Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๕๔] ๔. กิํผลชาตกวณฺณนา
[54] 4. Kiṃphalajātakavaṇṇanā
นายํ รุโกฺข ทุรารุหาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ ผลกุสลํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิฯ เอโก กิร สาวตฺถิวาสี กุฎุมฺพิโก พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมเนฺตตฺวา อตฺตโน อาราเม นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา อุยฺยานปาลํ อาณาเปสิ ‘‘ภิกฺขูหิ สทฺธิํ อุยฺยาเน วิจริตฺวา อยฺยานํ อมฺพาทีนิ นานาผลานิ เทหี’’ติฯ โส ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา ภิกฺขูสงฺฆมาทาย อุยฺยาเน วิจรโนฺต รุกฺขํ อุโลฺลเกตฺวาว ‘‘เอตํ ผลํ อามํ, เอตํ น สุปกฺกํ, เอตํ สุปกฺก’’นฺติ ชานาติฯ ยํ โส วทติ, ตํ ตเถว โหติฯ ภิกฺขู คนฺตฺวา ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ ‘‘ภเนฺต, อยํ อุยฺยานปาโล ผลกุสโล ภูมิยํ ฐิโตว รุกฺขํ อุโลฺลเกตฺวา ‘เอตํ ผลํ อามํ, เอตํ น สุปกฺกํ, เอตํ สุปกฺก’นฺติ ชานาติฯ ยํ โส วทติ, ตํ ตเถว โหตี’’ติฯ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อยเมว อุยฺยานปาโล ผลกุสโล, ปุเพฺพ ปณฺฑิตาปิ ผลกุสลาเยว อเหสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Nāyaṃrukkho durāruhāti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ phalakusalaṃ upāsakaṃ ārabbha kathesi. Eko kira sāvatthivāsī kuṭumbiko buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ nimantetvā attano ārāme nisīdāpetvā yāgukhajjakaṃ datvā uyyānapālaṃ āṇāpesi ‘‘bhikkhūhi saddhiṃ uyyāne vicaritvā ayyānaṃ ambādīni nānāphalāni dehī’’ti. So ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā bhikkhūsaṅghamādāya uyyāne vicaranto rukkhaṃ ulloketvāva ‘‘etaṃ phalaṃ āmaṃ, etaṃ na supakkaṃ, etaṃ supakka’’nti jānāti. Yaṃ so vadati, taṃ tatheva hoti. Bhikkhū gantvā tathāgatassa ārocesuṃ ‘‘bhante, ayaṃ uyyānapālo phalakusalo bhūmiyaṃ ṭhitova rukkhaṃ ulloketvā ‘etaṃ phalaṃ āmaṃ, etaṃ na supakkaṃ, etaṃ supakka’nti jānāti. Yaṃ so vadati, taṃ tatheva hotī’’ti. Satthā ‘‘na, bhikkhave, ayameva uyyānapālo phalakusalo, pubbe paṇḍitāpi phalakusalāyeva ahesu’’nti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต สตฺถวาหกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ปญฺจหิ สกฎสเตหิ วณิชฺชํ กโรโนฺต เอกสฺมิํ กาเล มหาวตฺตนิอฎวิํ ปตฺวา อฎวิมุเข ฐตฺวา สเพฺพ มนุเสฺส สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อิมิสฺสา อฎวิยา วิสรุกฺขา นาม โหนฺติ, วิสปตฺตานิ, วิสปุปฺผานิ, วิสผลานิ, วิสมธูนิ โหนฺติเยว, ปุเพฺพ ตุเมฺหหิ อปริภุตฺตํ, ยํ กิญฺจิ ปตฺตํ วา ปุปฺผํ วา ผลํ วา ปลฺลวํ วา มํ อปริปุจฺฉิตฺวา มา ขาทถา’’ติ อาหฯ เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา อฎวิํ โอตริํสุฯ อฎวิมุเข จ เอกสฺมิํ คามทฺวาเร กิํผลรุโกฺข นาม อตฺถิ, ตสฺส ขนฺธสาขาปลาสปุปฺผผลานิ สพฺพานิ อมฺพสทิสาเนว โหนฺติฯ น เกวลํ วณฺณสณฺฐานโตว, คนฺธรเสหิปิสฺส อามปกฺกานิ ผลานิ อมฺพผลสทิสาเนว, ขาทิตานิ ปน หลาหลวิสํ วิย ตงฺขณเญฺญว ชีวิตกฺขยํ ปาเปนฺติฯ ปุรโต คจฺฉนฺตา เอกเจฺจ โลลปุริสา ‘‘อมฺพุรุโกฺข อย’’นฺติ สญฺญาย ผลานิ ขาทิํสุ, เอกเจฺจ ‘‘สตฺถวาหํ ปุจฺฉิตฺวาว ขาทิสฺสามา’’ติ หเตฺถน คเหตฺวา อฎฺฐํสุฯ เต สตฺถวาเห อาคเต ‘‘อยฺย, อิมานิ อมฺพผลานิ ขาทามา’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ โพธิสโตฺต ‘‘นายํ อมฺพรุโกฺข’’ติ ญตฺวา ‘‘กิํ ผลรุโกฺข นาเมส, นายํ อมฺพรุโกฺข, มา ขาทิตฺถา’’ติ วาเรตฺวา เย ขาทิํสุฯ เตปิ วมาเปตฺวา จตุมธุรํ ปาเยตฺวา นิโรเค อกาสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto satthavāhakule nibbattitvā vayappatto pañcahi sakaṭasatehi vaṇijjaṃ karonto ekasmiṃ kāle mahāvattaniaṭaviṃ patvā aṭavimukhe ṭhatvā sabbe manusse sannipātāpetvā ‘‘imissā aṭaviyā visarukkhā nāma honti, visapattāni, visapupphāni, visaphalāni, visamadhūni hontiyeva, pubbe tumhehi aparibhuttaṃ, yaṃ kiñci pattaṃ vā pupphaṃ vā phalaṃ vā pallavaṃ vā maṃ aparipucchitvā mā khādathā’’ti āha. Te ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā aṭaviṃ otariṃsu. Aṭavimukhe ca ekasmiṃ gāmadvāre kiṃphalarukkho nāma atthi, tassa khandhasākhāpalāsapupphaphalāni sabbāni ambasadisāneva honti. Na kevalaṃ vaṇṇasaṇṭhānatova, gandharasehipissa āmapakkāni phalāni ambaphalasadisāneva, khāditāni pana halāhalavisaṃ viya taṅkhaṇaññeva jīvitakkhayaṃ pāpenti. Purato gacchantā ekacce lolapurisā ‘‘amburukkho aya’’nti saññāya phalāni khādiṃsu, ekacce ‘‘satthavāhaṃ pucchitvāva khādissāmā’’ti hatthena gahetvā aṭṭhaṃsu. Te satthavāhe āgate ‘‘ayya, imāni ambaphalāni khādāmā’’ti pucchiṃsu. Bodhisatto ‘‘nāyaṃ ambarukkho’’ti ñatvā ‘‘kiṃ phalarukkho nāmesa, nāyaṃ ambarukkho, mā khāditthā’’ti vāretvā ye khādiṃsu. Tepi vamāpetvā catumadhuraṃ pāyetvā niroge akāsi.
ปุเพฺพ ปน อิมสฺมิํ รุกฺขมูเล มนุสฺสา นิวาสํ กเปฺปตฺวา ‘‘อมฺพผลานี’’ติ สญฺญาย อิมานิ วิสผลานิ ขาทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺติฯ ปุนทิวเส คามวาสิโน นิกฺขมิตฺวา มตมนุเสฺส ทิสฺวา ปาเท คณฺหิตฺวา ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน ฉเฑฺฑตฺวา สกเฎหิ สทฺธิํเยว สพฺพํ เตสํ สนฺตกํ คเหตฺวา คจฺฉนฺติฯ เต ตํ ทิวสมฺปิ อรุณุคฺคมนกาเลเยว ‘‘มยฺหํ พลิพโทฺท ภวิสฺสติ, มยฺหํ สกฎํ, มยฺหํ ภณฺฑ’’นฺติ เวเคน ตํ รุกฺขมูลํ คนฺตฺวา มนุเสฺส นิโรเค ทิสฺวา ‘‘กถํ ตุเมฺห อิมํ รุกฺขํ ‘นายํ อมฺพรุโกฺข’ติ ชานิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ เต ‘‘มยํ น ชานาม, สตฺถวาหเชฎฺฐโก โน ชานาตี’’ติ อาหํสุฯ มนุสฺสา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิํสุ ‘‘ปณฺฑิต, กินฺติ กตฺวา ตฺวํ อิมสฺส รุกฺขสฺส อนมฺพรุกฺขภาวํ อญฺญาสี’’ติ? โส ‘‘ทฺวีหิ การเณหิ อญฺญาสิ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
Pubbe pana imasmiṃ rukkhamūle manussā nivāsaṃ kappetvā ‘‘ambaphalānī’’ti saññāya imāni visaphalāni khāditvā jīvitakkhayaṃ pāpuṇanti. Punadivase gāmavāsino nikkhamitvā matamanusse disvā pāde gaṇhitvā paṭicchannaṭṭhāne chaḍḍetvā sakaṭehi saddhiṃyeva sabbaṃ tesaṃ santakaṃ gahetvā gacchanti. Te taṃ divasampi aruṇuggamanakāleyeva ‘‘mayhaṃ balibaddo bhavissati, mayhaṃ sakaṭaṃ, mayhaṃ bhaṇḍa’’nti vegena taṃ rukkhamūlaṃ gantvā manusse niroge disvā ‘‘kathaṃ tumhe imaṃ rukkhaṃ ‘nāyaṃ ambarukkho’ti jānitthā’’ti pucchiṃsu. Te ‘‘mayaṃ na jānāma, satthavāhajeṭṭhako no jānātī’’ti āhaṃsu. Manussā bodhisattaṃ pucchiṃsu ‘‘paṇḍita, kinti katvā tvaṃ imassa rukkhassa anambarukkhabhāvaṃ aññāsī’’ti? So ‘‘dvīhi kāraṇehi aññāsi’’nti vatvā imaṃ gāthamāha –
๕๔.
54.
‘‘นายํ รุโกฺข ทุรารุโห, นปิ คามโต อารกา;
‘‘Nāyaṃ rukkho durāruho, napi gāmato ārakā;
อาการเณน ชานามิ, นายํ สาทุผโล ทุโม’’ติฯ
Ākāraṇena jānāmi, nāyaṃ sāduphalo dumo’’ti.
ตตฺถ นายํ รุโกฺข ทุรารุโหติ อยํ วิสรุโกฺข น ทุกฺขารุโห, อุกฺขิปิตฺวา ฐปิตนิเสฺสณี วิย สุเขนาโรหิตุํ สกฺกาติ วทติฯ นปิ คามโต อารกาติ คามโต ทูเร ฐิโตปิ น โหติ, คามทฺวาเร ฐิโตเยวาติ ทีเปติฯ อาการเณน ชานามีติ อิมินา ทุวิเธน การเณนาหํ อิมํ รุกฺขํ ชานามิฯ กินฺติ? นายํ สาทุผโล ทุโมติฯ สเจ หิ อยํ มธุรผโล อมฺพรุโกฺข อภวิสฺส, เอวํ สุขารุเฬฺห อวิทูเร ฐิเต เอตสฺมิํ เอกมฺปิ ผลํ น ติเฎฺฐยฺย, ผลขาทกมนุเสฺสหิ นิจฺจํ ปริวุโตว อสฺสฯ เอวํ อหํ อตฺตโน ญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อิมสฺส วิสรุกฺขภาวํ อญฺญาสินฺติ มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา โสตฺถิคมนํ คโตฯ
Tattha nāyaṃ rukkho durāruhoti ayaṃ visarukkho na dukkhāruho, ukkhipitvā ṭhapitanisseṇī viya sukhenārohituṃ sakkāti vadati. Napi gāmato ārakāti gāmato dūre ṭhitopi na hoti, gāmadvāre ṭhitoyevāti dīpeti. Ākāraṇena jānāmīti iminā duvidhena kāraṇenāhaṃ imaṃ rukkhaṃ jānāmi. Kinti? Nāyaṃ sāduphalo dumoti. Sace hi ayaṃ madhuraphalo ambarukkho abhavissa, evaṃ sukhāruḷhe avidūre ṭhite etasmiṃ ekampi phalaṃ na tiṭṭheyya, phalakhādakamanussehi niccaṃ parivutova assa. Evaṃ ahaṃ attano ñāṇena paricchinditvā imassa visarukkhabhāvaṃ aññāsinti mahājanassa dhammaṃ desetvā sotthigamanaṃ gato.
สตฺถาปิ ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, ปุเพฺพ ปณฺฑิตาปิ ผลกุสลา อเหสุ’’นฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปริสา พุทฺธปริสา อเหสุํ, สตฺถวาโห ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthāpi ‘‘evaṃ, bhikkhave, pubbe paṇḍitāpi phalakusalā ahesu’’nti imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā parisā buddhaparisā ahesuṃ, satthavāho pana ahameva ahosi’’nti.
กิํผลชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ
Kiṃphalajātakavaṇṇanā catutthā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๔. กิํผลชาตกํ • 54. Kiṃphalajātakaṃ