Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā |
๙. กิํสีลสุตฺตวณฺณนา
9. Kiṃsīlasuttavaṇṇanā
๓๒๗. กิํสีโลติ กิํสีลสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส คิหิสหายโก เอโก เถรเสฺสว ปิตุโน วงฺคนฺตพฺราหฺมณสฺส สหายสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุโตฺต สฎฺฐิโกฎิอธิกํ ปญฺจสตโกฎิธนํ ปริจฺจชิตฺวา อายสฺมโต สาริปุตฺตเตฺถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สพฺพํ พุทฺธวจนํ ปริยาปุณิฯ ตสฺส เถโร พหุโส โอวทิตฺวา กมฺมฎฺฐานมทาสิ, โส เตน วิเสสํ นาธิคจฺฉติฯ ตโต เถโร ‘‘พุทฺธเวเนโยฺย เอโส’’ติ ญตฺวา ตํ อาทาย ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ ปุคฺคลํ อนิยเมตฺวา ‘‘กิํสีโล’’ติ ปุจฺฉิฯ อถสฺส ภควา ตโต ปรํ อภาสิฯ ตตฺถ กิํสีโลติ กีทิเสน วาริตฺตสีเลน สมนฺนาคโต, กีทิสปกติโก วาฯ กิํสมาจาโรติ กีทิเสน จาริเตฺตน ยุโตฺตฯ กานิ กมฺมานิ พฺรูหยนฺติ กานิ กายกมฺมาทีนิ วเฑฺฒโนฺตฯ นโร สมฺมา นิวิฎฺฐสฺสาติ อภิรโต นโร สาสเน สมฺมา ปติฎฺฐิโต ภเวยฺยฯ อุตฺตมตฺถญฺจ ปาปุเณติ สพฺพตฺถานํ อุตฺตมํ อรหตฺตญฺจ ปาปุเณยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ
327.Kiṃsīloti kiṃsīlasuttaṃ. Kā uppatti? Āyasmato sāriputtassa gihisahāyako eko therasseva pituno vaṅgantabrāhmaṇassa sahāyassa brāhmaṇassa putto saṭṭhikoṭiadhikaṃ pañcasatakoṭidhanaṃ pariccajitvā āyasmato sāriputtattherassa santike pabbajitvā sabbaṃ buddhavacanaṃ pariyāpuṇi. Tassa thero bahuso ovaditvā kammaṭṭhānamadāsi, so tena visesaṃ nādhigacchati. Tato thero ‘‘buddhaveneyyo eso’’ti ñatvā taṃ ādāya bhagavato santikaṃ gantvā taṃ bhikkhuṃ ārabbha puggalaṃ aniyametvā ‘‘kiṃsīlo’’ti pucchi. Athassa bhagavā tato paraṃ abhāsi. Tattha kiṃsīloti kīdisena vārittasīlena samannāgato, kīdisapakatiko vā. Kiṃsamācāroti kīdisena cārittena yutto. Kāni kammānibrūhayanti kāni kāyakammādīni vaḍḍhento. Naro sammā niviṭṭhassāti abhirato naro sāsane sammā patiṭṭhito bhaveyya. Uttamatthañca pāpuṇeti sabbatthānaṃ uttamaṃ arahattañca pāpuṇeyyāti vuttaṃ hoti.
๓๒๘. ตโต ภควา ‘‘สาริปุโตฺต อฑฺฒมาสูปสมฺปโนฺน สาวกปารมิปฺปโตฺต, กสฺมา อาทิกมฺมิกปุถุชฺชนปญฺหํ ปุจฺฉตี’’ติ อาวเชฺชโนฺต ‘‘สทฺธิวิหาริกํ อารพฺภา’’ติ ญตฺวา ปุจฺฉาย วุตฺตํ จาริตฺตสีลํ อวิภชิตฺวาว ตสฺส สปฺปายวเสน ธมฺมํ เทเสโนฺต ‘‘วุฑฺฒาปจายี’’ติอาทิมาหฯ
328. Tato bhagavā ‘‘sāriputto aḍḍhamāsūpasampanno sāvakapāramippatto, kasmā ādikammikaputhujjanapañhaṃ pucchatī’’ti āvajjento ‘‘saddhivihārikaṃ ārabbhā’’ti ñatvā pucchāya vuttaṃ cārittasīlaṃ avibhajitvāva tassa sappāyavasena dhammaṃ desento ‘‘vuḍḍhāpacāyī’’tiādimāha.
ตตฺถ ปญฺญาวุโฑฺฒ, คุณวุโฑฺฒ, ชาติวุโฑฺฒ, วโยวุโฑฺฒติ จตฺตาโร วุฑฺฒาฯ ชาติยา หิ ทหโรปิ พหุสฺสุโต ภิกฺขุ อปฺปสฺสุตมหลฺลกภิกฺขูนมนฺตเร พาหุสจฺจปญฺญาย วุฑฺฒตฺตา ปญฺญาวุโฑฺฒฯ ตสฺส หิ สนฺติเก มหลฺลกภิกฺขูปิ พุทฺธวจนํ ปริยาปุณนฺติ, โอวาทวินิจฺฉยปญฺหวิสฺสชฺชนานิ จ ปจฺจาสีสนฺติฯ ตถา ทหโรปิ ภิกฺขุ อธิคมสมฺปโนฺน คุณวุโฑฺฒ นามฯ ตสฺส หิ โอวาเท ปติฎฺฐาย มหลฺลกาปิ วิปสฺสนาคพฺภํ คเหตฺวา อรหตฺตผลํ ปาปุณนฺติฯ ตถา ทหโรปิ ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิโตฺต พฺราหฺมโณ วา เสสชนสฺส วนฺทนารหโต ชาติวุโฑฺฒ นามฯ สโพฺพ ปน ปฐมชาโต วโยวุโฑฺฒ นามฯ ตตฺถ ยสฺมา ปญฺญาย สาริปุตฺตเตฺถรสฺส สทิโส นตฺถิ ฐเปตฺวา ภควนฺตํ, ตถา คุเณนปิ อฑฺฒมาเสน สพฺพสาวกปารมีญาณสฺส ปฎิวิทฺธตฺตาฯ ชาติยาปิ โส พฺราหฺมณมหาสาลกุเล อุปฺปโนฺน, ตสฺมา ตสฺส ภิกฺขุโน วเยน สมาโนปิ โส อิเมหิ ตีหิ การเณหิ วุโฑฺฒฯ อิมสฺมิํ ปนเตฺถ ปญฺญาคุเณหิ เอว วุฑฺฒภาวํ สนฺธาย ภควา อาห – ‘‘วุฑฺฒาปจายี’’ติฯ ตสฺมา ตาทิสานํ วุฑฺฒานํ อปจิติกรเณน วุฑฺฒาปจายี, เตสเมว วุฑฺฒานํ ลาภาทีสุ อุสูยวิคเมน อนุสูยโก จ สิยาติ อยมาทิปาทสฺส อโตฺถฯ
Tattha paññāvuḍḍho, guṇavuḍḍho, jātivuḍḍho, vayovuḍḍhoti cattāro vuḍḍhā. Jātiyā hi daharopi bahussuto bhikkhu appassutamahallakabhikkhūnamantare bāhusaccapaññāya vuḍḍhattā paññāvuḍḍho. Tassa hi santike mahallakabhikkhūpi buddhavacanaṃ pariyāpuṇanti, ovādavinicchayapañhavissajjanāni ca paccāsīsanti. Tathā daharopi bhikkhu adhigamasampanno guṇavuḍḍho nāma. Tassa hi ovāde patiṭṭhāya mahallakāpi vipassanāgabbhaṃ gahetvā arahattaphalaṃ pāpuṇanti. Tathā daharopi rājā khattiyo muddhāvasitto brāhmaṇo vā sesajanassa vandanārahato jātivuḍḍho nāma. Sabbo pana paṭhamajāto vayovuḍḍho nāma. Tattha yasmā paññāya sāriputtattherassa sadiso natthi ṭhapetvā bhagavantaṃ, tathā guṇenapi aḍḍhamāsena sabbasāvakapāramīñāṇassa paṭividdhattā. Jātiyāpi so brāhmaṇamahāsālakule uppanno, tasmā tassa bhikkhuno vayena samānopi so imehi tīhi kāraṇehi vuḍḍho. Imasmiṃ panatthe paññāguṇehi eva vuḍḍhabhāvaṃ sandhāya bhagavā āha – ‘‘vuḍḍhāpacāyī’’ti. Tasmā tādisānaṃ vuḍḍhānaṃ apacitikaraṇena vuḍḍhāpacāyī, tesameva vuḍḍhānaṃ lābhādīsu usūyavigamena anusūyako ca siyāti ayamādipādassa attho.
กาลญฺญู จสฺสาติ เอตฺถ ปน ราเค อุปฺปเนฺน ตสฺส วิโนทนตฺถาย ครูนํ ทสฺสนํ คจฺฉโนฺตปิ กาลญฺญู, โทเส… โมเห… โกสเชฺช อุปฺปเนฺน ตสฺส วิโนทนตฺถาย ครูนํ ทสฺสนํ คจฺฉโนฺตปิ กาลญฺญู, ยโต เอวํ กาลญฺญู จ อสฺส ครูนํ ทสฺสนายฯ ธมฺมิํ กถนฺติ สมถวิปสฺสนายุตฺตํฯ เอรยิตนฺติ วุตฺตํฯ ขณญฺญูติ ตสฺสา กถาย ขณเวที, ทุลฺลโภ วา อยํ อีทิสาย กถาย สวนกฺขโณติ ชานโนฺตฯ สุเณยฺย สกฺกจฺจาติ ตํ กถํ สกฺกจฺจํ สุเณยฺยฯ น เกวลญฺจ ตเมว, อญฺญานิปิ พุทฺธคุณาทิปฎิสํยุตฺตานิ สุภาสิตานิ สกฺกจฺจเมว สุเณยฺยาติ อโตฺถฯ
Kālaññū cassāti ettha pana rāge uppanne tassa vinodanatthāya garūnaṃ dassanaṃ gacchantopi kālaññū, dose… mohe… kosajje uppanne tassa vinodanatthāya garūnaṃ dassanaṃ gacchantopi kālaññū, yato evaṃ kālaññū ca assa garūnaṃ dassanāya. Dhammiṃ kathanti samathavipassanāyuttaṃ. Erayitanti vuttaṃ. Khaṇaññūti tassā kathāya khaṇavedī, dullabho vā ayaṃ īdisāya kathāya savanakkhaṇoti jānanto. Suṇeyya sakkaccāti taṃ kathaṃ sakkaccaṃ suṇeyya. Na kevalañca tameva, aññānipi buddhaguṇādipaṭisaṃyuttāni subhāsitāni sakkaccameva suṇeyyāti attho.
๓๒๙. ‘‘กาลญฺญู จสฺส ครูนํ ทสฺสนายา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนยญฺจ อตฺตโน อุปฺปนฺนราคาทิวิโนทนกาลํ ญตฺวาปิ ครูนํ สนฺติกํ คจฺฉโนฺต กาเลน คเจฺฉ ครูนํ สกาสํ, ‘‘อหํ กมฺมฎฺฐานิโก ธุตงฺคธโร จา’’ติ กตฺวา น เจติยวนฺทนโพธิยงฺคณภิกฺขาจารมคฺคอติมชฺฌนฺหิกเวลาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ฐิตมาจริยํ ทิสฺวา ปริปุจฺฉนตฺถาย อุปสงฺกเมยฺย, สกเสนาสเน ปน อตฺตโน อาสเน นิสินฺนํ วูปสนฺตทรถํ สลฺลเกฺขตฺวา กมฺมฎฺฐานาทิวิธิปุจฺฉนตฺถํ อุปสงฺกเมยฺยาติ อโตฺถฯ เอวํ อุปสงฺกมโนฺตปิ จ ถมฺภํ นิรํกตฺวา นิวาตวุตฺติ ถทฺธภาวกรํ มานํ วินาเสตฺวา นีจวุตฺติ ปาทปุญฺฉนโจฬกฉินฺนวิสาณุสภอุทฺธตทาฐสปฺปสทิโส หุตฺวา อุปสงฺกเมยฺยฯ อถ เตน ครุนา วุตฺตํ อตฺถํ ธมฺมํ…เป.… สมาจเร จฯ อตฺถนฺติ ภาสิตตฺถํฯ ธมฺมนฺติ ปาฬิธมฺมํฯ สํยมนฺติ สีลํฯ พฺรหฺมจริยนฺติ อวเสสสาสนพฺรหฺมจริยํฯ อนุสฺสเร เจว สมาจเร จาติ อตฺถํ กถิโตกาเส อนุสฺสเรยฺย, ธมฺมํ สํยมํ พฺรหฺมจริยํ กถิโตกาเส อนุสฺสเรยฺย, อนุสฺสรณมเตฺตเนว จ อตุสฺสโนฺต ตํ สพฺพมฺปิ สมาจเร สมาจเรยฺย สมาทาย วเตฺตยฺยฯ ตาสํ กถานํ อตฺตนิ ปวตฺตเน อุสฺสุกฺกํ กเรยฺยาติ อโตฺถฯ เอวํ กโรโนฺต หิ กิจฺจกโร โหติฯ
329. ‘‘Kālaññū cassa garūnaṃ dassanāyā’’ti ettha vuttanayañca attano uppannarāgādivinodanakālaṃ ñatvāpi garūnaṃ santikaṃ gacchanto kālena gacche garūnaṃsakāsaṃ, ‘‘ahaṃ kammaṭṭhāniko dhutaṅgadharo cā’’ti katvā na cetiyavandanabodhiyaṅgaṇabhikkhācāramaggaatimajjhanhikavelādīsu yattha katthaci ṭhitamācariyaṃ disvā paripucchanatthāya upasaṅkameyya, sakasenāsane pana attano āsane nisinnaṃ vūpasantadarathaṃ sallakkhetvā kammaṭṭhānādividhipucchanatthaṃ upasaṅkameyyāti attho. Evaṃ upasaṅkamantopi ca thambhaṃ niraṃkatvā nivātavutti thaddhabhāvakaraṃ mānaṃ vināsetvā nīcavutti pādapuñchanacoḷakachinnavisāṇusabhauddhatadāṭhasappasadiso hutvā upasaṅkameyya. Atha tena garunā vuttaṃ atthaṃ dhammaṃ…pe… samācare ca. Atthanti bhāsitatthaṃ. Dhammanti pāḷidhammaṃ. Saṃyamanti sīlaṃ. Brahmacariyanti avasesasāsanabrahmacariyaṃ. Anussare ceva samācare cāti atthaṃ kathitokāse anussareyya, dhammaṃ saṃyamaṃ brahmacariyaṃ kathitokāse anussareyya, anussaraṇamatteneva ca atussanto taṃ sabbampi samācare samācareyya samādāya vatteyya. Tāsaṃ kathānaṃ attani pavattane ussukkaṃ kareyyāti attho. Evaṃ karonto hi kiccakaro hoti.
๓๓๐. ตโต ปรญฺจ ธมฺมาราโม ธมฺมรโต ธเมฺม ฐิโต ธมฺมวินิจฺฉยญฺญู ภเวยฺยฯ สพฺพปเทสุ เจตฺถ ธโมฺมติ สมถวิปสฺสนา, อาราโม รตีติ เอโกว อโตฺถ, ธเมฺม อาราโม อสฺสาติ ธมฺมาราโมฯ ธเมฺม รโต, น อญฺญํ ปิเหตีติ ธมฺมรโตฯ ธเมฺม ฐิโต ธมฺมํ วตฺตนโตฯ ธมฺมวินิจฺฉยํ ชานาติ ‘‘อิทํ อุทยญาณํ อิทํ วยญาณ’’นฺติ ธมฺมวินิจฺฉยญฺญู, เอวรูโป อสฺสฯ อถ ยายํ ราชกถาทิติรจฺฉานกถา ตรุณวิปสฺสกสฺส พหิทฺธารูปาทีสุ อภินนฺทนุปฺปาทเนน ตํ สมถวิปสฺสนาธมฺมํ สนฺทูเสติ, ตสฺมา ‘‘ธมฺมสโนฺทสวาโท’’ติ วุจฺจติ, ตํ เนวาจเร ธมฺมสโนฺทสวาทํ, อญฺญทตฺถุ อาวาสโคจราทิสปฺปายานิ เสวโนฺต ตเจฺฉหิ นีเยถ สุภาสิเตหิฯ สมถวิปสฺสนาปฎิสํยุตฺตาเนเวตฺถ ตจฺฉานิ, ตถารูเปหิ สุภาสิเตหิ นีเยถ นีเยยฺย, กาลํ เขเปยฺยาติ อโตฺถฯ
330. Tato parañca dhammārāmo dhammarato dhamme ṭhito dhammavinicchayaññū bhaveyya. Sabbapadesu cettha dhammoti samathavipassanā, ārāmo ratīti ekova attho, dhamme ārāmo assāti dhammārāmo. Dhamme rato, na aññaṃ pihetīti dhammarato. Dhamme ṭhito dhammaṃ vattanato. Dhammavinicchayaṃ jānāti ‘‘idaṃ udayañāṇaṃ idaṃ vayañāṇa’’nti dhammavinicchayaññū, evarūpo assa. Atha yāyaṃ rājakathāditiracchānakathā taruṇavipassakassa bahiddhārūpādīsu abhinandanuppādanena taṃ samathavipassanādhammaṃ sandūseti, tasmā ‘‘dhammasandosavādo’’ti vuccati, taṃ nevācare dhammasandosavādaṃ, aññadatthu āvāsagocarādisappāyāni sevanto tacchehi nīyetha subhāsitehi. Samathavipassanāpaṭisaṃyuttānevettha tacchāni, tathārūpehi subhāsitehi nīyetha nīyeyya, kālaṃ khepeyyāti attho.
๓๓๑. อิทานิ ‘‘ธมฺมสโนฺทสวาท’’นฺติ เอตฺถ อติสเงฺขเปน วุตฺตํ สมถวิปสฺสนายุตฺตสฺส ภิกฺขุโน อุปกฺกิเลสํ ปากฎํ กโรโนฺต ตทเญฺญนปิ อุปกฺกิเลเสน สทฺธิํ ‘‘หสฺสํ ชปฺป’’นฺติ อิมํ คาถมาหฯ หาสนฺติปิ ปาโฐฯ วิปสฺสเกน หิ ภิกฺขุนา หสนียสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ สิตมตฺตเมว กาตพฺพํ, นิรตฺถกกถาชโปฺป น ภาสิตโพฺพ, ญาติพฺยสนาทีสุ ปริเทโว น กาตโพฺพ, ขาณุกณฺฎกาทิมฺหิ มโนปโทโส น อุปฺปาเทตโพฺพฯ มายากตนฺติ วุตฺตา มายา, ติวิธํ กุหนํ, ปจฺจเยสุ คิทฺธิ, ชาติอาทีหิ มาโน, ปจฺจนีกสาตตาสงฺขาโต สารโมฺภ, ผรุสวจนลกฺขณํ กกฺกสํ, ราคาทโย กสาวา, อธิมตฺตตณฺหาลกฺขณา มุจฺฉาติ อิเม จ โทสา สุขกาเมน องฺคารกาสุ วิย, สุจิกาเมน คูถฐานํ วิย, ชีวิตุกาเมน อาสิวิสาทโย วิย จ ปหาตพฺพาฯ หิตฺวา จ อาโรคฺยมทาทิวิคมา วีตมเทน จิตฺตวิเกฺขปาภาวา ฐิตเตฺตน จริตพฺพํฯ เอวํ ปฎิปโนฺน หิ สพฺพุปกฺกิเลสปริสุทฺธาย ภาวนาย น จิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณาติฯ เตนาห ภควา – ‘‘หสฺสํ ชปฺปํ…เป.… ฐิตโตฺต’’ติฯ
331. Idāni ‘‘dhammasandosavāda’’nti ettha atisaṅkhepena vuttaṃ samathavipassanāyuttassa bhikkhuno upakkilesaṃ pākaṭaṃ karonto tadaññenapi upakkilesena saddhiṃ ‘‘hassaṃ jappa’’nti imaṃ gāthamāha. Hāsantipi pāṭho. Vipassakena hi bhikkhunā hasanīyasmiṃ vatthusmiṃ sitamattameva kātabbaṃ, niratthakakathājappo na bhāsitabbo, ñātibyasanādīsu paridevo na kātabbo, khāṇukaṇṭakādimhi manopadoso na uppādetabbo. Māyākatanti vuttā māyā, tividhaṃ kuhanaṃ, paccayesu giddhi, jātiādīhi māno, paccanīkasātatāsaṅkhāto sārambho, pharusavacanalakkhaṇaṃ kakkasaṃ, rāgādayo kasāvā, adhimattataṇhālakkhaṇā mucchāti ime ca dosā sukhakāmena aṅgārakāsu viya, sucikāmena gūthaṭhānaṃ viya, jīvitukāmena āsivisādayo viya ca pahātabbā. Hitvā ca ārogyamadādivigamā vītamadena cittavikkhepābhāvā ṭhitattena caritabbaṃ. Evaṃ paṭipanno hi sabbupakkilesaparisuddhāya bhāvanāya na cirasseva arahattaṃ pāpuṇāti. Tenāha bhagavā – ‘‘hassaṃ jappaṃ…pe… ṭhitatto’’ti.
๓๓๒. อิทานิ ยฺวายํ ‘‘หสฺสํ ชปฺป’’นฺติอาทินา นเยน อุปกฺกิเลโส วุโตฺต, เตน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยสฺมา สาหโส โหติ อวีมํสการี, รโตฺต ราควเสน ทุโฎฺฐ โทสวเสน คจฺฉติ, ปมโตฺต จ โหติ กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย อสาตจฺจการี, ตถารูปสฺส จ ‘‘สุเณยฺย สกฺกจฺจ สุภาสิตานี’’ติอาทินา นเยน วุโตฺต โอวาโท นิรตฺถโก, ตสฺมา อิมสฺส สํกิเลสสฺส ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย เทสนาย สุตาทิวุทฺธิปฎิปกฺขภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วิญฺญาตสารานี’’ติ อิมํ คาถมาหฯ
332. Idāni yvāyaṃ ‘‘hassaṃ jappa’’ntiādinā nayena upakkileso vutto, tena samannāgato bhikkhu yasmā sāhaso hoti avīmaṃsakārī, ratto rāgavasena duṭṭho dosavasena gacchati, pamatto ca hoti kusalānaṃ dhammānaṃ bhāvanāya asātaccakārī, tathārūpassa ca ‘‘suṇeyya sakkacca subhāsitānī’’tiādinā nayena vutto ovādo niratthako, tasmā imassa saṃkilesassa puggalādhiṭṭhānāya desanāya sutādivuddhipaṭipakkhabhāvaṃ dassento ‘‘viññātasārānī’’ti imaṃ gāthamāha.
ตสฺสโตฺถ – ยานิ เหตานิ สมถวิปสฺสนาปฎิสํยุตฺตานิ สุภาสิตานิ, เตสํ วิชานนํ สาโรฯ ยทิ วิญฺญาตานิ สาธุ, อถ สทฺทมตฺตเมว คหิตํ, น กิญฺจิ กตํ โหติ, เยน เอตานิ สุตมเยน ญาเณน วิญฺญายนฺติ, ตํ สุตํ, เอตญฺจ สุตมยญาณํ วิญฺญาตสมาธิสารํ, เตสุ วิญฺญาเตสุ ธเมฺมสุ โย สมาธิ จิตฺตสฺสาวิเกฺขโป ตถตฺตาย ปฎิปตฺติ, อยมสฺส สาโรฯ น หิ วิชานนมเตฺตเนว โกจิ อโตฺถ สิชฺฌติฯ โย ปนายํ นโร ราคาทิวเสน วตฺตนโต สาหโส , กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย อสาตจฺจการิตาย ปมโตฺต, โส สทฺทมตฺตคฺคาหีเยว โหติฯ เตน ตสฺส อตฺถวิชานนาภาวโต สา สุภาสิตวิชานนปญฺญา จ, ตถตฺตาย ปฎิปตฺติยา อภาวโต สุตญฺจ น วฑฺฒตีติฯ
Tassattho – yāni hetāni samathavipassanāpaṭisaṃyuttāni subhāsitāni, tesaṃ vijānanaṃ sāro. Yadi viññātāni sādhu, atha saddamattameva gahitaṃ, na kiñci kataṃ hoti, yena etāni sutamayena ñāṇena viññāyanti, taṃ sutaṃ, etañca sutamayañāṇaṃ viññātasamādhisāraṃ, tesu viññātesu dhammesu yo samādhi cittassāvikkhepo tathattāya paṭipatti, ayamassa sāro. Na hi vijānanamatteneva koci attho sijjhati. Yo panāyaṃ naro rāgādivasena vattanato sāhaso, kusalānaṃ dhammānaṃ bhāvanāya asātaccakāritāya pamatto, so saddamattaggāhīyeva hoti. Tena tassa atthavijānanābhāvato sā subhāsitavijānanapaññā ca, tathattāya paṭipattiyā abhāvato sutañca na vaḍḍhatīti.
๓๓๓. เอวํ ปมตฺตานํ สตฺตานํ ปญฺญาปริหานิํ สุตปริหานิญฺจ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อปฺปมตฺตานํ ตทุภยสาราธิคมํ ทเสฺสโนฺต อาห – ‘‘ธเมฺม จ เย…เป.… สารมชฺฌคู’’ติฯ ตตฺถ อริยปฺปเวทิโต ธโมฺม นาม สมถวิปสฺสนาธโมฺมฯ เอโกปิ หิ พุโทฺธ สมถวิปสฺสนาธมฺมํ อเทเสตฺวา ปรินิพฺพุโต นาม นตฺถิฯ ตสฺมา เอตสฺมิํ ธเมฺม จ เย อริยปฺปเวทิเต รตา นิรตา อปฺปมตฺตา สาตจฺจานุโยคิโน, อนุตฺตรา เต วจสา มนสา กมฺมุนา จ, เต จตุพฺพิเธน วจีสุจริเตน ติวิเธน มโนสุจริเตน ติวิเธน กายสุจริเตน จ สมนฺนาคตตฺตา วจสา มนสา กมฺมุนา จ อนุตฺตรา, อวเสสสเตฺตหิ อสมา อคฺคาวิสิฎฺฐาฯ เอตฺตาวตา สทฺธิํ ปุพฺพภาคสีเลน อริยมคฺคสมฺปยุตฺตํ สีลํ ทเสฺสติฯ เอวํ ปริสุทฺธสีลา เต สนฺติโสรจฺจสมาธิสณฺฐิตา, สุตสฺส ปญฺญาย จ สารมชฺฌคู, เย อริยปฺปเวทิเต ธเมฺม รตา, เต น เกวลํ วาจาทีหิ อนุตฺตรา โหนฺติ, อปิจ โข ปน สนฺติโสรเจฺจ สมาธิมฺหิ จ สณฺฐิตา หุตฺวา สุตสฺส ปญฺญาย จ สารมชฺฌคู อธิคตา อิเจฺจว เวทิตพฺพาฯ อาสํสายํ ภูตวจนํฯ ตตฺถ สนฺตีติ นิพฺพานํ, โสรจฺจนฺติ สุนฺทเร รตภาเวน ยถาภูตปฎิเวธิกา ปญฺญา, สนฺติยา โสรจฺจนฺติ สนฺติโสรจฺจํ, นิพฺพานารมฺมณาย มคฺคปญฺญาเยตํ อธิวจนํฯ สมาธีติ ตํสมฺปยุโตฺตว มคฺคสมาธิฯ สณฺฐิตาติ ตทุภเย ปติฎฺฐิตาฯ สุตปญฺญานํ สารํ นาม อรหตฺตผลวิมุตฺติฯ วิมุตฺติสารญฺหิ อิทํ พฺรหฺมจริยํฯ
333. Evaṃ pamattānaṃ sattānaṃ paññāparihāniṃ sutaparihāniñca dassetvā idāni appamattānaṃ tadubhayasārādhigamaṃ dassento āha – ‘‘dhamme ca ye…pe… sāramajjhagū’’ti. Tattha ariyappavedito dhammo nāma samathavipassanādhammo. Ekopi hi buddho samathavipassanādhammaṃ adesetvā parinibbuto nāma natthi. Tasmā etasmiṃ dhamme ca ye ariyappavediteratā niratā appamattā sātaccānuyogino, anuttarā te vacasā manasā kammunā ca, te catubbidhena vacīsucaritena tividhena manosucaritena tividhena kāyasucaritena ca samannāgatattā vacasā manasā kammunā ca anuttarā, avasesasattehi asamā aggāvisiṭṭhā. Ettāvatā saddhiṃ pubbabhāgasīlena ariyamaggasampayuttaṃ sīlaṃ dasseti. Evaṃ parisuddhasīlā te santisoraccasamādhisaṇṭhitā, sutassa paññāya ca sāramajjhagū, ye ariyappavedite dhamme ratā, te na kevalaṃ vācādīhi anuttarā honti, apica kho pana santisoracce samādhimhi ca saṇṭhitā hutvā sutassa paññāya ca sāramajjhagū adhigatā icceva veditabbā. Āsaṃsāyaṃ bhūtavacanaṃ. Tattha santīti nibbānaṃ, soraccanti sundare ratabhāvena yathābhūtapaṭivedhikā paññā, santiyā soraccanti santisoraccaṃ, nibbānārammaṇāya maggapaññāyetaṃ adhivacanaṃ. Samādhīti taṃsampayuttova maggasamādhi. Saṇṭhitāti tadubhaye patiṭṭhitā. Sutapaññānaṃ sāraṃ nāma arahattaphalavimutti. Vimuttisārañhi idaṃ brahmacariyaṃ.
เอวเมตฺถ ภควา ธเมฺมน ปุพฺพภาคปฎิปทํ, ‘‘อนุตฺตรา วจสา’’ติอาทีหิ สีลกฺขนฺธํ, สนฺติโสรจฺจสมาธีหิ ปญฺญากฺขนฺธสมาธิกฺขเนฺธติ ตีหิปิ อิเมหิ ขเนฺธหิ อปรภาคปฎิปทญฺจ ทเสฺสตฺวา สุตปญฺญาสาเรน อกุปฺปวิมุตฺติํ ทเสฺสโนฺต อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ สมาเปสิฯ เทสนาปริโยสาเน จ โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ปุน น จิรเสฺสว อคฺคผเล อรหเตฺต ปติฎฺฐาสีติฯ
Evamettha bhagavā dhammena pubbabhāgapaṭipadaṃ, ‘‘anuttarā vacasā’’tiādīhi sīlakkhandhaṃ, santisoraccasamādhīhi paññākkhandhasamādhikkhandheti tīhipi imehi khandhehi aparabhāgapaṭipadañca dassetvā sutapaññāsārena akuppavimuttiṃ dassento arahattanikūṭena desanaṃ samāpesi. Desanāpariyosāne ca so bhikkhu sotāpattiphalaṃ patvā puna na cirasseva aggaphale arahatte patiṭṭhāsīti.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย
Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya
สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย กิํสีลสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttanipāta-aṭṭhakathāya kiṃsīlasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๙. กิํสีลสุตฺตํ • 9. Kiṃsīlasuttaṃ