Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๒๖๕] ๕. ขุรปฺปชาตกวณฺณนา

    [265] 5. Khurappajātakavaṇṇanā

    ทิสฺวา ขุรเปฺปติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ โอสฺสฎฺฐวีริยํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ ตญฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, โอสฺสฎฺฐวีริโย’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘ภิกฺขุ, กสฺมา เอวํ ตฺวํ นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา วีริยํ โอสฺสชิ, โปราณกปณฺฑิตา อนิยฺยานิกฎฺฐาเนปิ วีริยํ กริํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Disvākhurappeti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ ossaṭṭhavīriyaṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. Tañhi satthā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ, bhikkhu, ossaṭṭhavīriyo’’ti pucchitvā ‘‘saccaṃ, bhante’’ti vutte ‘‘bhikkhu, kasmā evaṃ tvaṃ niyyānikasāsane pabbajitvā vīriyaṃ ossaji, porāṇakapaṇḍitā aniyyānikaṭṭhānepi vīriyaṃ kariṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต เอกสฺมิํ อฎวิอารกฺขกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ปญฺจปุริสสตปริวาโร อฎวิอารกฺขเกสุ สพฺพเชฎฺฐโก หุตฺวา อฎวิมุเข เอกสฺมิํ คาเม วาสํ กเปฺปสิฯ โส ภติํ คเหตฺวา มนุเสฺส อฎวิํ อติกฺกาเมติฯ อเถกสฺมิํ ทิวเส พาราณเสยฺยโก สตฺถวาหปุโตฺต ปญฺจหิ สกฎสเตหิ ตํ คามํ ปตฺวา ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สมฺม, สหสฺสํ คเหตฺวา มํ อฎวิํ อติกฺกาเมหี’’ติ อาหฯ โส ‘‘สาธู’’ติ ตสฺส หตฺถโต สหสฺสํ คณฺหิ, ภติํ คณฺหโนฺตเยว ตสฺส ชีวิตํ ปริจฺจชิฯ โส ตํ อาทาย อฎวิํ ปาวิสิ, อฎวิมเชฺฌ ปญฺจสตา โจรา อุฎฺฐหิํสุ, โจเร ทิสฺวาว เสสปุริสา อุเรน นิปชฺชิํสุ, อารกฺขกเชฎฺฐโก เอโกว นทโนฺต วคฺคโนฺต ปหริตฺวา ปญฺจสเตปิ โจเร ปลาเปตฺวา สตฺถวาหปุตฺตํ โสตฺถินา กนฺตารํ ตาเรสิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto ekasmiṃ aṭaviārakkhakakule nibbattitvā vayappatto pañcapurisasataparivāro aṭaviārakkhakesu sabbajeṭṭhako hutvā aṭavimukhe ekasmiṃ gāme vāsaṃ kappesi. So bhatiṃ gahetvā manusse aṭaviṃ atikkāmeti. Athekasmiṃ divase bārāṇaseyyako satthavāhaputto pañcahi sakaṭasatehi taṃ gāmaṃ patvā taṃ pakkosāpetvā ‘‘samma, sahassaṃ gahetvā maṃ aṭaviṃ atikkāmehī’’ti āha. So ‘‘sādhū’’ti tassa hatthato sahassaṃ gaṇhi, bhatiṃ gaṇhantoyeva tassa jīvitaṃ pariccaji. So taṃ ādāya aṭaviṃ pāvisi, aṭavimajjhe pañcasatā corā uṭṭhahiṃsu, core disvāva sesapurisā urena nipajjiṃsu, ārakkhakajeṭṭhako ekova nadanto vagganto paharitvā pañcasatepi core palāpetvā satthavāhaputtaṃ sotthinā kantāraṃ tāresi.

    สตฺถวาหปุโตฺต ปรกนฺตาเร สตฺถํ นิเวเสตฺวา อารกฺขกเชฎฺฐกํ นานคฺครสโภชนํ โภเชตฺวา สยมฺปิ ภุตฺตปาตราโส สุขนิสิโนฺน เตน สทฺธิํ สลฺลปโนฺต ‘‘สมฺม, ตถาทารุณานํ โจรานํ อาวุธานิ คเหตฺวา อวตฺถรณกาเล เกน นุ โข เต การเณน จิตฺตุตฺราสมตฺตมฺปิ น อุปฺปนฺน’’นฺติ ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Satthavāhaputto parakantāre satthaṃ nivesetvā ārakkhakajeṭṭhakaṃ nānaggarasabhojanaṃ bhojetvā sayampi bhuttapātarāso sukhanisinno tena saddhiṃ sallapanto ‘‘samma, tathādāruṇānaṃ corānaṃ āvudhāni gahetvā avattharaṇakāle kena nu kho te kāraṇena cittutrāsamattampi na uppanna’’nti pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๔๓.

    43.

    ‘‘ทิสฺวา ขุรเปฺป ธนุเวคนุเนฺน, ขเคฺค คหีเต ติขิเณ เตลโธเต;

    ‘‘Disvā khurappe dhanuveganunne, khagge gahīte tikhiṇe teladhote;

    ตสฺมิํ ภยสฺมิํ มรเณ วิยูเฬฺห, กสฺมา นุ เต นาหุ ฉมฺภิตตฺต’’นฺติฯ

    Tasmiṃ bhayasmiṃ maraṇe viyūḷhe, kasmā nu te nāhu chambhitatta’’nti.

    ตตฺถ ธนุเวคนุเนฺนติ ธนุเวเคน วิสฺสเฎฺฐฯ ขเคฺค คหีเตติ ถรุทเณฺฑหิ สุคหิเต ขเคฺคฯ มรเณ วิยูเฬฺหติ มรเณ ปจฺจุปฎฺฐิเตฯ กสฺมา นุ เต นาหูติ เกน นุ โข การเณน นาโหสิฯ ฉมฺภิตตฺตนฺติ สรีรจลนํฯ

    Tattha dhanuveganunneti dhanuvegena vissaṭṭhe. Khagge gahīteti tharudaṇḍehi sugahite khagge. Maraṇe viyūḷheti maraṇe paccupaṭṭhite. Kasmā nu te nāhūti kena nu kho kāraṇena nāhosi. Chambhitattanti sarīracalanaṃ.

    ตํ สุตฺวา อารกฺขกเชฎฺฐโก อิตรา เทฺว คาถา อภาสิ –

    Taṃ sutvā ārakkhakajeṭṭhako itarā dve gāthā abhāsi –

    ๔๔.

    44.

    ‘‘ทิสฺวา ขุรเปฺป ธนุเวคนุเนฺน, ขเคฺค คหีเต ติขิเณ เตลโธเต;

    ‘‘Disvā khurappe dhanuveganunne, khagge gahīte tikhiṇe teladhote;

    ตสฺมิํ ภยสฺมิํ มรเณ วิยูเฬฺห, เวทํ อลตฺถํ วิปุลํ อุฬารํฯ

    Tasmiṃ bhayasmiṃ maraṇe viyūḷhe, vedaṃ alatthaṃ vipulaṃ uḷāraṃ.

    ๔๕.

    45.

    ‘‘โส เวทชาโต อชฺฌภวิํ อมิเตฺต, ปุเพฺพว เม ชีวิตมาสิ จตฺตํ;

    ‘‘So vedajāto ajjhabhaviṃ amitte, pubbeva me jīvitamāsi cattaṃ;

    น หิ ชีวิเต อาลยํ กุพฺพมาโน, สูโร กยิรา สูรกิจฺจํ กทาจี’’ติฯ

    Na hi jīvite ālayaṃ kubbamāno, sūro kayirā sūrakiccaṃ kadācī’’ti.

    ตตฺถ เวทํ อลตฺถนฺติ ตุฎฺฐิเญฺจว โสมนสฺสญฺจ ปฎิลภิํฯ วิปุลนฺติ พหุํฯ อุฬารนฺติ อุตฺตมํฯ อชฺฌภวินฺติ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา อภิภวิํฯ ปุเพฺพว เม ชีวิตมาสิ จตฺตนฺติ มยา ปุเพฺพว ตว หตฺถโต ภติํ คณฺหเนฺตเนว ชีวิตํ จตฺตมาสิฯ น หิ ชีวิเต อาลยํ กุพฺพมาโนติ ชีวิตสฺมิญฺหิ นิกนฺติํ กุรุมาโน ปุริสกิจฺจํ กทาจิปิ น กโรติฯ

    Tattha vedaṃ alatthanti tuṭṭhiñceva somanassañca paṭilabhiṃ. Vipulanti bahuṃ. Uḷāranti uttamaṃ. Ajjhabhavinti jīvitaṃ pariccajitvā abhibhaviṃ. Pubbeva me jīvitamāsi cattanti mayā pubbeva tava hatthato bhatiṃ gaṇhanteneva jīvitaṃ cattamāsi. Na hi jīvite ālayaṃ kubbamānoti jīvitasmiñhi nikantiṃ kurumāno purisakiccaṃ kadācipi na karoti.

    เอวํ โส สรวเสฺส วสฺสเนฺต ชีวิตนิกนฺติยา วิสฺสฎฺฐตฺตา อตฺตนา สูรกิจฺจสฺส กตภาวํ ญาเปตฺวา สตฺถวาหปุตฺตํ อุโยฺยเชตฺวา สกคามเมว ปจฺจาคนฺตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโตฯ

    Evaṃ so saravasse vassante jīvitanikantiyā vissaṭṭhattā attanā sūrakiccassa katabhāvaṃ ñāpetvā satthavāhaputtaṃ uyyojetvā sakagāmameva paccāgantvā dānādīni puññāni katvā yathākammaṃ gato.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฎฺฐวีริโย ภิกฺขุ อรหเตฺต ปติฎฺฐหิฯ ‘‘ตทา อารกฺขกเชฎฺฐโก อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne ossaṭṭhavīriyo bhikkhu arahatte patiṭṭhahi. ‘‘Tadā ārakkhakajeṭṭhako ahameva ahosi’’nti.

    ขุรปฺปชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ

    Khurappajātakavaṇṇanā pañcamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๖๕. ขุรปฺปชาตกํ • 265. Khurappajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact