Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๑๐. กีฎาคิริสุตฺตวณฺณนา

    10. Kīṭāgirisuttavaṇṇanā

    ๑๗๔. เอวํ เม สุตนฺติ กีฎาคิริสุตฺตํฯ ตตฺถ กาสีสูติ เอวํนามเก ชนปเทฯ เอถ ตุเมฺหปิ, ภิกฺขเวติ เอถ ตุเมฺหปิ, ภิกฺขเว, อิเม ปญฺจ อานิสํเส สมฺปสฺสมานา อญฺญเตฺรว รตฺติโภชนา ภุญฺชถฯ อิติ ภควา รตฺติํ วิกาลโภชนํ, ทิวา วิกาลโภชนนฺติ อิมานิ เทฺว โภชนานิ เอกปฺปหาเรน อชหาเปตฺวา เอกสฺมิํ สมเย ทิวา วิกาลโภชนเมว ชหาเปสิ, ปุน กาลํ อตินาเมตฺวา รตฺติํ วิกาลโภชนํ ชหาเปโนฺต เอวมาหฯ กสฺมา? อิมานิ หิ เทฺว โภชนานิ วตฺตมานานิ วเฎฺฎ อาจิณฺณานิ สมาจิณฺณานิ นทิํ โอติณฺณอุทกํ วิย อนุปกฺขนฺทานิ, นิวาเตสุ จ ฆเรสุ สุโภชนานิ ภุญฺชิตฺวา วฑฺฒิตา สุขุมาลา กุลปุตฺตา เทฺว โภชนานิ เอกปฺปหาเรน ปชหนฺตา กิลมนฺติฯ ตสฺมา เอกปฺปหาเรน อชหาเปตฺวา ภทฺทาลิสุเตฺต ทิวา วิกาลโภชนํ ชหาเปสิ, อิธ รตฺติํ วิกาลโภชนํฯ ชหาเปโนฺต ปน น ตชฺชิตฺวา วา นิคฺคณฺหิตฺวา วา, เตสํ ปหานปจฺจยา ปน อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานิสฺสถาติ เอวํ อานิสํสํ ทเสฺสตฺวาว ชหาเปสิฯ กีฎาคิรีติ ตสฺส นิคมสฺส นามํฯ

    174.Evaṃme sutanti kīṭāgirisuttaṃ. Tattha kāsīsūti evaṃnāmake janapade. Etha tumhepi, bhikkhaveti etha tumhepi, bhikkhave, ime pañca ānisaṃse sampassamānā aññatreva rattibhojanā bhuñjatha. Iti bhagavā rattiṃ vikālabhojanaṃ, divā vikālabhojananti imāni dve bhojanāni ekappahārena ajahāpetvā ekasmiṃ samaye divā vikālabhojanameva jahāpesi, puna kālaṃ atināmetvā rattiṃ vikālabhojanaṃ jahāpento evamāha. Kasmā? Imāni hi dve bhojanāni vattamānāni vaṭṭe āciṇṇāni samāciṇṇāni nadiṃ otiṇṇaudakaṃ viya anupakkhandāni, nivātesu ca gharesu subhojanāni bhuñjitvā vaḍḍhitā sukhumālā kulaputtā dve bhojanāni ekappahārena pajahantā kilamanti. Tasmā ekappahārena ajahāpetvā bhaddālisutte divā vikālabhojanaṃ jahāpesi, idha rattiṃ vikālabhojanaṃ. Jahāpento pana na tajjitvā vā niggaṇhitvā vā, tesaṃ pahānapaccayā pana appābādhatañca sañjānissathāti evaṃ ānisaṃsaṃ dassetvāva jahāpesi. Kīṭāgirīti tassa nigamassa nāmaṃ.

    ๑๗๕. อสฺสชิปุนพฺพสุกาติ อสฺสชิ จ ปุนพฺพสุโก จ ฉสุ ฉพฺพคฺคิเยสุ เทฺว คณาจริยาฯ ปณฺฑุโก โลหิตโก เมตฺติโย ภุมฺมชโก อสฺสชิ ปุนพฺพสุโกติ อิเม ฉ ชนา ฉพฺพคฺคิยา นามฯ เตสุ ปณฺฑุกโลหิตกา อตฺตโน ปริสํ คเหตฺวา สาวตฺถิยํ วสนฺติ, เมตฺติยภุมฺมชกา ราชคเห, อิเม เทฺว ชนา กีฎาคิริสฺมิํ อาวาสิกา โหนฺติฯ อาวาสิกาติ นิพทฺธวาสิโน, ตํนิพนฺธา อกตํ เสนาสนํ กโรนฺติ, ชิณฺณํ ปฎิสงฺขโรนฺติ, กเต อิสฺสรา โหนฺติฯ กาลิกนฺติ อนาคเต กาเล ปตฺตพฺพํ อานิสํสํฯ

    175.Assajipunabbasukāti assaji ca punabbasuko ca chasu chabbaggiyesu dve gaṇācariyā. Paṇḍuko lohitako mettiyo bhummajako assaji punabbasukoti ime cha janā chabbaggiyā nāma. Tesu paṇḍukalohitakā attano parisaṃ gahetvā sāvatthiyaṃ vasanti, mettiyabhummajakā rājagahe, ime dve janā kīṭāgirismiṃ āvāsikā honti. Āvāsikāti nibaddhavāsino, taṃnibandhā akataṃ senāsanaṃ karonti, jiṇṇaṃ paṭisaṅkharonti, kate issarā honti. Kālikanti anāgate kāle pattabbaṃ ānisaṃsaṃ.

    ๑๗๘. มยา เจตํ, ภิกฺขเวติ อิธ กิํ ทเสฺสติ? ภิกฺขเว, ทิวสสฺส ตโย วาเร ภุญฺชิตฺวา สุขเวทนํเยว อุปฺปาเทโนฺต น อิมสฺมิํ สาสเน กิจฺจการี นาม โหติ, เอตฺตกา ปน เวทนา เสวิตพฺพา, เอตฺตกา น เสวิตพฺพาติ เอตมตฺถํ ทเสฺสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิฯ เอวรูปํ สุขเวทนํ ปชหถาติ อิทญฺจ เคหสฺสิตโสมนสฺสวเสน วุตฺตํ, อุปสมฺปชฺช วิหรถาติ อิทญฺจ เนกฺขมฺมสิตโสมนสฺสวเสน ฯ อิโต ปเรสุปิ ทฺวีสุ วาเรสุ เคหสฺสิตเนกฺขมฺมสิตานํเยว โทมนสฺสานญฺจ อุเปกฺขานญฺจ วเสน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    178.Mayā cetaṃ, bhikkhaveti idha kiṃ dasseti? Bhikkhave, divasassa tayo vāre bhuñjitvā sukhavedanaṃyeva uppādento na imasmiṃ sāsane kiccakārī nāma hoti, ettakā pana vedanā sevitabbā, ettakā na sevitabbāti etamatthaṃ dassetuṃ imaṃ desanaṃ ārabhi. Evarūpaṃ sukhavedanaṃ pajahathāti idañca gehassitasomanassavasena vuttaṃ, upasampajja viharathāti idañca nekkhammasitasomanassavasena . Ito paresupi dvīsu vāresu gehassitanekkhammasitānaṃyeva domanassānañca upekkhānañca vasena attho veditabbo.

    ๑๘๑. เอวํ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพเวทนํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ เยสํ อปฺปมาเทน กิจฺจํ กตฺตพฺพํ, เยสญฺจ น กตฺตพฺพํ, เต ทเสฺสตุํ นาหํ, ภิกฺขเว , สเพฺพสํเยวาติอาทิมาหฯ ตตฺถ กตํ เตสํ อปฺปมาเทนาติ เตสํ ยํ อปฺปมาเทน กตฺตพฺพํ, ตํ กตํฯ อนุโลมิกานีติ ปฎิปตฺติอนุโลมานิ กมฺมฎฺฐานสปฺปายานิ, ยตฺถ วสเนฺตน สกฺกา โหนฺติ มคฺคผลานิ ปาปุณิตุํฯ อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมานาติ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ สมานํ กุรุมานาฯ

    181. Evaṃ sevitabbāsevitabbavedanaṃ dassetvā idāni yesaṃ appamādena kiccaṃ kattabbaṃ, yesañca na kattabbaṃ, te dassetuṃ nāhaṃ, bhikkhave, sabbesaṃyevātiādimāha. Tattha kataṃ tesaṃ appamādenāti tesaṃ yaṃ appamādena kattabbaṃ, taṃ kataṃ. Anulomikānīti paṭipattianulomāni kammaṭṭhānasappāyāni, yattha vasantena sakkā honti maggaphalāni pāpuṇituṃ. Indriyānisamannānayamānāti saddhādīni indriyāni samānaṃ kurumānā.

    ๑๘๒. สตฺติเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลาติ อิธ กิํ ทเสฺสติ? เยสํ อปฺปมาเทน กรณียํ นตฺถิ, เต เทฺว โหนฺติฯ เยสํ อตฺถิ, เต ปญฺจาติ เอวํ สเพฺพปิ อิเม สตฺต ปุคฺคลา โหนฺตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ

    182.Sattime, bhikkhave, puggalāti idha kiṃ dasseti? Yesaṃ appamādena karaṇīyaṃ natthi, te dve honti. Yesaṃ atthi, te pañcāti evaṃ sabbepi ime satta puggalā hontīti imamatthaṃ dasseti.

    ตตฺถ อุภโตภาควิมุโตฺตติ ทฺวีหิ ภาเคหิ วิมุโตฺตฯ อรูปสมาปตฺติยา รูปกายโต วิมุโตฺต, มเคฺคน นามกายโตฯ โส จตุนฺนํ อรูปสมาปตฺตีนํ เอเกกโต วุฎฺฐาย สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตานํ จตุนฺนํ, นิโรธา วุฎฺฐาย อรหตฺตํ ปตฺตอนาคามิโน จ วเสน ปญฺจวิโธ โหติฯ ปาฬิ ปเนตฺถ – ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุโตฺต, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล อฎฺฐ วิโมเกฺข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติ (ปุ. ป. ๒๐๘) เอวํ อภิธเมฺม อฎฺฐวิโมกฺขลาภิโน วเสน อาคตาฯ

    Tattha ubhatobhāgavimuttoti dvīhi bhāgehi vimutto. Arūpasamāpattiyā rūpakāyato vimutto, maggena nāmakāyato. So catunnaṃ arūpasamāpattīnaṃ ekekato vuṭṭhāya saṅkhāre sammasitvā arahattaṃ pattānaṃ catunnaṃ, nirodhā vuṭṭhāya arahattaṃ pattaanāgāmino ca vasena pañcavidho hoti. Pāḷi panettha – ‘‘katamo ca puggalo ubhatobhāgavimutto, idhekacco puggalo aṭṭha vimokkhe kāyena phusitvā viharati, paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā hontī’’ti (pu. pa. 208) evaṃ abhidhamme aṭṭhavimokkhalābhino vasena āgatā.

    ปญฺญาวิมุโตฺตติ ปญฺญาย วิมุโตฺตฯ โส สุกฺขวิปสฺสโก, จตูหิ ฌาเนหิ วุฎฺฐาย อรหตฺตํ ปตฺตา จตฺตาโร จาติ อิเมสํ วเสน ปญฺจวิโธว โหติฯ ปาฬิ ปเนตฺถ อฎฺฐวิโมกฺขปฎิเกฺขปวเสเนว อาคตาฯ ยถาห – ‘‘น เหว โข อฎฺฐ วิโมเกฺข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติฯ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปญฺญาวิมุโตฺต’’ติฯ

    Paññāvimuttoti paññāya vimutto. So sukkhavipassako, catūhi jhānehi vuṭṭhāya arahattaṃ pattā cattāro cāti imesaṃ vasena pañcavidhova hoti. Pāḷi panettha aṭṭhavimokkhapaṭikkhepavaseneva āgatā. Yathāha – ‘‘na heva kho aṭṭha vimokkhe kāyena phusitvā viharati, paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā honti. Ayaṃ vuccati puggalo paññāvimutto’’ti.

    ผุฎฺฐนฺตํ สจฺฉิกโรตีติ กายสกฺขีฯ โย ฌานผสฺสํ ปฐมํ ผุสติ, ปจฺฉา นิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรติ, โส โสตาปตฺติผลฎฺฐํ อาทิํ กตฺวา ยาว อรหตฺตมคฺคฎฺฐา ฉพฺพิโธ โหนฺตีติ เวทิตโพฺพฯ เตเนวาห – ‘‘อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล อฎฺฐ วิโมเกฺข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา เอกเจฺจ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติฯ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล กายสกฺขี’’ติฯ

    Phuṭṭhantaṃ sacchikarotīti kāyasakkhī. Yo jhānaphassaṃ paṭhamaṃ phusati, pacchā nirodhaṃ nibbānaṃ sacchikaroti, so sotāpattiphalaṭṭhaṃ ādiṃ katvā yāva arahattamaggaṭṭhā chabbidho hontīti veditabbo. Tenevāha – ‘‘idhekacco puggalo aṭṭha vimokkhe kāyena phusitvā viharati, paññāya cassa disvā ekacce āsavā parikkhīṇā honti. Ayaṃ vuccati puggalo kāyasakkhī’’ti.

    ทิฎฺฐนฺตํ ปโตฺตติ ทิฎฺฐิปฺปโตฺตฯ ตตฺริทํ สเงฺขปลกฺขณํ – ทุกฺขา สงฺขารา, สุโข นิโรโธติ ญาตํ โหติ ทิฎฺฐํ วิทิตํ สจฺฉิกตํ ผุสิตํ ปญฺญายาติ ทิฎฺฐิปฺปโตฺตฯ วิตฺถารโต ปเนโสปิ กายสกฺขิ วิย ฉพฺพิโธ โหติฯ เตเนวาห – ‘‘อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป.… อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ตถาคตปฺปเวทิตา จสฺส ธมฺมา ปญฺญาย โวทิฎฺฐา โหนฺติ โวจริตา…เป.… อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ทิฎฺฐิปฺปโตฺต’’ติ (ปุ. ป. ๒๐๘)ฯ

    Diṭṭhantaṃ pattoti diṭṭhippatto. Tatridaṃ saṅkhepalakkhaṇaṃ – dukkhā saṅkhārā, sukho nirodhoti ñātaṃ hoti diṭṭhaṃ viditaṃ sacchikataṃ phusitaṃ paññāyāti diṭṭhippatto. Vitthārato panesopi kāyasakkhi viya chabbidho hoti. Tenevāha – ‘‘idhekacco puggalo idaṃ dukkhanti yathābhūtaṃ pajānāti…pe… ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadāti yathābhūtaṃ pajānāti, tathāgatappaveditā cassa dhammā paññāya vodiṭṭhā honti vocaritā…pe… ayaṃ vuccati puggalo diṭṭhippatto’’ti (pu. pa. 208).

    สทฺธาวิมุโตฺตติ สทฺธาย วิมุโตฺตฯ โสปิ วุตฺตนเยเนว ฉพฺพิโธ โหติฯ เตเนวาห – ‘‘อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล อิทํ ทุกฺขนฺติ – ยถาภูตํ ปชานาติ…เป.… อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาติ ยถาภูตํ ปชานาติ ฯ ตถาคตปฺปเวทิตา จสฺส ธมฺมา ปญฺญาย โวทิฎฺฐา โหนฺติ โวจริตา…เป.… โน จ โข ยถา ทิฎฺฐิปฺปตฺตสฺสฯ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล สทฺธาวิมุโตฺต’’ติ (ปุ. ป. ๒๐๘)ฯ เอเตสุ หิ สทฺธาวิมุตฺตสฺส ปุพฺพภาคมคฺคกฺขเณ สทฺทหนฺตสฺส วิย โอกเปฺปนฺตสฺส วิย อธิมุจฺจนฺตสฺส วิย จ กิเลสกฺขโย โหติ, ทิฎฺฐิปฺปตฺตสฺส ปุพฺพภาคมคฺคกฺขเณ กิเลสเจฺฉทกญาณํ อทนฺธํ ติขิณํ สูรํ หุตฺวา วหติฯ ตสฺมา ยถา นาม นาติติขิเณน อสินา กทลิํ ฉินฺทนฺตสฺส ฉินฺนฎฺฐานํ น มฎฺฐํ โหติ, อสิ น สีฆํ วหติ, สโทฺท สุยฺยติ, พลวตโร วายาโม กาตโพฺพ โหติ, เอวรูปา สทฺธาวิมุตฺตสฺส ปุพฺพภาคมคฺคภาวนาฯ ยถา ปน นิสิตอสินา กทลิํ ฉินฺทนฺตสฺส ฉินฺนฎฺฐานํ มฎฺฐํ โหติ, อสิ สีฆํ วหติ, สโทฺท น สุยฺยติ, พลววายามกิจฺจํ น โหติ, เอวรูปา ปญฺญาวิมุตฺตสฺส ปุพฺพภาคมคฺคภาวนา เวทิตพฺพาฯ

    Saddhāvimuttoti saddhāya vimutto. Sopi vuttanayeneva chabbidho hoti. Tenevāha – ‘‘idhekacco puggalo idaṃ dukkhanti – yathābhūtaṃ pajānāti…pe… ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadāti yathābhūtaṃ pajānāti . Tathāgatappaveditā cassa dhammā paññāya vodiṭṭhā honti vocaritā…pe… no ca kho yathā diṭṭhippattassa. Ayaṃ vuccati puggalo saddhāvimutto’’ti (pu. pa. 208). Etesu hi saddhāvimuttassa pubbabhāgamaggakkhaṇe saddahantassa viya okappentassa viya adhimuccantassa viya ca kilesakkhayo hoti, diṭṭhippattassa pubbabhāgamaggakkhaṇe kilesacchedakañāṇaṃ adandhaṃ tikhiṇaṃ sūraṃ hutvā vahati. Tasmā yathā nāma nātitikhiṇena asinā kadaliṃ chindantassa chinnaṭṭhānaṃ na maṭṭhaṃ hoti, asi na sīghaṃ vahati, saddo suyyati, balavataro vāyāmo kātabbo hoti, evarūpā saddhāvimuttassa pubbabhāgamaggabhāvanā. Yathā pana nisitaasinā kadaliṃ chindantassa chinnaṭṭhānaṃ maṭṭhaṃ hoti, asi sīghaṃ vahati, saddo na suyyati, balavavāyāmakiccaṃ na hoti, evarūpā paññāvimuttassa pubbabhāgamaggabhāvanā veditabbā.

    ธมฺมํ อนุสฺสรตีติ ธมฺมานุสารีฯ ธโมฺมติ ปญฺญา, ปญฺญาปุพฺพงฺคมํ มคฺคํ ภาเวตีติ อโตฺถฯ สทฺธานุสาริมฺหิ จ เอเสว นโยฯ อุโภ ปเนเต โสตาปตฺติมคฺคฎฺฐาเยวฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ยสฺส ปุคฺคลสฺส โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปนฺนสฺส ปญฺญินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ, ปญฺญาวาหิํ ปญฺญาปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ภาเวติ ฯ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ธมฺมานุสารี’’ติ (ปุ. ป. ๒๐๘)ฯ ตถา – ‘‘ยสฺส ปุคฺคลสฺส โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปนฺนสฺส สทฺธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ, สทฺธาวาหิํ สทฺธาปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ภาเวติฯ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล สทฺธานุสารี’’ติฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถารโต ปเนสา อุภโตภาควิมุตฺตาทิกถา วิสุทฺธิมเคฺค ปญฺญาภาวนาธิกาเร วุตฺตาฯ ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ ยา ปเนสา เอเตสํ วิภาคทสฺสนตฺถํ อิธ ปาฬิ อาคตา, ตตฺถ ยสฺมา รูปสมาปตฺติยา วินา อรูปสมาปตฺติโย นาม นตฺถิ, ตสฺมา อารุปฺปาติ วุเตฺตปิ อฎฺฐ วิโมกฺขา วุตฺตาว โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ

    Dhammaṃ anussaratīti dhammānusārī. Dhammoti paññā, paññāpubbaṅgamaṃ maggaṃ bhāvetīti attho. Saddhānusārimhi ca eseva nayo. Ubho panete sotāpattimaggaṭṭhāyeva. Vuttampi cetaṃ – ‘‘yassa puggalassa sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipannassa paññindriyaṃ adhimattaṃ hoti, paññāvāhiṃ paññāpubbaṅgamaṃ ariyamaggaṃ bhāveti . Ayaṃ vuccati puggalo dhammānusārī’’ti (pu. pa. 208). Tathā – ‘‘yassa puggalassa sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipannassa saddhindriyaṃ adhimattaṃ hoti, saddhāvāhiṃ saddhāpubbaṅgamaṃ ariyamaggaṃ bhāveti. Ayaṃ vuccati puggalo saddhānusārī’’ti. Ayamettha saṅkhepo. Vitthārato panesā ubhatobhāgavimuttādikathā visuddhimagge paññābhāvanādhikāre vuttā. Tasmā tattha vuttanayeneva veditabbā. Yā panesā etesaṃ vibhāgadassanatthaṃ idha pāḷi āgatā, tattha yasmā rūpasamāpattiyā vinā arūpasamāpattiyo nāma natthi, tasmā āruppāti vuttepi aṭṭha vimokkhā vuttāva hontīti veditabbā.

    กาเยน ผุสิตฺวาติ สหชาตนามกาเยน ผุสิตฺวาฯ ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวาติ ปญฺญาย จ เอตสฺส อริยสจฺจธเมฺม ทิสฺวาฯ เอกเจฺจ อาสวาติ ปฐมมคฺคาทีหิ ปหาตพฺพา เอกเทสอาสวาฯ ตถาคตปฺปเวทิตาติ ตถาคเตน ปเวทิตา จตุสจฺจธมฺมาฯ ปญฺญาย โวทิฎฺฐา โหนฺตีติ อิมสฺมิํ ฐาเน สีลํ กถิตํ, อิมสฺมิํ สมาธิ, อิมสฺมิํ วิปสฺสนา, อิมสฺมิํ มโคฺค, อิมสฺมิํ ผลนฺติ เอวํ อเตฺถน อเตฺถ การเณน การเณ จิณฺณจริตตฺตา มคฺคปญฺญาย สุทิฎฺฐา โหนฺติฯ โวจริตาติ วิจริตาฯ สทฺธา นิวิฎฺฐา โหตีติ โอกปฺปนสทฺธา ปติฎฺฐิตา โหติฯ มตฺตโส นิชฺฌานํ ขมนฺตีติ มตฺตาย โอโลกนํ ขมนฺติฯ สทฺธามตฺตนฺติ สทฺธาเยว, อิตรํ ตเสฺสว เววจนํ

    Kāyena phusitvāti sahajātanāmakāyena phusitvā. Paññāya cassa disvāti paññāya ca etassa ariyasaccadhamme disvā. Ekacce āsavāti paṭhamamaggādīhi pahātabbā ekadesaāsavā. Tathāgatappaveditāti tathāgatena paveditā catusaccadhammā. Paññāya vodiṭṭhā hontīti imasmiṃ ṭhāne sīlaṃ kathitaṃ, imasmiṃ samādhi, imasmiṃ vipassanā, imasmiṃ maggo, imasmiṃ phalanti evaṃ atthena atthe kāraṇena kāraṇe ciṇṇacaritattā maggapaññāya sudiṭṭhā honti. Vocaritāti vicaritā. Saddhā niviṭṭhā hotīti okappanasaddhā patiṭṭhitā hoti. Mattaso nijjhānaṃ khamantīti mattāya olokanaṃ khamanti. Saddhāmattanti saddhāyeva, itaraṃ tasseva vevacanaṃ

    อิติ อิเมสุ อปฺปมาเทน กรณีเยสุ ปุคฺคเลสุ ตโย ปฎิวิทฺธมคฺคผลา เสขาฯ เตสุ อนุโลมเสนาสนํ เสวมานา กลฺยาณมิเตฺต ภชมานา อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมานา อนุปุเพฺพน อรหตฺตํ คณฺหนฺติฯ ตสฺมา เตสํ ยถาฐิโตว ปาฬิอโตฺถฯ อวสาเน ปน เทฺว โสตาปตฺติมคฺคสมงฺคิโนฯ เตหิ ตสฺส มคฺคสฺส อนุโลมเสนาสนํ เสวิตํ, กลฺยาณมิตฺตา ภชิตา, อินฺทฺริยานิ สมนฺนานีตานิฯ อุปริ ปน ติณฺณํ มคฺคานํ อตฺถาย เสวมานา ภชมานา สมนฺนานยมานา อนุปุเพฺพน อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺตีติ อยเมตฺถ ปาฬิอโตฺถฯ

    Iti imesu appamādena karaṇīyesu puggalesu tayo paṭividdhamaggaphalā sekhā. Tesu anulomasenāsanaṃ sevamānā kalyāṇamitte bhajamānā indriyāni samannānayamānā anupubbena arahattaṃ gaṇhanti. Tasmā tesaṃ yathāṭhitova pāḷiattho. Avasāne pana dve sotāpattimaggasamaṅgino. Tehi tassa maggassa anulomasenāsanaṃ sevitaṃ, kalyāṇamittā bhajitā, indriyāni samannānītāni. Upari pana tiṇṇaṃ maggānaṃ atthāya sevamānā bhajamānā samannānayamānā anupubbena arahattaṃ pāpuṇissantīti ayamettha pāḷiattho.

    วิตณฺฑวาที ปน อิมเมว ปาฬิํ คเหตฺวา – ‘‘โลกุตฺตรมโคฺค น เอกจิตฺตกฺขณิโก, พหุจิตฺตกฺขณิโก’’ติ วทติฯ โส วตฺตโพฺพ – ‘‘ยทิ อเญฺญน จิเตฺตน เสนาสนํ ปฎิเสวติ, อเญฺญน กลฺยาณมิเตฺต ภชติ, อเญฺญน อินฺทฺริยานิ สมนฺนาเนติ, อญฺญํ มคฺคจิตฺตนฺติ สนฺธาย ตฺวํ ‘น เอกจิตฺตกฺขณิโก มโคฺค, พหุจิตฺตกฺขณิโก’ติ วทสิ, เอวํ สเนฺต เสนาสนํ เสวมาโน นีโลภาสํ ปพฺพตํ ปสฺสติ, วนํ ปสฺสติ, มิคปกฺขีนํ สทฺทํ สุณาติ, ปุปฺผผลานํ คนฺธํ ฆายติ, ปานียํ ปิวโนฺต รสํ สายติ, นิสีทโนฺต นิปชฺชโนฺต ผสฺสํ ผุสติฯ เอวํ เต ปญฺจวิญฺญาณสมงฺคีปิ โลกุตฺตรธมฺมสมงฺคีเยว ภวิสฺสติฯ สเจ ปเนตํ สมฺปฎิจฺฉสิ, สตฺถารา สทฺธิํ ปฎิวิรุชฺฌสิฯ สตฺถารา หิ ปญฺจวิญฺญาณกายา เอกนฺตํ อพฺยากตาว วุตฺตา, ตํสมงฺคิสฺส กุสลากุสลํ ปฎิกฺขิตฺตํ, โลกุตฺตรมโคฺค จ เอกนฺตกุสโลฯ ตสฺมา ปชเหตํ วาท’’นฺติ ปญฺญเปตโพฺพฯ สเจ ปญฺญตฺติํ น อุปคจฺฉติ, ‘‘คจฺฉ ปาโตว วิหารํ ปวิสิตฺวา ยาคุํ ปิวาหี’’ติ อุโยฺยเชตโพฺพฯ

    Vitaṇḍavādī pana imameva pāḷiṃ gahetvā – ‘‘lokuttaramaggo na ekacittakkhaṇiko, bahucittakkhaṇiko’’ti vadati. So vattabbo – ‘‘yadi aññena cittena senāsanaṃ paṭisevati, aññena kalyāṇamitte bhajati, aññena indriyāni samannāneti, aññaṃ maggacittanti sandhāya tvaṃ ‘na ekacittakkhaṇiko maggo, bahucittakkhaṇiko’ti vadasi, evaṃ sante senāsanaṃ sevamāno nīlobhāsaṃ pabbataṃ passati, vanaṃ passati, migapakkhīnaṃ saddaṃ suṇāti, pupphaphalānaṃ gandhaṃ ghāyati, pānīyaṃ pivanto rasaṃ sāyati, nisīdanto nipajjanto phassaṃ phusati. Evaṃ te pañcaviññāṇasamaṅgīpi lokuttaradhammasamaṅgīyeva bhavissati. Sace panetaṃ sampaṭicchasi, satthārā saddhiṃ paṭivirujjhasi. Satthārā hi pañcaviññāṇakāyā ekantaṃ abyākatāva vuttā, taṃsamaṅgissa kusalākusalaṃ paṭikkhittaṃ, lokuttaramaggo ca ekantakusalo. Tasmā pajahetaṃ vāda’’nti paññapetabbo. Sace paññattiṃ na upagacchati, ‘‘gaccha pātova vihāraṃ pavisitvā yāguṃ pivāhī’’ti uyyojetabbo.

    ๑๘๓. นาหํ , ภิกฺขเว, อาทิเกเนวาติ อหํ, ภิกฺขเว, ปฐมเมว มณฺฑูกสฺส อุปฺปติตฺวา คมนํ วิย อญฺญาราธนํ อรหเตฺต ปติฎฺฐานํ น วทามิฯ อนุปุพฺพสิกฺขาติ กรณเตฺถ ปจฺจตฺตวจนํฯ ปรโต ปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ สทฺธาชาโตติ โอกปฺปนิยสทฺธาย ชาตสโทฺธฯ อุปสงฺกมตีติ ครูนํ สมีปํ คจฺฉติฯ ปยิรุปาสตีติ สนฺติเก นิสีทติฯ ธาเรตีติ สาธุกํ กตฺวา ธาเรติฯ ฉโนฺท ชายตีติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉโนฺท ชายติฯ อุสฺสหตีติ วีริยํ กโรติฯ ตุเลตีติ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ ตุลยติฯ ตุลยิตฺวา ปทหตีติ เอวํ ตีรณวิปสฺสนาย ตุลยโนฺต มคฺคปธานํ ปทหติฯ ปหิตโตฺตติ เปสิตจิโตฺตฯ กาเยน เจว ปรมสจฺจนฺติ นามกาเยน นิพฺพานสจฺจํ สจฺฉิกโรติฯ ปญฺญาย จาติ นามกายสมฺปยุตฺตาย มคฺคปญฺญาย ปฎิวิชฺฌติ ปสฺสติฯ

    183.Nāhaṃ, bhikkhave, ādikenevāti ahaṃ, bhikkhave, paṭhamameva maṇḍūkassa uppatitvā gamanaṃ viya aññārādhanaṃ arahatte patiṭṭhānaṃ na vadāmi. Anupubbasikkhāti karaṇatthe paccattavacanaṃ. Parato padadvayepi eseva nayo. Saddhājātoti okappaniyasaddhāya jātasaddho. Upasaṅkamatīti garūnaṃ samīpaṃ gacchati. Payirupāsatīti santike nisīdati. Dhāretīti sādhukaṃ katvā dhāreti. Chando jāyatīti kattukamyatākusalacchando jāyati. Ussahatīti vīriyaṃ karoti. Tuletīti aniccaṃ dukkhaṃ anattāti tulayati. Tulayitvā padahatīti evaṃ tīraṇavipassanāya tulayanto maggapadhānaṃ padahati. Pahitattoti pesitacitto. Kāyena ceva paramasaccanti nāmakāyena nibbānasaccaṃ sacchikaroti. Paññāya cāti nāmakāyasampayuttāya maggapaññāya paṭivijjhati passati.

    อิทานิ ยสฺมา เต สตฺถุ อาคมนํ สุตฺวา ปจฺจุคฺคมนมตฺตมฺปิ น อกํสุ, ตสฺมา เตสํ จริยํ ครหโนฺต สาปิ นาม, ภิกฺขเว, สทฺธา นาโหสีติอาทิมาหฯ ตตฺถ กีวทูเรวิเมติ กิตฺตกํ ทูเร ฐาเนฯ โยชนสตมฺปิ โยชนสหสฺสมฺปิ อปกฺกนฺตาติ วตฺตุํ วฎฺฎติ, น ปน กิญฺจิ อาหฯ จตุปฺปทํ เวยฺยากรณนฺติ จตุสจฺจพฺยากรณํ สนฺธาย วุตฺตํฯ

    Idāni yasmā te satthu āgamanaṃ sutvā paccuggamanamattampi na akaṃsu, tasmā tesaṃ cariyaṃ garahanto sāpi nāma, bhikkhave, saddhā nāhosītiādimāha. Tattha kīvadūrevimeti kittakaṃ dūre ṭhāne. Yojanasatampi yojanasahassampi apakkantāti vattuṃ vaṭṭati, na pana kiñci āha. Catuppadaṃ veyyākaraṇanti catusaccabyākaraṇaṃ sandhāya vuttaṃ.

    ๑๘๔. ยสฺสุทฺทิฎฺฐสฺสาติ ยสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺสฯ โยปิ โส, ภิกฺขเว, สตฺถาติ พาหิรกสตฺถารํ ทเสฺสติฯ เอวรูปีติ เอวํชาติกาฯ ปโณปณวิยาติ ปณวิยา จ โอปณวิยา จ ฯ น อุเปตีติ น โหติฯ กยวิกฺกยกาเล วิย อคฺฆวฑฺฒนหาปนํ น โหตีติ อโตฺถฯ อยํ โคโณ กิํ อคฺฆติ, วีสติ อคฺฆตีติ ภณโนฺต ปณติ นามฯ น วีสติ อคฺฆติ, ทส อคฺฆตีติ ภณโนฺต โอปณติ นามฯ อิทํ ปฎิเสเธโนฺต อาห ‘‘ปโณปณวิยา น อุเปตี’’ติฯ อิทานิ ตํ ปโณปณวิยํ ทเสฺสตุํ เอวญฺจ โน อสฺส, อถ นํ กเรยฺยาม, น จ โน เอวมสฺส, น นํ กเรยฺยามาติ อาหฯ

    184.Yassuddiṭṭhassāti yassa uddiṭṭhassa. Yopiso, bhikkhave, satthāti bāhirakasatthāraṃ dasseti. Evarūpīti evaṃjātikā. Paṇopaṇaviyāti paṇaviyā ca opaṇaviyā ca . Na upetīti na hoti. Kayavikkayakāle viya agghavaḍḍhanahāpanaṃ na hotīti attho. Ayaṃ goṇo kiṃ agghati, vīsati agghatīti bhaṇanto paṇati nāma. Na vīsati agghati, dasa agghatīti bhaṇanto opaṇati nāma. Idaṃ paṭisedhento āha ‘‘paṇopaṇaviyā na upetī’’ti. Idāni taṃ paṇopaṇaviyaṃ dassetuṃ evañca no assa, atha naṃ kareyyāma, na ca no evamassa, na naṃ kareyyāmāti āha.

    กิํ ปน, ภิกฺขเวติ, ภิกฺขเว, ยํ ตถาคโต สพฺพโส อามิเสหิ วิสํสโฎฺฐ วิหรติ, เอวํ วิสํสฎฺฐสฺส สตฺถุโน เอวรูปา ปโณปณวิยา กิํ ยุชฺชิสฺสติ? ปริโยคาหิย วตฺตโตติ ปริโยคาหิตฺวา อุกฺขิปิตฺวา คเหตฺวา วตฺตนฺตสฺสฯ อยมนุธโมฺมติ อยํ สภาโวฯ ชานาติ ภควา, นาหํ ชานามีติ ภควา เอกาสนโภชเน อานิสํสํ ชานาติ, อหํ น ชานามีติ มยิ สทฺธาย ทิวสสฺส ตโย วาเร โภชนํ ปหาย เอกาสนโภชนํ ภุญฺชติฯ รุฬหนียนฺติ โรหนียํฯ โอชวนฺตนฺติ สิเนหวนฺตํฯ กามํ ตโจ จาติ อิมินา จตุรงฺควีริยํ ทเสฺสติฯ เอตฺถ หิ ตโจ เอกํ องฺคํ, นฺหารุ เอกํ, อฎฺฐิ เอกํ, มํสโลหิตํ เอกนฺติ เอวํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยํ อธิฎฺฐหิตฺวา อรหตฺตํ อปฺปตฺวา น วุฎฺฐหิสฺสามีติ เอวํ ปฎิปชฺชตีติ ทเสฺสติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวฯ เทสนํ ปน ภควา เนยฺยปุคฺคลสฺส วเสน อรหตฺตนิกูเฎน นิฎฺฐาเปสีติฯ

    Kiṃ pana, bhikkhaveti, bhikkhave, yaṃ tathāgato sabbaso āmisehi visaṃsaṭṭho viharati, evaṃ visaṃsaṭṭhassa satthuno evarūpā paṇopaṇaviyā kiṃ yujjissati? Pariyogāhiya vattatoti pariyogāhitvā ukkhipitvā gahetvā vattantassa. Ayamanudhammoti ayaṃ sabhāvo. Jānāti bhagavā, nāhaṃ jānāmīti bhagavā ekāsanabhojane ānisaṃsaṃ jānāti, ahaṃ na jānāmīti mayi saddhāya divasassa tayo vāre bhojanaṃ pahāya ekāsanabhojanaṃ bhuñjati. Ruḷahanīyanti rohanīyaṃ. Ojavantanti sinehavantaṃ. Kāmaṃ taco cāti iminā caturaṅgavīriyaṃ dasseti. Ettha hi taco ekaṃ aṅgaṃ, nhāru ekaṃ, aṭṭhi ekaṃ, maṃsalohitaṃ ekanti evaṃ caturaṅgasamannāgataṃ vīriyaṃ adhiṭṭhahitvā arahattaṃ appatvā na vuṭṭhahissāmīti evaṃ paṭipajjatīti dasseti. Sesaṃ sabbattha uttānameva. Desanaṃ pana bhagavā neyyapuggalassa vasena arahattanikūṭena niṭṭhāpesīti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    กีฎาคิริสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kīṭāgirisuttavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ทุติยวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑๐. กีฎาคิริสุตฺตํ • 10. Kīṭāgirisuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑๐. กีฎาคิริสุตฺตวณฺณนา • 10. Kīṭāgirisuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact