Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    ขุทฺทานุขุทฺทกสิกฺขาปทกถาวณฺณนา

    Khuddānukhuddakasikkhāpadakathāvaṇṇanā

    ๔๔๑. สมูหเนยฺยาติ อากงฺขมาโน สมูหนตุ, ยทิ อิจฺฉติ, สมูหเนยฺยาติ อโตฺถฯ กสฺมา ปน ‘‘สมูหนถา’’ติ เอกํเสเนว อวตฺวา ‘‘อากงฺขมาโน สมูหเนยฺยา’’ติ วิกปฺปวจเนเนว ภควา ฐเปสีติ? มหากสฺสปสฺส ญาณพลสฺส ทิฎฺฐตฺตาฯ ปสฺสติ หิ ภควา ‘‘สมูหนถาติ วุเตฺตปิ สงฺคีติกาเล กสฺสโป น สมูหนิสฺสตี’’ติ, ตสฺมา วิกเปฺปเนว ฐเปสิฯ ยทิ อสมูหนนํ ทิฎฺฐํ, ตเทว จ อิจฺฉิตํ, อถ กสฺมา ภควา ‘‘อากงฺขมาโน สมูหนตู’’ติ อโวจาติ? ตถารูปปุคฺคลชฺฌาสยวเสนฯ สนฺติ หิ เกจิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมาทาย วตฺติตุํ อนิจฺฉนฺตา, เตสํ ตถา อวุจฺจมาเน ภควติ วิฆาโต อุปฺปเชฺชยฺย, ตํ เตสํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายฯ ตถา ปน วุเตฺต เตสํ วิฆาโต น อุปฺปเชฺชยฺย, อมฺหากเมวายํ โทโส, ยโต อเมฺหสุเยว เกจิ สมูหนนํ น อิจฺฉนฺตีติ ฯ เกจิ ‘‘สกลสฺส ปน สาสนสฺส สงฺฆายตฺตภาวกรณตฺถํ ตถา วุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ ยํ กิญฺจิ สตฺถารา สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ, ตํ สมณา สกฺยปุตฺติยา สิรสา สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ชีวิตํ วิย รกฺขนฺติฯ ตถา หิ เต ‘‘ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ อากงฺขมาโน สโงฺฆ สมูหนตู’’ติ วุเตฺตปิ น สมูหนิํสุฯ อญฺญทตฺถุ ปุรโต วิย ตสฺส อจฺจเยปิ รกฺขิํสุเยวาติ สตฺถุ สาสนสฺส สงฺฆสฺส จ มหนฺตภาวทสฺสนตฺถมฺปิ ตถา วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตถา หิ อายสฺมา อานโนฺท อเญฺญปิ วา ภิกฺขู ‘‘กตมํ ปน, ภเนฺต, ขุทฺทกํ, กตมํ อนุขุทฺทก’’นฺติ น ปุจฺฉิํสุ สมูหนชฺฌาสยเสฺสว อภาวโต, เตเนว เอกสิกฺขาปทมฺปิ อปริจฺจชิตฺวา สเพฺพสํ อนุคฺคเหตพฺพภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘จตฺตาริ ปาราชิกานิ ฐเปตฺวา อวเสสานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานี’’ติอาทิมาหํสุฯ เอวญฺหิ วทเนฺตหิ ‘‘ขุทฺทานุขุทฺทกา อิเม นามา’’ติ อวินิจฺฉิตตฺตา สเพฺพสํ อนุคฺคเหตพฺพภาโว ทสฺสิโต โหติฯ

    441.Samūhaneyyāti ākaṅkhamāno samūhanatu, yadi icchati, samūhaneyyāti attho. Kasmā pana ‘‘samūhanathā’’ti ekaṃseneva avatvā ‘‘ākaṅkhamāno samūhaneyyā’’ti vikappavacaneneva bhagavā ṭhapesīti? Mahākassapassa ñāṇabalassa diṭṭhattā. Passati hi bhagavā ‘‘samūhanathāti vuttepi saṅgītikāle kassapo na samūhanissatī’’ti, tasmā vikappeneva ṭhapesi. Yadi asamūhananaṃ diṭṭhaṃ, tadeva ca icchitaṃ, atha kasmā bhagavā ‘‘ākaṅkhamāno samūhanatū’’ti avocāti? Tathārūpapuggalajjhāsayavasena. Santi hi keci khuddānukhuddakāni sikkhāpadāni samādāya vattituṃ anicchantā, tesaṃ tathā avuccamāne bhagavati vighāto uppajjeyya, taṃ tesaṃ bhavissati dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya. Tathā pana vutte tesaṃ vighāto na uppajjeyya, amhākamevāyaṃ doso, yato amhesuyeva keci samūhananaṃ na icchantīti . Keci ‘‘sakalassa pana sāsanassa saṅghāyattabhāvakaraṇatthaṃ tathā vutta’’nti vadanti. Yaṃ kiñci satthārā sikkhāpadaṃ paññattaṃ, taṃ samaṇā sakyaputtiyā sirasā sampaṭicchitvā jīvitaṃ viya rakkhanti. Tathā hi te ‘‘khuddānukhuddakāni sikkhāpadāni ākaṅkhamāno saṅgho samūhanatū’’ti vuttepi na samūhaniṃsu. Aññadatthu purato viya tassa accayepi rakkhiṃsuyevāti satthu sāsanassa saṅghassa ca mahantabhāvadassanatthampi tathā vuttanti daṭṭhabbaṃ. Tathā hi āyasmā ānando aññepi vā bhikkhū ‘‘katamaṃ pana, bhante, khuddakaṃ, katamaṃ anukhuddaka’’nti na pucchiṃsu samūhanajjhāsayasseva abhāvato, teneva ekasikkhāpadampi apariccajitvā sabbesaṃ anuggahetabbabhāvadassanatthaṃ ‘‘cattāri pārājikāni ṭhapetvā avasesāni khuddānukhuddakānī’’tiādimāhaṃsu. Evañhi vadantehi ‘‘khuddānukhuddakā ime nāmā’’ti avinicchitattā sabbesaṃ anuggahetabbabhāvo dassito hoti.

    ๔๔๒. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ ญาเปสีติ เอตฺถ ปน เกจิ วทนฺติ ‘‘ภเนฺต นาคเสน, กตมํ ขุทฺทกํ, กตมํ อนุขุทฺทกนฺติ มิลินฺทรญฺญา ปุจฺฉิเต ‘ทุกฺกฎํ มหาราช, ขุทฺทกํ, ทุพฺภาสิตํ อนุขุทฺทก’นฺติ (มิ. ป. ๔.๒.๑) วุตฺตตฺตา นาคเสนเตฺถโร ขุทฺทานุขุทฺทกํ ชานิ, มหากสฺสปเตฺถโร ปน ตํ อชานโนฺต ‘สุณาตุ เม อาวุโส’ติอาทินา กมฺมวาจํ สาเวสี’’ติ, น ตํ เอวํ คเหตพฺพํฯ นาคเสนเตฺถโร หิ ปเรสํ วาทปโถปเจฺฉทนตฺถํ สงฺคีติกาเล ธมฺมสงฺคาหกมหาเถเรหิ คหิตโกฎฺฐาเสสุ อนฺติมโกฎฺฐาสเมว คเหตฺวา มิลินฺทราชานํ สญฺญาเปสิ, มหากสฺสปเตฺถโร ปน เอกสิกฺขาปทมฺปิ อสมูหนิตุกามตาย ตถา กมฺมวาจํ สาเวสิฯ

    442.Athakho āyasmā mahākassapo saṅghaṃ ñāpesīti ettha pana keci vadanti ‘‘bhante nāgasena, katamaṃ khuddakaṃ, katamaṃ anukhuddakanti milindaraññā pucchite ‘dukkaṭaṃ mahārāja, khuddakaṃ, dubbhāsitaṃ anukhuddaka’nti (mi. pa. 4.2.1) vuttattā nāgasenatthero khuddānukhuddakaṃ jāni, mahākassapatthero pana taṃ ajānanto ‘suṇātu me āvuso’tiādinā kammavācaṃ sāvesī’’ti, na taṃ evaṃ gahetabbaṃ. Nāgasenatthero hi paresaṃ vādapathopacchedanatthaṃ saṅgītikāle dhammasaṅgāhakamahātherehi gahitakoṭṭhāsesu antimakoṭṭhāsameva gahetvā milindarājānaṃ saññāpesi, mahākassapatthero pana ekasikkhāpadampi asamūhanitukāmatāya tathā kammavācaṃ sāvesi.

    ตตฺถ คิหิคตานีติ คิหิปฎิสํยุตฺตานีติ วทนฺติฯ คิหีสุ คตานิ, เตหิ ญาตานิ คิหิคตานีติ เอวํ ปเนตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ธูมกาโล เอตสฺสาติ ธูมกาลิกํ จิตกธูมวูปสมโต ปรํ อปฺปวตฺตนโตฯ อปฺปญฺญตฺตนฺติอาทีสุ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๑๓๖; อ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๗.๒๓) นวํ อธมฺมิกํ กติกวตฺตํ วา สิกฺขาปทํ วา พนฺธนฺตา อปฺปญฺญตฺตํ ปญฺญเปนฺติ นาม ปุราณสนฺถตวตฺถุสฺมิํ สาวตฺถิยํ ภิกฺขู วิยฯ อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สาสนํ ทีเปนฺตา ปญฺญตฺตํ สมุจฺฉินฺทนฺติ นาม วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควติ เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา วิยฯ ขุทฺทานุขุทฺทกา ปน อาปตฺติโย สญฺจิจฺจ วีติกฺกมนฺตา ยถาปญฺญเตฺตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย น วตฺตนฺติ นาม อสฺสชิปุนพฺพสุกา วิยฯ นวํ ปน กติกวตฺตํ วา สิกฺขาปทํ วา อพนฺธนฺตา, ธมฺมโต วินยโต สาสนํ ทีเปนฺตา, ขุทฺทานุขุทฺทกมฺปิ จ สิกฺขาปทํ อสมูหนนฺตา อปฺปญฺญตฺตํ น ปญฺญเปนฺติ, ปญฺญตฺตํ น สมุจฺฉินฺทนฺติ, ยถาปญฺญเตฺตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺตนฺติ นาม อายสฺมา อุปเสโน วิย อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุโตฺต วิย จฯ

    Tattha gihigatānīti gihipaṭisaṃyuttānīti vadanti. Gihīsu gatāni, tehi ñātāni gihigatānīti evaṃ panettha attho daṭṭhabbo. Dhūmakālo etassāti dhūmakālikaṃ citakadhūmavūpasamato paraṃ appavattanato. Appaññattantiādīsu (dī. ni. aṭṭha. 2.136; a. ni. aṭṭha. 3.7.23) navaṃ adhammikaṃ katikavattaṃ vā sikkhāpadaṃ vā bandhantā appaññattaṃ paññapenti nāma purāṇasanthatavatthusmiṃ sāvatthiyaṃ bhikkhū viya. Uddhammaṃ ubbinayaṃ sāsanaṃ dīpentā paññattaṃ samucchindanti nāma vassasataparinibbute bhagavati vesālikā vajjiputtakā viya. Khuddānukhuddakā pana āpattiyo sañcicca vītikkamantā yathāpaññattesu sikkhāpadesu samādāya na vattanti nāma assajipunabbasukā viya. Navaṃ pana katikavattaṃ vā sikkhāpadaṃ vā abandhantā, dhammato vinayato sāsanaṃ dīpentā, khuddānukhuddakampi ca sikkhāpadaṃ asamūhanantā appaññattaṃ na paññapenti, paññattaṃ na samucchindanti, yathāpaññattesu sikkhāpadesu samādāya vattanti nāma āyasmā upaseno viya āyasmā yaso kākaṇḍakaputto viya ca.

    ๔๔๓. ภควตา โอฬาริเก นิมิเตฺต กยิรมาเนติ เวสาลิํ นิสฺสาย จาปาเล เจติเย วิหรเนฺตน ภควตา –

    443.Bhagavatā oḷārike nimitte kayiramāneti vesāliṃ nissāya cāpāle cetiye viharantena bhagavatā –

    ‘‘รมณียา, อานนฺท, เวสาลี, รมณียํ อุเทนเจติยํ, รมณียํ โคตมกเจติยํ, รมณียํ สตฺตมฺพเจติยํ, รมณียํ พหุปุตฺตเจติยํ, รมณียํ สารนฺททเจติยํ, รมณียํ จาปาลเจติยํฯ ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วาฯ ตถาคตสฺส โข ปน, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน, อานนฺท, ตถาคโต กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๖๖) –

    ‘‘Ramaṇīyā, ānanda, vesālī, ramaṇīyaṃ udenacetiyaṃ, ramaṇīyaṃ gotamakacetiyaṃ, ramaṇīyaṃ sattambacetiyaṃ, ramaṇīyaṃ bahuputtacetiyaṃ, ramaṇīyaṃ sārandadacetiyaṃ, ramaṇīyaṃ cāpālacetiyaṃ. Yassa kassaci, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, so ākaṅkhamāno kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā. Tathāgatassa kho pana, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, so ākaṅkhamāno, ānanda, tathāgato kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā’’ti (dī. ni. 2.166) –

    เอวํ โอฬาริเก นิมิเตฺต กยิรมาเนฯ

    Evaṃ oḷārike nimitte kayiramāne.

    มาเรน ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตติ มาเรน อโชฺฌตฺถฎจิโตฺตฯ มาโร หิ ยสฺส สเพฺพน สพฺพํ ทฺวาทส วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, ตสฺส จิตฺตํ ปริยุฎฺฐาติฯ เถรสฺส จ จตฺตาโร วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, เตนสฺส มาโร จิตฺตํ ปริยุฎฺฐาสิฯ โส ปน จิตฺตปริยุฎฺฐานํ กโรโนฺต กิํ กโรตีติ? เภรวํ รูปารมฺมณํ วา ทเสฺสติ, สทฺทารมฺมณํ วา สาเวติ, ตโต สตฺตา ตํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา สติํ วิสฺสเชฺชตฺวา วิวฎมุขา โหนฺติ, เตสํ มุเขน หตฺถํ ปเวเสตฺวา หทยํ มทฺทติ, ตโต วิสญฺญาว หุตฺวา ติฎฺฐนฺติ ฯ เถรสฺส ปเนส มุเขน หตฺถํ ปเวเสตุํ กิํ สกฺขิสฺสติ, เภรวารมฺมณํ ปน ทเสฺสสิ, ตํ ทิสฺวา เถโร นิมิโตฺตภาสํ น ปฎิวิชฺฌิฯ

    Mārena pariyuṭṭhitacittoti mārena ajjhotthaṭacitto. Māro hi yassa sabbena sabbaṃ dvādasa vipallāsā appahīnā, tassa cittaṃ pariyuṭṭhāti. Therassa ca cattāro vipallāsā appahīnā, tenassa māro cittaṃ pariyuṭṭhāsi. So pana cittapariyuṭṭhānaṃ karonto kiṃ karotīti? Bheravaṃ rūpārammaṇaṃ vā dasseti, saddārammaṇaṃ vā sāveti, tato sattā taṃ disvā vā sutvā vā satiṃ vissajjetvā vivaṭamukhā honti, tesaṃ mukhena hatthaṃ pavesetvā hadayaṃ maddati, tato visaññāva hutvā tiṭṭhanti . Therassa panesa mukhena hatthaṃ pavesetuṃ kiṃ sakkhissati, bheravārammaṇaṃ pana dassesi, taṃ disvā thero nimittobhāsaṃ na paṭivijjhi.

    ขุทฺทานุขุทฺทกสิกฺขาปทกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Khuddānukhuddakasikkhāpadakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi / ๒. ขุทฺทานุขุทฺทกสิกฺขาปทกถา • 2. Khuddānukhuddakasikkhāpadakathā

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / ขุทฺทานุขุทฺทกสิกฺขาปทกถา • Khuddānukhuddakasikkhāpadakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ขุทฺทานุขุทฺทกกถาวณฺณนา • Khuddānukhuddakakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ขุทฺทานุขุทฺทกสิกฺขาปทกถาวณฺณนา • Khuddānukhuddakasikkhāpadakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑. ขุทฺทานุขุทฺทกสิกฺขาปทกถา • 1. Khuddānukhuddakasikkhāpadakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact