Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๑๐. เอกาทสกนิปาโต

    10. Ekādasakanipāto

    ๑. กิสาโคตมีเถรีคาถาวณฺณนา

    1. Kisāgotamītherīgāthāvaṇṇanā

    เอกาทสกนิปาเต กลฺยาณมิตฺตตาติอาทิกา กิสาโคตมิยา เถริยา คาถาฯ อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนิํ ลูขจีวรธารีนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถสิฯ สา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุเสฺสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ ทุคฺคตกุเล นิพฺพตฺติฯ โคตมีติสฺสา นามํ อโหสิฯ กิสสรีรตาย ปน ‘‘กิสาโคตมี’’ติ โวหรียิตฺถฯ ตํ ปติกุลํ คตํ ทุคฺคตกุลสฺส ธีตาติ ปริภวิํสุฯ สา เอกํ ปุตฺตํ วิชายิฯ ปุตฺตลาเภน จสฺสา สมฺมานํ อกํสุฯ โส ปนสฺสา ปุโตฺต อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา กีฬนกาเล กาลมกาสิฯ เตนสฺสา โสกุมฺมาโท อุปฺปชฺชิฯ

    Ekādasakanipāte kalyāṇamittatātiādikā kisāgotamiyā theriyā gāthā. Ayaṃ kira padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patvā ekadivasaṃ satthu santike dhammaṃ suṇantī satthāraṃ ekaṃ bhikkhuniṃ lūkhacīvaradhārīnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā adhikārakammaṃ katvā taṃ ṭhānantaraṃ patthesi. Sā kappasatasahassaṃ devamanussesu saṃsarantī imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ duggatakule nibbatti. Gotamītissā nāmaṃ ahosi. Kisasarīratāya pana ‘‘kisāgotamī’’ti voharīyittha. Taṃ patikulaṃ gataṃ duggatakulassa dhītāti paribhaviṃsu. Sā ekaṃ puttaṃ vijāyi. Puttalābhena cassā sammānaṃ akaṃsu. So panassā putto ādhāvitvā paridhāvitvā kīḷanakāle kālamakāsi. Tenassā sokummādo uppajji.

    สา ‘‘อหํ ปุเพฺพ ปริภวปตฺตา หุตฺวา ปุตฺตสฺส ชาตกาลโต ปฎฺฐาย สกฺการํ ปาปุณิํ , อิเม มยฺหํ ปุตฺตํ พหิ ฉเฑฺฑตุมฺปิ วายมนฺตี’’ติ โสกุมฺมาทวเสน มตกเฬวรํ อเงฺกนาทาย ‘‘ปุตฺตสฺส เม เภสชฺชํ เทถา’’ติ เคหทฺวารปฎิปาฎิยา นคเร วิจรติฯ มนุสฺสา ‘‘เภสชฺชํ กุโต’’ติ ปริภาสนฺติฯ สา เตสํ กถํ น คณฺหาติฯ อถ นํ เอโก ปณฺฑิตปุริโส ‘‘อยํ ปุตฺตโสเกน จิตฺตวิเกฺขปํ ปตฺตา, เอติสฺสา เภสชฺชํ ทสพโลเยว ชานิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา, ‘‘อมฺม, ตว ปุตฺตสฺส เภสชฺชํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉา’’ติ อาหฯ สา สตฺถุ ธมฺมเทสนาเวลายํ วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘ปุตฺตสฺส เม เภสชฺชํ เทถ ภควา’’ติ อาหฯ สตฺถา ตสฺสา อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘คจฺฉ นครํ ปวิสิตฺวา ยสฺมิํ เคเห โกจิ มตปุโพฺพ นตฺถิ, ตโต สิทฺธตฺถกํ อาหรา’’ติ อาหฯ สา ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ ตุฎฺฐมานสา นครํ ปวิสิตฺวา ปฐมเคเหเยว ‘‘สตฺถา มม ปุตฺตสฺส เภสชฺชตฺถาย สิทฺธตฺถกํ อาหราเปติฯ สเจ เอตสฺมิํ เคเห โกจิ มตปุโพฺพ นตฺถิ, สิทฺธตฺถกํ เม เทถา’’ติ อาหฯ โก อิธ มเต คเณตุํ สโกฺกตีติฯ กิํ เตน หิ อลํ สิทฺธตฺถเกหีติ ทุติยํ ตติยํ ฆรํ คนฺตฺวา พุทฺธานุภาเวน วิคตุมฺมาทา ปกติจิเตฺต ฐิตา จิเนฺตสิ – ‘‘สกลนคเร อยเมว นิยโม ภวิสฺสติ, อิทํ หิตานุกมฺปินา ภควตา ทิฎฺฐํ ภวิสฺสตี’’ติ สํเวคํ ลภิตฺวา ตโตว พหิ นิกฺขมิตฺวา ปุตฺตํ อามกสุสาเน ฉเฑฺฑตฺวา อิมํ คาถมาห –

    Sā ‘‘ahaṃ pubbe paribhavapattā hutvā puttassa jātakālato paṭṭhāya sakkāraṃ pāpuṇiṃ , ime mayhaṃ puttaṃ bahi chaḍḍetumpi vāyamantī’’ti sokummādavasena matakaḷevaraṃ aṅkenādāya ‘‘puttassa me bhesajjaṃ dethā’’ti gehadvārapaṭipāṭiyā nagare vicarati. Manussā ‘‘bhesajjaṃ kuto’’ti paribhāsanti. Sā tesaṃ kathaṃ na gaṇhāti. Atha naṃ eko paṇḍitapuriso ‘‘ayaṃ puttasokena cittavikkhepaṃ pattā, etissā bhesajjaṃ dasabaloyeva jānissatī’’ti cintetvā, ‘‘amma, tava puttassa bhesajjaṃ sammāsambuddhaṃ upasaṅkamitvā pucchā’’ti āha. Sā satthu dhammadesanāvelāyaṃ vihāraṃ gantvā ‘‘puttassa me bhesajjaṃ detha bhagavā’’ti āha. Satthā tassā upanissayaṃ disvā ‘‘gaccha nagaraṃ pavisitvā yasmiṃ gehe koci matapubbo natthi, tato siddhatthakaṃ āharā’’ti āha. Sā ‘‘sādhu, bhante’’ti tuṭṭhamānasā nagaraṃ pavisitvā paṭhamageheyeva ‘‘satthā mama puttassa bhesajjatthāya siddhatthakaṃ āharāpeti. Sace etasmiṃ gehe koci matapubbo natthi, siddhatthakaṃ me dethā’’ti āha. Ko idha mate gaṇetuṃ sakkotīti. Kiṃ tena hi alaṃ siddhatthakehīti dutiyaṃ tatiyaṃ gharaṃ gantvā buddhānubhāvena vigatummādā pakaticitte ṭhitā cintesi – ‘‘sakalanagare ayameva niyamo bhavissati, idaṃ hitānukampinā bhagavatā diṭṭhaṃ bhavissatī’’ti saṃvegaṃ labhitvā tatova bahi nikkhamitvā puttaṃ āmakasusāne chaḍḍetvā imaṃ gāthamāha –

    ‘‘น คามธโมฺม นิคมสฺส ธโมฺม, น จาปิยํ เอกกุลสฺส ธโมฺม;

    ‘‘Na gāmadhammo nigamassa dhammo, na cāpiyaṃ ekakulassa dhammo;

    สพฺพสฺส โลกสฺส สเทวกสฺส, เอเสว ธโมฺม ยทิทํ อนิจฺจตา’’ติฯ (อป. เถรี ๒.๓.๘๒);

    Sabbassa lokassa sadevakassa, eseva dhammo yadidaṃ aniccatā’’ti. (apa. therī 2.3.82);

    เอวญฺจ ปน วตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิฯ อถ นํ สตฺถา ‘‘ลโทฺธ เต, โคตมิ, สิทฺธตฺถโก’’ติ อาหฯ ‘‘นิฎฺฐิตํ, ภเนฺต, สิทฺธตฺถเกน กมฺมํ, ปติฎฺฐา ปน เม โหถา’’ติ อาหฯ อถสฺสา สตฺถา –

    Evañca pana vatvā satthu santikaṃ agamāsi. Atha naṃ satthā ‘‘laddho te, gotami, siddhatthako’’ti āha. ‘‘Niṭṭhitaṃ, bhante, siddhatthakena kammaṃ, patiṭṭhā pana me hothā’’ti āha. Athassā satthā –

    ‘‘ตํ ปุตฺตปสุสมฺมตฺตํ, พฺยาสตฺตมนสํ นรํ;

    ‘‘Taṃ puttapasusammattaṃ, byāsattamanasaṃ naraṃ;

    สุตฺตํ คามํ มโหโฆว, มจฺจุ อาทาย คจฺฉตี’’ติฯ (ธ. ป. ๒๘๗) –

    Suttaṃ gāmaṃ mahoghova, maccu ādāya gacchatī’’ti. (dha. pa. 287) –

    คาถมาห ฯ

    Gāthamāha .

    คาถาปริโยสาเน ยถาฐิตาว โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาย สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ สตฺถา ปพฺพชฺชํ อนุชานิฯ สา สตฺถารํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา นจิรเสฺสว โยนิโสมนสิกาเรน กมฺมํ กโรนฺตี วิปสฺสนํ วเฑฺฒสิฯ อถสฺสา สตฺถา –

    Gāthāpariyosāne yathāṭhitāva sotāpattiphale patiṭṭhāya satthāraṃ pabbajjaṃ yāci. Satthā pabbajjaṃ anujāni. Sā satthāraṃ tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā vanditvā bhikkhunupassayaṃ gantvā pabbajitvā upasampadaṃ labhitvā nacirasseva yonisomanasikārena kammaṃ karontī vipassanaṃ vaḍḍhesi. Athassā satthā –

    ‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, อปสฺสํ อมตํ ปทํ;

    ‘‘Yo ca vassasataṃ jīve, apassaṃ amataṃ padaṃ;

    เอกาหํ ชีวิตํ เสโยฺย, ปสฺสโต อมตํ ปท’’นฺติฯ (ธ. ป. ๑๑๔) –

    Ekāhaṃ jīvitaṃ seyyo, passato amataṃ pada’’nti. (dha. pa. 114) –

    อิมํ โอภาสคาถมาหฯ

    Imaṃ obhāsagāthamāha.

    สา คาถาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา ปริกฺขารวลเญฺช ปรมุกฺกฎฺฐา หุตฺวา ตีหิ ลูเขหิ สมนฺนาคตํ จีวรํ ปารุปิตฺวา วิจริฯ อถ นํ สตฺถา เชตวเน นิสิโนฺน ภิกฺขุนิโย ปฎิปาฎิยา ฐานนฺตเร ฐเปโนฺต ลูขจีวรธารีนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ สา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘สตฺถารํ นิสฺสาย มยา อยํ วิเสโส ลโทฺธ’’ติ กลฺยาณมิตฺตตาย ปสํสามุเขน อิมา คาถา อภาสิ –

    Sā gāthāpariyosāne arahattaṃ pāpuṇitvā parikkhāravalañje paramukkaṭṭhā hutvā tīhi lūkhehi samannāgataṃ cīvaraṃ pārupitvā vicari. Atha naṃ satthā jetavane nisinno bhikkhuniyo paṭipāṭiyā ṭhānantare ṭhapento lūkhacīvaradhārīnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi. Sā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā ‘‘satthāraṃ nissāya mayā ayaṃ viseso laddho’’ti kalyāṇamittatāya pasaṃsāmukhena imā gāthā abhāsi –

    ๒๑๓.

    213.

    ‘‘กลฺยาณมิตฺตตา มุนินา, โลกํ อาทิสฺส วณฺณิตา;

    ‘‘Kalyāṇamittatā muninā, lokaṃ ādissa vaṇṇitā;

    กลฺยาณมิเตฺต ภชมาโน, อปิ พาโล ปณฺฑิโต อสฺสฯ

    Kalyāṇamitte bhajamāno, api bālo paṇḍito assa.

    ๒๑๔.

    214.

    ‘‘ภชิตพฺพา สปฺปุริสา, ปญฺญา ตถา วฑฺฒติ ภชนฺตานํ;

    ‘‘Bhajitabbā sappurisā, paññā tathā vaḍḍhati bhajantānaṃ;

    ภชมาโน สปฺปุริเส, สเพฺพหิปิ ทุเกฺขหิ ปมุเจฺจยฺยฯ

    Bhajamāno sappurise, sabbehipi dukkhehi pamucceyya.

    ๒๑๕.

    215.

    ‘‘ทุกฺขญฺจ วิชาเนยฺย, ทุกฺขสฺส จ สมุทยํ นิโรธํ;

    ‘‘Dukkhañca vijāneyya, dukkhassa ca samudayaṃ nirodhaṃ;

    อฎฺฐงฺคิกญฺจ มคฺคํ, จตฺตาริปิ อริยสจฺจานิฯ

    Aṭṭhaṅgikañca maggaṃ, cattāripi ariyasaccāni.

    ๒๑๖.

    216.

    ‘‘ทุโกฺข อิตฺถิภาโว, อกฺขาโต ปุริสทมฺมสารถินา;

    ‘‘Dukkho itthibhāvo, akkhāto purisadammasārathinā;

    สปตฺติกมฺปิ หิ ทุกฺขํ, อเปฺปกจฺจา สกิํ วิชาตาโยฯ

    Sapattikampi hi dukkhaṃ, appekaccā sakiṃ vijātāyo.

    ๒๑๗.

    217.

    ‘‘คลเก อปิ กนฺตนฺติ, สุขุมาลินิโย วิสานิ ขาทนฺติ;

    ‘‘Galake api kantanti, sukhumāliniyo visāni khādanti;

    ชนมารกมชฺฌคตา, อุโภปิ พฺยสนานิ อนุโภนฺติฯ

    Janamārakamajjhagatā, ubhopi byasanāni anubhonti.

    ๒๑๘.

    218.

    ‘‘อุปวิชญฺญา คจฺฉนฺตี, อทฺทสาหํ ปติํ มตํ;

    ‘‘Upavijaññā gacchantī, addasāhaṃ patiṃ mataṃ;

    ปนฺถมฺหิ วิชายิตฺวาน, อปฺปตฺตาว สกํ ฆรํฯ

    Panthamhi vijāyitvāna, appattāva sakaṃ gharaṃ.

    ๒๑๙.

    219.

    ‘‘เทฺว ปุตฺตา กาลกตา, ปตี จ ปเนฺถ มโต กปณิกาย;

    ‘‘Dve puttā kālakatā, patī ca panthe mato kapaṇikāya;

    มาตา ปิตา จ ภาตา, ฑยฺหนฺติ จ เอกจิตกายํฯ

    Mātā pitā ca bhātā, ḍayhanti ca ekacitakāyaṃ.

    ๒๒๐.

    220.

    ‘‘ขีณกุลีเน กปเณ, อนุภูตํ เต ทุขํ อปริมาณํ;

    ‘‘Khīṇakulīne kapaṇe, anubhūtaṃ te dukhaṃ aparimāṇaṃ;

    อสฺสู จ เต ปวตฺตํ, พหูนิ จ ชาติสหสฺสานิฯ

    Assū ca te pavattaṃ, bahūni ca jātisahassāni.

    ๒๒๑.

    221.

    ‘‘วสิตา สุสานมเชฺฌ, อโถปิ ขาทิตานิ ปุตฺตมํสานิ;

    ‘‘Vasitā susānamajjhe, athopi khāditāni puttamaṃsāni;

    หตกุลิกา สพฺพครหิตา, มตปติกา อมตมธิคจฺฉิํฯ

    Hatakulikā sabbagarahitā, matapatikā amatamadhigacchiṃ.

    ๒๒๒.

    222.

    ‘‘ภาวิโต เม มโคฺค, อริโย อฎฺฐงฺคิโก อมตคามี;

    ‘‘Bhāvito me maggo, ariyo aṭṭhaṅgiko amatagāmī;

    นิพฺพานํ สจฺฉิกตํ, ธมฺมาทาสํ อเวกฺขิํหํฯ

    Nibbānaṃ sacchikataṃ, dhammādāsaṃ avekkhiṃhaṃ.

    ๒๒๓.

    223.

    ‘‘อหมมฺหิ กนฺตสลฺลา, โอหิตภารา กตญฺหิ กรณียํ;

    ‘‘Ahamamhi kantasallā, ohitabhārā katañhi karaṇīyaṃ;

    กิสาโคตมี เถรี, วิมุตฺตจิตฺตา อิมํ ภณี’’ติฯ

    Kisāgotamī therī, vimuttacittā imaṃ bhaṇī’’ti.

    ตตฺถ กลฺยาณมิตฺตตาติ กลฺยาโณ ภโทฺท สุนฺทโร มิโตฺต เอตสฺสาติ กลฺยาณมิโตฺตฯ โย ยสฺส สีลาทิคุณสมาทเปตา, อฆสฺส ฆาตา, หิตสฺส วิธาตา, เอวํ สพฺพากาเรน อุปกาโร มิโตฺต โหติ, โส ปุคฺคโล กลฺยาณมิโตฺต, ตสฺส ภาโว กลฺยาณมิตฺตตา, กลฺยาณมิตฺตวนฺตตาฯ มุนินาติ สตฺถาราฯ โลกํ อาทิสฺส วณฺณิตาติ กลฺยาณมิเตฺต อนุคนฺตพฺพนฺติ สตฺตโลกํ อุทฺทิสฺส –

    Tattha kalyāṇamittatāti kalyāṇo bhaddo sundaro mitto etassāti kalyāṇamitto. Yo yassa sīlādiguṇasamādapetā, aghassa ghātā, hitassa vidhātā, evaṃ sabbākārena upakāro mitto hoti, so puggalo kalyāṇamitto, tassa bhāvo kalyāṇamittatā, kalyāṇamittavantatā. Munināti satthārā. Lokaṃ ādissa vaṇṇitāti kalyāṇamitte anugantabbanti sattalokaṃ uddissa –

    ‘‘สกลเมวิทํ, อานนฺท, พฺรหฺมจริยํ ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา กลฺยาณสหายตา กลฺยาณสมฺปวงฺกตา’’ (สํ. นิ. ๕.๒)ฯ ‘‘กลฺยาณมิตฺตเสฺสตํ, เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฎิกงฺขํ กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส ยํ สีลวา ภวิสฺสติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหริสฺสตี’’ติ (อุทา. ๓๑) จ เอวมาทินา ปสํสิตาฯ

    ‘‘Sakalamevidaṃ, ānanda, brahmacariyaṃ yadidaṃ kalyāṇamittatā kalyāṇasahāyatā kalyāṇasampavaṅkatā’’ (saṃ. ni. 5.2). ‘‘Kalyāṇamittassetaṃ, meghiya, bhikkhuno pāṭikaṅkhaṃ kalyāṇasahāyassa kalyāṇasampavaṅkassa yaṃ sīlavā bhavissati pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharissatī’’ti (udā. 31) ca evamādinā pasaṃsitā.

    กลฺยาณมิเตฺต ภชมาโนติอาทิ กลฺยาณมิตฺตตาย อานิสํสทสฺสนํฯ ตตฺถ อปิ พาโล ปณฺฑิโต อสฺสาติ กลฺยาณมิเตฺต ภชมาโน ปุคฺคโล ปุเพฺพ สุตาทิวิรเหน พาโลปิ สมาโน อสฺสุตสวนาทินา ปณฺฑิโต ภเวยฺยฯ

    Kalyāṇamitte bhajamānotiādi kalyāṇamittatāya ānisaṃsadassanaṃ. Tattha api bālo paṇḍito assāti kalyāṇamitte bhajamāno puggalo pubbe sutādivirahena bālopi samāno assutasavanādinā paṇḍito bhaveyya.

    ภชิตพฺพา สปฺปุริสาติ พาลสฺสาปิ ปณฺฑิตภาวเหตุโต พุทฺธาทโย สปฺปุริสา กาเลน กาลํ อุปสงฺกมนาทินา เสวิตพฺพาฯ ปญฺญา ตถา ปวฑฺฒติ ภชนฺตานนฺติ กลฺยาณมิเตฺต ภชนฺตานํ ตถา ปญฺญา วฑฺฒติ พฺรูหติ ปาริปูริํ คจฺฉติฯ ยถา เตสุ โย โกจิ ขตฺติยาทิโก ภชมาโน สปฺปุริเส สเพฺพหิปิ ชาติอาทิทุเกฺขหิ ปมุเจฺจยฺยาติ โยชนาฯ

    Bhajitabbā sappurisāti bālassāpi paṇḍitabhāvahetuto buddhādayo sappurisā kālena kālaṃ upasaṅkamanādinā sevitabbā. Paññā tathā pavaḍḍhati bhajantānanti kalyāṇamitte bhajantānaṃ tathā paññā vaḍḍhati brūhati pāripūriṃ gacchati. Yathā tesu yo koci khattiyādiko bhajamāno sappurise sabbehipi jātiādidukkhehi pamucceyyāti yojanā.

    มุจฺจนวิธิํ ปน กลฺยาณมิตฺตวิธินา ทเสฺสตุํ ‘‘ทุกฺขญฺจ วิชาเนยฺยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ จตฺตาริ อริยสจฺจานีติ ทุกฺขญฺจ ทุกฺขสมุทยญฺจ นิโรธญฺจ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคญฺจาติ อิมานิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ วิชาเนยฺย ปฎิวิเชฺฌยฺยาติ โยชนาฯ

    Muccanavidhiṃ pana kalyāṇamittavidhinā dassetuṃ ‘‘dukkhañca vijāneyyā’’tiādi vuttaṃ. Tattha cattāri ariyasaccānīti dukkhañca dukkhasamudayañca nirodhañca aṭṭhaṅgikaṃ maggañcāti imāni cattāri ariyasaccāni vijāneyya paṭivijjheyyāti yojanā.

    ‘‘ทุโกฺข อิตฺถิภาโว’’ติอาทิกา เทฺว คาถา อญฺญตราย ยกฺขินิยา อิตฺถิภาวํ ครหนฺติยา ภาสิตาฯ ตตฺถ ทุโกฺข อิตฺถิภาโว อกฺขาโตติ จปลตา, คพฺภธารณํ, สพฺพกาลํ ปรปฎิพทฺธวุตฺติตาติ เอวมาทีหิ อาทีนเวหิ อิตฺถิภาโว ทุโกฺขติ, ปุริสทมฺมสารถินา ภควตา กถิโตฯ สปตฺติกมฺปิ ทุกฺขนฺติ สปตฺตวาโส สปตฺติยา สทฺธิํ สํวาโสปิ ทุโกฺข, อยมฺปิ อิตฺถิภาเว อาทีนโวติ อธิปฺปาโยฯ อเปฺปกจฺจา สกิํ วิชาตาโยติ เอกจฺจา อิตฺถิโย เอกวารเมว วิชาตา, ปฐมคเพฺภ วิชายนทุกฺขํ อสหนฺติโยฯ คลเก อปิ กนฺตนฺตีติ อตฺตโน คีวมฺปิ ฉินฺทนฺติฯ สุขุมาลินิโย วิสานิ ขาทนฺตีติ สุขุมาลสรีรา อตฺตโน สุขุมาลภาเวน เขทํ อวิสหนฺติโย วิสานิปิ ขาทนฺติฯ ชนมารกมชฺฌคตาติ ชนมารโก วุจฺจติ มูฬฺหคโพฺภฯ มาตุคามชนสฺส มารโก, มชฺฌคตา ชนมารกา กุจฺฉิคตา, มูฬฺหคพฺภาติ อโตฺถฯ อุโภปิ พฺยสนานิ อนุโภนฺตีติ คโพฺภ คพฺภินี จาติ เทฺวปิ ชนา มรณญฺจ มารณนฺติกพฺยสนานิ จ ปาปุณนฺติฯ อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘ชนมารกา นาม กิเลสา, เตสํ มชฺฌคตา กิเลสสนฺตานปติตา อุโภปิ ชายาปติกา อิธ กิเลสปริฬาหวเสน, อายติํ ทุคฺคติปริกฺกิเลสวเสน พฺยสนานิ ปาปุณนฺตี’’ติฯ อิมา กิร เทฺว คาถา สา ยกฺขินี ปุริมตฺตภาเว อตฺตโน อนุภูตทุกฺขํ อนุสฺสริตฺวา อาหฯ เถรี ปน อิตฺถิภาเว อาทีนววิภาวนาย ปจฺจนุภาสนฺตี อโวจฯ

    ‘‘Dukkhoitthibhāvo’’tiādikā dve gāthā aññatarāya yakkhiniyā itthibhāvaṃ garahantiyā bhāsitā. Tattha dukkho itthibhāvo akkhātoti capalatā, gabbhadhāraṇaṃ, sabbakālaṃ parapaṭibaddhavuttitāti evamādīhi ādīnavehi itthibhāvo dukkhoti, purisadammasārathinā bhagavatā kathito. Sapattikampi dukkhanti sapattavāso sapattiyā saddhiṃ saṃvāsopi dukkho, ayampi itthibhāve ādīnavoti adhippāyo. Appekaccā sakiṃ vijātāyoti ekaccā itthiyo ekavārameva vijātā, paṭhamagabbhe vijāyanadukkhaṃ asahantiyo. Galake api kantantīti attano gīvampi chindanti. Sukhumāliniyo visāni khādantīti sukhumālasarīrā attano sukhumālabhāvena khedaṃ avisahantiyo visānipi khādanti. Janamārakamajjhagatāti janamārako vuccati mūḷhagabbho. Mātugāmajanassa mārako, majjhagatā janamārakā kucchigatā, mūḷhagabbhāti attho. Ubhopi byasanāni anubhontīti gabbho gabbhinī cāti dvepi janā maraṇañca māraṇantikabyasanāni ca pāpuṇanti. Apare pana bhaṇanti ‘‘janamārakā nāma kilesā, tesaṃ majjhagatā kilesasantānapatitā ubhopi jāyāpatikā idha kilesapariḷāhavasena, āyatiṃ duggatiparikkilesavasena byasanāni pāpuṇantī’’ti. Imā kira dve gāthā sā yakkhinī purimattabhāve attano anubhūtadukkhaṃ anussaritvā āha. Therī pana itthibhāve ādīnavavibhāvanāya paccanubhāsantī avoca.

    ‘‘อุปวิชญฺญา คจฺฉนฺตี’’ติอาทิกา เทฺว คาถา ปฎาจาราย เถริยา ปวตฺติํ อารพฺภ ภาสิตาฯ ตตฺถ อุปวิชญฺญา คจฺฉนฺตีติ อุปคตวิชายนกาลา มคฺคํ คจฺฉนฺตี, อปตฺตาว สกํ เคหํ ปเนฺถ วิชายิตฺวาน ปติํ มตํ อทฺทสํ อหนฺติ โยชนาฯ

    ‘‘Upavijaññā gacchantī’’tiādikā dve gāthā paṭācārāya theriyā pavattiṃ ārabbha bhāsitā. Tattha upavijaññā gacchantīti upagatavijāyanakālā maggaṃ gacchantī, apattāva sakaṃ gehaṃ panthe vijāyitvāna patiṃ mataṃ addasaṃ ahanti yojanā.

    กปณิกายาติ วรากายฯ อิมา กิร เทฺว คาถา ปฎาจาราย ตทา โสกุมฺมาทปตฺตาย วุตฺตาการสฺส อนุกรณวเสน อิตฺถิภาเว อาทีนววิภาวนตฺถเมว เถริยา วุตฺตาฯ

    Kapaṇikāyāti varākāya. Imā kira dve gāthā paṭācārāya tadā sokummādapattāya vuttākārassa anukaraṇavasena itthibhāve ādīnavavibhāvanatthameva theriyā vuttā.

    อุภยเมฺปตํ อุทาหรณภาเวน อาเนตฺวา อิทานิ อตฺตโน อนุภูตํ ทุกฺขํ วิภาเวนฺตี ‘‘ขีณกุลิเน’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ขีณกุลิเนติ โภคาทีหิ ปาริชุญฺญปตฺตกุลิเกฯ กปเณติ ปรมอวญฺญาตํ ปเตฺตฯ อุภยเญฺจตํ อตฺตโน เอว อามนฺตนวจนํฯ อนุภูตํ เต ทุขํ อปริมาณนฺติ อิมสฺมิํ อตฺตภาเว, อิโต ปุริมตฺตภาเวสุ วา อนปฺปกํ ทุกฺขํ ตยา อนุภวิตํฯ อิทานิ ตํ ทุกฺขํ เอกเทเสน วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘อสฺสู จ เต ปวตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯตสฺสโตฺถ – อิมสฺมิํ อนมตเคฺค สํสาเร ปริพฺภมนฺติยา พหุกานิ ชาติสหสฺสานิ โสกาภิภูตาย อสฺสุ จ ปวตฺตํ, อวิเสสิตํ กตฺวา วุตฺตเญฺจตํ, มหาสมุทฺทสฺส อุทกโตปิ พหุกเมว สิยาฯ

    Ubhayampetaṃ udāharaṇabhāvena ānetvā idāni attano anubhūtaṃ dukkhaṃ vibhāventī ‘‘khīṇakuline’’tiādimāha. Tattha khīṇakulineti bhogādīhi pārijuññapattakulike. Kapaṇeti paramaavaññātaṃ patte. Ubhayañcetaṃ attano eva āmantanavacanaṃ. Anubhūtaṃ te dukhaṃ aparimāṇanti imasmiṃ attabhāve, ito purimattabhāvesu vā anappakaṃ dukkhaṃ tayā anubhavitaṃ. Idāni taṃ dukkhaṃ ekadesena vibhajitvā dassetuṃ ‘‘assū ca te pavatta’’ntiādi vuttaṃ.Tassattho – imasmiṃ anamatagge saṃsāre paribbhamantiyā bahukāni jātisahassāni sokābhibhūtāya assu ca pavattaṃ, avisesitaṃ katvā vuttañcetaṃ, mahāsamuddassa udakatopi bahukameva siyā.

    วสิตา สุสานมเชฺฌติ มนุสฺสมํสขาทิกา สุนขี สิงฺคาลี จ หุตฺวา สุสานมเชฺฌ วุสิตาฯ ขาทิตานิ ปุตฺตมํสานีติ พฺยคฺฆทีปิพิฬาราทิกาเล ปุตฺตมํสานิ ขาทิตานิฯ หตกุลิกาติ วินฎฺฐกุลวํสาฯ สพฺพครหิตาติ สเพฺพหิ ฆรวาสีหิ ครหิตา ครหปฺปตฺตาฯ มตปติกาติ วิธวาฯ อิเม ปน ตโย ปกาเร ปุริมตฺตภาเว อตฺตโน อนุปฺปเตฺต คเหตฺวา วทติฯ เอวํภูตาปิ หุตฺวา อธิจฺจ ลทฺธาย กลฺยาณมิตฺตเสวาย อมตมธิคจฺฉิ,นิพฺพานํ อนุปฺปตฺตาฯ

    Vasitā susānamajjheti manussamaṃsakhādikā sunakhī siṅgālī ca hutvā susānamajjhe vusitā. Khāditāni puttamaṃsānīti byagghadīpibiḷārādikāle puttamaṃsāni khāditāni. Hatakulikāti vinaṭṭhakulavaṃsā. Sabbagarahitāti sabbehi gharavāsīhi garahitā garahappattā. Matapatikāti vidhavā. Ime pana tayo pakāre purimattabhāve attano anuppatte gahetvā vadati. Evaṃbhūtāpi hutvā adhicca laddhāya kalyāṇamittasevāya amatamadhigacchi,nibbānaṃ anuppattā.

    อิทานิ ตเมว อมตาธิคมํ ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ภาวิโต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ภาวิโตติ วิภาวิโต อุปฺปาทิโต วฑฺฒิโต ภาวนาภิสมยวเสน ปฎิวิโทฺธฯ ธมฺมาทาสํ อเวกฺขิํหนฺติ ธมฺมมยํ อาทาสํ อทฺทกฺขิํ อปสฺสิํ อหํฯ

    Idāni tameva amatādhigamaṃ pākaṭaṃ katvā dassetuṃ ‘‘bhāvito’’tiādi vuttaṃ. Tattha bhāvitoti vibhāvito uppādito vaḍḍhito bhāvanābhisamayavasena paṭividdho. Dhammādāsaṃ avekkhiṃhanti dhammamayaṃ ādāsaṃ addakkhiṃ apassiṃ ahaṃ.

    อหมมฺหิ กนฺตสลฺลาติ อริยมเคฺคน สมุจฺฉินฺนคาราทิสลฺลา อหํ อมฺหิฯ โอหิตภาราติ โอโรปิตกามขนฺธกิเลสาภิสงฺขารภาราฯ กตญฺหิ กรณียนฺติ ปริญฺญาทิเภทํ โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ กตํ ปริโยสิตํฯ สุวิมุตฺตจิตฺตา อิมํ ภณีติ สพฺพโส วิมุตฺตจิตฺตา กิสาโคตมี เถรี อิมมตฺถํ ‘‘กลฺยาณมิตฺตตา’’ติอาทินา คาถาพนฺธวเสน อภณีติ อตฺตานํ ปรํ วิย เถรี วทติฯ ตตฺริทํ อิมิสฺสา เถริยา อปทานํ (อป. เถรี ๒.๓.๕๕-๙๔) –

    Ahamamhi kantasallāti ariyamaggena samucchinnagārādisallā ahaṃ amhi. Ohitabhārāti oropitakāmakhandhakilesābhisaṅkhārabhārā. Katañhi karaṇīyanti pariññādibhedaṃ soḷasavidhampi kiccaṃ kataṃ pariyositaṃ. Suvimuttacittā imaṃ bhaṇīti sabbaso vimuttacittā kisāgotamī therī imamatthaṃ ‘‘kalyāṇamittatā’’tiādinā gāthābandhavasena abhaṇīti attānaṃ paraṃ viya therī vadati. Tatridaṃ imissā theriyā apadānaṃ (apa. therī 2.3.55-94) –

    ‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

    ‘‘Padumuttaro nāma jino, sabbadhammāna pāragū;

    อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กเปฺป อุปฺปชฺชิ นายโกฯ

    Ito satasahassamhi, kappe uppajji nāyako.

    ‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, ชาตา อญฺญตเร กุเล;

    ‘‘Tadāhaṃ haṃsavatiyaṃ, jātā aññatare kule;

    อุเปตฺวา ตํ นรวรํ, สรณํ สมุปาคมิํฯ

    Upetvā taṃ naravaraṃ, saraṇaṃ samupāgamiṃ.

    ‘‘ธมฺมญฺจ ตสฺส อโสฺสสิํ, จตุสจฺจูปสญฺหิตํ;

    ‘‘Dhammañca tassa assosiṃ, catusaccūpasañhitaṃ;

    มธุรํ ปรมสฺสาทํ, วฎฺฎสนฺติสุขาวหํฯ

    Madhuraṃ paramassādaṃ, vaṭṭasantisukhāvahaṃ.

    ‘‘ตทา จ ภิกฺขุนิํ วีโร, ลูขจีวรธารินิํ;

    ‘‘Tadā ca bhikkhuniṃ vīro, lūkhacīvaradhāriniṃ;

    ฐเปโนฺต เอตทคฺคมฺหิ, วณฺณยี ปุริสุตฺตโมฯ

    Ṭhapento etadaggamhi, vaṇṇayī purisuttamo.

    ‘‘ชเนตฺวานปฺปกํ ปีติํ, สุตฺวา ภิกฺขุนิยา คุเณ;

    ‘‘Janetvānappakaṃ pītiṃ, sutvā bhikkhuniyā guṇe;

    การํ กตฺวาน พุทฺธสฺส, ยถาสตฺติ ยถาพลํฯ

    Kāraṃ katvāna buddhassa, yathāsatti yathābalaṃ.

    ‘‘นิปจฺจ มุนิวรํ ตํ, ตํ ฐานมภิปตฺถยิํ;

    ‘‘Nipacca munivaraṃ taṃ, taṃ ṭhānamabhipatthayiṃ;

    ตทานุโมทิ สมฺพุโทฺธ, ฐานลาภาย นายโกฯ

    Tadānumodi sambuddho, ṭhānalābhāya nāyako.

    ‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Satasahassito kappe, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาทา, โอรสา ธมฺมนิมฺมิตา;

    ‘‘Tassa dhammesu dāyādā, orasā dhammanimmitā;

    กิสาโคตมี นาเมน, เหสฺสสิ สตฺถุ สาวิกาฯ

    Kisāgotamī nāmena, hessasi satthu sāvikā.

    ‘‘ตํ สุตฺวา มุทิตา หุตฺวา, ยาวชีวํ ตทา ชินํ;

    ‘‘Taṃ sutvā muditā hutvā, yāvajīvaṃ tadā jinaṃ;

    เมตฺตจิตฺตา ปริจริํ, ปจฺจเยหิ วินายกํฯ

    Mettacittā paricariṃ, paccayehi vināyakaṃ.

    ‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.

    ‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กเปฺป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;

    ‘‘Imamhi bhaddake kappe, brahmabandhu mahāyaso;

    กสฺสโป นาม โคเตฺตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโรฯ

    Kassapo nāma gottena, uppajji vadataṃ varo.

    ‘‘อุปฎฺฐาโก มเหสิสฺส, ตทา อาสิ นริสฺสโร;

    ‘‘Upaṭṭhāko mahesissa, tadā āsi narissaro;

    กาสิราชา กิกี นาม, พาราณสิปุรุตฺตเมฯ

    Kāsirājā kikī nāma, bārāṇasipuruttame.

    ‘‘ปญฺจมี ตสฺส ธีตาสิํ, ธมฺมา นาเมน วิสฺสุตา;

    ‘‘Pañcamī tassa dhītāsiṃ, dhammā nāmena vissutā;

    ธมฺมํ สุตฺวา ชินคฺคสฺส, ปพฺพชฺชํ สมโรจยิํฯ

    Dhammaṃ sutvā jinaggassa, pabbajjaṃ samarocayiṃ.

    ‘‘อนุชานิ น โน ตาโต, อคาเรว ตทา มยํ;

    ‘‘Anujāni na no tāto, agāreva tadā mayaṃ;

    วีสวสฺสสหสฺสานิ, วิจริมฺห อตนฺทิตาฯ

    Vīsavassasahassāni, vicarimha atanditā.

    ‘‘โกมาริพฺรหฺมจริยํ, ราชกญฺญา สุเขธิตา;

    ‘‘Komāribrahmacariyaṃ, rājakaññā sukhedhitā;

    พุโทฺธปฎฺฐานนิรตา, มุทิตา สตฺต ธีตโรฯ

    Buddhopaṭṭhānaniratā, muditā satta dhītaro.

    ‘‘สมณี สมณคุตฺตา จ, ภิกฺขุนี ภิกฺขุทายิกา;

    ‘‘Samaṇī samaṇaguttā ca, bhikkhunī bhikkhudāyikā;

    ธมฺมา เจว สุธมฺมา จ, สตฺตมี สงฺฆทายิกาฯ

    Dhammā ceva sudhammā ca, sattamī saṅghadāyikā.

    ‘‘เขมา อุปฺปลวณฺณา จ, ปฎาจารา จ กุณฺฑลา;

    ‘‘Khemā uppalavaṇṇā ca, paṭācārā ca kuṇḍalā;

    อหญฺจ ธมฺมทินฺนา จ, วิสาขา โหติ สตฺตมีฯ

    Ahañca dhammadinnā ca, visākhā hoti sattamī.

    ‘‘เตหิ กเมฺมหิ สุกเตหิ, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tehi kammehi sukatehi, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.

    ‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, ชาตา เสฎฺฐิกุเล อหํ;

    ‘‘Pacchime ca bhave dāni, jātā seṭṭhikule ahaṃ;

    ทุคฺคเต อธเน นเฎฺฐ, คตา จ สธนํ กุลํฯ

    Duggate adhane naṭṭhe, gatā ca sadhanaṃ kulaṃ.

    ‘‘ปติํ ฐเปตฺวา เสสา เม, เทสฺสนฺติ อธนา อิติ;

    ‘‘Patiṃ ṭhapetvā sesā me, dessanti adhanā iti;

    ยทา จ ปสฺสูตา อาสิํ, สเพฺพสํ ทยิตา ตทาฯ

    Yadā ca passūtā āsiṃ, sabbesaṃ dayitā tadā.

    ‘‘ยทา โส ตรุโณ ภโทฺท, โกมลโก สุเขธิโต;

    ‘‘Yadā so taruṇo bhaddo, komalako sukhedhito;

    สปาณมิว กโนฺต เม, ตทา ยมวสํ คโตฯ

    Sapāṇamiva kanto me, tadā yamavasaṃ gato.

    ‘‘โสกฎฺฎาทีนวทนา, อสฺสุเนตฺตา รุทมฺมุขา;

    ‘‘Sokaṭṭādīnavadanā, assunettā rudammukhā;

    มตํ กุณปมาทาย, วิลปนฺตี คมามหํฯ

    Mataṃ kuṇapamādāya, vilapantī gamāmahaṃ.

    ‘‘ตทา เอเกน สนฺทิฎฺฐา, อุเปตฺวาภิสกฺกุตฺตมํ;

    ‘‘Tadā ekena sandiṭṭhā, upetvābhisakkuttamaṃ;

    อโวจํ เทหิ เภสชฺชํ, ปุตฺตสญฺชีวนนฺติ โภฯ

    Avocaṃ dehi bhesajjaṃ, puttasañjīvananti bho.

    ‘‘น วิชฺชเนฺต มตา ยสฺมิํ, เคเห สิทฺธตฺถกํ ตโต;

    ‘‘Na vijjante matā yasmiṃ, gehe siddhatthakaṃ tato;

    อาหราติ ชิโน อาห, วินโยปายโกวิโทฯ

    Āharāti jino āha, vinayopāyakovido.

    ‘‘ตทา คมิตฺวา สาวตฺถิํ, น ลภิํ ตาทิสํ ฆรํ;

    ‘‘Tadā gamitvā sāvatthiṃ, na labhiṃ tādisaṃ gharaṃ;

    กุโต สิทฺธตฺถกํ ตสฺมา, ตโต ลทฺธา สติํ อหํฯ

    Kuto siddhatthakaṃ tasmā, tato laddhā satiṃ ahaṃ.

    ‘‘กุณปํ ฉฑฺฑยิตฺวาน, อุเปสิํ โลกนายกํ;

    ‘‘Kuṇapaṃ chaḍḍayitvāna, upesiṃ lokanāyakaṃ;

    ทูรโตว มมํ ทิสฺวา, อโวจ มธุรสฺสโรฯ

    Dūratova mamaṃ disvā, avoca madhurassaro.

    ‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, อปสฺสํ อุทยพฺพยํ;

    ‘‘Yo ca vassasataṃ jīve, apassaṃ udayabbayaṃ;

    เอกาหํ ชีวิตํ เสโยฺย, ปสฺสโต อุทยพฺพยํฯ

    Ekāhaṃ jīvitaṃ seyyo, passato udayabbayaṃ.

    ‘‘น คามธโมฺม นิคมสฺส ธโมฺม, น จาปิยํ เอกกุลสฺส ธโมฺม;

    ‘‘Na gāmadhammo nigamassa dhammo, na cāpiyaṃ ekakulassa dhammo;

    สพฺพสฺส โลกสฺส สเทวกสฺส, เอเสว ธโมฺม ยทิทํ อนิจฺจตาฯ

    Sabbassa lokassa sadevakassa, eseva dhammo yadidaṃ aniccatā.

    ‘‘สาหํ สุตฺวานิมา คาถา, ธมฺมจกฺขุํ วิโสธยิํ;

    ‘‘Sāhaṃ sutvānimā gāthā, dhammacakkhuṃ visodhayiṃ;

    ตโต วิญฺญาตสทฺธมฺมา, ปพฺพชิํ อนคาริยํฯ

    Tato viññātasaddhammā, pabbajiṃ anagāriyaṃ.

    ‘‘ตถา ปพฺพชิตา สนฺตี, ยุญฺชนฺตี ชินสาสเน;

    ‘‘Tathā pabbajitā santī, yuñjantī jinasāsane;

    น จิเรเนว กาเลน, อรหตฺตมปาปุณิํฯ

    Na cireneva kālena, arahattamapāpuṇiṃ.

    ‘‘อิทฺธีสุ จ วสี โหมิ, ทิพฺพาย โสตธาตุยา;

    ‘‘Iddhīsu ca vasī homi, dibbāya sotadhātuyā;

    ปรจิตฺตานิ ชานามิ, สตฺถุสาสนการิกาฯ

    Paracittāni jānāmi, satthusāsanakārikā.

    ‘‘ปุเพฺพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;

    ‘‘Pubbenivāsaṃ jānāmi, dibbacakkhu visodhitaṃ;

    เขเปตฺวา อาสเว สเพฺพ, วิสุทฺธาสิํ สุนิมฺมลาฯ

    Khepetvā āsave sabbe, visuddhāsiṃ sunimmalā.

    ‘‘ปริจิโณฺณ มยา สตฺถา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ;

    ‘‘Pariciṇṇo mayā satthā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ;

    โอหิโต ครุโก ภาโร, ภวเนตฺติ สมูหตาฯ

    Ohito garuko bhāro, bhavanetti samūhatā.

    ‘‘ยสฺสตฺถาย ปพฺพชิตา, อคารสฺมานคาริยํ;

    ‘‘Yassatthāya pabbajitā, agārasmānagāriyaṃ;

    โส เม อโตฺถ อนุปฺปโตฺต, สพฺพสํโยชนกฺขโยฯ

    So me attho anuppatto, sabbasaṃyojanakkhayo.

    ‘‘อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ, ปฎิภาเน ตเถว จ;

    ‘‘Atthadhammaniruttīsu, paṭibhāne tatheva ca;

    ญาณํ เม วิมลํ สุทฺธํ, พุทฺธเสฎฺฐสฺส วาหสาฯ

    Ñāṇaṃ me vimalaṃ suddhaṃ, buddhaseṭṭhassa vāhasā.

    ‘‘สงฺการกูฎา อาหิตฺวา, สุสานา รถิยาปิ จ;

    ‘‘Saṅkārakūṭā āhitvā, susānā rathiyāpi ca;

    ตโต สงฺฆาฎิกํ กตฺวา, ลูขํ ธาเรมิ จีวรํฯ

    Tato saṅghāṭikaṃ katvā, lūkhaṃ dhāremi cīvaraṃ.

    ‘‘ชิโน ตสฺมิํ คุเณ ตุโฎฺฐ, ลูขจีวรธารเณ;

    ‘‘Jino tasmiṃ guṇe tuṭṭho, lūkhacīvaradhāraṇe;

    ฐเปสิ เอตทคฺคมฺหิ, ปริสาสุ วินายโกฯ

    Ṭhapesi etadaggamhi, parisāsu vināyako.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    กิสาโคตมีเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kisāgotamītherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    เอกาทสนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ekādasanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๑. กิสาโคตมีเถรีคาถา • 1. Kisāgotamītherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact