Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๑๐. กีฎาคิริสุตฺตํ

    10. Kīṭāgirisuttaṃ

    ๑๗๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กาสีสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อหํ โข, ภิกฺขเว, อญฺญเตฺรว รตฺติโภชนา 1 ภุญฺชามิฯ อญฺญตฺร โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, รตฺติโภชนา ภุญฺชมาโน อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานามิ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฎฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจฯ เอถ, ตุเมฺหปิ, ภิกฺขเว, อญฺญเตฺรว รตฺติโภชนา ภุญฺชถฯ อญฺญตฺร โข ปน, ภิกฺขเว, ตุเมฺหปิ รตฺติโภชนา ภุญฺชมานา อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานิสฺสถ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฎฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ อถ โข ภควา กาสีสุ อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน กีฎาคิริ นาม กาสีนํ นิคโม ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา กีฎาคิริสฺมิํ วิหรติ กาสีนํ นิคเมฯ

    174. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kāsīsu cārikaṃ carati mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘ahaṃ kho, bhikkhave, aññatreva rattibhojanā 2 bhuñjāmi. Aññatra kho panāhaṃ, bhikkhave, rattibhojanā bhuñjamāno appābādhatañca sañjānāmi appātaṅkatañca lahuṭṭhānañca balañca phāsuvihārañca. Etha, tumhepi, bhikkhave, aññatreva rattibhojanā bhuñjatha. Aññatra kho pana, bhikkhave, tumhepi rattibhojanā bhuñjamānā appābādhatañca sañjānissatha appātaṅkatañca lahuṭṭhānañca balañca phāsuvihārañcā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Atha kho bhagavā kāsīsu anupubbena cārikaṃ caramāno yena kīṭāgiri nāma kāsīnaṃ nigamo tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā kīṭāgirismiṃ viharati kāsīnaṃ nigame.

    ๑๗๕. เตน โข ปน สมเยน อสฺสชิปุนพฺพสุกา นาม ภิกฺขู กีฎาคิริสฺมิํ อาวาสิกา โหนฺติฯ อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อสฺสชิปุนพฺพสุเก ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘ภควา โข, อาวุโส, อญฺญเตฺรว รตฺติโภชนา ภุญฺชติ ภิกฺขุสโงฺฆ จฯ อญฺญตฺร โข ปนาวุโส, รตฺติโภชนา ภุญฺชมานา อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานนฺติ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฎฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจฯ เอถ, ตุเมฺหปิ, อาวุโส, อญฺญเตฺรว รตฺติโภชนา ภุญฺชถฯ อญฺญตฺร โข ปนาวุโส, ตุเมฺหปิ รตฺติโภชนา ภุญฺชมานา อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานิสฺสถ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฎฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจา’’ติ ฯ เอวํ วุเตฺต, อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู เต ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘มยํ โข, อาวุโส, สายเญฺจว ภุญฺชาม ปาโต จ ทิวา จ วิกาเลฯ เต มยํ สายเญฺจว ภุญฺชมานา ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานาม อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฎฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจฯ เต มยํ กิํ สนฺทิฎฺฐิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวิสฺสาม? สายเญฺจว มยํ ภุญฺชิสฺสาม ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล’’ติฯ

    175. Tena kho pana samayena assajipunabbasukā nāma bhikkhū kīṭāgirismiṃ āvāsikā honti. Atha kho sambahulā bhikkhū yena assajipunabbasukā bhikkhū tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā assajipunabbasuke bhikkhū etadavocuṃ – ‘‘bhagavā kho, āvuso, aññatreva rattibhojanā bhuñjati bhikkhusaṅgho ca. Aññatra kho panāvuso, rattibhojanā bhuñjamānā appābādhatañca sañjānanti appātaṅkatañca lahuṭṭhānañca balañca phāsuvihārañca. Etha, tumhepi, āvuso, aññatreva rattibhojanā bhuñjatha. Aññatra kho panāvuso, tumhepi rattibhojanā bhuñjamānā appābādhatañca sañjānissatha appātaṅkatañca lahuṭṭhānañca balañca phāsuvihārañcā’’ti . Evaṃ vutte, assajipunabbasukā bhikkhū te bhikkhū etadavocuṃ – ‘‘mayaṃ kho, āvuso, sāyañceva bhuñjāma pāto ca divā ca vikāle. Te mayaṃ sāyañceva bhuñjamānā pāto ca divā ca vikāle appābādhatañca sañjānāma appātaṅkatañca lahuṭṭhānañca balañca phāsuvihārañca. Te mayaṃ kiṃ sandiṭṭhikaṃ hitvā kālikaṃ anudhāvissāma? Sāyañceva mayaṃ bhuñjissāma pāto ca divā ca vikāle’’ti.

    ยโต โข เต ภิกฺขู นาสกฺขิํสุ อสฺสชิปุนพฺพสุเก ภิกฺขู สญฺญาเปตุํ, อถ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ มยํ, ภเนฺต, เยน อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา อสฺสชิปุนพฺพสุเก ภิกฺขู เอตทโวจุมฺห – ‘ภควา โข, อาวุโส, อญฺญเตฺรว รตฺติโภชนา ภุญฺชติ ภิกฺขุสโงฺฆ จ; อญฺญตฺร โข ปนาวุโส, รตฺติโภชนา ภุญฺชมานา อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานนฺติ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฎฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจฯ เอถ, ตุเมฺหปิ, อาวุโส , อญฺญเตฺรว รตฺติโภชนา ภุญฺชถฯ อญฺญตฺร โข ปนาวุโส, ตุเมฺหปิ รตฺติโภชนา ภุญฺชมานา อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานิสฺสถ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฎฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจา’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ภเนฺต, อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู อเมฺห เอตทโวจุํ – ‘มยํ โข, อาวุโส, สายเญฺจว ภุญฺชาม ปาโต จ ทิวา จ วิกาเลฯ เต มยํ สายเญฺจว ภุญฺชมานา ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานาม อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฎฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจฯ เต มยํ กิํ สนฺทิฎฺฐิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวิสฺสาม? สายเญฺจว มยํ ภุญฺชิสฺสาม ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล’ติฯ ยโต โข มยํ, ภเนฺต, นาสกฺขิมฺห อสฺสชิปุนพฺพสุเก ภิกฺขู สญฺญาเปตุํ, อถ มยํ เอตมตฺถํ ภควโต อาโรเจมา’’ติฯ

    Yato kho te bhikkhū nāsakkhiṃsu assajipunabbasuke bhikkhū saññāpetuṃ, atha yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘idha mayaṃ, bhante, yena assajipunabbasukā bhikkhū tenupasaṅkamimha; upasaṅkamitvā assajipunabbasuke bhikkhū etadavocumha – ‘bhagavā kho, āvuso, aññatreva rattibhojanā bhuñjati bhikkhusaṅgho ca; aññatra kho panāvuso, rattibhojanā bhuñjamānā appābādhatañca sañjānanti appātaṅkatañca lahuṭṭhānañca balañca phāsuvihārañca. Etha, tumhepi, āvuso , aññatreva rattibhojanā bhuñjatha. Aññatra kho panāvuso, tumhepi rattibhojanā bhuñjamānā appābādhatañca sañjānissatha appātaṅkatañca lahuṭṭhānañca balañca phāsuvihārañcā’ti. Evaṃ vutte, bhante, assajipunabbasukā bhikkhū amhe etadavocuṃ – ‘mayaṃ kho, āvuso, sāyañceva bhuñjāma pāto ca divā ca vikāle. Te mayaṃ sāyañceva bhuñjamānā pāto ca divā ca vikāle appābādhatañca sañjānāma appātaṅkatañca lahuṭṭhānañca balañca phāsuvihārañca. Te mayaṃ kiṃ sandiṭṭhikaṃ hitvā kālikaṃ anudhāvissāma? Sāyañceva mayaṃ bhuñjissāma pāto ca divā ca vikāle’ti. Yato kho mayaṃ, bhante, nāsakkhimha assajipunabbasuke bhikkhū saññāpetuṃ, atha mayaṃ etamatthaṃ bhagavato ārocemā’’ti.

    ๑๗๖. อถ โข ภควา อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน อสฺสชิปุนพฺพสุเก ภิกฺขู อามเนฺตหิ – ‘สตฺถา อายสฺมเนฺต อามเนฺตตี’’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา เยน อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อสฺสชิปุนพฺพสุเก ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา อายสฺมเนฺต อามเนฺตตี’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู ตสฺส ภิกฺขุโน ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิเนฺน โข อสฺสชิปุนพฺพสุเก ภิกฺขู ภควา เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, สมฺพหุลา ภิกฺขู ตุเมฺห อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘ภควา โข, อาวุโส, อญฺญเตฺรว รตฺติโภชนา ภุญฺชติ ภิกฺขุสโงฺฆ จฯ อญฺญตฺร โข ปนาวุโส, รตฺติโภชนา ภุญฺชมานา อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานนฺติ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฎฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจฯ เอถ, ตุเมฺหปิ, อาวุโส, อญฺญเตฺรว รตฺติโภชนา ภุญฺชถฯ อญฺญตฺร โข ปนาวุโส, ตุเมฺหปิ รตฺติโภชนา ภุญฺชมานา อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานิสฺสถ อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฎฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจา’ติฯ เอวํ วุเตฺต กิร 3, ภิกฺขเว, ตุเมฺห เต ภิกฺขู เอวํ อวจุตฺถ – ‘มยํ โข ปนาวุโส, สายเญฺจว ภุญฺชาม ปาโต จ ทิวา จ วิกาเลฯ เต มยํ สายเญฺจว ภุญฺชมานา ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานาม อปฺปาตงฺกตญฺจ ลหุฎฺฐานญฺจ พลญฺจ ผาสุวิหารญฺจฯ เต มยํ กิํ สนฺทิฎฺฐิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวิสฺสาม? สายเญฺจว มยํ ภุญฺชิสฺสาม ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล’’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ

    176. Atha kho bhagavā aññataraṃ bhikkhuṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, bhikkhu, mama vacanena assajipunabbasuke bhikkhū āmantehi – ‘satthā āyasmante āmantetī’’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho so bhikkhu bhagavato paṭissutvā yena assajipunabbasukā bhikkhū tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā assajipunabbasuke bhikkhū etadavoca – ‘‘satthā āyasmante āmantetī’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho assajipunabbasukā bhikkhū tassa bhikkhuno paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinne kho assajipunabbasuke bhikkhū bhagavā etadavoca – ‘‘saccaṃ kira, bhikkhave, sambahulā bhikkhū tumhe upasaṅkamitvā etadavocuṃ – ‘bhagavā kho, āvuso, aññatreva rattibhojanā bhuñjati bhikkhusaṅgho ca. Aññatra kho panāvuso, rattibhojanā bhuñjamānā appābādhatañca sañjānanti appātaṅkatañca lahuṭṭhānañca balañca phāsuvihārañca. Etha, tumhepi, āvuso, aññatreva rattibhojanā bhuñjatha. Aññatra kho panāvuso, tumhepi rattibhojanā bhuñjamānā appābādhatañca sañjānissatha appātaṅkatañca lahuṭṭhānañca balañca phāsuvihārañcā’ti. Evaṃ vutte kira 4, bhikkhave, tumhe te bhikkhū evaṃ avacuttha – ‘mayaṃ kho panāvuso, sāyañceva bhuñjāma pāto ca divā ca vikāle. Te mayaṃ sāyañceva bhuñjamānā pāto ca divā ca vikāle appābādhatañca sañjānāma appātaṅkatañca lahuṭṭhānañca balañca phāsuvihārañca. Te mayaṃ kiṃ sandiṭṭhikaṃ hitvā kālikaṃ anudhāvissāma? Sāyañceva mayaṃ bhuñjissāma pāto ca divā ca vikāle’’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’.

    ๑๗๗. ‘‘กิํ นุ เม ตุเมฺห, ภิกฺขเว, เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาถ ยํ กิญฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตสฺส อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘นนุ เม ตุเมฺห, ภิกฺขเว, เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาถ อิเธกจฺจสฺส ยํ เอวรูปํ สุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อิธ ปเนกจฺจสฺส เอวรูปํ สุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ , กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อิธ ปเนกจฺจสฺส เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อิธ ปเนกจฺจสฺส เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ

    177. ‘‘Kiṃ nu me tumhe, bhikkhave, evaṃ dhammaṃ desitaṃ ājānātha yaṃ kiñcāyaṃ purisapuggalo paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā tassa akusalā dhammā parihāyanti kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Nanu me tumhe, bhikkhave, evaṃ dhammaṃ desitaṃ ājānātha idhekaccassa yaṃ evarūpaṃ sukhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti kusalā dhammā parihāyanti, idha panekaccassa evarūpaṃ sukhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā parihāyanti , kusalā dhammā abhivaḍḍhanti, idhekaccassa evarūpaṃ dukkhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti kusalā dhammā parihāyanti, idha panekaccassa evarūpaṃ dukkhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā parihāyanti kusalā dhammā abhivaḍḍhanti, idhekaccassa evarūpaṃ adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti kusalā dhammā parihāyanti, idha panekaccassa evarūpaṃ adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā parihāyanti kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’.

    ๑๗๘. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยา เจตํ, ภิกฺขเว, อญฺญาตํ อภวิสฺส อทิฎฺฐํ อวิทิตํ อสจฺฉิกตํ อผสฺสิตํ ปญฺญาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ สุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวาหํ อชานโนฺต ‘เอวรูปํ สุขํ เวทนํ ปชหถา’ติ วเทยฺยํ; อปิ นุ เม เอตํ, ภิกฺขเว, ปติรูปํ อภวิสฺสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยสฺมา จ โข เอตํ, ภิกฺขเว, มยา ญาตํ ทิฎฺฐํ วิทิตํ สจฺฉิกตํ ผสฺสิตํ ปญฺญาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ สุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, ตสฺมาหํ ‘เอวรูปํ สุขํ เวทนํ ปชหถา’ติ วทามิฯ มยา เจตํ, ภิกฺขเว, อญฺญาตํ อภวิสฺส อทิฎฺฐํ อวิทิตํ อสจฺฉิกตํ อผสฺสิตํ ปญฺญาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ สุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวาหํ อชานโนฺต ‘เอวรูปํ สุขํ เวทนํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติ วเทยฺยํ; อปิ นุ เม เอตํ, ภิกฺขเว, ปติรูปํ อภวิสฺสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยสฺมา จ โข เอตํ, ภิกฺขเว, มยา ญาตํ ทิฎฺฐํ วิทิตํ สจฺฉิกตํ ผสฺสิตํ ปญฺญาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ สุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, ตสฺมาหํ ‘เอวรูปํ สุขํ เวทนํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติ วทามิฯ

    178. ‘‘Sādhu, bhikkhave! Mayā cetaṃ, bhikkhave, aññātaṃ abhavissa adiṭṭhaṃ aviditaṃ asacchikataṃ aphassitaṃ paññāya – ‘idhekaccassa evarūpaṃ sukhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti kusalā dhammā parihāyantī’ti, evāhaṃ ajānanto ‘evarūpaṃ sukhaṃ vedanaṃ pajahathā’ti vadeyyaṃ; api nu me etaṃ, bhikkhave, patirūpaṃ abhavissā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Yasmā ca kho etaṃ, bhikkhave, mayā ñātaṃ diṭṭhaṃ viditaṃ sacchikataṃ phassitaṃ paññāya – ‘idhekaccassa evarūpaṃ sukhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti kusalā dhammā parihāyantī’ti, tasmāhaṃ ‘evarūpaṃ sukhaṃ vedanaṃ pajahathā’ti vadāmi. Mayā cetaṃ, bhikkhave, aññātaṃ abhavissa adiṭṭhaṃ aviditaṃ asacchikataṃ aphassitaṃ paññāya – ‘idhekaccassa evarūpaṃ sukhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā parihāyanti kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evāhaṃ ajānanto ‘evarūpaṃ sukhaṃ vedanaṃ upasampajja viharathā’ti vadeyyaṃ; api nu me etaṃ, bhikkhave, patirūpaṃ abhavissā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Yasmā ca kho etaṃ, bhikkhave, mayā ñātaṃ diṭṭhaṃ viditaṃ sacchikataṃ phassitaṃ paññāya – ‘idhekaccassa evarūpaṃ sukhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, tasmāhaṃ ‘evarūpaṃ sukhaṃ vedanaṃ upasampajja viharathā’ti vadāmi.

    ๑๗๙. ‘‘มยา เจตํ, ภิกฺขเว, อญฺญาตํ อภวิสฺส อทิฎฺฐํ อวิทิตํ อสจฺฉิกตํ อผสฺสิตํ ปญฺญาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวาหํ อชานโนฺต ‘เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ ปชหถา’ติ วเทยฺยํ; อปิ นุ เม เอตํ, ภิกฺขเว, ปติรูปํ อภวิสฺสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยสฺมา จ โข เอตํ, ภิกฺขเว, มยา ญาตํ ทิฎฺฐํ วิทิตํ สจฺฉิกตํ ผสฺสิตํ ปญฺญาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, ตสฺมาหํ ‘เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ ปชหถา’ติ วทามิฯ มยา เจตํ, ภิกฺขเว, อญฺญาตํ อภวิสฺส อทิฎฺฐํ อวิทิตํ อสจฺฉิกตํ อผสฺสิตํ ปญฺญาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวาหํ อชานโนฺต ‘เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติ วเทยฺยํ; อปิ นุ เม เอตํ, ภิกฺขเว, ปติรูปํ อภวิสฺสา’’ติ ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยสฺมา จ โข เอตํ, ภิกฺขเว, มยา ญาตํ ทิฎฺฐํ วิทิตํ สจฺฉิกตํ ผสฺสิตํ ปญฺญาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, ตสฺมาหํ ‘เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติ วทามิฯ

    179. ‘‘Mayā cetaṃ, bhikkhave, aññātaṃ abhavissa adiṭṭhaṃ aviditaṃ asacchikataṃ aphassitaṃ paññāya – ‘idhekaccassa evarūpaṃ dukkhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti kusalā dhammā parihāyantī’ti, evāhaṃ ajānanto ‘evarūpaṃ dukkhaṃ vedanaṃ pajahathā’ti vadeyyaṃ; api nu me etaṃ, bhikkhave, patirūpaṃ abhavissā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Yasmā ca kho etaṃ, bhikkhave, mayā ñātaṃ diṭṭhaṃ viditaṃ sacchikataṃ phassitaṃ paññāya – ‘idhekaccassa evarūpaṃ dukkhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti kusalā dhammā parihāyantī’ti, tasmāhaṃ ‘evarūpaṃ dukkhaṃ vedanaṃ pajahathā’ti vadāmi. Mayā cetaṃ, bhikkhave, aññātaṃ abhavissa adiṭṭhaṃ aviditaṃ asacchikataṃ aphassitaṃ paññāya – ‘idhekaccassa evarūpaṃ dukkhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā parihāyanti kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evāhaṃ ajānanto ‘evarūpaṃ dukkhaṃ vedanaṃ upasampajja viharathā’ti vadeyyaṃ; api nu me etaṃ, bhikkhave, patirūpaṃ abhavissā’’ti ? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Yasmā ca kho etaṃ, bhikkhave, mayā ñātaṃ diṭṭhaṃ viditaṃ sacchikataṃ phassitaṃ paññāya – ‘idhekaccassa evarūpaṃ dukkhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā parihāyanti kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, tasmāhaṃ ‘evarūpaṃ dukkhaṃ vedanaṃ upasampajja viharathā’ti vadāmi.

    ๑๘๐. ‘‘มยา เจตํ, ภิกฺขเว, อญฺญาตํ อภวิสฺส อทิฎฺฐํ อวิทิตํ อสจฺฉิกตํ อผสฺสิตํ ปญฺญาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวาหํ อชานโนฺต ‘เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ ปชหถา’ติ วเทยฺยํ; อปิ นุ เม เอตํ, ภิกฺขเว, ปติรูปํ อภวิสฺสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยสฺมา จ โข เอตํ, ภิกฺขเว, มยา ญาตํ ทิฎฺฐํ วิทิตํ สจฺฉิกตํ ผสฺสิตํ ปญฺญาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, ตสฺมาหํ ‘เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ ปชหถา’ติ วทามิ’’ฯ มยา เจตํ, ภิกฺขเว, อญฺญาตํ อภวิสฺส อทิฎฺฐํ อวิทิตํ อสจฺฉิกตํ อผสฺสิตํ ปญฺญาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวาหํ อชานโนฺต ‘เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติ วเทยฺยํ; อปิ นุ เม เอตํ, ภิกฺขเว, ปติรูปํ อภวิสฺสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยสฺมา จ โข เอตํ, ภิกฺขเว, มยา ญาตํ ทิฎฺฐํ วิทิตํ สจฺฉิกตํ ผสฺสิตํ ปญฺญาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, ตสฺมาหํ ‘เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติ วทามิฯ

    180. ‘‘Mayā cetaṃ, bhikkhave, aññātaṃ abhavissa adiṭṭhaṃ aviditaṃ asacchikataṃ aphassitaṃ paññāya – ‘idhekaccassa evarūpaṃ adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti kusalā dhammā parihāyantī’ti, evāhaṃ ajānanto ‘evarūpaṃ adukkhamasukhaṃ vedanaṃ pajahathā’ti vadeyyaṃ; api nu me etaṃ, bhikkhave, patirūpaṃ abhavissā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Yasmā ca kho etaṃ, bhikkhave, mayā ñātaṃ diṭṭhaṃ viditaṃ sacchikataṃ phassitaṃ paññāya – ‘idhekaccassa evarūpaṃ adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti kusalā dhammā parihāyantī’ti, tasmāhaṃ ‘evarūpaṃ adukkhamasukhaṃ vedanaṃ pajahathā’ti vadāmi’’. Mayā cetaṃ, bhikkhave, aññātaṃ abhavissa adiṭṭhaṃ aviditaṃ asacchikataṃ aphassitaṃ paññāya – ‘idhekaccassa evarūpaṃ adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā parihāyanti kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evāhaṃ ajānanto ‘evarūpaṃ adukkhamasukhaṃ vedanaṃ upasampajja viharathā’ti vadeyyaṃ; api nu me etaṃ, bhikkhave, patirūpaṃ abhavissā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Yasmā ca kho etaṃ, bhikkhave, mayā ñātaṃ diṭṭhaṃ viditaṃ sacchikataṃ phassitaṃ paññāya – ‘idhekaccassa evarūpaṃ adukkhamasukhaṃ vedanaṃ vedayato akusalā dhammā parihāyanti kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, tasmāhaṃ ‘evarūpaṃ adukkhamasukhaṃ vedanaṃ upasampajja viharathā’ti vadāmi.

    ๑๘๑. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, สเพฺพสํเยว ภิกฺขูนํ ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ; น ปนาหํ, ภิกฺขเว, สเพฺพสํเยว ภิกฺขูนํ ‘น อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิฯ เย เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อรหโนฺต ขีณาสวา วุสิตวโนฺต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสํโยชนา สมฺมทญฺญา วิมุตฺตา, ตถารูปานาหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ‘น อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? กตํ เตสํ อปฺปมาเทนฯ อภพฺพา เต ปมชฺชิตุํฯ เย จ โข เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู เสกฺขา อปฺปตฺตมานสา อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ ปตฺถยมานา วิหรนฺติ, ตถารูปานาหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺตฺนฺตฺติ วทามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อเปฺปว นามิเม อายสฺมโนฺต อนุโลมิกานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวมานา กลฺยาณมิเตฺต ภชมานา อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมานา – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยุนฺติ! อิมํ โข อหํ, ภิกฺขเว, อิเมสํ ภิกฺขูนํ อปฺปมาทผลํ สมฺปสฺสมาโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺตฺนฺตฺติ วทามิฯ

    181. ‘‘Nāhaṃ, bhikkhave, sabbesaṃyeva bhikkhūnaṃ ‘appamādena karaṇīya’nti vadāmi; na panāhaṃ, bhikkhave, sabbesaṃyeva bhikkhūnaṃ ‘na appamādena karaṇīya’nti vadāmi. Ye te, bhikkhave, bhikkhū arahanto khīṇāsavā vusitavanto katakaraṇīyā ohitabhārā anuppattasadatthā parikkhīṇabhavasaṃyojanā sammadaññā vimuttā, tathārūpānāhaṃ, bhikkhave, bhikkhūnaṃ ‘na appamādena karaṇīya’nti vadāmi. Taṃ kissa hetu? Kataṃ tesaṃ appamādena. Abhabbā te pamajjituṃ. Ye ca kho te, bhikkhave, bhikkhū sekkhā appattamānasā anuttaraṃ yogakkhemaṃ patthayamānā viharanti, tathārūpānāhaṃ, bhikkhave, bhikkhūnaṃ ‘appamādena karaṇīya’ntntti vadāmi. Taṃ kissa hetu? Appeva nāmime āyasmanto anulomikāni senāsanāni paṭisevamānā kalyāṇamitte bhajamānā indriyāni samannānayamānā – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihareyyunti! Imaṃ kho ahaṃ, bhikkhave, imesaṃ bhikkhūnaṃ appamādaphalaṃ sampassamāno ‘appamādena karaṇīya’ntntti vadāmi.

    ๑๘๒. ‘‘สตฺติเม , ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิํฯ กตเม สตฺต? อุภโตภาควิมุโตฺต, ปญฺญาวิมุโตฺต, กายสกฺขิ, ทิฎฺฐิปฺปโตฺต, สทฺธาวิมุโตฺต, ธมฺมานุสารี, สทฺธานุสารีฯ

    182. ‘‘Sattime , bhikkhave, puggalā santo saṃvijjamānā lokasmiṃ. Katame satta? Ubhatobhāgavimutto, paññāvimutto, kāyasakkhi, diṭṭhippatto, saddhāvimutto, dhammānusārī, saddhānusārī.

    ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุโตฺต? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา เต กาเยน ผุสิตฺวา 5 วิหรติ ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุโตฺต อิมสฺส โข อหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘น อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? กตํ ตสฺส อปฺปมาเทนฯ อภโพฺพ โส ปมชฺชิตุํฯ

    ‘‘Katamo ca, bhikkhave, puggalo ubhatobhāgavimutto? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo ye te santā vimokkhā atikkamma rūpe āruppā te kāyena phusitvā 6 viharati paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā honti. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, puggalo ubhatobhāgavimutto imassa kho ahaṃ, bhikkhave, bhikkhuno ‘na appamādena karaṇīya’nti vadāmi. Taṃ kissa hetu? Kataṃ tassa appamādena. Abhabbo so pamajjituṃ.

    ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปญฺญาวิมุโตฺต? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา เต น กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปญฺญาวิมุโตฺตฯ อิมสฺสปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘น อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? กตํ ตสฺส อปฺปมาเทนฯ อภโพฺพ โส ปมชฺชิตุํฯ

    ‘‘Katamo ca, bhikkhave, puggalo paññāvimutto? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo ye te santā vimokkhā atikkamma rūpe āruppā te na kāyena phusitvā viharati, paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā honti. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, puggalo paññāvimutto. Imassapi kho ahaṃ, bhikkhave, bhikkhuno ‘na appamādena karaṇīya’nti vadāmi. Taṃ kissa hetu? Kataṃ tassa appamādena. Abhabbo so pamajjituṃ.

    ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล กายสกฺขิ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา เต กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา เอกเจฺจ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล กายสกฺขิฯ อิมสฺส โข อหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อเปฺปว นาม อยมายสฺมา อนุโลมิกานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวมาโน กลฺยาณมิเตฺต ภชมาโน อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาติ! อิมํ โข อหํ, ภิกฺขเว, อิมสฺส ภิกฺขุโน อปฺปมาทผลํ สมฺปสฺสมาโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺตฺนฺตฺติ วทามิฯ

    ‘‘Katamo ca, bhikkhave, puggalo kāyasakkhi? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo ye te santā vimokkhā atikkamma rūpe āruppā te kāyena phusitvā viharati, paññāya cassa disvā ekacce āsavā parikkhīṇā honti. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, puggalo kāyasakkhi. Imassa kho ahaṃ, bhikkhave, bhikkhuno ‘appamādena karaṇīya’nti vadāmi. Taṃ kissa hetu? Appeva nāma ayamāyasmā anulomikāni senāsanāni paṭisevamāno kalyāṇamitte bhajamāno indriyāni samannānayamāno – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihareyyāti! Imaṃ kho ahaṃ, bhikkhave, imassa bhikkhuno appamādaphalaṃ sampassamāno ‘appamādena karaṇīya’ntntti vadāmi.

    ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ทิฎฺฐิปฺปโตฺต? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา เต น กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา เอกเจฺจ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ, ตถาคตปฺปเวทิตา จสฺส ธมฺมา ปญฺญาย โวทิฎฺฐา โหนฺติ โวจริตาฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ทิฎฺฐิปฺปโตฺตฯ อิมสฺสปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อเปฺปว นาม อยมายสฺมา อนุโลมิกานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวมาโน กลฺยาณมิเตฺต ภชมาโน อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาติ! อิมํ โข อหํ, ภิกฺขเว, อิมสฺส ภิกฺขุโน อปฺปมาทผลํ สมฺปสฺสมาโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺตฺนฺตฺติ วทามิฯ

    ‘‘Katamo ca, bhikkhave, puggalo diṭṭhippatto? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo ye te santā vimokkhā atikkamma rūpe āruppā te na kāyena phusitvā viharati, paññāya cassa disvā ekacce āsavā parikkhīṇā honti, tathāgatappaveditā cassa dhammā paññāya vodiṭṭhā honti vocaritā. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, puggalo diṭṭhippatto. Imassapi kho ahaṃ, bhikkhave, bhikkhuno ‘appamādena karaṇīya’nti vadāmi. Taṃ kissa hetu? Appeva nāma ayamāyasmā anulomikāni senāsanāni paṭisevamāno kalyāṇamitte bhajamāno indriyāni samannānayamāno – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihareyyāti! Imaṃ kho ahaṃ, bhikkhave, imassa bhikkhuno appamādaphalaṃ sampassamāno ‘appamādena karaṇīya’ntntti vadāmi.

    ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สทฺธาวิมุโตฺตฯ อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา เต น กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา เอกเจฺจ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ, ตถาคเต จสฺส สทฺธา นิวิฎฺฐา โหติ มูลชาตา ปติฎฺฐิตาฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สทฺธาวิมุโตฺตฯ อิมสฺสปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺตฺนฺตฺติ วทามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อเปฺปว นาม อยมายสฺมา อนุโลมิกานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวมาโน กลฺยาณมิเตฺต ภชมาโน อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาติ! อิมํ โข อหํ, ภิกฺขเว, อิมสฺส ภิกฺขุโน อปฺปมาทผลํ สมฺปสฺสมาโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺตฺนฺตฺติ วทามิฯ

    ‘‘Katamo ca, bhikkhave, puggalo saddhāvimutto. Idha, bhikkhave, ekacco puggalo ye te santā vimokkhā atikkamma rūpe āruppā te na kāyena phusitvā viharati, paññāya cassa disvā ekacce āsavā parikkhīṇā honti, tathāgate cassa saddhā niviṭṭhā hoti mūlajātā patiṭṭhitā. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, puggalo saddhāvimutto. Imassapi kho ahaṃ, bhikkhave, bhikkhuno ‘appamādena karaṇīya’ntntti vadāmi. Taṃ kissa hetu? Appeva nāma ayamāyasmā anulomikāni senāsanāni paṭisevamāno kalyāṇamitte bhajamāno indriyāni samannānayamāno – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihareyyāti! Imaṃ kho ahaṃ, bhikkhave, imassa bhikkhuno appamādaphalaṃ sampassamāno ‘appamādena karaṇīya’ntntti vadāmi.

    ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ธมฺมานุสารี? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา เต น กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา เอกเจฺจ อาสวา ปริกฺขีณา 7 โหนฺติ, ตถาคตปฺปเวทิตา จสฺส ธมฺมา ปญฺญาย มตฺตโส นิชฺฌานํ ขมนฺติ, อปิ จสฺส อิเม ธมฺมา โหนฺติ, เสยฺยถิทํ – สทฺธินฺทฺริยํ, วีริยินฺทฺริยํ, สตินฺทฺริยํ, สมาธินฺทฺริยํ, ปญฺญินฺทฺริยํฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ธมฺมานุสารีฯ อิมสฺสปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อเปฺปว นาม อยมายสฺมา อนุโลมิกานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวมาโน กลฺยาณมิเตฺต ภชมาโน อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาติ ! อิมํ โข อหํ, ภิกฺขเว, อิมสฺส ภิกฺขุโน อปฺปมาทผลํ สมฺปสฺสมาโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิฯ

    ‘‘Katamo ca, bhikkhave, puggalo dhammānusārī? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo ye te santā vimokkhā atikkamma rūpe āruppā te na kāyena phusitvā viharati, paññāya cassa disvā ekacce āsavā parikkhīṇā 8 honti, tathāgatappaveditā cassa dhammā paññāya mattaso nijjhānaṃ khamanti, api cassa ime dhammā honti, seyyathidaṃ – saddhindriyaṃ, vīriyindriyaṃ, satindriyaṃ, samādhindriyaṃ, paññindriyaṃ. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, puggalo dhammānusārī. Imassapi kho ahaṃ, bhikkhave, bhikkhuno ‘appamādena karaṇīya’nti vadāmi. Taṃ kissa hetu? Appeva nāma ayamāyasmā anulomikāni senāsanāni paṭisevamāno kalyāṇamitte bhajamāno indriyāni samannānayamāno – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihareyyāti ! Imaṃ kho ahaṃ, bhikkhave, imassa bhikkhuno appamādaphalaṃ sampassamāno ‘appamādena karaṇīya’nti vadāmi.

    ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สทฺธานุสารี? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา เต น กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา เอกเจฺจ อาสวา ปริกฺขีณา 9 โหนฺติ, ตถาคเต จสฺส สทฺธามตฺตํ โหติ เปมมตฺตํ, อปิ จสฺส อิเม ธมฺมา โหนฺติ, เสยฺยถิทํ – สทฺธินฺทฺริยํ, วีริยินฺทฺริยํ, สตินฺทฺริยํ, สมาธินฺทฺริยํ, ปญฺญินฺทฺริยํฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สทฺธานุสารีฯ อิมสฺสปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺตฺนฺตฺติ วทามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อเปฺปว นาม อยมายสฺมา อนุโลมิกานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวมาโน กลฺยาณมิเตฺต ภชมาโน อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาติ! อิมํ โข อหํ, ภิกฺขเว, อิมสฺส ภิกฺขุโน อปฺปมาทผลํ สมฺปสฺสมาโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺตฺนฺตฺติ วทามิฯ

    ‘‘Katamo ca, bhikkhave, puggalo saddhānusārī? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo ye te santā vimokkhā atikkamma rūpe āruppā te na kāyena phusitvā viharati, paññāya cassa disvā ekacce āsavā parikkhīṇā 10 honti, tathāgate cassa saddhāmattaṃ hoti pemamattaṃ, api cassa ime dhammā honti, seyyathidaṃ – saddhindriyaṃ, vīriyindriyaṃ, satindriyaṃ, samādhindriyaṃ, paññindriyaṃ. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, puggalo saddhānusārī. Imassapi kho ahaṃ, bhikkhave, bhikkhuno ‘appamādena karaṇīya’ntntti vadāmi. Taṃ kissa hetu? Appeva nāma ayamāyasmā anulomikāni senāsanāni paṭisevamāno kalyāṇamitte bhajamāno indriyāni samannānayamāno – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihareyyāti! Imaṃ kho ahaṃ, bhikkhave, imassa bhikkhuno appamādaphalaṃ sampassamāno ‘appamādena karaṇīya’ntntti vadāmi.

    ๑๘๓. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อาทิเกเนว อญฺญาราธนํ วทามิ; อปิ จ, ภิกฺขเว, อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฎิปทา อญฺญาราธนา โหติฯ กถญฺจ, ภิกฺขเว, อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฎิปทา อญฺญาราธนา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมโนฺต ปยิรุปาสติ, ปยิรุปาสโนฺต โสตํ โอทหติ, โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, สุตฺวา ธมฺมํ ธาเรติ, ธตานํ 11 ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ, อตฺถํ อุปปริกฺขโต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา สติ ฉโนฺท ชายติ, ฉนฺทชาโต อุสฺสหติ, อุสฺสาเหตฺวา ตุเลติ, ตุลยิตฺวา ปทหติ, ปหิตโตฺต สมาโน กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปญฺญาย จ นํ อติวิชฺฌ ปสฺสติฯ สาปิ นาม, ภิกฺขเว, สทฺธา นาโหสิ; ตมฺปิ นาม, ภิกฺขเว, อุปสงฺกมนํ นาโหสิ; สาปิ นาม, ภิกฺขเว, ปยิรุปาสนา นาโหสิ; ตมฺปิ นาม, ภิกฺขเว, โสตาวธานํ นาโหสิ ; ตมฺปิ นาม, ภิกฺขเว, ธมฺมสฺสวนํ นาโหสิ; สาปิ นาม, ภิกฺขเว, ธมฺมธารณา นาโหสิ; สาปิ นาม, ภิกฺขเว, อตฺถูปปริกฺขา นาโหสิ; สาปิ นาม, ภิกฺขเว, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติ นาโหสิ; โสปิ นาม, ภิกฺขเว, ฉโนฺท นาโหสิ; โสปิ นาม, ภิกฺขเว, อุสฺสาโห นาโหสิ; สาปิ นาม, ภิกฺขเว, ตุลนา นาโหสิ; ตมฺปิ นาม, ภิกฺขเว, ปธานํ นาโหสิฯ วิปฺปฎิปนฺนาตฺถ, ภิกฺขเว, มิจฺฉาปฎิปนฺนาตฺถ, ภิกฺขเวฯ กีว ทูเรวิเม, ภิกฺขเว, โมฆปุริสา อปกฺกนฺตา อิมมฺหา ธมฺมวินยาฯ

    183. ‘‘Nāhaṃ, bhikkhave, ādikeneva aññārādhanaṃ vadāmi; api ca, bhikkhave, anupubbasikkhā anupubbakiriyā anupubbapaṭipadā aññārādhanā hoti. Kathañca, bhikkhave, anupubbasikkhā anupubbakiriyā anupubbapaṭipadā aññārādhanā hoti? Idha, bhikkhave, saddhājāto upasaṅkamati, upasaṅkamanto payirupāsati, payirupāsanto sotaṃ odahati, ohitasoto dhammaṃ suṇāti, sutvā dhammaṃ dhāreti, dhatānaṃ 12 dhammānaṃ atthaṃ upaparikkhati, atthaṃ upaparikkhato dhammā nijjhānaṃ khamanti, dhammanijjhānakkhantiyā sati chando jāyati, chandajāto ussahati, ussāhetvā tuleti, tulayitvā padahati, pahitatto samāno kāyena ceva paramasaccaṃ sacchikaroti, paññāya ca naṃ ativijjha passati. Sāpi nāma, bhikkhave, saddhā nāhosi; tampi nāma, bhikkhave, upasaṅkamanaṃ nāhosi; sāpi nāma, bhikkhave, payirupāsanā nāhosi; tampi nāma, bhikkhave, sotāvadhānaṃ nāhosi ; tampi nāma, bhikkhave, dhammassavanaṃ nāhosi; sāpi nāma, bhikkhave, dhammadhāraṇā nāhosi; sāpi nāma, bhikkhave, atthūpaparikkhā nāhosi; sāpi nāma, bhikkhave, dhammanijjhānakkhanti nāhosi; sopi nāma, bhikkhave, chando nāhosi; sopi nāma, bhikkhave, ussāho nāhosi; sāpi nāma, bhikkhave, tulanā nāhosi; tampi nāma, bhikkhave, padhānaṃ nāhosi. Vippaṭipannāttha, bhikkhave, micchāpaṭipannāttha, bhikkhave. Kīva dūrevime, bhikkhave, moghapurisā apakkantā imamhā dhammavinayā.

    ๑๘๔. ‘‘อตฺถิ , ภิกฺขเว, จตุปฺปทํ เวยฺยากรณํ ยสฺสุทฺทิฎฺฐสฺส วิญฺญู ปุริโส นจิรเสฺสว ปญฺญายตฺถํ อาชาเนยฺยฯ อุทฺทิสิสฺสามิ โว 13, ภิกฺขเว, อาชานิสฺสถ เม ต’’นฺติ? ‘‘เก จ มยํ, ภเนฺต, เก จ ธมฺมสฺส อญฺญาตาโร’’ติ? โยปิ โส, ภิกฺขเว, สตฺถา อามิสครุ อามิสทายาโท อามิเสหิ สํสโฎฺฐ วิหรติ ตสฺส ปายํ เอวรูปี ปโณปณวิยา น อุเปติ – ‘เอวญฺจ โน อสฺส อถ นํ กเรยฺยาม, น จ โน เอวมสฺส น นํ กเรยฺยามา’ติ, กิํ ปน, ภิกฺขเว, ยํ ตถาคโต สพฺพโส อามิเสหิ วิสํสโฎฺฐ วิหรติฯ สทฺธสฺส, ภิกฺขเว, สาวกสฺส สตฺถุสาสเน ปริโยคาหิย 14 วตฺตโต อยมนุธโมฺม โหติ – ‘สตฺถา ภควา, สาวโกหมสฺมิ; ชานาติ ภควา, นาหํ ชานามี’ติฯ สทฺธสฺส, ภิกฺขเว, สาวกสฺส สตฺถุสาสเน ปริโยคาหิย วตฺตโต รุฬฺหนียํ 15 สตฺถุสาสนํ โหติ โอชวนฺตํฯ สทฺธสฺส, ภิกฺขเว, สาวกสฺส สตฺถุสาสเน ปริโยคาหิย วตฺตโต อยมนุธโมฺม โหติ – ‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ อฎฺฐิ จ อวสิสฺสตุ, สรีเร อุปสุสฺสตุ 16 มํสโลหิตํ, ยํ ตํ ปุริสถาเมน ปุริสวีริเยน ปุริสปรกฺกเมน ปตฺตพฺพํ น ตํ อปาปุณิตฺวา วีริยสฺส สณฺฐานํ 17 ภวิสฺสตี’ติฯ สทฺธสฺส, ภิกฺขเว, สาวกสฺส สตฺถุสาสเน ปริโยคาหิย วตฺตโต ทฺวินฺนํ ผลานํ อญฺญตรํ ผลํ ปาฎิกงฺขํ – ทิเฎฺฐว ธเมฺม อญฺญา, สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา’’ติฯ

    184. ‘‘Atthi , bhikkhave, catuppadaṃ veyyākaraṇaṃ yassuddiṭṭhassa viññū puriso nacirasseva paññāyatthaṃ ājāneyya. Uddisissāmi vo 18, bhikkhave, ājānissatha me ta’’nti? ‘‘Ke ca mayaṃ, bhante, ke ca dhammassa aññātāro’’ti? Yopi so, bhikkhave, satthā āmisagaru āmisadāyādo āmisehi saṃsaṭṭho viharati tassa pāyaṃ evarūpī paṇopaṇaviyā na upeti – ‘evañca no assa atha naṃ kareyyāma, na ca no evamassa na naṃ kareyyāmā’ti, kiṃ pana, bhikkhave, yaṃ tathāgato sabbaso āmisehi visaṃsaṭṭho viharati. Saddhassa, bhikkhave, sāvakassa satthusāsane pariyogāhiya 19 vattato ayamanudhammo hoti – ‘satthā bhagavā, sāvakohamasmi; jānāti bhagavā, nāhaṃ jānāmī’ti. Saddhassa, bhikkhave, sāvakassa satthusāsane pariyogāhiya vattato ruḷhanīyaṃ 20 satthusāsanaṃ hoti ojavantaṃ. Saddhassa, bhikkhave, sāvakassa satthusāsane pariyogāhiya vattato ayamanudhammo hoti – ‘kāmaṃ taco ca nhāru ca aṭṭhi ca avasissatu, sarīre upasussatu 21 maṃsalohitaṃ, yaṃ taṃ purisathāmena purisavīriyena purisaparakkamena pattabbaṃ na taṃ apāpuṇitvā vīriyassa saṇṭhānaṃ 22 bhavissatī’ti. Saddhassa, bhikkhave, sāvakassa satthusāsane pariyogāhiya vattato dvinnaṃ phalānaṃ aññataraṃ phalaṃ pāṭikaṅkhaṃ – diṭṭheva dhamme aññā, sati vā upādisese anāgāmitā’’ti.

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

    Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.

    กีฎาคิริสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทสมํฯ

    Kīṭāgirisuttaṃ niṭṭhitaṃ dasamaṃ.

    ภิกฺขุวโคฺค นิฎฺฐิโต ทุติโยฯ

    Bhikkhuvaggo niṭṭhito dutiyo.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    กุญฺชร-ราหุล-สสฺสตโลโก, มาลุกฺยปุโตฺต จ ภทฺทาลิ-นาโม;

    Kuñjara-rāhula-sassataloko, mālukyaputto ca bhaddāli-nāmo;

    ขุทฺท-ทิชาถ-สหมฺปติยาจํ, นาฬก-รญฺญิกิฎาคิรินาโมฯ

    Khudda-dijātha-sahampatiyācaṃ, nāḷaka-raññikiṭāgirināmo.







    Footnotes:
    1. รตฺติโภชนํ (ก.)
    2. rattibhojanaṃ (ka.)
    3. กิํ นุ (ก.)
    4. kiṃ nu (ka.)
    5. ผสฺสิตฺวา (สี. ปี.)
    6. phassitvā (sī. pī.)
    7. ทิสฺวา อาสวา อปริกฺขีณา (สี. ปี.)
    8. disvā āsavā aparikkhīṇā (sī. pī.)
    9. ทิสฺวา อาสวา อปริกฺขีณา (สี. ปี.)
    10. disvā āsavā aparikkhīṇā (sī. pī.)
    11. ธาตานํ (ก.)
    12. dhātānaṃ (ka.)
    13. อุทฺทิฎฺฐสฺสาปิ (ก.)
    14. ปริโยคาย (สี. ปี. ก.), ปริโยคยฺห (สฺยา. กํ.)
    15. รุมฺหนิยํ (สี. ปี.)
    16. อุปสุสฺสตุ สรีเร (สี.), สรีเร อวสุสฺสตุ (ก.)
    17. สนฺถานํ (สี. สฺยา. ปี.)
    18. uddiṭṭhassāpi (ka.)
    19. pariyogāya (sī. pī. ka.), pariyogayha (syā. kaṃ.)
    20. rumhaniyaṃ (sī. pī.)
    21. upasussatu sarīre (sī.), sarīre avasussatu (ka.)
    22. santhānaṃ (sī. syā. pī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. กีฎาคิริสุตฺตวณฺณนา • 10. Kīṭāgirisuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑๐. กีฎาคิริสุตฺตวณฺณนา • 10. Kīṭāgirisuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact