyeva. Evaṃ nikkujjite pana patte tassa gehe koci deyyadhammo na gahetabbo – ‘‘asukassa gehe bhikkhaṃ mā gaṇhitthā’’ti aññesu vihāresupi pesetabbaṃ. Ukkujjanakāle pana yāvatatiyaṃ yācāpetvā hatthapāsaṃ vijahāpetvā ñattidutiyakammena ukkujjitabbo.
๒๖๘. ปุรกฺขตฺวาติ อคฺคโต กตฺวาฯ สํหรนฺตูติ สํหริยนฺตุฯ เจลปฎิกนฺติ เจลสนฺถรํฯ โส กิร ‘‘สเจ อหํ ปุตฺตํ ลจฺฉามิ, อกฺกมิสฺสติ เม ภควา เจลปฎิก’’นฺติ อิมินา อชฺฌาสเยน สนฺถริ, อภโพฺพ เจส ปุตฺตลาภาย; ตสฺมา ภควา น อกฺกมิฯ ยทิ อกฺกเมยฺย, ปจฺฉา ปุตฺตํ อลภโนฺต ‘‘นายํ สพฺพญฺญู’’ติ ทิฎฺฐิํ คเณฺหยฺยฯ อิทํ ตาว ภควโต อนกฺกมเน การณํฯ ยสฺมา ปน ภิกฺขูปิ เย อชานนฺตา อกฺกเมยฺยุํ, เต คิหีนํ ปริภูตา ภเวยฺยุํ; ตสฺมา ภิกฺขู ปริภวโต โมเจตุํ สิกฺขาปทํ ปญฺญเปสิฯ อิทํ สิกฺขาปทปญฺญาปเน การณํฯ
268.Purakkhatvāti aggato katvā. Saṃharantūti saṃhariyantu. Celapaṭikanti celasantharaṃ. So kira ‘‘sace ahaṃ puttaṃ lacchāmi, akkamissati me bhagavā celapaṭika’’nti iminā ajjhāsayena santhari, abhabbo cesa puttalābhāya; tasmā bhagavā na akkami. Yadi akkameyya, pacchā puttaṃ alabhanto ‘‘nāyaṃ sabbaññū’’ti diṭṭhiṃ gaṇheyya. Idaṃ tāva bhagavato anakkamane kāraṇaṃ. Yasmā pana bhikkhūpi ye ajānantā akkameyyuṃ, te gihīnaṃ paribhūtā bhaveyyuṃ; tasmā bhikkhū paribhavato mocetuṃ sikkhāpadaṃ paññapesi. Idaṃ sikkhāpadapaññāpane kāraṇaṃ.
มงฺคลตฺถาย ยาจิยมาเนนาติ อปคตคพฺภา วา โหตุ ครุคพฺภา วา, เอวรูเปสุ ฐาเนสุ มงฺคลตฺถาย ยาจิยมาเนน อกฺกมิตุํ วฎฺฎติฯ โธตปาทกํ นาม ปาทโธวนฎฺฐาเน โธเตหิ ปาเทหิ อกฺกมนตฺถาย ปจฺจตฺถรณํ อตฺถตํ โหติ, ตํ อกฺกมิตุํ วฎฺฎติฯ
Maṅgalatthāya yāciyamānenāti apagatagabbhā vā hotu garugabbhā vā, evarūpesu ṭhānesu maṅgalatthāya yāciyamānena akkamituṃ vaṭṭati. Dhotapādakaṃ nāma pādadhovanaṭṭhāne dhotehi pādehi akkamanatthāya paccattharaṇaṃ atthataṃ hoti, taṃ akkamituṃ vaṭṭati.
๒๖๙. กตกํ นาม ปทุมกณฺณิกาการํ ปาทฆํสนตฺถํ กณฺฎเก อุฎฺฐาเปตฺวา กตํฯ ตํ วฎฺฎํ วา โหตุ จตุรสฺสาทิเภทํ วา, พาหุลิกานุโยคตฺตา ปฎิกฺขิตฺตเมว, เนว ปฎิคฺคเหตุํ น ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ สกฺขราติ ปาสาโณ วุจฺจติ; ปาสาณเผณโกปิ วฎฺฎติฯ วิธูปนนฺติ วีชนี วุจฺจติ ฯ ตาลวณฺฎํ ปน ตาลปเณฺณหิ วา กตํ โหตุ เวฬุทนฺตวิลีเวหิ วา โมรปิเญฺฉหิ วา จมฺมวิกตีหิ วา สพฺพํ วฎฺฎติฯ มกสพีชนี ทนฺตมยวิสาณมยทณฺฑกาปิ วฎฺฎติ, วากมยพีชนิยา เกตกปาโรหกุนฺตาลปณฺณาทิมยาปิ สงฺคหิตาฯ
269.Katakaṃ nāma padumakaṇṇikākāraṃ pādaghaṃsanatthaṃ kaṇṭake uṭṭhāpetvā kataṃ. Taṃ vaṭṭaṃ vā hotu caturassādibhedaṃ vā, bāhulikānuyogattā paṭikkhittameva, neva paṭiggahetuṃ na paribhuñjituṃ vaṭṭati. Sakkharāti pāsāṇo vuccati; pāsāṇapheṇakopi vaṭṭati. Vidhūpananti vījanī vuccati . Tālavaṇṭaṃ pana tālapaṇṇehi vā kataṃ hotu veḷudantavilīvehi vā morapiñchehi vā cammavikatīhi vā sabbaṃ vaṭṭati. Makasabījanī dantamayavisāṇamayadaṇḍakāpi vaṭṭati, vākamayabījaniyā ketakapārohakuntālapaṇṇādimayāpi saṅgahitā.
๒๗๐. คิลานสฺส ฉตฺตนฺติ เอตฺถ ยสฺส กายฑาโห วา ปิตฺตโกโป วา โหติ, จกฺขุ วา ทุพฺพลํ, อโญฺญ วา โกจิ อาพาโธ วินา ฉเตฺตน อุปฺปชฺชติ, ตสฺส คาเม วา อรเญฺญ วา ฉตฺตํ วฎฺฎติฯ วเสฺส ปน จีวรคุตฺตตฺถํ วาฬมิคโจรภเยสุ จ อตฺตคุตฺตตฺถมฺปิ วฎฺฎติฯ เอกปณฺณจฺฉตฺตํ ปน สพฺพเตฺถว วฎฺฎติฯ
270.Gilānassa chattanti ettha yassa kāyaḍāho vā pittakopo vā hoti, cakkhu vā dubbalaṃ, añño vā koci ābādho vinā chattena uppajjati, tassa gāme vā araññe vā chattaṃ vaṭṭati. Vasse pana cīvaraguttatthaṃ vāḷamigacorabhayesu ca attaguttatthampi vaṭṭati. Ekapaṇṇacchattaṃ pana sabbattheva vaṭṭati.
อสิสฺสาติ อสิ อสฺสฯ วิโชฺชตลตีติ วิโชฺชตติฯ ทณฺฑสมฺมุตินฺติ เอตฺถ ปมาณยุโตฺต จตุหโตฺถเยว ทโณฺฑ สมฺมนฺนิตฺวา ทาตโพฺพฯ ตโต อูนาติริโตฺต วินาปิ สมฺมุติยา สเพฺพสํ วฎฺฎติฯ สิกฺกา ปน อคิลานสฺส น วฎฺฎติ, คิลานสฺสาปิ สมฺมนฺนิตฺวาว ทาตพฺพาฯ
Asissāti asi assa. Vijjotalatīti vijjotati. Daṇḍasammutinti ettha pamāṇayutto catuhatthoyeva daṇḍo sammannitvā dātabbo. Tato ūnātiritto vināpi sammutiyā sabbesaṃ vaṭṭati. Sikkā pana agilānassa na vaṭṭati, gilānassāpi sammannitvāva dātabbā.
๒๗๓. โรมนฺถกสฺสาติ เอตฺถ ฐเปตฺวา โรมนฺถกํ เสสานํ อาคตํ อุคฺคารํ มุเข สนฺธาเรตฺวา คิลนฺตานํ อาปตฺติฯ สเจ ปน อสนฺธาริตเมว ปรคลํ คจฺฉติ, วฎฺฎติฯ
273.Romanthakassāti ettha ṭhapetvā romanthakaṃ sesānaṃ āgataṃ uggāraṃ mukhe sandhāretvā gilantānaṃ āpatti. Sace pana asandhāritameva paragalaṃ gacchati, vaṭṭati.
ยํ ทิยฺยมานนฺติ ยํ ทายเกหิ ทิยฺยมานํ ปฎิคฺคหิตภาชนโต พหิ ปติตํ, ตํ ภิกฺขุนา สามํ คเหตฺวา ปริภุญฺชิตุํ อนุชานามีติ อโตฺถฯ อิทํ โภชนวเคฺค วณฺณิตเมวฯ
Yaṃ diyyamānanti yaṃ dāyakehi diyyamānaṃ paṭiggahitabhājanato bahi patitaṃ, taṃ bhikkhunā sāmaṃ gahetvā paribhuñjituṃ anujānāmīti attho. Idaṃ bhojanavagge vaṇṇitameva.
๒๗๔. กุปฺปํ กริสฺสามีติ สทฺทํ กริสฺสามิฯ นขาทีหิ นขเจฺฉทเน อาปตฺติ นตฺถิ, อนุรกฺขณตฺถํ ปน นขเจฺฉทนํ อนุญฺญาตํฯ วีสติมฎฺฐนฺติ วีสติปิ นเข ลิขิตมเฎฺฐ การาเปนฺติฯ มลมตฺตนฺติ นขโต มลมตฺตํ อปกฑฺฒิตุํ อนุชานามีติ อโตฺถฯ
274.Kuppaṃ karissāmīti saddaṃ karissāmi. Nakhādīhi nakhacchedane āpatti natthi, anurakkhaṇatthaṃ pana nakhacchedanaṃ anuññātaṃ. Vīsatimaṭṭhanti vīsatipi nakhe likhitamaṭṭhe kārāpenti. Malamattanti nakhato malamattaṃ apakaḍḍhituṃ anujānāmīti attho.
๒๗๕. ขุรสิปาฎิกนฺติ ขุรโกสกํ ฯ มสฺสุํ กปฺปาเปนฺตีติ กตฺตริยา มสฺสุํ เฉทาเปนฺติฯ มสฺสุํ วฑฺฒาเปนฺตีติ มสฺสุํ ทีฆํ กาเรนฺติฯ โคโลมิกนฺติ หนุกมฺหิ ทีฆํ กตฺวา ฐปิตํ เอฬกมสฺสุ วุจฺจติฯ จตุรสฺสกนฺติ จตุโกณํฯ ปริมุขนฺติ อุเร โลมสํหรณํฯ อฑฺฒทุกนฺติ อุทเร โลมราชิฎฺฐปนํฯ อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ มสฺสุกปฺปาปนาทีสุ สพฺพตฺถ อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อาพาธปฺปจฺจยา สมฺพาเธ โลมนฺติ คณฺฑวณรุธิอาทิอาพาธปฺปจฺจยาฯ กตฺตริกายาติ คณฺฑวณรุธิสีสโรคาพาธปฺปจฺจยาฯ สกฺขราทีหิ นาสิกาโลมคฺคาหาปเน อาปตฺติ นตฺถิฯ อนุรกฺขณตฺถํ ปน สณฺฑาโส อนุญฺญาโตฯ น ภิกฺขเว ปลิตํ คาหาเปตพฺพนฺติ เอตฺถ ยํ ภมุกาย วา นลาเฎ วา ทาฐิกาย วา อุคฺคนฺตฺวา พีภจฺฉํ ฐิตํ, ตาทิสํ โลมํ ปลิตํ วา อปลิตํ วา คาหาเปตุํ วฎฺฎติฯ
275.Khurasipāṭikanti khurakosakaṃ . Massuṃ kappāpentīti kattariyā massuṃ chedāpenti. Massuṃ vaḍḍhāpentīti massuṃ dīghaṃ kārenti. Golomikanti hanukamhi dīghaṃ katvā ṭhapitaṃ eḷakamassu vuccati. Caturassakanti catukoṇaṃ. Parimukhanti ure lomasaṃharaṇaṃ. Aḍḍhadukanti udare lomarājiṭṭhapanaṃ. Āpatti dukkaṭassāti massukappāpanādīsu sabbattha āpatti dukkaṭassa. Ābādhappaccayā sambādhe lomanti gaṇḍavaṇarudhiādiābādhappaccayā. Kattarikāyāti gaṇḍavaṇarudhisīsarogābādhappaccayā. Sakkharādīhi nāsikālomaggāhāpane āpatti natthi. Anurakkhaṇatthaṃ pana saṇḍāso anuññāto. Na bhikkhave palitaṃ gāhāpetabbanti ettha yaṃ bhamukāya vā nalāṭe vā dāṭhikāya vā uggantvā bībhacchaṃ ṭhitaṃ, tādisaṃ lomaṃ palitaṃ vā apalitaṃ vā gāhāpetuṃ vaṭṭati.
๒๗๗. กํสปตฺถริกาติ กํสภณฺฑวาณิชาฯ พนฺธนมตฺตนฺติ วาสิกตฺตรยฎฺฐิอาทีนํ พนฺธนมตฺตํฯ
277.Kaṃsapattharikāti kaṃsabhaṇḍavāṇijā. Bandhanamattanti vāsikattarayaṭṭhiādīnaṃ bandhanamattaṃ.
๒๗๘. น ภิกฺขเว อกายพนฺธเนนาติ เอตฺถ อพนฺธิตฺวา นิกฺขมเนฺตน ยตฺถ สรติ, ตตฺถ พนฺธิตพฺพํฯ อาสนสาลาย พนฺธิสฺสามีติ คนฺตุํ วฎฺฎติฯ สริตฺวา ยาว น พนฺธติ, น ตาว ปิณฺฑาย จริตพฺพํฯ กลาพุกํ นาม พหุรชฺชุกํฯ เทฑฺฑุภกํ นาม อุทกสปฺปสีสสทิสํฯ มุรชํ นาม มุรชวฎฺฎิสณฺฐานํ เวเฐตฺวา กตํฯ มทฺทวีณํ นาม ปามงฺคสณฺฐานํฯ อีทิสญฺหิ เอกมฺปิ น วฎฺฎติ, ปเคว พหูนิฯ ปฎฺฎิกํ สูกรนฺตกนฺติ เอตฺถ ปกติวีตา วา มจฺฉกณฺฎกวายิมา วา ปฎฺฎิกา วฎฺฎติ, เสสา กุญฺชรจฺฉิกาทิเภทา น วฎฺฎนฺติฯ สูกรนฺตกํ นาม กุญฺชิกาโกสกสณฺฐานํ โหติฯ เอกรชฺชุกํ ปน มุทฺทิกกายพนฺธนญฺจ สูกรนฺตกํ อนุโลเมติฯ อนุชานามิ ภิกฺขเว มุรชํ มทฺทวีณนฺติ อิทํ ทสาสุเยว อนุญฺญาตํ ฯ ปามงฺคทสา เจตฺถ จตุนฺนํ อุปริ น วฎฺฎติฯ โสภณํ นาม เวเฐตฺวา มุขวฎฺฎิสิพฺพนํฯ คุณกํ นาม มุทิงฺคสณฺฐาเนน สิพฺพนํ; เอวํ สิพฺพิตา หิ อนฺตา ถิรา โหนฺติฯ ปวนโนฺตติ ปาสโนฺต วุจฺจติฯ
278.Nabhikkhave akāyabandhanenāti ettha abandhitvā nikkhamantena yattha sarati, tattha bandhitabbaṃ. Āsanasālāya bandhissāmīti gantuṃ vaṭṭati. Saritvā yāva na bandhati, na tāva piṇḍāya caritabbaṃ. Kalābukaṃ nāma bahurajjukaṃ. Deḍḍubhakaṃ nāma udakasappasīsasadisaṃ. Murajaṃ nāma murajavaṭṭisaṇṭhānaṃ veṭhetvā kataṃ. Maddavīṇaṃ nāma pāmaṅgasaṇṭhānaṃ. Īdisañhi ekampi na vaṭṭati, pageva bahūni. Paṭṭikaṃ sūkarantakanti ettha pakativītā vā macchakaṇṭakavāyimā vā paṭṭikā vaṭṭati, sesā kuñjaracchikādibhedā na vaṭṭanti. Sūkarantakaṃ nāma kuñjikākosakasaṇṭhānaṃ hoti. Ekarajjukaṃ pana muddikakāyabandhanañca sūkarantakaṃ anulometi. Anujānāmi bhikkhave murajaṃ maddavīṇanti idaṃ dasāsuyeva anuññātaṃ . Pāmaṅgadasā cettha catunnaṃ upari na vaṭṭati. Sobhaṇaṃ nāma veṭhetvā mukhavaṭṭisibbanaṃ. Guṇakaṃ nāma mudiṅgasaṇṭhānena sibbanaṃ; evaṃ sibbitā hi antā thirā honti. Pavanantoti pāsanto vuccati.
๒๘๐. หตฺถิโสณฺฑกํ นาม นาภิมูลโต หตฺถิโสณฺฑสณฺฐานํ โอลมฺพกํ กตฺวา นิวตฺถํ โจฬิกอิตฺถีนํ นิวาสนํ วิยฯ มจฺฉวาฬกํ นาม เอกโต ทสนฺตํ เอกโต ปาสนฺตํ โอลเมฺพตฺวา นิวตฺถํฯ จตุกณฺณกํ นาม อุปริ เทฺว, เหฎฺฐโต เทฺวติ เอวํ จตฺตาโร กเณฺณ ทเสฺสตฺวา นิวตฺถํฯ ตาลวณฺฎกํ นาม ตาลวณฺฎากาเรน สาฎกํ โอลเมฺพตฺวา นิวาสนํฯ สตวลิกํ นาม ทีฆสาฎกํ อเนกกฺขตฺตุํ โอภญฺชิตฺวา โอวฎฺฎิกํ กโรเนฺตน นิวตฺถํ, วามทกฺขิณปเสฺสสุ วา นิรนฺตรํ วลิโย ทเสฺสตฺวา นิวตฺถํฯ สเจ ปน ชาณุโต ปฎฺฐาย เอกา วา เทฺว วา วลิโย ปญฺญายนฺติ, วฎฺฎติฯ
280.Hatthisoṇḍakaṃ nāma nābhimūlato hatthisoṇḍasaṇṭhānaṃ olambakaṃ katvā nivatthaṃ coḷikaitthīnaṃ nivāsanaṃ viya. Macchavāḷakaṃ nāma ekato dasantaṃ ekato pāsantaṃ olambetvā nivatthaṃ. Catukaṇṇakaṃ nāma upari dve, heṭṭhato dveti evaṃ cattāro kaṇṇe dassetvā nivatthaṃ. Tālavaṇṭakaṃ nāma tālavaṇṭākārena sāṭakaṃ olambetvā nivāsanaṃ. Satavalikaṃ nāma dīghasāṭakaṃ anekakkhattuṃ obhañjitvā ovaṭṭikaṃ karontena nivatthaṃ, vāmadakkhiṇapassesu vā nirantaraṃ valiyo dassetvā nivatthaṃ. Sace pana jāṇuto paṭṭhāya ekā vā dve vā valiyo paññāyanti, vaṭṭati.
สํเวลฺลิยํ นิวาเสนฺตีติ มลฺลกมฺมการาทโย วิย กจฺฉํ พนฺธิตฺวา นิวาเสนฺติ; เอวํ นิวาเสตุํ คิลานสฺสปิ มคฺคปฺปฎิปนฺนสฺสปิ น วฎฺฎติฯ ยมฺปิ มคฺคํ คจฺฉนฺตา เอกํ วา เทฺว วา โกเณ อุกฺขิปิตฺวา อนฺตรวาสกสฺส อุปริ ลเคฺคนฺติ, อโนฺต วา เอกํ กาสาวํ ตถา นิวาเสตฺวา พหิ อปรํ นิวาเสนฺติ, สพฺพํ น วฎฺฎติฯ คิลาโน ปน อโนฺต กาสาวสฺส โอวฎฺฎิกํ ทเสฺสตฺวา อปรํ อุปริ นิวาเสตุํ ลภติฯ อคิลาเนน เทฺว นิวาเสเนฺตน สคุณํ กตฺวา นิวาเสตพฺพานิฯ อิติ ยญฺจ อิธ ปฎิกฺขิตฺตํ, ยญฺจ เสขิยวณฺณนายํ; ตํ สพฺพํ วเชฺชตฺวา นิพฺพิการํ ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทเนฺตน ปริมณฺฑลํ นิวาเสตพฺพํฯ ยํกิญฺจิ วิการํ กโรโนฺต ทุกฺกฎา น มุจฺจติฯ น ภิกฺขเว คิหิปารุตํ ปารุปิตพฺพนฺติ เอวํ ปฎิกฺขิตฺตํ คิหิปารุตํ อปารุปิตฺวา, อุโภ กเณฺณ สมํ กตฺวา ปารุปนํ ปริมณฺฑลปารุปนํ นาม, ตํ ปารุปิตพฺพํฯ
Saṃvelliyaṃ nivāsentīti mallakammakārādayo viya kacchaṃ bandhitvā nivāsenti; evaṃ nivāsetuṃ gilānassapi maggappaṭipannassapi na vaṭṭati. Yampi maggaṃ gacchantā ekaṃ vā dve vā koṇe ukkhipitvā antaravāsakassa upari laggenti, anto vā ekaṃ kāsāvaṃ tathā nivāsetvā bahi aparaṃ nivāsenti, sabbaṃ na vaṭṭati. Gilāno pana anto kāsāvassa ovaṭṭikaṃ dassetvā aparaṃ upari nivāsetuṃ labhati. Agilānena dve nivāsentena saguṇaṃ katvā nivāsetabbāni. Iti yañca idha paṭikkhittaṃ, yañca sekhiyavaṇṇanāyaṃ; taṃ sabbaṃ vajjetvā nibbikāraṃ timaṇḍalaṃ paṭicchādentena parimaṇḍalaṃ nivāsetabbaṃ. Yaṃkiñci vikāraṃ karonto dukkaṭā na muccati. Na bhikkhave gihipārutaṃ pārupitabbanti evaṃ paṭikkhittaṃ gihipārutaṃ apārupitvā, ubho kaṇṇe samaṃ katvā pārupanaṃ parimaṇḍalapārupanaṃ nāma, taṃ pārupitabbaṃ.
ตตฺถ ยํกิญฺจิ เสตปฎปารุตํ ปริพฺพาชกปารุตํ เอกสาฎกปารุตํ โสณฺฑปารุตํ อเนฺตปุริกปารุตํ มหาเชฎฺฐกปารุตํ กุฎิปเวสกปารุตํ พฺราหฺมณปารุตํ ปาฬิการกปารุตนฺติ เอวมาทิ ปริมณฺฑลลกฺขณโต อญฺญถา ปารุตํ, สพฺพเมตํ คิหิปารุตํ นามฯ ตสฺมา ยถา เสตปฎา อฑฺฒปาลกนิคณฺฐา ปารุปนฺติ, ยถา จ เอกเจฺจ ปริพฺพาชกา อุรํ วิวริตฺวา ทฺวีสุ อํสกูเฎสุ ปาวุรณํ ฐเปนฺติ, ยถา จ เอกสาฎกา มนุสฺสา นิวตฺถสาฎกสฺส เอเกนเนฺตน ปิฎฺฐิํ ปารุปิตฺวา อุโภ กเณฺณ อุโภสุ อํสกูเฎสุ ฐเปนฺติ, ยถา จ สุราโสณฺฑาทโย สาฎเกน คีวํ ปริกฺขิปนฺตา อุโภ อเนฺต อุทเร วา โอลเมฺพนฺติ; ปิฎฺฐิยํ วา ขิปนฺติ, ยถา จ อเนฺตปุริกาโย อกฺขิตารกมตฺตํ ทเสฺสตฺวา โอคุณฺฐิกํ ปารุปนฺติ, ยถา จ มหาเชฎฺฐา ทีฆสาฎกํ นิวาเสตฺวา ตเสฺสว เอเกนเนฺตน สกลสรีรํ ปารุปนฺติ, ยถา จ กสฺสกา เขตฺตกุฎิํ ปวิสนฺตา สาฎกํ ปลิเวเฐตฺวา อุปกจฺฉเก ปกฺขิปิตฺวา ตเสฺสว เอเกนเนฺตน สรีรํ ปารุปนฺติ, ยถา จ พฺราหฺมณา อุภินฺนํ อุปกจฺฉกานํ อนฺตเรน สาฎกํ ปเวเสตฺวา อํสกูเฎสุ ปกฺขิปนฺติ, ยถา จ ปาฬิการโก ภิกฺขุ เอกํสปารุปเนน ปารุตํ วามพาหุํ วิวริตฺวา จีวรํ อํสกูฎํ อาโรเปติ; เอวํ อปารุปิตฺวา สเพฺพปิ เอเต อเญฺญ จ เอวรูเป ปารุปนโทเส วเชฺชตฺวา นิพฺพิการํ ปริมณฺฑลํ ปารุปิตพฺพํฯ ตถา อปารุปิตฺวา อาราเม วา อนฺตรฆเร วา อนาทเรน ยํกิญฺจิ วิการํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ
Tattha yaṃkiñci setapaṭapārutaṃ paribbājakapārutaṃ ekasāṭakapārutaṃ soṇḍapārutaṃ antepurikapārutaṃ mahājeṭṭhakapārutaṃ kuṭipavesakapārutaṃ brāhmaṇapārutaṃ pāḷikārakapārutanti evamādi parimaṇḍalalakkhaṇato aññathā pārutaṃ, sabbametaṃ gihipārutaṃ nāma. Tasmā yathā setapaṭā aḍḍhapālakanigaṇṭhā pārupanti, yathā ca ekacce paribbājakā uraṃ vivaritvā dvīsu aṃsakūṭesu pāvuraṇaṃ ṭhapenti, yathā ca ekasāṭakā manussā nivatthasāṭakassa ekenantena piṭṭhiṃ pārupitvā ubho kaṇṇe ubhosu aṃsakūṭesu ṭhapenti, yathā ca surāsoṇḍādayo sāṭakena gīvaṃ parikkhipantā ubho ante udare vā olambenti; piṭṭhiyaṃ vā khipanti, yathā ca antepurikāyo akkhitārakamattaṃ dassetvā oguṇṭhikaṃ pārupanti, yathā ca mahājeṭṭhā dīghasāṭakaṃ nivāsetvā tasseva ekenantena sakalasarīraṃ pārupanti, yathā ca kassakā khettakuṭiṃ pavisantā sāṭakaṃ paliveṭhetvā upakacchake pakkhipitvā tasseva ekenantena sarīraṃ pārupanti, yathā ca brāhmaṇā ubhinnaṃ upakacchakānaṃ antarena sāṭakaṃ pavesetvā aṃsakūṭesu pakkhipanti, yathā ca pāḷikārako bhikkhu ekaṃsapārupanena pārutaṃ vāmabāhuṃ vivaritvā cīvaraṃ aṃsakūṭaṃ āropeti; evaṃ apārupitvā sabbepi ete aññe ca evarūpe pārupanadose vajjetvā nibbikāraṃ parimaṇḍalaṃ pārupitabbaṃ. Tathā apārupitvā ārāme vā antaraghare vā anādarena yaṃkiñci vikāraṃ karontassa dukkaṭaṃ.
๒๘๑. มุณฺฑวฎฺฎีติ ยถา รโญฺญ กุหิญฺจิ คจฺฉโต ปริกฺขารภณฺฑวหนมนุสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ อนฺตรากาชนฺติ มเชฺฌ ลเคฺคตฺวา ทฺวีหิ วหิตพฺพภารํฯ
281.Muṇḍavaṭṭīti yathā rañño kuhiñci gacchato parikkhārabhaṇḍavahanamanussāti adhippāyo. Antarākājanti majjhe laggetvā dvīhi vahitabbabhāraṃ.
๒๘๒. อจกฺขุสฺสนฺติ จกฺขูนํ หิตํ น โหติ; ปริหานิํ ชเนติฯ นจฺฉาเทตีติ น รุจฺจติฯ อฎฺฐงฺคุลปรมนฺติ มนุสฺสานํ ปมาณงฺคุเลน อฎฺฐงฺคุลปรมํฯ อติมฎาหกนฺติ อติขุทฺทกํฯ
282.Acakkhussanti cakkhūnaṃ hitaṃ na hoti; parihāniṃ janeti. Nacchādetīti na ruccati. Aṭṭhaṅgulaparamanti manussānaṃ pamāṇaṅgulena aṭṭhaṅgulaparamaṃ. Atimaṭāhakanti atikhuddakaṃ.
๒๘๓. ทายํ อาลิเมฺปนฺตีติ ติณวนาทีสุ อคฺคิํ เทนฺติฯ ปฎคฺคินฺติ ปฎิอคฺคิํฯ ปริตฺตนฺติ อปฺปหริตกรเณน วา ปริขาขณเนน วา ปริตฺตาณํฯ เอตฺถ ปน อนุปสมฺปเนฺน สติ สยํ อคฺคิํ ทาตุํ น ลภติ, อสติ อคฺคิมฺปิ ทาตุํ ลภติ, ภูมิํ ตเจฺฉตฺวา ติณานิปิ หริตุํ, ปริขมฺปิ ขณิตุํ, อลฺลสาขํ ภญฺชิตฺวาปิ อคฺคิํ นิพฺพาเปตุํ ลภติ, เสนาสนํ ปตฺตํ วา อปฺปตฺตํ วา ตถา นิพฺพาเปตุํ ลภติเยวฯ อุทเกน ปน กปฺปิเยเนว ลภติ, น อิตเรนฯ
283.Dāyaṃ ālimpentīti tiṇavanādīsu aggiṃ denti. Paṭagginti paṭiaggiṃ. Parittanti appaharitakaraṇena vā parikhākhaṇanena vā parittāṇaṃ. Ettha pana anupasampanne sati sayaṃ aggiṃ dātuṃ na labhati, asati aggimpi dātuṃ labhati, bhūmiṃ tacchetvā tiṇānipi harituṃ, parikhampi khaṇituṃ, allasākhaṃ bhañjitvāpi aggiṃ nibbāpetuṃ labhati, senāsanaṃ pattaṃ vā appattaṃ vā tathā nibbāpetuṃ labhatiyeva. Udakena pana kappiyeneva labhati, na itarena.
๒๘๔. สติ กรณีเยติ สุกฺขกฎฺฐาทิคฺคหณกิเจฺจ สติฯ โปริสิยนฺติ ปุริสปฺปมาณํฯ อาปทาสูติ วาฬมิคาทโย วา ทิสฺวา มคฺคมูโฬฺห วา ทิสา โอโลเกตุกาโม หุตฺวา ทวฑาหํ วา อุทโกฆํ วา อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เอวรูปาสุ อาปทาสุ อติอุจฺจมฺปิ รุกฺขํ อาโรหิตุํ วฎฺฎติฯ
284.Sati karaṇīyeti sukkhakaṭṭhādiggahaṇakicce sati. Porisiyanti purisappamāṇaṃ. Āpadāsūti vāḷamigādayo vā disvā maggamūḷho vā disā oloketukāmo hutvā davaḍāhaṃ vā udakoghaṃ vā āgacchantaṃ disvā evarūpāsu āpadāsu atiuccampi rukkhaṃ ārohituṃ vaṭṭati.
๒๘๕. กลฺยาณวากฺกรณาติ มธุรสทฺทาฯ ฉนฺทโส อาโรเปมาติ เวทํ วิย สกฺกตภาสาย วาจนามคฺคํ อาโรเปมฯ สกาย นิรุตฺติยาติ เอตฺถ สกา นิรุตฺติ นาม สมฺมาสมฺพุเทฺธน วุตฺตปฺปกาโร มาคธิโก โวหาโรฯ
285.Kalyāṇavākkaraṇāti madhurasaddā. Chandaso āropemāti vedaṃ viya sakkatabhāsāya vācanāmaggaṃ āropema. Sakāya niruttiyāti ettha sakā nirutti nāma sammāsambuddhena vuttappakāro māgadhiko vohāro.
๒๘๖. โลกายตํ นาม สพฺพํ อุจฺฉิฎฺฐํ, สพฺพํ อนุจฺฉิฎฺฐํ, เสโต กาโก, กาโฬ พโก; อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ เอวมาทินิรตฺถกการณปฎิสํยุตฺตํ ติตฺถิยสตฺถํฯ
286.Lokāyataṃ nāma sabbaṃ ucchiṭṭhaṃ, sabbaṃ anucchiṭṭhaṃ, seto kāko, kāḷo bako; iminā ca iminā ca kāraṇenāti evamādiniratthakakāraṇapaṭisaṃyuttaṃ titthiyasatthaṃ.
๒๘๘. อนฺตรา อโหสีติ อนฺตริตา อโหสิ ปฎิจฺฉนฺนาฯ
288.Antarā ahosīti antaritā ahosi paṭicchannā.
๒๘๙. อาพาธปฺปจฺจยาติ ยสฺส อาพาธสฺส ลสุณํ เภสชฺชํ; ตปฺปจฺจยาติ อโตฺถฯ
289.Ābādhappaccayāti yassa ābādhassa lasuṇaṃ bhesajjaṃ; tappaccayāti attho.
๒๙๐. ปสฺสาวปาทุกนฺติ เอตฺถ ปาทุกา อิฎฺฐกาหิปิ สิลาหิปิ ทารูหิปิ กาตุํ วฎฺฎติฯ วจฺจปาทุกายปิ เอเสว นโยฯ ปริเวณนฺติ วจฺจกุฎิปริเกฺขปพฺภนฺตรํฯ
290.Passāvapādukanti ettha pādukā iṭṭhakāhipi silāhipi dārūhipi kātuṃ vaṭṭati. Vaccapādukāyapi eseva nayo. Pariveṇanti vaccakuṭiparikkhepabbhantaraṃ.
๒๙๓. ยถาธโมฺม กาเรตโพฺพติ ทุกฺกฎวตฺถุมฺหิ ทุกฺกเฎน ปาจิตฺติยวตฺถุมฺหิ ปาจิตฺติเยน กาเรตโพฺพฯ ปหรณตฺถํ กตํ ปหรณีติ วุจฺจติ, ยสฺส กสฺสจิ อาวุธสงฺขาตเสฺสตํ อธิวจนํ, ตํ ฐเปตฺวา อญฺญํ สพฺพํ โลหภณฺฑํ อนุชานามีติ อโตฺถฯ กตกญฺจ กุมฺภการิกญฺจาติ เอตฺถ กตกํ วุตฺตเมวฯ กุมฺภการิกญฺจาติ ธนิยเสฺสว สพฺพมตฺติกามยกุฎิ วุจฺจติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
293.Yathādhammokāretabboti dukkaṭavatthumhi dukkaṭena pācittiyavatthumhi pācittiyena kāretabbo. Paharaṇatthaṃ kataṃ paharaṇīti vuccati, yassa kassaci āvudhasaṅkhātassetaṃ adhivacanaṃ, taṃ ṭhapetvā aññaṃ sabbaṃ lohabhaṇḍaṃ anujānāmīti attho. Katakañca kumbhakārikañcāti ettha katakaṃ vuttameva. Kumbhakārikañcāti dhaniyasseva sabbamattikāmayakuṭi vuccati. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ขุทฺทกวตฺถุกถา นิฎฺฐิตาฯ
Khuddakavatthukathā niṭṭhitā.
ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Khuddakavatthukkhandhakavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi / ขุทฺทกวตฺถูนิ • Khuddakavatthūni
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ขุทฺทกวตฺถุกถาวณฺณนา • Khuddakavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ขุทฺทกวตฺถุกถาวณฺณนา • Khuddakavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ขุทฺทกวตฺถุกถาวณฺณนา • Khuddakavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ขุทฺทกวตฺถุกถา • Khuddakavatthukathā