Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๑๐. กิมิลสุตฺตวณฺณนา
10. Kimilasuttavaṇṇanā
๙๘๖. ทสเม กิมิลายนฺติ เอวํนามเก นคเรฯ เอตทโวจาติ เถโร กิร จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ เทสนา น ยถานุสนฺธิกา กตา, ยถานุสนฺธิํ คเมสฺสามี’’ติ เทสนานุสนฺธิํ ฆเฎโนฺต เอตํ อโวจฯ กายญฺญตรนฺติ ปถวีอาทีสุ กาเยสุ อญฺญตรํ วทามิ วาโยกายํ วทามีติ อโตฺถฯ อถ วา จกฺขายตนํ…เป.… กพฬีกาโร อาหาโรติ ปญฺจวีสติ รูปโกฎฺฐาสา รูปกาโย นาม, เตสุ อานาปานํ โผฎฺฐพฺพายตเน สงฺคหิตตฺตา กายญฺญตรํ โหติ, ตสฺมาปิ เอวมาหฯ ตสฺมาติหาติ ยสฺมา จตูสุ กาเยสุ อญฺญตรํ วาโยกายํ, ปญฺจวีสติ โกฎฺฐาเส วา รูปกาเย อญฺญตรํ อานาปานํ อนุปสฺสติ, ตสฺมา กาเย กายานุปสฺสีติ อโตฺถฯ เอวํ สพฺพตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เวทนาญฺญตรนฺติ ตีสุ เวทนาสุ อญฺญตรํ, สุขเวทนํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ
986. Dasame kimilāyanti evaṃnāmake nagare. Etadavocāti thero kira cintesi – ‘‘ayaṃ desanā na yathānusandhikā katā, yathānusandhiṃ gamessāmī’’ti desanānusandhiṃ ghaṭento etaṃ avoca. Kāyaññataranti pathavīādīsu kāyesu aññataraṃ vadāmi vāyokāyaṃ vadāmīti attho. Atha vā cakkhāyatanaṃ…pe… kabaḷīkāro āhāroti pañcavīsati rūpakoṭṭhāsā rūpakāyo nāma, tesu ānāpānaṃ phoṭṭhabbāyatane saṅgahitattā kāyaññataraṃ hoti, tasmāpi evamāha. Tasmātihāti yasmā catūsu kāyesu aññataraṃ vāyokāyaṃ, pañcavīsati koṭṭhāse vā rūpakāye aññataraṃ ānāpānaṃ anupassati, tasmā kāye kāyānupassīti attho. Evaṃ sabbattha attho veditabbo. Vedanāññataranti tīsu vedanāsu aññataraṃ, sukhavedanaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ.
สาธุกํ มนสิการนฺติ ปีติปฎิสํเวทิตาทิวเสน อุปฺปนฺนํ สุนฺทรํ มนสิการํฯ กิํ ปน มนสิกาโร สุขา เวทนา โหตีติ? น โหติ, เทสนาสีสํ ปเนตํฯ ยเถว หิ ‘‘อนิจฺจสญฺญาภาวนานุโยคมนุยุตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๔๗) เอตฺถ สญฺญานาเมน ปญฺญา วุตฺตา, เอวมิธาปิ มนสิการนาเมน ฌานเวทนา วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ เอตสฺมิญฺหิ จตุเกฺก ปฐมปเท ปีติสีเสน เวทนา วุตฺตา, ทุติยปเท สุขนฺติ สรูเปเนว วุตฺตาฯ จิตฺตสงฺขารปททฺวเย ‘‘สญฺญา จ เวทนา จ เจตสิกา เอเต ธมฺมา จิตฺตปฺปฎิพทฺธา จิตฺตสงฺขารา’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๗๔) วจนโต ‘‘วิตกฺกวิจาเร ฐเปตฺวา สเพฺพปิ จิตฺตสมฺปยุตฺตกา ธมฺมา จิตฺตสงฺขาเร สงฺคหิตา’’ติ วจนโต จิตฺตสงฺขารนาเมน เวทนา วุตฺตาฯ ตํ สพฺพํ มนสิการนาเมน สงฺคเหตฺวา อิธ ‘‘สาธุกํ มนสิการ’’นฺติ อาหฯ
Sādhukaṃ manasikāranti pītipaṭisaṃveditādivasena uppannaṃ sundaraṃ manasikāraṃ. Kiṃ pana manasikāro sukhā vedanā hotīti? Na hoti, desanāsīsaṃ panetaṃ. Yatheva hi ‘‘aniccasaññābhāvanānuyogamanuyuttā’’ti (ma. ni. 3.147) ettha saññānāmena paññā vuttā, evamidhāpi manasikāranāmena jhānavedanā vuttāti veditabbā. Etasmiñhi catukke paṭhamapade pītisīsena vedanā vuttā, dutiyapade sukhanti sarūpeneva vuttā. Cittasaṅkhārapadadvaye ‘‘saññā ca vedanā ca cetasikā ete dhammā cittappaṭibaddhā cittasaṅkhārā’’ti (paṭi. ma. 1.174) vacanato ‘‘vitakkavicāre ṭhapetvā sabbepi cittasampayuttakā dhammā cittasaṅkhāre saṅgahitā’’ti vacanato cittasaṅkhāranāmena vedanā vuttā. Taṃ sabbaṃ manasikāranāmena saṅgahetvā idha ‘‘sādhukaṃ manasikāra’’nti āha.
เอวํ สเนฺตปิ ยสฺมา เอสา เวทนา อารมฺมณํ น โหติ, ตสฺมา เวทนานุปสฺสนา น ยุชฺชตีติฯ โน น ยุชฺชติ, มหาสติปฎฺฐานาทีสุปิ หิ ตํ ตํ สุขาทีนํ วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนา เวทยติ, ตํ ปน เวทนาปวตฺติํ อุปาทาย ‘‘อหํ เวทยามี’’ติ โวหารมตฺตํ โหติ, ตํ สนฺธาย ‘‘สุขํ เวทนํ เวทยมาโน สุขํ เวทนํ เวทยามี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อปิจ ‘‘ปีติปฺปฎิสํเวที’’ติอาทีนํ อตฺถวณฺณนายเมตสฺส ปริหาโร วุโตฺตเยวฯ วุตฺตเญฺหตํ วิสุทฺธิมเคฺค –
Evaṃ santepi yasmā esā vedanā ārammaṇaṃ na hoti, tasmā vedanānupassanā na yujjatīti. No na yujjati, mahāsatipaṭṭhānādīsupi hi taṃ taṃ sukhādīnaṃ vatthuṃ ārammaṇaṃ katvā vedanā vedayati, taṃ pana vedanāpavattiṃ upādāya ‘‘ahaṃ vedayāmī’’ti vohāramattaṃ hoti, taṃ sandhāya ‘‘sukhaṃ vedanaṃ vedayamāno sukhaṃ vedanaṃ vedayāmī’’tiādi vuttaṃ. Apica ‘‘pītippaṭisaṃvedī’’tiādīnaṃ atthavaṇṇanāyametassa parihāro vuttoyeva. Vuttañhetaṃ visuddhimagge –
‘‘ทฺวีหากาเรหิ ปีติ ปฎิสํวิทิตา โหติ – อารมฺมณโต จ อสโมฺมหโต จฯ กถํ อารมฺมณโต ปีติ ปฎิสํวิทิตา โหติ? สปฺปีติเก เทฺว ฌาเน สมาปชฺชติ, ตสฺส สมาปตฺติกฺขเณ ฌานปฎิลาเภน อารมฺมณโต ปีติ ปฎิสํวิทิตา โหติ อารมฺมณสฺส ปฎิสํวิทิตตฺตาฯ กถํ อสโมฺมหโต ปีติ ปฎิสํวิทิตา โหติ? สปฺปีติเก เทฺว ฌาเน สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ฌานสมฺปยุตฺตปีติํ ขยโต วยโต สมฺมสติ, ตสฺส วิปสฺสนากฺขเณ ลกฺขณปฺปฎิเวเธน อสโมฺมหโต ปีติ ปฎิสํวิทิตา โหติฯ วุตฺตเญฺหตํ ปฎิสมฺภิทายํ (ปฎิ. ม. ๑.๑๗๒) ‘‘‘ทีฆํ อสฺสาสวเสน จิตฺตสฺส เอกคฺคตํ อวิเกฺขปํ ปชานโต สติ อุปฎฺฐิตา โหติ, ตาย สติยา เตน ญาเณน สา ปีติ ปฎิสํวิทิตา โหตี’ติฯ เอเตเนว นเยน อวเสสปทานิปิ อตฺถโต เวทิตพฺพานี’’ติฯ
‘‘Dvīhākārehi pīti paṭisaṃviditā hoti – ārammaṇato ca asammohato ca. Kathaṃ ārammaṇato pīti paṭisaṃviditā hoti? Sappītike dve jhāne samāpajjati, tassa samāpattikkhaṇe jhānapaṭilābhena ārammaṇato pīti paṭisaṃviditā hoti ārammaṇassa paṭisaṃviditattā. Kathaṃ asammohato pīti paṭisaṃviditā hoti? Sappītike dve jhāne samāpajjitvā vuṭṭhāya jhānasampayuttapītiṃ khayato vayato sammasati, tassa vipassanākkhaṇe lakkhaṇappaṭivedhena asammohato pīti paṭisaṃviditā hoti. Vuttañhetaṃ paṭisambhidāyaṃ (paṭi. ma. 1.172) ‘‘‘dīghaṃ assāsavasena cittassa ekaggataṃ avikkhepaṃ pajānato sati upaṭṭhitā hoti, tāya satiyā tena ñāṇena sā pīti paṭisaṃviditā hotī’ti. Eteneva nayena avasesapadānipi atthato veditabbānī’’ti.
อิติ ยเถว ฌานปฎิลาเภน อารมฺมณโต ปีติสุขจิตฺตสงฺขารา ปฎิสํวิทิตา โหนฺติ, เอวํ อิมินาปิ ฌานสมฺปยุเตฺตน เวทนาสงฺขาตมนสิการปฎิลาเภน อารมฺมณโต เวทนา ปฎิสํวิทิตา โหติฯ ตสฺมา สุวุตฺตเมตํ ‘‘เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี ภิกฺขุ ตสฺมิํ สมเย วิหรตี’’ติฯ
Iti yatheva jhānapaṭilābhena ārammaṇato pītisukhacittasaṅkhārā paṭisaṃviditā honti, evaṃ imināpi jhānasampayuttena vedanāsaṅkhātamanasikārapaṭilābhena ārammaṇato vedanā paṭisaṃviditā hoti. Tasmā suvuttametaṃ ‘‘vedanāsu vedanānupassī bhikkhu tasmiṃ samaye viharatī’’ti.
นาหํ, อานนฺท, มุฎฺฐสฺสติสฺส อสมฺปชานสฺสาติ เอตฺถ อยมธิปฺปาโย – ยสฺมา ‘‘จิตฺตปฎิสํเวที อสฺสาสิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ปวโตฺต ภิกฺขุ กิญฺจาปิ อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺตมารมฺมณํ กโรติ, ตสฺส ปน จิตฺตสฺส อารมฺมเณ สติญฺจ สมฺปชญฺญญฺจ อุปฎฺฐาเปตฺวา ปวตฺตนโต จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสีเยว นาเมส โหติฯ น หิ มุฎฺฐสฺสติสฺส อสมฺปชานสฺส อานาปานสฺสติสมาธิภาวนา อตฺถิ, ตสฺมา อารมฺมณโต จิตฺตปฎิสํวิทิตวเสน ‘‘จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี ภิกฺขุ ตสฺมิํ สมเย วิหรตี’’ติฯ
Nāhaṃ, ānanda, muṭṭhassatissa asampajānassāti ettha ayamadhippāyo – yasmā ‘‘cittapaṭisaṃvedī assāsissāmī’’tiādinā nayena pavatto bhikkhu kiñcāpi assāsapassāsanimittamārammaṇaṃ karoti, tassa pana cittassa ārammaṇe satiñca sampajaññañca upaṭṭhāpetvā pavattanato citte cittānupassīyeva nāmesa hoti. Na hi muṭṭhassatissa asampajānassa ānāpānassatisamādhibhāvanā atthi, tasmā ārammaṇato cittapaṭisaṃviditavasena ‘‘citte cittānupassī bhikkhu tasmiṃ samaye viharatī’’ti.
โส ยํ ตํ โหติ อภิชฺฌาโทมนสฺสานํ ปหานํ, ตํ ปญฺญาย ทิสฺวา สาธุกํ อชฺฌุเปกฺขิตา โหตีติ เอตฺถ อภิชฺฌา กามจฺฉนฺทนีวรณเมว, โทมนสฺสวเสน พฺยาปาทนีวรณํ ทสฺสิตํฯ อิทญฺหิ จตุกฺกํ วิปสฺสนาวเสเนว วุตฺตํ, ธมฺมานุปสฺสนา จ นีวรณปพฺพาทิวเสน ปญฺจวิธา โหติ, ตสฺสา นีวรณปพฺพํ อาทิ, ตสฺสาปิ อิทํ นีวรณทฺวยํ อาทิฯ อิติ ธมฺมานุปสฺสนาย อาทิํ ทเสฺสตุํ อภิชฺฌาโทมนสฺสานนฺติ อาหฯ ปหานนฺติ อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสญฺญํ ปชหตีติ เอวํ ปหานกรญาณํ อธิเปฺปตํฯ ตํ ปญฺญาย ทิสฺวาติ ตํ อนิจฺจวิราคนิโรธปฎินิสฺสคฺคญาณสงฺขาตํ ปหานญาณํ อปราย วิปสฺสนาปญฺญาย, ตมฺปิ อปรายาติ เอวํ วิปสฺสนาปรมฺปรํ ทเสฺสติ ฯ อชฺฌุเปกฺขิตา โหตีติ ยญฺจสฺส ปถปฎิปนฺนํ อชฺฌุเปกฺขติ, ยญฺจ เอกโต อุปฎฺฐานํ อชฺฌุเปกฺขตีติ ทฺวิธา อชฺฌุเปกฺขติ นามฯ ตตฺถ สหชาตานมฺปิอชฺฌุเปกฺขนา โหติ อารมฺมณสฺสาปิ อชฺฌุเปกฺขนาฯ อิธ อารมฺมณ อชฺฌุเปกฺขนา อธิเปฺปตาฯ ตสฺมาติหานนฺทาติ ยสฺมา ‘‘อนิจฺจานุปสฺสี อสฺสาสิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ปวโตฺต น เกวลํ นีวรณาทิธเมฺม, อภิชฺฌาโทมนสฺสสีเสน ปน วุตฺตานํ ธมฺมานํ ปหานกรญาณมฺปิ ปญฺญาย ทิสฺวา อชฺฌุเปกฺขิตา โหติ, ตสฺมา ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี ภิกฺขุ ตสฺมิํ สมเย วิหรตีติ เวทิตโพฺพฯ
So yaṃ taṃ hoti abhijjhādomanassānaṃ pahānaṃ, taṃ paññāya disvā sādhukaṃ ajjhupekkhitā hotīti ettha abhijjhā kāmacchandanīvaraṇameva, domanassavasena byāpādanīvaraṇaṃ dassitaṃ. Idañhi catukkaṃ vipassanāvaseneva vuttaṃ, dhammānupassanā ca nīvaraṇapabbādivasena pañcavidhā hoti, tassā nīvaraṇapabbaṃ ādi, tassāpi idaṃ nīvaraṇadvayaṃ ādi. Iti dhammānupassanāya ādiṃ dassetuṃ abhijjhādomanassānanti āha. Pahānanti aniccānupassanāya niccasaññaṃ pajahatīti evaṃ pahānakarañāṇaṃ adhippetaṃ. Taṃ paññāya disvāti taṃ aniccavirāganirodhapaṭinissaggañāṇasaṅkhātaṃ pahānañāṇaṃ aparāya vipassanāpaññāya, tampi aparāyāti evaṃ vipassanāparamparaṃ dasseti . Ajjhupekkhitā hotīti yañcassa pathapaṭipannaṃ ajjhupekkhati, yañca ekato upaṭṭhānaṃ ajjhupekkhatīti dvidhā ajjhupekkhati nāma. Tattha sahajātānampiajjhupekkhanā hoti ārammaṇassāpi ajjhupekkhanā. Idha ārammaṇa ajjhupekkhanā adhippetā. Tasmātihānandāti yasmā ‘‘aniccānupassī assāsissāmī’’tiādinā nayena pavatto na kevalaṃ nīvaraṇādidhamme, abhijjhādomanassasīsena pana vuttānaṃ dhammānaṃ pahānakarañāṇampi paññāya disvā ajjhupekkhitā hoti, tasmā dhammesu dhammānupassī bhikkhu tasmiṃ samaye viharatīti veditabbo.
เอวเมว โขติ เอตฺถ จตุมหาปโถ วิย ฉ อายตนานิ ทฎฺฐพฺพานิฯ ตสฺมิํ ปํสุปุโญฺช วิย ฉสุ อายตเนสุ กิเลสาฯ จตูหิ ทิสาหิ อาคจฺฉนฺตา สกฎรถา วิย จตูสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตา จตฺตาโร สติปฎฺฐานาฯ เอเกน สกเฎน วา รเถน วา ปํสุปุญฺชสฺส อุปหนนํ วิย กายานุปสฺสนาทีหิ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อุปฆาโต เวทิตโพฺพติฯ
Evameva khoti ettha catumahāpatho viya cha āyatanāni daṭṭhabbāni. Tasmiṃ paṃsupuñjo viya chasu āyatanesu kilesā. Catūhi disāhi āgacchantā sakaṭarathā viya catūsu ārammaṇesu pavattā cattāro satipaṭṭhānā. Ekena sakaṭena vā rathena vā paṃsupuñjassa upahananaṃ viya kāyānupassanādīhi pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ upaghāto veditabboti.
เอกธมฺมวโคฺค ปฐโมฯ
Ekadhammavaggo paṭhamo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๐. กิมิลสุตฺตํ • 10. Kimilasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. กิมิลสุตฺตวณฺณนา • 10. Kimilasuttavaṇṇanā