Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๓. กินฺติสุตฺตํ

    3. Kintisuttaṃ

    ๓๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ปิสินารายํ 1 วิหรติ พลิหรเณ วนสเณฺฑฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กินฺติ โว , ภิกฺขเว, มยิ โหติ – ‘จีวรเหตุ วา สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ, ปิณฺฑปาตเหตุ วา สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ, เสนาสนเหตุ วา สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ, อิติภวาภวเหตุ วา สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสตี’’’ติ? ‘‘น โข โน, ภเนฺต, ภควติ เอวํ โหติ – ‘จีวรเหตุ วา สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ, ปิณฺฑปาตเหตุ วา สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ, เสนาสนเหตุ วา สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ, อิติภวาภวเหตุ วา สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสตี’’’ติฯ

    34. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā pisinārāyaṃ 2 viharati baliharaṇe vanasaṇḍe. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘kinti vo , bhikkhave, mayi hoti – ‘cīvarahetu vā samaṇo gotamo dhammaṃ deseti, piṇḍapātahetu vā samaṇo gotamo dhammaṃ deseti, senāsanahetu vā samaṇo gotamo dhammaṃ deseti, itibhavābhavahetu vā samaṇo gotamo dhammaṃ desetī’’’ti? ‘‘Na kho no, bhante, bhagavati evaṃ hoti – ‘cīvarahetu vā samaṇo gotamo dhammaṃ deseti, piṇḍapātahetu vā samaṇo gotamo dhammaṃ deseti, senāsanahetu vā samaṇo gotamo dhammaṃ deseti, itibhavābhavahetu vā samaṇo gotamo dhammaṃ desetī’’’ti.

    ‘‘น จ กิร โว, ภิกฺขเว, มยิ เอวํ โหติ – ‘จีวรเหตุ วา สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ…เป.… อิติภวาภวเหตุ วา สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสตี’ติ; อถ กินฺติ จรหิ โว 3, ภิกฺขเว, มยิ โหตี’’ติ? ‘‘เอวํ โข โน, ภเนฺต, ภควติ โหติ – ‘อนุกมฺปโก ภควา หิเตสี; อนุกมฺปํ อุปาทาย ธมฺมํ เทเสตี’’’ติฯ ‘‘เอวญฺจ 4 กิร โว, ภิกฺขเว, มยิ โหติ – ‘อนุกมฺปโก ภควา หิเตสี; อนุกมฺปํ อุปาทาย ธมฺมํ เทเสตี’’’ติฯ

    ‘‘Na ca kira vo, bhikkhave, mayi evaṃ hoti – ‘cīvarahetu vā samaṇo gotamo dhammaṃ deseti…pe… itibhavābhavahetu vā samaṇo gotamo dhammaṃ desetī’ti; atha kinti carahi vo 5, bhikkhave, mayi hotī’’ti? ‘‘Evaṃ kho no, bhante, bhagavati hoti – ‘anukampako bhagavā hitesī; anukampaṃ upādāya dhammaṃ desetī’’’ti. ‘‘Evañca 6 kira vo, bhikkhave, mayi hoti – ‘anukampako bhagavā hitesī; anukampaṃ upādāya dhammaṃ desetī’’’ti.

    ๓๕. ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เย โว 7 มยา ธมฺมา อภิญฺญา เทสิตา, เสยฺยถิทํ – จตฺตาโร สติปฎฺฐานา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ปญฺจินฺทฺริยานิ ปญฺจ พลานิ สตฺต โพชฺฌงฺคา อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, ตตฺถ สเพฺพเหว สมเคฺคหิ สโมฺมทมาเนหิ อวิวทมาเนหิ สิกฺขิตพฺพํฯ เตสญฺจ โว, ภิกฺขเว, สมคฺคานํ สโมฺมทมานานํ อวิวทมานานํ สิกฺขตํ สิยํสุ 8 เทฺว ภิกฺขู อภิธเมฺม นานาวาทาฯ ตตฺร เจ ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘อิเมสํ โข อายสฺมนฺตานํ อตฺถโต เจว นานํ พฺยญฺชนโต จ นาน’นฺติ, ตตฺถ ยํ ภิกฺขุํ สุวจตรํ 9 มเญฺญยฺยาถ โส อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมนฺตานํ โข อตฺถโต เจว นานํ, พฺยญฺชนโต จ นานํฯ ตทมินาเปตํ 10 อายสฺมโนฺต ชานาถ – ยถา อตฺถโต เจว นานํ, พฺยญฺชนโต จ นานํฯ มายสฺมโนฺต วิวาทํ อาปชฺชิตฺถา’ติฯ อถาปเรสํ เอกโตปกฺขิกานํ ภิกฺขูนํ ยํ ภิกฺขุํ สุวจตรํ มเญฺญยฺยาถ โส อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมนฺตานํ โข อตฺถโต เจว นานํ, พฺยญฺชนโต จ นานํฯ ตทมินาเปตํ อายสฺมโนฺต ชานาถ – ยถา อตฺถโต เจว นานํ, พฺยญฺชนโต จ นานํฯ มายสฺมโนฺต วิวาทํ อาปชฺชิตฺถา’ติฯ อิติ ทุคฺคหิตํ ทุคฺคหิตโต ธาเรตพฺพํ, สุคฺคหิตํ สุคฺคหิตโต ธาเรตพฺพํฯ ทุคฺคหิตํ ทุคฺคหิตโต ธาเรตฺวา สุคฺคหิตํ สุคฺคหิตโต ธาเรตฺวา 11 โย ธโมฺม โย วินโย โส ภาสิตโพฺพฯ

    35. ‘‘Tasmātiha, bhikkhave, ye vo 12 mayā dhammā abhiññā desitā, seyyathidaṃ – cattāro satipaṭṭhānā cattāro sammappadhānā cattāro iddhipādā pañcindriyāni pañca balāni satta bojjhaṅgā ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, tattha sabbeheva samaggehi sammodamānehi avivadamānehi sikkhitabbaṃ. Tesañca vo, bhikkhave, samaggānaṃ sammodamānānaṃ avivadamānānaṃ sikkhataṃ siyaṃsu 13 dve bhikkhū abhidhamme nānāvādā. Tatra ce tumhākaṃ evamassa – ‘imesaṃ kho āyasmantānaṃ atthato ceva nānaṃ byañjanato ca nāna’nti, tattha yaṃ bhikkhuṃ suvacataraṃ 14 maññeyyātha so upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘āyasmantānaṃ kho atthato ceva nānaṃ, byañjanato ca nānaṃ. Tadamināpetaṃ 15 āyasmanto jānātha – yathā atthato ceva nānaṃ, byañjanato ca nānaṃ. Māyasmanto vivādaṃ āpajjitthā’ti. Athāparesaṃ ekatopakkhikānaṃ bhikkhūnaṃ yaṃ bhikkhuṃ suvacataraṃ maññeyyātha so upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘āyasmantānaṃ kho atthato ceva nānaṃ, byañjanato ca nānaṃ. Tadamināpetaṃ āyasmanto jānātha – yathā atthato ceva nānaṃ, byañjanato ca nānaṃ. Māyasmanto vivādaṃ āpajjitthā’ti. Iti duggahitaṃ duggahitato dhāretabbaṃ, suggahitaṃ suggahitato dhāretabbaṃ. Duggahitaṃ duggahitato dhāretvā suggahitaṃ suggahitato dhāretvā 16 yo dhammo yo vinayo so bhāsitabbo.

    ๓๖. ‘‘ตตฺร เจ ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘อิเมสํ โข อายสฺมนฺตานํ อตฺถโต หิ โข นานํ, พฺยญฺชนโต สเมตี’ติ, ตตฺถ ยํ ภิกฺขุํ สุวจตรํ มเญฺญยฺยาถ โส อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมนฺตานํ โข อตฺถโต หิ นานํ, พฺยญฺชนโต สเมติฯ ตทมินาเปตํ อายสฺมโนฺต ชานาถ – ยถา อตฺถโต หิ โข นานํ, พฺยญฺชนโต สเมติฯ มายสฺมโนฺต วิวาทํ อาปชฺชิตฺถา’ติฯ อถาปเรสํ เอกโตปกฺขิกานํ ภิกฺขูนํ ยํ ภิกฺขุํ สุวจตรํ มเญฺญยฺยาถ โส อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมนฺตานํ โข อตฺถโต หิ โข นานํ, พฺยญฺชนโต สเมติฯ ตทมินาเปตํ อายสฺมโนฺต ชานาถ – ยถา อตฺถโต หิ โข นานํ, พฺยญฺชนโต สเมติฯ มายสฺมโนฺต วิวาทํ อาปชฺชิตฺถา’ติ ฯ อิติ ทุคฺคหิตํ ทุคฺคหิตโต ธาเรตพฺพํ, สุคฺคหิตํ สุคฺคหิตโต ธาเรตพฺพํฯ ทุคฺคหิตํ ทุคฺคหิตโต ธาเรตฺวา สุคฺคหิตํ สุคฺคหิตโต ธาเรตฺวา โย ธโมฺม โย วินโย โส ภาสิตโพฺพฯ

    36. ‘‘Tatra ce tumhākaṃ evamassa – ‘imesaṃ kho āyasmantānaṃ atthato hi kho nānaṃ, byañjanato sametī’ti, tattha yaṃ bhikkhuṃ suvacataraṃ maññeyyātha so upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘āyasmantānaṃ kho atthato hi nānaṃ, byañjanato sameti. Tadamināpetaṃ āyasmanto jānātha – yathā atthato hi kho nānaṃ, byañjanato sameti. Māyasmanto vivādaṃ āpajjitthā’ti. Athāparesaṃ ekatopakkhikānaṃ bhikkhūnaṃ yaṃ bhikkhuṃ suvacataraṃ maññeyyātha so upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘āyasmantānaṃ kho atthato hi kho nānaṃ, byañjanato sameti. Tadamināpetaṃ āyasmanto jānātha – yathā atthato hi kho nānaṃ, byañjanato sameti. Māyasmanto vivādaṃ āpajjitthā’ti . Iti duggahitaṃ duggahitato dhāretabbaṃ, suggahitaṃ suggahitato dhāretabbaṃ. Duggahitaṃ duggahitato dhāretvā suggahitaṃ suggahitato dhāretvā yo dhammo yo vinayo so bhāsitabbo.

    ๓๗. ‘‘ตตฺร เจ ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘อิเมสํ โข อายสฺมนฺตานํ อตฺถโต หิ โข สเมติ, พฺยญฺชนโต นาน’นฺติ, ตตฺถ ยํ ภิกฺขุํ สุวจตรํ มเญฺญยฺยาถ โส อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมนฺตานํ โข อตฺถโต หิ สเมติ, พฺยญฺชนโต นานํฯ ตทมินาเปตํ อายสฺมโนฺต ชานาถ – ยถา อตฺถโต หิ โข สเมติ, พฺยญฺชนโต นานํฯ อปฺปมตฺตกํ โข ปเนตํ ยทิทํ – พฺยญฺชนํฯ มายสฺมโนฺต อปฺปมตฺตเก วิวาทํ อาปชฺชิตฺถา’ติฯ อถาปเรสํ เอกโตปกฺขิกานํ ภิกฺขูนํ ยํ ภิกฺขุํ สุวจตรํ มเญฺญยฺยาถ โส อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมนฺตานํ โข อตฺถโต หิ สเมติ, พฺยญฺชนโต นานํฯ ตทมินาเปตํ อายสฺมโนฺต ชานาถ – ยถา อตฺถโต หิ โข สเมติ, พฺยญฺชนโต นานํฯ อปฺปมตฺตกํ โข ปเนตํ ยทิทํ – พฺยญฺชนํฯ มายสฺมโนฺต อปฺปมตฺตเก 17 วิวาทํ อาปชฺชิตฺถา’ติฯ อิติ สุคฺคหิตํ สุคฺคหิตโต ธาเรตพฺพํ, ทุคฺคหิตํ ทุคฺคหิตโต ธาเรตพฺพํฯ สุคฺคหิตํ สุคฺคหิตโต ธาเรตฺวา ทุคฺคหิตํ ทุคฺคหิตโต ธาเรตฺวา โย ธโมฺม โย วินโย โส ภาสิตโพฺพฯ

    37. ‘‘Tatra ce tumhākaṃ evamassa – ‘imesaṃ kho āyasmantānaṃ atthato hi kho sameti, byañjanato nāna’nti, tattha yaṃ bhikkhuṃ suvacataraṃ maññeyyātha so upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘āyasmantānaṃ kho atthato hi sameti, byañjanato nānaṃ. Tadamināpetaṃ āyasmanto jānātha – yathā atthato hi kho sameti, byañjanato nānaṃ. Appamattakaṃ kho panetaṃ yadidaṃ – byañjanaṃ. Māyasmanto appamattake vivādaṃ āpajjitthā’ti. Athāparesaṃ ekatopakkhikānaṃ bhikkhūnaṃ yaṃ bhikkhuṃ suvacataraṃ maññeyyātha so upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘āyasmantānaṃ kho atthato hi sameti, byañjanato nānaṃ. Tadamināpetaṃ āyasmanto jānātha – yathā atthato hi kho sameti, byañjanato nānaṃ. Appamattakaṃ kho panetaṃ yadidaṃ – byañjanaṃ. Māyasmanto appamattake 18 vivādaṃ āpajjitthā’ti. Iti suggahitaṃ suggahitato dhāretabbaṃ, duggahitaṃ duggahitato dhāretabbaṃ. Suggahitaṃ suggahitato dhāretvā duggahitaṃ duggahitato dhāretvā yo dhammo yo vinayo so bhāsitabbo.

    ๓๘. ‘‘ตตฺร เจ ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘อิเมสํ โข อายสฺมนฺตานํ อตฺถโต เจว สเมติ พฺยญฺชนโต จ สเมตี’ติ, ตตฺถ ยํ ภิกฺขุํ สุวจตรํ มเญฺญยฺยาถ โส อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมนฺตานํ โข อตฺถโต เจว สเมติ, พฺยญฺชนโต จ สเมติฯ ตทมินาเปตํ อายสฺมโนฺต ชานาถ – ยถา อตฺถโต เจว สเมติ พฺยญฺชนโต จ สเมติฯ มายสฺมโนฺต วิวาทํ อาปชฺชิตฺถา’ติฯ อถาปเรสํ เอกโตปกฺขิกานํ ภิกฺขูนํ ยํ ภิกฺขุํ สุวจตรํ มเญฺญยฺยาถ โส อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมนฺตานํ โข อตฺถโต เจว สเมติ พฺยญฺชนโต จ สเมติฯ ตทมินาเปตํ อายสฺมโนฺต ชานาถ – ยถา อตฺถโต เจว สเมติ พฺยญฺชนโต จ สเมติฯ มายสฺมโนฺต วิวาทํ อาปชฺชิตฺถา’ติฯ อิติ สุคฺคหิตํ สุคฺคหิตโต ธาเรตพฺพํฯ สุคฺคหิตํ สุคฺคหิตโต ธาเรตฺวา โย ธโมฺม โย วินโย โส ภาสิตโพฺพฯ

    38. ‘‘Tatra ce tumhākaṃ evamassa – ‘imesaṃ kho āyasmantānaṃ atthato ceva sameti byañjanato ca sametī’ti, tattha yaṃ bhikkhuṃ suvacataraṃ maññeyyātha so upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘āyasmantānaṃ kho atthato ceva sameti, byañjanato ca sameti. Tadamināpetaṃ āyasmanto jānātha – yathā atthato ceva sameti byañjanato ca sameti. Māyasmanto vivādaṃ āpajjitthā’ti. Athāparesaṃ ekatopakkhikānaṃ bhikkhūnaṃ yaṃ bhikkhuṃ suvacataraṃ maññeyyātha so upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘āyasmantānaṃ kho atthato ceva sameti byañjanato ca sameti. Tadamināpetaṃ āyasmanto jānātha – yathā atthato ceva sameti byañjanato ca sameti. Māyasmanto vivādaṃ āpajjitthā’ti. Iti suggahitaṃ suggahitato dhāretabbaṃ. Suggahitaṃ suggahitato dhāretvā yo dhammo yo vinayo so bhāsitabbo.

    ๓๙. ‘‘เตสญฺจ โว, ภิกฺขเว, สมคฺคานํ สโมฺมทมานานํ อวิวทมานานํ สิกฺขตํ สิยา อญฺญตรสฺส ภิกฺขุโน อาปตฺติ สิยา วีติกฺกโม, ตตฺร, ภิกฺขเว, น โจทนาย ตริตพฺพํ 19ฯ ปุคฺคโล อุปปริกฺขิตโพฺพ – ‘อิติ มยฺหญฺจ อวิเหสา ภวิสฺสติ ปรสฺส จ ปุคฺคลสฺส อนุปฆาโต, ปโร หิ ปุคฺคโล อโกฺกธโน อนุปนาหี อทฬฺหทิฎฺฐี สุปฺปฎินิสฺสคฺคี, สโกฺกมิ จาหํ เอตํ ปุคฺคลํ อกุสลา วุฎฺฐาเปตฺวา กุสเล ปติฎฺฐาเปตุ’นฺติฯ สเจ, ภิกฺขเว, เอวมสฺส, กลฺลํ วจนายฯ

    39. ‘‘Tesañca vo, bhikkhave, samaggānaṃ sammodamānānaṃ avivadamānānaṃ sikkhataṃ siyā aññatarassa bhikkhuno āpatti siyā vītikkamo, tatra, bhikkhave, na codanāya taritabbaṃ 20. Puggalo upaparikkhitabbo – ‘iti mayhañca avihesā bhavissati parassa ca puggalassa anupaghāto, paro hi puggalo akkodhano anupanāhī adaḷhadiṭṭhī suppaṭinissaggī, sakkomi cāhaṃ etaṃ puggalaṃ akusalā vuṭṭhāpetvā kusale patiṭṭhāpetu’nti. Sace, bhikkhave, evamassa, kallaṃ vacanāya.

    ‘‘สเจ ปน, ภิกฺขเว, เอวมสฺส – ‘มยฺหํ โข อวิเหสา ภวิสฺสติ ปรสฺส จ ปุคฺคลสฺส อุปฆาโต, ปโร หิ ปุคฺคโล โกธโน อุปนาหี อทฬฺหทิฎฺฐี สุปฺปฎินิสฺสคฺคี, สโกฺกมิ จาหํ เอตํ ปุคฺคลํ อกุสลา วุฎฺฐาเปตฺวา กุสเล ปติฎฺฐาเปตุํฯ อปฺปมตฺตกํ โข ปเนตํ ยทิทํ – ปรสฺส 21 ปุคฺคลสฺส อุปฆาโตฯ อถ โข เอตเทว พหุตรํ – สฺวาหํ สโกฺกมิ เอตํ ปุคฺคลํ อกุสลา วุฎฺฐาเปตฺวา กุสเล ปติฎฺฐาเปตุ’นฺติ ฯ สเจ, ภิกฺขเว, เอวมสฺส, กลฺลํ วจนายฯ

    ‘‘Sace pana, bhikkhave, evamassa – ‘mayhaṃ kho avihesā bhavissati parassa ca puggalassa upaghāto, paro hi puggalo kodhano upanāhī adaḷhadiṭṭhī suppaṭinissaggī, sakkomi cāhaṃ etaṃ puggalaṃ akusalā vuṭṭhāpetvā kusale patiṭṭhāpetuṃ. Appamattakaṃ kho panetaṃ yadidaṃ – parassa 22 puggalassa upaghāto. Atha kho etadeva bahutaraṃ – svāhaṃ sakkomi etaṃ puggalaṃ akusalā vuṭṭhāpetvā kusale patiṭṭhāpetu’nti . Sace, bhikkhave, evamassa, kallaṃ vacanāya.

    ‘‘สเจ ปน, ภิกฺขเว, เอวมสฺส – ‘มยฺหํ โข วิเหสา ภวิสฺสติ ปรสฺส จ ปุคฺคลสฺส อนุปฆาโตฯ ปโร หิ ปุคฺคโล อโกฺกธโน อนุปนาหี ทฬฺหทิฎฺฐี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคี, สโกฺกมิ จาหํ เอตํ ปุคฺคลํ อกุสลา วุฎฺฐาเปตฺวา กุสเล ปติฎฺฐาเปตุํฯ อปฺปมตฺตกํ โข ปเนตํ ยทิทํ – มยฺหํ วิเหสา 23ฯ อถ โข เอตเทว พหุตรํ – สฺวาหํ สโกฺกมิ เอตํ ปุคฺคลํ อกุสลา วุฎฺฐาเปตฺวา กุสเล ปติฎฺฐาเปตุ’นฺติฯ สเจ, ภิกฺขเว, เอวมสฺส, กลฺลํ วจนายฯ

    ‘‘Sace pana, bhikkhave, evamassa – ‘mayhaṃ kho vihesā bhavissati parassa ca puggalassa anupaghāto. Paro hi puggalo akkodhano anupanāhī daḷhadiṭṭhī duppaṭinissaggī, sakkomi cāhaṃ etaṃ puggalaṃ akusalā vuṭṭhāpetvā kusale patiṭṭhāpetuṃ. Appamattakaṃ kho panetaṃ yadidaṃ – mayhaṃ vihesā 24. Atha kho etadeva bahutaraṃ – svāhaṃ sakkomi etaṃ puggalaṃ akusalā vuṭṭhāpetvā kusale patiṭṭhāpetu’nti. Sace, bhikkhave, evamassa, kallaṃ vacanāya.

    ‘‘สเจ ปน, ภิกฺขเว, เอวมสฺส – ‘มยฺหญฺจ โข วิเหสา ภวิสฺสติ ปรสฺส จ ปุคฺคลสฺส อุปฆาโตฯ ปโร หิ ปุคฺคโล โกธโน อุปนาหี ทฬฺหทิฎฺฐี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคี, สโกฺกมิ จาหํ เอตํ ปุคฺคลํ อกุสลา วุฎฺฐาเปตฺวา กุสเล ปติฎฺฐาเปตุํฯ อปฺปมตฺตกํ โข ปเนตํ ยทิทํ – มยฺหญฺจ วิเหสา ภวิสฺสติ ปรสฺส จ ปุคฺคลสฺส อุปฆาโตฯ อถ โข เอตเทว พหุตรํ – สฺวาหํ สโกฺกมิ เอตํ ปุคฺคลํ อกุสลา วุฎฺฐาเปตฺวา กุสเล ปติฎฺฐาเปตุ’นฺติฯ สเจ, ภิกฺขเว, เอวมสฺส, กลฺลํ วจนายฯ

    ‘‘Sace pana, bhikkhave, evamassa – ‘mayhañca kho vihesā bhavissati parassa ca puggalassa upaghāto. Paro hi puggalo kodhano upanāhī daḷhadiṭṭhī duppaṭinissaggī, sakkomi cāhaṃ etaṃ puggalaṃ akusalā vuṭṭhāpetvā kusale patiṭṭhāpetuṃ. Appamattakaṃ kho panetaṃ yadidaṃ – mayhañca vihesā bhavissati parassa ca puggalassa upaghāto. Atha kho etadeva bahutaraṃ – svāhaṃ sakkomi etaṃ puggalaṃ akusalā vuṭṭhāpetvā kusale patiṭṭhāpetu’nti. Sace, bhikkhave, evamassa, kallaṃ vacanāya.

    ‘‘สเจ ปน, ภิกฺขเว, เอวมสฺส – ‘มยฺหญฺจ โข วิเหสา ภวิสฺสติ ปรสฺส จ ปุคฺคลสฺส อุปฆาโตฯ ปโร หิ ปุคฺคโล โกธโน อุปนาหี ทฬฺหทิฎฺฐี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคี, น จาหํ สโกฺกมิ เอตํ ปุคฺคลํ อกุสลา วุฎฺฐาเปตฺวา กุสเล ปติฎฺฐาเปตุ’นฺติฯ เอวรูเป, ภิกฺขเว, ปุคฺคเล อุเปกฺขา นาติมญฺญิตพฺพาฯ

    ‘‘Sace pana, bhikkhave, evamassa – ‘mayhañca kho vihesā bhavissati parassa ca puggalassa upaghāto. Paro hi puggalo kodhano upanāhī daḷhadiṭṭhī duppaṭinissaggī, na cāhaṃ sakkomi etaṃ puggalaṃ akusalā vuṭṭhāpetvā kusale patiṭṭhāpetu’nti. Evarūpe, bhikkhave, puggale upekkhā nātimaññitabbā.

    ๔๐. ‘‘เตสญฺจ โว, ภิกฺขเว, สมคฺคานํ สโมฺมทมานานํ อวิวทมานานํ สิกฺขตํ อญฺญมญฺญสฺส วจีสํหาโร 25 อุปฺปเชฺชยฺย ทิฎฺฐิปฬาโส 26 เจตโส อาฆาโต อปฺปจฺจโย อนภิรทฺธิฯ ตตฺถ เอกโตปกฺขิกานํ ภิกฺขูนํ ยํ ภิกฺขุํ สุวจตรํ มเญฺญยฺยาถ โส อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘ยํ โน, อาวุโส, อมฺหากํ สมคฺคานํ สโมฺมทมานานํ อวิวทมานานํ สิกฺขตํ อญฺญมญฺญสฺส วจีสํหาโร อุปฺปโนฺน ทิฎฺฐิปฬาโส เจตโส อาฆาโต อปฺปจฺจโย อนภิรทฺธิ, ตํ ชานมาโน สมโณ ครเหยฺยา’ติ 27ฯ สมฺมา พฺยากรมาโน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘ยํ โน, อาวุโส, อมฺหากํ สมคฺคานํ สโมฺมทมานานํ อวิวทมานานํ สิกฺขตํ อญฺญมญฺญสฺส วจีสํหาโร อุปฺปโนฺน ทิฎฺฐิปฬาโส เจตโส อาฆาโต อปฺปจฺจโย อนภิรทฺธิ, ตํ ชานมาโน สมโณ ครเหยฺยาติฯ เอตํ ปนาวุโส, ธมฺมํ อปฺปหาย นิพฺพานํ สจฺฉิกเรยฺยา’ติฯ สมฺมา พฺยากรมาโน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘เอตํ, อาวุโส, ธมฺมํ อปฺปหาย น นิพฺพานํ สจฺฉิกเรยฺยา’ติฯ

    40. ‘‘Tesañca vo, bhikkhave, samaggānaṃ sammodamānānaṃ avivadamānānaṃ sikkhataṃ aññamaññassa vacīsaṃhāro 28 uppajjeyya diṭṭhipaḷāso 29 cetaso āghāto appaccayo anabhiraddhi. Tattha ekatopakkhikānaṃ bhikkhūnaṃ yaṃ bhikkhuṃ suvacataraṃ maññeyyātha so upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘yaṃ no, āvuso, amhākaṃ samaggānaṃ sammodamānānaṃ avivadamānānaṃ sikkhataṃ aññamaññassa vacīsaṃhāro uppanno diṭṭhipaḷāso cetaso āghāto appaccayo anabhiraddhi, taṃ jānamāno samaṇo garaheyyā’ti 30. Sammā byākaramāno, bhikkhave, bhikkhu evaṃ byākareyya – ‘yaṃ no, āvuso, amhākaṃ samaggānaṃ sammodamānānaṃ avivadamānānaṃ sikkhataṃ aññamaññassa vacīsaṃhāro uppanno diṭṭhipaḷāso cetaso āghāto appaccayo anabhiraddhi, taṃ jānamāno samaṇo garaheyyāti. Etaṃ panāvuso, dhammaṃ appahāya nibbānaṃ sacchikareyyā’ti. Sammā byākaramāno, bhikkhave, bhikkhu evaṃ byākareyya – ‘etaṃ, āvuso, dhammaṃ appahāya na nibbānaṃ sacchikareyyā’ti.

    ‘‘อถาปเรสํ เอกโตปกฺขิกานํ ภิกฺขูนํ ยํ ภิกฺขุํ สุวจตรํ มเญฺญยฺยาถ, โส อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘ยํ โน, อาวุโส, อมฺหากํ สมคฺคานํ สโมฺมทมานานํ อวิวทมานานํ สิกฺขตํ อญฺญมญฺญสฺส วจีสํหาโร อุปฺปโนฺน ทิฎฺฐิปฬาโส เจตโส อาฆาโต อปฺปจฺจโย อนภิรทฺธิ, ตํ ชานมาโน สมโณ ครเหยฺยา’ติฯ สมฺมา พฺยากรมาโน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘ยํ โน, อาวุโส, อมฺหากํ สมคฺคานํ สโมฺมทมานานํ อวิวทมานานํ สิกฺขตํ อญฺญมญฺญสฺส วจีสํหาโร อุปฺปโนฺน ทิฎฺฐิปฬาโส เจตโส อาฆาโต อปฺปจฺจโย อนภิรทฺธิ ตํ ชานมาโน สมโณ ครเหยฺยาติฯ เอตํ ปนาวุโส, ธมฺมํ อปฺปหาย นิพฺพานํ สจฺฉิกเรยฺยา’ติฯ สมฺมา พฺยากรมาโน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘เอตํ โข, อาวุโส, ธมฺมํ อปฺปหาย น นิพฺพานํ สจฺฉิกเรยฺยา’’’ติฯ

    ‘‘Athāparesaṃ ekatopakkhikānaṃ bhikkhūnaṃ yaṃ bhikkhuṃ suvacataraṃ maññeyyātha, so upasaṅkamitvā evamassa vacanīyo – ‘yaṃ no, āvuso, amhākaṃ samaggānaṃ sammodamānānaṃ avivadamānānaṃ sikkhataṃ aññamaññassa vacīsaṃhāro uppanno diṭṭhipaḷāso cetaso āghāto appaccayo anabhiraddhi, taṃ jānamāno samaṇo garaheyyā’ti. Sammā byākaramāno, bhikkhave, bhikkhu evaṃ byākareyya – ‘yaṃ no, āvuso, amhākaṃ samaggānaṃ sammodamānānaṃ avivadamānānaṃ sikkhataṃ aññamaññassa vacīsaṃhāro uppanno diṭṭhipaḷāso cetaso āghāto appaccayo anabhiraddhi taṃ jānamāno samaṇo garaheyyāti. Etaṃ panāvuso, dhammaṃ appahāya nibbānaṃ sacchikareyyā’ti. Sammā byākaramāno, bhikkhave, bhikkhu evaṃ byākareyya – ‘etaṃ kho, āvuso, dhammaṃ appahāya na nibbānaṃ sacchikareyyā’’’ti.

    ‘‘ตํ เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ ปเร เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘อายสฺมตา โน เอเต ภิกฺขู อกุสลา วุฎฺฐาเปตฺวา กุสเล ปติฎฺฐาปิตา’ติ? สมฺมา พฺยากรมาโน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘อิธาหํ, อาวุโส, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํ, ตสฺส เม ภควา ธมฺมํ เทเสสิ, ตาหํ ธมฺมํ สุตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ อภาสิํฯ ตํ เต ภิกฺขู ธมฺมํ สุตฺวา อกุสลา วุฎฺฐหิํสุ, กุสเล ปติฎฺฐหิํสู’ติฯ เอวํ พฺยากรมาโน โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น เจว อตฺตานํ อุกฺกํเสติ, น ปรํ วเมฺภติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺฉตี’’ติฯ

    ‘‘Taṃ ce, bhikkhave, bhikkhuṃ pare evaṃ puccheyyuṃ – ‘āyasmatā no ete bhikkhū akusalā vuṭṭhāpetvā kusale patiṭṭhāpitā’ti? Sammā byākaramāno, bhikkhave, bhikkhu evaṃ byākareyya – ‘idhāhaṃ, āvuso, yena bhagavā tenupasaṅkamiṃ, tassa me bhagavā dhammaṃ desesi, tāhaṃ dhammaṃ sutvā tesaṃ bhikkhūnaṃ abhāsiṃ. Taṃ te bhikkhū dhammaṃ sutvā akusalā vuṭṭhahiṃsu, kusale patiṭṭhahiṃsū’ti. Evaṃ byākaramāno kho, bhikkhave, bhikkhu na ceva attānaṃ ukkaṃseti, na paraṃ vambheti, dhammassa cānudhammaṃ byākaroti, na ca koci sahadhammiko vādānuvādo gārayhaṃ ṭhānaṃ āgacchatī’’ti.

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

    Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.

    กินฺติสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ตติยํฯ

    Kintisuttaṃ niṭṭhitaṃ tatiyaṃ.







    Footnotes:
    1. กุสินารายํ (สี.)
    2. kusinārāyaṃ (sī.)
    3. อถ กินฺติ โว (สี. ปี.), อถ กิญฺจรหิ โว (ก.)
    4. เอวํ (สี. ปี.)
    5. atha kinti vo (sī. pī.), atha kiñcarahi vo (ka.)
    6. evaṃ (sī. pī.)
    7. เย เต (ก.)
    8. สิยุํ (สี. สฺยา. กํ.) สทฺทนีติ โอโลเกตพฺพา
    9. สุพฺพจตรํ (ก.)
    10. ตทิมินาเปตํ (สฺยา. กํ.)
    11. อิติ ทุคฺคหิตํ ทุคฺคหิตโต ธาเรตพฺพํ, ทุคฺคหิตํ ทุคฺคหิตโต ธาเรตฺวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.) อนนฺตรวารตฺตเย ปน อิทํ ปาฐนานตฺตํ นตฺถิ
    12. ye te (ka.)
    13. siyuṃ (sī. syā. kaṃ.) saddanīti oloketabbā
    14. subbacataraṃ (ka.)
    15. tadimināpetaṃ (syā. kaṃ.)
    16. iti duggahitaṃ duggahitato dhāretabbaṃ, duggahitaṃ duggahitato dhāretvā (sī. syā. kaṃ. pī.) anantaravārattaye pana idaṃ pāṭhanānattaṃ natthi
    17. อปฺปมตฺตเกหิ (สี. ปี.)
    18. appamattakehi (sī. pī.)
    19. โจทิตพฺพํ (สฺยา. กํ. ก.) ตุริตพฺพํ (?)
    20. coditabbaṃ (syā. kaṃ. ka.) turitabbaṃ (?)
    21. ยทิทํ มยฺหญฺจ วิเหสา ภวิสฺสติ ปรสฺส จ (ก.)
    22. yadidaṃ mayhañca vihesā bhavissati parassa ca (ka.)
    23. มยฺหญฺจ วิเหสา ภวิสฺสติ ปรสฺส จ ปุคฺคลสฺส อุปฆาโต (ก.)
    24. mayhañca vihesā bhavissati parassa ca puggalassa upaghāto (ka.)
    25. วจีสงฺขาโร (สี. ปี.)
    26. ทิฎฺฐิปลาโส (สี. ก.)
    27. สมาโน (สี. ก.)
    28. vacīsaṅkhāro (sī. pī.)
    29. diṭṭhipalāso (sī. ka.)
    30. samāno (sī. ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. กินฺติสุตฺตวณฺณนา • 3. Kintisuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๓. กินฺติสุตฺตวณฺณนา • 3. Kintisuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact