Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā

    ๑๗. ขุทฺทกวตฺถุวิภโงฺค

    17. Khuddakavatthuvibhaṅgo

    ๑. เอกกมาติกาทิวณฺณนา

    1. Ekakamātikādivaṇṇanā

    ๘๓๒. ‘‘เตตฺติํสติ ติกา’’ติ วุตฺตํ, เต ปน ปญฺจติํสฯ ตถา ‘‘ปุริสมลาทโย อฎฺฐ นวกา’’ติ วุตฺตํ, เต ปน อาฆาตวตฺถุอาทโย นวฯ เย ‘‘เทฺว อฎฺฐารสกา’’ติอาทิมฺหิ วุตฺตา, เต เอว ‘‘อิติ อตีตานิ ฉตฺติํสา’’ติอาทินา ตโย ฉตฺติํสกา กตาติ อาห ‘‘ฉ อฎฺฐารสกา’’ติ, ทฺวาสฎฺฐิ ปน ทิฎฺฐิคตานิ อญฺญตฺถ วุตฺตภาเวเนว อิธ นิกฺขิตฺตานีติ น คหิตานีติ ทฎฺฐพฺพานิฯ

    832. ‘‘Tettiṃsati tikā’’ti vuttaṃ, te pana pañcatiṃsa. Tathā ‘‘purisamalādayo aṭṭha navakā’’ti vuttaṃ, te pana āghātavatthuādayo nava. Ye ‘‘dve aṭṭhārasakā’’tiādimhi vuttā, te eva ‘‘iti atītāni chattiṃsā’’tiādinā tayo chattiṃsakā katāti āha ‘‘cha aṭṭhārasakā’’ti, dvāsaṭṭhi pana diṭṭhigatāni aññattha vuttabhāveneva idha nikkhittānīti na gahitānīti daṭṭhabbāni.

    เอกกมาติกาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ekakamātikādivaṇṇanā niṭṭhitā.

    (๑.) เอกกนิเทฺทสวณฺณนา

    (1.) Ekakaniddesavaṇṇanā

    ๘๔๓-๘๔๔. อตฺถิ ปฎิจฺจํ นามาติ ยถา ‘‘จกฺขุญฺจ ปฎิจฺจา’’ติอาทีสุ นิสฺสยาทิปจฺจยภาเวน ปฎิจฺจาติ วุตฺตํ, น ตถา อิธ ขตฺติยาทิชาตีนํ ปรมตฺถโต อวิชฺชมานานํ นิสฺสยาทิปจฺจยตฺตสฺส อภาวาฯ เยสุ ปน ขเนฺธสุ สเนฺตสุ ขตฺติยาทิสมฺมุติ โหติ, เตสํ อโพฺพจฺฉินฺนตาว ขตฺติยาทิชาติยา อตฺถิตา, สา อิธ ปฎิจฺจ-สเทฺทน วิภาวิตาติ อโตฺถฯ เอกิสฺสา เสณิยาติ อสมฺภินฺนายาติ อโตฺถฯ

    843-844. Atthi paṭiccaṃ nāmāti yathā ‘‘cakkhuñca paṭiccā’’tiādīsu nissayādipaccayabhāvena paṭiccāti vuttaṃ, na tathā idha khattiyādijātīnaṃ paramatthato avijjamānānaṃ nissayādipaccayattassa abhāvā. Yesu pana khandhesu santesu khattiyādisammuti hoti, tesaṃ abbocchinnatāva khattiyādijātiyā atthitā, sā idha paṭicca-saddena vibhāvitāti attho. Ekissā seṇiyāti asambhinnāyāti attho.

    ปญฺหวิสฺสชฺชนาทิกิริยาสุ ปุรโต กรณํ ปุเรกฺขาโรฯ นิเกฺขปราสีติ นิธานราสิฯ ปตฺถฎากิตฺติโนติ วิตฺถิณฺณากิตฺติโนฯ รตฺตญฺญุมโทติ ปุราณญฺญุตามโทติ วทนฺติฯ จิรรตฺติชาเตน, จิรรตฺติปพฺพชิเตน วา ชานิตพฺพสฺส, รตฺตีนเมว วา ชานนมโทฯ อุปฎฺฐาปกมาโนติ อาณากรณมาโนฯ อาณากรณญฺหิ วิจารณํ อิธ ‘‘ยโส’’ติ วุตฺตนฺติฯ ปริมณฺฑลตฺตภาวนิสฺสิโต มาโน ปริณาหมโทฯ สรีรสมฺปตฺติปาริปูริยา มโท ปาริปูริมโท

    Pañhavissajjanādikiriyāsu purato karaṇaṃ purekkhāro. Nikkheparāsīti nidhānarāsi. Patthaṭākittinoti vitthiṇṇākittino. Rattaññumadoti purāṇaññutāmadoti vadanti. Cirarattijātena, cirarattipabbajitena vā jānitabbassa, rattīnameva vā jānanamado. Upaṭṭhāpakamānoti āṇākaraṇamāno. Āṇākaraṇañhi vicāraṇaṃ idha ‘‘yaso’’ti vuttanti. Parimaṇḍalattabhāvanissito māno pariṇāhamado. Sarīrasampattipāripūriyā mado pāripūrimado.

    ๘๔๕. วตฺถุนา วินาปิ วตฺตพฺพตาย อวตฺถุกํ, น วตฺถุโน อภาวาฯ

    845. Vatthunā vināpi vattabbatāya avatthukaṃ, na vatthuno abhāvā.

    ๘๔๖. จิตฺตสฺส โวสฺสชฺชนนฺติ จิตฺตสฺส สติโต มุจฺจนํ, กายทุจฺจริตาทีสุ ปกฺขนฺทนํ วา โวสฺสโคฺคฯ ปติฎฺฐาภาโวติ กุสลกรเณ อฎฺฐานํ, อนุฎฺฐานนฺติ อโตฺถฯ ปมาทสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส กายทุจฺจริเต จิตฺตสฺส โวสฺสโคฺค ปาณาติปาเต มิจฺฉาทิฎฺฐิยํ โกเธ อุปนาเหติ เอวมาทิโก ปริยาโย อปริยโนฺต, ตทตฺถตปฺปริยายปฺปกาสโก โวสฺสคฺคนิสฺสคฺคาทิโก พฺยญฺชนปริยาโย จาติ สพฺพํ ตํ สงฺขิปิตฺวา เอวรูโปติ อิทํ อาการนิทสฺสนํ สพฺพปริยายสฺส วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา กตนฺติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ปริยนฺตาภาวโต’’ติฯ วิสฺสฎฺฐากาโรติ สติยา ปจฺจนีกภูเต จตฺตาโร ขเนฺธ ทเสฺสติฯ

    846. Cittassa vossajjananti cittassa satito muccanaṃ, kāyaduccaritādīsu pakkhandanaṃ vā vossaggo. Patiṭṭhābhāvoti kusalakaraṇe aṭṭhānaṃ, anuṭṭhānanti attho. Pamādasaṅkhātassa atthassa kāyaduccarite cittassa vossaggo pāṇātipāte micchādiṭṭhiyaṃ kodhe upanāheti evamādiko pariyāyo apariyanto, tadatthatappariyāyappakāsako vossagganissaggādiko byañjanapariyāyo cāti sabbaṃ taṃ saṅkhipitvā evarūpoti idaṃ ākāranidassanaṃ sabbapariyāyassa vattuṃ asakkuṇeyyattā katanti dassento āha ‘‘pariyantābhāvato’’ti. Vissaṭṭhākāroti satiyā paccanīkabhūte cattāro khandhe dasseti.

    ๘๔๗. จิตฺตสฺส ถทฺธตา ตถาปวตฺตจิตฺตเมวาติ วทนฺติ, มานวิเสโส วา ทฎฺฐโพฺพฯ อุปสงฺกมเน วนฺทิตพฺพํ โหตีติ ปริยเนฺตเนว จรติ

    847. Cittassa thaddhatā tathāpavattacittamevāti vadanti, mānaviseso vā daṭṭhabbo. Upasaṅkamane vanditabbaṃ hotīti pariyanteneva carati.

    ๘๔๘. ‘‘อาปตฺติํ อาปโนฺนสี’’ติ วุเตฺต ‘‘อาวุโส, ตฺวํ อาปโนฺนสี’’ติอาทินา เตน วุตฺตํ ตเสฺสว อุปริ ขิปนวเสน ‘‘ปฎิปฺผริตฺวา’’ติ วทนฺติฯ ‘‘ตสฺมิํ นาม ทลิเทฺท, อกุสเล วา อิทํ กโรเนฺต อหํ กสฺมา น กโรมี’’ติ เอวํ อิธ ปฎิปฺผรณํ ยุตฺตํฯ กรณสฺส อุตฺตรกิริยา กรณุตฺตริยํฯ อกุสลปโกฺข เอสาติ สารโมฺภติ อธิปฺปาโยฯ

    848. ‘‘Āpattiṃ āpannosī’’ti vutte ‘‘āvuso, tvaṃ āpannosī’’tiādinā tena vuttaṃ tasseva upari khipanavasena ‘‘paṭippharitvā’’ti vadanti. ‘‘Tasmiṃ nāma dalidde, akusale vā idaṃ karonte ahaṃ kasmā na karomī’’ti evaṃ idha paṭippharaṇaṃ yuttaṃ. Karaṇassa uttarakiriyā karaṇuttariyaṃ. Akusalapakkho esāti sārambhoti adhippāyo.

    ๘๔๙. อติจฺจ อิจฺฉตีติ อติจฺจิโจฺฉ, ตสฺส ภาโว อติจฺจิจฺฉตาติ วตฺตเพฺพ จฺจิ-การโลปํ กตฺวา ‘‘อติจฺฉตา’’ติ วุตฺตํฯ อตฺริจฺฉตาติ จ สา เอว วุจฺจตีติฯ ตตฺราปิ เนรุตฺติกวิธาเนน ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ ยถาลทฺธํ วา อติกฺกมิตฺวา อตฺร อตฺร อิจฺฉนํ อตฺริจฺฉตา, สา เอว ร-การสฺส ต-การํ กตฺวา ‘‘อติจฺฉตา’’ติ วุตฺตาฯ

    849. Aticca icchatīti aticciccho, tassa bhāvo aticcicchatāti vattabbe cci-kāralopaṃ katvā ‘‘aticchatā’’ti vuttaṃ. Atricchatāti ca sā eva vuccatīti. Tatrāpi neruttikavidhānena padasiddhi veditabbā. Yathāladdhaṃ vā atikkamitvā atra atra icchanaṃ atricchatā, sā eva ra-kārassa ta-kāraṃ katvā ‘‘aticchatā’’ti vuttā.

    อตฺริจฺฉนฺติ อติจฺฉํ, อตฺร วา อิจฺฉโนฺตฯ เกน? อติโลเภน อติโลภมิจฺฉาสงฺขาเตน อติโลภมเทน จฯ อตฺตโน หิตํ อตฺตาติ วุตฺตํฯ หายติ ชีรติ, อาทิโณฺณ วา อตฺตา, ปโตฺต วา อตฺตา, นํ ชีรติ จนฺทกินฺนริํ ปตฺถยิตฺวา อสิตาภูเทวิยา วิหีโน วิยฯ

    Atricchanti aticchaṃ, atra vā icchanto. Kena? Atilobhena atilobhamicchāsaṅkhātena atilobhamadena ca. Attano hitaṃ attāti vuttaṃ. Hāyati jīrati, ādiṇṇo vā attā, patto vā attā, naṃ jīrati candakinnariṃ patthayitvā asitābhūdeviyā vihīno viya.

    อิจฺฉาหตสฺสาติ อิจฺฉาย อุปทฺทุตสฺส, มุทฺทิตสฺส วาฯ

    Icchāhatassāti icchāya upaddutassa, mudditassa vā.

    อติหีฬยาโนติ อวมญฺญมาโนฯ มลกนฺติ เอวํนามกํ ชนปทํ, อโพฺภกาสํ วาฯ โกทณฺฑเกนาติ กุทณฺฑเกน รสฺสทณฺฑเกนฯ คทฺทุเลนาติ จ วทนฺติฯ รุหิรมกฺขิตโงฺคติ รุหิรสินฺนคโตฺตฯ

    Atihīḷayānoti avamaññamāno. Malakanti evaṃnāmakaṃ janapadaṃ, abbhokāsaṃ vā. Kodaṇḍakenāti kudaṇḍakena rassadaṇḍakena. Gaddulenāti ca vadanti. Ruhiramakkhitaṅgoti ruhirasinnagatto.

    ๘๕๐. ชานนฺตเสฺสว ภิโยฺย ภิโยฺย โจเทโนฺต วิย สมฺภาเวตุกาโม โหติฯ ปจฺจเยติ อุปาทานาทิปจฺจเยฯ

    850. Jānantasseva bhiyyo bhiyyo codento viya sambhāvetukāmo hoti. Paccayeti upādānādipaccaye.

    ๘๕๑. เย ปติรูเปน วเญฺจนฺติ, เต คณฺฐิกา, ทุราจาเรน วา คณฺฐิภูตาฯ คณฺฐิกปุตฺตา นาม คณฺฐิกา เอว โหนฺติ, เตน สทฺธิวิหาริกา คณฺฐิกภาเวน ‘‘เถโร…เป.… ทีฆจงฺกเม วิหรตี’’ติ วทนฺติฯ

    851. Ye patirūpena vañcenti, te gaṇṭhikā, durācārena vā gaṇṭhibhūtā. Gaṇṭhikaputtā nāma gaṇṭhikā eva honti, tena saddhivihārikā gaṇṭhikabhāvena ‘‘thero…pe… dīghacaṅkame viharatī’’ti vadanti.

    วฎฺฎติ ภเนฺตติ อยมฺปิ เอโก ปกาโร, ลาภินา เอว ปน สกฺกา ญาตุนฺติ อตฺตโน สมาปตฺติลาภิตํ สูเจตีติ อโตฺถฯ ปญฺจตฺตยํ นาม อุปริปณฺณาสเก ทุติยสุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๒๑ อาทโย)ฯ ตสฺส คมฺภีรตฺตา วทติ ‘‘ปญฺจตฺตยํ โอโลเกนฺตสฺสา’’ติฯ

    Vaṭṭati bhanteti ayampi eko pakāro, lābhinā eva pana sakkā ñātunti attano samāpattilābhitaṃ sūcetīti attho. Pañcattayaṃ nāma uparipaṇṇāsake dutiyasuttaṃ (ma. ni. 3.21 ādayo). Tassa gambhīrattā vadati ‘‘pañcattayaṃ olokentassā’’ti.

    ๘๕๒. สิงฺคนฺติ สิงฺคารํฯ ตญฺหิ กุสลสฺส วิชฺฌนโต สมาเสวิตตาย สีเส ปริกฺขตํ สุนิขตํ วิสาณํ วิย, ถิรตฺตา จ สิงฺคํ วิยาติ สิงฺคํ, ตํ ปนตฺถโต ราโคฯ

    852. Siṅganti siṅgāraṃ. Tañhi kusalassa vijjhanato samāsevitatāya sīse parikkhataṃ sunikhataṃ visāṇaṃ viya, thirattā ca siṅgaṃ viyāti siṅgaṃ, taṃ panatthato rāgo.

    ๘๕๓. เตมนกรณเตฺถ ตินฺติณ-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ ขียนนฺติ จ เยน โลเภน ปรํ มมนฺติ วทนฺตํ ขียติ, โส วุโตฺตฯ ขียนํ ภณฺฑนนฺติ จ วทนฺติฯ ตินฺติณนฺติ วา โลลุปฺปมิเจฺจว วุตฺตํ โหติฯ สญฺญา-สโทฺท หิ เอโส โลลุปฺปวาจโกติฯ

    853. Temanakaraṇatthe tintiṇa-saddo daṭṭhabbo. Khīyananti ca yena lobhena paraṃ mamanti vadantaṃ khīyati, so vutto. Khīyanaṃ bhaṇḍananti ca vadanti. Tintiṇanti vā loluppamicceva vuttaṃ hoti. Saññā-saddo hi eso loluppavācakoti.

    ๘๕๔. อูรุปฺปมาณาปีติ เอเตน มหนฺตฆนภาเวน อปูติตํ ทเสฺสติฯ อถวาติอาทินา จีวรมณฺฑนาทีนํ วิเสสนานิ ‘‘อิมสฺส วา ปูติกายสฺส พาหิรานํ วา ปริกฺขารานํ มณฺฑนา’’ติอาทีนีติ ทเสฺสติฯ จีวเรน หิ มณฺฑนา จีวรมณฺฑนา, จีวรสฺส วา มณฺฑนา จีวรมณฺฑนา, เอวํ ปตฺตมณฺฑนา เสนาสนมณฺฑนา จาติ อธิปฺปาโยฯ อูนฎฺฐานปูรณํ ฉวิราคสุสณฺฐานาทิกรณญฺจ จีวราทีสุ กาเย จ ยถาโยคํ โยเชตพฺพํฯ ตทหุชาตทารโก วิย โหตีติ ทารกจาปลฺยํ น มุญฺจตีติ อโตฺถฯ

    854. Ūruppamāṇāpīti etena mahantaghanabhāvena apūtitaṃ dasseti. Athavātiādinā cīvaramaṇḍanādīnaṃ visesanāni ‘‘imassa vā pūtikāyassa bāhirānaṃ vā parikkhārānaṃ maṇḍanā’’tiādīnīti dasseti. Cīvarena hi maṇḍanā cīvaramaṇḍanā, cīvarassa vā maṇḍanā cīvaramaṇḍanā, evaṃ pattamaṇḍanā senāsanamaṇḍanā cāti adhippāyo. Ūnaṭṭhānapūraṇaṃ chavirāgasusaṇṭhānādikaraṇañca cīvarādīsu kāye ca yathāyogaṃ yojetabbaṃ. Tadahujātadārako viya hotīti dārakacāpalyaṃ na muñcatīti attho.

    ๘๕๕. สทิสา อนุรูปา ภตฺติ สภาโค, น สภาโค อสภาโค, มานถทฺธตา, วิโรโธ วาฯ เตนสฺส มาตาทีสุ วตฺตนํ อสภาควุตฺติตาฯ เอวํวิธานํ มานาธิกานํ อกุสลานมิทํ นามํฯ

    855. Sadisā anurūpā bhatti sabhāgo, na sabhāgo asabhāgo, mānathaddhatā, virodho vā. Tenassa mātādīsu vattanaṃ asabhāgavuttitā. Evaṃvidhānaṃ mānādhikānaṃ akusalānamidaṃ nāmaṃ.

    ๘๕๖. ปริตสฺสิตาติ สงฺกมฺปนา, อุกฺกณฺฐิตสฺส วา ตสฺส ตสฺส ตณฺหายนาฯ

    856. Paritassitāti saṅkampanā, ukkaṇṭhitassa vā tassa tassa taṇhāyanā.

    ๘๕๗. กุสลกรเณ กายสฺส อวิปฺผาริกตา ลีนตา ชาติอาลสฺยํ, น โรคอุตุโภชนาทีหิ กายเคลญฺญํ ตนฺที นาม, อถ โข ปกติอาลสฺยนฺติ อโตฺถฯ กายาลสิยนฺติ นามกายสฺส อาลสิยํ, ตเทว รูปกายสฺสาปีติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    857. Kusalakaraṇe kāyassa avipphārikatā līnatā jātiālasyaṃ, na rogautubhojanādīhi kāyagelaññaṃ tandī nāma, atha kho pakatiālasyanti attho. Kāyālasiyanti nāmakāyassa ālasiyaṃ, tadeva rūpakāyassāpīti daṭṭhabbaṃ.

    ๘๕๘. อจฺจสนาทีหิ อุปฺปนฺนธาตุโกฺขภนิมิตฺตํ อาลสิยํ วิชมฺภิตา

    858. Accasanādīhi uppannadhātukkhobhanimittaṃ ālasiyaṃ vijambhitā.

    ๘๕๙. ภตฺตนิมิเตฺตน อุปฺปนฺนํ อาลสฺยํ ภตฺตสมฺมโท

    859. Bhattanimittena uppannaṃ ālasyaṃ bhattasammado.

    ๘๖๐. อิเมหิ ปนาติ จิตฺตสฺส อกลฺยตาทีหิฯ สพฺพตฺถ กิเลสวเสนาติ ถินมิทฺธการณานํ ราคาทีนํ วเสนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    860. Imehi panāti cittassa akalyatādīhi. Sabbattha kilesavasenāti thinamiddhakāraṇānaṃ rāgādīnaṃ vasenāti daṭṭhabbaṃ.

    ๘๖๑. สมฺมาอาชีวโต อเปโต กโตติ อปกโตฯ โส อาชีวุปทฺทเวน อุปทฺทุโตติ กตฺวา อาห ‘‘อุปทฺทุตสฺสาติ อโตฺถ’’ติฯ

    861. Sammāājīvato apeto katoti apakato. So ājīvupaddavena upaddutoti katvā āha ‘‘upaddutassāti attho’’ti.

    ติวิธมฺปิ ตํ ตตฺถ อาคตํ ตสฺส นิสฺสยภูตาย อิมาย ปาฬิยา ทเสฺสตุนฺติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Tividhampi taṃ tattha āgataṃ tassa nissayabhūtāya imāya pāḷiyā dassetunti evamattho daṭṭhabbo.

    ปาปณิกานีติ อาปณโต ฉฑฺฑิตานิฯ นนฺตกานีติ อนฺตรหิตานิ, จีรานิ วาฯ คิลานสฺส ปจฺจยภูตา เภสชฺชสงฺขาตา ชีวิตปริกฺขารา คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราปูติมุตฺตนฺติ ปุราณสฺส อปุราณสฺส จ สพฺพสฺส โคมุตฺตเสฺสตํ นามํฯ ปูติภาเวน ฉฑฺฑิโตสธนฺติปิ เกจิฯ

    Pāpaṇikānīti āpaṇato chaḍḍitāni. Nantakānīti antarahitāni, cīrāni vā. Gilānassa paccayabhūtā bhesajjasaṅkhātā jīvitaparikkhārā gilānapaccayabhesajjaparikkhārā. Pūtimuttanti purāṇassa apurāṇassa ca sabbassa gomuttassetaṃ nāmaṃ. Pūtibhāvena chaḍḍitosadhantipi keci.

    อคพฺภิกา เอกทฺวารา ทีฆสาลา กิร อุทฺทโณฺฑฯ กุจฺฉิตรชภูตาย ปาปิจฺฉตาย นิรตฺถกกายวจีวิปฺผนฺทนิคฺคหณํ โกรชํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ โกรชิโก, อติวิย โกรชิโก โกรชิกโกรชิโกฯ อติปริสงฺกิโตติ เกจิฯ มุขสมฺภาวิโตติ โกรชิกโกรชิกาทิภาเวน ปวตฺตวจเนหิ อตฺตโน มุขมเตฺตน อเญฺญหิ สมฺภาวิโตฯ โส เอวรูโป เอวรูปตาย เอว อตฺตานํ ปรํ วิย กตฺวา ‘‘อยํ สมโณ’’ติอาทิํ กเถติฯ

    Agabbhikā ekadvārā dīghasālā kira uddaṇḍo. Kucchitarajabhūtāya pāpicchatāya niratthakakāyavacīvipphandaniggahaṇaṃ korajaṃ, taṃ etassa atthīti korajiko, ativiya korajiko korajikakorajiko. Atiparisaṅkitoti keci. Mukhasambhāvitoti korajikakorajikādibhāvena pavattavacanehi attano mukhamattena aññehi sambhāvito. So evarūpo evarūpatāya eva attānaṃ paraṃ viya katvā ‘‘ayaṃ samaṇo’’tiādiṃ katheti.

    ปณิธายาติ ‘‘อรหาติ มํ ชานนฺตู’’ติ จิตฺตํ ฐเปตฺวา, ปเตฺถตฺวา วาฯ อาปาถกชฺฌายีติ มนุสฺสานํ อาปาถฎฺฐาเน สมาธิํ สมาปโนฺน วิย นิสีทโนฺต อาปาถเก ชนสฺส ปากฎฎฺฐาเน ฌายีฯ

    Paṇidhāyāti ‘‘arahāti maṃ jānantū’’ti cittaṃ ṭhapetvā, patthetvā vā. Āpāthakajjhāyīti manussānaṃ āpāthaṭṭhāne samādhiṃ samāpanno viya nisīdanto āpāthake janassa pākaṭaṭṭhāne jhāyī.

    อญฺญํ วิย กตฺวา อตฺตโน สมีเป ภณนํ สามนฺตชปฺปิตํฯ อาการสฺส รสฺสตฺตํ กตฺวา ‘‘อฐปนา’’ติ วุตฺตํฯ กุหนํ กุโห, ตสฺส อยนา ปวตฺติ กุหายนา, กุหสฺส วา ปุคฺคลสฺส อยนา คติกิริยา กุหายนา

    Aññaṃ viya katvā attano samīpe bhaṇanaṃ sāmantajappitaṃ. Ākārassa rassattaṃ katvā ‘‘aṭhapanā’’ti vuttaṃ. Kuhanaṃ kuho, tassa ayanā pavatti kuhāyanā, kuhassa vā puggalassa ayanā gatikiriyā kuhāyanā.

    ๘๖๒. ปุฎฺฐสฺสาติ ‘‘โก ติโสฺส, โก ราชปูชิโต’’ติ ปุฎฺฐสฺสฯ นหนาติ พนฺธนา ปริเวฐนาฯ

    862. Puṭṭhassāti ‘‘ko tisso, ko rājapūjito’’ti puṭṭhassa. Nahanāti bandhanā pariveṭhanā.

    ๘๖๓. นิมิเตฺตน จรโนฺต ชีวโนฺต นิมิตฺตการโก เนมิตฺติโก, ตสฺส ภาโว เนมิตฺติกตาฯ อตฺตโน อิจฺฉาย ปกาสนํ โอภาโสฯ โก ปน โสติ? ‘‘อชฺช ภิกฺขูนํ ปจฺจยา ทุลฺลภา ชาตา’’ติอาทิกา ปจฺจยปฎิสํยุตฺตกถาฯ อิจฺฉิตวตฺถุสฺส สมีเป กถนํ สามนฺตชปฺปา

    863. Nimittena caranto jīvanto nimittakārako nemittiko, tassa bhāvo nemittikatā. Attano icchāya pakāsanaṃ obhāso. Ko pana soti? ‘‘Ajja bhikkhūnaṃ paccayā dullabhā jātā’’tiādikā paccayapaṭisaṃyuttakathā. Icchitavatthussa samīpe kathanaṃ sāmantajappā.

    ๘๖๔. พหิ ฉฑฺฑนํ อุเกฺขปนาฯ ปรปิฎฺฐิมํสขาทนสีโล ปรปิฎฺฐิมํสิโก, ตสฺส ภาโว ปรปิฎฺฐิมํสิกตา

    864. Bahi chaḍḍanaṃ ukkhepanā. Parapiṭṭhimaṃsakhādanasīlo parapiṭṭhimaṃsiko, tassa bhāvo parapiṭṭhimaṃsikatā.

    ๘๖๕. นิกตฺตุํ อเปฺปน ลาเภน พหุกํ วเญฺจตฺวา คเหตุํ อิจฺฉนํ นิชิคีสนํ, ตสฺส ภาโว นิชิคีสนตาฯ ตเสฺสว อิจฺฉนสฺส ปวตฺติอากาโร, ตํสหชาตํ วา คเวสนกมฺมํฯ

    865. Nikattuṃ appena lābhena bahukaṃ vañcetvā gahetuṃ icchanaṃ nijigīsanaṃ, tassa bhāvo nijigīsanatā. Tasseva icchanassa pavattiākāro, taṃsahajātaṃ vā gavesanakammaṃ.

    ๘๖๖. วณฺณสมฺปนฺนํ โปกฺขรํ วณฺณโปกฺขรนฺติ อุตฺตรปทโลโป ปุพฺพปทสฺส ทฎฺฐโพฺพ, วณฺณปาริปูรี วา วณฺณโปกฺขรตาฯ ‘‘อตฺถชาปิกา’’ติ เอตฺถ วิย ชป-สโทฺท อุปฺปตฺติวาจโกติ อาห ‘‘ปวเตฺตตี’’ติฯ

    866. Vaṇṇasampannaṃ pokkharaṃ vaṇṇapokkharanti uttarapadalopo pubbapadassa daṭṭhabbo, vaṇṇapāripūrī vā vaṇṇapokkharatā. ‘‘Atthajāpikā’’ti ettha viya japa-saddo uppattivācakoti āha ‘‘pavattetī’’ti.

    ๘๖๗. เสยฺยสทิสมานา อุนฺนติวเสน ปวตฺตาติ อุภยตฺถาปิ ‘‘มานํ ชเปฺปตี’’ติ วุตฺตํฯ

    867. Seyyasadisamānā unnativasena pavattāti ubhayatthāpi ‘‘mānaṃ jappetī’’ti vuttaṃ.

    ๘๖๘. หีนมาโน ปน โอนติวเสน ปวตฺติโต เกวเลน มานสเทฺทน นิเทฺทสํ นารหตีติ ตํนิเทฺทเส ‘‘โอมานํ ชเปฺปตี’’ติ (วิภ. ๘๗๔) วุตฺตํฯ

    868. Hīnamāno pana onativasena pavattito kevalena mānasaddena niddesaṃ nārahatīti taṃniddese ‘‘omānaṃ jappetī’’ti (vibha. 874) vuttaṃ.

    ๘๗๒. ราชโภเคน รฎฺฐภุญฺชนโก ราชนิสฺสิโต รฎฺฐิโย

    872. Rājabhogena raṭṭhabhuñjanako rājanissito raṭṭhiyo.

    ๘๗๙. ปุคฺคลํ อนามสิตฺวาติ ยถา เสยฺยสฺส เสยฺยมานาทินิเทฺทเสสุ ‘‘ปเรหิ เสยฺยํ อตฺตานํ ทหตี’’ติ เสยฺยาทิปุคฺคโล มานุปฺปาทโก อามโฎฺฐ, เอวเมตสฺส เสยฺยมานภาเวปิ มานุปฺปาทกปุคฺคลวิเสสํ อนามสิตฺวา ‘‘ปเร อติมญฺญติ’’เจฺจว วุตฺตนฺติ อโตฺถฯ ปเร อติกฺกมิตฺวา มญฺญนญฺหิ ยสฺส กสฺสจิ อติมาโนติฯ

    879. Puggalaṃ anāmasitvāti yathā seyyassa seyyamānādiniddesesu ‘‘parehi seyyaṃ attānaṃ dahatī’’ti seyyādipuggalo mānuppādako āmaṭṭho, evametassa seyyamānabhāvepi mānuppādakapuggalavisesaṃ anāmasitvā ‘‘pare atimaññati’’cceva vuttanti attho. Pare atikkamitvā maññanañhi yassa kassaci atimānoti.

    ๘๘๐. ปุริมมานสฺส อุปริมาโน มานาติมาโน, อติ-สโทฺท อุปริ-สทฺทสฺส อตฺถํ วทตีติ ทฎฺฐโพฺพฯ ปุริมมานํ วา อติกฺกโนฺต มาโน มานาติมาโน

    880. Purimamānassa uparimāno mānātimāno, ati-saddo upari-saddassa atthaṃ vadatīti daṭṭhabbo. Purimamānaṃ vā atikkanto māno mānātimāno.

    ๘๘๑. ปกฺขิชาตีสุ วายโส อโนฺต ลามโกติ กตฺวา ‘‘กากชาติ วิยา’’ติ วุตฺตํฯ

    881. Pakkhijātīsu vāyaso anto lāmakoti katvā ‘‘kākajāti viyā’’ti vuttaṃ.

    ๘๘๒. เถโร กิร โทสจริโต อโหสิ, ตสฺมา อาทิโตว ‘‘ตุเมฺห อขีณาสวา’’ติ อวตฺวา อุปาเยน กเถสีติ วทนฺติ, โทสจริตตฺตา วา ขิปฺปํ ตติยปทวาเร วิราคํ อุปฺปาเทสีติ อธิปฺปาโยฯ

    882. Thero kira dosacarito ahosi, tasmā āditova ‘‘tumhe akhīṇāsavā’’ti avatvā upāyena kathesīti vadanti, dosacaritattā vā khippaṃ tatiyapadavāre virāgaṃ uppādesīti adhippāyo.

    ๘๘๓. มานํ อนุคตจฺฉโนฺทติ มานสมฺปยุตฺตฉโนฺท, มานสภาวํ อนุคโต มานจฺฉโนฺท วาฯ

    883. Mānaṃanugatacchandoti mānasampayuttachando, mānasabhāvaṃ anugato mānacchando vā.

    ๘๘๔. ‘‘วิลมฺพน’’นฺติ จ อิตฺถิปุริสสมฺมานนาทิกิริยาทิวิลมฺพนปฎิสํยุตฺตํ กตฺตพฺพํ ทฎฺฐพฺพํฯ ตตฺถ ยุตฺตมุตฺตสิลิฎฺฐํ ปฎิภานํ วิลมฺพนปฎิภานํ

    884. ‘‘Vilambana’’nti ca itthipurisasammānanādikiriyādivilambanapaṭisaṃyuttaṃ kattabbaṃ daṭṭhabbaṃ. Tattha yuttamuttasiliṭṭhaṃ paṭibhānaṃ vilambanapaṭibhānaṃ.

    ๘๘๗. อมรวาทปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก, อตฺตโน อมรณตฺถาย เทวภาวตฺถาย วา วิตโกฺก อมรวิตโกฺก

    887. Amaravādapaṭisaṃyutto vitakko, attano amaraṇatthāya devabhāvatthāya vā vitakko amaravitakko.

    ๘๘๘. ปเรสุ อนุทฺทยา ราควเสน อนุทฺทยกรณํ เอตสฺสาติ ปรานุทฺทโย, ตสฺส ภาโว ปรานุทฺทยตา, ปเรสุ วา อนุทฺทยเสฺสว สหนนฺทิตาทิกสฺส ภาโว ปรานุทฺทยตา, ตาทิโส ราโคฯ ตตฺถาติ ปรานุทฺทยตาย สํสฎฺฐวิหาเรน ทสฺสิตายาติ อโตฺถ ยุชฺชติฯ

    888. Paresu anuddayā rāgavasena anuddayakaraṇaṃ etassāti parānuddayo, tassa bhāvo parānuddayatā, paresu vā anuddayasseva sahananditādikassa bhāvo parānuddayatā, tādiso rāgo. Tatthāti parānuddayatāya saṃsaṭṭhavihārena dassitāyāti attho yujjati.

    ๘๙๐. อนวญฺญตฺติํ ปเตฺถโนฺต อนวญฺญตฺตตฺถเมว กามคุเณ จ ปเตฺถตีติ อาห ‘‘ปญฺจกาม…เป.… นิสฺสิโต หุตฺวา’’ติฯ

    890. Anavaññattiṃ patthento anavaññattatthameva kāmaguṇe ca patthetīti āha ‘‘pañcakāma…pe… nissito hutvā’’ti.

    เอกกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ekakaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    (๒.) ทุกนิเทฺทสวณฺณนา

    (2.) Dukaniddesavaṇṇanā

    ๘๙๑. อุปนยฺหตีติ พนฺธติฯ อ-กาโร อนนฺตรตฺถวาจโก, มริยาทวาจกสฺส วา อาการสฺส รสฺสตฺตํ กตฺวา ‘‘อฎฺฐปนา’’ติ วุตฺตนฺติ ‘‘อนนฺตรฎฺฐปนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปฐมุปฺปนฺนสฺส ปวตฺตากาโร มริยาทา, ตํ อนติกฺกมิตฺวา ตเสฺสว ทฬฺหีกรณวเสน ฐปนา มริยาทฎฺฐปนาฯ ปกติฎฺฐปนามตฺตเมว, วิเสสนรหิตาติ อโตฺถฯ

    891. Upanayhatīti bandhati. A-kāro anantaratthavācako, mariyādavācakassa vā ākārassa rassattaṃ katvā ‘‘aṭṭhapanā’’ti vuttanti ‘‘anantaraṭṭhapanā’’tiādimāha. Tattha paṭhamuppannassa pavattākāro mariyādā, taṃ anatikkamitvā tasseva daḷhīkaraṇavasena ṭhapanā mariyādaṭṭhapanā. Pakatiṭṭhapanāmattameva, visesanarahitāti attho.

    ๘๙๒. นิฎฺฐุริยํ เขฬปาตนํ, นิฎฺฐุริยํ วิย นิฎฺฐุริยํฯ ทเสฺสตฺวาติ ทเนฺตหิ ฉินฺทิตฺวาฯ เตน ปน ทสฺสนํ ปฬาโสติ ทเสฺสติฯ ปฬาสสฺส อายนาติ ยุคคฺคาหปฺปวตฺติฯ สมภาวทหนํ ชโย, ตสฺส อาหรณโต อาหาโรฯ ธุรํ น เทตีติ ปาโมกฺขํ น เทติฯ

    892. Niṭṭhuriyaṃ kheḷapātanaṃ, niṭṭhuriyaṃ viya niṭṭhuriyaṃ. Dassetvāti dantehi chinditvā. Tena pana dassanaṃ paḷāsoti dasseti. Paḷāsassa āyanāti yugaggāhappavatti. Samabhāvadahanaṃ jayo, tassa āharaṇato āhāro. Dhuraṃ na detīti pāmokkhaṃ na deti.

    ๘๙๔. กาเยน เจติยงฺคณาทิวตฺตํ กโรติ ‘‘เอวํ วตฺตสมฺปโนฺน สโทฺธ กถํ กายทุจฺจริตาทีนิ กริสฺสตี’’ติ ปเรสํ ญาปนตฺถํฯ อติจฺจาติ อจฺจยํ กตฺวาฯ อาสรนฺตีติ อาคจฺฉนฺติ, ปุน ปฎิจฺฉาทเน ปวตฺตนฺตีติ อโตฺถฯ โกนาเมวํ กโรตีติ โวจฺฉินฺทนจฺฉาทนา วา โวจฺฉาทนา

    894. Kāyena cetiyaṅgaṇādivattaṃ karoti ‘‘evaṃ vattasampanno saddho kathaṃ kāyaduccaritādīni karissatī’’ti paresaṃ ñāpanatthaṃ. Aticcāti accayaṃ katvā. Āsarantīti āgacchanti, puna paṭicchādane pavattantīti attho. Konāmevaṃ karotīti vocchindanacchādanā vā vocchādanā.

    น สมฺมา ภาสิตาติ โย น สมฺมา ภาสติ, โส สโฐติ ทเสฺสติฯ กุจฺฉิ วา ปิฎฺฐิ วา ชานิตุํ น สกฺกาติ อสนฺตคุณสมฺภาวเนเนว จิตฺตานุรูปกิริยาวิรหโต ‘‘เอวํจิโตฺต เอวํกิริโย’’ติ ชานิตุํ น สกฺกาติ อโตฺถฯ

    Na sammā bhāsitāti yo na sammā bhāsati, so saṭhoti dasseti. Kucchi vā piṭṭhi vā jānituṃ na sakkāti asantaguṇasambhāvaneneva cittānurūpakiriyāvirahato ‘‘evaṃcitto evaṃkiriyo’’ti jānituṃ na sakkāti attho.

    อโช เอว อชามิโคฯ เนลโกติ ตรุณวโจฺฉฯ ยถา โส ยโกฺข ตาทิสํ รูปํ ทเสฺสตฺวา ‘‘อชา’’ติ สญฺญาย อาคตาคเต ขาทติ, เอวมยมฺปิ ตํตํสทิสคุณสมฺภาวเนน เต เต วเญฺจติฯ เตเนตํ สาเฐยฺยํ มายาโต พลวตรา วญฺจนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตเนว ‘‘ปริกฺขตฺตตา’’ติ วุตฺตํฯ

    Ajo eva ajāmigo. Nelakoti taruṇavaccho. Yathā so yakkho tādisaṃ rūpaṃ dassetvā ‘‘ajā’’ti saññāya āgatāgate khādati, evamayampi taṃtaṃsadisaguṇasambhāvanena te te vañceti. Tenetaṃ sāṭheyyaṃ māyāto balavatarā vañcanāti daṭṭhabbaṃ. Teneva ‘‘parikkhattatā’’ti vuttaṃ.

    ๙๐๘. สกฺกายทิฎฺฐาทีนํ อภาเวปิ ยํ สํโยชนํ โหติ, ตํ พหิทฺธา สํโยชนโต พหิทฺธาสํโยชนสฺส ปุคฺคลสฺส วิเสสนภูตํ พหิทฺธาสํโยชนํ นาม

    908. Sakkāyadiṭṭhādīnaṃ abhāvepi yaṃ saṃyojanaṃ hoti, taṃ bahiddhā saṃyojanato bahiddhāsaṃyojanassa puggalassa visesanabhūtaṃ bahiddhāsaṃyojanaṃ nāma.

    ทุกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dukaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    (๓.) ติกนิเทฺทสวณฺณนา

    (3.) Tikaniddesavaṇṇanā

    ๙๐๙. อกุสลมูลาเนว วฎฺฎมูลานีติ เตหิ กถิเตหิ วฎฺฎมูลสมุทาจาโร กถิโต โหตีติ อาห ‘‘ตีหิ…เป.… กถิโต’’ติฯ

    909. Akusalamūlāneva vaṭṭamūlānīti tehi kathitehi vaṭṭamūlasamudācāro kathito hotīti āha ‘‘tīhi…pe… kathito’’ti.

    ๙๑๙. สสฺสโต โลโกติอาทิทสฺสนเมว พฺรหฺมจริยํ โมกฺขสมฺปาปกํ อุตฺตมจริยนฺติ ทิฎฺฐิคติเกหิ สมฺมตนฺติ อาห ‘‘ทิฎฺฐิคติกสมฺมตสฺสา’’ติฯ รูปารูปาวจรวิปาเกสุ สาติสโย ภวราโคติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ ‘‘มหาพฺรหฺมาน’’นฺติฯ

    919. Sassatolokotiādidassanameva brahmacariyaṃ mokkhasampāpakaṃ uttamacariyanti diṭṭhigatikehi sammatanti āha ‘‘diṭṭhigatikasammatassā’’ti. Rūpārūpāvacaravipākesu sātisayo bhavarāgoti adhippāyena vuttaṃ ‘‘mahābrahmāna’’nti.

    ๙๒๐. กถํวิธนฺติ เกนากาเรน สณฺฐิตนฺติ อโตฺถติ กตฺวา อาห ‘‘อาการสณฺฐาน’’นฺติฯ มานฐปนาติ เสยฺยาทิวเสน มาเนน ฐปนา, มานสงฺขาตา วา ฐปนาฯ

    920. Kathaṃvidhanti kenākārena saṇṭhitanti atthoti katvā āha ‘‘ākārasaṇṭhāna’’nti. Mānaṭhapanāti seyyādivasena mānena ṭhapanā, mānasaṅkhātā vā ṭhapanā.

    ๙๒๑. เจตโส อุตฺราโส โทมนสฺสํ, โทโส วา, ตํสมฺปยุตฺตา วา เจตนาทโยฯ

    921. Cetaso utrāso domanassaṃ, doso vā, taṃsampayuttā vā cetanādayo.

    ๙๒๒. เทสนาสุขตายาติ ติณฺณํ อทฺธานํ วเสน วิจิกิจฺฉาย เทสนา สุขา ‘‘กงฺขติ วิจิกิจฺฉตี’’ติ, น ปน ตถา โมเหนาติ อธิปฺปาโยฯ วณฺณาทิเภทํ สุตฺวาติ เกจิ กิร วทนฺติ ‘‘ขตฺติยชีโว ปณฺฑุวโณฺณฯ กสฺมา? โส หิ ปุพฺพเณฺห รมติ, ปุพฺพเณฺห จ ฉายา ปณฺฑุวณฺณาฯ พฺราหฺมณเวสฺสสุทฺทชีวา โอทาตปีตกาฬวณฺณาฯ เต หิ มชฺฌนฺหสายนฺหรตฺตีสุ โอทาตปีตกาฬฉายา กาฬตมกาเลสุ รมนฺตี’’ติ เตสํ วณฺณเภทํ, ‘‘พฺยาปี ปริมณฺฑโล’’ติอาทินา กเถนฺตานํ สณฺฐานเภทญฺจ สุตฺวาฯ

    922. Desanāsukhatāyāti tiṇṇaṃ addhānaṃ vasena vicikicchāya desanā sukhā ‘‘kaṅkhati vicikicchatī’’ti, na pana tathā mohenāti adhippāyo. Vaṇṇādibhedaṃ sutvāti keci kira vadanti ‘‘khattiyajīvo paṇḍuvaṇṇo. Kasmā? So hi pubbaṇhe ramati, pubbaṇhe ca chāyā paṇḍuvaṇṇā. Brāhmaṇavessasuddajīvā odātapītakāḷavaṇṇā. Te hi majjhanhasāyanharattīsu odātapītakāḷachāyā kāḷatamakālesu ramantī’’ti tesaṃ vaṇṇabhedaṃ, ‘‘byāpī parimaṇḍalo’’tiādinā kathentānaṃ saṇṭhānabhedañca sutvā.

    ๙๒๓. ปุริสปุคฺคโลติ ปททฺวยํ เอกปทํ กตฺวา ชานนฺตานํ วเสนายํ สมฺมุติกถา ปวตฺตา, ปทนฺตรเมว วา อิทํ ปุคฺคลวาจกนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิมาหฯ อถ วา ปุริโสติ วุโตฺต จ ปุคฺคโล เอว, น ปุริสินฺทฺริยยุโตฺตวาติ ทสฺสนตฺถมฺปิ ‘‘ปุริสปุคฺคโล’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อฎฺฐสุ อาพาเธสูติ ปิตฺตเสมฺหวาตสมุฎฺฐานอุตุวิปริณามชโอปกฺกมิกวิสมปริหารชสนฺนิปาตชกมฺมสมุฎฺฐาเนสุฯ ปุเพฺพ กตนฺติ ปุราณตรกมฺมํ อิจฺฉนฺตีติ อุปปชฺชเวทนียญฺจ กิร ปฎิกฺขิปนฺติฯ อาณตฺติมูลเกน วาติ โยปิ อาณาเปตฺวา วธพนฺธาทิทุกฺขํ อุปฺปาเทติ, ตมฺปิ ตํมูลกํ น โหติ, อิสฺสรนิมฺมานมูลเมวาติ อธิปฺปาโยฯ

    923. Purisapuggaloti padadvayaṃ ekapadaṃ katvā jānantānaṃ vasenāyaṃ sammutikathā pavattā, padantarameva vā idaṃ puggalavācakanti dassento ‘‘ayaṃ panā’’tiādimāha. Atha vā purisoti vutto ca puggalo eva, na purisindriyayuttovāti dassanatthampi ‘‘purisapuggalo’’ti vuttanti veditabbaṃ. Aṭṭhasu ābādhesūti pittasemhavātasamuṭṭhānautuvipariṇāmajaopakkamikavisamaparihārajasannipātajakammasamuṭṭhānesu. Pubbe katanti purāṇatarakammaṃ icchantīti upapajjavedanīyañca kira paṭikkhipanti. Āṇattimūlakena vāti yopi āṇāpetvā vadhabandhādidukkhaṃ uppādeti, tampi taṃmūlakaṃ na hoti, issaranimmānamūlamevāti adhippāyo.

    ๙๒๔. โมหสฺส อนุทหนํ ทาหการณตาย วุตฺตํ, สภาวโตปิ ปน อสมฺปฎิเวโธ สมฺปฎิเวธสุขสฺส ปจฺจนีกภูโต ทุโกฺข เอวาติ อนุทหนตา เวทิตพฺพาฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘อุเปกฺขา เวทนา ญาณสุขา อญฺญาณทุกฺขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕) วุตฺตาฯ

    924. Mohassaanudahanaṃ dāhakāraṇatāya vuttaṃ, sabhāvatopi pana asampaṭivedho sampaṭivedhasukhassa paccanīkabhūto dukkho evāti anudahanatā veditabbā. Evañca katvā ‘‘upekkhā vedanā ñāṇasukhā aññāṇadukkhā’’ti (ma. ni. 1.465) vuttā.

    ๙๒๖. ปุถุนิมิตฺตารมฺมเณสูติ สุภนิมิตฺตาทิวเสน ปุถุนิมิตฺตสภาเวสุ อารมฺมเณสุ, ปุถุสภาเวสุ วา สุภนิมิตฺตาทิอารมฺมเณสุฯ โกสชฺชปมาทนิเทฺทสานํ สมานเตฺตปิ อวิปฺผาริกตาสงฺขาตา ลีนวุตฺติตา โกสชฺชํ, สติโวสฺสคฺคสงฺขาตํ ปมชฺชนํ ปมาโทติ อยํ วิเสโสติฯ

    926. Puthunimittārammaṇesūti subhanimittādivasena puthunimittasabhāvesu ārammaṇesu, puthusabhāvesu vā subhanimittādiārammaṇesu. Kosajjapamādaniddesānaṃ samānattepi avipphārikatāsaṅkhātā līnavuttitā kosajjaṃ, sativossaggasaṅkhātaṃ pamajjanaṃ pamādoti ayaṃ visesoti.

    ๙๓๑. สครุวาสนฺติ สโอตฺตปฺปวาสมาห, สเชฎฺฐกวาสนฺติ สหิริวาสํฯ อนาทิยนา อนทฺทา โอวาทอคฺคหณํ, อจิตฺตีกาโรติ อโตฺถฯ สุกฺขกฎฺฐสฺส วิย อนลฺลตา, อมุทุตา วา อนทฺทาฯ อสีลฺยนฺติ อสุขสีลตา อมุทุตา เอวฯ

    931. Sagaruvāsanti saottappavāsamāha, sajeṭṭhakavāsanti sahirivāsaṃ. Anādiyanā anaddā ovādaaggahaṇaṃ, acittīkāroti attho. Sukkhakaṭṭhassa viya anallatā, amudutā vā anaddā. Asīlyanti asukhasīlatā amudutā eva.

    ๙๓๔. อุปารโมฺภ โทสสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาโท สิยาฯ

    934. Upārambho dosasampayuttacittuppādo siyā.

    ๙๓๖. ‘‘อิธ ปาสาณํ กโรตี’’ติอาทินา ฐปนเตฺถปิ กโรติ-สโทฺท ยุชฺชตีติ อาห ‘‘กโรตีติ ฐเปตี’’ติฯ เอตฺถ จายํ อาวชฺชนา อกุสลานํ อาสนฺนการณตฺตา ขุทฺทกวตฺถูสุ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา, ตทนุกูลกิจฺจตฺตา วาฯ

    936. ‘‘Idha pāsāṇaṃ karotī’’tiādinā ṭhapanatthepi karoti-saddo yujjatīti āha ‘‘karotīti ṭhapetī’’ti. Ettha cāyaṃ āvajjanā akusalānaṃ āsannakāraṇattā khuddakavatthūsu vuttāti veditabbā, tadanukūlakiccattā vā.

    ติกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tikaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    (๔.) จตุกฺกนิเทฺทสวณฺณนา

    (4.) Catukkaniddesavaṇṇanā

    ๙๓๙. อิตีติ นิทสฺสเน นิปาโตติ เอวํ-สเทฺทน สมานโตฺถติ ทเสฺสติฯ ภวาภวเหตูติปีติ เอตฺถ ภวนฺติ ชายนฺติ เอเตนาติ ภโว, สปฺปิอาทิเภสชฺชํฯ ภโว เอว ปณีตตโร อภิวุโทฺธ อภโวฯ ภาวนารามตาอริยวํสปฺปเหยฺยตฺตา วา ปุริมตณฺหาตฺตยวชฺชา สพฺพา ตณฺหา ‘‘ภวาภวเหตุ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ

    939. Itīti nidassane nipātoti evaṃ-saddena samānatthoti dasseti. Bhavābhavahetūtipīti ettha bhavanti jāyanti etenāti bhavo, sappiādibhesajjaṃ. Bhavo eva paṇītataro abhivuddho abhavo. Bhāvanārāmatāariyavaṃsappaheyyattā vā purimataṇhāttayavajjā sabbā taṇhā ‘‘bhavābhavahetu uppajjatī’’ti vuttāti veditabbā.

    เอตายาติ ฉนฺทาทิอคติยาฯ น คจฺฉนฺตีติ น ปวตฺตนฺติ, ตํ ตํ กิริยํ น กโรนฺตีติ อโตฺถฯ อิมินาติ ฉนฺทาทินา อคติคมเนนฯ ฉนฺทาทีสุ เยน นิโนฺน, เตน คมนํ ยถานินฺนคมนํ

    Etāyāti chandādiagatiyā. Na gacchantīti na pavattanti, taṃ taṃ kiriyaṃ na karontīti attho. Imināti chandādinā agatigamanena. Chandādīsu yena ninno, tena gamanaṃ yathāninnagamanaṃ.

    ‘‘ราชา’’ติอาทินา ราชาทินิมิโตฺต วิย อูมิอาทินิมิโตฺต จิตฺตุตฺราโส อูมิอาทิภยํ, ‘‘อูมิภยนฺติ โข, ภิกฺขเว, โกธุปายาสเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๒.๑๖๒; อ. นิ. ๔.๑๒๒; อิติวุ. ๑๐๙) โกธุปายาสโอทริกตฺตปญฺจกามคุณมาตุคามา วาฯ ตตฺถ ปญฺจกามคุณมาตุคามคฺคหเณน ตนฺนิสฺสิตฉนฺทราคคฺคหณํ เวทิตพฺพํ, โอทริกตฺตญฺจ โลโภวฯ อุเกฺขปนียาทิกมฺมํ วินยทณฺฑํ

    ‘‘Rājā’’tiādinā rājādinimitto viya ūmiādinimitto cittutrāso ūmiādibhayaṃ, ‘‘ūmibhayanti kho, bhikkhave, kodhupāyāsassetaṃ adhivacana’’ntiādivacanato (ma. ni. 2.162; a. ni. 4.122; itivu. 109) kodhupāyāsaodarikattapañcakāmaguṇamātugāmā vā. Tattha pañcakāmaguṇamātugāmaggahaṇena tannissitachandarāgaggahaṇaṃ veditabbaṃ, odarikattañca lobhova. Ukkhepanīyādikammaṃ vinayadaṇḍaṃ.

    ‘‘อถ โข ติมฺพรุโก ปริพฺพาชโก เยน ภควา…เป.… เอตทโวจ ‘กิํ นุ โข, โภ โคตม, สยํกตํ สุขทุกฺข’นฺติ? มา เหวํ ติมฺพรุกาติ ภควา อโวจา’’ติอาทินา นิทานวเคฺค (สํ. นิ. ๒.๑๘) อาคตตฺตา ‘‘ติมฺพรุกทิฎฺฐี’’ติ วุตฺตาฯ

    ‘‘Atha kho timbaruko paribbājako yena bhagavā…pe… etadavoca ‘kiṃ nu kho, bho gotama, sayaṃkataṃ sukhadukkha’nti? Mā hevaṃ timbarukāti bhagavā avocā’’tiādinā nidānavagge (saṃ. ni. 2.18) āgatattā ‘‘timbarukadiṭṭhī’’ti vuttā.

    จตุกฺกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Catukkaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    (๕.) ปญฺจกนิเทฺทสวณฺณนา

    (5.) Pañcakaniddesavaṇṇanā

    ๙๔๐. อาคนฺตุํ ปน น เทนฺตีติ อาคมนสฺส ปจฺจยา น โหนฺตีติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    940. Āgantuṃ pana na dentīti āgamanassa paccayā na hontīti attho daṭṭhabbo.

    ๙๔๑. อวเทหนโตติ ปูรเณน มํสูปจยเหตุตาย จ อุปจยนโตฯ คิมฺหกาเล ภุญฺชิตฺวา สยนฺตสฺส สุขํ โหตีติ ตํ อุตุสุขํ ‘‘เสยฺยสุข’’นฺติ วุตฺตํ, สยนิริยาปถสุขนฺติ อโตฺถฯ วตนฺติ ธุตงฺคานิฯ ตโปติ ขนฺธกวตฺตานิ, วีริยํ วาฯ สีลคฺคหเณน ขนฺธกวตฺตเมถุนวิรตีนํ คหิตตฺตา ตปพฺรหฺมจริยคฺคหณํ น กตฺตพฺพนฺติ เจ? น, อญฺญสีลโต วิเสเสตฺวา ตปพฺรหฺมจริยานํ เทวตฺตการณตฺตคฺคหณสฺส ทสฺสนโต, พาหิรานญฺจสฺส วินิพนฺธสฺส ปวตฺติทสฺสนโต วาฯ เตสญฺหิ อวิหิํสาทิโควตาทิทุกฺกรการิกาเมถุนวิรติโย ยถากฺกมํ สีลาทีนิ, ตานิ จ เต เทวนิกายํ ปณิธาย จรนฺตีติฯ อญฺญถา จ สทฺธารุจิอาทีหิ ‘‘ยโต โข โภ อยํ อตฺตา รูปี จาตุมหาภูติโก มาตาเปตฺติกสมฺภโว กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๘๕) วิกเปฺปตฺวาฯ

    941. Avadehanatoti pūraṇena maṃsūpacayahetutāya ca upacayanato. Gimhakāle bhuñjitvā sayantassa sukhaṃ hotīti taṃ utusukhaṃ ‘‘seyyasukha’’nti vuttaṃ, sayaniriyāpathasukhanti attho. Vatanti dhutaṅgāni. Tapoti khandhakavattāni, vīriyaṃ vā. Sīlaggahaṇena khandhakavattamethunaviratīnaṃ gahitattā tapabrahmacariyaggahaṇaṃ na kattabbanti ce? Na, aññasīlato visesetvā tapabrahmacariyānaṃ devattakāraṇattaggahaṇassa dassanato, bāhirānañcassa vinibandhassa pavattidassanato vā. Tesañhi avihiṃsādigovatādidukkarakārikāmethunaviratiyo yathākkamaṃ sīlādīni, tāni ca te devanikāyaṃ paṇidhāya carantīti. Aññathā ca saddhāruciādīhi ‘‘yato kho bho ayaṃ attā rūpī cātumahābhūtiko mātāpettikasambhavo kāyassa bhedā ucchijjatī’’tiādinā (dī. ni. 1.85) vikappetvā.

    ๙๔๒. พฺยสเนสุ ญาติโภคโรคพฺยสนคฺคหเณน ตํนิมิตฺตา โสกาทโย คหิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ ทสฺสนสวเนสุ ปฎิกูลตา ทสฺสนสวนปฎิกูลตาฯ เอตฺถ จ อาทีนเวหิ ปญฺจหิ เตสํ การณภูตา อกฺขนฺติเยว ภินฺทิตฺวา กถิตาติ เวทิตพฺพา, อกฺขนฺติมูลกา วา อปฺปิยตาทิเหตุภูตา ทุกฺกฎทุพฺภาสิตตาทิโทสาฯ

    942. Byasanesu ñātibhogarogabyasanaggahaṇena taṃnimittā sokādayo gahitāti daṭṭhabbā. Dassanasavanesu paṭikūlatā dassanasavanapaṭikūlatā. Ettha ca ādīnavehi pañcahi tesaṃ kāraṇabhūtā akkhantiyeva bhinditvā kathitāti veditabbā, akkhantimūlakā vā appiyatādihetubhūtā dukkaṭadubbhāsitatādidosā.

    มิจฺฉาชีวนิมิตฺตํ มรณกาเล อุปฺปนฺนภยํ ‘‘อาชีวกภย’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘อาชีวิกาภย’’นฺติ ปน ปาเฐ ปจฺจยานุปฺปตฺติํ ปสฺสโต อาชีวิกนิมิโตฺต จิตฺตุตฺราโสติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ กิตฺติสโทฺท สิโลกนฺติ ตปฺปฎิปกฺขา อสิโลกํ อกิตฺติฯ เตนาห ‘‘ครหภย’’นฺติฯ

    Micchājīvanimittaṃ maraṇakāle uppannabhayaṃ ‘‘ājīvakabhaya’’nti vuttaṃ. ‘‘Ājīvikābhaya’’nti pana pāṭhe paccayānuppattiṃ passato ājīvikanimitto cittutrāsoti attho daṭṭhabbo. Kittisaddo silokanti tappaṭipakkhā asilokaṃ akitti. Tenāha ‘‘garahabhaya’’nti.

    ๙๔๓. อุปฺปิลาวิตนฺติ อุทคฺคตาสงฺขาโต อวูปสมภาโว, อวูปสมเหตุภูโต วา ปีติยา อากาโรฯ

    943. Uppilāvitanti udaggatāsaṅkhāto avūpasamabhāvo, avūpasamahetubhūto vā pītiyā ākāro.

    ปญฺจกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañcakaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    (๖.) ฉกฺกนิเทฺทสวณฺณนา

    (6.) Chakkaniddesavaṇṇanā

    ๙๔๔. ‘‘โกธโน โหติ อุปนาหี’’ติอาทินา โกธาทิเหตุกา อุปนาหาทโย โกธาทีนํ สหายการณภาเวน สุตฺตเนฺต วุตฺตาติ โกธาทโย เอว วิวาทมูลานิ, เตเนตฺถ เต เอว วุตฺตาฯ สนฺทิฎฺฐิปรามสิตา อตฺตโน ทิฎฺฐิยํ อภินิวิฎฺฐตาฯ

    944. ‘‘Kodhano hoti upanāhī’’tiādinā kodhādihetukā upanāhādayo kodhādīnaṃ sahāyakāraṇabhāvena suttante vuttāti kodhādayo eva vivādamūlāni, tenettha te eva vuttā. Sandiṭṭhiparāmasitā attano diṭṭhiyaṃ abhiniviṭṭhatā.

    ๙๔๕. อปฺปติสฺสโยติ ปติสฺสยภูเตหิ ครูหิ วิรหิโตฯ อปฺปมาทลกฺขณนฺติ สติอวิปฺปวาสํ กุสลานุโยคสาตจฺจํ วาฯ

    945. Appatissayoti patissayabhūtehi garūhi virahito. Appamādalakkhaṇanti satiavippavāsaṃ kusalānuyogasātaccaṃ vā.

    ยุตฺตปยุตฺตตาติ ตนฺนินฺนตาวเสน สุฎฺฐุ ยุตฺตตาฯ คณสงฺคณิกา กิเลสวเสน ปวตฺตา สงฺคณิกาฯ อิตฺถิปฎิสํยุตฺตกถาสวเน อิตฺถิสทฺทสวเน จ อสฺสาโท สวนสํสโคฺคฯ อิตฺถิยา กสฺสจิ ทานคฺคหณสฺสาโท ปริโภคสํสโคฺค

    Yuttapayuttatāti tanninnatāvasena suṭṭhu yuttatā. Gaṇasaṅgaṇikā kilesavasena pavattā saṅgaṇikā. Itthipaṭisaṃyuttakathāsavane itthisaddasavane ca assādo savanasaṃsaggo. Itthiyā kassaci dānaggahaṇassādo paribhogasaṃsaggo.

    ๙๔๖. โสมนเสฺสน สทฺธิํ อุปวิจรนฺตีติ โสมนสฺสุปวิจาราติ อกุสลโสมนสฺสสหคตา รูปวิจาราทโย อิธาธิเปฺปตาติ เวทิตพฺพา, ตถา อุเปกฺขุปวิจารา จฯ ตํสมฺปยุโตฺต วาติ เอเตน วิจารคฺคหเณน วิตโกฺกปิ คหิโตติ วิตกฺกปฺปวตฺตเนน ‘‘อุปวิตเกฺกตี’’ติ อิทมฺปิ วุตฺตํ โหตีติ ทเสฺสติฯ

    946. Somanassena saddhiṃ upavicarantīti somanassupavicārāti akusalasomanassasahagatā rūpavicārādayo idhādhippetāti veditabbā, tathā upekkhupavicārā ca. Taṃsampayutto vāti etena vicāraggahaṇena vitakkopi gahitoti vitakkappavattanena ‘‘upavitakketī’’ti idampi vuttaṃ hotīti dasseti.

    ๙๔๗. อญฺญาณสมฺปยุตฺตาติ วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคตจิเตฺตสุ อุเปกฺขา โมโหติ วทนฺติ, โลภสมฺปยุตฺตุเปกฺขาปิ ปน เคหสฺสิตา น น โหติฯ

    947. Aññāṇasampayuttāti vicikicchuddhaccasahagatacittesu upekkhā mohoti vadanti, lobhasampayuttupekkhāpi pana gehassitā na na hoti.

    ๙๔๘. อธิจฺจสมุปฺปนฺนิโก ‘‘อธิจฺจ สมุปฺปโนฺน อตฺตา อุปฺปโนฺน ภวิสฺสตี’’ติ คณฺหโนฺต สสฺสตทิฎฺฐิโก โหตีติ เอวรูปสฺส ทิฎฺฐิ วิยาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกเสฺสวา’’ติ อาหฯ น โส ชาโตติ เอตฺถ ‘‘ชาตู’’ติ อยํ นิปาโต อุ-การสฺส โอ-การํ กตฺวา ชาโตติ วุโตฺต, เตน วา สมานตฺถํ นิปาตนฺตรํ เอตํ ทฎฺฐพฺพํฯ สพฺพาสวทิฎฺฐีติ สพฺพาสวปริยาเยน อาคตา ทิฎฺฐิฯ

    948. Adhiccasamuppanniko ‘‘adhicca samuppanno attā uppanno bhavissatī’’ti gaṇhanto sassatadiṭṭhiko hotīti evarūpassa diṭṭhi viyāti dassento ‘‘adhiccasamuppannikassevā’’ti āha. Na so jātoti ettha ‘‘jātū’’ti ayaṃ nipāto u-kārassa o-kāraṃ katvā jātoti vutto, tena vā samānatthaṃ nipātantaraṃ etaṃ daṭṭhabbaṃ. Sabbāsavadiṭṭhīti sabbāsavapariyāyena āgatā diṭṭhi.

    ฉกฺกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Chakkaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    (๗.) สตฺตกนิเทฺทสวณฺณนา

    (7.) Sattakaniddesavaṇṇanā

    ๙๕๑. ทฺวาสฎฺฐิยา ทิฎฺฐีสุ สตฺตกสฺส อญฺญสฺส อภาวา สตฺต อุเจฺฉทวาทา เอว อิธ ตถา อวตฺวา ‘‘สตฺต ทิฎฺฐี’’ติ วุตฺตาฯ

    951. Dvāsaṭṭhiyā diṭṭhīsu sattakassa aññassa abhāvā satta ucchedavādā eva idha tathā avatvā ‘‘satta diṭṭhī’’ti vuttā.

    สตฺตกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sattakaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    (๘.) อฎฺฐกนิเทฺทสวณฺณนา

    (8.) Aṭṭhakaniddesavaṇṇanā

    ๙๕๒. ‘‘กมฺมํ โข เม กตฺตพฺพํ ภวิสฺสตี’’ติอาทินา โอสีทนากาเรน ปวตฺตจิตฺตุปฺปาทา โกสชฺชการณานิ, โกสชฺชเมว วา โกสชฺชนฺตรการณตาย โกสชฺชการณานีติ ทฎฺฐพฺพานิฯ มาสาจิตํ มเญฺญติ เอตฺถ อาจิต-สโทฺท ตินฺต-สทฺทสฺส, มเญฺญ-สโทฺท จ วิย-สทฺทสฺส อตฺถํ วทตีติ อธิปฺปาเยน ‘‘ตินฺตมาโส วิยา’’ติ อยมโตฺถ วิภาวิโต, มาสจโย วิยาติ วา อโตฺถฯ

    952. ‘‘Kammaṃ kho me kattabbaṃ bhavissatī’’tiādinā osīdanākārena pavattacittuppādā kosajjakāraṇāni, kosajjameva vā kosajjantarakāraṇatāya kosajjakāraṇānīti daṭṭhabbāni. Māsācitaṃ maññeti ettha ācita-saddo tinta-saddassa, maññe-saddo ca viya-saddassa atthaṃ vadatīti adhippāyena ‘‘tintamāso viyā’’ti ayamattho vibhāvito, māsacayo viyāti vā attho.

    ๙๕๗. ผรตีติ ผุสติ, ฆเฎฺฎตีติ อโตฺถฯ อเญฺญน การเณนาติ ‘‘อชฺช ตยา วิกาเล ภุตฺตํ, เตน ตฺวํ อาปตฺติํ อาปโนฺนสี’’ติ วุโตฺต ‘‘หิโยฺย มยา กาเล ภุตฺตํ, เตนาหํ อนาปโนฺน’’ติอาทินา อเญฺญน อยุเตฺตน การเณน อญฺญํ ยุตฺตํ การณํ ปฎิจฺฉาเทตีติ อโตฺถฯ ปุจฺฉิตตฺถโต พหิทฺธา ยถา ตํ น อลฺลียติ, ตถา กถาย อปนยนํ วิกฺขิปนํ พหิทฺธา อปนามนา

    957. Pharatīti phusati, ghaṭṭetīti attho. Aññena kāraṇenāti ‘‘ajja tayā vikāle bhuttaṃ, tena tvaṃ āpattiṃ āpannosī’’ti vutto ‘‘hiyyo mayā kāle bhuttaṃ, tenāhaṃ anāpanno’’tiādinā aññena ayuttena kāraṇena aññaṃ yuttaṃ kāraṇaṃ paṭicchādetīti attho. Pucchitatthato bahiddhā yathā taṃ na allīyati, tathā kathāya apanayanaṃ vikkhipanaṃ bahiddhā apanāmanā.

    ๙๕๘. อสญฺญีวาทาติ ปุคฺคเลหิ ทิฎฺฐิโย ทเสฺสติฯ เยหิ วา อภินิเวเสหิ อสญฺญี อตฺตานํ วทนฺติ, เต อสญฺญีวาทาฯ อรูปสมาปตฺตินิมิตฺตนฺติ อากาสาทิํฯ

    958. Asaññīvādāti puggalehi diṭṭhiyo dasseti. Yehi vā abhinivesehi asaññī attānaṃ vadanti, te asaññīvādā. Arūpasamāpattinimittanti ākāsādiṃ.

    อฎฺฐกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Aṭṭhakaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    (๙.) นวกนิเทฺทสวณฺณนา

    (9.) Navakaniddesavaṇṇanā

    ๙๖๐. ทสมสฺส อวุตฺตตฺตา ‘‘สเตฺตสุ อุปฺปตฺติวเสเนว กถิตานี’’ติ วุตฺตํฯ

    960. Dasamassa avuttattā ‘‘sattesu uppattivaseneva kathitānī’’ti vuttaṃ.

    ๙๖๓. สุขวินิจฺฉยนฺติ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุขสนฺนิฎฺฐานนฺติ อโตฺถฯ อชฺฌตฺตํ สุขนฺติ เสวิตพฺพํ เนกฺขมฺมสุขํฯ วินิจฺฉยาติ เทฺว วินิจฺฉยาติ อิทํ –

    963. Sukhavinicchayanti sevitabbāsevitabbasukhasanniṭṭhānanti attho. Ajjhattaṃ sukhanti sevitabbaṃ nekkhammasukhaṃ. Vinicchayāti dve vinicchayāti idaṃ –

    ‘‘สาตํ อสาตนฺติ ยมาหุ โลเก,

    ‘‘Sātaṃ asātanti yamāhu loke,

    ตมูปนิสฺสาย ปโหติ ฉโนฺท;

    Tamūpanissāya pahoti chando;

    รูเปสุ ทิสฺวา วิภวํ ภวญฺจ,

    Rūpesu disvā vibhavaṃ bhavañca,

    วินิจฺฉยํ กุพฺพติ ชนฺตุ โลเก’’ติฯ (สุ. นิ. ๘๗๓; มหานิ. ๑๐๒) –

    Vinicchayaṃ kubbati jantu loke’’ti. (su. ni. 873; mahāni. 102) –

    เอตสฺส นิเทฺทเส วุตฺตํฯ

    Etassa niddese vuttaṃ.

    อิธ วินิจฺฉโยติ วุโตฺตติ อิมิสฺสา วิภงฺคปาฬิยา โย ฉนฺทราคสฺส ปจฺจยสภาเวน วินิจฺฉย-สเทฺทน วุโตฺต, สกฺกปเญฺหปิ (ที. นิ. ๒.๓๕๗) ฉนฺทสฺส นิทานภาเวน วิตกฺก-สเทฺทน โส เอว อาคโตติ เอวํ วิตกฺกสฺส วินิจฺฉยภาวํ ตเสฺสว อิธ คหิตตญฺจ ทเสฺสติฯ พลวสนฺนิฎฺฐานนฺติ พลวติยา ตณฺหาย อารมฺมณสฺส นิฎฺฐเปตฺวา คหณํฯ

    Idha vinicchayoti vuttoti imissā vibhaṅgapāḷiyā yo chandarāgassa paccayasabhāvena vinicchaya-saddena vutto, sakkapañhepi (dī. ni. 2.357) chandassa nidānabhāvena vitakka-saddena so eva āgatoti evaṃ vitakkassa vinicchayabhāvaṃ tasseva idha gahitatañca dasseti. Balavasanniṭṭhānanti balavatiyā taṇhāya ārammaṇassa niṭṭhapetvā gahaṇaṃ.

    ๙๖๔. สติปิ อเญฺญสญฺจ สงฺขตภาเว อหนฺติ อสฺมีติ จ สาติสยา มานสฺส สงฺขตตาติ กตฺวา ‘‘สงฺขต’’นฺติ มาโน วุโตฺตฯ เสยฺยาทิวเสน ‘‘อหมสฺมี’’ติ อตฺตโน สงฺขรณํ วา สงฺขตํฯ เอตฺถ ‘‘ภวิสฺสนฺตี’’ติอาทิกา ปวตฺติ ตณฺหาทิฎฺฐีนํ วิเสสวตีติ ตาสมฺปิ อิญฺชิตาทิภาโว วุโตฺตฯ

    964. Satipi aññesañca saṅkhatabhāve ahanti asmīti ca sātisayā mānassa saṅkhatatāti katvā ‘‘saṅkhata’’nti māno vutto. Seyyādivasena ‘‘ahamasmī’’ti attano saṅkharaṇaṃ vā saṅkhataṃ. Ettha ‘‘bhavissantī’’tiādikā pavatti taṇhādiṭṭhīnaṃ visesavatīti tāsampi iñjitādibhāvo vutto.

    นวกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Navakaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    (๑๐.) ทสกนิเทฺทสวณฺณนา

    (10.) Dasakaniddesavaṇṇanā

    ๙๗๐. ชาลกฺขิปสํวิธานาทิกุสลตาสงฺกปฺปนํ อุปายจินฺตา, ตสฺสา มิจฺฉาภาวปฎิจฺฉาทนภาเวน ปวโตฺต ตทากาโร โมโห อุปายจินฺตาวเสน อุปฺปโนฺนติ ทฎฺฐโพฺพฯ ยถากเต ปน ปาเป อนาทีนวทสฺสนวเสน ปวตฺตา สญฺญา, สงฺกโปฺป วา ปจฺจเวกฺขณา, ตสฺสาปิ มิจฺฉาภาวปฎิจฺฉาทกํ ตทาการํ, อนาทีนวทสฺสนํ วา ปจฺจเวกฺขณากาเรน อุปฺปโนฺน โมโหติฯ วิมุตฺตสญฺญิตาติ อธิมานสมฺปยุตฺตํ, ติตฺถิยานํ วา อตฺตโน ทิฎฺฐิยา วิมุตฺตตาสญฺชานนํฯ ‘‘วิมุโตฺตมฺหี’’ติ เอวํ ปวโตฺต อกุสลจิตฺตุปฺปาโท มิจฺฉาวิมุตฺตีติ เกจิ วทนฺติฯ ผลํ วิย วิมุตฺตนฺติ คหิเต ปน ทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตจิเตฺต ทิฎฺฐิ มิจฺฉาญาณํ, สมาธิ จ มิจฺฉาวิมุตฺตีติ ยุตฺตํ สิยาฯ

    970. Jālakkhipasaṃvidhānādikusalatāsaṅkappanaṃ upāyacintā, tassā micchābhāvapaṭicchādanabhāvena pavatto tadākāro moho upāyacintāvasena uppannoti daṭṭhabbo. Yathākate pana pāpe anādīnavadassanavasena pavattā saññā, saṅkappo vā paccavekkhaṇā, tassāpi micchābhāvapaṭicchādakaṃ tadākāraṃ, anādīnavadassanaṃ vā paccavekkhaṇākārena uppanno mohoti. Vimuttasaññitāti adhimānasampayuttaṃ, titthiyānaṃ vā attano diṭṭhiyā vimuttatāsañjānanaṃ. ‘‘Vimuttomhī’’ti evaṃ pavatto akusalacittuppādo micchāvimuttīti keci vadanti. Phalaṃ viya vimuttanti gahite pana diṭṭhisampayuttacitte diṭṭhi micchāñāṇaṃ, samādhi ca micchāvimuttīti yuttaṃ siyā.

    ทสกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dasakaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ตณฺหาวิจริตนิเทฺทสวณฺณนา

    Taṇhāvicaritaniddesavaṇṇanā

    ๙๗๓. สมูหคาหโตติ ตณฺหามานทิฎฺฐีนํ สาธารณคฺคหณโตติ วทนฺติฯ ‘‘อิตฺถํ เอวํ อญฺญถา’’ติ ปน วิเสสํ อกตฺวา คหณํ สมูหคาโหติ ทฎฺฐโพฺพฯ อญฺญํ อาการนฺติ ปรสนฺตานคตํ อาการํฯ อตฺถีติ สทา สํวิชฺชตีติ อโตฺถฯ สีทตีติ วินสฺสติฯ สํสยปริวิตกฺกวเสนาติ ‘‘กิํ นุ โข อหํ สิยํ, น สิย’’นฺติ เอวํ ปริวิตกฺกวเสนฯ ปตฺถนากปฺปนวเสนาติ ‘‘อปิ นาม สาธุ ปนาหํ สิย’’นฺติ เอวํ ปตฺถนาย กปฺปนวเสนฯ

    973. Samūhagāhatoti taṇhāmānadiṭṭhīnaṃ sādhāraṇaggahaṇatoti vadanti. ‘‘Itthaṃ evaṃ aññathā’’ti pana visesaṃ akatvā gahaṇaṃ samūhagāhoti daṭṭhabbo. Aññaṃ ākāranti parasantānagataṃ ākāraṃ. Atthīti sadā saṃvijjatīti attho. Sīdatīti vinassati. Saṃsayaparivitakkavasenāti ‘‘kiṃ nu kho ahaṃ siyaṃ, na siya’’nti evaṃ parivitakkavasena. Patthanākappanavasenāti ‘‘api nāma sādhu panāhaṃ siya’’nti evaṃ patthanāya kappanavasena.

    สุทฺธสีสาติ ตณฺหามานทิฎฺฐีนํ สาธารณสีสา วิเสสสฺส อนิสฺสิตตฺตา ‘‘สุทฺธสีสา’’ติ วุตฺตาฯ ตตฺถ ทิฎฺฐิสีเสหิ ทิฎฺฐิยา ตณฺหา ทสฺสิตา, สีสสีสมูลเกหิ มานทิฎฺฐีหิ สยเมว จาติ อาห ‘‘เอวเมเต…เป.… ตณฺหา วิจริตธมฺมา เวทิตพฺพา’’ติฯ ทิฎฺฐิมาเนสุปิ ‘‘ตณฺหาวิจริตานี’’ติ วจนญฺจ อญฺญมญฺญํ วิปฺปโยคีนํ ทิฎฺฐิมานานํ ตณฺหาย อวิปฺปโยคีนํ ตํมูลกตฺตาว ตปฺปธานตาย กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Suddhasīsāti taṇhāmānadiṭṭhīnaṃ sādhāraṇasīsā visesassa anissitattā ‘‘suddhasīsā’’ti vuttā. Tattha diṭṭhisīsehi diṭṭhiyā taṇhā dassitā, sīsasīsamūlakehi mānadiṭṭhīhi sayameva cāti āha ‘‘evamete…pe… taṇhā vicaritadhammā veditabbā’’ti. Diṭṭhimānesupi ‘‘taṇhāvicaritānī’’ti vacanañca aññamaññaṃ vippayogīnaṃ diṭṭhimānānaṃ taṇhāya avippayogīnaṃ taṃmūlakattāva tappadhānatāya katanti veditabbaṃ.

    ๙๗๔. อวกฺกรีติ นิปาโต นานาภาเว วตฺตตีติ อนานากรณํ อนวกฺกริ, ตํ กตฺวา, อวกฺกริ วา อกตฺวา อนวกฺกริ กตฺวาติ เอวํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อวินิโพฺภคํ กตฺวา’’ติฯ ‘‘อนวการิํ กริตฺวา’’ติ วา ปาโฐ, ตตฺถ อวกิรณํ วิเกฺขปนํ สมูหสฺส เอกเทสานํ วินิพฺภุชฺชนํ อวการิ, ตํ อวการิํ วินิโพฺภคํ อกตฺวา, ปญฺจปิ ขเนฺธ สมูหโต เอกเตฺตเนว คเหตฺวา อตฺตโต อวินิพฺภุชฺชิตฺวา อสฺมีติ ฉนฺทมานทิฎฺฐิโย ปฎิลภตีติ อโตฺถฯ อสิตพฺยาภงฺคิตายาติ ทาเตฺตน กาเชน จาติ เอเตน ปริกฺขาเรน, อสิตพฺยาภงฺคีหิ ลวนวหนกิริยา วา ‘‘อสิตพฺยาภงฺคี’’ติ วุตฺตาฯ

    974. Avakkarīti nipāto nānābhāve vattatīti anānākaraṇaṃ anavakkari, taṃ katvā, avakkari vā akatvā anavakkari katvāti evaṃ dassento āha ‘‘avinibbhogaṃ katvā’’ti. ‘‘Anavakāriṃ karitvā’’ti vā pāṭho, tattha avakiraṇaṃ vikkhepanaṃ samūhassa ekadesānaṃ vinibbhujjanaṃ avakāri, taṃ avakāriṃ vinibbhogaṃ akatvā, pañcapi khandhe samūhato ekatteneva gahetvā attato avinibbhujjitvā asmīti chandamānadiṭṭhiyo paṭilabhatīti attho. Asitabyābhaṅgitāyāti dāttena kājena cāti etena parikkhārena, asitabyābhaṅgīhi lavanavahanakiriyā vā ‘‘asitabyābhaṅgī’’ti vuttā.

    ๙๗๖. อวการิํ กริตฺวาติ รูปาทีนิ อตฺตโต วินิพฺภุชฺชิตฺวา อิมินา รูเปน…เป.… อิมินา วิญฺญาเณน อสฺมีติ ฉนฺทํ ปฎิลภตีติ เอวํ สพฺพตฺถ อิมินาติ เอตสฺส อตฺตโต อวินิพฺภุเตฺตน รูปาทินาติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อตฺตโต หิ อวินิพฺภุตฺตานิ อพหิกตานิ อหมิเจฺจว คหิตานิ รูปาทีนิ อุปาทาย อุปคนฺตฺวา ปวตฺตา ตณฺหา ‘‘อชฺฌตฺติกสฺส อุปาทายา’’ติ วุตฺตา, อตฺตโต จ วินิพฺภุตฺตานิ พหิกตานิ อุปคนฺตฺวา ปวตฺตา ‘‘พาหิรสฺส อุปาทายา’’ติฯ ขเคฺคน วา ฉเตฺตน วา อหํ นิโจฺจติ อภิมงฺคลสมฺมเตน ขคฺคาทินา มม วินาโส นตฺถีติ มญฺญตีติ อโตฺถฯ เอเกกสฺสาติ อิทํ อนาทิมฺหิ อนเนฺต จ สํสาเร เอเกกสฺส อตีตานาคเตสุ ฉตฺติํสายปิ สมฺภวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, เอเกกสฺส วา ปุคฺคลสฺส ยถาลาภวเสนาติ อิทมฺปิ อนิสฺสิตตณฺหามานทิฎฺฐิํ กตฺวา ปุถุชฺชนสฺส อทฺธาปจฺจุปฺปเนฺน กสฺสจิ สมฺภวทสฺสนตฺถํฯ

    976. Avakāriṃ karitvāti rūpādīni attato vinibbhujjitvā iminā rūpena…pe… iminā viññāṇena asmīti chandaṃ paṭilabhatīti evaṃ sabbattha imināti etassa attato avinibbhuttena rūpādināti attho daṭṭhabbo. Attato hi avinibbhuttāni abahikatāni ahamicceva gahitāni rūpādīni upādāya upagantvā pavattā taṇhā ‘‘ajjhattikassa upādāyā’’ti vuttā, attato ca vinibbhuttāni bahikatāni upagantvā pavattā ‘‘bāhirassa upādāyā’’ti. Khaggena vā chattena vā ahaṃ niccoti abhimaṅgalasammatena khaggādinā mama vināso natthīti maññatīti attho. Ekekassāti idaṃ anādimhi anante ca saṃsāre ekekassa atītānāgatesu chattiṃsāyapi sambhavadassanatthaṃ vuttaṃ, ekekassa vā puggalassa yathālābhavasenāti idampi anissitataṇhāmānadiṭṭhiṃ katvā puthujjanassa addhāpaccuppanne kassaci sambhavadassanatthaṃ.

    ตณฺหาวิจริตนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Taṇhāvicaritaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ขุทฺทกวตฺถุวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Khuddakavatthuvibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑๗. ขุทฺทกวตฺถุวิภโงฺค • 17. Khuddakavatthuvibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๑๗. ขุทฺทกวตฺถุวิภโงฺค • 17. Khuddakavatthuvibhaṅgo


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact