Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    ๕. ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธโก

    5. Khuddakavatthukkhandhako

    ขุทฺทกวตฺถุกถาวณฺณนา

    Khuddakavatthukathāvaṇṇanā

    ๒๔๓. ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธเก อฎฺฐปทากาเรนาติ ชูตผลเก อฎฺฐคพฺภราชิอากาเรนฯ มลฺลกมูลสณฺฐาเนนาติ เขฬมลฺลกมูลสณฺฐาเนนฯ อิทญฺจ วฎฺฎาธารกํ สนฺธาย วุตฺตํ, กณฺฎเก อุฎฺฐาเปตฺวา กตวฎฺฎกปาลเสฺสตํ อธิวจนํฯ

    243. Khuddakavatthukkhandhake aṭṭhapadākārenāti jūtaphalake aṭṭhagabbharājiākārena. Mallakamūlasaṇṭhānenāti kheḷamallakamūlasaṇṭhānena. Idañca vaṭṭādhārakaṃ sandhāya vuttaṃ, kaṇṭake uṭṭhāpetvā katavaṭṭakapālassetaṃ adhivacanaṃ.

    ๒๔๔. ปุถุปาณิกนฺติ มุฎฺฐิํ อกตฺวา วิกสิตหตฺถตเลหิ ปิฎฺฐิปริกมฺมํ วุจฺจติฯ เอตเมว สนฺธาย ‘‘หตฺถปริกมฺม’’นฺติ วุตฺตํฯ

    244.Puthupāṇikanti muṭṭhiṃ akatvā vikasitahatthatalehi piṭṭhiparikammaṃ vuccati. Etameva sandhāya ‘‘hatthaparikamma’’nti vuttaṃ.

    ๒๔๕. มุโตฺตลมฺพกาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน กุณฺฑลาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ปลมฺพกสุตฺตนฺติ พฺราหฺมณานํ ยโญฺญปจิตสุตฺตาทิอาการํ วุจฺจติฯ วลยนฺติ หตฺถปาทวลยํฯ

    245.Muttolambakādīnanti ādi-saddena kuṇḍalādiṃ saṅgaṇhāti. Palambakasuttanti brāhmaṇānaṃ yaññopacitasuttādiākāraṃ vuccati. Valayanti hatthapādavalayaṃ.

    ๒๔๖. ทฺวงฺคุเลติ อุปโยคพหุวจนํ, ทฺวงฺคุลปฺปมาณํ อติกฺกาเมตุํ น วฎฺฎตีติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ทุมาสสฺส วา ทฺวงฺคุลสฺส วา อติกฺกนฺตภาวํ อชานนฺตสฺสาปิ เกสมสฺสุคณนาย อจิตฺตกาปตฺติโย โหนฺตีติ วทนฺติฯ

    246.Dvaṅguleti upayogabahuvacanaṃ, dvaṅgulappamāṇaṃ atikkāmetuṃ na vaṭṭatīti attho. Ettha ca dumāsassa vā dvaṅgulassa vā atikkantabhāvaṃ ajānantassāpi kesamassugaṇanāya acittakāpattiyo hontīti vadanti.

    โกเจฺฉนาติ อุสีรติณาทีนิ พนฺธิตฺวา สมํ ฉินฺทิตฺวา คหิตโกเจฺฉนฯ จิกฺกเลนาติ สิเลสยุตฺตเตเลนฯ อุณฺหาภิตตฺตรชสิรานมฺปีติ อุณฺหาภิตตฺตานํ รโชกิณฺณสิรานํฯ อทฺทหเตฺถนาติ อลฺลหเตฺถนฯ

    Kocchenāti usīratiṇādīni bandhitvā samaṃ chinditvā gahitakocchena. Cikkalenāti silesayuttatelena. Uṇhābhitattarajasirānampīti uṇhābhitattānaṃ rajokiṇṇasirānaṃ. Addahatthenāti allahatthena.

    ๒๔๘-๙. สาธุคีตนฺติ อนิจฺจตาทิปฎิสญฺญุตฺตํ คีตํฯ จตุรเสฺสน วเตฺตนาติ ปริปุเณฺณน อุจฺจารณวเตฺตนฯ ตรงฺควตฺตาทีนํ สเพฺพสมฺปิ สามญฺญลกฺขณํ ทเสฺสตุํ ‘‘สเพฺพสํ…เป.… ลกฺขณ’’นฺติ วุตฺตํฯ ยตฺตกาหิ มตฺตาหิ อกฺขรํ ปริปุณฺณํ โหติ, ตโตปิ อธิกมตฺตายุตฺตํ กตฺวา กถนํ วิการกถนํ นาม, ตถา อกตฺวา กถนเมว ลกฺขณนฺติ อโตฺถฯ พาหิรโลมินฺติ ภาวนปุํสกนิเทฺทโส, ยถา พหิทฺธา โลมานิ ทิสฺสนฺติ, เอวํ ธาเรนฺตสฺส ทุกฺกฎนฺติ อโตฺถฯ

    248-9.Sādhugītanti aniccatādipaṭisaññuttaṃ gītaṃ. Caturassena vattenāti paripuṇṇena uccāraṇavattena. Taraṅgavattādīnaṃ sabbesampi sāmaññalakkhaṇaṃ dassetuṃ ‘‘sabbesaṃ…pe… lakkhaṇa’’nti vuttaṃ. Yattakāhi mattāhi akkharaṃ paripuṇṇaṃ hoti, tatopi adhikamattāyuttaṃ katvā kathanaṃ vikārakathanaṃ nāma, tathā akatvā kathanameva lakkhaṇanti attho. Bāhiralominti bhāvanapuṃsakaniddeso, yathā bahiddhā lomāni dissanti, evaṃ dhārentassa dukkaṭanti attho.

    ๒๕๐. ปาฬิยํ ตรุณเญฺญว อมฺพนฺติ ตรุณํ อสญฺชาตพีชํ เอว อมฺพผลํฯ ปาตาเปตฺวาติ ฉินฺทาเปตฺวาวฯ ‘‘มตฺตาวณฺณิตา’’ติ อิทํ ‘‘ปเร นินฺทนฺตี’’ติ สาสนหิเตสิตาย วุตฺตํฯ น ปริยาปุณิํสูติ นาสิกฺขิํสุฯ

    250. Pāḷiyaṃ taruṇaññeva ambanti taruṇaṃ asañjātabījaṃ eva ambaphalaṃ. Pātāpetvāti chindāpetvāva. ‘‘Mattāvaṇṇitā’’ti idaṃ ‘‘pare nindantī’’ti sāsanahitesitāya vuttaṃ. Na pariyāpuṇiṃsūti nāsikkhiṃsu.

    ๒๕๑. จตฺตาริ อหิราชกุลานีติ สเพฺพสํ อหิเภทานํ จตูสุ เอว สงฺคหโต วุตฺตํฯ อตฺตปริตฺตํ กาตุนฺติ อตฺตโน ปริตฺตาณํ กาตุํฯ

    251.Cattāri ahirājakulānīti sabbesaṃ ahibhedānaṃ catūsu eva saṅgahato vuttaṃ. Attaparittaṃ kātunti attano parittāṇaṃ kātuṃ.

    วิรูปเกฺขหิ เม เมตฺตนฺติ วิรูปกฺขชาติเกหิ นาเคหิ สห มยฺหํ มิตฺตภาโว โหตุ, เมตฺตา โหตูติ อโตฺถ, เต สุขิตา นิทฺทุกฺขา อเวรา โหนฺตูติ อธิปฺปาโยฯ เอวญฺหิ เมตฺตาผรณํ โหติฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ อปาทเกหีติ อหิกุเลหิ สห สพฺพสเตฺตสุ โอธิโส เมตฺตาผรณทสฺสนํฯ มา มํ อปาทโก หิํสีติ ตาย เมตฺตาย อตฺตรกฺขาวิธานทสฺสนํฯ

    Virūpakkhehi me mettanti virūpakkhajātikehi nāgehi saha mayhaṃ mittabhāvo hotu, mettā hotūti attho, te sukhitā niddukkhā averā hontūti adhippāyo. Evañhi mettāpharaṇaṃ hoti. Sesesupi eseva nayo. Apādakehīti ahikulehi saha sabbasattesu odhiso mettāpharaṇadassanaṃ. Mā maṃ apādako hiṃsīti tāya mettāya attarakkhāvidhānadassanaṃ.

    สเพฺพ สตฺตาติอาทิ อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา สพฺพสเตฺตสุ อโนธิโส เมตฺตาผรณทสฺสนํฯ ตตฺถ มา กญฺจิ ปาปมาคมาติ กญฺจิ สตฺตํ ลามกํ ทุกฺขเหตุ, ทุกฺขญฺจ มา อาคจฺฉตุฯ

    Sabbe sattātiādi attānaṃ upamaṃ katvā sabbasattesu anodhiso mettāpharaṇadassanaṃ. Tattha mā kañci pāpamāgamāti kañci sattaṃ lāmakaṃ dukkhahetu, dukkhañca mā āgacchatu.

    เอวํ เมตฺตาย อตฺตคุตฺติํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ รตนตฺตยานุสฺสรเณน ทเสฺสตุํ ‘‘อปฺปมาโณ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปมาณกรธมฺมา อกุสลา, ตพฺพิปากา จ ปมาณา, ตปฺปฎิปกฺขา สีลาทโย คุณา, ตพฺพิปากา จ โลกิยโลกุตฺตรผลานิ อปฺปมาณา, เต อสฺส อตฺถีติ อปฺปมาโณ, อปฺปมาณา วา อปริเมยฺยคุณา อสฺสาติปิ อปฺปมาโณฯ ปมาณวนฺตานีติ ยถาวุตฺตปมาณกรธมฺมยุตฺตานิฯ อหิวิจฺฉิกาติ สรีสปานเญฺญว ปเภททสฺสนํฯ อุณฺณนาภีติ โลมสนาภิโก มกฺกโฎฯ สรพูติ ฆรโคฬิกาฯ

    Evaṃ mettāya attaguttiṃ dassetvā idāni ratanattayānussaraṇena dassetuṃ ‘‘appamāṇo’’tiādi vuttaṃ. Tattha pamāṇakaradhammā akusalā, tabbipākā ca pamāṇā, tappaṭipakkhā sīlādayo guṇā, tabbipākā ca lokiyalokuttaraphalāni appamāṇā, te assa atthīti appamāṇo, appamāṇā vā aparimeyyaguṇā assātipi appamāṇo. Pamāṇavantānīti yathāvuttapamāṇakaradhammayuttāni. Ahivicchikāti sarīsapānaññeva pabhedadassanaṃ. Uṇṇanābhīti lomasanābhiko makkaṭo. Sarabūti gharagoḷikā.

    ปฎิกฺกมนฺตูติ อปคจฺฉนฺตุ, มา มํ วิเหสยิํสูติ อโตฺถฯ โสหํ นโมติ เอตฺถ ‘‘กโรมี’’ติ ปาฐเสโสฯ ยสฺมา มยา เมตฺตาทีหิ ตุมฺหากญฺจ มยฺหญฺจ รกฺขา กตา, ยสฺมา จ โสหํ ภควโต นโม กโรมิ, วิปสฺสีอาทีนํ สตฺตนฺนมฺปิ นโม กโรมิ, ตสฺมา ปฎิกฺกมนฺตุ ภูตานีติ โยชนาฯ

    Paṭikkamantūti apagacchantu, mā maṃ vihesayiṃsūti attho. Sohaṃ namoti ettha ‘‘karomī’’ti pāṭhaseso. Yasmā mayā mettādīhi tumhākañca mayhañca rakkhā katā, yasmā ca sohaṃ bhagavato namo karomi, vipassīādīnaṃ sattannampi namo karomi, tasmā paṭikkamantu bhūtānīti yojanā.

    อญฺญมฺหีติ กามราเค อสุภมนสิการาทินา เฉตเพฺพติ อโตฺถฯ องฺคชาตนฺติ พีชวิรหิตํ ปุริสนิมิตฺตํฯ พีเช หิ ฉิเนฺน โอปกฺกมิกปณฺฑโก นาม อภโพฺพ โหตีติ วทนฺติฯ เอเก ปน ‘‘พีชสฺสาปิ เฉทนกฺขเณ ทุกฺกฎาปตฺติ เอว กเมน ปุริสินฺทฺริยาทิเก อนฺตรหิเต ปณฺฑโก นาม อภโพฺพ โหติ, ตทา ลิงฺคนาสนาย นาเสตโพฺพ’’ติ วทนฺติฯ ตาทิสํ วา ทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺตสฺสาติ มุฎฺฐิปฺปหาราทีหิ อตฺตโน ทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺตสฺสฯ

    Aññamhīti kāmarāge asubhamanasikārādinā chetabbeti attho. Aṅgajātanti bījavirahitaṃ purisanimittaṃ. Bīje hi chinne opakkamikapaṇḍako nāma abhabbo hotīti vadanti. Eke pana ‘‘bījassāpi chedanakkhaṇe dukkaṭāpatti eva kamena purisindriyādike antarahite paṇḍako nāma abhabbo hoti, tadā liṅganāsanāya nāsetabbo’’ti vadanti. Tādisaṃ vā dukkhaṃ uppādentassāti muṭṭhippahārādīhi attano dukkhaṃ uppādentassa.

    ๒๕๒. ปาฬิยํ ตุเยฺหโส ปโตฺตติ ‘‘โย จ อรหา เจว อิทฺธิมา จ, ตสฺส ทินฺนเมวา’’ติ เสฎฺฐินา วุตฺตํ, ตํ สนฺธาย วทติฯ ตํ ปตฺตํ คเหตฺวา ติกฺขตฺตุํ ราชคหํ อนุปริยายีติ เอตฺถ เวฬุปรมฺปราย พทฺธปตฺตสฺส อุปริภาเค อากาเส นครํ ติกฺขตฺตุํ อนุปริยายิตฺวา ฐิตภาวํ สนฺธาย ‘‘ปตฺตํ คเหตฺวา’’ติ วุตฺตํ, น ปน เถโร หเตฺถน ปตฺตํ สยเมว อคฺคเหสิฯ เกจิ ปน วทนฺติ ‘‘อิทฺธิพเลน ตํ ปตฺตํ เวฬุปรมฺปรโต มุญฺจิตฺวา เถรํ อนุพนฺธมาโน อฎฺฐาสิ, โส จ อเนน หเตฺถน คหิโต วิย อโหสี’’ติฯ ตถา ฐิตเมว ปน สนฺธาย ‘‘ภารทฺวาชสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ เต จ มนุสฺสา…เป.… อนุพนฺธิํสูติ เย จ มนุสฺสา ปฐมํ ปาฎิหาริยํ นาทฺทสํสุ, เต อมฺหากมฺปิ ปาฎิหาริยํ ทเสฺสหีติ เถรมนุพนฺธิํสุฯ เถโร จ สีหพฺยคฺฆาทิรูปํ คเหตฺวา วิกุพฺพนิทฺธิํ ทเสฺสติ, เต จ อจฺฉริยพฺภุตชาตา อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา อเหสุํฯ เตนาห ‘‘กิํ นุ โข โส, อานนฺท, อุจฺจาสโทฺท มหาสโทฺท’’ติฯ อิทฺธิปาฎิหาริยํ น ทเสฺสตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘โย ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา กุมารวณฺณํ วา ทเสฺสติ, นาควณฺณํ วา…เป.… วิวิธมฺปิ เสนาพฺยูหํ ทเสฺสตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๓.๑๓) เอวมาคตา อตฺตโน สรีรสฺส วิการาปาทนวสปฺปวตฺตา วิกุพฺพนิทฺธิ อธิเปฺปตาติ อาห ‘‘อธิฎฺฐานิทฺธิ ปน อปฺปฎิกฺขิตฺตา’’ติฯ ปกติยา เอโก พหุกํ อาวชฺชติ, สตํ วา สหสฺสํ วา สตสหสฺสํ วา อาวเชฺชตฺวา ญาเณน อธิฎฺฐาติ ‘‘พหุโก โหมี’’ติ (ปฎิ. ม. ๓.๑๐) เอวํ ทสฺสิตา อธิฎฺฐานวเสน นิปฺผนฺนา อธิฎฺฐานิทฺธิ นามฯ คิหิวิกฎานีติ คิหิสนฺตกานิฯ

    252. Pāḷiyaṃ tuyheso pattoti ‘‘yo ca arahā ceva iddhimā ca, tassa dinnamevā’’ti seṭṭhinā vuttaṃ, taṃ sandhāya vadati. Taṃ pattaṃ gahetvā tikkhattuṃ rājagahaṃ anupariyāyīti ettha veḷuparamparāya baddhapattassa uparibhāge ākāse nagaraṃ tikkhattuṃ anupariyāyitvā ṭhitabhāvaṃ sandhāya ‘‘pattaṃ gahetvā’’ti vuttaṃ, na pana thero hatthena pattaṃ sayameva aggahesi. Keci pana vadanti ‘‘iddhibalena taṃ pattaṃ veḷuparamparato muñcitvā theraṃ anubandhamāno aṭṭhāsi, so ca anena hatthena gahito viya ahosī’’ti. Tathā ṭhitameva pana sandhāya ‘‘bhāradvājassa hatthato pattaṃ gahetvā’’ti vuttaṃ. Te ca manussā…pe… anubandhiṃsūti ye ca manussā paṭhamaṃ pāṭihāriyaṃ nāddasaṃsu, te amhākampi pāṭihāriyaṃ dassehīti theramanubandhiṃsu. Thero ca sīhabyagghādirūpaṃ gahetvā vikubbaniddhiṃ dasseti, te ca acchariyabbhutajātā uccāsaddā mahāsaddā ahesuṃ. Tenāha ‘‘kiṃ nu kho so, ānanda, uccāsaddo mahāsaddo’’ti. Iddhipāṭihāriyaṃ na dassetabbanti ettha ‘‘yo pakativaṇṇaṃ vijahitvā kumāravaṇṇaṃ vā dasseti, nāgavaṇṇaṃ vā…pe… vividhampi senābyūhaṃ dassetī’’ti (paṭi. ma. 3.13) evamāgatā attano sarīrassa vikārāpādanavasappavattā vikubbaniddhi adhippetāti āha ‘‘adhiṭṭhāniddhi pana appaṭikkhittā’’ti. Pakatiyā eko bahukaṃ āvajjati, sataṃ vā sahassaṃ vā satasahassaṃ vā āvajjetvā ñāṇena adhiṭṭhāti ‘‘bahuko homī’’ti (paṭi. ma. 3.10) evaṃ dassitā adhiṭṭhānavasena nipphannā adhiṭṭhāniddhi nāma. Gihivikaṭānīti gihisantakāni.

    ๒๕๓. ปาฬิยํ น อจฺฉุปิยนฺตีติ น ผุสิตานิ โหนฺติฯ รูปกากิณฺณานีติ อิตฺถิรูปาทีหิ อากิณฺณานิฯ

    253. Pāḷiyaṃ na acchupiyantīti na phusitāni honti. Rūpakākiṇṇānīti itthirūpādīhi ākiṇṇāni.

    ๒๕๔. ภูมิอาธารเกติ ทนฺตาทีหิ กเต วลยาธารเกฯ เอตสฺส วลยาธารกสฺส อนุจฺจตาย ฐปิตา ปตฺตา น ปริปตนฺตีติ ‘‘ตโย ปเตฺต ฐเปตุํ วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ อนุจฺจตญฺหิ สนฺธาย อยํ ‘‘ภูมิอาธารโก’’ติ วุโตฺตฯ ทารุอาธารกทณฺฑาธารเกสูติ เอกทารุนา กตอาธารเก, พหูหิ ทเณฺฑหิ กตอาธารเก จฯ เอเต จ อุจฺจตรา โหนฺติ ปเตฺตหิ สห ปตนสภาวาฯ เตน ‘‘สุสชฺชิเตสู’’ติ วุตฺตํฯ ภมโกฎิสทิโสติ ยตฺถ ธมกรณาทิํ ปเวเสตฺวา ลิขนฺติ, ตสฺส ภมกสฺส โกฎิยา สทิโสฯ ตาทิสสฺส ทารุอาธารกสฺส อวิตฺถิณฺณตาย ฐปิโตปิ ปโตฺต ปตตีติ ‘‘อโนกาโส’’ติ วุโตฺตฯ

    254.Bhūmiādhāraketi dantādīhi kate valayādhārake. Etassa valayādhārakassa anuccatāya ṭhapitā pattā na paripatantīti ‘‘tayo patteṭhapetuṃ vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Anuccatañhi sandhāya ayaṃ ‘‘bhūmiādhārako’’ti vutto. Dāruādhārakadaṇḍādhārakesūti ekadārunā kataādhārake, bahūhi daṇḍehi kataādhārake ca. Ete ca uccatarā honti pattehi saha patanasabhāvā. Tena ‘‘susajjitesū’’ti vuttaṃ. Bhamakoṭisadisoti yattha dhamakaraṇādiṃ pavesetvā likhanti, tassa bhamakassa koṭiyā sadiso. Tādisassa dāruādhārakassa avitthiṇṇatāya ṭhapitopi patto patatīti ‘‘anokāso’’ti vutto.

    อาลินฺทกมิฑฺฒิกาทีนนฺติ ปมุขมิฑฺฒิกาทีนํ, อุจฺจวตฺถุกานนฺติ อโตฺถฯ พาหิรปเสฺสติ ปาสาทาทีนํ พหิกุเฎฺฎฯ ตนุกมิฑฺฒิกายาติ เวทิกายฯ สพฺพตฺถ ปน หตฺถปฺปมาณโต อพฺภนฺตเร ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ อาธาเร ปน ตโต พหิปิ วฎฺฎติฯ

    Ālindakamiḍḍhikādīnanti pamukhamiḍḍhikādīnaṃ, uccavatthukānanti attho. Bāhirapasseti pāsādādīnaṃ bahikuṭṭe. Tanukamiḍḍhikāyāti vedikāya. Sabbattha pana hatthappamāṇato abbhantare ṭhapetuṃ vaṭṭati. Ādhāre pana tato bahipi vaṭṭati.

    ปาฬิยํ โอโฎฺฐติ มุขวฎฺฎิฯ ปตฺตมาฬกนฺติ อุปจิกานํ อนุฎฺฐหนตฺถาย ภูมิโต อุจฺจตรํ กตํ เวทิกาการมาฬกํฯ มหามุขกุณฺฑสณฺฐานาติ มหามุขจาฎิสณฺฐานาฯ ลเคฺคนฺตสฺส ทุกฺกฎนฺติ เกวลํ ปตฺตํ ลเคฺคนฺตสฺส, น ถวิกาย ลเคฺคนฺตสฺสาติ วทนฺติฯ วีมํสิตพฺพํฯ อเญฺญน ปน ภณฺฑเกนาติ อเญฺญน ภารพนฺธเนน ภณฺฑเกนฯ ‘‘พนฺธิตฺวา โอลเมฺพตุ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ปตฺตตฺถวิกาย อํสพทฺธโก ยถา ลคฺคิตฎฺฐานโต น ปริคฬติ, ตถา สพฺพถาปิ พนฺธิตฺวา ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ พนฺธิตฺวาปิ อุปริ ฐเปตุํ น วฎฺฎตีติ อุปริ นิสีทนฺตา โอตฺถริตฺวา ภินฺทนฺตีติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ฐเปตุํ วฎฺฎตีติ นิสีทนสงฺกาภาวโต วุตฺตํฯ พนฺธิตฺวา วาติ พนฺธิตฺวา ฐปิตฉเตฺต วาฯ โย โกจีติ ภตฺตปูโรปิ ตุจฺฉปโตฺตปิฯ

    Pāḷiyaṃ oṭṭhoti mukhavaṭṭi. Pattamāḷakanti upacikānaṃ anuṭṭhahanatthāya bhūmito uccataraṃ kataṃ vedikākāramāḷakaṃ. Mahāmukhakuṇḍasaṇṭhānāti mahāmukhacāṭisaṇṭhānā. Laggentassa dukkaṭanti kevalaṃ pattaṃ laggentassa, na thavikāya laggentassāti vadanti. Vīmaṃsitabbaṃ. Aññena pana bhaṇḍakenāti aññena bhārabandhanena bhaṇḍakena. ‘‘Bandhitvā olambetu’’nti vuttattā pattatthavikāya aṃsabaddhako yathā laggitaṭṭhānato na parigaḷati, tathā sabbathāpi bandhitvā ṭhapetuṃ vaṭṭati. Bandhitvāpi upari ṭhapetuṃ na vaṭṭatīti upari nisīdantā ottharitvā bhindantīti vuttaṃ. Tattha ṭhapetuṃ vaṭṭatīti nisīdanasaṅkābhāvato vuttaṃ. Bandhitvā vāti bandhitvā ṭhapitachatte vā. Yo kocīti bhattapūropi tucchapattopi.

    ๒๕๕. ปริหริตุนฺติ ทิวเส ทิวเส ปิณฺฑาย จรณตฺถาย ฐเปตุํฯ ปตฺตํ อลภเนฺตน ปน เอกทิวสํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุญฺชิตฺวา ฉเฑฺฑตุํ วฎฺฎติฯ เตนาห ‘‘ตาวกาลิกํ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ ปณฺณปุฎาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อภุํ เมติ อภูติ มยฺหํ, วินาโส มยฺหนฺติ อโตฺถฯ ปาฬิยํ ปิสาโจ วตมนฺติ ปิสาโจ วตายํ, อยเมว วา ปาโฐฯ ปิสาจิลฺลิกาติ ปิสาจทารกาฯ ฉวสีสสฺส ปโตฺตติ ฉวสีสมโย ปโตฺตฯ ปกติวิการสมฺพเนฺธ เจตํ สามิวจนํฯ

    255.Pariharitunti divase divase piṇḍāya caraṇatthāya ṭhapetuṃ. Pattaṃ alabhantena pana ekadivasaṃ piṇḍāya caritvā bhuñjitvā chaḍḍetuṃ vaṭṭati. Tenāha ‘‘tāvakālikaṃ paribhuñjituṃ vaṭṭatī’’ti. Paṇṇapuṭādīsupi eseva nayo. Abhuṃ meti abhūti mayhaṃ, vināso mayhanti attho. Pāḷiyaṃ pisāco vatamanti pisāco vatāyaṃ, ayameva vā pāṭho. Pisācillikāti pisācadārakā. Chavasīsassa pattoti chavasīsamayo patto. Pakativikārasambandhe cetaṃ sāmivacanaṃ.

    จเพฺพตฺวาติ นิฎฺฐุภิตฺวาฯ ‘‘ปฎิคฺคหํ กตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา อุจฺฉิฎฺฐหเตฺถน อุทกํ คเหตฺวา ปตฺตํ ปริโปฺผสิตฺวา โธวนฆํสนวเสน หตฺถํ โธวิตุํ วฎฺฎติ, เอตฺตเกน ปตฺตํ ปฎิคฺคหํ กตฺวา หโตฺถ โธวิโต นาม น โหติฯ เอกํ อุทกคณฺฑุสํ คเหตฺวาติ ปตฺตํ อผุสิตฺวา ตตฺถ อุทกเมว อุจฺฉิฎฺฐหเตฺถน อุกฺขิปิตฺวา คณฺฑุสํ กตฺวา, วามหเตฺถเนว วา ปตฺตํ อุกฺขิปิตฺวา มุเขน คณฺฑุสํ คเหตุมฺปิ วฎฺฎติฯ พหิ อุทเกน วิกฺขาเลตฺวาติ ทฺวีสุ องฺคุลีสุ อามิสมตฺตํ วิกฺขาเลตฺวา พหิ คเหตุมฺปิ วฎฺฎติฯ ปฎิขาทิตุกาโมติ เอตฺถ น สยํ ขาทิตุกาโมปิ อเญฺญสํ ขาทนารหํ ฐเปตุํ ลภติ ฯ ตเตฺถว กตฺวาติ ปเตฺตเยว ยถาฐปิตฎฺฐานโต อนุทฺธริตฺวาฯ ลุญฺจิตฺวาติ ตโต มํสเมว นิรวเสสํ อุปฺปเฎฺฎตฺวาฯ

    Cabbetvāti niṭṭhubhitvā. ‘‘Paṭiggahaṃ katvā’’ti vuttattā ucchiṭṭhahatthena udakaṃ gahetvā pattaṃ paripphositvā dhovanaghaṃsanavasena hatthaṃ dhovituṃ vaṭṭati, ettakena pattaṃ paṭiggahaṃ katvā hattho dhovito nāma na hoti. Ekaṃ udakagaṇḍusaṃ gahetvāti pattaṃ aphusitvā tattha udakameva ucchiṭṭhahatthena ukkhipitvā gaṇḍusaṃ katvā, vāmahattheneva vā pattaṃ ukkhipitvā mukhena gaṇḍusaṃ gahetumpi vaṭṭati. Bahi udakena vikkhāletvāti dvīsu aṅgulīsu āmisamattaṃ vikkhāletvā bahi gahetumpi vaṭṭati. Paṭikhāditukāmoti ettha na sayaṃ khāditukāmopi aññesaṃ khādanārahaṃ ṭhapetuṃ labhati . Tattheva katvāti patteyeva yathāṭhapitaṭṭhānato anuddharitvā. Luñcitvāti tato maṃsameva niravasesaṃ uppaṭṭetvā.

    ๒๕๖. กิณฺณจุเณฺณนาติ สุรากิณฺณจุเณฺณนฯ มเกฺขตุนฺติ สูจิํ มเกฺขตุํฯ นิเสฺสณิมฺปีติ จตูหิ ทเณฺฑหิ จีวรปฺปมาเณน อายตจตุรสฺสํ กตฺวา พทฺธปฎลมฺปิฯ เอตฺถ หิ จีวรโกฎิโย สมกํ พนฺธิตฺวา จีวรํ ยถาสุขํ สิพฺพนฺติฯ ตตฺถ อตฺถริตพฺพนฺติ ตสฺสา นิเสฺสณิยา อุปริ จีวรสฺส อุปตฺถมฺภนตฺถาย อตฺถริตพฺพํฯ กถินสงฺขาตาย นิเสฺสณิยา จีวรสฺส พนฺธนกรชฺชุ กถินรชฺชูติ มชฺฌิมปทโลปีสมาโสติ อาห ‘‘ยายา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ยสฺมา ทฺวินฺนํ ปฎลานํ เอกสฺมิํ อธิเก ชาเต ตตฺถ วลิโย โหนฺติ, ตสฺมา ทุปฎฺฎจีวรสฺส ปฎลทฺวยมฺปิ สมกํ กตฺวา พนฺธนกรชฺชุ กถินรชฺชูติ เวทิตพฺพํฯ

    256.Kiṇṇacuṇṇenāti surākiṇṇacuṇṇena. Makkhetunti sūciṃ makkhetuṃ. Nisseṇimpīti catūhi daṇḍehi cīvarappamāṇena āyatacaturassaṃ katvā baddhapaṭalampi. Ettha hi cīvarakoṭiyo samakaṃ bandhitvā cīvaraṃ yathāsukhaṃ sibbanti. Tattha attharitabbanti tassā nisseṇiyā upari cīvarassa upatthambhanatthāya attharitabbaṃ. Kathinasaṅkhātāya nisseṇiyā cīvarassa bandhanakarajju kathinarajjūti majjhimapadalopīsamāsoti āha ‘‘yāyā’’tiādi. Tattha yasmā dvinnaṃ paṭalānaṃ ekasmiṃ adhike jāte tattha valiyo honti, tasmā dupaṭṭacīvarassa paṭaladvayampi samakaṃ katvā bandhanakarajju kathinarajjūti veditabbaṃ.

    ปาฬิยํ กถินสฺส อโนฺต ชีรตีติ กถิเน พทฺธสฺส จีวรสฺส ปริยโนฺต ชีรติฯ กถินนิสฺสิตญฺหิ จีวรํ อิธ นิสฺสยโวหาเรน ‘‘กถิน’’นฺติ วุตฺตํ ‘‘มญฺจา โฆสนฺตี’’ติอาทีสุ วิยฯ อนุวาตํ ปริภณฺฑนฺติ กถิเน พนฺธนรชฺชูหิ จีวรสฺส สมนฺตา ปริยนฺตสฺส อชีรณตฺถํ เยหิ เกหิจิ โจฬเกหิ ทีฆโต อนุวาตํ, ติริยโต ปริภณฺฑญฺจ สิพฺพิตฺวา กาตุํ ยตฺถ รชฺชุเก ปเวเสตฺวา ทเณฺฑสุ ปลิเวเฐตฺวา จีวรสมกํ อากฑฺฒิตุํ สกฺกา, ตาทิสนฺติ อโตฺถฯ เกจิ ปน ‘‘กถินสงฺขาเตสุ กิลญฺชาทีสุ เอว อชีรณตฺถาย อนุวาตปริภณฺฑกรณํ อนุญฺญาต’’นฺติ วทนฺติฯ ตสฺส มเชฺฌติ ปุราณกถินเสฺสว อโนฺตฯ ภิกฺขุโน ปมาเณนาติ ภิกฺขุโน จีวรสฺส ปมาเณนฯ อญฺญํ นิเสฺสณินฺติ ทีฆโต จ ติริยโต จ อญฺญํ ทณฺฑํ ฐเปตฺวา พนฺธิตุํฯ

    Pāḷiyaṃ kathinassa anto jīratīti kathine baddhassa cīvarassa pariyanto jīrati. Kathinanissitañhi cīvaraṃ idha nissayavohārena ‘‘kathina’’nti vuttaṃ ‘‘mañcā ghosantī’’tiādīsu viya. Anuvātaṃ paribhaṇḍanti kathine bandhanarajjūhi cīvarassa samantā pariyantassa ajīraṇatthaṃ yehi kehici coḷakehi dīghato anuvātaṃ, tiriyato paribhaṇḍañca sibbitvā kātuṃ yattha rajjuke pavesetvā daṇḍesu paliveṭhetvā cīvarasamakaṃ ākaḍḍhituṃ sakkā, tādisanti attho. Keci pana ‘‘kathinasaṅkhātesu kilañjādīsu eva ajīraṇatthāya anuvātaparibhaṇḍakaraṇaṃ anuññāta’’nti vadanti. Tassa majjheti purāṇakathinasseva anto. Bhikkhuno pamāṇenāti bhikkhuno cīvarassa pamāṇena. Aññaṃ nisseṇinti dīghato ca tiriyato ca aññaṃ daṇḍaṃ ṭhapetvā bandhituṃ.

    พิทลกนฺติ ทิคุณกรณสงฺขาตกิริยาวิเสสสฺส อธิวจนํฯ เตนาห ‘‘ทุคุณกรณ’’นฺติฯ ปเวสนสลากนฺติ วลีนํ อคฺคหณตฺถาย ปเวสนกเวฬุสลากาทิฯ ปาฬิยํ ปฎิคฺคหนฺติ องฺคุลิกญฺจุกํฯ

    Bidalakanti diguṇakaraṇasaṅkhātakiriyāvisesassa adhivacanaṃ. Tenāha ‘‘duguṇakaraṇa’’nti. Pavesanasalākanti valīnaṃ aggahaṇatthāya pavesanakaveḷusalākādi. Pāḷiyaṃ paṭiggahanti aṅgulikañcukaṃ.

    ๒๕๗. ปาติ นาม ภณฺฑฎฺฐปนโก ภาชนวิเสโสฯ ปาฬิยํ ปฎิคฺคหถวิกนฺติ ปาติอาทิภาชนตฺถวิกํฯ จินิตุนฺติ อุจฺจวตฺถุปริยนฺตสฺส อปตนตฺถาย อิฎฺฐกาทีหิ จินิตุํฯ อาลมฺพนพาหนฺติ อาลมฺพนรชฺชุทณฺฑาทิฯ ปริภิชฺชตีติ กฎสาราทิกํ กถินมเชฺฌ ภงฺคํ โหติฯ อุสฺสาเปตฺวาติ ทณฺฑกถินํ สนฺธาย วุตฺตํฯ

    257.Pāti nāma bhaṇḍaṭṭhapanako bhājanaviseso. Pāḷiyaṃ paṭiggahathavikanti pātiādibhājanatthavikaṃ. Cinitunti uccavatthupariyantassa apatanatthāya iṭṭhakādīhi cinituṃ. Ālambanabāhanti ālambanarajjudaṇḍādi. Paribhijjatīti kaṭasārādikaṃ kathinamajjhe bhaṅgaṃ hoti. Ussāpetvāti daṇḍakathinaṃ sandhāya vuttaṃ.

    ๒๕๘-๙. อุทกํ อกปฺปิยนฺติ สปฺปาณกํฯ อุปนนฺธีติ เวรํ พนฺธิฯ อทฺธานมโคฺค ปฎิปชฺชิตโพฺพติ เอตฺถ อทฺธโยชนํ อทฺธานมโคฺค นาม, ตํ ปฎิปชฺชิตุกามสฺส สญฺจิจฺจ วิหารูปจาราติกฺกมเน อาปตฺติฯ อสญฺจิจฺจ คตสฺส ปน ยตฺถ สรติ, ตตฺถ ฐตฺวา สงฺฆาฎิกณฺณาทิํ อนธิฎฺฐหิตฺวา คมเน ปทวาเรน อาปตฺตีติ เวทิตพฺพํฯ น สมฺมตีติ น ปโหติฯ

    258-9.Udakaṃakappiyanti sappāṇakaṃ. Upanandhīti veraṃ bandhi. Addhānamaggo paṭipajjitabboti ettha addhayojanaṃ addhānamaggo nāma, taṃ paṭipajjitukāmassa sañcicca vihārūpacārātikkamane āpatti. Asañcicca gatassa pana yattha sarati, tattha ṭhatvā saṅghāṭikaṇṇādiṃ anadhiṭṭhahitvā gamane padavārena āpattīti veditabbaṃ. Na sammatīti na pahoti.

    ๒๖๐. อภิสนฺนกายาติ เสมฺหาทิโทสสนฺนิจิตกายาฯ ตตฺถ มเชฺฌติ อคฺคฬปาสกสฺส มเชฺฌฯ อุปรีติ อคฺคฬปาสกสฺส อุปริภาเคฯ อุทกฎฺฐปนฎฺฐานนฺติ อุทกฎฺฐปนตฺถาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา กตฎฺฐานํฯ

    260.Abhisannakāyāti semhādidosasannicitakāyā. Tattha majjheti aggaḷapāsakassa majjhe. Uparīti aggaḷapāsakassa uparibhāge. Udakaṭṭhapanaṭṭhānanti udakaṭṭhapanatthāya paricchinditvā kataṭṭhānaṃ.

    ๒๖๑. ปาฬิยํ อุทปานนฺติ กูปํฯ นีจวตฺถุโกติ กูปสฺส สมนฺตา กูลฎฺฐานํ, ภูมิสมํ ติฎฺฐตีติ อโตฺถฯ อุทเกน โอตฺถริยฺยตีติ สมนฺตา วโสฺสทกํ อาคนฺตฺวา กูเป ปตตีติ อโตฺถฯ

    261. Pāḷiyaṃ udapānanti kūpaṃ. Nīcavatthukoti kūpassa samantā kūlaṭṭhānaṃ, bhūmisamaṃ tiṭṭhatīti attho. Udakena otthariyyatīti samantā vassodakaṃ āgantvā kūpe patatīti attho.

    ๒๖๒. วาเหนฺตีติ อุสฺสิญฺจนฺติฯ อรหฎฆฎิยนฺตํ นาม จกฺกสณฺฐานํ อเนการํ อเร อเร ฆฎิกานิ พนฺธิตฺวา เอเกน, ทฺวีหิ วา ปริพฺภมิยมานยนฺตํฯ

    262.Vāhentīti ussiñcanti. Arahaṭaghaṭiyantaṃ nāma cakkasaṇṭhānaṃ anekāraṃ are are ghaṭikāni bandhitvā ekena, dvīhi vā paribbhamiyamānayantaṃ.

    ๒๖๓. อาวิทฺธปกฺขปาสกนฺติ กณฺณิกมณฺฑลสฺส สมนฺตา ฐปิตปกฺขปาสกํฯ มณฺฑเลติ กณฺณิกมณฺฑเลฯ ปกฺขปาสเก ฐเปตฺวาติ สมนฺตา จตุรสฺสากาเรน ผลกาทีนิ ฐเปตฺวาฯ

    263.Āviddhapakkhapāsakanti kaṇṇikamaṇḍalassa samantā ṭhapitapakkhapāsakaṃ. Maṇḍaleti kaṇṇikamaṇḍale. Pakkhapāsake ṭhapetvāti samantā caturassākārena phalakādīni ṭhapetvā.

    ๒๖๔. นมตกํ นาม สนฺถตสทิสนฺติ เกจิ วทนฺติฯ เกจิ ปน ‘‘รุกฺขตจมย’’นฺติฯ จมฺมขณฺฑปริหาเรนาติ อนธิฎฺฐหิตฺวา สยนาสนวิธินาติ อโตฺถฯ เปฬายาติ อฎฺฐํสโสฬสํสาทิอากาเรน กตาย ภาชนาการาย เปฬายฯ ยตฺถ อุณฺหปายาสาทิํ ปกฺขิปิตฺวา อุปริ โภชนปาติํ ฐเปนฺติ ภตฺตสฺส อุณฺหภาวาวิคมนตฺถํ, ตาทิสสฺส ภาชนาการสฺส อาธารเสฺสตํ อธิวจนํฯ เตเนว ปาฬิยํ ‘‘อาสิตฺตกูปธาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ตสฺส จ ปายาสาทีหิ อาสิตฺตกาธาโรติ อโตฺถฯ อิทญฺจ อาสิตฺตกูปธานํ ปจฺจเนฺตสุ น ชานนฺติ กาตุํ, มชฺฌิมเทเสเยว กโรนฺติฯ เกจิ ปน ‘‘คิหิปริโภโค อโยมยาทิ สโพฺพปิ อาธาโร อาสิตฺตกูปธานเมว อนุโลเมตี’’ติ วทนฺติ, เอเก ปน ‘‘กปฺปิยโลหมโย อาธาโร มโฬริกเมว อนุโลเมตี’’ติฯ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํฯ ปุเพฺพ ปตฺตคุตฺติยา อาธาโร อนุญฺญาโตฯ อิทานิ ภุญฺชิตุํ มโฬริกา อนุญฺญาตาฯ ฉิทฺทนฺติ ฉิทฺทยุตฺตํฯ วิทฺธนฺติ อโนฺตวินิวิทฺธฉิทฺทํฯ อาวิทฺธนฺติ สมนฺตโต ฉิทฺทํฯ

    264.Namatakaṃ nāma santhatasadisanti keci vadanti. Keci pana ‘‘rukkhatacamaya’’nti. Cammakhaṇḍaparihārenāti anadhiṭṭhahitvā sayanāsanavidhināti attho. Peḷāyāti aṭṭhaṃsasoḷasaṃsādiākārena katāya bhājanākārāya peḷāya. Yattha uṇhapāyāsādiṃ pakkhipitvā upari bhojanapātiṃ ṭhapenti bhattassa uṇhabhāvāvigamanatthaṃ, tādisassa bhājanākārassa ādhārassetaṃ adhivacanaṃ. Teneva pāḷiyaṃ ‘‘āsittakūpadhāna’’nti vuttaṃ. Tassa ca pāyāsādīhi āsittakādhāroti attho. Idañca āsittakūpadhānaṃ paccantesu na jānanti kātuṃ, majjhimadeseyeva karonti. Keci pana ‘‘gihiparibhogo ayomayādi sabbopi ādhāro āsittakūpadhānameva anulometī’’ti vadanti, eke pana ‘‘kappiyalohamayo ādhāro maḷorikameva anulometī’’ti. Vīmaṃsitvā gahetabbaṃ. Pubbe pattaguttiyā ādhāro anuññāto. Idāni bhuñjituṃ maḷorikā anuññātā. Chiddanti chiddayuttaṃ. Viddhanti antovinividdhachiddaṃ. Āviddhanti samantato chiddaṃ.

    ๒๖๕. ปตฺตํ นิกฺกุชฺชิตุนฺติ เอตฺถ กมฺมวาจาย อสโมฺภคกรณวเสเนว นิกฺกุชฺชนํ, น ปตฺตานํ อโธมุขฎฺฐปเนนฯ เตนาห ‘‘อสโมฺภคํ สเงฺฆน กโรตู’’ติอาทิ, ตํ วฑฺฒํ กมฺมวาจาย สเงฺฆน สทฺธิํ อสโมฺภคํ สโงฺฆ กโรตูติ อโตฺถฯ

    265.Pattaṃ nikkujjitunti ettha kammavācāya asambhogakaraṇavaseneva nikkujjanaṃ, na pattānaṃ adhomukhaṭṭhapanena. Tenāha ‘‘asambhogaṃ saṅghena karotū’’tiādi, taṃ vaḍḍhaṃ kammavācāya saṅghena saddhiṃ asambhogaṃ saṅgho karotūti attho.

    ปตฺตํ นิกฺกุเชฺชยฺยาติ วฑฺฒสฺส ปตฺตนิกฺกุชฺชนทณฺฑกมฺมํ กเรยฺยฯ อสโมฺภคํ สเงฺฆน กรณนฺติ สเงฺฆน วฑฺฒสฺส อสโมฺภคกรณํฯ ยถา อสโมฺภโค โหติ, ตถา กรณนฺติ อโตฺถฯ นิกฺกุชฺชิโต…เป.… อสโมฺภคํ สเงฺฆนาติ เอตฺถ สเงฺฆน อสโมฺภโค โหตีติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เอวํ ภควตา อสโมฺภคกรณสฺส อาณตฺตตฺตา, กมฺมวาจาย จ สาวิตตฺตา, อฎฺฐกถายญฺจ ‘‘โกจิ เทยฺยธโมฺม น คเหตโพฺพ’’ติ วุตฺตตฺตา ปเตฺต นิกฺกุชฺชิเต ตสฺส สนฺตกํ ญตฺวา คณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฎเมวาติ คเหตพฺพํฯ

    Pattaṃ nikkujjeyyāti vaḍḍhassa pattanikkujjanadaṇḍakammaṃ kareyya. Asambhogaṃ saṅghena karaṇanti saṅghena vaḍḍhassa asambhogakaraṇaṃ. Yathā asambhogo hoti, tathā karaṇanti attho. Nikkujjito…pe… asambhogaṃ saṅghenāti ettha saṅghena asambhogo hotīti attho daṭṭhabbo. Evaṃ bhagavatā asambhogakaraṇassa āṇattattā, kammavācāya ca sāvitattā, aṭṭhakathāyañca ‘‘koci deyyadhammo na gahetabbo’’ti vuttattā patte nikkujjite tassa santakaṃ ñatvā gaṇhantassa dukkaṭamevāti gahetabbaṃ.

    อจฺจโยติ ญายปฺปฎิปตฺติํ อติกฺกมิตฺวา ปวตฺติ, อปราโธติ อโตฺถฯ มํ อจฺจคมาติ มํ อติกฺกมฺม ปวโตฺตฯ ตํ เต มยํ ปฎิคฺคณฺหามาติ ตํ เต อปราธํ มยํ ขมามฯ ภิกฺขูนํ อลาภาย ปริสกฺกตีติอาทีสุ อลาภาย ปริสกฺกนาทิโต วิรโตติ เอวมโตฺถ คเหตโพฺพฯ อสโมฺภคํ ภิกฺขุสเงฺฆนาติ เอตฺถ ‘‘กโต’’ติ ปาฐเสโสฯ

    Accayoti ñāyappaṭipattiṃ atikkamitvā pavatti, aparādhoti attho. Maṃ accagamāti maṃ atikkamma pavatto. Taṃ te mayaṃ paṭiggaṇhāmāti taṃ te aparādhaṃ mayaṃ khamāma. Bhikkhūnaṃ alābhāya parisakkatītiādīsu alābhāya parisakkanādito viratoti evamattho gahetabbo. Asambhogaṃ bhikkhusaṅghenāti ettha ‘‘kato’’ti pāṭhaseso.

    ๒๖๘. ยาว ปจฺฉิมา โสปานกเฬวราติ ปฐมโสปานผลกํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตญฺหิ ปจฺฉา ทุเสฺสน สนฺถตตฺตา เอว วุตฺตํฯ ‘‘ปจฺฉิมํ ชนตํ ตถาคโต อนุกมฺปตี’’ติ อิทํ เถโร อนาคเต ภิกฺขูนํ เจลปฎิกสฺส อกฺกมนปจฺจยา อปวาทํ สิกฺขาปทปญฺญตฺติยา นิวารเณน ภควโต อนุกมฺปํ สนฺธายาหฯ อปคตคพฺภาติ วิชาตปุตฺตาฯ เตนาห ‘‘มงฺคลตฺถายา’’ติฯ

    268.Yāva pacchimā sopānakaḷevarāti paṭhamasopānaphalakaṃ sandhāya vuttaṃ. Tañhi pacchā dussena santhatattā eva vuttaṃ. ‘‘Pacchimaṃ janataṃ tathāgato anukampatī’’ti idaṃ thero anāgate bhikkhūnaṃ celapaṭikassa akkamanapaccayā apavādaṃ sikkhāpadapaññattiyā nivāraṇena bhagavato anukampaṃ sandhāyāha. Apagatagabbhāti vijātaputtā. Tenāha ‘‘maṅgalatthāyā’’ti.

    ๒๖๙-๒๗๐. พีชนินฺติ จตุรสฺสพีชนิํฯ เอกปณฺณจฺฉตฺตนฺติ ตาลปณฺณาทินา เอเกน ปเตฺตน กตฉตฺตํฯ

    269-270.Bījaninti caturassabījaniṃ. Ekapaṇṇacchattanti tālapaṇṇādinā ekena pattena katachattaṃ.

    ๒๗๔-๕. อนุรกฺขณตฺถนฺติ ปริคฺคเหตฺวา โคปนตฺถํฯ ทีฆํ กาเรนฺตีติ เกเสหิ สทฺธิํ อจฺฉินฺทิตฺวา ฐปาเปนฺติฯ จตุโกณนฺติ ยถา อุปริ นลาฎเนฺตสุ เทฺว, เหฎฺฐา หนุกปเสฺส เทฺวติ จตฺตาโร โกณา ปญฺญายนฺติ, เอวํ จตุรสฺสํ กตฺวา กปฺปาปนํฯ ปาฬิยํ ทาฐิกํ ฐปาเปนฺตีติ อุตฺตโรเฎฺฐ มสฺสุํ อจฺฉินฺทิตฺวา ฐปาเปนฺติฯ รุธีติ ขุทฺทกวณํฯ

    274-5.Anurakkhaṇatthanti pariggahetvā gopanatthaṃ. Dīghaṃ kārentīti kesehi saddhiṃ acchinditvā ṭhapāpenti. Catukoṇanti yathā upari nalāṭantesu dve, heṭṭhā hanukapasse dveti cattāro koṇā paññāyanti, evaṃ caturassaṃ katvā kappāpanaṃ. Pāḷiyaṃ dāṭhikaṃ ṭhapāpentīti uttaroṭṭhe massuṃ acchinditvā ṭhapāpenti. Rudhīti khuddakavaṇaṃ.

    ๒๗๗. ปาฬิยํ โลหภณฺฑกํสภณฺฑสนฺนิจโยติ โลหภณฺฑสฺส, กํสภณฺฑสฺส จ สนฺนิจโยติ อโตฺถฯ พนฺธนมตฺตนฺติ วาสิทณฺฑาทีนํ โกฎีสุ อปาตนตฺถํ โลเหหิ พนฺธนํฯ ตนฺตกนฺติ อาโยควายนตฺถํ ตทากาเรน ปสาริตตนฺตํฯ

    277. Pāḷiyaṃ lohabhaṇḍakaṃsabhaṇḍasannicayoti lohabhaṇḍassa, kaṃsabhaṇḍassa ca sannicayoti attho. Bandhanamattanti vāsidaṇḍādīnaṃ koṭīsu apātanatthaṃ lohehi bandhanaṃ. Tantakanti āyogavāyanatthaṃ tadākārena pasāritatantaṃ.

    ๒๗๘. ‘‘ยตฺถ สรติ, ตตฺถ พนฺธิตพฺพ’’นฺติ เอเตน อสญฺจิจฺจ กายพนฺธนํ อพนฺธิตฺวา ปวิฎฺฐสฺส อนาปตฺตีติ ทเสฺสติฯ มุรชวฎฺฎิสณฺฐานํ เวเฐตฺวา กตนฺติ เอวํ พหุรชฺชุเก เอกโต กตฺวา นานาวเณฺณหิ สุเตฺตหิ กตนฺติ เกจิ วทนฺติฯ เอกวณฺณสุเตฺตนาปิ วลยฆฎกาทิวิการํ ทเสฺสตฺวา เวฐิตมฺปิ มุรชเมวฯ วิการํ ปน อทเสฺสตฺวา มฎฺฐํ กตฺวา นิรนฺตรํ เวฐิตํ วฎฺฎติฯ เตเนว ทุติยปาราชิกสํวณฺณนายํ วุตฺตํ ‘‘พหุรชฺชุเก เอกโต กตฺวา เอเกน นิรนฺตรํ เวเฐตฺวา กตํ ‘พหุรชฺชุก’นฺติ น วตฺตพฺพํ, วฎฺฎตี’’ติฯ มุทฺทิกกายพนฺธนํ นาม จตุรสฺสํ อกตฺวา สชฺชิตํฯ ปามงฺคทสา จตุรสฺสาฯ มุทิงฺคสณฺฐาเนนาติ วรกสีสากาเรนฯ ปาสโนฺตติ ทสาปริโยสานํฯ

    278.‘‘Yattha sarati, tattha bandhitabba’’nti etena asañcicca kāyabandhanaṃ abandhitvā paviṭṭhassa anāpattīti dasseti. Murajavaṭṭisaṇṭhānaṃ veṭhetvā katanti evaṃ bahurajjuke ekato katvā nānāvaṇṇehi suttehi katanti keci vadanti. Ekavaṇṇasuttenāpi valayaghaṭakādivikāraṃ dassetvā veṭhitampi murajameva. Vikāraṃ pana adassetvā maṭṭhaṃ katvā nirantaraṃ veṭhitaṃ vaṭṭati. Teneva dutiyapārājikasaṃvaṇṇanāyaṃ vuttaṃ ‘‘bahurajjuke ekato katvā ekena nirantaraṃ veṭhetvā kataṃ ‘bahurajjuka’nti na vattabbaṃ, vaṭṭatī’’ti. Muddikakāyabandhanaṃ nāma caturassaṃ akatvā sajjitaṃ. Pāmaṅgadasā caturassā. Mudiṅgasaṇṭhānenāti varakasīsākārena. Pāsantoti dasāpariyosānaṃ.

    ๒๗๙. ปาฬิยํ คณฺฐิกผลกํ ปาสกผลกนฺติ เอตฺถ ทารุทนฺตาทิมเยสุ ผลเกสุ คณฺฐิกปาสกานิ อเปฺปตฺวา จีวเร ฐเปตุํ อนุญฺญาตํฯ โกโฎฺฎ วิวริยตีติ อนุวาโต วิวริยติฯ

    279. Pāḷiyaṃ gaṇṭhikaphalakaṃ pāsakaphalakanti ettha dārudantādimayesu phalakesu gaṇṭhikapāsakāni appetvā cīvare ṭhapetuṃ anuññātaṃ. Koṭṭo vivariyatīti anuvāto vivariyati.

    ๒๘๐-๑. ปาฬิการโกติ ภิกฺขูนํ ยถาวุฑฺฒํ ปาฬิยา ปติฎฺฐาปโกฯ ตสฺสาปิ ตถา ปารุปิตุํ น วฎฺฎติฯ ปาฬิยํ มุณฺฑวฎฺฎีติ มลฺลาทโยฯ

    280-1.Pāḷikārakoti bhikkhūnaṃ yathāvuḍḍhaṃ pāḷiyā patiṭṭhāpako. Tassāpi tathā pārupituṃ na vaṭṭati. Pāḷiyaṃ muṇḍavaṭṭīti mallādayo.

    ๒๘๒. ปมาณงฺคุเลนาติ วฑฺฒกีองฺคุเลนฯ เกจิ ปน ‘‘ปกติองฺคุเลนา’’ติ วทนฺติ, ตํ จตุรงฺคุลปจฺฉิมกวจเนน น สเมติฯ น หิ ปกตงฺคุเลน จตุรงฺคุลปฺปมาณํ ทนฺตกฎฺฐํ กเณฺฐ อวิลคฺคํ ขาทิตุํ สกาติฯ

    282.Pamāṇaṅgulenāti vaḍḍhakīaṅgulena. Keci pana ‘‘pakatiaṅgulenā’’ti vadanti, taṃ caturaṅgulapacchimakavacanena na sameti. Na hi pakataṅgulena caturaṅgulappamāṇaṃ dantakaṭṭhaṃ kaṇṭhe avilaggaṃ khādituṃ sakāti.

    ๒๘๕. ปาฬิยํ สกาย นิรุตฺติยา พุทฺธวจนํ ทูเสนฺตีติ มาคธภาสาย สเพฺพสํ วตฺตุํ สุกรตาย หีนชจฺจาปิ อุคฺคณฺหนฺตา ทูเสนฺตีติ อโตฺถฯ

    285. Pāḷiyaṃ sakāya niruttiyā buddhavacanaṃ dūsentīti māgadhabhāsāya sabbesaṃ vattuṃ sukaratāya hīnajaccāpi uggaṇhantā dūsentīti attho.

    ๒๘๙. มา ภิกฺขู พฺยาพาธยิํสูติ ลสุณคเนฺธน ภิกฺขู มา พาธยิํสุฯ

    289.Mā bhikkhū byābādhayiṃsūti lasuṇagandhena bhikkhū mā bādhayiṃsu.

    ๒๙๑. อวเลขนปีฐโรติ อวเลขนกฎฺฐานํ ฐปนภาชนวิเสโสฯ อปิธานนฺติ ปิธานผลกาทิฯ

    291.Avalekhanapīṭharoti avalekhanakaṭṭhānaṃ ṭhapanabhājanaviseso. Apidhānanti pidhānaphalakādi.

    ขุทฺทกวตฺถุกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Khuddakavatthukathāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    ขุทฺทกวตฺถุกฺขนฺธกวณฺณนานโย นิฎฺฐิโตฯ

    Khuddakavatthukkhandhakavaṇṇanānayo niṭṭhito.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi / ขุทฺทกวตฺถูนิ • Khuddakavatthūni

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / ขุทฺทกวตฺถุกถา • Khuddakavatthukathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ขุทฺทกวตฺถุกถาวณฺณนา • Khuddakavatthukathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ขุทฺทกวตฺถุกถาวณฺณนา • Khuddakavatthukathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ขุทฺทกวตฺถุกถา • Khuddakavatthukathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact